วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 2 ตอนที่ 10 กองภูเขาไอเทม (Mountains of Loot)

เล่มที่ 2 ตอนที่ 10  กองภูเขาไอเทม (Mountains of Loot)


หลังจากเขาเสร็จสิ้นการล่าที่  หลุมฝังศพของบัลข่าน, วีด จึงได้นำจอกศักดิ์สิทธิ์มาส่งคืนให้แก่ ซีกัล ในตอนนั้น ซีกัล ได้ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บแล้วและกำลังขุดหาสมุนไพรอยู่
“โอ, ในที่สุดเจ้าก็มา แล้วเควสของข้าเป็นยังไงบ้างล่ะ? เจ้าหามันพบมั๊ย สมบัติที่สาบสูญแห่งเฟรย่า?”
ซีกัล ยิงคำถามเป็นชุดๆให้กับ วีด
“ข้าหามันพบแล้ว  นี่ยังไงล่ะ”
วีด นำจอกศักดิ์สิทธิ์ออกมาแสดงให้ ซีกัล เห็น
“โอววว!  ในที่สุดสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ก็จะได้กลับคืนสูภาคีแห่งเฟรย่า  ขอบคุณมาก  ข้าต้องขอสารภาพเลยว่าข้าไม่ได้คาดหวังอะไรกับเจ้ามากนักในตอนที่เราพบกันเพราะข้าเห็นเจ้ามีระดับทักษะที่ต่ำ  แต่เจ้าก็สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ได้สำเร็จ”
ภารกิจสมบัติที่ถูกขโมยแห่งเฟรย่าประสบความสำเร็จ
ภาคีแห่งเฟรย่าได้รับคำทำนายล่วงหน้าถึงยุคแห่งความโกลาหลที่กำลังจะเข้ามาปกคลุมอีกครั้งหนึ่ง
ด้วยความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตา ทางภาคีได้ชุบเลี้ยงลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์และให้การอบรมเหล่าผู้มีความสามารถเหล่านั้น  บรรดาเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์และนักบวชต่างได้รับมอบหมายให้นำสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกขโมยกลับไป
ซีกัล ได้รับมอบหมายให้มานำจอกศักดิ์สิทธิ์กลับไป ทว่าเขาล้มเหลวในขณะที่ วีด สามารถทำได้สำเร็จ
ท่านได้รับค่าชื่อเสียง 200 (+200 ชื่อเสียง)
เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น!
เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น!
ดังที่คาดการณ์ไว้  รางวัลที่ได้รับมันช่างเป็นคนละระดับกับเควสอื่นเนื่องด้วยมันเป็นเควสที่มาจากวิหาร
ค่าชื่อเสียง 200 กับเลเวลที่เพิ่มขึ้นอีก 2!
แต่ทว่า ซีกัล กลับไม่ยอมรับจอกศักดิ์สิทธิ์ไป
“ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องลำบาก แต่เจ้าช่วยนำจอกศักดิ์สิทธิ์นี้กลับไปส่งมอบแก่ภาคีแห่งเฟรย่าได้หรือไม่?”
“ข้างั้นหรือ?”
“ถูกต้อง แม้ข้าจะสามารถนำมันไปได้เอง  ทว่าข้าสัมผัสได้ถึงสัญญาณบางอย่างที่แสดงถึงการกลับมาของอำนาจแห่งความมืด”
“สัญญาณ… ท่านหมายถึง…”
“นี่เป็นเพียงข่าวลือที่เชื่อถือไม่ได้  แต่ดูเหมือนว่า บัลข่าน กำลังพยายามคลี่คลายความลับของความเป็นอมตะในสงครามครั้งที่แล้ว  มีคำกล่าวอ้างว่าเขากำลังพยายามในการฟื้นคืนชีพและก่อตั้งกองกำลังของเขาขึ้นมาอีกครั้ง  ในขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงตำแหน่งที่ตั้งและขนาดของกองกำลังนั้น  ข้าขอร้องท่าน ได้โปรดนำจอกศักดิ์สิทธิ์กลับคืนสู่ภาคีแห่งเฟรย่าด้วยเถิด! ข้าจะต้องเตรียมพวกพ้องชาวเผ่าวิหคของข้าให้พร้อมสำหรับการโจมตี เราไม่มีเวลาเหลือแล้ว”
*ตริ๊ง!*
เควส: ส่งมอบจอกศักดิ์สิทธิ์
ซีกัล ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถเดินทางไปยังเมืองโซมุเรน(Somuren) ซึ่งภาคีแห่งเฟรย่าตั้งอยู่ได้ด้วยตนเอง
เขาต้องเตรียมการสำหรับการกลับมาของกองทัพอมตะของ บัลข่าน
คุณคือผู้ที่ ซีกัล ให้ความไว้วางใจที่สุด
ความยาก: C
รางวัล: ไม่สามารถระบุได้
ข้อจำกัดของเควส: คุณต้องทำให้สำเร็จภายในระยะเวลาสามเดือน
‘มันเป็นเควสต่อเนื่อง!’
“งานนี้ช่างจำเป็นต่อสันติภาพของทวีปแห่งนี้  จากส่วนลึกของหัวใจข้าไม่สามารถหาคำปฏิเสธใดต่อเควสที่สำคัญนี้  ข้าจะนำสมบัติกลับสู่วิหารให้ได้โดยเร็วที่สุด”
คุณรับเควสนี้
“ขอบใจท่านมาก”
ซีกัล กระพือปีกของเขาอย่างยินดี
ไม่ว่า ซีกัล จะพยายามขนาดไหนที่จะวางท่าทางยิ่งใหญ่มีศักดิ์ศรี  แต่มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาเป็นชนเผ่าวิหคที่น่ารักคนหนึ่งซึงมีลักษณะเซื่องๆ  ในบางครั้ง วีด เองยังต้องเบือนหน้าหนีเพื่อไม่ให้ตัวเองหัวเราะไปกับใบหน้าแบ๊วๆและดวงตาที่ใสปิ๊งของ ซีกัล
เขายังคงมุ่งมั่นที่จะฉกฉวยโอกาสจากการที่ ซีกัล กำลังอารมณ์ดีอยู่นี้  มันจังหวะที่เขาจะได้ใช้ความเชี่ยวชาญของเขาในการยกยอผู้อื่นเพื่อให้ได้รับข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  สัญชาตญาณของ วีด บอกว่าเขาไม่ควรพลาด
“ซีกัล ข้าได้ยินว่าท่านเป็นนักสมุนไพรที่มีชื่อเสียงที่สุดใน ลาเวียส.”
“หืม? อืม ข้าก็มีดีอยู่บ้างเหมือนกันในด้านนี้ล่ะนะ  แม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถหาใครที่ดีไปกว่านี้ได้ในหมู่ชาวเผ่าวิหคนี้ก็ตามที”
ทุกคนต่างชื่นชอบการได้รับการยกย่อง  และมันใช้ได้ผลอย่างดีเยี่ยมกับชาวเผ่าวิหคที่มีสมองเป็นนกเหล่านี้
“งั้นท่านพอจะบอกได้หรือไม่ว่าเราจะทราบความแตกต่างระหว่างสมุนไพรแต่ละชนิดได้อย่างไร?”
“เอ๋? นี่เจ้าอยากจะเรียนรู้หลักการแพทย์พฤษศาสตร์งั้นรึ?”
“ถูกต้อง ข้าต้องการที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่าน ซีกัล จะสามารถสอนให้แก่ข้าได้ ผลสุดท้ายข้าคิดว่าสื่งที่บุคคลยิ่งใหญ่เช่นท่านกระทำจะมีความหมายซุกซ่อนอยู่เป็นแน่ ความจริงก็คือ ข้าต้องการที่จะเดินตามรอยเท้าของท่านเพื่อไปสู่เส้นทางของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่าน”
“ข้าชื่นชมในเส้นทางที่จะต้องการเดิน  และแน่นอนมันเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าจะต้องสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างสมุนไพร  แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือวิธีการที่เจ้าจะถอนพวกมันขึ้นมาจากพื้นดิน  เจ้าจะต้องระมัดระวังไม่ให้รากของมันได้รับความเสียหาย เริ่มจากการเกลี่ยบริเวณพื้นผิวรอบๆอย่างช้าๆและระมัดระวัง”
ทักษะ : คุณได้เรียนรู้ทักษะแพทย์พฤษศาตร์


*********************************


วีด ยังคงล่าต่อไปที่ หลุมฝังศพของบัลข่าน อีกซักพักก่อนที่จะออกเดินทางเพื่อส่งคืนจอกศักดิ์สิทธิ์กลับสู่ภาคีแห่งเฟรย่า เป็นที่น่าเสียดายที่เขาไม่อาจเสร็จสิ้นการล่าที่ ซากปรักหักพัง บาร์ล็อก (Balog’s Ruin), แท่นบูชา กาเอ้ (Gahet’s Holy Place) หรือ อนุสรณ์สถาน เซ็คเมลล์ (Secmail’s Relics) ได้  มันเป็นไม่ได้ที่เขาจะสามารถทำในสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวเพราะบรรดามอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดในสถานที่เหล่านั้กคือ เดธไนท์  ส่วนมอนสเตอร์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น บาร็อกส์, ซัคคิวบัส, บลัดเลดี้ และ บลัด ลอร์ด ล้วนแล้วแต่เป็นมอนสเตอร์ระดับ 400 ขึ้นไปทั้งนั้น  พวกมันแข็งแกร่งเกินไปแม้กระทั่งสำหรับ วีด ก็ตาม
มอนสเตอร์พวกนั้นใช้สัญชาตญาณในการรับรู้ถึงการคงอยู่ของผู้เล่น  ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้วิธีหลบซ่อนและเคลื่อนไหวเพื่อหาจังหวะได้เหมือนตอนที่ใช้กับพวก เดธไนท์  แต่ยังไงเขาก็กำลังคิดที่จะไปจาก ลาเวียส อยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมันมากนัก
“ยินดีต้อนรับ , มนุษย์!”
เจ้าของร้านขายของชำเป็นชาวเผ่าวิหคที่ วีด รู้จักเป็นอย่างดี  แต่ วีด ยังคงได้รับการปฏิบัติเหมือนกับคนแปลกหน้าอันเนื่องมาจากความทรงจำที่แสนจะสั้นเป็นพิเศษของพวกชาวเผ่าวิหค
“ข้าต้องการซื้อ ขนนกไร้น้ำหนัก (Feathers of Lightness) 200 ชิ้น และ ผลไม้แห่งสรวงสวรรค์ (Fruits of Heaven) จำนวน 100 ผล”
เจ้าของร้านรู้สึกประหลาดใจ
“โอว, นี่มันค่อนข้างแพงเอาการเลยนะหากเจ้าซื้อมันทั้งหมด  เจ้าไหวแน่นะ?”
เนื่องด้วยชาวเผ่าวิหคไม่ค่อยมีผู้แวะเวียนมามากนัก  ไอเท็มที่ขายจึงมีราคาสูงเกินจริงเสมอ  ไอเท็มธรรมดาๆที่ขายในร้านขายของชำทั่วไปมีราคาแพงสูงกว่าอย่างน้อยสี่เท่าของที่ขายในป้อมปราการแห่งเซราบอร์ก (Citadel of Serabourg) แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอาวุธที่มีความสามารถที่ดีและเหมาะสมกับราคาวางขายหรอกนะ  เพียงแต่ วีด ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอาวุธเหล่านั้นได้เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อชาวเผ่าวิหค
แต่ก็ยังคงมีไอเท็มผูกขาดบางอย่างที่หาได้เฉพาะที่ ลาเวียส เท่านั้นและ ขนนกไร้น้ำหนักกับผลไม้แห่งสรวงสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในของเหล่านั้น
ขนนกไร้น้ำหนัก :
ความคงทน: 1
จำนวนครั้งที่สามารถใช้ได้: 1
ทำให้ร่างกายเบาประดุจขนนก ลดความเสียหายที่จะได้รับยามที่ตกลงสู่พื้นดิน
ราคา : 50 เหรียญเงิน

ผลไม้แห่งสรวงสวรรค์ :
ราคา: 15 เหรียญเงิน
ผลไม้หวานที่เพาะปลูกได้เฉพาะใน ลาเวียส
สามารถใช้ได้ภายใน 6 เดือนหลังการเก็บเกี่ยว
ช่วยเพิ่มความฉลาดและโชคในระดับสูงเมื่อใช้ในการปรุงอาหาร

“อืม… ราคาทั้งหมดเป็น 250 เหรียญทอง, แต่สำหรับเจ้า ข้าคิดแค่  235 เหรียญเงิน ขอบคุณที่มาอุดหนุน!”
นี่คือพลังแห่งชื่อเสียง!
วีด ได้ก้าวไปสู่ระดับความมีชื่อเสียงเกินกว่า  1,200 จากการที่เขาค้นพบดันเจี้ยนใหม่และสามารถจบแผนที่นั้นได้  นั่นเองที่ทำให้แม้กระทั่งทัศนคติของเจ้าของร้านที่มีต่อเขายังเปลี่ยนไป
“มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการอีกไหม?”
“ข้าอยากได้ไข่ของชาวเผ่าวิหคจะได้ไหม?”
“ไข่ของพวกเรา? เจ้าจะเอาไปทำอะไร?”
ไข่ของชาวเผ่าวิหคถูกเก็บรักษาและฟักในพื้นที่ที่แยกเฉพาะออกมาอันเป็นผลมาจากการวางไข่จำนวนมหาศาลของชาวเผ่าวิหคเหล่านี้  ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือมีชาวเผ่าวิหควางไข่อยู่ทุกๆวัน ปริมาณของมันจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประเมินได้  ชาวเผ่าวิหคที่เพิ่งถูกฟักออกมาดูไม่แตกต่างจากนกทั่วไป  จนกระทั่งเมื่อระดับถึง 10 พวกเขาจะเริ่มปรากฎรูปร่างเฉพาะของชาวเผ่าวิหค  และเมื่อถึงระดับ 30 พวกเขาจะเริ่มสามารถพูดและได้รับความฉลาดที่เพิ่มสูงขึ้นจนกระทั่งสามารถย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองได้
“ข้าหลงรักในธรรมชาติเช่นเดียวกับที่ชาวเผ่าวิหครัก  และไม่เคยได้สัมผัสกับเผ่าพันธุ์อันยิ่งใหญ่ ถ้ามีโอกาสข้าก็อยากที่จะได้รับการยอมรับให้เป็นพ่อของพวกเค้า”
จากคำพูดนั้นส่งผลให้ วีด ได้รับใข่ชาวเผ่าวิหคจำนวน 300 ใบ
เขาสามารถรู้สึกได้ถึงเสียงท้องร้องของเขาเวลาที่เขามองดูมัน  ไม่มีอะไรต้องพูด วีด ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะเลี้ยงพวกมันขึ้นมา
ชั้นจะได้รับรางวัลอะไรรึเปล่านะ ถ้าชั้นนำพวกมันกลับคืนสู่พ่อแม่ที่แท้จริงของพวกมัน?
โชคร้ายที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น  เผ่าวิหคไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับลูกหลานของพวกมัน  ไม่ว่าเขาจะนำมันไปคืนให้ใคร ก็จะไม่มีผู้ใดให้รางวัลใดกับ วีด จึงตัดสินใจใช้ไข่พวกนั้นทำอาหารแล้วกินมัน  ไข่พวกนั้นไม่ใช่แค่อร่อยแต่มันยังให้การเพิ่มขึ้นของพลังชีวิตและมานาที่ 500 และได้พัฒนาทักษะการทำอาหารไปอีก 2%
ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่ วีด ต้องแวะไปเยี่ยมเยียนนั่นก็คือ ศูนย์ฝึกสำหรับผู้เริ่มต้น (The Beginner Training Hall) มันเป็นสิ่งที่เขายังทำมันค้างไว้ และเขาไม่สามารถทำเป็นไม่สนใจกับมันได้
ชั้นจะต้องทำให้สำเร็จในครั้งนี้
วีด เหวี่ยงประตูและเข้าไปในศูนย์ฝึกอบรม
“ยินดีต้อนรับ!”
ชาวเผ่าวิหคที่ดูเหมือนไก่ตัวผู้กล่าวต้อนรับ วีด อย่างยินดี  ด้วยลำตัวที่ล่ำหนาและขาที่แข็งแกร่งส่งผลให้ครูฝึกดูเป็นชาวเผ่าวิหคที่ประหลาดผู้หนึ่ง แต่เมื่อเขาจำ วีด ได้รอยยิ้มก็เริ่มจางหายไปและถูกทดแทนด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม
“ข้าเห็นได้จากแววตาของเจ้าถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มสูงขึ้น  แต่ข้าก็ยังขอเตือนเจ้าอีกครั้งหนึ่ง  เจ้าจะต้องตายหากเจ้าล้มเหลว  เจ้ายังจะรับการทดสอบนี้หรือไม่?”
“ถูกต้อง”
เมื่อไม่สามารถต่อต้านถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากความสำเร็จในการทดสอบครั้งนี้ได้ วีด เลือกที่จะท้าทายมันโดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น  ครูฝึกนำเขาไปสู่ทางเข้าอันมืดมิดเช่นเดียวกับทางเดินสีดำซึ่งไม่สามารถแม้แต่จะมองเห็นมือและเท้าของตัวเอง  ณ ที่นี้ เป็นที่ซึ่งจะสามารถมีชีวิตรอดได้โดยอาศัยเพียงประสาทสัมผัสในด้าน กลิ่น เสียง และสัมผัสเท่านั้น
“หากเจ้าล้มเหลวในครั้งนี้ , ข้าจะไม่เข้ามาช่วยเหลือเจ้า ซึ่งในกรณีนั้น เจ้าคงจะต้องเสียชีวิต  และหากเจ้าต้องการที่จะทิ้งคำสั่งเสียใดไว้  ข้าย่อมยินดีจะรับมันไว้เพื่อเจ้า”
“ถ้าท่านต้องการคำสั่งเสียจากข้า , ข้าจะบอกมันกับท่านในยามที่ข้ากลับออกมาก็แล้วกัน”
“ช่างทะเยอทะยานนัก , เอาล่ะ เจ้าเข้าไปข้างในได้แล้ว”
วีด เข้าไปในอุโมงค์อันมืดมิดพร้อมด้วยดาบในมือ  แต่เขาเดินไปได้ไม่ไกลนัก ก็ …
*ฟุ่บ!*
เขาได้ยินเสียงของอาวุธที่บินมาอย่างชัดเจน, วีด หลบด้วยสัญชาตญาณตามเสียงที่ได้ยินและทำการตอบโต้กลับไป
*เคร้ง!*
เสียงปะทะกันของโลหะกับ ปฏิกิริยาตอบโต้ที่รวดเร็วของข้อมือ และกระแสอากาศที่ไหลเวียน
ประกายไฟแลบแปลบปลาบในทุกๆครั้งที่ฟาดฟันดาบช่วยให้แสงสว่างชั่วครู่แก่ทางเดินอันมืดมิด  วีด กำลังประสบความยากลำบากในการมองเห็นร่างกายของคู่ต่อสู้ของเขาอย่างคลุมเครือ , ความมืดมิดที่ปกคลุมอยู่ทำให้เขาจมอยู่ในความหวาดกลัวราวกับสายลมกำลังฉีกกระชากร่าง  แม้เลเวลของ วีด จะเพิ่มสูงขึ้น  แต่ความสามารถของสตีลบาร์บาร์เรียน ( Steel Barbarian) ก็เพิ่มสูงขึ้นเพื่อให้ทัดเทียมกับเขาเช่นกัน  การโจมตีประสานของพวกมันสามารถซ่อนจุดอ่อนและเสริมจุดแข็งของกันและกันได้เป็นอย่างดี  การโจมตีที่ต่อเนื่องพวกนั้นไม่เหลือเวลาให้เขาคิดอะไรรวมถึงบีบให้เขาตกเป็นฝ่ายตั้งรับสถานเดียว
หลบ , หลบไม่พ้น, โจมตี, พลาด
ทันทีที่เขาเลือกที่จะเคลื่อนไหวไปในทางใด เขาจะถูกบังคับให้ต้องเลือกอีกทางหนึ่ง  ศัตรูทำการจู่โจมอย่างไม่รู้จักจบสิ้น แขนขาขยับราวสายฟ้า  หลังจากที่เขาเอาชนะความกลัวที่เกิดขึ้นได้ ผลจากการฝึกฝนก็เริ่มแสดงผล  ร่างกายของเขาเริ่มที่จะขยับเคลื่อนไหวไปเอง เขาปัดป้องอาวุธ  หลบ และสวนกลับการโจมตีที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น  ในความเป็นจริงเขายกระดับตนเองไปถึงจุดที่ในบางโอกาสเขาสามารถรับการโจมตีที่เข้ามาโดยที่ยังมีมือว่างอยู่ได้ด้วยซ้ำ
วีด กำลังนึกถึงความรู้สึกตอนที่รับมือกับบอลน้ำ แน่นอนว่าครั้งนี้มันอันตรายกว่ามาก และความเร็วของ สตีลบาร์บาร์เรียน พวกนั้นก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก  แต่เมื่อเขาเริ่มคุ้นเคยกับมัน ส่วนที่เหลือก็เริ่มง่ายขึ้น …
รูปแบบ  การเคลื่อนไหวของพวกมันมีรูปแบบ  ชั้นต้องหาลำดับขั้นการเคลื่อนไหวนั่นให้ได้อย่างแม่นยำ
วีด เริ่มที่จะปรับรูปแบบการเคลื่อนไหวของเขาให้เข้ากับการโจมตีของ สตีลบาร์บาร์เรียน ได้อย่างสมบูรณ์
น้ำ, ชั้นต้องทำตัวให้ลื่นไหลเหมือนสายน้ำ
การปรับเคลื่อนไหวให้เข้ากับ สตีลบาร์บาร์เรียน ช่วยให้ วีด วิวัฒนาการตนเองจากการตั้งรับดุจกำแพงอันแข็งแกร่งไปสู่การโจมตีอันเปรียบได้กับน้ำวน  ยิ่งสู้กันเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมา  โลหิตของเขาสูบฉีดอย่างพลุ่งหล่าน  ความแข็งแกร่งของเขาเริ่มที่จะทำลายพวกมันได้ทีละตัว
*แกร็ก! ฟุ่บ!*
เขาไม่เกรงกลัวสตีลบาร์บาร์เรียนอีกต่อไป มันไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขาอีกแล้ว
ภายในระยะเวลา 30 นาที วีด สามารถจัดการบรรดา สตีลบาร์บาร์เรียนทั้ง 100 ตัวได้ทั้งหมด  เขาล้มลงไปกับพื้นหลังจากที่เขาทำมันได้สำเร็จ หน้าอกของของสั่นเทาจากอาการเหนื่อยล้า
“… ฮ่าห์” เขาอ้าปากเพื่อช่วยในการหายใจและพยายามที่จะเคลื่อนไหว ทว่ากล้ามเนื้อที่เจ็บปวดของเขาทำให้เขาไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้  หัวใจของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่ง และ ความแข็งแกร่งของเขาได้ลดลงจนเข้าสู่ระดับอันตราย  เขารู้สึกเจ็บปวดราวกับมีตัวอะไรมากัดกินกระเพาะของเขา
ในทางเดินอันมืดมิดได้มีแสงไฟขึ้นพร้อมกับการปรากฎของครูฝึกที่ดูเหมือนไก่ผู้นั้น
ใบหน้าของครูฝึกสั่นไหวด้วยความประหลาดใจในยามที่เขาเพ่งมองซากที่เหลืออยู่ของสตีลบาร์บาร์เรียน
“น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เจ้าเป็นคนแรกที่สามารถผ่านการทดสอบได้ในการพยายามครั้งที่ 2”
วีด ลุกขึ้นยืนด้วยอาการโงนเงน และจำเป็นต้องอาศัยปีกของครูฝึกในการช่วยเหลือการทรงตัว
“ข้าผ่านการทดสอบของศูนย์ฝึกสำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่?”
“แน่นอน!”
“ถ้ามันไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากนัก  ท่านสามารถเปิดเผยแก่ข้าได้หรือไม่ว่ามีผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบนี้ได้ก่อนข้าเป็นจำนวนเท่าไร?”
“สำหรับที่นี่ เจ้าเป็นคนแรก แต่ถ้าเจ้าถามถึงทั่วทั้งทวีปแล้วล่ะก็  เจ้าเป็นคนที่ 400 โดยประมาณ”
มีคนประมาณ 3,800 คนที่สามารถผ่านการทดสอบที่ ศูนย์ฝึกอบรมขั้นพิ้นฐาน ( Basic Training Hall) พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่ทำการเพิ่มค่าสถานะของตนเองโดยการไล่ตีหุ่นไล่กาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งเดือน
มันเป็นจำนวนที่น่าประทับใจยิ่งนักเมื่อคิดถึงความมุ่งมั่นที่คนๆหนึ่งจะต้องใช้ในการทำมันให้สำเร็จ  นั่นยิ่งทำให้จำนวนของผู้ที่ผ่านการทดสอบของ ศูนย์ฝึกอบรมผู้เริ่มต้นน้อยลงไปอีกอย่างมีนัยยะ  สาเหตุที่เป็นไปได้หนึ่งข้อหนึ่งจะเกิดจากการที่พวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถหาศูนย์ฝึกอบรมผู้เริ่มต้นได้  แต่สาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดน่าจะเกิดจากความยากของการทดสอบมากกว่า
การจะผ่านการทดสอบที่ศูนย์ฝึกอบรมสำหรับผู้เริ่มต้น จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการต่อสู้กับศัตรูหมู่มาก แทนที่จะใช้ความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียวในการไล่ตีหุ่นไล่กาเป็นเวลาต่อเนื่องหนึ่งเดือน
และไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำมันได้
หลังจากประสบความล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง มีเพียงไม่กี่คนที่ยังคงพยายามต่อไปแม้จะต้องตายไปหลายสิบครั้ง  นี่เป็นปริมาณของความพยายามที่ต้องใช้ในการผ่านการฝึกที่ศูนย์ฝึกอบรมผู้เริ่มต้นนี้
และแน่น่อน รางวัลที่ได้รับย่อมเหมาะสมกับระดับความยากและความเสี่ยงที่สุดแสนสาหัสนี้
“เจ้ามีศักยภาพที่จะเป็นนักสู้ที่แท้จริง  เจ้าคิดที่จะละทิ้งอาชีพที่ไร้ประโยชน์ของเจ้าเพื่อกลายเป็นมาสเตอร์ไฟท์เตอร์ (Master Fighter) หรือไม่? เจ้าจะสามารถใช้อาวุธได้ทุกชนิด หมัดและเท้าของเจ้าจะมีพลังทำลายที่สูงขึ้น  นี่เป็นอาชีพลับของของผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้”
*ตริ๊ง!*
คุณสามารถที่จะเปลี่ยนอาชีพของคุณเป็นอาชีพลับ ‘มาสเตอร์ไฟท์เตอร์’
คุณจะสามารถใช้ทักษะพิเศษของสายอาชีพนี้ได้
คุณจะสามารถเพิ่มความชำนาญในการใช้อาวุธขึ้นไปอีก  พลังโจมตีและพลังกายของคุณจะเพิ่มขึ้น คุณต้องการที่จะเปลี่ยนอาชีพหรือไม่? หากคุณตัดสินเปลี่ยนอาชีพ  คุณจะสูญเสียอาชีพลับ ‘ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน’ ไปโดยอัตโนมัติ.
เฉพาะผู้ที่มีความเข้าใจในศาสตร์แห่งการต่อสู้อย่างลึกซึ้งเท่านั้นจึงจะสามารถผ่านศูนย์ฝึกอบรมผู้เริ่มต้นได้  อัศวิน, นักธนู หรือสายอาชีพอื่นๆ อาจสามารถเพิ่มระดับเลเวลของพวกเขาได้โดยใช้ความชำนาญในอาวุธของพวกเขา ทว่าการที่สามารถใช้อาวุธได้ทุกชนิดและสามารถเปลี่ยนมันได้ตลอดเวลาการต่อสู้ย่อมสามารถสร้างข้อได้เปรียบได้อย่างมากมาย
ใช้ธนูสำหรับการโจมตีระยะไกล, ใช้หอกยามเผชิญหน้ากับทหารม้า, สามารถกวัดแกว่งขวานอย่างทรงพลัง  ทั้งหมดนี้มากองอยู่แทบเท้าของเขา
ความรุนแรงในการโจมตีและกำลังกายของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าสายอาชีพอื่นๆ
มาสเตอร์ไฟท์เตอร์
นี่เป็นรางวัลที่ถูกมอบให้เฉพาะผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบที่ศูนย์ฝึกอบรมผู้เริ่มต้น  เกือบทุกคนย่อมเลือกที่จะเปลี่ยนสายอาชีพมาสเตอร์ไฟท์เตอร์โดยไม่ลังเลใจ
แต่…
วีด ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดถึงคำตอบของเขาในเรื่องนี้  แม้ว่าเขาจะได้รับอาชีพ ประติมากรแสงจันทร์ มาโดยไม่ได้ตั้งใจ และมีความเสียใจเป็นอย่างมากในตอนแรก  แต่ทั้งหมดนั้นเป็นอดีตไปแล้ว
เสน่ห์และข้อได้เปรียบที่ถูกซ่อนเอาไว้ของอาชีพประติมากรสร้างแรงดึงดูดแก่เขา  แม้เขาจะไม่ล่วงรู้ว่าอาชีพ มาสเตอร์ไฟท์เตอร์มีความแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ปณิธานของเขาจะไม่สั่นคลอน
“ข้าต้องการรักษาอาชีพของข้าในตอนนี้เอาไว้”
คุณได้ปฏิเสธข้อเสนอในการเปลี่ยนอาชีพ
ใบหน้าของครูฝึกแสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง
“อย่างไรก็ดี จากผลงานในการต่อสู้ของเจ้ามีรางวัลอีกอย่างที่เจ้าจะได้รับ” ครูฝึกกล่าวต่อไป, “เจ้าได้รับโอกาสในการสร้างทักษะ  ทักษะจะถูกสร้างขึ้นมาตามการกระทำของเจ้า จงทำตามที่ใจเจ้าปรารถนาเถิด”
วีด จมลงสู่ห้วงภวังค์แห่งความคิด  ทักษะมันไม่ใช่อะไรที่จะสามารถได้มาด้วยความพยายามเพียงอย่างเดียว  และนี่เป็นโอกาสที่เขาไม่อาจพลาด
ทักษะอะไรล่ะที่ชั้นต้องการ?
การต่อสู้โดยใช้ดาบงั้นเหรอ?  เขาไม่ต้องการมัน เขายังไม่สามารถใช้ทักษะดาบที่มีอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ด้วยซ้ำ
หรือจะเป็นท่าเท้า? เขาใช้การย่างก้าวแบบพิเศษก็เฉพาะในยามที่เขาต้องการจะลดระยะห่างระหว่างเขากับคู่ต่อสู้ที่อยู่ระยะไกลเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นการใช้หลบเวทมนต์ที่ถูกยิงมา  สัญชาตญาณของเขามันเหลือเฟือที่จะใช้รับมือกับเรื่องพวกนี้  ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการทักษะประเภทนี้
แน่นอน หากพบคู่ต่อสู้ที่มีทักษะระดับสูง เขาอาจจำเป็นต้องใช้ท่าเท้าเข้าช่วย แต่เขาก็สามารถชดเชยมันด้วยทักษะอื่นได้อยู่ดี
เวทมนต์? เขาไม่สามารถเรียนรู้มันได้ในขณะนี้  แต่เมื่อค่าความฉลาดของเขาสูงเกิน 300 ตอนนั้นเขาจะสามารถเรียนรู้เวทมนต์ได้ไม่ว่าเขาจะมีอาชีพอะไรก็ตาม  นี่มันเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาในอนาคตอันไกล
เวทมนต์ศักดิ์สิทธิ์? เขาไม่ต้องเสียเวลคิดด้วยซ้ำในข้อนี้  หลังจากคิดหนักอยู่นาน เขาตัดสินใจที่จะใช้วิธีการสุ่ม
ไม่ว่าชั้นจะทำอะไร มันจะสุ่มสิ่งที่เหมาะสมออกมาให้สินะ
เขาสามารถที่จะทำอะไรก็ได้  แต่เมื่อมาถึงจุดที่ต้องลงมือทำ เขากลับคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงกับมันดี วีด ยืนอยู่นิ่งๆไม่เคลื่อนไหวในขณะเดียวกับที่ครูฝึกจ้องมองเขาอยู่
ทันใดนั้นเอง วีด กลับรู้สึกสับสนในตัวเอง ยิ่งคิดว่าเขากำลังจะจาก ลาเวียส ไป ภาพความทรงจำที่เขาใช้เวลากับ ดาอิน พลันท่วมท้นขึ้นมาในความคิด  พื้นที่ที่พวกเขาเคยออกล่าด้วยกัน บรรดามอนสเตอร์ที่พวกเขาร่วมกันต่อสู้ไม่ว่าจะเป็น สเกเลตันไนท์, สเกเลตันเมจ, โซลเจอร์, ดูลาฮาน, เดธไนท์ และสปิริต  สิ่งเหล่านี้จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยที่ไม่อาจหวนคืนกลับมา
เธออาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้  เขายังคงรู้สึกเสียใจที่เขาไม่ได้บอกลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย
“อ๊ากกก…” ริมฝีปากของ วีด  เปิดขึ้นพร้อมด้วยเสียงเล็กๆที่เล็ดรอดออกมา   เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเสียงตะโกนซึ่งดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”
นี่เป็นเสียงแห่งการร่ำลาแก่ชาวเผ่าวิหคและความทรงจำที่เขามีต่อ ดาอิน  อารมณ์ความรู้สึกที่เขาอดกลั้นไว้ถูกระเบิดออกมาด้วยเสียงร้องที่โหยหวนชวนทุกข์ทรมาน
*ตริ๊ง!*
คุณได้เรียนรู้ทักษะใหม่: ราชสีห์คำราม (Lion’s Roar)
มันเป็นเสียงตะโกนราวกับฟ้าร้องที่สะเทือนไปถึงสรวงสวรรค์  มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของนักสู้
คุณสมบัติ :
จิตวิญญาณนักสู้ของกองทัพฝ่ายพันธมิตรเพิ่มขึ้น 200%.
เพิ่มสถานะสับสนแก่กองทัพฝ่ายศัตรู
เพิ่มบารมีให้แก่สถานะผู้นำเป็นการชั่วคราว


********************************

หมู่บ้าน บารัน ได้รับผลประโยชน์จากความพ่ายแพ้ของลิซาร์ดแมน (Lizardman) ผลจากการเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความอุดมสมบูรณ์และความสวยงามของรูปปั้นเทพธิดาเฟรย่าช่วยดึงดูดการมาเยือนของชนชั้นสูงและพ่อค้าจากแดนไกล  อาจเป็นเพราะพรที่ได้จากรูปปั้น  เมืองจึงไม่พบกับการบุกรุกจากมอนสเตอร์อีก  นี่เป็นอีกหัวข้อที่บรรดาชนชั้นสูงเหล่านั้นคงจะต้องพูดคุยอย่างตื่นเต้นเมื่อกลับถึงเมืองของพวกเขา
มีรอยจารึกขนาดเล็กอยู่บริเวณเท้าของรูปปั้นซึ่งไร้สาระมาก
“ชั้นคิดว่านี่ผลงานแกะสลักระดับต่ำ  ได้แต่หวังว่าผลผลิตที่ได้จากรูปปั้นแห่งเฟรย่าแห่งนี้จะเป็นที่ยอมรับจากทุกคนและรับรู้ถึงความงดงามของมัน”
หมู่บ้าน บารัน นั้นเดิมทีเป็นเพียงเมืองเล็กๆที่ได้ได้รับการอุปถัมภ์จากชนชั้นสูง, พระราชา และเหล่าพ่อค้าเท่านั้น  แต่เมื่อผู้เล่นมาทำการล่าบริเวณใกล้เคียงโรเซนไฮม์เพิ่มขึ้น  การอพยพไปทางใต้เพื่อค้นหาพื้นที่ล่าและแหล่งผจญภัยใหม่ๆช่วยส่งผลให้ประชากรของเมืองนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้วยแหล่งดันเจี้ยนบริเวณใกล้เคียงที่มากมายประกอบกับการได้รับการฟื้นฟูกำลังกายและพลังเวทถึง 15% ตลอดทั้งวันสำหรับผู้ที่เข้ามาสักการะรูปปั้นเทพธิดาแห่งเฟรย่านั้นเองที่เป็นปัจจัยหลักในการดึงดูดประชากรใหม่ๆให้เข้ามายังที่นี้
“รูปปั้นอันยิ่งใหญ่นี่ ใช่อยู่ที่นี่มาแต่แรกรึเปล่า?”
“ใครเป็นผู้สร้างสรรค์มันขึ้นมา?” บรรดาผู้คนต่างแปลกใจและทึ่งไปกับรูปปั้น  มีข่าวลือแพร่สะพัดออกไปว่าประติมากรผู้ลึกลับคนนั้นอยู่ในกองกำลังกวาดล้าง (Punitive force) ที่ช่วยเหลือปลดปล่อยหมู่บ้าน บารัน ให้เป็นอิสระ
วีด กลายเป็นคนดังไปในพริบตา
รอยยิ้มอันบริสุทธิ์และพักตร์อันสดใสราวน้ำค้างยามเช้าช่างงามจับใจผู้คนยิ่งนัก พวกเขาไม่สามารถทนได้หากไม่ได้เห็นรูปปั้นอย่างน้อยวันละครั้ง  จตุรัสรอบรูปปั้นเต็มไปด้วยพ่อค้าเร่ขายของ และนักเดินทางที่มาชื่นชมความงามของรูปปั้น
“ขายอาวุธที่มาจากป้อมปราการเซราบอร์ค (Citadel of Serabourg) ในราถูกๆ เพียงแค่ราคาทุนบวกค่าขนส่งนิดหน่อย”
“รับซื้อไอเท็มจำนวนมาก  ข้าจะจ่ายให้สูงกว่าราคาร้านค้าปลีกทั่วไป 10%”
“ต้องการไฟเตอร์เลเวลสูงกว่า 100 เพื่อไปล่า ซาลาแมนเดอร์ (Salamanders) และ แวร์วูลฟ์ (Warewolves) หรือจะเป็นอาชีพ โรก (Rogue) หรือ นักฆ่า(Assasin) ก็ไม่เกี่ยง!”
“ต้องการหากลุ่มเพิ่อจะไปล่ายังหุบเขาชาลูแพน หรือใครก็ได้ที่สามารถนำทางข้าไปถึงที่นั่นได้  ข้าเป็น แรนเจอร์ (Ranger) เลเวล 120”
“รับข้าเข้ากลุ่มด้วย!  ข้าเพิ่งมายังเมือง บารัน เป็นครั้งแรก  ข้ามีอาชีพ บาร์ท (Bard) ข้าจะร้องเพลงอันไพเราะให้ฟังตลอดการต่อสู้ของท่าน”
ท่ามกลางเสียงอึกทึกและจตุรัสที่แออัด  จู่ๆความเงียบก็แผ่ขยายออกไปทั่วบริเวณ  สาเหตุนั้นเกิดมาจากพ่อค้าคนหนึ่งที่ชื่อ เมแพน (Mapan)
เขาเป็นพ่อค้าที่มีระดับ 70  แม้ระดับจะไม่สูงมากแต่โดยส่วนมากแล้วเขาดำเนินการขนส่งไอเท็มเป็นระยะทางไกลจากป้อมปราการเซราบอร์ก หรือเมืองใหญ่ใกล้เคียงมาสู่เมืองที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอย่าง บารัน ซึ่งมีความต้องการในทรัพยากรเป็นอย่างสูงทำให้บรรดาลูกค้ามารุมล้อมเขาในทันทีที่เขามาถึง
เมแพน ทำงานหาเงินอย่างหนัก ด้วยความใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นผู้มีอำนาจปกครองในราชอาณาจักรโรเซนไฮม์  มีเพียงพ่อค้าอย่างเขาเท่านั้นที่จะสามารถเสพความสุขในการเห็นตนเองเก็บเงินได้ทีละน้อย ทีละน้อย  เมแพน เข็นรถเข็นขายของของเขาไปยังมุมๆหนึ่งหลังจากที่ทำการขายไอเท็มของเขาจนหมดเพื่อทำการยืดเส้นยืดสาย พร้อมกับมองไปยังท้องฟ้า
มีบางอย่างกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า
“หะ…หา? นั่น…”
สิ่งนั้นปรากฎว่าเป็นคน
“คน , คนกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า!” เมแพน ตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมทั้งชี้ไปยังท้องฟ้า
“นั่นเขากำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ?” หลายคนไม่สนใจเพราะคิดว่ามันไร้สาระ  แต่ก็มีบางคนเงยหน้าขึ้นไปมองตามที่ เมแพน ชี้
มีใครคนนึงกำลังตกลงมาจากฟ้าจริงๆ  ใครคนนั้นถือถุงขนาดยักษ์อยู่ 9 ถุงอยู่ด้านบน กำลังพุ่งเข้ากระแทกพื้นดินด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ!
“เฮ้ย!”
“ตัวใครตัวมันโว๊ย!”
ในช่วงเวลานั้นเองที่จตุรัสตกอยู่ในความโกลาหล

******************************************

ฟิ้วววว!
หูของ วีด เจ็บปวดเนื่องจากการปะทะกับสายลม  และหากเขาปะทะกับพื้นดินด้วยความเร็วระดับนี้  กระดูกทั่วร่างของเขาคงจะหักเป็นชิ้น และจบลงเป็นแพนเค้กสีเลือด*  แม้จะเป็นหินที่แข็งแกร่งหรือหินขนาดใหญ่เท่าใดก็คงจะแตกเป็นชิ้นๆหากตกลงไปแบบนี้
(* ผู้แปล : ส่วนนี้มาจากภาษาอังกฤษที่ว่า  he’d end up as a gory pancake, เครดิตคุณ silverysnow ที่ช่วยขัดเกลาครับ)
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน แต่เขาก็ยังควบคุมสติได้อย่างเยือกเย็น เขาชำเลืองตามองไปยังพื้นดินเพื่อกำหนดทิศทาง
ต้องไปทางขวาอีกหน่อย …
วีด ขยับร่างกายของเขาให้สอดคล้องกันพร้อมกับพุ่งลงไปสู่พื้นดิน  ดูราวกับเขาต้องการจะลงสู่พื้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“แว๊กสสส์!”
“วิ่งเข้า! เร็วๆ!”
เขาเห็นอย่างชัดเจนถึงบรรดาผู้คนที่กรีดร้องและวิ่งหนีอย่างชุนละมุนวุ่นวาย  พวกพ่อค้าทั้งหลายต่างกระโดดหนีโดยละทิ้งแผงขายของของพวกเขาราวกับเกิดเพลิงไหม้ขึ้นบริเวณนั้น
เมือง บารัน มีคนจำนวนมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
วีด  ใช้ขนนกไร้น้ำหนักในขณะที่เขาอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 500 เมตรเหนือพื้นดิน  ร่างกายของเขาที่ก่อนหน้านี้ตกลงมาโดยปราศจากการควบคุมพลันฝ่าแรงต้านอากาศและชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว  มีเพียงเศษฝุ่นผงฟุ้งกระจายเล็กน้อยยามเมื่อเขาลงสู่พื้นได้สำเร็จ  อย่างไรก็ตามผลจากน้ำหนักของถุงขนาดยักษ์ 9 ใบที่เขาแบกเอาไว้ส่งผลให้เท้าของเขาจมลึกลงไปในพื้นดินราว 10 ซ.ม.
“……”
“นั่นใครน่ะ?”
“เค้าเป็นผู้วิเศษ(mage) เหรอ?”
ผู้คนต่างพากันชี้ไปยัง วีด พร้อมทั้งคาดเดาตัวตนของชายลึกลับที่ตกมาจากฟากฟ้าผู้นี้  การคาดการณ์อย่างแรกของทุกคนคือคิดว่า เขาคือผู้วิเศษที่ใช้เวทมนต์ลอยตัว  ทว่าเวทมนต์บทนี้ไม่ใช่ว่าทุกๆคนจะสามารถใช้ได้  มีเพียงผู้วิเศษระดับ 300 ที่มีวงแหวนเวทสนับสนุน 5 วงแหวนเท่านั้นจึงสามารถใช้ทักษะนี้ได้
มีเพียงผู้เล่นระดับสูงของ เส้นทางแห่งราชันย์ เท่านั้นที่จะมีระดับ 300  แล้วมันจะมีผู้วิเศษประเภทไหนกันที่อยู่ๆก็ปรากฎตัวโดยการตกลงมาจากท้องฟ้าแบบนั้น?
ผลจากการที่ วีด ร่อนลงมาด้วยความเร็วนั่น ท่ำให้เขายิ่งตกเป็นเป้าสนใจมากกว่าปกติทั่วไป  ผู้คนกว่าร้อยคนต่างจ้องมองดูเขาในระหว่างที่เขาเดินสำรวจรอบๆเมือง
วีด มุ่งเป้าไปยังแผงขายสินค้าที่ยังไม่ปิดไปแม้จะเกิดความโกลาหลขึ้น  พร้อมทั้งมองไปยัง เมแพน ที่กำลังซ่อนตัวอยู่หลังรูปปั้นเทพธิดาเฟรย่า ซึ่งเขาก็กำลังมองมาทาง วีด เช่นเดียวกัน
“เฮ้, ท่านที่ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะ ”
เมแพน ตอบรับด้วยความประหลาดใจ, “ข้า? ข้าอย่างนั้นเหรอ”
วีด ยิ้มอย่างสุภาพ, “ดูท่าท่านคงจะเป็นพ่อค้า, ไม่ทราบว่าท่านรับซื้อพวกไอเท็มหรือไม่?”
“แน่นอนครับ!” เมแพน พยักหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งวิ่งลุกลี้ลุกลนออกมาจากหลังรูปปั้นเนื่องจากเกรงว่า วีด อาจจะเปลี่ยนใจ  สุดท้ายแล้ว เมแพน ก็ยังคงเป็นนักธุรกิจซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการซื้อขายไอเท็มผู้หนึ่ง
เขาใช้ทักษะ ซื้อขายไอเท็ม ซึ่งเป็นทักษะซึ่งมีอยู่ในเฉพาะอาชีพพ่อค้าเท่านั้นในการซื้อไอเท็มราคาถูกจากเมืองใหญ่ๆ  จากนั้นเขาก็ขายมันในราคาแพงให้กับบรรดาร้านค้า  พ่อค้าสามารถได้รับค่าประสบการณ์จากการซื้อในราคาถูกและขายในราคาแพง
วีด กล่าวด้วยเสียงที่ผ่อนคลาย “ท่านคิดราคาอย่างไร?”
“ถ้าท่านขายให้กับร้านค้า ทั่วไป ท่านจะได้กำไร 2% ของราคาตั้งต้น  ข้าสามารถจ่ายให้ท่านเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 15% จากที่ท่านได้จากร้านค้า  และหากท่านขายในปริมาณมากๆ  ข้าจะให้ในอัตราที่สูงกว่า 18%  ข้าสามารถรับซื้อได้ในอัตราข้าที่จะได้กำไรเพียง 2% เท่านั้น”
วีด มองไปรอบๆเพื่อดูว่าจะมีใครที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่า เมแพน หรือไม่ แต่ไม่มีข้อเสนอใดเข้ามาแข่งขันด้วย แสดงว่านี่เป็นข้อเสนอที่ดีจริงๆ
ทัษะการค้าขายของพ่อค้าขึ้นอยู่กับความเร็วในการขายสินค้าของเขาออก  การที่ เมแพน ยอมที่ให้กำไรขั้นต้นของเขาเหลือแค่ 2% ได้นั้น แสดงว่าเขาเป็นพ่อค้าที่มีทักษะสูงมากคนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ วีด จึงตัดสินใจทำข้อตกลงกับเขา
“ถ้ามีไอเท็มใดที่ท่านกำลังต้องการ  ข้าสามารถขายพวกมันแยกต่างหากให้กับท่านได้”
เมแพน ถึงกับกรามค้าง
‘ชายคนนี้เป็นลูกค้าที่ชั้นไม่ยอมพลาดโอกาสเด็ดขาด!’
ชายคนนี้มีไอเท็มเยอะขนาดไหนกัน ถึงขนาดที่บอกว่าเขาสามารถขายแยกให้ได้หากมีชิ้นใดที่ เมแพน ต้องการเป็นพิเศษ?
ในยามที่ขายไอเท็ม การขายในปริมาณมากๆจะได้กำไรมากกว่า
“ข้าต้องการทุกอย่าง  ข้าเพิ่งขายไอเท็มทั้งหมดไป  ดังนั้นมันจึงได้เวลาที่ข้าจะต้องซื้อของเข้ามาละ”
“ถ้าท่านว่าอย่างนั้นละก็?”
วีด พลิกถุงของคว่ำลงและเขย่ามัน บรรดาของภายในต่างร่วงออกมาไม่ว่าจะเป็น ขาของดูลาฮาน, เศษกระดูกสเกเลตัน, ถ่าน, กิ่งไม้, หอกขึ้นสนิม, กระบองกระดูก และไอเท็มอื่นๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด  กางเกงหนัง, สตริงทอง, เสื้อคลุม และของอื่นๆไหลตกลงมาเรื่อยๆ  พวกมันกองทับกันจนกลายรูปเป็นภูเขากองหนึ่ง
“มะ มันเป็นไปได้ยังไง!” มันเป็นจำนวนที่เยอะจนดวงตาของเมแพน ไม่สามารถที่จะครอบคลุมได้ทั้งหมด
‘เขาไปล่าที่ไหนมานะ … ถึงได้สามารถหาไอเท็มมาได้เยอะขนาดนี้?’
โดนหลักตรรกะแล้ว  มันเป็นไม่ได้ที่จะมีไอเท็มปริมาณมหาศาลขนาดนี้  ไอเท็มพวกนี้ได้มาจากการรวบรวมในการล่าแต่ปริมาณขนาดนี้มันเกินกำลังกว่าที่คนๆหนึ่งจะสามารถทำได้
เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงที่ว่ามีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนที่สามารถค้นพบ ลาเวียส ได้  วีด จึงสามารถรวบรวมไอเท็มที่ซ่อนอยู่ตามสถานที่ลับในดันเจี้ยนต่างๆได้ทั้งหมด  หากว่าเขาขายพวกมันตามร้านค้าใน ลาเวียส เขาจะไม่ได้ราคาที่ดี  เขาจะได้กำไรมากกว่าจากการขายให้แก่พ่อค้าซึ่งรับซื้อในราคาที่สูงกว่า
กำไร!
เงิน!
วีด ไม่เคยเปลี่ยนในเรื่องพวกนี้ เขาจะไม่ยอมทิ้งอะไรไปเด็ดขาดแม้ว่ามันจะมีค่าเพียงแค่ 1 เหรียญทองแดงก็ตาม
“อะ ไอเท็มจำนวนมากขนาดนี้ …” ดวงตาของ เมแพน กระตุกเล็กน้อย  เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้เห็นไอเท็มปริมาณขนาดนี้ในชีวิตของเขา!
“ท่านจะซื้อกี่ชิ้นล่ะ?”
เมแพน ตอบในทันมีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย “ข้าจะซื้อทุกอย่างที่ข้าสามารถซื้อได้”
เมแพน มีเงินอยู่ทั้งหมด 159 เหรียญทอง  พ่อค้าจะสามารถหาเงินได้จากการขายไอเท็มที่เขาซื้อมาจากผู้เล่นเท่านั้น  ทว่าเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง ราคาสินค้าจึงขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ  ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะมีเงินเหลือจำนวนมากๆ
“งั้นก็ตกลงตามนี้”
ทันทีที่ได้รับอนุญาติจาก วีด เขาก็เริ่มทำการคัดแยกไอเท็มตามราคา  ความสามารถในการประเมินราคาสินค้าถูกนำมาใช้ในช่วงเวลานี้เอง ดังนั้นการประเมินมูลค่าของสินค้าจึงใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจ
1 เหรียญทอง… 2 เหรียญทอง… มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเขาก็สามารถคำนวณมูลค่าสุทธิของกองภูเขานั้นออกมาได้ที่ 157 เหรียญทอง
กระเป๋าสะพายหลังเวทมนต์ สามารถบรรจุของได้มากเป็น 10 เท่า และช่วยลดน้ำหนักให้เหลือเพียง 1 ใน 3  แม้กระนั้นก็ยังคงมีของล้นให้เห็นออกมาจากกระเป๋านั่น.
“งะ งั้นก็ …” เมแพนส่งยิ้มให้ วีด แบบฝืนๆ ก่อนที่จะเริ่มเดินโงนเงนๆ ไปยังร้านขายของที่ใกล้ที่สุด
‘นั่นมันหนักขนาดไหนกันแน่นะ…?’
“ชั้นรู้สึกได้ถึงความลำบากของเค้า…”
ฝูงชนเริ่มที่จะสลายตัวไป  ส่วนผู้ที่เหลืออยู่มองไปยัง เมแพน ด้วยความสงสาร  แต่สำหรับบรรดาพ่อค้าทั้งหลายกลับเต็มไปด้วยความอิจฉา ขอเพียงพวกเขาสามารถขายไอเท็มจำนวนมหาศาลขนาดนั้นได้ พวกเขาย่อมสามารถที่จะเลื่อนระดับได้อย่างแน่นอน
ผลสืบเนื่องจากการขยายตัวของหมู่บ้าน บารัน ร้ายขายอาวุธและโรงตีเหล็กยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา  ทว่าก็ยังมีร้านค้าอเนกประสงค์ที่รับซื้อและขายไอเท็มทีมีอย่างเหลือเฟือ
“ข้ายินดีมากที่ได้ทำธุรกิจกับเจ้า เนื่องจากนี่เป็นของที่มีปริมาณมาก ข้าจะให้เจ้าในราคาพิเศษที่ 169 เหรียญทอง  เจ้าจะยอมรับหรือไม่?”
“ขอบคุณมากครับ ท่าน!” เมแพน สามารถขายไอเท็มได้ในราคาสมเหตุสมผลที่ 169 เหรียญทองจากการเจรจาต่อรองกับเจ้าของร้านค้าอเนกประสงค์   เมแพน วิ่งออกมาจากร้านอเนกประสงค์ด้วยความยินดีปรีดา
“ชั้นต้องรีบไปขอบคุณเขาคนนั้น”
ระดับเลเวลของเขาและความเชี่ยวชาญในอาชีพเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจากการขายไอเท็มในปริมาณมหาศาลนี้  เมแพน วิ่งไปยังจตุรัสกลางเมืองด้วยความหวังที่อย่างน้อยจะได้เอ่ยคำขอบคุณ  และ วีด ก็ยังคงอยู่ตรงนั้น
“ขอบคุณท่านมาก! ข้าชื่อ เมแพน หากท่านได้ผ่านมาทางนี้ในโอกาสหน้า …”
ในตอนนั้นเอง วีด เปิดถุงยักษ์อีกใบหนึ่งและคว่ำมันลง ทันใดนั้นก็ปรากฎกองเท็มอีกกองหนึ่งปรากฎออกมา
“นะ นะ นี่มัน” เมแพน ถึงกับตาค้างเมื่อเห็นกองภูเขาขนาดเล็กที่กำลังก่อเกิดอยู่เบื้องหน้าของเขา  ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็ตกตะลึงไปแล้วกับถุงยักษ์ 1ใน 9 ใบที่ วีด นำมา
‘… มันไม่น่าจะใช่น่า!’ มันเป็นเพียงแค่ความคิดของ เมแพน ว่าถุงทั้ง 9 ใบจะใส่ไว้ด้วยไอเท็มที่หลากหลายจริงๆหรือ
วีด นำของทั้งหมดออกมาจาก 8 ถุงที่เหลือ ณ จุดที่เขายืนอยู่  นอกจากใบแรกแล้ว ที่เหลืออีก 6 ใบบรรจุไปด้วยไอเท็มเล็กๆน้อย ในขณะที่อีก 2 ใบที่เหลือบรรจุไปด้วยอาวุธและเครื่องป้องกัน  เมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วมันมีมูลค่าสูงอย่างน่างงงวยถึง 1 พันเหรียญทองเลยทีเดียว  ส่วนถุงใบสุดท้ายบรรจุไว้ด้วยเครื่องป้องกันของเดธไนท์ และ แร่ธาตุต่างๆที่เขาเก็บไว้ตอนที่เขาเลเวลขึ้นมาที่ 200
เขาได้สะสมแร่เหล็กเป็นจำนวน 145 ก้อน และ แร่ทองแดงเป็นจำนวน 109 ก้อน!
เมื่อทักษะซ่อมแซมของใครคนหนึ่งบรรลุถึงระดับกลาง (Intermediate level) ได้ เขาจะสามารถเรียนรู้ทักษะการสร้าง (Blacksmith skill) ได้  ดังนั้น วีด จึงเก็บรักษามันไว้จนกว่าจะถึงเวลานั้น
“ได้โปรดบอกข้าด้วยเถิดว่าท่านฝึกฝนมาจากที่แห่งใด!”
“ท่านมาจากท้องฟ้า, แต่ท่านทำเช่นนั้นได้อย่างไร? แม้แต่นักเวทย์อย่างข้ายังไม่สามารถจับได้ถึงกระแสมานา (mana) ได้ !”
“ท่านพอจะให้เงินแก่ข้าสักเล็กน้อยได้หรือไม่?”
บรรดาผู้เล่นต่างเข้ามารุมล้อม วีด.
เขากลายเป็นคนดังแห่งหมู่บ้าน  บารัน ไปในพริบตา  อย่างไรก็ตามเหล่าทหารที่ปกป้องหมู่บ้านต่างเข้ามารุมล้อม วีด อย่างรวดเร็ว
“นี่ท่านใช่มั๊ย , ท่านหัวหน้า?”
“พวกนาย…”
พวกเขาเป็นเหล่าทหารจาก รังสัตว์ร้ายแห่งลิตวาร์ท (the Lair of Litvart) ประกอบไปด้วย : โฮสแรม(Hosram), เดล (Dale), และ เบคเกอร์ (Becker)
“โอววว! ในที่สุดท่านก็กลับมา!”
ผู้อาวุโส แกนดิลวา และชาวหมู่บ้านคนอื่นๆได้เข้ามาร่วมต้อนรับ วีด  เช่นเดียวกัน  ภาพที่ได้เห็นยิ่งที่ให้ความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น  ตัวตนที่แท้จริงของชายที่ตกลงมาจากฟากฟ้าและได้รับความเคารพจากบรรดา NPC เหล่านี้เป็นใครกันแน่?
วีด ทำการทักทายตอบกลับแก่ แกนดิลวา และเหล่าทหาร   เขารู้สึกได้ถึงความหลุ่งหล่านในอารมณ์เมื่อได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของหมู่บ้าน บารัน แห่งนี้
‘พอมาคิดว่าผลงานประติมากรรมของชั้นจะส่งผลกระทบได้ขนาดนี้  มันช่าง …’
มีเพียง วีด เท่านั้นที่รู้ถึงเบื้องหลังของรูปปั้นเทพธิดาเฟรย่านี้  ทุกๆครั้งที่เขาเห็นมันเขาจะรู้สึกกังวลใจ  หากแม้นซอยุน(Seoyoon) ค้นพบความจริงข้อนี้ขึ้นมาเมื่อไรก็ตาม พวกเขาเห็นจะต้องประดาบกันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้!
ความรวดเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาเพิ่มขึ้น 15% ผลที่ได้นี้จะคงอยู่ไปตลอดทั้งวัน
การเสริมคุณสมบัติจากรูปปั้นนี้มีอิทธิพลกับ วีด ด้วย  รูปปั้นไม่เพียงเสริมคุณสมบัติให้แก่ผู้เล่นเท่านั้น  หากที่รวมไปถึง NPC ที่ได้รับผลดังกล่าวด้วย  นี่เป็นการช่วยเหลืออย่างหาที่เปรียบไม่ได้กับเหล่าทหาร NPC ในยามที่ออกกวาดล้างเหล่ามอนสเตอร์และทำการเพิ่มระดับ  หากผลงานชั้นดี( fine piece) ยังสามารถสร้างผลกระทบที่มากขนาดนี้  แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ หากเมืองนั้นมีผลงานชิ้นเอก ( grand) หรือ ระดับ มาสเตอร์พีช (master piece)?
รูปปั้นนี้สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กองกำลังป้องกันเมืองได้
ประติมากรรมช่างเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่มิอาจพรรณนาได้อย่างแท้จริง …
ในขณะที่ วีด กำลังมองดูรูปปั้นอยู่อย่างเหม่อลอย  เมแพน พ่อค้าซึงซื้อไอเท็มของเขาไปก็ได้ปรากฎกายขึ้น
“ขอโทษนะครับ… หากไม่ได้เป็นการละลาบละล้วงจนเกินไป  ไม่ทราบท่านพอจะบอกจุดหมายในการเดินทางถัดไปของท่านให้ข้าทราบได้หรือไม่?”
เมแพน รู้สึกราวกับได้แจ๊คพอตในการได้พบกับ วีด  ระดับของเขาขึ้นไป 14 เลเวล และทักษะซื้อขายก็เพิ่มขึ้นไป 3
สำหรับคนอื่นอาจจะพูดได้ว่ามันเป็นปาฏิหารย์สำหรับพ่อค้าเลยทีเดียว  วีด ยักไหล่ก่อนจะตอบว่า,
“ข้ากำลังจะเดินทางผ่านเทือกเขา บาคุ ( Bar Khu Mountain Range)”
“เทือกเขาบาคุอย่างนั้นหรือ?”
“ถุกต้อง  สถานที่ๆข้ากำลังพยายามจะไปให้ถึงคือ นครอิสระแห่งโซมุเรน (Free City of Somuren)”
จุดหมายปลายทางคือสถานที่ตั้งของ ภาคีแห่งเฟรย่า  ซึ่ง วีด จะต้องไปส่งมอบจอกศักดิ์สิทธิ์  มันมีอยู่สองวิธีในการเดินทางไปให้ถึง นครอิสระแห่งโซมุเรนซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหาร
เส้นทางซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ใช้ก็คือ การเดินทางกลับไปยังปราสาทเซราบอร์ก ผ่านอาณาจักรเบรนท์ ( Brent Kingdom) และก่อนจะถึงช่องแคบฮิลคอส (Hilcos straight pass) ให้มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้  ซึ่งนี่มันวิธีการที่ยุ่งยากจนเกินไป  นอกจากจะต้องเดินตามเส้นทางดังกล่าวแล้วมันยังกินเวลานานถึง 3 เดือนเลยทีเดียว
นี่มันน่าเบื่อเกินไปสำหรับ วีด   ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะข้ามเทือกเขาบาคุที่สุดแสนอันตรายในการบรรลุถึงนครอิสระแห่งโซมุเรนแทน ซึ่งวิธีนี้สามารถไปถึงได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่า และแม้เทือกเขาบาคุจะเป็นที่ขึ้นชื่อถึงความโหดร้ายของมอนสเตอร์ก็ตาม  ทว่า วีด เองก็มีอาวุธลับสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินอยู่แล้ว  ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวล
“อย่างนี้นี่เอง” เมแพนยิ้มออกมา
“ท่านสามารถนำข้าไปด้วยได้หรือไม่?  อ๊ะ, ได้โปรดอย่าเข้าใจผิด! จากที่ได้เห็นไอเท็มที่ท่านนำมา ข้าเข้าใจดีถึงระดับเลเวลที่แตกต่างกันเป็นอย่างมากระหว่างเรา และข้าก็ไม่ได้พยายามจะสร้างภาระให้แก่ท่าน  ข้าเข้าใจดีถึงอาชีพพ่อค้าว่ามีความอ่อนแอในการต่อสู้เพียงใด” เขาอธิบาย
พ่อค้าเป็นหนึ่งในอาชีพที่อ่อนแอมากในบรรดาอาชีพที่ไม่ใช่สายต่อสู้  อย่างไรก็ตามประติมากรยิ่งเป็นที่รู้กันว่าอ่อนแอยิ่งกว่าพ่อค้าเสียอีก  และเมแพนไม่ได้รู้เลยว่า วีด นั้นเป็นประติมากร
ก็ประติมากรที่ไหนจะสามารถฆ่าเดธไนท์ หรือ ดูลาฮาน ได้กันล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นใครจะไปคิดล่ะว่าประติมากรคนนึงจะพยายามหามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าเพียงเพราะเขาเบื่อกับการล่าพวกเดธไนท์แล้ว
“และถึงแม้เราจะร่วมปาร์ตี้เดียวกัน  แต่ก็จะมีค่าประสบการณ์เพียงไม่มากที่จะถูกแบ่งมาให้ข้า  ข้าจะยังเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายของสมุนไพรและผ้าพันแผลที่ใช้ในการต่อสู้ให้อีกด้วย”
ค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดของ วีด เกิดจากการซื้อสมุนไพรและผ้าพันแผล  แต่นี่พ่อค้าที่ชื่อเมแพนนั่นพูดว่าเขาจะรับผิดชอบในส่วนนั้นให้ เขารู้ดีว่าหากเขาให้อะไรบางอย่าง เขาก็จะได้รับบางอย่างตอบแทนมาเช่นกัน
“ท่านต้องการอะไรจากข้าล่ะ?”
“ไอเท็มไงล่ะ  หากท่านเลือกที่จะนำทุกอย่างที่ตกจากมอนสเตอร์ไปด้วย  ท่านจะถูกจำกัดไปด้วยหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็น ถุงที่หนักเกินไปและจะทำให้ท่านต่อสู้อย่างยากลำบาก  ดังนั้นข้าจะซื้อมันทั้งหมด  ไอเท็มทั้งหมดที่หาได้ ขายมันให้กับข้า แล้วภาระของท่านจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด”
จุดมุ่งหมายของเมแพนคือ ไอเท็มระดับสูง  การได้ติดตามนักสู้ผู้แข็งแกร่งย่อมสร้างข้อได้เปรียบอย่างสูงให้แก่เขา  เพียงแค่ไอเท็มหนึ่งชิ้นที่ได้จากมอนสเตอร์ระดับ 200 ก็มีมูลค่าสูงกว่าไอเท็มที่ได้จากมอนสเตอร์ระดับ 50 เป็น 10 เท่าเลยทีเดียว
เขาต้องการที่จะได้ไอเท็มเหล่านั้นโดยการติดตาม วีด มากกว่าการรอคอยอยู่ในเมือง  ด้วยวิธีนี้เขายังสามารถค้าขายไอเท็มกับแต่ละเมืองที่เดินทางผ่านได้อีกต่างหาก  มันเป็นธุรกิจที่ดูดีทีเดียว
วีด ใช้เวลาพิจารณาอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง มันเป็นสถานการณ์ที่เอื้อประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายหากเขายอมรับข้อเสนอนี้  กลยุทธ์ที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ในการซ่อนไอเท็มของเขาไว้ในขณะที่เขาออกล่ามันใช้ได้เพียงใน ลาเวียส เท่านั้น  หากนำกลยุทธ์นั้นมาใช้ในทวีปหลักแล้วล่ะก็ คนอื่นคงจะขโมยของๆเขาและจากไปได้ง่ายๆโดยไม่ต้องได้รับผลจากการกระทำนั้นเลย
“ตกลง! งั้นเรามาเดินทางด้วยกัน”

เล่มที่ 2 ตอนที่ 10 จบ




<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: