วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 3 ตอนที่ 1 อาชีพของข้า ประติมากรแสงจันทร์ (My Profession : Moonlight Sculptor)

เล่มที่ 3 ตอนที่ 1  อาชีพของข้า ประติมากรแสงจันทร์ (My Profession : Moonlight Sculptor)


หมู่บ้าน บารัน ดูพลุกพล่านจอแจจากการมีจำนวนผู้เล่นเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“มีงานแกะสลักทุกประเภท! มีอาหารขาย! รับซ่อมชุดเกราะหรืออาวุธที่มีค่าความคงทนต่ำในราคาถูก”
“งานแกะสลักเหรอ ราคาเท่าไหร่น่ะ?”
“20 เหรียญเงินต่อชิ้น! แพงมั๊ยน่ะเหรอ? งานศิลป์ย่อมมีราคาตามความงามของมัน งานศิลป์จะมีค่าอะไรหากมันไม่ใช่ของแท้และดั้งเดิม”
วีด ตกเป็นเป้าสนใจของบรรดาสุภาพสตรีทั้งหลายในทันที! รูปแกะสลักที่เขาทำมันขึ้นแต่ละชิ้นนั้น ดูราวกับมีชีวิต เกือบทั้งหมดของงานที่เขาแกะสลักจากหินมีขนาดใหญ่เกินไปและขายไม่ค่อยออก เขาจึงได้สร้างแบบที่เล็กลงเพื่อดึงดูดฝูงชนให้เข้ามา  งานพวกนั้นดูน่ารักน่าชมและได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากบรรดาผู้เล่นหญิงทั้งหลาย
วีด ลงมือทำอาหารไปในขณะเดียวกับที่ขายงานแกะสลักของเขา  ผู้คนต่างเข้ามารุมล้อมเมื่อสูดได้กลิ่นอาหารจากการปิ้งและย่างของเขา  ผู้คนที่เข้ามาซื้องานแกะสลักต่างก็ลุ่มหลงไปกับกลิ่นอาหารอันหอมหวล
“นั่นท่านกำลังประกอบอาหารใดกัน?”
“มันเป็นยาพิษชนิดหนึ่ง”
“เอ๋, ยาพิษงั้นเหรอ? ท่านกำลังพยายามปรุงยาพิษ? แต่กลิ่นอันหอมหวลน่าอร่อยนี่มัน ….”
“ถูกต้อง, มันเป็นยาพิษที่ทำให้ท่านยอมตายถึงสองครั้งเพื่อจะได้กินของอร่อยเช่นนี้ยังไงล่ะ! นี่เป็นอาหารตัวอย่างนะ ลองชิมดูก่อนซักนิดสิ!”
ผู้เล่นต่างเข้ามาลองชิมสตูว์ที่ วีด ทำขึ้น  เขาให้ชิมคนละช้อน
อย่างแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นของมัน! สตูว์หม้อนี้ถูกปรุงมาจากการเคี่ยวผักที่ได้มาจากธรรมชาติ (wild editable green) ซึ่งส่งเสริมสุขภาพอีกทั้งให้กลิ่นที่หอมหวล  ทันทีที่สตูว์ได้ไหลผ่านริมฝีปาก ดวงตาผู้เล่นหญิงคนนั้นก็เบิกกว้างออกเมื่อได้ลิ้มชิมรสชาติอันกลมกล่อมของมัน
“ว้าว, อร่อยจัง! อุปป้า1, เธอพอจะซื้อให้ชั้นหน่อยได้มั๊ยจ๊ะ?”
( ผู้แปล : อุปป้า1 เป็นคำในภาษาเกาหลี มีได้สองความหมายคือ กรณีที่หนึ่ง เด็กสาวใช้เรียกพี่ชายที่มีอายุมากกว่าไม่มากนัก  หรือกรณีที่สองคือ หญิงสาวใช้เรียกแฟนหนุ่มของตนเอง  ในประโยคนี้ใช้ในความหมายที่สอง ซึ่งหากแปลเป็นไทยคงจะมีความหมายใกล้เคียงกับ ที่รัก หรือ ตัวเอง  แต่ผู้แปลเห็นว่าทับศัพท์ไปเลยจะดูดีกว่า จึงขอชี้แจงมา ณ ที่นี้)
“แน่นอนสิ! ตราบเท่าที่เซนาของ ชั้นต้องการ  เธอจะกินเท่าไรก็ได้เท่าเธอต้องการเลย … คุณครับ, ไม่ทราบนี่ขายยังไงครับ?
“15 เหรียญเงิน”
“นี่มันแพงเกินนะสำหรับอาหารจานนึง, คุณคิดว่างั้นมั๊ย?”
ใบหน้าของผู้เล่นชายคนนั้นเริ่มบูดเบี้ยว นี่เป็นเพราะราคา 15 เหรียญเงินถือว่าสูงมากเลยทีเดียว  อย่างไรก็ดี วีด ไม่เคยประนีประนอมกับใครในเรื่องราคา  เขาไม่ยอมลงให้ใครเมื่อมันเป็นเรื่องเงินๆทองๆ
“เหตุผลที่ข้าปรุงอาหารก็เพื่อให้ผู้คนได้รับประทานอาหารที่อร่อยมากขึ้น  แต่มันกลับเป็นเส้นทางที่ไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนอาหารจานนี้จะแพงเกินไปเพราะทุกคนต่างบ่นเกี่ยวกับมัน”
“ถูกต้อง, มันเป็นอย่างที่ท่านบอก!”
“ข้าเองก็อยากจะขายมันให้ถูกกว่านี้ แต่ค่าเครื่องปรุงที่ใช้ก็ปาเข้าไปเกือบ 14 เหรียญเงินแล้ว  และเมื่อคิดรวมไปถึงค่าอุปกรณ์ต่างๆรวมไปถึงความทุ่มเทของข้า  เรียกได้ว่าข้าขายมันไปโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลยด้วยซ้ำ *ทำเสียงสะอึกสะอื้น*  หรือข้าจะต้องละทิ้งความฝันในการปรุงอาหารที่อร่อยและหันไปใช้เครื่องปรุงราคาถูกเพื่อปรุงอาหารราคาถูกๆแทนงั้นหรือ? นี่มันทำให้ข้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกจริง *ทำเสียงสะอึกสะอื้น*!”
วีด ร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร, แน่นอนมันเป็นการแสดงสำหรับเขาผู้ซึ่งไม่เคยหลั่งน้ำตาแม้จะถูกแทงในการต่อสู้หรือโลหิตหลั่งไหล  สำหรับเขา นี่มันเป็นการลงทุน  การลงทุนสำหรับเครื่องปรุงของเขาโดยไม่มีต้นทุนแม้แต่น้อย!
“อุปป้า!”
ในที่สุดการลงทุนก็ได้รับผลตอบแทน, ผู้เล่นหญิงคนนั้นร้องออกมาอย่างโกรธเคือง
“ซื้ออาหารของเขาไปเหอะน่า! ชั้นหมายความตามนั้นจริงๆนะ  เร็วๆเข้าสิ! เค้าเป็นคนที่ทำอาหารที่ดี …  แม่ของชั้นพูดไว้ว่ารสชาติอาหารสื่อออกมาจากหัวใจ สำหรับคนที่ทำอาหารได้อร่อยอย่างชายคนนี้ เค้าจะต้องเป็นคนดีมากแน่ๆ”
“เอาเถอะ, ชั้นเข้าใจแล้ว ต้องขอโทษคุณด้วยนะเชฟ หวังว่าคุณจะขายได้เยอะๆนะ”
ทั้งคู่จากไปพร้อมจ่ายเงินเป็นจำนวนถึง 20 เหรียญเงินโดยไม่เรียกร้องเงินทองแต่อย่างใด  ใบหน้า วีด ปรากฏให้เห็นถึงรอยยิ้มของความพึงพอใจ
‘ทุกอย่างมันก็รสชาติดีหมดน่ะแหล่ะ ถ้าคุณไม่รู้ว่าอาหารที่ดีจริงๆมันเป็นอย่างไร  แต่ก็ช่างเถอะนะ เราได้เงินมาแล้วนี่นา’
วีด  ใช้ความสามารถของเขาในการขายงานแกะสลักและอาหารที่ประกอบขึ้น  ในความเป็นจริงแล้ววัสดุที่ใช้มีราคาไม่ถึง 1 เหรียญเงินด้วยซ้ำ
ผักจากธรรมชาติเป็นส่วนผสมที่ราคาถูกที่สุดในตลาด และส่วนผสมอื่นๆก็ไม่ได้แพงไปกว่ากันเท่าไร  เนื่องจากที่นี่เป็นตลาดที่อยู่ในหมู่บ้านซึ่งอยู่บนภูเขาจึงมีของขายไม่มากนักและราคาของวัสดุที่ใช้ประกอบอาหารยิ่งถูกเข้าไปใหญ่  และแม้ว่าวัสดุที่มีขายในตลาดแห่งนี้จะมีไม่หลากหลายเท่ากับตลาดในเมืองใหญ่ก็ตาม  แตมันก็เพียงพอที่จะใช้ในประกอบอาหารทุกชนิดที่เขาต้องการแล้ว

“ท่าน! ขอข้าซักถ้วยสิ”
“ของพวกเราขอเป็นข้าวห่อสาหร่ายนะ”
“ชั้นมาอุดหนุนอีกแล้วนะ, อิอิ”
มีลูกค้าหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย  ผลจากการที่ทักษะการทำอาหารและประติมากรรมของเขาอยู่ในระดับชั้นกลางทำให้เขาดึงดูดฝูงชนเป็นจำนวนมาก  ด้วยจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นนั้น การกล่าวอ้างเกินจริงของ วีด ก็เพิ่มขึ้นเป็นทวี  ทว่า วีด นั้นเป็นคนประเภทที่คิดว่าการโกหกไม่ถือเป็นการโกหกหากแต่มันเป็นการทำธุรกิจต่างหากล่ะ  นอกจากนี้ วีด ยังทำให้ลูกค้าของเขารู้สึกดียิ่งขึ้นกับการให้บริการอย่างเต็มที่ของเขา  อย่างไรก็ดีในบางเวลาก็มีลูกค้าบางคนที่ทำให้เขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไร
“ขอโทษนะคะ, ชั้นคิดว่าชั้นเคยเห็นคุณมาก่อนในทีวีนะคะ”
มีผู้หญิงสองคนเข้ามาหา, พยายามที่จะพินิจพิเคราะห์ทุกแง่มุมของใบหน้าของ วีด, และพวกเธอได้ถามขึ้น:
“คุณคือ ปริ้นเซสไนท์นี่นา , ใช่รึเปล่าคะ?”
นั่นเป็นฉายาที่เขาได้รับมาหลังจากได้ไปแสดงความสามารถให้ปรากฎในงานเทศกาลของโรงเรียนมัธยมเดอินและได้รับรางวัลมา  อาจเป็นเพราะข่าวที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านทางอินเตอร์เน็ทส่งผลให้มีผู้คนจำนวนมากจดจำเขาได้  คนบางคนอาจชอบที่ตนเองเป็นคนป๊อปปูลาร์  แต่ในกรณีของ วีด มันแตกต่างออกไป  ในบรรดาหลายๆฉายาที่เขาได้รับ ชื่อ ปริ๊นเซสไนท์มันช่างน่าอับอายเป็นที่สุด
“เอ่อ, ลองดูดีๆ, ข้าคิดว่าท่านจำคนผิดแล้วล่ะ.”
วีด เบือนสายตาออกไปเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ  อาหารที่ วีด ประกอบขึ้นไม่เพียงรสชาติอร่อยเท่านั้น  เมื่อรับประทานเข้าไปมันยังช่วยเพิ่มค่าพลังชิวิตและมานาให้เป็นอย่างมาก  นี่เป็นสาเหตุที่ผู้คนมากมายต่างพากันมาอุดหนุนเขา  ค่าพลังที่ได้รับเพิ่มนั้นสูงอย่างมีนัยยะขนาดที่กลุ่มที่รวมตัวกันเพื่อล่ามอนสเตอร์มาเพื่อกินกันเป็นกลุ่มทีเดียว
“รายการนี้ราคา 15 เหรียญเงิน  ส่วนนี่เมนูบำรุงพิเศษสำหรับผู้ออกล่าโดยเฉพาะราคาเพียง 30 เหรียญเงิน  ขอบคุณมาก  ขอให้สนุกกับการล่าครับ!”
ถึงแม้ราคาของอาหารและรูปแกะสลักจะสูง  แต่ วีด ได้มีการเสริมรายการซ่อมแซมไอเทมที่มีค่าคงทนต่ำให้ฟรีเป็นการพิเศษ ดังนั้นราคาจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป  ส่วนราคา 30 เหรียญเงินเองก็เป็นราคาที่ผู้เล่นที่ออกล่าในบริเวณหมู่บ้าน บารัน สามารถจ่ายได้โดยไม่ลำบากนัก
อาหารที่เสริมค่าพลังชีวิตและมานามีค่ามากกว่าค่าใช้จ่ายที่พวกเขาต้องใช้ในการล่าหากไม่ได้รับการเสริมสถานะเหล่านี้  และแน่นอนที่มันย่อมแพงเป็นพิเศษอีกด้วย  รายการที่ใช้ไข่ของชาวเผ่าวิหคและผลไม้แห่งสรวงสวรรค์เป็นส่วนประกอบนั้นช่วยส่งเสริมรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้นขนาดที่ว่าคุณจะไม่ทันสังเกตุด้วยซ้ำหากมีใครเสียชีวิตข้างๆคุณ
เมื่อมาดูถึงต้นทุนของส่วนผสมเหล่านั้น, ผลไม้แห่งสรวงสวรรค์ราคา 15 เหรียญเงิน และ ไข่ของชาวเผ่าวิหคราคาสูงถึง 95 เหรียญเงิน  อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่แค่เป็นรายการอาหารที่แพงเท่านั้น  มันยังยากลำบากในการประกอบอาหารอีกด้วย  อาหารเสริมเสริมสุขภาพไม่ได้ใช้ส่วนผสมเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง มันจำเป็นต้องปรุงให้เข้ากันโดยดึงเอาศักยภาพของส่วนผสมแต่ละชนิดออกมาพร้อมทั้งเพิ่มทวีคุณสมบัติที่ได้ไปในขณะเดียวกัน
มันก็เหมือนกับเวลาทำ ซุปไก่โสม (ซัมกเยทัง) ที่ต้องใช้โสม เวลาในการตุ๋น และสมุนไพรต่างๆ  การจะทำให้อาหารจานนี้สำเร็จจะต้องดึงเอารสชาติพร้อมทั้งสรรพคุณของส่วนผสมทั้งหมดออกมาให้ได้ประโยขน์สูงสุด  นี่แหละความยากลำบากของคนที่เป็นเชฟ

ด้วยเหตุนี้เองหลังจากพยายามและพบกับความล้มเหลวไปหลายครั้ง  เขาก็สามารถได้ชื่อเมนูที่ทำขึ้นจากไข่ของชาววิหคและผลไม้แห่งสรวงสวรรค์ดังนี้ :
ราชาวิหคสวรรค์ !
ถั่วหวานใบกระวาน (Sweet Nut Bay Leaf)
และเมนูที่ใช้ส่วนผสมทั้งสองของมีชื่อว่า:
มีนกอยู่บนถั่ว (More Bird On The Main Nut)
(ผู้แปล : ผมเห็นชื่อแต่ละเมนูแล้วปวดตับมาก ไม่รู้จะแปลยังไงให้เลยครับ  ใครมีไอเดียที่ดีกว่านี้ ช่วยแจ้งด้วยครับ T-T)
อาหารจานนี้จะแสดงคุณสมบัตืที่ได้จากทั้งไข่ชาววิหคและผลไม้แห่งสรวงสวรรค์นั่นก็คือการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะของค่าความแข็งแกร่ง, ความฉลาด, โชค, มานา และพลังชีวิต

*******************************************

ยามที่เมแพนเข้าร่วมกลุ่มกับ วีด ณ หมู่บ้าน บารัน นั้น เขามีความคาดหวังอันสวยงาม
“ในที่สุด วันเวลาแห่งความเหนื่อยล้าและอ่อนแรงจากอาชีพพ่อค้าของชั้นก็จะจบลงเสียที  นับแต่นี้ไปมันจะเป็นเส้นทางอันราบรื่นเสียที”
มีบ้างที่บางคนอาจบอกว่าเส้นทางของสายอาชีพพ่อค้านั้นช่างยากเย็นแสนเข็ญ  ทันใดนั้นภาพความทรงจำอันโหดร้ายพลันแวบขึ้นมาในความคิดของเมแพน
“ฟู่, มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากนัก”
ณ ยามที่เริ่มต้นเลือกอาชีพพ่อค้า ตัวเขาเปี่ยมไปด้วยความหวังและความฝัน  อาชีพพ่อค้ามันเป็นอะไรที่สร้างความตกตะลึงให้แก่ความเพ้อฝันของเมแพน
เงิน!
เงินคืออำนาจ!
เงินคือชื่อเสียง!
ท้ายที่สุดแล้วโลกใบนี้ถูกครอบงำด้วยเงินตรา  เขาจบเอกทางด้านเศรษศาสตร์  เขามีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าระบบทุนนิยมไม่ใช่เป็นเพียงอุดมคติแต่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษกิจอย่างแท้จริง  เขาได้เตรียมความพร้อมต่อความยากลำบากในการหาเงินทุนของเขา
มันเป็นความรู้สึกที่คล้ายกับว่าเงินตราทั้งหมดในทวีปเวอร์เซลล์เป็นของเขา  เขามีความต้องการที่จะก่อตั้งบริษัทการค้าขนาดใหญ่เพื่อที่จะได้รับเกียรติยศอันสูงส่ง  ว่ากันว่าในราชอาณาจักรบางแห่งนั้นสามารถที่จะใช้เงินในการซื้อตำแหน่งขุนนางได้  นั่นเป็นสาเหตุที่เขาเลือกเส้นทางของพ่อค้าเพื่อหนทางในการหารายได้ก้อนโตนั่นเอง
แล้วนี่มันอะไรกัน! นับตั้งแต่เริ่มต้น เส้นทางแห่งการเป็นพ่อค้าช่างยากลำบากปราศจากความราบรื่น  เริ่มจากการที่เขาไม่ได้รับอนุญาติให้ออกนอกเมืองเป็นเวลา 4 สัปดาห์ เขาจึงได้แต่เพ่นพ่านอยู่ในเมือง  เขาทำงานอย่างขยันขันแข็งที่โรงแรม, ร้านขายอาวุธ, ร้านแลกเปลี่ยน เพื่อที่จะเก็บเงินก้อนเล็กๆจำนวนหนึ่ง  ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเควสเปลี่ยนอาชีพเป็นพ่อค้า  เมแพนวิ่ง, กระโดด รวมทั้งกลิ้งไปมาเมื่อเขาได้ยินเสียง!
ตริ๊ง!
“ข้าได้เห็นถึงความพยายามที่เจ้าทุ่มเทลงไปทั้งหมด, ข้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถที่จะเป็นพ่อค้า  และเจ้าก็คงไม่ใช่พ่อค้าหากเจ้าไม่มีความโลภในเงินตรา ข้าต้องการหนังกระต่ายจำนวน 300 ผืนอย่างเร่งด่วน  ข้าจะให้เงินเจ้าจำนวน 1 เหรียญทอง  เจ้าจะสามารถนำมันมาให้ข้าได้หรือไม่?  หากทำสำเร็จ ข้าจึงจะยอมรับเจ้าเป็นพ่อค้าแห่งราชอาณาจักรโรเซนไฮม์อย่างเป็นทางการ! อย่างไรก็ตาม จงรีบทำมันให้สำเร็จใหได้โดยเร็วที่สุด ข้าต้องการได้รับมันภายในระยะเวลา 3 วัน”
เจ้าของร้านแลกเปลี่ยนผู้ซึ่งต้องการหนังกระต่าย
เจ้าของร้านแลกเปลี่ยนมีความต้องการหนังกระต่ายเป็นจำนวนมาก  ไม่มีความจำเป็นต้องรู้ว่าเขาต้องการมันไปทำไม  แต่ดูเหมือนรีบทำให้เสร็จให้เร็วที่สุดจะเป็นการดี
ความยาก: ระดับ E
รางวัล: เปลี่ยนอาชีพเป็นพ่อค้า
ข้อจำกัดของเควส: ภายใน 3 วัน
หากคุณล้มเหลว ความเชื่อมั่นของเจ้าของร้านแลกเปลี่ยนในตัวคุณจะลดลง และคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพเป็นพ่อค้าได้อีกเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน
‘ไชโย, ชั้นหาเงินได้แล้ว!’
เมแพนรับเควสนี้พร้อมทั้งร้องเพลงอย่างมีความสุข
“เขาให้รางวัลถึง 1 เหรียญทองเลยทีเดียว  ตามที่คิดไว้เลยเควสของพ่อค้าเนี่ย  แม้แต่ช่วงเริ่มต้นก็ได้เงินเป็นจำนวนมากแล้ว”
กระต่ายเป็นมอนสเตอร์เริ่มต้นซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปอยู่บริเวณหน้าปราสาท  หนังกระต่ายผืนหนึ่งสามารถขายได้ราคา 10 เหรียญทองแดงเมื่อขายให้กับร้านค้าทั่วไป ดังนั้นราคาที่ใช้ในการซื้อสมควรเป็น 3000 เหรียญทองแดง ด้วยเหตุนี้เขาจึงคำนวณว่า 30 เหรียญเงินควรจะเพียงพอต่อการซื้อครั้งนี้
 แน่นอนว่าคนอื่นย่อมต้องการผลประโยชน์เช่นกัน  เพื่อให้การซื่อขายแลกเปลียนดำเนินไปด้วยความหมาะสม  ทั้งสองฝั่งควรจะมีกำไร
“รับซื้อหนังกระต่าย! ข้ายินดีที่จะจ่ายให้ผืนละ 11 เหรียญทองแดง!”
เมแพนร้องออกมาด้วยเสียงอันดังที่บริเวณหน้าปราสาท  เขาคาดหวังถึงจำนวนผู้เล่นจำนวนมากที่กำลังล่ากระต่ายอยู่ที่จะวิ่งมาหาเขา  ตรงข้างๆเขา มีพ่อค้าอีกคนหนึ่งกำลังตะโกนด้วยเสียงที่ดังยิ่งกว่า
“รับซื้อหนังกระต่ายในราคา 30 เหรียญทองแดง!”
ผู้เล่นอีกคนที่กำลังตัดเย็บอยู่ข้างๆพวกเขาตะโกนขึ้นมาบ้าง:
“รับซื้อหนังกระต่ายในราคา 50 เหรียญทองแดง!”
“ให้ตายสิ! นี่มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง …”
หนังกระต่ายควรจะมีราคาเพียง 10 เหรียญทองแดงกำลังถูกซื้อด้วยราคาที่สูงอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เมแพนถามขึ้นด้วยความงุนงง แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง
“เจ้าไม่รู้หรอกรึ? ไม่ใช่เจ้าเพียงคนเดียวที่กำลังรวบรวมหนังกระต่ายเพื่อเปลี่ยนอาชีพเป็นพ่อค้า  ยังมีคนที่ต้องการเรียนรู้การตัดเย็บอีกที่ต้องการหนังกระต่ายพวกนี้  ดังนั้นราคามันเลยพุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้าขนาดนี้ยังไงล่ะ!”
เมแพนถึงกับร่ำไห้  ราคาที่ว่าทำให้พ่อค้าเริ่มต้นอย่างเขาร่ำไห้ เควสเปลี่ยนอาชีพพ่อค้านี้มีระยะเวลาจำกัดสามวัน  เมื่อไม่มีทางเลือกเขาจึงต้องใช้เงินที่เขาหามาได้ทั้งหมดรวมถึงทำการออกล่าทั้งวันและคืนเพื่อที่จะได้หนังกระต่ายทั้ง 300 ผืนนั้นมาอย่างอยากลำบาก  และด้วยเหตุนี้เอง ส่งผลให้เขากลายเป็นคนถังแตก
“ขอบใจมาก, ตอนนี้เจ้าได้เป็นพ่อค้าแล้ว!”
เจ้าของร้านแลกเปลี่ยนได้ตบไหล่เขาเพื่อแสดงความชื่นชมในผลงานของเขาโดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่านั่นกลับทำให้เมแพนห่อเหี่ยวขึ้นไปอีก  และนั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น มันเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางวิบากแห่งอาชีพพ่อค้า
ในการเพิ่มระดับของเลเวลและทักษะของเขานั้น เขาจะเป็นที่จะต้องหาซื้อไอเทมจากบรรดาผู้เล่นในราคาที่แพง  และด้วยความอ่อนแอของสายอาชีพส่งผลให้เขาไม่เป็นที่ปรารถนาในการต่อสู้  ทว่าเพื่อที่จะสามารถซื้อไอเทมให้ได้นั้น เขาจำเป็นที่จะต้องสู้รบในสงครามอันปลิ้นปล้อนอันเต็มไปด้วยหยาดโลหิตและหยาดเหงื่อ  ในการเดินทางไกลมายังหมู่บ้าน บารัน เมแพนได้ประสบทั้งความสุขสมหวังในหลายๆอย่างรวมทั้งความเศร้าเสียใจที่เขาไม่ต้องการบอกให้ผู้อื่นได้รับรู้
การเฝ้ารอใครสักคนหนึ่งที่แผงขายของโดยไม่รู้ว่าจะมีใครมาขายไอเทมให้ช่างเป็นเวลาที่แสนเข็ญยิ่งนัก  แถมคนที่เข้ามายังมีจำนวนมากที่มาพร้อมทั้งเสนอราคาอันไม่สมเหตุสมผลอีกต่างหาก
“ในที่สุดความทุกข์ยากของข้าก็จบลงซะที!”
นับตั้งแต่เมแพนได้ร่วมมือกับ วีด, อาการวิตกและความหวาดหวั่นของเขาก็ไม่ได้ปรากฎขึ้นมา  ทั้งหมดที่เขาต้องทำในตอนนี้คือเชื่อมั่นในทุกย่างก้าว วีด
“ข้าจะติดตามเขาไปทุกแห่งหน. สิ่งที่ข้าต้องทำคือเชื่อมั่นในตัวเขา!”
เมแพนตัดสินใจอย่างมุ่งมั่น  ในมุมมองของเมแพนนั้น วีด เปรียบได้กับ นักรบผู้ยิ่งใหญ่! นักผจญภัยผู้หาญหล้า! ปรมาจารย์การต่อสู้! ซึ่งยิ่งเสริมความมั่นใจในตัว วีด ให้สูงขึ้นไปอีก  อารมณ์ความรู้สึกนั้นจวบกระทั่งพวกเขาเดินทางมาถึงหมู่บ้าน บารัน
“มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?”
เมแพนอยากจะกรีดร้องออกมา  เขาถึงกับขยี้ตาตนเองแล้วมองไปใหม่อีกครั้ง  ที่เขาเห็นคือ วีด กำลังประกอบอาหารและขายงานแกะสลัก  ที่แย่ไปกว่านั้น เขากำลังซ่อมแซมสิ่งของ!
“ม่ายยยยยย!”
ในขณะที่ วีด กำลังทำอาหารอย่างร่าเริงนั้น มีใครคนนึงกำลังแอบร่ำให้อยู่เงียบๆ  และเมแพนก็คือคนๆนั้น  วีด คนที่เขาคิดว่าเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่กลับกำลังขายอาหารและงานแกะสลักอยู่ในตอนนี้
“นี่มันช่างเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ กับการมีความสามารถเป็นเป็ด๕แบบนี้?”
( คำว่า เป็ดในที่นี้ ผู้แปลแปลมาจากคำว่า jact of all trades ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีความหมายถึงคนที่เก่งหลายๆด้าน หรืออาจใช้ในเชิงประชดประชันคนที่เหมือนจะรู้ไปทุกเรื่องแต่รู้เพียงผิวเผิน  ซึ่งในกรณีนี้เป็นความหมายในเชิงประชดประชัน)
นี่มันไม่ใช่อะไรที่เมแพนจะสามารถหาคำตอบได้เองจากการคาดเดา  เขาต้องการรู้คำตอบที่แน่นอนทว่าในขณะเดียวกันเมแพนก็ลังเลใจ  เขากลัวกับคำตอบที่จะได้รับ  อย่างไรก็ตามนี่มันเป็นสิ่งเขาไม่สามารถปล่อยผ่านไปโดยไม่รู้ได้ เขาจึงตัดสินใจถาม
“เอ่อ, วีด ท่านมีอาชีพอะไรกันแน่?”
“ข้าอย่างนั้นเหรอ? ก็อย่างที่ท่านเห็นนั่นแหละ ข้าเป็นประติมากร”
“ประติมากร?”
เมแพรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาราวกับมีใครเอาของแข็งมาทุบที่ศีรษะด้านหลังของเขา
‘อาชีพประติมากรนี่มันเป็นอาชีพที่ไม่ได้รับความนิยมพอๆกับศิลปินกับพนักงานทำความสะอาดเลยนี่นา!’
พร้อมกับความห่อเหี่ยวที่เข้าครอบงำเมแพน  เขาชี้ไปยังหม้อขนาดใหญ่ที่กำลังเดือดอยู่ด้วยมืออันสั่นเทา
“ถ้างั้น แล้วอาหารพวกนั้นล่ะ?”
“นั่นเป็นอาชีพเสริมน่ะ.”
“แล้วพวกการซ่อมแซม…”
“มันเป็นหนึ่งในทักษะที่ข้ากำลังพากเพียรเรียนรู้  ในการที่จะเรียนรู้ทักษะการสร้าง (blacksmith skill) เพื่อใช้ในการสร้างอาวุธและชุดเกราะ  ข้าจำเป็นต้องมีทักษะการซ่อมแซมที่ระดับปานกลางเป็นอย่างน้อย”
จากที่เมแพนเคยคิดว่าการได้ร่วมมือกับ วีด นั้นเปรียบได้ราวกับสวรรค์ช่วยส่งเสริม  แต่ ณ ตอนนี้เขากลับรู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด
“อืม ชายคนนี้ช่างโชคร้ายอย่างแสนสาหัสยิ่งนัก … แต่เค้าทำได้ยังไงกันถึงได้กลายเป็นเป็ดแบบนี้?”
ในความคิดของเขา ตัวละครที่ชื่อ วีด นี้ช่างน่าสมเพชและไร้ค่ายิ่งนัก  มันแย่ขนาดที่น่าจะลงบันทึกในประวัติศาสตร์ไว้ในฐานะตัวละครที่น่ารังเกียจที่สุดเลยทีเดียว!  วีด ต้องใช้ความพยายามอย่างแสนสาหัสในการเรียนรู้ทักษะจิปาถะมากมายซึ่งผู้อื่นมองเป็นของไร้ค่า  หากเป็นเมแพนที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ เขาคงจะยอมแพ้และเริ่มเล่นใหม่เพื่อสร้างตัวละครใหม่ขึ้นมาแทน
‘นี่ตัวละครของเขามีทักษะที่เรียนรู้อย่างฉาบฉวยพวกนี้อยู่ในระดับไหนกันนะ?’
เมแพนกำลังเข้าใจผิดไปอย่างมาก มันไม่ได้เป็นเรื่องของความฉาบฉวยหากแต่เป็นความลำบากที่ วีด ต้องประสบมา! เขาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองทีละน้อยทีละน้อยโดยการฟันหุ่นไล่กา ณ ศูนย์ฝึกอบรมขั้นพื้นฐานอย่างต่อเนื่องในขณะที่ฝากท้องไว้กับอาหารที่ได้รับจากครูฝึก
เขาฝึกฝนการแกะสลักจนกระทั่งตาของเขาแดงเพื่อที่จะพัฒนาค่าสถานะทางศิลปะของเขาที่เพิ่มขึ้นทีละ 1  และเพื่อที่จะเพิ่มระดับทักษะการทำอาการ เขาต้องทำงานเป็นกุ๊กให้กับเหล่าทหาร NPC ในกองกำลังกวาดล้าง
เขาประกอบอาหารขึ้นกว่า หนึ่งหมื่นจาน และสร้างงานแกะสลักนับหมื่นชิ้นเพื่อสร้างตัวละคร วีด อย่างยากลำบาก  แต่ในสายตาของเมแพนนั้นเห็นเพียงแต่ภาพของตัวละครอันฉาบฉวยที่เรียนรู้ทักษะทุกๆอย่างเอาไว้  อย่างไรก็ตามการที่เมแพนสามารถมาถึงจุดนี้ได้นั้นเป็นเพราะแม้เขาจะหกล้มลุกคลุกคลานบ้างในเส้นทางที่เขาเลือกเดิน ทว่าเขาเลือกที่จะก้าวเดินต่อไปและเรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านั้น
‘ชายคนนี้มีหัวการค้ามากกว่าชั้นซะอีก  ขงจื๊อได้เคยกล่าวไว้: “ยามเมื่อพบคนเดินมา 3 คน, มันเป็นชะตาลิขิตให้หนึ่งในนั้นเป็นอาจารย์ของเราได้” แม้ชายคนนี้จะเป็นเป็ด  ชั้นก็ยังคงสามารถที่จะเรียนรู้อะไรบางอย่างจากเค้าได้’
เมแพนตัดสินใจจะไม่เสียใจกับทางเลือกที่เขาได้เข้าร่วมกับ วีด อีกต่อไป  อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถนั่งดูอยู่เฉยๆได้ เขาจึงทำการเปิดแผงของตนเองข้างๆ วีด และรับซื้อไอเทมอย่างกระตือรือล้น  ในยามที่ไม่มีลูกค้าเขาก็มอง วีด ขายอาหารและงานแกะสลัก และนั่นทำให้เขาเข้าใจในวิถีแห่งการค้ามากขึ้น
“ช่างเป็นการโกหกอย่างร้ายกาจ …!”นี่นับเป็นช่วงเวลาที่สร้างความประหลาดใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก
“เขากำลังทำกำไรที่มากมายอย่างไม่น่าเชื่อจากส่วนผสมกระจอกๆพวกนี้เนี่ยนะ!”
เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกโกรธ  สำหรับเมแพนผู้ซึ่งภาคภูมิใจความเป็นพ่อค้าที่ซื่อตรงของตนเองนั้น  มันทำให้เขารู้สึกว่านี่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะมาแข่งขันด้วยได้
“ที่เขากำลังอยู่นี่มันต่างอะไรกับการโกงหรือปล้นกันกลางวันแสกๆเนี่ย?” นี่เป็นสิ่งที่เมแพนสงสัย
วีด มีพรสววรค์ในการใช้คารมอันคมคายให้เหมาะสมกับรสนิยมของลูกค้าแต่ละคน  เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ งานแกะสลักที่ก่อนหน้าขายในราคา 10 เหรียญเงินกลับสามารถขายได้ถึง 15 เหรียญเงิน และนั่นยิ่งทำให้อารมณ์โกรธของเมแพนพลุ่งพล่านขึ้นไปอีกกับสิ่งที่เขาได้เห็น หลังจากผ่านไปสองวัน วีด ได้นำงานแกะสลักที่นำออกมาโชว์กลับเข้าไปเก็บในถุงของเขาอย่างช้าๆ
“พวกมันขายได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้นะเนี่ย”
งานแกะสลักพวกนี้เป็นงานที่เขาใช้เวลายามว่างเมื่ออยู่ที่ ลาเวียส ในการแกะสลักมันออกมา  เขาขายพวกมันออกไปได้เกินกว่าครึ่ง  ความเป็นจริงอย่างหนึ่งเกี่ยวกับงานแกะสลักพวกนี้ก็คือ บรรดาผู้คนจะไม่กลับมาซื้อมันอีกเป็นชิ้นที่สอง  คนทั่วไปอาจจะซื้อสักชิ้นเพื่อเป็นของที่ระลึก แต่จะไม่มากไปกว่านั้นยกเว้นเขาจะเป็นนักสะสม
และแม้ต้นทุนในการผลิตของงานแกะสลักนั่นคิดเป็นเงินแค่ 10 เหรียญเงิน แต่ก็สามารถขายได้ในราคาสูงที่สุดเพียง 30 เหรียญเงินเท่านั้น  นั่นแปลว่าต้องขายงานแกะสลักให้ได้อย่างน้อย 10 ชิ้นจึงจะสามารถหารายได้ได้ 3 เหรียญทอง  นี่นับเป็นตัวเลขที่ไม่เลวทีเดียวในช่วงแรกเริ่มของการเล่นที่ วีด ยังคงยากจนอยู่  ทว่าเมื่อพิจารณาถึงระดับเลเวลของเขาในปัจจุบันแล้ว  กำไรที่ได้จากงานแกะสลักไม้ของเขาช่างเล็กน้อยเสียเหลือเกิน
ในบรรดากลุ่มผู้เล่นในหมู่บ้าน บารัน, ผู้คนส่วนใหญ่ที่คิดจะซื้องานแกะสลักก็ได้ซื้อไปแล้วชิ้นหนึ่ง  ดังนั้นหาก วีด ยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป  สิ่งที่เขายังคงขายได้จะเหลือเพียงอาหารของเขาเท่านั้น  หลังจากที่เขาสามารถเพิ่มทักษะการซ่อมแซมและการประกอบอาหารไปถึง 40% แล้ว เขาจึงได้เก็บแผงลอยของเขา  พร้อมกันนั้นเขาได้ชำเลืองไปยังเมแพนที่อยู่ข้างๆซึ่งกำลังซื้อไอเท็มอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยพร้อมทั้งกล่าวขึ้นว่า:
“ได้เวลาที่พวกเราจะออกเดินทางกันแล้ว”
“หา? ออกเดินทาง  เราจะไปไหนกัน?”
“พวกเราจะเดินทางไปยังเทือกเขาบาคุ ที่ข้าได้เคยบอกท่านไปก่อนหน้านี้ยังไงล่ะ”
วีด ต้องส่งจอกศักดิ์สิทธ์คืนสู่วิหารแห่งเฟรย่าให้ได้ภายในระยะเวลาสามเดือน  เขาจึงได้วางแผนไว้แล้วที่จะออกจากหมู่บ้าน บารัน  ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องการความรู้และประสบการณ์อีกมากเพื่อที่จะสามารถเป็นประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ได้  และแม้ วีด จะแข็งแกร่งจากการใช้วิธีการที่หลากหลายแต่เขาก็ยังไม่ลืมข้อเท็จจริงที่ว่าอาชีพของเขาคือประติมากร  วีด ได้แวะไปยังร้านขายของชำและร้านค้าเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง
“ขอให้ท่านรักษาตัวให้ดี!”
นายกเทศมนตรีและเหล่าทหารพากันมาส่งพวกเขา ณ ตรงทางเข้าหมู่บ้าน
“หากมีโอกาสพวกเราจะกลับมาเยี่ยมที่นี่อีก”
“มันย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว  ข้าจะไม่มีวันลืมความช่วยเหลือที่ท่านได้มอบให้กับพวกข้า”
พวก เดล, เบคเกอร์ และ โฮสแรม ได้เข้ามากล่าวคำอำลาแก่หัวหน้าของพวกเขา
“แล้วพบกันใหม่ท่านหัวหน้า”
“แน่นอน! สำหรับครั้งหน้าที่พวกเราพบกันนั้น มันอาจจะเป็นที่เมืองหลวง และเมื่อภารกิจของพวกเราเสร็จสิ้น เราจะกลับมา”
****
ในระหว่างเส้นทางที่มุ่งสู่ทางใต้ของราชอาณาจักรโรเซนไฮม์ วีด  และเมแพน ได้ทำการซื้อสินค้าพื้นเมืองตามเมืองใหญ่ต่างๆที่พวกเขาผ่าน  สินค้าจากแดนใต้เหล่านั้นได้แก่ ไข่มุก, หยก, ไวน์ขาว, ชีส, น้ำมันมะกอก, มิธริล*(mithril) และอื่นๆ
(ผู้แปล : มิธริล เป็นชื่อโลหะชนิดหนึ่งที่ใช้อ้างอิงถึงในเกมต่างๆ โดยมิธริลนั้นมีลักษณะสีเงิน แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็ก แต่มีน้ำหนักเบากว่ามาก)
ราชอาณาจักรโรเซนไฮม์เองนั้นไม่ได้มีเทคโนโลยีและการพาณิชย์ที่เจริญมากนัก  และอาจเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้สินค้าที่ซื้อขายเป็นจำนวนมากนั้นจะเป็นพวกอัญมณี, อาหาร และ แร่ดิบ
ในขณะที่ราชอาณาจักรอื่นๆซึ่งอยู่บริเวณใจกลางของทวีปนั้นจะมีบางเมืองหรือบางประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตอาวุธและชุดเกราะ และอาวุธของประเทศเหล่านั้นก็จะมีความทนทานและมีค่าพลังโจมตีและป้องกันที่ยอดเยี่ยมหากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ  แน่นอนว่าผู้เล่นที่เริ่มต้นในใจกลางของทวีปย่อมมีข้อได้เปรียบกว่าเป็นอย่างมาก  อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของการผจญภัยและโอกาสต่างๆที่ได้รับแล้ว ราชอาณาจักรโรเซนไฮม์ก็ไม่ได้เป็นทางเลือกที่แย่ไปซะทีเดียว
“ข้าต้องการหยก 40 ชิ้น”
หน้าที่ในการซื้อหาอัญมณีตกเป็นของเมแพน  ด้วยทักษะการบัญชีเขามี ทำให้มีโอกาสที่จะซื้อของได้จากร้านค้าได้ในราคาที่เหมาะสมยิ่งขึ้น  ทว่าหากเป็นการพยายามที่จะต่อราคาลงจนเกินควร  การตกลงแลกเปลี่ยนก็จะถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
และหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นทางเจ้าของร้านแลกเปลี่ยนจะไม่ยอมทำธุรกรรมทางธุรกิจใดๆกับคุณอีกเป็นระยะเวลาสูงสุดถึง 10 วันเลยทีเดียว  นี่จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก  ขณะนั้นเองเมแพนผู้ซึ่งเพิ่งจะทำการต่อรองเสร็จสิ้นได้หันมาทาง วีด
“ราคาสำหรับหยกคือ 760 เหรียญทอง,  จะให้ข้าซื้อหรือไม่?”
“อืม…ท่านสามารถต่อราคาลงอีกได้หรือไม่?”
“มันสุดๆแล้วล่ะ ด้วยระดับทักษะของข้าในตอนนี้”
มือของ วีด สั่นเทาในขณะที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเขา ก่อนที่จะหยิบเงิน 800 เหรียญทองออกมา  เมแพนนำเงินนั้นไปชำระค่าอัญมณีให้แก่ผู้ขาย จากนั้นจึงนำเงินทอนและอัญมณีส่งให้แก่ วีด.
“เราจะไปไหนกันต่อละทีนี้?”
“เราจะไปยังหมู่บ้านฟัลคอน ( Falcon village) เพื่อซื้อไข่มุก”
ไข่มุกถูกซื้อไปจำวนวน 50 เม็ดด้วยจำนวนเงิน 690 เหรียญทอง  จากนั้นก็เป็นการไปยังเหมืองถ่านหินเพื่อซื้อ มิธริล จำนวน 3 กิโลกรัม  กระเป๋าสตางค์ซึ่งเคยแต่เอาไว้ใช้เก็บเงินได้ถูกเปิดออกมา  และในที่สุดกระทั่งเศษเงินเล็กๆน้อยก็ถูกใช้จ่ายออกไปจนเหลือเงินเพียงแค่ 50 เหรียญทอง
ภายในระยะเวลาเพียงครู่เดียว  ทรัพย์สมบัติมากมายที่เขาเคยมีค่อยๆลดหายลงไปโดยที่กระเป๋าสตางค์อันแสนน่ารักของเขาไม่สามารถต่อต้านแข็งขืนได้  เมื่อการกว้านซื้อสิ้นสุดลง วีด เหลือเงินอยู่เพียง 50 เหรียญทองจากทรัพย์สินที่เขาเคยมีทั้งสิ้น 1700 เหรียญทองซึ่งเป็นเงินที่เขาหาและเก็บสะสมไว้อย่างยากลำบาก ทั้งหมดนี้ถูกใช้ไปภายในชั่วพริบตา
ในสหราชอาณาจักรบริทัน (United Kingdom of Briton) ที่อยู่ถัดจากเทือกเขาบาคุไปนั้น ราคาของอัญมณีมีราคาสูงกว่าอีกด้านหนึ่งของเทือกเขาอย่างน้อย 25%  ถึงแม้คนๆนั้นจะไม่ใช่พ่อค้าก็ตาม เขาก็ยังทำกำไรจากส่วนต่างของราคาตลาดและยังได้รับค่าชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก  ด้วยเหตุนี่เองพวกเขาจึงทำการซื้อสินค้าให้มากเท่าที่จะสามารถทำได้
“แต่,นี่เขากำลังทำอะไรน่ะ?”
ทุกๆครั้งที่ วีด เข้าเมืองไปเพื่อซื้อสินค้าท้องถิ่น เมแพนจะมองด้วยสายตาที่งุนงง  และแม้จะเป็นในยามที่ วีด กำลังเดินอยู่บนถนนเขาก็มักจะทำอะไรบางอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือการถอนพืชขึ้นมา จากนั้นก็นำมันใส่ลงไปในถุงอย่างขยันขันแข็ง เขาทำมันด้วยรอยยิ้มอันปลื้มปิติในทุกการกระทำของตนเอง
“ท่าน วีด, ไม่ทราบท่านพอจะบอกได้หรือไม่ว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่เหรือ?” เมแพนไม่สามารถต้านทานความอยากรู้อยากเห็นของตนเองได้, และคำตอบที่ได้รับจาก วีด ก็ช่างเรียบง่าย.
“หมายถึงนี่นะเหรอ? ข้ากำลังเก็บสมุนไพร”
“ถ้านี่เป็นสมุนไพร งั้น…”
“ข้ารู้จักสมุนไพรที่ใช้ทำยาได้; ภูมิประเทศบริเวณนี้ค่อนข้างขรุขระ และนั่นอาจเป็นสาเหตุมันมีสมุนไพรอยู่เป็นจำนวนมาก” เมแพนกลั้นหายใจ
“โอ!” วีด ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เปรียบเสมือนไอดอลของเมแพน, ท้ายที่สุดแล้วเขากลับกลายมาเป็นเป็ดแย่ๆแบบนี้
“ข้าตัดสินชายผู้นี้เร็วเกินไป!”
มาคิดดูแล้วเป็นข้าที่หลอกตนเองให้คิดว่าชายผู้นี้เป็นผู้ที่ล่าเดธไนท์และเหล่าอันเดธได้ด้วยตัวของเขาเองเพียงเพราะเขามีไอเท็มของพวกมันอยู่! บางทีเขาผู้นั้นอาจจะแค่โชคดีพบมันอยู่ที่ไหนซักแห่ง  แน่นอนว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนั้นขึ้นมันน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย  แต่เมแพนผู้ซึ่งสูญเสียความมั่นใจอย่างที่สุดในตัว วีด ลงกลับคิดไปถึงความเป็นไปได้นั้น
อย่างไรก็ตาม, เมแพนก็ยังเป็นมนษย์ปุถุชน  เป็นปุถุชนที่เชื่อมั่นในความยุติธรรมและพรหมลิขิต! ต้องขอบคุณ วีด ที่ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากมายในช่วงที่ผ่านมา  จากการซื้อขายไอเท็มเขาได้รับทั้งทักษะและเงินทอง  การที่เขาซื้ออัญมณีให้กับ วีด ในราคาที่สมเหตุสมผลช่วยเพิ่มระดับของทักษะแก่เขา  สถานการณ์ต่างๆเรียกได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียวดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องเปลี่ยนการตัดสินใจในการร่วมมือกับ วีด
“ในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง เราจะไม่ยอมตระบัดสัตย์เด็ดขาด!”
เมแพนได้เริ่มซื้อสินค้าพื้นเมืองของตนเองอย่างจริงจัง  เขาไม่มีทุนทรัพย์ที่มากมายเหมือน วีด ดังนั้นของที่เขาซื้อส่วนใหญ่จึงเป็นพวกของที่ใช้ประกอบอาหารจำพวกน้ำมันมะกอกหรือชีส  ของพวกนี้อาจจะไม่ได้มีกำไรที่มากนักทว่าราคาของพวกมันค่อนข้างคงที่  จึงมีข้อได้เปรียบในแง่ของการไม่มีความเสี่ยง
มีทักษะเสริมในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นเขาจึงได้ทำการซื้อแกะหลายตัวในราคาถูก พร้อมทั้งซื้อเกวียน เพื่อบรรทุกพวกมัน  แต่เนื่องจากม้ามีราคาสูงเกินกว่า 100 เหรียญทอง เขาจึงได้ซื้อล่อที่ใกล้ถึงวาระสุดท้ายในชีวิตมาตัวหนึ่ง  และแล้วการเตรียมตัวเพื่อออกเดินทางก็จบสิ้นลง
วีด ได้ทิ้งถุงจำนวนหลายๆใบที่เขาใช้แบกก่อนหน้านี้ โดยที่เขาได้มาแทนเป็นกระเป๋าเป้ที่เมแพนช่วยซื้อให้จากร้านขายของชำเพื่อที่จะใช้ใส่สมุนไพรของเขาลงไป  เป้ใบนี้สามารถบรรจุของได้มากเป็น 20 เท่าพร้อมทั้งลดน้ำหนักให้ได้ถึงหนึ่งในสี่  ภาพของ วีด ในสายตาของเมแพนในตอนนี้คือภาพของพ่อค้าขายของเร่ อย่างชัดเจน

******************************

เทือกเขาบาคุ
เทือกเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างแดนใต้ของราชอาณาจักโรเซนไฮม์กับแดนตะวันออกของสหราชอาณาจักรบริทัน  ทั้งสองประเทศต่างใช้เทือกเขานี้เป็นเส้นแบ่งเขตแดน แต่มันกลับถูกเรียกหาเป็นสวรรค์ของเหล่ามอนสเตอร์
มีมอนสเตอร์เพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด ! ภูมิประเทศที่มีพิ้นผิวขรุขระ!
ทั้งสองประเทศต่างมีกองกำลังแรนเจอร์ (ranger) ประจำอยู่ที่นี่เพื่อทำการกวาดล้างมอนสเตอร์อยู่เป็นระยะๆ เพราะหากไม่ทำเช่นนี้แล้วทั้งราชอาณาจักรโรเซนไฮม์และสหราชอาณาจักรบริทันจะประสบกับความเหนื่อยล้าจากมอนสเตอร์เหล่านั้น
โฮกกกกกก!!
ในระหว่างที่พวกเขาปีนเทือกเขา ได้มีเสียงดังอันน่ากลัวสะท้อนไปมา  มันเป็นเสียงอาละวาดของสัตว์พร้อมด้วยหูที่แว่วเสียงกิ่งไม้หักและเสียงขู่คำราม ที่แห่งนี้คือสวรรค์ของเหล่ามอนสเตอร์ตามคำร่ำลือโดยแท้
มันเป็นเรื่องแปลกที่จะมีมอนสเตอร์เยอะขนาดนี้ในสถานที่ที่ไม่ใช่ดันเจี้ยน ท้ายที่สุดเหล่ามอนสเตอร์ก็ปรากฎตัวขึ้นหน้าเกวียนของ วีด และเมแพน มันเป็นมอนสเตอร์ประเภทมนุษย์หมาป่าเลเวล 100 ที่เรียกว่า ไลแคนโทรปส์ (Lycanthropes)
ไลแคนโทรปส์ เป็นที่รู้จักกันว่าอาจะมีระดับสูงถึง 150  และแน่นอนว่าสำหรับในเทือกเขาแห่งนี้พวกมันเป็นพวกที่อยู่ระดับล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร และด้วยเหตุนี้เองพวกมันจึงถูกขับไล่ออกมาจากใจกลางเทือกเขาและมาคอยก่อกวนอยู่ในสถานที่ซึ่ง วีด และเมแพนกำลังเดินทางผ่านอยู่  พวกมันมักจะปรากฎตัวเป็นฝูง
ณ ตอนนี้ พวกมันปรากฎตัวออกมาพร้อมกันกว่า 10 ตัว เสียงคำรามที่ได้ยินเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาซึ่งฟังคล้ายเสีงหมาป่าหอนอาจจะดังมาจากพวกไลแคนโทรปส์พวกนี้  พวมมันหอนเนื่องจากการพบเห็นเหยื่อที่ได้เข้ามายังพื้นที่ล่าของพวกมัน  เมแพนผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งบนเวียนรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที
“พะ..พะ..พวก มันมาแล้ว , เราจะทำยังไงกันดี!? ท่านวีด  ท่านบอกว่าท่านจะเป็นคนรับมือกับพวกมันเองนี่”
แม้กระทั่งในตอนนี้ วีด ก็ยังคงใช้มีดแกะสลักของเขาอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับอย่างขยันขันแข็ง  มีดแกะสลักของซาฮับ (Zahab’s carving knife) เล่มนี้เป็นยูนิคไอเท็ม(unique item) ซึ่งประติมากรทุกรูปนามใฝ่ฝันที่จะได้ครอบครอง  มีดแกะสลักเคลื่อนไหวไหลลื่นไปกับลายไม้และช่วยสร้างสรรค์รูปแกะสลักอันงดงามออกมา
พวกไลแคนโทรปส์เคลื่อนเข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมทั้งปรากฎกายขึ้น  พวกมันมีรูปร่างที่เหมือนมนุษย์ยกเว้นส่วนหัวที่เป็นลักษณะของหมาป่า  ตามร่างกายของพวกมันปรากฎเป็นขนสีเทาปกลุมอยู่ทั่วร่าง  พวกมันเป็นปีศาจร้ายซึ่งสามารถกลายร่างเป็นสุนัขป่า
-ความเชี่ยวชาญในทักษะงานฝีมือเพิ่มขึ้น

-ทักษะงานฝีมือระดับปานกลาง - 4
ความสามารถในการใช้อุปกรณ์และการใช้มือเพิ่มขึ้น 5%
ส่งผลต่อทักษะหลายชนิดและค่าสถานะหลายค่า
เมื่อระดับทักษะงานฝีมือระดับกลางเพิ่มขึ้นไป 1 ระดับ ค่าสถานะจะเพิ่มขึ้น 5%   ในขณะที่หากเป็นการเลื่อนระดับที่ระดับพื้นฐาน(beginner level) จะได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้น 3% จากการเพิ่มแต่ละระดับ  เมื่อคิดให้ดี ผลที่ได้รับตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก  อย่างไรก็ตาม การยกระดับทักษะให้สูงขึ้นก็ยิ่งยากยิ่งขึ้นไปเป็นลำดับชั้น
“ช่างโชคดีเสียจริงๆ”
ตอนนั้นเองที่ วีด กำลังแกะสลักรายละเอียดอันยิบย่อยของรูปทรงของต้นไม้ที่เขาได้พบเห็น นั่นส่งผลให้ความชำนาญในการงานประติกมากรรมของเขาเพิ่มขึ้นอีก 1.5%  กล่าวถึงที่สุดแล้วมันมีกิ่งและใบจำนวนมาก  มันเป็นเรื่องยากในการแกะสลักต้นไม้ซึ่งผ่านกาลเวลาจนเกิดเป็นวงรอบปีจำนวนมาก  ว่ากันว่าการวาดภาพต้นไม้ที่มีอายุกว่าพันปีเป็นงานที่ยากและต้องใช้ความพยายามอย่างแสนสาหัสยิ่ง
วีด ได้แกะสลักต้นไม้ประดิษฐ์ซึ่งดูราวกับของจริงขึ้นมา  มันอาจจะไม่ใช่ผลงานที่น่าภาคภูมิใจนักทว่ามันเป็นงานแกะสลักที่ดีชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว  มีบางครั้งที่ทักษะประติมากรรมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะจนน่าประหลาดใจ และก็มีบางครั้งที่มันค้าเติ่งอยู่อย่างนั้นและแทบไม่ขยับไปไหน
เมื่อพิจารณาถึงระดับทักษะของ วีด ที่ระดับปานกลาง 4  การเพิ่มขึ้น 1.5% นี้ถือได้ว่าเยอะเป็นอย่างมาก  นอกจากนี้มันยังเป็นการเลื่อนระดับในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะเสียยิ่งกระไร นี่ช่วยให้ วีด มีค่าสถานะที่สูงขึ้น
“ทะ ท่าน วีด!”
และก่อนที่เมแพนจะร้องไห้ออกมา , วีด ก็ได้เก็บมีดแกะสลักพร้อมทั้งชักดาบออกจากฝัก  ดาบดินเหนียว ( clay sword) ที่มีคุณสมบัติธาตุความเย็น!
“จริงๆแล้วข้าก็นั่งมานานเกินไปหน่อยจนรู้สึกกล้ามเนื้อมันฝืดๆไปบ้าง  บางทีนี่คงได้เวลายืดเส้นยืดสายซะทีสินะ? น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เห็นตอนที่พวกมันกลายร่าง  แต่ไม่เป็นไรหรอก  พวกมันไม่ใช่ ไลแคนโทรปส์ กลุ่มเดียวที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาบาคุซะหน่อย”
วีด พูดพึมพำในขณะที่เขากำลังมองดู ไลแคนโทรปส์  การที่จะแกะสลักรูปร่างของ ไลแคนโทรปส์ นั้น มันเป็นการดีกว่าหากได้เห็นกระบวนการกลายร่าง  ทั้งนี้เนื่องจากมันมีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ระหว่างการแปลงร่าง  นั่นแปลว่าเขามีโอกาสจะสามารถสรรค์สร้างงานแกะหลักได้มากกว่าหนึ่งชิ้นเพื่อแสดงถึงกระบวนการในแต่ละขั้นตอนและสามารถเพิ่มทักษะการแกะสลักได้ไม่น้อย  ขณะที่ วีด กำลังลงจากเกวียนพร้อมกับกระชับดาบดินเหนียวให้กระชับ  เมแพนพลันส่งเสียงกรีดร้องจากด้านหลังของเขา
“ท่านคงไม่ได้จะใช้ดาบนั่นในการต่อสู้หรอกนะ?”
เมแพน ถึงกับช็อคเมื่อเขาเห็นดาบดินเหนียวนั่น  มันเป็นดาบที่มีรอยบิ่นและรอยบุบอยู่แทบจะทั้งด้าม! จากการใช้งานในการล่าที่ ลาเวียส อย่างหนักหน่วง , ค่าความทนทานของดาบดินเหนียวได้ลดลงไปจนแทบไม่มีเหลือ
แม้ว่า วีด จะได้รับอุปกรณ์จำนวนมากจากมอนสเตอร์พวกอันเดธ แต่ดาบที่ วีด ใช้งานอยู่ยังคงเป็นดาบดินเหนียวนั่น  โดยพวกดูลาฮานจะดร็อปแต่พวกอาวุธหนักๆพวก คฑาเหล็ก หรือ ขวาน  ในขณะที่พวกกูล (Ghoul) จะดร็อปแต่เพียงกรงเล็บเท่านั้น
อาวุธที่ได้จากเดธไนท์ก็ไม่สามารถใช้ได้ยกเว้นแต่ว่าคุณจะมีอาชีพไนท์ (Knight class) หรือมีเลเวลอย่างน้อย 200  ดังนั้นเอง วีด จึงไม่มีทางเลือกมากนักในการใช้อาวุธ  จากการที่เขาออกล่าเพียงลำพังในพื้นที่ที่ถูกแยกออกมา เขาจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก  ทุกๆครั้งที่ดาบหักเขาก็จะเปลี่ยนมัน  เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหมุนเวียนกันไปหลายต่อหลายครั้ง
ในขณะเดียวกันจำนวนของไลแคนโทรปส์ได้เพิ่มขึ้นทีละหนึ่ง ทีละสอง  จนกระทั่งตอนนี้จำนวนของ ไลแคนโทรปส์ กลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้นจนมีมากกว่า 20 ตัว  วีด สังเกตุเห็นถึงเมแพนซึ่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ดังนั้นเขาจึงได้วางดาบลงพร้อมทั้งก้าวออกไป

********************************

เป็นไปตามที่คาด ด้วยการสืบเชื้อสายมาจากหมาป่า พวกไลแคนโทรปส์ ได้เข้าโจมตีอย่างกล้าหาญ พวกมันตะกุยขาอย่างรุนแรง  ดีดตัวขึ้น พร้อมทั้งคำรามใส่อย่างดุร้าย
โบร๋วววว!
ไลแคนโทรปส์ คำรามอย่างน่าขยะแขยง! มันเป็นเสียงที่ครอบงำสนามรบ  เจ้าล่อแก่หวาดกลัวจนขาอ่อน ส่วนเมแพนกำลังเตรียมใจรับความตาย  ไลแคนโทรปส์ เป็นมอนสเตอร์ที่เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่มีทางให้หนีได้ และในตอนนั้นเอง
“อ๊ากกกกกกกกก!”
ริมผีปากของ วีด ระเบิดเสียงแผดร้องอันรุนแรงออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้น  เสียงนี้ก่อให้เกิดฝุ่นฟุ้งไปทั้งบริเวณ  ใบไม้แห้งที่กองอยู่บนพื้นแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  แม้กระทั่งกิ่งไม้ยังสั่นไหวราวกับกำลังจะหักโค่นลงมา  เป็นเสียงคำรามที่ปัดเป่าสิ่งที่ขวางหน้าอยู่ให้สูญสิ้นไป
ทักษะ: คุณได้ใช้ราชสีห์คำราม
ความเชี่ยวชาญในการใช้ราชสีห์คำรามเพิ่มขึ้น 1%!
ทักษะราชสีห์คำรามในปัจจุบัน: ระดับ 1, ที่ 1%.
เมื่อระดับทักษะสูงขึ้น, พลังความสามารถจะเพิ่มขึ้น
ไลแคนโทรปส์ เกิดอาการละล้าละลัง  หัวส่ายไปมาจากอาการหวาดกลัวหลังจากได้ยินเสียงคำรามนั้น  วีด ไม่ปล่อยโอกาสให้พลาด เขาพุ่งเข้าไปหามัน ล้มพวกมันลงด้วยกำปั้นของเขา

“หมัดไร้เงา(Speedy Shadow Fist)!”
ปง ปง ปง ปง!
“ย๊าก!”
วีด จู่โจม ไลแคนโทรปส์ อย่างรุนแรงด้วยกำปั้นของเขา! สำหรับ วีด ผู้ซึ่งล่าเดธไนท์เป็นหลักใน ลาเวียส นั้น พวก ไลแคนโทรปส์ ที่มีเลเวลเพียงแค่ 100 นั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาแม้แต่น้อย  แม้พวกมันจะมีจำนวนมากกว่าแต่การจะสร้างปัญหาให้กับ วีด นั้น พวกมันจำเป็นที่จะต้องสร้างความเสียหายให้แก่ วีด ให้ได้ก่อน  เหล่าไลแคนโทรปส์พากันพุ่งเข้าหา วีด อย่างดุร้าย
“7 ย่างก้าวแห่งสรวงสวรรค์ (Seven celestial steps)!”
พวกมันกระโจนขึ้นจากพื้น พร้อมลอยตัวเข้าหาเขา พร้อมด้วยกรงเล็บและเขี้ยวของมัน  วีด หลบหลีกโดยใช้ทักษะท่าเท้าของเขา  ในการสู้กับพวกมัน วีด ได้ค้นพบการใช้ท่าเท้าของเขาในอีกรูปแบบหนึ่ง  จนกระทั่งถึงตอนนี้ วีด ใช้ท่าเท้าอย่างมีเสถียรภาพในการหลบหลีกการโจมตี ทว่าทักษะท่าเท้าใน เส้นทางแห่งราชันย์ นั้นมีความสามารถเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร
ว่าตามกฎแห่งความเฉื่อยแล้ว ในระหว่างที่กำลังพุ่งตัวข้างหน้า  การหันตัวกลับไปทิศทาง 90 องศาในระหว่างที่วิ่งอยู่นั้นมันเป็นไปไม่ได้ในเลยโลกแห่งความเป็นจริง  อย่างไรก็ตามด้วยทักษะท่าเท้านี้ มันสามารถช่วยทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เกิดเป็นไปได้ขึ้นมา  ในระหว่างการวิ่งคุณสามารถเปลี่ยนทิศทางไปในทิศทางตรงกันข้ามกันได้โดยอาศัยการเร่งความเร็วในพริบตา
จากชื่อของทักษะสามารถสื่อความสามารถของมันได้เป็นอย่างดี  มันประกอบไปด้วย 7 ย่างก้าวซึ่งสามารถเปลี่ยนไปในทิศทางใดก็ได้ในชั่วพริบตาในขณะที่กำลังวิ่งอยู่ หรือใช้ปรากฎกายอย่างเฉียบพลันจากความว่างเปล่า  มันเป็นทักษะที่ประเมินค่าไม่ได้และเป็นที่ต้องการเป็นอันดับต้นๆของผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้
“7 ย่างก้าวแห่งสรวงสวรรค์!”
แม้ ไลแคนโทรปส์ จะรุมล้อมเข้ามาจากทุกทิศทาง ทว่า วีด ขยับกายเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถหลุดจากวงล้อมออกมาได้  และจากการที่เขาปรับเปลี่ยนทิศทางในชั่วพริบตานั้นเอง  มันเปรียบเสมือนการลากเส้นเชื่อมต่อเป็นรูปเจ็ดดาวเหนือ วีด ได้ทำให้เกิดภาพติดตาขึ้นมาจากการเคลื่อนไหวนั้น
ภาพลวงตา!
แน่นอน ไลแคนโทรปส์ ได้พุ่งเข้าโจมตีภาพลวงตาเหล่านั้น  ทันทีที่ วีด หนีออกจากวงล้อมได้สำเร็จเขาก็เริ่มการโจมตีของเขาทันที  ทุกครั้งที่กำปั้นของ วีด กระทบเป้าหมาย ไลแคนโทรปส์ ก็กลายเป็นสีเทาและเลือนหายไปทีละตัวๆ  เทือกเขาบาคุอันอุดมไปด้วยมอนสเตอร์! มันเป็นสถานที่ที่ไม่เคยสงบสุข  และตอนนี้เหตุการณ์แปลกประหลาดกำลังเริ่มต้นขึ้นที่นี่
“อ๊ากกกกกกกกก!”
“ว๊ากกกกกกกกก!”
เสียงคำรามอันกึกก้อง กังวานไปทั่วทั้งเทือกเขาซึ่งเป็นผลจากการที วีด ได้ใช้ราชสีห์คำราม! เพื่อจะเลื่อนระดับความเชี่ยวชาญของทักษะราชสีห์คำราม วีด จึงใช้ทักษะนี้โดยไม่สนใจว่าจะมีมอนสเตอร์ปรากฎตัวหรือไม่  ปรากฎเป็นเสียงคำรามสะท้อนดังอยู่ทั้งวันทั้งคืน
เทือกเขาบาคุอุดมไปด้วยมอสเตอร์ที่เหลือเฟือ นี่มันหมายถึงค่าประสบการณ์และเงิน! แล้วก็ไอเท็ม! โดยเฉพาะสำหรับ วีด ที่ชื่นชอบการต่อสู้แบบไม่มีที่สุดแล้ว  สถานที่ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์พวกนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านของเขา
“มันจะต้องมีดันเจี้ยนที่ยังไม่ถูกค้นพบอยู่ที่ไหนซักแห่งเป็นแน่!”
ข้อสันนิษฐานนี้มีความเป็นไปได้  นั่นเพราะพิ้นที่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของเทือกเขาเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ถูกสำรวจเลย เนื่องจากไม่มีเมืองหรือหมู่บ้านอยู่ในบริเวณใกล้เคียง  วีด ไม่ได้ตั้งใจที่จะค้นหามอนสเตอร์เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับมุ่งมั่นกับการพัฒนาทักษะแกะสลักของเขา  สิ่งที่ช่วยเพิ่มพูนให้ วีด สร้างความเสียหายได้มากขึ้นกลับมาจากทักษะการใช้ เคล็ดมีดสลัก ที่ซาฮับทิ้งไว้ให้   ทักษะนี้เป็นเทคนิคการโจมตีทะลุพลังป้องกันของศัตรู  นี่เป็นทักษะที่จะเป็นประโยชน์ยิ่งๆขึ้นไปในภายหลัง
ส่วนทักษะที่จักรพรรดิเกอิฮา (emperor Geihar) เหลือทิ้งไว้ให้คือการมอบชีวิตให้งานแกะสลัก, ประติมากรรมประทานชีพ (Sculptural Life Bestowal) ! ผลงานประติมากรรมที่ถูกแกะสลักอย่างซาบซึ้งจะสู้เพื่อเจ้านายของพวกมัน
งานแกะสลักที่ถูกสร้างขึ้นด้วยค่าสถานะทางศิลปะที่สูงกว่าจะแข็งแกร่งกว่า  แถมยังสามารถเพิ่มระดับได้หลังจากได้รับมอบชีวิตมาด้วย  นี่เป็นทักษะที่ช่วยให้จักรพรรดิเกอิฮาสามารถพิชิตทั่วทั้งทวีปมาแล้วในอดีต  และภายใต้สถานการณ์หนึ่งๆหากได้มอบชีวิตให้แก่ผลงานประติมากรรมแล้ว วีด จะได้รับลูกน้องที่ยินยอมเชื่อฟังเขาในทุกสถานการณ์อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“ยืนยันทักษะ! ประติมากรรมประทานชีพ!”
ประติมากรรมประทานชีพ: ทักษะที่จักรพรรดิ เกอิฮา ตกทอดให้แก่ผู้สืบทอดของเขา  ทักษะของประติมากรซึ่งไม่เป็นที่ล่วงรู้แก่ผู้อื่น
ข้อจำกัด: สามารถใช้เมื่อมีความชำนาญประติมากรรมขั้นสูง (Advanced Sculpture mastery)
การเรียกใช้ทักษะ: ใช้มานา 5000, สูญเสียค่าสถานะศิลปะอย่างถาวร 10 หน่วย, เลเวลลดลง 2 ระดับ.
ข้อควรระวัง!
รูปปั้นมีภาคภูมิใจอย่างแรงกล้าต่อความเป็นเอกลักษณ์ของตน  เมื่อมันเห็นรูปปั้นอื่นที่มีลักษณะเหมือนกับมัน  มันจะเข้าไปต่อสู้กับรูปปั้นนั้นด้วยความเกลียดชัง
ในการที่จะใช้ทักษะนี้ได้นั้น จำเป็นที่จะต้องมีทักษะประติมากรรมในระดับสูง ซึ่งยังคงเป็นเรื่องที่ห่างไกลสำหรับ วีด  ยิ่งไปกว่านั้นผลพวงจากการมอบชีวิตให้แก่งานประติมากรรมได้แก่การสูญเสียค่าสถานะศิลปะพร้อมทั้งเลเวล ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำซ้ำได้เรื่อยๆ
“เป็นทักษะที่น่าขำสิ้นดี , แต่มันเป็นเทคนิคที่มีประโยชน์อย่างแน่นอน!”
เคล็ดมีดสลัก และทักษะการมอบชีวิตแก่รูปปั้นเป็นเทคนิคอันทรงพลังที่ตกทอดมาจากสอง ปรมาจารย์แห่งการแกะสลัก (Master Sculptor)  วีด ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าอีกสามทักษะที่เหลือจะทรงอำนาจขนาดไหน  นอกเหนือไปจากนั้น เขาตั้งคำถามกับตนเอง  เส้นทางแห่งประติมากรจะจบลงเช่นไรหากเขาได้ครอบครองทักษะทั้งห้าอย่างแล้ว?
ก่อนหน้านี้ วีด ได้รับโอกาสที่จะเปลี่ยนอาชีพเป็น มาสเตอร์ไฟท์เตอร์ ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ แต่เขาเลือกที่จะละทิ้งโอกาสนั้นและเป็น ประติมากรแสงจันทร์ในตำนานต่อไป  ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ได้สร้างความกังวลให้เขาแต่อย่างใด
นอกจากจะสามารถเพิ่มระดับทักษะงานฝีมือที่รวดเร็วกว่าคนอื่น และ เคล็ดมีดสลักแล้ว เขายังมองไม่เห็นผลประโชน์อย่างอื่นเลย  แต่สิ่งที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้คือพยายามไล่ตามพวกอัศวินและนักดาบเหล่านั้น  ประติมากรก็มีเส้นทางเดินแห่งประติมากรและมีโอกาสของมันอยู่  ขอเพียงแค่เราสามารถใช้โอกาสนั้นให้เกิดประโยชน์อย่างสูงที่สุด
‘การทำลายผลงานประติมากรรมเพื่อมอบชีวิตแก่รูปปั้น, รวมไปถึงเคล็ดมีดสลัก! ชั้นจะต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ความสามารถของชั้น, ชั้นจะต้องหาทักษะที่เหลือให้พบ.และท้ายที่สุดชั้นจะต้องครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างแห่งประติมากรรม’
การเพิ่มขึ้นของทักษะประติมากรรมจะส่งผลกระทบต่อทุกอย่าง  ยามที่ไม่มีมอนสเตอร์ปรากฎกาย วีด จะนั่งอยู่ในรถและทำการแกะสลัก  เขาได้สร้างงานแกะสลักเป็นฉากการต่อสูกับมอนสเตอร์ หรือ ภาพทิวทัศน์เสมือนจริงรวมถึงต้นไม้!
-ทักษะประติมากรรมเพิ่มขึ้นเป็นระดับกลาง เลเวล 3
งานแกะสลักจะมีความละเอียดสูงขึ้น เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น
ในที่สุดทักษะประติมากรรมระดับกลางก็เลื่อนขึ้นไปสู่เลเวล 3  หลังจากที่ระดับเพิ่มขึ้น วีด ได้นำมรกต, ไข่มุก และหยกที่เขาซื้อมาระหว่างการเดินทางไปทั่วราชอาณาจักรโรเซนไฮม์ออกมา
“ท่านกำลังทำอะไร?”
หลังจากผ่านไปได้ครึ่งทางของเทือกเขาบาคุ  เมแพนก็ต้องรู้สึกงงงวยเมื่อเห็น วีด นำอัญมณีออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  มันไม่มีเหตุผลที่ วีด จะทำเพื่ออวดความร่ำรวย และมันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะนำมันออกมาแจกจ่ายพวกมอนสเตอร์
‘นั่นเขาเอามันออกมาเพิ่อพิจารณาอัญมณีพวกนั้นอย่างละเอียดอย่างนั้นเหรอ?’
แต่เมื่อ เมแพน ได้เห็นการกระทำต่อไปของ วีด เขาถึงกับช็อคเลยทีเดียว  วีด กำลังเริ่มใช้มีดแกะสลักของเขาแกะลงไปในอัญมณีเหล่านั้น
“เฮ้ย!”
เมแพนเผลอร้องออกมาโดยไม่ได้เจตนา  เนื่องด้วยเป็นเขาเองที่เป็นคนซื้ออัญมณีพวกนี้มา เขาจึงรู้มูลค่าของมันเป็นอย่างดีจนบางทีดีจนเกินไปซะด้วยซ้ำ  พวกมันมีมูลค่าที่สูงมากๆ!   ถึงแม้พวกยังไม่ได้ผ่านกระบวนการเจียระไนก็ตาม  แต่ราคาของมันก็สูงพอที่จะทำให้คนๆหนึ่งหน้ามืดได้  แต่นี่ วีด กำลังแกะพื้นผิวของพวกมันต่อไปด้วยมีดแกะสลักของเขาเล่มนั้น
“ทะท่าน…ทะ ทำ อะอะ ไร…?”
แต่ก่อนที่เขาจะพยายามเข้าไปหยุดการกระทำของ วีด  ดวงตาของเขากลับเบิ่งกว้างออกด้วยความประหลาดใจ เพราะอัญมณีก้อนนั้นกำลังเริ่มถูกแกะเป็นรูปเป็นร่างไปทีละนิด ทีละนิด  องศาในการแกะสลักนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแม้ว่าคุณจะตั้งใจดูมันอยู่ก็ตาม  เมื่อการแกะสลักเสร็จสิ้นลง ประกายที่เปล่งออกมาจากอัญมณีก้อนนั้นก็ยิ่งแจ่มจรัสยิ่งขึ้น

เมแพน มองตามมือของ วีด ที่เคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดหย่อนด้วยอาการเหม่อลอย
“มันช่างสวยงามยิ่งนัก!”
*แกร๊ก แกร็ก *
สายตาของ เมแพน เปี่ยมไปด้วยความสงสัย ขณะไล่มองตามการขึ้นรูปอัญมณีโดยใช้มีดแกะสลักของซาฮับ เหลี่ยมมุมของอัญมณีค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดกลายเป็นอัญมณีที่ส่องประกายสว่างสดใส
“มันกลายมาเป็นอัญมณีที่งดงามขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ด้วยทักษะแกะสลักระดับกลางของ วีด ที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้เขาสามาถนำมันมาใช้กับพวกอัญมณีได้  ในการแกะสลักอัญมณีนั้นคุณจำเป็นต้องมีทักษะพื้นฐานรวมทั้งทักษะงานฝีมือ  สำหรับ วีด ผู้ซึ่งมีทักษะระดับขั้นกลางแล้ว เขาไม่ได้ขาดคุณสมบัติด้านงานฝีมือแม้แต่น้อย  ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีมีดแกะสลักของซาฮับซึ่งเป็นไอเท็มเฉพาะอันเปรียบได้กับสมบัติล้ำค่าแห่งประติมากรอีกต่างหาก!
อย่างไรก็ตาม ทักษะงานฝีมือพื้นฐานเป็นเพียงแค่เงื่อนไขตั้งต้น  สิ่งที่ทำให้อัญมณีออกมางดงามแท้จริงแล้วมาจากค่าสถานะศิลปะของ วีด ซึ่งมีค่าเกือบๆ 300  โดยที่อาชีพประติมากรแสงจันทร์ในตำนานนั้นเพิ่มค่า +100 ให้แก่ค่าสถานะศิลปะ  ส่วนที่เหลือล้วนมาจากงานระดับมาสเตอร์พีชและรูปแกะสลักอื่นๆที่เขาได้สร้างขึ้น  ด้วยค่าสถาะศิลปะที่สูงจนน่าอัศจรรย์นี้เองที่ส่งผลไปยังอัญมณีเหล่านั้น
“มันช่างเปล่งประกายเงางามเสียยิ่งกระไร….!”
เมแพน สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างเนื่องจากเขาจินตนาการได้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป  การซื้ออัญมณีดิบจากราชอาณาจักรโรเซนไฮม์ไปขายยังสหราชอาณาจักรแห่งบริทันนั้นสามารถให้ผลกำไรที่สูงอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีจะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้า วีด เจียระไนอัญมณีพวกนั้นและขายมัน? และยิ่งเป็นอัญมณีที่เป็นผลงานที่สรรสร้างด้วยหัวใจและจิตวิญญาณแห่งประติมากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดล่ะ, ราคาของมันจะสูงถึงขนาดไหนกัน…?
‘ชั้นไม่สามารถคาดการณ์ได้แม้แต่น้อย!’
เมแพนตกอยู่ในห้วงภวังค์ของความคิด เขาบังคับเกวียนอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนขั้นตอนการเจียระไน และแม้จะดูเหมือนว่ากำลังทำงานอย่างชุ่ยๆ ทว่าเนื่องด้วยทักษะงานฝีมือที่สูงลิบประกอบกับมีดแกะสลักทำให้งานศิลปะอันงดงามถูกผลิตออกมา
อาหารที่ วีด ประกอบขึ้นไม่ใช่เพียงแต่ดูดีเท่านั้น มันยังมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะทักษะงานฝีมือ, ทำอาหาร และแกะสลัก ซึ่งอยูในระดับปานกลางทั้งหมด  และตอนนี้มันกำลังถูกแสดงให้เห็นอีกครั้งจากอัญมณีที่ วีด แกะสลักอยู่


เล่มที่ 3 ตอนที่ 1 จบ

********************************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: