วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 4 ตอนที่ 6 การล้อมโจมตี ณ ป้อมปราการแห่งโอดีน (Siege of Ohdein Castle)

เล่มที่ 4 ตอนที่ 6 การล้อมโจมตี ณ ป้อมปราการแห่งโอดีน (Siege of Ohdein Castle)



วีดเดินทางออกจากเมือง เรกะ (Rega) ด้วยความตื่นเต้น

“เราไม่ได้สู้มานานพอดู”
โดยปกติแล้ววีดมักจะต่อสู้ท่ามกลางมอนสเตอร์ที่อันตรายอยู่เสมอ แต่หลายเดือนที่ผ่านมาเขาเอาแต่พัฒนาทักษะงานฝีมือ  นั่นทำให้วีดรู้สึกราวกับสูญเสียสัญชาตญาณการต่อสู้ไป         การต่อสู้นั้นก็เปรียบเหมือนการเดินบนเชือกบางๆ   ถ้าพลาดพลั้งแม้เพียงก้าวเดียว  ก็จะตกจากเชือกเส้นนั้นได้  ซึ่งการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์อันตรายๆ  ก็เป็นเช่นเดียวกัน


“เราอาจจะต้องตายอย่างเดียวดายและถูกลืมเลือนไป…”
วีดรู้สึกอ่อนแอลงอย่างมาก   บางทีสาเหตุของความกลัวน่าจะเกิดขึ้นจากความที่ว่า  ในระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังออกล่ามอนสเตอร์  แต่เขากลับต้องพัฒนาทักษะงานฝีมือ

ผ่านมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่เขากลับมาจากเควส ภารกิจแห่งเฟรย่า (Order of Freya)  และครั้งสุดท้ายที่เลเวลเขาขึ้นก็คือ 9 เลเวลในเควสนั้น (วีดหมายถึงเควสในเล่มสี่ตอน  1-ผู้แปล)

บางครั้ง  วีดก็ได้รับการกระซิบจาก  เพล  เล่าว่าเขา , เซอร์กะ ,ไอรีน , โรมูนะ ผ่านเลเวล 190 กันแล้ว  ขนาดเมแพน ก็เลเวลถึง 160  ส่วน     ฮวารยองนั้นเลเวลถึง 210 แล้ว

ทุกๆ คนกำลังก้าวไปข้างหน้า  แต่วีดกลับอยู่กับที่  กระนั้นก็พูดเต็มปากไม่ได้ว่าวีดไม่ได้อะไรเลย เพราะ ในระหว่างหลายเดือนที่ผ่านมานี้  เขาก็ก้าวหน้าพอสมควร    แม้ ‘เลเวล’ จะไม่เพิ่มขึ้น  แต่ ‘ค่าสถานะ’ ไม่เป็นแบบนั้น   และตัววีดก็ยังได้เรียนทักษะลับอีกด้วย
.
.
.
.
.
“คุณพระ!”
“ตายแน่เลย”

แม้จะต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่า  แต่เหล่านักดาบ ก็ไม่ลังเล   เป้าหมายของพวกเขาคือแข็งแกร่งยิ่งๆ ขึ้นไป

การฟาดฟันรวดเร็วดุดสายฟ้าของพวกเขา  ทำให้พวกหมาป่าสับสน   การรุกอย่างไม่หยุดยั้ง และการโจมตีจากหลายทิศทาง     ในที่สุดพวกเขาก็ล้มมันลงได้

ยิ่งพวกเขาเล่นเกมนี้ไปมากเพียงใด ยิ่งทำให้พวกเขาถูกมองว่าเป็น  “กลุ่มชายฉกรรจ์ผู้บ้าคลั่ง”
ผู้เล่น 500 คน ซึ่งถูกนำโดย นักดาบ 1 – 5
“เอ่ออคือ….อาจารย์ครับ?”
“มีอะไรรึ นักดาบ 2 ?”
“เรื่องเกี่ยวกับวีดครับ”
.
.
.
นักดาบ กระซิบหาวีดไม่บ่อยนัก เพราะเขารู้สึกไม่สบายใจที่จะไปรบกวนวีด ซึ่งให้ความช่วยเหลือพวกเขาอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม นักดาบ 2 และนักดาบ 3 ก็ยังติดต่อวีดอยู่เสมอ  ด้วยเหตุผลเดียว
ข้อมูลข่าวสารคือพลัง!!

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  การรู้มากกว่าคนอื่นจะช่วยให้พวกเขานำหน้า  ไม่ว่าจะเป็นการหาอาหารอร่อยๆ  มอนสเตอร์ตัวไหนดร็อบไอเทมดีๆ และยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองคนยังได้เรียนทักษะทำอาหาร   ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เพื่อไอดอลของพวกเขา --อาจารย์ ผู้ซึ่งทำให้พวกเขาประหลาดใจอยู่เสมอ

นักดาบ  ฟาดฟันดาบของเขาราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นปกติธรรมดาบนโลกใบนี้    เขาฟาดฟันอย่างเฉียบคมแม่นยำ จนหมาป่าไม่สามารถหลบรอดจากการโจมตีนั้นได้    เหล่าลูกศิษย์ ต่างรู้สึกหลงไหลเมื่อเห็นการต่อสู้ของอาจารย์

“ก็รู้นะว่า  อาจารย์เป็นปรมาจารย์ด้านดาบ  แต่ว่านะ…..”
“บอกแล้วไง อาจารย์สุดยอดที่สุด”

เหล่าลูกศิษย์ต่างชมเชยอาจารย์ของตน
.
.

นักดาบ 2 เอ่ยต่อไปว่า
“วีดทำภารกิจสำเร็จแล้ว และกำลังจะออกล่ามอนสเตอร์ครับ”
“เยี่ยม  ข้าอยากจะเห็นเขาต่อสู้มานานแล้ว      การจะประเมินค่าเขาได้นั้น  ต้องประเมินจากการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น”
“แต่ วีดไม่ได้สู้มานานแล้วนะครับ  จะไหวเหรอครับ?”
“ใช่ๆ” นักดาบคนอื่นๆกล่าวเสริม
“พวกเจ้าคิดว่า วีดที่ไม่ได้จับดาบมานาน จะลืมวิธีการต่อสู้งั้นรึ?”
“เอ่อ….ก็”

“ฮ่าๆ “   คำพูดของลูกศิษย์ทำให้อาจารย์รู้สึกขบขัน
“ไม่ขำนะอาจารย์  ถ้าไม่ได้จับดาบนาน  ทักษะก็น่าจะเสื่อมลง”
“นักดาบ 2”
“ครับ อาจารย์?”
“ผู้ล่า ไม่มีวันที่จะลืมวิธีการล่าเด็ดขาด ไม่ว่าจะล่าดุจสิงโตหรือล่าดุจแมวก็ตาม”
“อืมม…ก็จริงนะครับ อาจารย์”

แม้คำพูดเขาจะเห็นด้วย   แต่ในใจนั้นกลับปฏิเสธ  เขาคิดว่า กระทั่งนักกีฬาชั้นเยี่ยม  หากหยุดซ้อมเป็นเวลานาน ความสามารถก็ต้องถดถอยลง

“และนักรบนั้น เมื่อพวกเขาใส่ดาบเข้าฝักสักระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาก็จะรู้”
“อะไรนะครับ? “  นักดาบ 2 กล่าวออกมาอย่างรีบร้อนเนื่องจากไม่ทันฟังที่อาจารย์พูด
“การที่จะพิชิตเป้าหมายของพวกเรานั้น  เราต้องไม่พึ่งพายา หรืออาวุธปืน    และเราต้องสามารถแยกตัวตนของเราออกจากดาบ     เรียนรู้ที่จะวางดาบ  และต้องฝึกฝนจิตใจเราอยู่เสมอ   นี่เป็นหนทางหนึ่งในการฝึกฝน  ”
.
.
.
ผู้คนจำนวนมากในป้อมปราการแห่งโอดีน(Fort Ohdein)กำลังดำเนินกิจธุระของตน

“ขายเสบียง!!”
“ใช้ทุกอย่างที่พวกนายมี   ป้องกันป้อมไว้   และทำลายกิลด์ บอลข่านลงให้ได้ (Balkans guild)”
“ตอบโต้ทุกการโจมตีของพวกมัน อย่าให้พวกมันคืบเข้ามาได้แม้แต่นิ้วเดียว”
กองกำลังผสมระหว่างกิลด์มารวมตัวกันที่ ป้อมปราการโอดิน

.
.
.
ในตอนแรก กิลด์โอเอซิส(Oasis guild)  กิลด์รุ่งโรจน์(Prosperity guild) และกิลด์ปีกแห่งพฤษภา(Wings of May guild) นั้นเป็นพันธมิตรกัน          พวกเขาปกครองป้อมปราการร่วมกัน
แต่เนื่องจากป้อมปราการนี้มีผลประโยชน์มหาศาล  กิลด์รุ่งโรจน์จึงหักหลักพันธมิตร    สองกิลด์ที่เหลือพยายามเจรจาต่อรอง แต่ก็ไม่เป็นผล

กำลังหลักของกิลด์โอเอซิสประกอบไปด้วยนักรบรับจ้างที่ทะเลาะกันแต่เรื่องขาดทุน  และกระจัดกระจายกันไป  แต่กิลด์ปีกแห่งพฤษภานั้น สาบานที่จะล้างแค้นเมื่อพวกเขาออกจากพันธมิตร


ณ กิลด์บอลข่าน  หัวหน้ากิลด์กำลังลับมีดของตน
“พวกเราต้องเอาสิ่งที่พวกมันขโมยไปจากเรา กลับคืนมา!!!”  หัวหน้ากิลด์ตะโกนก้อง

พวกเขารวมพลหลายครั้งและพยายามจะยึดป้อมปราการให้ได้  แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ทุกครั้งไป    แต่ตอนนี้  ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วเมื่อกิลด์ปีกแห่งพฤษภาเข้าร่วมกับกิลด์บอลข่าน   ดังนั้นตอนนี้ กำลังพลของพวกเขาจึงเหนือกว่าศัตรูแล้ว


ป้อมปราการแห่งโอดินนั้น ตั้งอยู่บริเวณชายแดนระหว่าง อาณาจักรเลเดิร์น กับสมาพันธรัฐบริทิช
พ่อค้าจำนวนมากต้องผ่านประตูนี้ทุกวันและจ่ายเงินในกระเป๋าให้แก่เจ้าของป้อมปราการ


ทั้งสองฝ่ายรวบรวมกำลังคนได้จำนวนมาก แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

ตอนนี้ ความสนใจทั้งหมดจดจ้องไปที่ป้อมปราการ
เหลือเวลาเพียงสองชั่วโมงก่อนการเข้าโจมตี
ในขณะที่กิลด์บอลข่าน ค่อยๆ คืบคลานเข้าใกล้ป้อมปราการ     แต่ภายในป้อมนั้น เหล่าผู้ป้องกันก็กำลังอลหม่าน
“กองทัพของพวกมันมาถึงแล้ว”
“กองที่สองมารวมกัน  เตรียมรับคำสั่ง”
“กองที่สามประจำตำแหน่งแล้ว”
“กองที่สี่พร้อมแล้ว”
กิลด์รุ่งโรจน์ แบ่งกำลังเป็นสี่กอง  กองละ 3,000 คน  กองกำลังหลักป้องกันกำแพงและทำหน้าที่ต่อสู้  กองที่สองป้องกันที่ประตูในกรณีที่มีการเจรจา    กองกำลังที่สามซึ่งประกอบด้วยนักธนูและนักเวท คอยสนับสนุนด้านหลังและ ประจำที่หอคอย   กองสุดท้ายที่ประกอบไปด้วยมือใหม่รับผิดชอบในการสนับสนุนเสบียงรบ

จริงๆ แล้วป้อมปราการนั้นมีเหล่า NPCs คอยป้องกันเช่นกัน  พวกเขาไม่ค่อยชอบใจกับสงคราม แต่ก็ไม่มีผู้เล่นสนใจความเห็นพวกเขา
หัวหน้ากิลด์รุ่งโรจน์สนใจแค่เพียงอย่างเดียวคือชัยชนะ  เพราะถ้าหากสูญเสียป้อมไป  นั่นหมายถึงสูญสิ้นทุกอย่าง  ดังนั้นพวกเขาจึงทุ่มทุกอย่าง และว่าจ้างเหล่านักรบรับจ้างด้วยเงินมากกว่าที่กิลด์บอลข่านให้ถึงสามเท่า

นักรบรับจ้างจำนวนมากรวมตัวกันด้านหลังป้อมปราการ
“หน้าที่ของพวกเราคือรอ    รอจนกว่าการต่อสู้จะถึงจุดวิกฤต  พวกเราค่อยเข้าร่วมการต่อสู้   ใครมีคำถามไหม?”
หลังจากไบร์น (Brine)  ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการของกิลด์รุ่งโรจน์กล่าวจบประโยค  มีเพียงเสียงกระทบของเกราะและอาวุธดังขึ้น  เหล่านักรบรับจ้างตรวจเช็คอาวุธของตนเอง และค่อยๆ จ้องมองไปที่กำแพง


“ดูทหารพวกนั้นสิ  นี่เป็นโอกาสที่หาดูได้ยากมากเลยนะ  ”
“ดูนั่น   วิซาร์ดกำลังเหาะอยู่”
“คนเยอะขนาดนี้  การต่อสู้ครั้งนี้ต้องรุนแรงมากแน่ๆ…”
“พวกบอลข่านไม่พอใจทุกคนที่ป้องกันป้อมนี้    ซึ่งนั่นรวมถึงพวกเราด้วย”
“หมายความว่าเรามีโอกาสที่จะตายสูงเหรอ?”

ในระหว่างที่รอคอยเหล่านักรบรับจ้างก็สนทนากันไป

กิลด์ผู้รุ่งโรจน์ให้คำมั่นกับพวกเขาว่า จะให้ 10 เหรียญทองสำหรับการเข้าร่วม  ,  เพิ่มอีก 5 เหรียญทอง ต่อการฆ่าได้ 1 คน  และอีก 20 เหรียญทองถ้าสามารถรอดมาได้!!      ซึ่งสองอย่างหลังนั้นจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้รับชัยชนะเท่านั้น  แต่ผู้เล่นจำนวนมากก็มิได้เข้าร่วมเพราะเห็นแก่เงินอย่างเดียว พวกเขายังเข้าร่วมเพราะหลงเสน่ห์ในการต่อสู้ด้วย

ตึง! ตึ้ง! ตึ้ง!  ตึ้ง!
เสียงกลองและแตรดังขึ้นที่ไหนสักแห่งหลังกำแพง
“พวกมันมาแล้ว”
วิซาร์ดกับนักธนูเข้าประจำตำแหน่ง  ในขณะที่ด้านล่างของพวกเขาเต็มไปด้วยพวกนักรบรับจ้าง

พื้นเริ่มสั่นสะเทือนเมื่อผู้คนจำนวนมากเริ่มเคลื่อนพล
“อัศวินกางเขนเหล็ก(Iron Cross Knights)  ป้องกันป้อมไว้จากพวกบอลข่าน!!”
“พวกศัตรูมาแล้ว!!”
“เอาแล้วว มันเริ่มแล้ว!”

เหล่านักรบรับจ้างกระโจนออกจากตำแหน่งและเริ่มกู่ร้อง
“โอ้ววววววว!”
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
“ป้องกันป้อมไว้  อย่าให้พวกมันบุกเข้ามาได้!”

เมื่อได้ยินเสียงกลองและแตรดังขึ้น  เหล่านักรบรับจ้างต่างร้องตะโกนเสียงดังและเขย่าแขนอย่างเริงร่า  พวกเขาตื่นเต้นมาก
แต่ก็มีบุรุษผู้หนึ่งยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับออกจากที่
ธีโอดอร์ เดินเข้าไปหาเขา
“ดูท่าทางนายกำลังกลัวนะ    ไม่ต้องห่วงหรอก  ไม่เป็นอะไรหรอก  ครั้งแรกใครๆ ก็กลัวกันทั้งนั้น”     ธีโอดอร์กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ

ธีโอดอร์เป็นทหารผู้มีประสบการณ์ในการศึก  เขาผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง  ดังนั้นเขาจึงพยายามทำให้พวกมือใหม่ใจเย็นขึ้นด้วยการแสดงถึงความเข้มแข็งของตน

“โอ๊ะ  เริ่มแล้วงั้นเหรอ?”    มือใหม่คนนั้นกล่าวขึ้นอย่างงงๆ  พร้อมกับมองไปรอบๆ
“ใช่แล้ว  เอ๊ะ  รอเดี๋ยว  นายทำอะไรอยู่  ตุ๊กตาเหรอ?”
ธีโอดอร์ ชะโงกมองเข้าไปใกล้ๆ สิ่งที่มือใหม่คนนี้กำลังทำ    ดูเหมือนว่าเขากำลังแกะสลักผีเสื้อจากกิ่งไม้ที่ตัดจากในป้อม


กองอัศวินกางเขนเหล็ก   แม้พวกเขาจะเป็นที่น่าหวาดกลัวของฝ่ายผู้บุกรุก   แต่ก็ไม่อาจห้ามไม่ให้เกิดการบุกได้ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ฝ่ายผู้บุรุกต้องการยึดป้อมคืนให้ได้      แต่กระนั้นก็พวกเขาไม่สามารถเทียบกับพวกอัศวินได้


เหล่าอัศวินยืนอยู่บนเนินที่ห่างออกไป และคอยคำสั่งของผู้บังคับบัญชาการต่อสู้    ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกตัดสินในการบุกครั้งที่สอง และนั่นเป็นเวลาที่เหล่าอัศวินจะเข้าร่วม

หัวหน้ากิลด์บอลข่านร้องตะโกน
“ทหารทุกคน ! พวกมันมาแล้ว!   เราจะชิงป้อมของเรากลับคืนมา!!”
ด้วยคำพูดของเขา  เหล่านักรบจำนวนมากได้เคลื่อนเข้าโจมตี  

เมื่อได้เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อและน่าหวาดหวั่น นี้    ผู้เล่นในป้อมต่างรู้สึกสั่นเทา

“บอลเพลิง!” (Fire ball!)
“ยิงล็อคเป้า!” (Aimed shot!)

นักเวทและนักธนูบนกำแพงต่างยิงเวทและลูกธนูใส่ทัพของผู้บุกรุก   แต่ด้วยจำนวนมหาศาลที่บุกเข้ามานั้น  จึงทำให้ดูเหมือนเป็นการโยนก้อนกรวดลงทะเล

ฝ่ายผู้บุกรุกโต้กลับด้วยโกเลม   นักฆ่าแทรกซึมเข้ามาในป้อม และเชือดคอเหล่านักเวท    เชือกและบันไดพาดไปตามกำแพงป้อม
บาลิสต้าและเทร๊ะบิวเช่  (Ballistae and trebuchets) (เครื่องเหวี่ยงแบบโพรเจ็คไทล์) ระดมยิงหินและลูกเหล็กลอยข้ามพวกพ้องไปตกใส่ศัตรู

ก่อนหน้านี้ ความพยายามในการบุกป้อมปราการแห่งโอดินล้วนล้มเหลวเนื่องจากการป้องกันที่แข็งแกร่ง  แต่ตอนนี้ ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรใหม่  และเงินทุนจำนวนมหาศาล ที่บางส่วนใช้จ่ายสำหรับอาวุธเพื่อการเข้าตีเมืองโดยเฉพาะ     ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในระดับที่สามารถคุกคามป้อมปราการได้

ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มทุกอย่างออกมา    ช่างเป็นการต่อสู้ที่เลอเลิศ

กองทัพนักรบรับจ้างภายใต้การนำของไบร์นเข้าร่วมการต่อสู้ในอีก 4 ชั่วโมงต่อมา     กำแพงของป้อมปราการได้ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของพวกบอลข่านแล้ว   อย่างไรก็ตาม   ความสำเร็จของพวกเขานั้นแลกมาด้วยเลือดของเหล่าทหาร     นักธนูและ Npcs เกือบสามส่วนถูกฆ่าในการต่อสู้
กิลด์รุ่งโรจน์  ไม่รู้สึกเสียดายในการจ่ายเงินเพื่อป้องกันโอดินไว้

หลังจากการต่อสู้ยาวนาน   ตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังของทั้งสองฝ่ายจะพอๆกัน
.
.
.
กองกำลังของผู้บุกรุกมุ่งไปที่หอฝึกตน  ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับกองกำลังนักรบรับจ้างของไบร์น

“ทุกคน  หยุดอยู่กับที่”
แม้จะไม่กล่าวออกมา   ทุกคนก็รู้ว่าไม่มีทางหนีอีกแล้ว  
เหล่านักรบรับจ้างกำลังจนมุม   และศัตรูก็อยู่ข้างหน้านี้
ดังนั้นพวกเขาจึงชักอาวุธออกมา  ซึ่งส่วนมากเป็นดาบ ขวาน และหอก     และเตรียมรับการโจมตีของศัตรู

วีด อยู่ท่ามกลางพวกเขา

“นี่มันเยี่ยมไปเลยนะ”
วีดเคยเห็นการต่อสู้ในป้อมปราการมาหลายครั้งในทีวี  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าร่วม  และมันยอดเยี่ยมมาก
เสียงสวดร่ายเวทแห่งความตาย  ,  เสียงกรีดร้องของผู้คนที่กำลังจะตาย   เสียงที่น่าหวาดกลัวเหล่านี้ดังมาจากทุกที่     ทุกอย่างช่างดูสมจริง

เหงื่อเย็น ไหลผ่านสันหลังของวีด       แม้กระทั่งเมื่อตอนที่เขาเล่นเกมทวีปแห่งเวทมนต์ (Continent of magic)  เขาก็ไม่เคยเข้าร่วมในการตีเมือง  ดังนั้นนี่จึงเป็นประสบการณ์จริงครั้งแรก    ซึ่งสาเหตุที่วีดตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้ที่อันตรายที่แม้กระทั่งหลับตายังรู้สึกถึงจิตสังหารนี้        ก็เพราะเขาต้องการเรียกคืนสัญชาตญาณการต่อสู้นั่นเอง

เมื่อเหล่านักรบรับจ้างเริ่มเข้าโจมตี  วีดหยิบหน้ากากไม้รูปผีเสื้อขึ้นมาปิดหน้าทันที


“ฮ่าๆ ถึงเวลากลับไปหาแม่แล้วพวก  เพาเวอร์แอตแทรกกก!!
นักรบคนหนึ่งฟันดาบใส่วีด

เคร้ง!
วีด สะท้อนดาบนี้ได้สบายๆ   เขาไม่กังวลอีกต่อไป   วีดเพียงแค่มองไหล่ของคู่ต่อสู้ ก็เพียงพอจะคาดเดาทิศทางการโจมตี และโต้กลับไปได้
“เคล็ดมีดสลัก!”


    คุณจู่โจมจุดตาย!


 


วีดเล็งไปที่จุดอ่อน   และนั่นทำให้ศัตรูของเขาต้องล้มลงบนฟื้นอย่างปราศจากลมหายใจ

“อ๊ะ…….เจ้าหมอนั่นฆ่าอัลโทน่า!”
“แก้แค้นนให้อัลโทน่า”
“ธันเดอร์สแลสสส!”
“ทริปเปิ้ลแอ็ทแทรกก!”

ทั้งสามคนใช้สกิลจู่โจมวีดอย่างต่อเนื่อง

เห็นได้ชัดว่า เหยื่อที่ล้มลงคนนั้นคือเพื่อนของพวกเขา   อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาทักษะของพวกเขาแล้ว  ก็จะเห็นได้ว่าพวกนี้เลเวลยังไม่ถึง 200

วีดลังเลเล็กน้อย ,   เขาลดดาบลงและรับการโจมตีทั้งหมด

ตูม-ตูม-ตูม!

การโจมตีแต่ละครั้งทำให้เกิดแสงสว่างวาบ และสุดท้ายก็สลายเป็นหมอกสีขาว

เกราะหนังของเกรแฮม!!  ที่ถูกวีดขัดมันเงางาม   สะท้อนการโจมตีของศัตรูหายไปกับอากาศ
“มันตายรึยัง?”
“ไอเท็มมันอยู่ไหน?”

เหล่าผู้โชคร้าย  คิดว่าวีดตายแล้ว  ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตาม   รอยยิ้มของพวกเขาต้องหุบลงทันทีเมื่อ วีดปรากฏตัวขึ้นโดยไร้รอยขีดข่วน  ณ  จุดๆ นี้  พวกเขารู้แล้วว่าศัตรูคนนี้เป็นปีศาจดีๆ นี่เอง

วีดแย้มยิ้มขึ้น    เขาได้พลังชีวิตเพิ่มขึ้นจากทักษะตกปลา ซึ่งเมื่อทักษะเลื่อนขึ้นถึงระดับกลางมันจะบวกโบนัสให้!  และนั่นทำให้เลือดของเขานั้นทะลุเกิน 9,000 หน่วยไปแล้ว  และบวกกับเกราะที่ขัดจนมันของเขา     เรียกได้ว่าวีดตอนนี้เกือบเป็นอมตะเลยทีเดียว

ความเสียหายที่วีดได้รับนั้นไม่ถึง 300 หน่วย

“อ่อนกว่าที่คิด…”

วีดมองศัตรูอย่างผิดหวัง

 “เคล็ดมีดสลัก!”
วีดเข้าโจมตีศัตรูโดยไม่ลังเล   การโจมตีแต่ละครั้งของเขาทำให้เลือดของศัตรูลดลงอย่างมาก

จริงอยู่ว่าเลเวลของวีดกับพวกศัตรูจะไม่ต่างกันมาก  แค่ค่าสถานะของวีดนั้นเหนือล้ำกว่าระดับเลเวลไปแล้ว

เมื่อรวมเข้ากับเกราะที่ถูกขัดเงาอย่างดี และดาบที่ถูกลับจนคมกริบแล้วนั้น   นั่นทำให้วีดได้เปรียบศัตรูอย่างมาก

ผู้เล่นสามคนนั้นไม่สามารถทนรับการโจมตีของวีดได้     เพียงชั่วอึดใจต่อมา พวกเขาก็กองลงบนพื้นและตายไป

ติ๊ง!

จำนวนศัตรูที่ฆ่าได้ :  4
ถ้าฝ่ายคุณชนะ คุณจะได้รางวัล และเมื่อค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้นคุณยังจะได้รับฉายาเพิ่มอีกด้วย


วีดเดินเข้าไปที่ศพของพวกศัตรู   และพบไอเท็ม 1 ชิ้น ตกอยู่
เขาเก็บไอเท็มรวดเร็วพอๆ กับเวลาที่ใช้สังหารหมู่

“ฮื๊บ!!”
วีดกระโจนจากศัตรูคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง    แม้พวกศัตรูจะพยายามฟาดฟันดาบและยิงเวทใส่วีดเพียงใด  แต่ก็ยังทยอยล้มตายลง!
แม้วีดไม่ใช่ผู้เล่นเลเวลสูงก็ตาม    แต่เลเวลเฉลี่ยของพวกศัตรูก็ยังไม่เกิน 170  ดังนั้นจึงไม่อาจต้านทานวีดได้

ผู้เล่นระดับสูงในเกมเส้นทางแห่งราชันย์ไม่ได้เข้าร่วมในสงครามนี้    เพราะหากพวกเขาถูกรุมและถูกฆ่าได้นั้น ย่อมเกิดความเสียหายมหาศาลจนไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเข้าร่วมสงครามนี้   ดังนั้นจึงมีเพียงนักรบรับจ้าง  ทหาร NPC  และพวกกิลด์เท่านั้นที่เข้าร่วมในการต่อสู้ขนาดใหญ่

ในทางตรงกันข้าม  เหล่านักรบรับจ้างที่วีดเผชิญหน้าบางคนก็เลเวล 250  และบางคนก็มากกว่า  ซึ่งคนพวกนี้ไม่สนใจความเสียหายที่อาจได้รับ
พวกเขาเป็นเหมือนเครื่องจักรสังหารบนสนามรบ!

“ทุกคนถอย!! ระวังอย่าเพิ่งตายไปก่อนน!!”

เนื่องจากวีดเคยต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งมาแล้วเช่นพวกแวมไพร์ ดังนั้นแม้จะเป็นทหารเลเวล 250 วีดก็ไม่กลัว  อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจดีว่าการต่อสู้เป็นปาร์ตี้นั้นดีกว่าต่อสู้เพียงคนเดียว  ดังนั้นเมื่อเขาต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขาก็หลบอยู่หลังพรรคพวกที่เก่งๆ จนกว่าพวกนั้นจะเริ่มเข้าต่อสู้กัน  และจากนั้นเขาก็ค่อยๆ ออกไปไล่ฆ่าศัตรูคนอื่น

“เคล็ดมีดสลัก!”






ช่างเป็นวิธีที่สกปรกและฉลาดแกมโกง!!!
แต่วีดก็ไม่รู้สึกผิดสักนิด   เขาฟันศัตรูล้มลงทีละคนๆ เหมือนฟันหยวกกล้วย  จนกระทั่งฆ่าไปถึง 42 คน

“อ๊า !!”
“ทุกคน!! จัดการเจ้านั่นก่อน!”
ผู้เล่นหลายคนเข้าโจมตีบุรุษผู้สวมหน้ากากพร้อมกัน      แต่ก็เหมือนคนอื่นๆ  พวกเขาไม่สามารถต้านทานวีดได้  และก็ทยอยกลายเป็นไอเท็มให้เขาเก็บเรื่อยๆ


ด้วยการป้องกันของเหล่านักรบรับจ้าง   ทำให้ฝ่ายเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมาก

การต่อสู้ดำเนินต่อไปทั้งวัน  เป็นอีกครั้งที่มีการนองเลือดไปทั่ว  ป้อมปราการแห่งโอดีน    และครั้งนี้กิลด์ผู้รุ่งโรจน์คือผู้ป้องกันป้อม  ในขณะที่กิลด์บอลข่านเป็นผู้บุกโจมตี

ผู้เล่นในเกมต่างพูดคุยถึงการต่อสู้ครั้งนี้      ซึ่งบทสนทนาเกือบทั้งหมดนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุรุษคนหนึ่งเท่านั้น
แต่เหล่าผู้เล่นก็หาทราบความจริงไม่  , พวกเขากลับคิดว่าเป็นกลุ่มนักรบรับจ้างสวมหน้ากาก  42  คน  แทนที่จะเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียว  

บุรุษผู้ไม่เคยลังเลที่จะใช้สหายเป็นเครื่องมือ บุรุษผู้ดุจดั่งสายลมแห่งความตายที่ไม่เคยเหลือสิ่งใดไว้   ไม่เว้นแม้แต่เหรียญทองแดงสักเหรียญเดียว

.
.
.
ในที่สุดเหล่านักดาบก็ผ่านเลเวล 170  พวกเขาไล่ล่าฆ่ามอนทุกตัวที่พบ!

สิ่งที่น่าทึ่งก็คือพวกเขาเริ่มเล่นตอนที่วีดเลเวล 180 แล้ว    ซึ่งต้องขอบคุณในฝีเท้าที่บ้าคลั่งของพวกเขา ทำให้พวกเขาเลเวลอัพอย่างรวดเร็ว
ช่างสมกับเป็นลูกผู้ชายตัวจริง!

บางครั้งเหล่านักดาบก็ตะลุยผ่านหุบเขาและเทือกเขาในเขตใต้ของอาณาจักรโรเซนไฮม์    บางครั้งก็ผ่านเข้าไปในเขตที่ไม่มีใครเคยสำรวจมาก่อน

พวกเขามีชื่อเสียงขึ้นทีละน้อยๆ   และเป็นปกติที่ต้องมีคนเริ่มอิจฉาริษยา

“พวกนี้ต้องมีอะไรผิดปกติแน่”
“ก็แค่พวกหน้าโง่ที่พอจะมีชื่อเสียงบ้าง   ไม่ค่อยชอบพวกรวมฝูงอยู่กันเยอะๆ เลยว่ะ”
“ฆ่าพวกมันเลยดีมั้ย”
ฮัลมาน และมาร์โกซ์ คุยกันในขณะที่เลวี่กับแกรนนั่งจิบเบียร์

“เอาเลย  ฆ่าพวกแม่งอัพเลเวลดีกว่า”
“รอบนี้ แบ่งไอเท็มที่ตกเท่าๆ กันนะ  กุยังไม่มีเกราะอกเลย”
“ก็ไม่เลว”

จตุรเทพนักลอบกัด ดวิกิชิ !!! (Dwichigi Quartet)

พวกเขาเคยพยายามใช้วีดกับเมแพนเป็นเครื่องมือ  แต่ก็ล้มเหลวและฆ่ากันเอง  และตอนนี้ก็ถูกกิลด์เมฆาไล่ล่า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากซ่อนตัวในโรเซนไฮม์   ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นแม้จะผ่านมาหลายเดือนแล้วเลเวลของพวกเขาก็ไม่เพิ่มขึ้นเลย เพราะมัวแต่ล่าผู้เล่น แทนที่จะล่ามอนสเตอร์

“น่าสนุกดี  ป่ะ ลุยกันเลย!”

คนเสนอกิจธุระสกปรกๆ ก็คือแกรนดังเช่นเคย
“กรั๊กๆๆ “
“ฮี่ฮี่ๆ”
เลวี่และฮัลมานหัวเราะ


แม้ว่าพวกเขาจะเป็น “เพื่อน” กันก็ตาม  แต่ก็มักจะหักหลังกันเสมอ   อย่างไรก็ตามแม้จะเผชิญการหักหลังกันและกันมาหลายครั้ง พวกเขาก็ยังกลับมารวมกันเหมือนเคย!!

“ล่าคนเดียวไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่”
“ช่ายย คุยไปฆ่าไปสนุกกว่า”
“กุว่าไม่มีอะไรสนุกกว่าไล่ฆ่าคนอื่นหรอก”

ความเคารพนับถือหรือมิตรภาพ ไม่ใช่คำที่จะอธิบายความสัมพันธ์ของสี่จตุรเทพนี้ได้
พวกเขาอยู่ด้วยกันเพราะอยากทำเรื่องสนุกๆเท่านั้น!!



การเข้าจู่โจมนักดาบทั้ง 505 คน ในทีเดียวเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา  ดังนั้นจึงมุ่งเป้าไปที่กลุ่ม 5 คนซึ่งเดินแยกตัวออกมาจากปาร์ตี้    และดูเหมือนว่าพวกนี้จะเป็น นักดาบ  5 ลำดับแรก

สี่จตุรเทพปิดเส้นทางไว้  

“หืม?”
“พวกนายเป็นใคร?”

นักดาบทั้ง 5 คนรู้สึกสงสัย  

แกรน ยิ้มอย่างชั่วช้าและชักดาบของเขาออกมา
“ดาบเพลิงโลกันต์!!!!”

นักดาบถูกแกรนโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว

“อาจารย์!”
“ระวัง!”
นักดาบลำดับ 2 และ3 ตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ

อาจารย์ของพวกเขาก้าวถอยอย่างไม่รีบร้อนและ    ชักดาบออกมาหยุดการโจมตี


“ฮ่าๆ ไอ้บ้า!”
ดวงตาของแกรนลุกโชนราวกับได้รับชัยชนะแล้ว      เพราะการโจมตีของเขาจะระเบิดเมื่อถูกกระทบ
อย่างไรก็ตาม   นักดาบลำดับหนึ่งเอาชนะการโจมตีนี้ง่ายๆ ด้วยการเบี่ยงเบนมันออกไป

“ติ๊ง!”
เมื่อคมดาบของพวกเขาประทะกัน   ดาบของแกรนถูกเบี่ยงออกไปและฟันไปโดนต้นไม้

“เจ้าทำบ้าอะไร?”
ณ จุดๆ นี้ แกรนทำอะไรไม่ถูก   เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงป้องกันการโจมตีนี้ได้


“ห๊า?”
นักดาบอีก 4 คนที่เหลือ ตาเบิกกว้าง


เมื่อครั้งที่พวกเขาเลเวลเพิ่มขึ้น  พวกเขาก็ได้เรียนเทคนิคต่างๆ มาบ้าง
อย่างไรก็ตามพวกเขาเคยคิดว่าเทคนิคที่อาจารย์ใช้อยู่นั้นค่อนข้างไร้ประโยชน์  มันเป็นเทคนิคที่ประกอบด้วยการคาดคะเนทิศทางการโจมตีและพลังที่ศัตรูโจมตีมา จากนั้นเบี่ยงเบนและเปลี่ยนทิศทางการโจมตีนั้นไป   ทำให้การโจมตีพลาดเป้า

ยิ่งไปกว่านั้น เทคนิคนี้ใช้มานาถึง 50และใช้ยาก เพราะนอกจากต้องใช้ความสามารถแล้ว ยังต้องคำนวณตำแหน่งของตนเองอีกด้วย

เป็นเทคนิคที่ผู้เชี่ยวชาญวิชาดาบเท่านั้นที่จะทำได้!!

นักดาบลำดับหนึ่งเบี่ยงเบนการโจมตี 5 ครั้งต่อมา

“โอ้ววว….”

ความมั่นใจทั้งหมดของแกรนหดหายไปในทันที

นักดาบลำดับหนึ่งถามขึ้นอย่างเฉยชา
“เจ้าเป็นใคร?  มอนสเตอร์ ? มนุษย์? รู้สึกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าอัศวินแห่งความตายนะ….เจ้าดร็อบไอเท็มดีๆ รึเปล่า?”

แกรนไม่สามารถโต้ตอบคำพูดใดๆ ออกมาได้
ครั้งนี้เขาทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงแล้ว
แน่นอนว่าเขาไม่ยังไม่หยุด และพยายามฟาดฟันไปเรื่อยๆ   แต่นักดาบลำดับหนึ่งสามารถสะท้อนการโจมตีได้ และเริ่มที่จะเป็นฝ่ายจู่โจม

ตูมม---ตูม!!

“หืมม ยังไม่ตายอีกรึ?”
“ไฮย่า!”

เนื่องจากพลังชีวิตจำนวนมาก และเกราะชั้นดี  ทำให้แกรนรอดมาได้

ณ ตอนนี้ เพื่อนร่วมทีมของแกรนไม่อยู่เฉยอีกต่อไป  พวกเขาเข้าโจมตีนักดาบคนอื่นๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว

“เจ้าพวกนี้ก็เป็นมอนสเตอร์เหรอ?”
“ลูกศิษย์เอ๋ย มันเข้ามาหาพวกเราเอง  เราไม่ต้องไปตามหาอีกต่อไปแล้ว!”
“ดูตัวทางซ้ายสิ ---โอ้ววว!”



บางครั้ง    เมื่อผู้เล่นทราบว่ากำลังเผชิญหน้ากับ สี่จตุรเทพนักลอบกัดดวิชิกิ   ก็มักจะวิ่งหนีเสมอ เพราะพวกเขาไม่ต้องการติดสถานะฆาตกร
แต่พวกนักดาบไม่รู้ความจริงข้อนี้     และบางทีอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาโหดร้ายยิ่งกว่าสี่จตุรเทพเสียอีก




หลังจากได้รับบาดแผลจำนวนมาก สี่จตุรเทพก็สิ้นชีวิตอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นสมาชิกสี่จตุรเทพก็พบกันอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“อ๊า…กุไม่อยากจะนึกถึงเรื่องที่เกิดเมื่อวานอีกแล้ว”
“แล้วจะไม่ล้างแค้นเหรอ?”

สี่จตุรเทพตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก       และก็เช่นเคย  แกรนนึกแผนออกอีกครั้ง
“ไม่  พวกเราต้องแก้แค้น”
“เห็นด้วย”
“แต่พวกเราสู้ไม่ได้นะ”
เลวี่แสดงความอ่อนแอออกมา
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้    เขาก็ไม่อยากจะเจอะเจอพวกนับดาบอีกแล้ว

“ตอนนี้พวกเรามีกิลด์แล้วนิ   ขอความช่วยเหลือเหอะ”

สำหรับพวกสี่จตุรเทพแล้ว  อาณาจักรโรเซนไฮม์เหมือนสวรรค์เลยทีเดียว เนื่องจากไม่มีกิลด์ขนาดใหญ่คอยทำตัวเป็นตำรวจที่นี่  ดังนั้นอาชญากรรมจึงเฟื่องฟู

สี่จตุรเทพนักลอบกัดดวิกิชิ ได้เข้าร่วมกิลด์อิกะ       เพราะกิลด์นี้กำลังต้องการผู้เล่นเก่งๆ  ดังนั้นจึงยอมรับพวกเขาเข้ากิลด์



สี่จตุรเทพติดต่อเพื่อนในกิลด์ทันที  และด้วยคำโกหกหลอกลวงของพวกเขา จึงทำให้สามารถเรียกรวมคนได้ถึง 300 คน


.
.
.
“ฆ่ามัน!”
“ว้าววว!”

ด้วยการสนับสนุนจากพรรคพวก 300 คน     สี่จตุรเทพนักลอบกัดจึงเข้าโจมตีเหล่านักดาบ
พวกเขาเตือนคนของกิลด์อิกะล่วงหน้าถึงความแข็งแกร่งของเหล่านักดาบ  ดังนั้นพวกเขาจึงใช้วิธีลอบสังหารด้วยหน้าไม้
“อ๊า!”
“ศัตรูบุก!”


เหล่านักดาบหลายคนตายภายในไม่กี่นาทีเมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่ไม่คาดฝัน
เหล่านักฆ่าลอบโจมตีจากข้างหลังและปาดคอเหล่านักดาบ

ผู้เหลือรอดต่างยืนหลังชนกัน และคอยป้องกันการโจมตีที่เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน

“บ้าชิบ  เจ้าพวกนี้แข็งแกร่งกว่าที่คิด”
“ทุกคนถอยย ใช้การโจมตีระยะไกล”
“ไอซ์สตรอม!!”
“ไลท์ติ้ง โบลท์!!!”

เวทโจมตีจำนวนมากพุ่งใส่เหล่านักดาบผู้กล้าหาญ
พวกเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับการโจมตีด้วยเวทมนต์มาก่อน  ดังนั้นจึงไม่ทันระวังตัว
การโจมตีที่รุนแรงเหล่านี้ทำให้พลังชีวิตของพวกเขาลดลงอย่างมาก


“บ้าที่สุด!”
เหล่านักดาบไม่สามารถอดกลั้นความโกรธ ความเคียดแค้นได้อีกต่อไป
หากศัตรูเข้าเผชิญหน้ากับพวกเขา  พวกเขาจะไม่ลังเลเลยที่จะพุ่งเข้าไปโจมตี  แค่กระนั้นศัตรูคราวนี้เอาแต่หลบซ่อน และคอยโจมตีด้วยเวทมนต์และลูกธนูจากระยะไกล
และเนื่องจากเหล่านักดาบไม่ได้ใช้โล่  ดังนั้นพลังชีวิตของพวกเขาจึงตกลงอย่างรวดเร็วมาก

“ต่อให้พวกเราต้องตายเหมือนหมา    อย่างน้อยก็ต้องลากพวกมันสักคนไปด้วยให้ได้!”

ลูกศิษย์บางคนแตกอยากจากกลุ่มและพุ่งเข้าหาศัตรู  แต่กระนั้นเมื่อเวทจำนวนมากพุ่งเป้าเข้าใส่   พวกเขาก็ตายอย่างรวดเร็ว

“โอ พระเจ้า…”
“พวกมันเป็นใคร?  ทำไมจึงโจมตีพวกเรา?”


แม้บางครั้งพวกเขาต้องตายด้วยความหิวก็ตาม    แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะถูกฆ่าโดยผู้เล่นที่ไม่รู้จัก  นี่จึงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มเล่นเกมนี้ที่พวกเขารู้สึกทั้งสิ้นหวังทั้งโกรธแค้น


นักดาบลำดับ 2 ตะโกนขึ้น
“อาจารย์ ถอยกันเถอะ!”
“อืม….ถอย…”
“ไปที่ไหนละ?”
“เข้าไปในป่า!  ทุกคนเข้าไปในป่า  ที่นั่นมีที่หลบมากกว่า”
“ครับ!”
“ตามผมมา”

นักดาบลำดับหนึ่งและสองเข้าเปิดทางให้ลูกศิษย์
ด้วยการเคลื่อนที่รูปแบบหัวหอก  พวกเขาจึงสามารถฝ่าลูกธนูไปได้ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันเวทมนต์ได้

หลังจากความสูญเสียจำนวนมาก พวกเขาก็สามารถหนีเข้าไปในป่าได้สำเร็จ

“พวกเรารอดแล้ว!”
“พวกเราเหลือกี่คน?”
“ประมาณ 260 ครับอาจารย์…”
“…พวกเราตายไปเกือบครึ่งสินะ”
เหล่านักดาบต่างถอนหายใจ

สิ่งที่พวกเขาทำได้ตอนนี้คือพักผ่อนและพันแผล  แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากความยากจน จึงทำให้มีไม่เพียงพอสำหรับทุกคน

“ดูนั่น  พวกมันมาแล้ว!”
ในขณะที่พวกเขากำลังพัก     ผู้ล่าก็กำลังใกล้เข้ามา

“มันหาพวกเราเจอได้ยังไง?”
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีโจรไม่ก็ฮันเตอร์อยู่  พวกนี้สามารถตามรอยเราได้”

เหล่านักดาบต่างกำหมัดแน่นด้วยความคับข้องใจ
ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ พวกเขาไม่สามารถปกปิดร่องรอยตัวเองได้

พวกเขาจำเป็นหนีเข้าไปในป่าให้ลึกขึ้นอีก    แต่ตอนนี้พวกเขาต่างเหนื่อยล้า และยังต้องรับการจู่โจมระยะไกลอย่างต่อเนื่อง
“ลำดับสอง , ลำดับสาม , ทุกๆ คน!”
“ครับอาจารย์”
“พวกเราฟังอยู่ครับ”
“พวกเราจะแยกกัน เพื่อให้อีกครึ่งหนึ่งรอด  หรือพวกเราจะสู้!!”
“พวกเราเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกครับ!”
“ไปโชว์ให้เจ้าพวกงี่เง่านั้นรู้ซะ ว่าพวกเราเป็นใคร!!”

ตอนนี้เหล่านักดาบได้เปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว   พวกเขาไม่วิ่งหนี  แต่ใช้ประโยชน์จากป่า
พวกเขาซ่อนตัว และคอยจู่โจมอย่างไม่ให้ตั้งตัว

อย่างไรก็ตาม  บาดแผลของพวกเขาสาหัสมาก    แต่พวกศัตรูนั้นใช้เวทมนต์และมีนักบวชคอยรักษา นั่นทำให้เหล่าลูกศิษย์ค่อยๆ ทยอยตายลงทีละน้อยๆ  จนกระทั่งเหลือเพียงเหล่าครูฝึก



“อ๊า อาจารย์!!”
“พวกผมขอโทษจริงๆ รอดให้ได้นะครับ!”
เมื่อพลังชีวิตเหลือ 0   ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต  พวกเขาต่างหันไปมองอาจารย์ของพวกเขา

ในที่สุดก็เหลือเพียงอาจารย์—นักดาบลำดับหนึ่งเท่านั้นที่รอดอยู่
.
.
.



“…………………..”

ในโรงฝึก  ที่มีแต่ความเงียบงัน   เหล่าลูกศิษย์และครูฝึกต่างจับจ้องไปที่แคปซูลลูกหนึ่ง     แคปซูลที่อาจารย์ของพวกเขานอนอยู่
และเมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง อัน ฮุนโด อาจารย์ของพวกเขาก็ออกมา

“อาจารย์ครับ!”

ซัง อิลฮุน , ชอย ชองบอม , มะ ซัน บอม , ลี อิง  และเหล่าลูกศิษย์ต่างรู้สึกเคร่งเครียด
โดยปกติแล้ว  อัน ฮุนโดนมักจะอยู่เงียบๆ     แต่ตอนนี้เขาค่อยๆ กล่าวขึ้น
“มันฆ่าข้า….”
“…….”
“มันเรียกตัวเองว่าแกรน   และจากนั้นก็ปาดคอข้า”

ลูกศิษย์ทุกคนต่างโกรธแค้น!!!  สำหรับพวกเขาแล้ว อัน ฮุนโดนั้นเป็นเหมือนแบบอย่างของพวกเขา

ใช่  แม้ว่าเขาจะประหลาดอยู่บ้าง    แต่ในเรื่องเชิงดาบแล้วไม่มีใครเทียบเขาได้!!
นานมาแล้ว  ก่อนที่จะมาเข้าโรงฝึกนี้  พวกเขาเคยสงสัยในความสามารถของ อัน ฮุนโด  แต่เมื่อได้เห็นการต่อสู้ของเขา ความสงสัยของพวกเขาก็ลดน้อยหายไป

เมื่อไอดอลของพวกเขาต้องถูกฆ่าอย่างไร้เกียรติ  จึงทำให้พวกเขาเดือดดาลเป็นอันมาก

แต่เมื่ออัน ฮุนโด ได้เห็นใบหน้าอันโกรธแค้นของพวกลูกศิษย์แล้ว  เขาก็หัวเราะออกมา
“ 30 ปี แล้วสินะ”
“…..?”
“ข้าบอกกับชอย ว่า  นาน 30 ปี แล้วสินะ ตั้งแต่ข้าพ่ายแพ้ในการต่อสู้”
“แต่ว่าพวกศัตรูมีเยอะเกินไป!”
“ไม่หรอกอิลฮุน จำนวนกับเลเวลของศัตรูยกเป็นข้ออ้างไม่ได้หรอก   แต่ตอนนี้ไม่คิดรึว่าเส้นทางแห่งราชันย์ดูน่าสนใจขึ้นไปอีก?”
“ใช่แล้วครับอาจารย์!”
เหล่าลูกศิษย์และครูฝึกต่างรู้คำตอบได้ด้วยสัญชาตญาณ


อัน ฮุนโด กำหมัดแน่น
“มันยอดเยี่ยม   พวกเราเป็นเหมือนทหารจริงๆ และพวกเราจะทุ่มเทจิตใจลงไปกับทุกสิ่ง!”

เหล่าครูฝึกและลูกศิษย์เข้าใจอาจารย์ของเขาแล้ว

“โอ้ว ! ใช่แล้ว!”
“ผมชอบการต่อสู้แบบรุนแรงๆ!”
“พวกเราไปเอาคืนหนี้แค้นนี้กันเถอะ  เอาคืน 100 เท่าไปเลย!”


อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นอาจารย์ของพวกเขาเดินไปทำบางสิ่ง พวกเขาต่างแข็งทื่อ

อัน ฮุนโด เดินไปที่กระดานดำและหยิบชอล์กขึ้นมาเขียนชื่อ



  แกรน,ฮัลมาน,มาร์โกซ์,เลวี่,กิลด์อิกะ

 



และข้างหน้าชื่อแต่ละชื่อนั้นเขาเติมคำว่า  ------ ศัตรู!!

เขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม  “อย่าลบล่ะ”
.
.
.
“พวกเราชนะแล้ว”
แกรน และสมาชิกคนอื่นของจตุรเทพนักลอบกัดต่างฉลองชัยชนะ   พวกเขาโกหกกิลด์อิกะให้ช่วยจัดการพวกนักดาบ
และตอนนี้พวกเขาเดินไปที่ศพเพื่อเก็บไอเทมที่ตกมาแบ่งปันกัน

พวกเขามีความสุขกับการแบ่งปันไอเทมที่ได้มาจากการฆ่านั้นไม่น้อยไปกว่ารสชาติของการไล่เข่นฆ่าคนอื่น
เพราะเพียงไม่กี่วันก็อาจจะสามารถหาอาวุธหรือเกราะที่ต้องใช้เวลาเป็นเดือนในการได้มา


“ไหนดูซิ  ได้อะไรบ้าง”

ฮัลมานกับมาร์โกซ์  เข้าไปค้นหาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความละโมบ  แต่ไม่นานนักใบหน้าของพวกเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความประหลาดใจ

“มะ..ไม่มีอะไรเลย…”
“ไม่!! เป็นไปไม่ได้!”
“ไม่มีของมีค่าเลย!”
“ตลกน่า  ดูอีกทีซิ!”

แกรนและเลวี่ค้นหาไอเทมอย่างระมัดระวัง

แต่กระนั้นสิ่งที่พวกเขาพบก็คือ    ดาบหลายเล่มที่จะหักมิหักแหล่และ ..…ขนมปังข้าวบาร์เล่ย์  ….ขนมปังข้าวบาร์เล่ย์จำนวนมาก

จบเล่ม 4 ตอน 6

****************************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: