วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 5 ตอนที่ 4 เกรดที่ได้ (Grades)

เล่มที่ 5 ตอนที่ 4 เกรดที่ได้ (Grades)


หลังเลิกเรียน ลี ฮายันกำลังเดินกลับบ้าน
ถ้าเธอขึ้นรถประจำทาง เธอคงถึงบ้านไปนานแล้ว แต่เธอไม่อยากจ่ายค่าโดยสาร   ความประหยัดของเธอแข็งแกร่งระดับเดียวกับพี่ชายของเธอ
เธอจะขึ้นรถประจำทางก็ต่อเมื่อรีบมาก ๆ เท่านั้นและต่อให้ขึ้นจริง ๆ เธอก็ทำเป็นว่าเธออยู่ชั้นม.ต้น เพราะจะได้ส่วนลดค่าโดยสารเพิ่มอีก 200 วอน (6.4 บาท)เมื่อเทียบกับค่าโดยสารของนักเรียนชั้นม.ปลาย

บางครั้งเธอก็ถูกถามว่า
“นักเรียนหญิง”
“คะ?”
“เธอสวมชุดของโรงเรียนมัธยมปลาย เดอินใช่ไหม?”
“หนูใส่ชุดของพี่สาวค่ะ”
“ชุดของพี่? ทำไมล่ะ?”
“ก็หนูจะไปเจอแฟนที่เรียนอยู่ม.ปลายไง คุณลุงคะ หนูไม่มีเวลาจริง ๆ จบแค่นี้นะ โอเค้?”

ตอนที่พูดอย่างนั้น ลี ฮายันก็จะแอบย่อเข่าเล็กน้อยให้ดูเตี้ย พร้อมกับโชลักยิ้มน่ารักบนแก้มของเธอ เธอถึงกับทำตาปิ๊ง ๆ เพิ่มเข้าไปด้วย
แต่ที่ทำให้มันได้ผลจริง ๆ ก็เพราะว่าเธอน่ะดูเด็กกว่าอายุจริง ๆ ของเธอ

 “ฮึมม ถ้าอย่างนั้นก็นั่งเถอะหนู”
“ขอบคุณค่ะ คุณพนักงาน”

หลังจากนั้นก็จะไม่มีคนมายุ่งถามคำถามกับเธอเพิ่มอีก และเธอก็ได้ที่นั่งพร้อมกับรอยยิ้ม
 ‘เป็นเด็กผู้หญิงเนี่ยได้เปรียบหลายอย่างเลยนะ’
อย่างไรก็ตามเด็กผู้หญิงเองก็มีสิ่งที่ต้องให้ความใส่ใจไม่เหมือนกับพวกผู้ชาย เช่นชุดชั้นใน เครื่องสำอาง
ลี ฮายัน มีความสามารถพิเศษโดยธรรมชาติในเรื่องนี้ ของพวกนี้ทั้งหมดเธอได้รับเป็นของขวัญมาจากเด็กผู้ชาย ที่เธอช่วยให้คำแนะนำเรื่องการวางตัวกับเด็กผู้หญิง หรือแนะนำเพื่อน ๆ ที่น่ารักของเธอให้รู้จัก และได้ของขวัญพวกนี้เป็นการตอบแทน
นั่นทำให้ลี ฮายันมีเงินเหลือ และสามารถเก็บเงินเข้าบัญชีส่วนตัวได้ เธอไม่ได้เป็นน้องสาวของลี ฮุนอย่างไร้ความหมาย

**************************************

“มันน่าจะส่งมาถึงวันนี้น้า”
เธอรีบกลับบ้านและเช็คกล่องจดหมาย ผลทดสอบ GED ที่เธอรอคอยมาหลายวันมาถึงในวันนี้ มันคือผลสอบของฮุน
“ในที่สุดก็มาถึงซะที”
ฮายันจะเช็คจากอินเตอร์เน็ตก็ได้แต่เธอเลือกที่จะรอดูใบบอกผลทดสอบ
ภาษาเกาหลี : 75
สังคมศาสตร์ : 90
คณิตศาสตร์ : 65
วิทยาศาสตร์ : 55
ภาษาอังกฤษ.: 65
จริยธรรม : 40

________________________________________รวม : 390
คะแนนเฉลี่ย : 65

คะแนนรวมมากกว่า 360 และไม่มีวิชาใดต่ำกว่า 40 แปลว่า ผ่าน
“ตอนนี้เท่ากับว่าพี่จบชั้นมัธยมปลายแล้ว”
ลีฮายัน เช็ดน้ำตาของเธอและก็ยิ้มออกมา ความรู้สึกหน่วง ๆ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาได้หายไปซะที ทุกครั้งที่เธอไปโรงเรียน เธอจะเสียใจเรื่อง ลี ฮุน เสมอ เธอรู้ตลอดมาว่าพี่ชายของเธอหาเงินอย่างไร หลายต่อหลายครั้งที่เธอเกือบจะร้องไห้เมื่อได้กินอาหาร ที่พี่ชายของเธอทำขึ้นมาให้เธอได้กิน

เธอเก็บจดหมายและเข้าไปในบ้าน
คุณย่าอาการดีขึ้น แต่ก็ยังไม่หายดีต้องรักษาตัวอยู่รพ.ต่อไป ฮายันจึงอยู่กับพี่ชายของเธอเพียงลำพัง
ฮุน ยังอยู่ในแค็ปซูลเพราะวันนี้ฮายันกลับมาเร็วกว่าที่เคย

“ทำความสะอาดบ้านดีกว่า”
ฮายันจัดการดูดฝุ่นทั่วบ้าน ล้างจานชาม
“จานที่ใช้เมื่อเช้ายังอยู่ตรงนี้ มาคิดคิดดูแล้ว พี่ชายเริ่มไปที่โรงฝึกแล้วก็กลับมาอย่างหมดสภาพเหมือนตอนช่วงนั้นอีกแล้วสินะ”
ช่วงเวลาที่ ลี ฮุน เตรียมตัวเพื่อการก้าวเดินใน รอยัลโรด!
เป็นช่วงเวลาเกือบปีที่พี่ชายของเธอใช้ชีวิตราวกับถูกอะไรบางอย่างครอบงำ เขาค้นคว้า ศึกษางานทุกอย่างกับระบบเสมือนจริง และรวบรวมข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ รอยัลโรด เท่าที่จะทำได้ ไปพร้อม ๆ กับการฝึกร่างกายเรียนรู้การต่อสู้
พี่ชายของเธอนอนแค่วันละ 3-4 ชั่วโมงแต่ก็ยังจัดเวลามาเตรียมอาหารให้ครอบครัว เมื่อแรกเริ่มที่พี่ไปโรงฝึก เธอทั้งโกรธทั้งว้าวุ่นใจเป็นที่สุด ที่เห็นเขามือของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลพุพอง ร่างกายก็มีแต่รอยฟกช้ำ เขากลับมาอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงและหลับไปทันที ราวกับคนตาย ความทรงจำเหล่านี้ทำให้ ฮายัน เศร้าสลด
ในช่วงเวลาแบบนั้นฮายัน จะพยายามหันเหความสนใจของเธอไปกับงาน
‘ได้เวลาอ่านหนังสือแล้ว’
เพื่อให้สอบเข้า มหาวิทยาลัย ‘เกาหลี’ ได้ นี่คือจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดของเธอในตอนนี้
ในตอนแรกเธอไม่ได้ต้องการที่จะไปศึกษาที่นี่ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การได้ศึกษาในมหาวิทยาลัยที่มีเกียรติ เป็นที่เคารพแต่คือการที่จะได้เรียนรู้ความรู้ที่จำเป็นทั้งหมดตะหาก อย่างน้อยก็สำหรับอาชีพ มัณฑนากร ที่เธอปรารถนา
แต่ลีฮุน ต้องการให้เธอได้เรียนในมหาวิทยาลัย ‘เกาหลี’  และเพื่อพี่ชายผู้เสียสละอย่างมากมายสำหรับตัวเธอ อย่างน้อยที่สุดเธอก็ต้องเรียนให้หนัก เพื่อให้ได้ทุนตลอด 4 ปีการศึกษา แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายเดียวของเธอ หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียน และได้ทุนแล้วเธอก็จะเริ่มหาเงินจากการเป็นติวเตอร์ส่วนตัว

*****************************


 “ย่าจ๋า ผลสอบของพี่มาแล้วล่ะ” ฮายันไม่สามารถที่จะเก็บความยินดีนี้ไว้ได้ และวิ่งตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อแจ้งข่าวนี้ให้คุณย่าได้รู้
“จริงเหรอ? ฮุนผ่านจริง ๆ สินะ?” หน้าของคุณย่าตอนนี้ถึงจะดูเหนื่อยอ่อนแต่ก็เบิกบาน มีความสุข
 “จริง ๆ ค่ะ พี่เขาผ่านแล้ว ดูเกรดสิคะ นอกจากคุณธรรมจริยธรรมแล้ว ทุกอย่างจัดว่าได้คะแนนสูงเลยล่ะค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ ที่สำคัญคือ ฮุนเขาหัวดี” (tl note: หลานย่ามีปัญหาทางจริยธรรมแล้วนะครับมันจะดีรึ -*-)
ถึงมันอาจจะแปลได้ความว่า ‘เขามีมันสมองที่ดี แต่ล้มเหลวในฐานะมนุษย์’ แต่ครอบครัวของฮุนรู้ดีว่าฮุนผ่านอะไรมาบ้างในช่วง 10 ปี นี้ พวกเขาจึงไม่เคยสงสัยในความเป็น “มนุษย์” ของฮุนเลยแม้แต่นิด
ย่ายังคงจ้องมองเกรดของฮุน
 “ฮุนทำได้จริง ๆ ก่อนที่ย่าจะตาย..”
“ย่าจ๋า ย่าพูดเรื่องอะไรอยู่จ๊ะ ชีวิตที่มีความสุขของพวกเราเพิ่งจะเริ่มตะหาก ”
ลี ฮายัน กุมมือคุณยายของเธอราวกับจะย้ำให้เธอมั่นใจ ถึงความสุข ความอบอุ่นที่อยู่ในมือของพวกเธอ


**************************************


ทุกทุกเช้าลีฮุนจะไปยังโรงฝึก เพื่อฝึกฝนร่างกายและเรียนรู้การฟันดาบ จาก อัน ฮุนโด เป็นสองสิ่งหลักสำหรับกิจกรรมยามเช้า
“เข้ามาสิ”
“ยินดีด้วยที่สอบผ่าน”
เมื่อลี ฮุนเข้าสู่โรงฝึก อันฮุ นโด ครูฝึกและนักเรียนทั้งหลายก็ยืนต้อนรับเขา เตรียมพร้อมที่จะฉลองให้กับการจบไฮสคูลของ ลี ฮุน

อันฮุนโดประหลาดใจกับ ความอิจฉาของเหล่าครูฝึก
“เป็นอะไรกันรึ? พวกเธอไม่ได้ไปเรียนไฮสคูลรึไง?”
“ไม่ครับ พวกเราออกมาก่อนเพื่อที่จะได้ฝึกดาบได้มากขึ้น”
เหล่าครูฝึกที่ใช้ชีวิตเพียงเพื่อการฝึกดาบตอบ และอัน ฮุนโดก็พยักหน้า พลางกล่าวว่า
“มิน่าเล่า พวกเจ้าถึงได้หัวทึบถึงเพียงนี้”
“.....”
พวกเขาเคารพอาจารย์เป็นที่สุดแต่คำสุดท้ายนั่นมันช่างทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน
‘อย่างน้อย ๆ พวกเราก็จบม.ต้นนะ’
‘ท่านอาจารย์ตะหากที่ไม่ได้ไปโรงเรียนประถมด้วยซ้ำ.....’
อย่างไรก็ตาม อัน ฮุนโดนั้น มีปริญญาเอกกับตัว มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกได้มอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เพราะยอมรับในฝีมือเชิงดาบของเขา แต่จริง ๆ แล้ว เขาได้ไปเรียนแค่อนุบาล ในวัยเด็ก อัน ฮุนโด ได้ปราบเด็กอนุบาลคนอื่นมากมายจนถูกลงโทษเป็นประจำ
‘ในวันที่เขาได้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่โรงเรียนประถมเขาได้ปราบเพื่อนบ้านจอมรังแกด้วยดาบไม้เล่มเดียว’
‘พวกนั้นต้องนอนโรงพยาบาล 16 สัปดาห์ล่ะมั้ง? เด็ก 7 ขวบที่อัดพวกนั้นจนหมดสภาพก็ถูกนำคุมขัง’
‘เพราะงั้นอาจารย์น่ะไม่เคยได้โรงเรียนประถมหรอก....’
อัน ฮุนโด ได้ก้าวสู่เส้นดาบแห่งดาบ แต่ครั้งเยาว์วัย แต่ละวันผ่านไปโดยโดยไม่มีคู่มือที่คู่ควรปรากฏตัว เขาจึงใช้เวลาไปกับการฝึกจิตสมาธิ หมากล้อม แม้ว่าจะไม่มีคู่มือแต่อัน ฮุนโดก็ฝึกทั้งร่ายกาย และจิตใจตลอดมาผ่านวันคืนแห่งการฝึกปรือที่ไม่อาจจะนับได้
รอยัลโรดได้พาอันฮุนโดกลับสู่สมัยเด็ก เขาได้ต่อสู้กับคู่มือที่เก่งกาจมากมาย มอนสเตอร์ระดับสูง ความรู้สึกที่ว่ากำลังมีชีวิตอยู่ กำลังก้าวต่อไป ที่เลือนหายไปนานได้กลับมาสู่ตัวเขาอีกครั้ง ราวกับว่าความฝันสมัยเด็กในที่สุดก็กลายเป็นจริง....
“อะแฮ่ม... ท่านอาจารย์ครับ”
ลีฮุน ลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามว่า :
“วันนี้น้องสาวผมจะมาดูการฝึกซ้อมของพวกเรา ได้รึเปล่าครับท่านอาจารย์?”
“เอาสิ แน่นอน”
อัน ฮุนโด ให้คำอนุญาตในทันที เหล่าลูกศิษย์เกือบทั้งหมดล้วนเป็นนักดาบผู้มีความเชี่ยวชาญ แน่นอนว่าการนำพาผู้มีพรสวรรค์จากที่ต่าง ๆ มาก็แรงผลักดันชั้นดี แต่บางครั้ง คนทั่วไปหรือนักดาบฝึกหัดก็มาฝึกที่โดโจเช่นกัน
“เอาล่ะ เริ่มการฝึกได้ ตั้งแถว!”
หลังจากการพบปะสั้น ๆ เหล่าลูกศิษย์ และครูฝึกทั้งหลาย รวมไปถึง ชัง อิลฮุน ก็เข้าประจำที่
“วันนี้พวกเราจะเริ่มจากการฝึกพื้นฐาน 1 ชั่วโมง แล้วทำการจับคู่ซ้อม”
“ครับ”
สิ่งที่ทำเป็นประจำทุกเช้า เหล่าลูกศิษย์กวัดแกว่งดาบอย่างรวดเร็ว เคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ
“ผมขอตัวไปพาน้องสาวมาที่นี่นะครับ ท่านอาจารย์”
“เอาสิ”

ลีฮุนออกไปจากโดโจ มุ่งหน้าไปยังประตูโรงเรียน พี่น้องตระกูลลีไม่มีโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นพวกเขาจึงไปพบกันตามเวลานัดที่ตกลงกันไว้
เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ฮายันเองก็ไม่มีเรียนเสริม เธอจึงรอฮุนอยู่ที่ประตูโรงเรียนในชุดลำลอง กระโปรงยาวคลุมเข่า ผมสั้น ๆ ที่แกว่งไกวไปกับลม
เพื่อน ๆ เธอมาด้วยกันกับเธอ
“สวัสดี ทุกคน”
“เฮ้ พี่เจ๋งไปเลยตอนงานโรงเรียนน่ะ”
เพื่อน ๆ ของฮายัน!
ลีฮุนตอบรับด้วยการยักไหล่
“อะ... อืม”
“งั้นก็ไปกันเถอะ พี่ มาได้แล้ว”
ฮุนพยักหน้าตอบรับและพาพวกเธอไปยังโดโจ ชั่ววินาทีที่ประตูปิดลงเมื่อพวกเธอเข้ามาด้านในแล้ว ลูกศิษย์ทั้งหมดก็ตอบสนองต่อสาว ๆ อย่างมีพลัง
“โออ  เด็กผู้หญิง!”
“นักเรียนหญิง!!”
“สะ สาวม.ปลาย มาโดโจ...” [tl note : dojo = โรงยิมโรงฝึกอะไรเทือก ๆ นี้]
“น นะ น่ารักทุกคนเลยอะ”
นี่คือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน! สาว ๆ มาเยือนรังของเหล่าชายหนุ่ม!! เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายขยันขันแข็งขึ้นมาในทันใด ไม่ว่าจะเป็นพลัง หรือความเร็ว ในฟาดฟันแต่ละครั้งล้วนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ!!!


***********************


การฝึกวันนี้เป็นไปอย่างเข้มข้น
ลี ฮุนออกจากโดโจและตัดสินใจวิ่งกลับบ้าน เพราะไม่ต้องการเสียเงินไปขึ้นรถประจำทาง การวิ่งเองก็เป็นวิธีที่ดีในการสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
‘เราจบม.ปลายแล้ว...’
ฮุนยิ้มไปวิ่งไป ถึงเขาจะไม่ได้ไปเรียนม.ปลายจนจบแต่ ตอนนี้เขาพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า เขาจบการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้ว
‘ย่า ต้องดีใจมากแน่นอน ฮายันเองก็คง....’
ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสียไปสิ่งที่ลีฮุนห่วงที่สุดก็คือน้องสาว เมื่อตอนเป็นเด็กเธอทั้งขี้กลัวทั้งขวัญอ่อน แต่สภาพที่เกิดกับครอบครัว บังคับให้ฮายันต้องแกร่ง
“เราเองก็คงจะทำทุกอย่างแทนพ่อแม่ให้เธอตลอดไปไม่ได้ อย่างมากก็คงจะได้อีกแค่ 2-3 ปี”
ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลี ฮุนก็คือ น้องสาวเขาได้พบกับผู้ชายที่เหมาะสม และแต่งงาน
ในงานแต่งฮุนจะยึดตำแหน่งของพ่อและเป็นคนพาเจ้าสาวไปหาเจ้าบ่าว ตั้งแต่ยังเด็ก ฮุนก็เคยชินกับการรับบทผู้ปกครองและคอยดูแลน้องสาวตัวน้อยของเขา เมื่อเวลาที่เจ้าบ่าวรับมือเจ้าสาวไป ลี ฮุนก็จะเป็นอิสระ
เขาไม่เคยนึกว่าเรื่องหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ทุกทุกวันเขาดิ้นรนผ่านความทุกข์ยากเพื่อที่จะเงินให้ได้แม้จะแค่น้อยนิด ไม่มีเวลาเหลือมาคิดถึงเรื่องอนาคตที่ไกลห่าง
ดังนั้นมีเพียงเวลาที่น้องของเขาจะจบจากมหาวิทยาลัยและแต่งงาน ไปแล้วเท่านั้นที่จะทำให้ฮุน วางภาระทั้งหลายลงจากบ่าและเริ่มใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง
 ‘แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...’
ฮุนหัวเราะอย่างขมขื่น ฮายันต้องได้เจอกับผู้ชายที่ดีจริง ๆ เท่านั้น
ด้วยเกรดของฮายันตอนนี้เป็นเรื่องง่ายเธอเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย เกาหลี ได้งานดี ๆ หลังจากเรียนจบ เมื่อจับคู่หน้าตาของฮายันที่เรียกได้ว่าน่ารัก นั่นก็น่าจะทำให้น้องของเขาได้พบเจอกับผู้ชายที่ดีที่สุดแน่นอน
แต่ถ้าในงานแต่งเธอ คนที่จูงเจ้าสาวเข้างานคือพี่ชาย ผู้ที่จบแค่มัธยมปลาย นั่นอาจจะทำให้เธออับอายได้
‘น่าอับอายยิ่งนัก เรามันเป็นพวกไร้การศึกษา..’
ลี ฮุนเริ่มกังวลว่าการที่การศึกษาของเขาไม่สูงอาจจะเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตน้องสาวและอาจจะส่งผลให้ชีวิตเธอไม่ราบรื่น
ระหว่างที่กำลังกังวลอยู่เขาก็เห็น ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยให้กลับสู่สังคมอันยิ่งใหญ่! ที่ระหว่างทางกลับบ้านของเขา รูปลักษณ์อันโอ่อ่าของมันประกอบไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัยที่สุดในยุคปัจจุบัน
‘เราเคยเข้ารับการตรวจวินิจฉัยที่นั่น ถ้าเราหาทางทำให้ตัวเองกลายเป็นหมอที่นั่นได้ น้องเราต้องภูมิใจแน่’

***********************



2-3 วันที่ผ่านมาไม่ได้เป็นอะไรที่ใกล้เคียงกับคำว่า “ง่าย” เลยสำหรับ คุณหมอชา อึนฮี
ที่ผ่านมาเธอใช้วิธีการรักษาที่ต่างกันนับร้อย เพื่อหาทางทำให้จอง ซอยุนกลับมาเป็นปกติ และรอยัลโรดคือมาตรการสุดท้ายของเธอ
เกมเสมือนจริงนั้นเป็นรู้กันว่าทำให้สภาวะทางอารมณ์คงตัว มันช่วยปลดปล่อยความเครียดโดยการเติมเต็มความปรารถนาที่ไม่อาจจะพบเจอได้ในความเป็นจริง การท่องไประหว่างโลกเสมือนและโลกแห่งความจริงช่วยบรรเทาความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหลายได้

ชา อึนฮีหวังว่ามันจะช่วยซอยุนออกจากบาดแผลที่ฝังลึกในใจของเธอได้
นับตั้งแต่วันที่ซอยุนเริ่มเล่นเกมนี้ ชาอึนฮี เฝ้ามองบันทึกการเล่นของซอยุนมาตลอด เพื่อที่จะประเมินสภาพจิตใจของซอยุนว่าดีขึ้นหรือไม่ และเกมนี้ก็แสดงอะไร ๆ ได้มากกว่าที่บททดสอบใด ๆ จะแสดงให้เห็นได้ ซอยุนต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง โต้ตอบกับสภาพแวดล้อม
ทุก ๆ การกระทำของซอยุน ในรอยัลโรด ถูกบันทึกไว้ในแคปซูล มันถูกจัดเป็นข้อมูลส่วนตัวแต่ ชา อึนฮี ในฐานะหมอประจำตัวของซอยุน สามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้

การออกล่าของซอยุนครั้งแรกที่ถูกบันทึกไว้เต็มไปด้วยแรงกระตุ้น
“นี่แหละ เธอจะต้องหายแน่ ๆ ไม่นานหรอก”
แนวโน้มในตอนต้นนั้นเป็นด้านบวก
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่หัวเราะหรือพูดคุยกับใครเลยแม้แต่คนเดียว และดูจะถอยห่างออกจากทุกสิ่ง แต่เธอก็เริ่มออกล่า และความต้องการออกล่านั้นแสดงให้เห็นว่าเธอยังมีความปรารถนาอยู่
ชา อึนฮี คิดว่าความต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น และได้มาซึ่งไอเทมที่ดีกว่าเดิมทำให้เธอดูมีชีวิตชีวา ลักษณะนิสัยของ ‘มนุษย์’ แบบนี้ล่ะที่จะเป็นผลบวกกับการรักษา แต่เมื่อเวลาผ่านไปความคาดหวังของเธอก็ลดลงเรื่อย ๆ
ซอยุนไม่ทำอะไรนอกจากออกล่า เธอบุกไปยังที่ที่มีมอนสเตอรวมกันอยู่เป็นจำนวนมากและก็ต่อสู้กับมัน อย่างดุร้าย จนกว่าความตายจะมาเยือน ราวกับนักรบผู้บ้าคลั่ง และเธอก็ยังคงไม่พูดกับใครเลยในรอยัลโรด
‘แต่มันก็ยังเป็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีนี่?’

ที่เซราบอร์กเธอคุ้นเคยกับครูฝึกการต่อสู้ ถึงจะไม่ได้สนิทกันมาก แต่ก็เป็นการพัฒนาครั้งใหญ่เลยทีเดียว พวกเขากินอาหารด้วยกันและเธอก็ฟังครูฝึกพูดคุยเล่าเรื่องต่าง ๆ
‘แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่เธอก็ยังตอบสนอง’
การล่ามอนสเตอร์ก็เป็นสัญญาณที่ดี คนเก็บตัวบางกลุ่มทำตัวแปลกแยกและน่าหวาดระแวง บางครั้งก็แสดงออกเหมือนเด็ก ๆ ด้วยความรู้สึกว่าเหนือกว่าผู้อื่น โชคยังดีที่อาการซอยุนยังไม่เลวร้ายลงไปถึงขั้นนั้น
เมื่อคนเราผ่านความเจ็บปวดอันเลวร้าย พวกเขาเหล่านั้นมักจะมีอาการซึมเศร้าหรือหวาดกลัวภายหลัง การรักษาอาการตกค้างแบบนี้การต่อสู้เป็นยาชั้นเลิศ
‘แต่ว่า คงจะอีกยาวไกลกว่าจะเธอจะหายดีล่ะนะ’
ชา อึนฮี ถอนใจเฮือก

เมื่อออกเดินทางจากเซร่าบอร์ก จอง ซอยุนก็มุ่งหน้าลงใต้ไปยังที่ที่เธอจะสามารถออกล่าได้อย่างไม่สิ้นสุด
‘อีกนานแค่ไหนเธอถึงจะออกมาจากเปลือกที่เธอตัวเองไว้ซอยุน’
จอง ซอยุนไม่ได้เป็นแค่คนไข้สำหรับเธอแต่เป็นเหมือนน้องสาว พวกเธอรู้จักกันมาในวัยเด็ก พ่อแม่ของพวกเธอเป็นเพื่อนกัน พวกเธอจึงได้พบกันบ่อย ๆ ซอยุนตัวน้อย มักจะเรียก ชา อึนฮีว่าพี่คะ พี่ขา และคอยตามเธอตลอดเวลา
แต่ตอนนี้เธอไม่แม้แต่จะหัวเราะหรือพูดอีกต่อไป ชา อึนฮีจึงทำทุกอย่างเท่าเธอจะทำได้เพื่อให้เธอกลับมาเป็นเด็กที่น่ารัก ร่าเริงคนนั้น
แต่ตอนนี้เธอกำลังประหลาดใจเมื่อได้เห็นข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้
“ทำไมถึงมีรูปสลักของซอยุนในหมู่บ้านบารัน?”
ดูเหมือนว่าซอยุนจะไม่ได้สังเกตแต่รูปสลักที่มีรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเทพธิดาแห่งหมู่บ้านนี้นั้นเหมือนจนราวกับว่าเป็นร่างที่แบ่งของตัวเธอ
ใบหน้าของรูปสลักต้องแกะโดยใช้ซอยุนเป็นแบบแน่นอน
รอยยิ้มที่ได้เห็นนั้นงดงามจนชา อึนฮีสายตาพร่าพราย

*************************


ซอยุนออกล่าอย่างต่อเนื่องยาวนาน ลึกเข้าไปทางใต้ของโรเซนไฮม์มากขึ้นเรื่อย ๆ และเพื่อหลบเลี่ยงผู้คนที่มาทางใต้ของโรเซนไฮม์เช่นเดียวกับเธอ เธอจึงมุ่งเข้าไปให้ไกลกว่าเดิม เกินกว่าที่ใครจะตามมาพบเจอ
ล่ามอนสเตอร์ เช่น ผีกูลแห่งความมืด และ กาสีเลือด

ถึงประชากรในเขตใต้นี้เมื่อก่อนจะน้อย แต่มันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายแล้วเหล่าผู้เล่นก็มาถึงดันเจี้ยนและเขตล่าที่ซอยุนใช้ ทำให้เธอรู้สึกกังวลมาก
‘เราอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ’
ซอยุนตัดสินใจย้ายออกจากเขตทางใต้ของอาณาจักรโรเซนไฮม์
ในตอนต้นเธอเริ่มที่กึ่งกลางของทวีป ค่อย ๆ ออกเดินทางมาทางใต้จนถึงโรเซนไฮม์ แต่หลังจากออกเดินทางมายาวไกลขนาดนี้เธอก็ได้ตระหนักแล้วว่าทางใต้นี้ไม่มีผืนดินที่เป็นอิสระไร้ผู้คนไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม
‘ไปทางตะวันออก.... ที่ที่ยังไม่มีผู้ใดเหยียบย่าง’
ซอยุนมุ่งหน้าไปยัง ทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวัง

***********************

การก่อสร้างพีรามิดได้กลายเป็นประเด็นร้อนของรอยัลโรด ข่าวลือเกือบทั้งหมดล้วนมีต้นตอมาจากผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างโดยตรง
พีรามิดนั้นแทบจะปรากฏขึ้นบนเวบไซต์ทั้งหลายในทันที นักข่าวหลายคนถูกส่งตัวมาหาวีด จากสื่อต่าง ๆ พวกเขาต้องการบันทึกเหตุการณ์ก่อสร้างทั้งหมด ตั้งแต่ความคิดริเริ่มไปจนถึงเสร็จสมบูรณ์
แน่นอนว่ารายงานเกี่ยวกับพีรามิดนั้นพอดีกับบทความเล็ก ๆ แต่นักข่าวทั้งหลายต้องการที่จะดึงสายตาประชาชนมาที่พีระมิด ซึ่งถูกสร้างจากเหล่าผู้เล่นทั้งหลายด้วยความพยายามยิ่งยวดเป็นหลัก เพื่อแสดงให้เห็นว่าความรู้สึกและการทำงานที่หนักหนาของพวกเขาทั้งหลายทำให้การสร้างพีระมิดนั้นเป็นไปได้ พวกเขาทำงานนี้ตั้งแต่เริ่มไปจนถึงที่สุด นับจากเวลาที่เควสนี้ได้ปรากฏ ราวกับว่าประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่กำลังจะถูกเขียนขึ้น!
พีรามิดทีสร้างขึ้นมาด้วยแรงงานของผู้เล่น นับพัน!

ทางผู้ผลิตรายการ TV ได้คิดจะสร้างเหตุการณ์นี้ให้เป็นโชว์ที่นักแสดงผู้โด่งดังและเจ้าของโชว์สร้างพีรามิดของตัวเอง พวกเขาคิดว่าผู้ชมจะให้ความสนใจว่าใครจะทำงานที่เมื่อดูแวบแรกไม่มีทางทำให้สำเร็จได้ สำเร็จเป็นคนแรก
“ผมให้ 1,000,000 วอน” [31,000bht]
“ถ้าคุณตกลงทำงานกับเรา เราจ่ายให้ 2 ล้าน”
ทุก ๆ วันวีดจะได้รับข้อเสนอแบบนี้แต่วีดปฏิเสธทุกข้อเสนอ แต่เมื่อเขาได้รับข้อเสนอที่ไม่เหมือนใครจาก รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาของเกาหลี ที่ตัดสินใจจะทำแคมเปญโฆษณาชุดหนังสือแบบเรียนและต้องการให้มีเรื่องราวของพีรามิดในนั้น  พร้อมกับเงิน ให้ฮุน  7 ล้านวอน
วีดรับข้อเสนอนี้ทันที

***************************

การล่าในช่องเขาฮันเทรสนั้น ทุกทุกวันล้วนผ่านไปอย่างมีชีวิตชีวา
แม้ว่าปาร์ตี้ของพวกเขาจะไม่ได้มีวอริเออร์ หรือพาลาดินในอาณัติแต่ด้วยการประสานงานระดับสูงระหว่างสมาชิกปาร์ตี้ทำให้พวกเขากวาดล้างเหล่านักรบสาวและได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมาก แค่ไม่กี่วันที่ผ่านมาวีดได้มา 7 เลเวล ทำให้ระดับตอนนี้มากถึง 266
สู้ร่วมกับเหล่านักดาบทั้งหลายนั้นเพลิดเพลินอย่างไม่น่าเชื่อ วีดออกล่าได้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนกับพวกเขา แต่การก่อสร้างกำลังจะจบลง และวีดเองก็ต้องไปเข้าร่วมงานนี้
เมื่อเวลาที่ศิลาก้อนสุดท้ายวางลงในที่ของมัน วีดก็ได้รับข้อความ
ดิ๊ง!
คุณสำเร็จงานสร้างสุสาน สำหรับกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ธีโอดาร์เรน
รับรู้ถึงความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา กษัตริย์ได้ตัดสินใจสร้างสุสานที่ยอดเยี่ยมสำหรับตัวเองและมอบหมายงานให้นักแกะสลักผู้เลื่องชื่อ สำหรับรายละเอียดของงาน ตอนนี้สุสานได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
รับรางวัลของคุณจากกษัตริย์ธีโอดาร์เรน
แต่คุณต้องรีบไปก่อนที่กษัตริย์จะหลับลงตลอดกาล

 “เสร็จแล้วว!”
“ฮูเร่!”
เหล่าผู้เล่นนับไม่ถ้วนรอบ ๆ พีรามิดต่างตะโกนออกมาอย่างยินดี
เป็นครั้งแรกที่คนจำนวนมาก ได้มารวมตัวกันในอาณาจักรที่ซึมเซาแห่งนี้ ทุก ๆ คนขุดและขนหินอย่างน้อย 1-2 บล็อก มีส่วนช่วยด้วยหยาดเหงื่อแรงงานและความพยายามเพื่อสร้างสุสานแห่งนี้
วีดมุ่งหน้าไปยังพระราชวัง
สุสานสร้างเสร็จแล้วที่เหลือก็แค่รายงานเรื่องนี้กับกษัตริย์ รับรางวัลกลับมา

กษัตริย์พบวีดที่ห้องบัลลังก์เมื่อคราวก่อน พระองค์ดูมีพระชันษามากขึ้น และอาการของพระโรคในตอนนี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจน
“ใต้ฝ่าละอองพระบาท...” วีดเริ่มกล่าวคำแต่กษัตริย์ได้มีพระดำรัสกับวีดทันที
“ยืนขึ้นเถอะ ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่านสมควรได้รับความเคารพมากกว่านี้ และธรรมเนียมปฏิบัติพวกนี้มันก็ทำให้ข้าอึดอัดนัก”
“มิได้ ใต้ฝ่าละอองพระบาท...”
วีดยังไม่คิดจะยืนขึ้น แต่กษัตริย์ได้สั่งให้อัศวินไปช่วยให้วีดยืนขึ้นมา วีดเห็นได้ชัดเจนว่าทัศนคติของกษัตริย์ที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนจากการพบกันคราวก่อน
“ขอขอบคุณท่านแล้ว เพราะท่านข้าจึงมีที่สำหรับการหลับไหลครั้งสุดท้าย ท่านเป็นนักแกะสลักผู้ยิ่งยง ตัวข้านั้นสงสัยนักว่าท่านคิดอะไรอยู่ในตอนที่สร้างสุสานของข้า”
“ข้าน้อยคิดถึงพระราชกรณียกิจมากมายของฝ่าบาท ที่ทรงกระทำมาตลอดพระชนมายุของฝ่าบาท”
“ใช่... ข้าปราบศัตรูอริราชมากมายเพื่อปกปักษ์รักษาอาณาจักรของข้า และหลังจากความตายมาเยือนข้าก็คงจะตกลงสู่นรกขุมที่ลึกที่สุดเพื่อทรมานไปชั่วนิรันดร์”
“ไม่ที่ทางเป็นเช่นนั้นแน่ฝ่าบาท ชีวิตของพระองค์ท่านนั้นผ่านไปดุจดังดอกไม้ไฟ ผู้ที่ไม่หวาดกลัวไฟและพยายามไขว่คว้ามันอาจจะถูกแผดเผาแต่พระองค์ทรงเผาไหม้ตนเองเพื่อสาดแสงให้แก่สรรพสิ่งรอบตัวพระองค์เอง พระองค์เป็นดั่งไฟที่สว่างและอบอุ่นคอยรักษาโรเซนไฮม์มายาวนาน ตอนนี้พระองค์จะได้ทรงหลับไหลยังที่อันสุขสงบเพื่อทรงเฝ้ามองอาณาจักรแห่งนี้รุ่งเรื่องต่อไป”
ราชาพอใจกับคำ(ป้อยอ)ของวีดมาก
“ข้าไม่เสียใจเลยที่มอบงานชิ้นนี้ให้กับช่างแกะสลัก ผู้เลื่องชื่อที่ใคร ๆ ต่างพูดถึง ท่านได้สร้างสถานที่สำหรับการหลับไหลของข้า ได้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าที่ตัวข้า คาดหวังไว้ นี่คือรางวัลที่ท่านสมควรจะได้รับ”

คุณทำเควสสำเร็จแล้ว
ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 690
คุณได้รับ ชื่อเสียง 2930 กับอาณาจักรโรเซนไฮม์
เลเวลเพิ่มขึ้น
เลเวลเพิ่มขึ้น
เลเวลเพิ่มขึ้น
เลเวลเพิ่มขึ้น
เลเวลเพิ่มขึ้น

5 เลเวลกับ 2930 แต้มกับราชวงศ์!
กษัตริย์ตรัสต่อไปว่า:
“ผู้ที่ช่วยในงานก่อสร้างนี้จะได้รับรางวัลที่เหมาะสมกับงานของตน งานของท่านยอดเยี่ยมมาก เราต้องการตบรางวัลแก่ท่าน อะไรคือสิ่งท่านปรารถนา?”
นี่ล่ะนาทีเร้าใจ! วีดจินตนาการให้ฉากนี้มาถึงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
‘2930 แต้ม แรร์ไอเทม ไม่สิ แม้แต่ ยูนีคไอเทมจากท้องพระคลังเราก็แลกได้’
ดาบแห่งอกาธาเป็นไอเทมที่ดีมากในหลาย ๆ ทาง เพิ่มค่าศรัทธา เพิ่มอัตราฟื้นเลือด ใช้ได้แม้กระทั่งเบลสซิ่ง 5 ครั้งต่อวัน แต่ดาบที่สร้างโดยภาคีแห่งเฟรย่านั้น สร้างความเสียหายได้ต่ำ
วีดต้องการดาบ!
ดาบที่ดีที่สุดเท่าที่จะมีได้
แต่วีดก็คิดถึงเควสที่ตัววีดเองรับมาว่าจะทำให้สำเร็จได้อย่างไร
‘ต่อให้มีดาบที่ดีในสุดในโลกมันก็ไม่น่าจะช่วยเราในทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวังได้’
หลังจากใคร่ครวญวีดก็กล่าวว่า
“ฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับภารกิจสำคัญจากภาคีแห่งเฟรย่า ในเวลาอันใกล้นี้ข้าน้อยจะต้องปะทะกับ เหล่าเนโครแมนเซอร์ ผู้นับถือเทพแห่งความมืด เบลเซบัป ภาคีได้ข้อมูลว่าบางอย่างที่ชั่วร้ายมาก ๆ กำลังเตรียมการอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวัง งานของข้าน้อยนั้นต้องจัดการกับพวกมันก่อนที่เหล่าเนโครแมนเซอร์จะรวมกองกำลังได้มากกว่านี้ แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ตัวข้าไม่มีกำลังคนเพียงพอที่จะทำให้งานที่สำคัญยิ่งนี้ลุล่วงไปได้ ข้าน้อยร้องขอเหล่านักรบผู้กล้าหาญจากโรเซนไฮม์เพื่อให้ภารกิจนี้ลุล่วง”

องค์กษัตริย์รับฟังรายละเอียดทั้งหมดจากวีด แล้วส่ายหัวไปมาด้วยความหนักใจ
“ทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวัง ข้าเคยได้ฟังว่ามีเหล่าผู้อพยพจากสมัยแห่งสงครามและการต่อสู้กับเหล่าดาร์คเอลฟ์ ในช่วงที่ข้าครองราชย์ข้าได้ส่งกองกำลังออกไป 2 ครั้งในดินแดนนี้ แต่ว่าไม่มีผู้ใดกลับมาได้ ด้วยเหตุนั้นข้าจึงสั่งให้สร้างกำแพงที่ทั้งสูงและหนาขึ้น เพื่อป้องกันกองกำลังแห่งความชั่วเหล่านั้นที่จะบุกเข้ามาในแผ่นดินของข้า”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง..”
จนถึงตอนนี้วีดเพิ่งจะเข้าใจว่าที่ๆเขาจะไปนั้นมันอันตรายยิ่งกว่าเขตโมราต้าเสียอีก
แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่เวลายกเลิกเควส เควสคือการผจญภัยและจนกว่าประสบการณ์ในตัวของวีดจะพิสูจน์ว่าเควสนี้ นั้นไม่สามารถทำให้ลุล่วงไปได้ ไม่มีอะไรหยุดวีดได้ตราบใดที่วีดยังไม่ได้ลอง เหมือนกับที่กล่าวกันว่า ‘เสียใจที่ไทำลงไปดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ’
ระหว่างที่วีดกำลังอยู่ในห้วงคำนึง ธีโอดาร์เรนก็กล่าวต่อไปอย่างสงบ:
“ในที่ที่อันตราย ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ เช่นนั้นท่านต้องการผู้คนที่เชื่อถือได้ ข้าจะเสนอเหล่าทหารให้แก่ท่าน แต่ข้าต้องขอให้ท่านปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพ ไม่ปล่อยให้มีการตายอย่างสูญเปล่าเกิดขึ้น”


เขาต้องใช้แต้มเพื่อทหาร  การตัดสินใจนี้ทำให้วีดแทบจะร้องไห้
‘เอาเถอะ ถึงยังไงถ้าจะไปที่แบบนั้นด้วยพรีสอย่างเดียวแล้วหวังปาฏิหาริย์ล่ะก็ เป็นการฆ่าตัวตายชัด ๆ ทำเควสให้สำเร็จสำคัญกว่ายูนีคไอเทมอยู่แล้วล่ะนะ......’
แต่ถึงจะตัดสินใจไปแล้วมันก็ช่วยไม่ได้ที่วีดจะร้องขอของมีค่า
“ความทรงจำที่ข้าน้อยมีต่ออาณาจักรโรเซนไฮม์เป็นสิ่งสูงค่ายิ่งนัก ข้าน้อยปรารถนาที่จะได้บางสิ่งเป็นที่ระลึกถึงอาณาจักรแห่งนี้ หากว่าเป็นดาบ นั่นจะไม่มีติเลยพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
คำพูดที่ถูกต้องในที่สมควร
ราชาพยักหน้าและสั่งให้ที่ปรึกษาของเขาพาประติมากรผู้นี้ไปยังสนามฝึก
ระหว่างทางวีดคิดข้ออ้างนับพันเพื่อที่จะปลดอาวุธที่ดีที่สุดออกมาจากคลังแสง เขานึกย้อนไปถึงตอนที่ออกล่าใน ถ้ำสัตว์ร้ายแห่งลิทวาร์ต และเควสในโมราต้า เขาต้องทนต่อความทุกยากมากมายจนในที่สุดก็ได้มาซึ่งโอกาสที่จะได้รับอะไรที่มันมีคุณค่าจริง ๆ เสียที
จะให้จ่ายแต้มทั้งหมดนั่นแลกพวกทหารหลังจากสิ่งที่ต้องทนทั้งหมดนั่นน่ะหรือ?
ฝันไปเถอะ! วีดคิดแล้วว่าอย่างน้อยก็ต้องได้ของมีค่าสำหรับตัวเองไปบ้าง
ที่ปรึกษาพาวีดไปยังสนามฝึกซ้อม ที่มีเหล่าวอริเออร์มากมายกำลังฝึกฝน
“ด้วยโองการแห่งองค์กษัตริย์ ท่านได้รับอนุญาตให้พาอัศวินและทหารไปช่วยภารกิจของท่านในทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวัง เลือกคนที่ท่านต้องการเถอะ”
อัศวินของโรเซนไฮม์แต่งกายด้วยเกราะสีเงินที่สะท้อนแสงแวววาว  ม้าพวกเขาก็ดูสะอาดได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

โปรดเลือกนักรบด้วยแต้มของคุณ

หลังจากหน้าต่างนี้ปรากฏ ก็มีตัวเลขบนอกของเหล่า อัศวินให้วีดยล
‘นี่คงเป็นมูลค่าของเจ้าพวกนี้สินะ’
อัศวินและทหารทุกนายล้วนมีราคา วีดต้องเลือกอย่างระมัดระวัง จ่ายแต้มออกไปเพื่อทหารที่จำเป็นเท่านั้น
อันดับแรกที่วีดทำคือ พิจารณาอัศวินทั้งหมดอย่างละเอียด

ทั้งหมดที่มารวมกันตรงนี้แบ่งได้เป็น 2-3 กลุ่ม กลุ่มอัศวินสีชาด ที่มีพลังอันแข็งแกร่ง กลุ่มอัศวินพิสุทธิ์ที่เลื่องลือทางด้านเวทมนตร์และราชองครักษ์ผู้รับใช้เพียงองค์ราชา ซึ่งกลุ่มสุดท้ายมีระดับอยู่ในช่วง 280
วีดตัดสินใจได้ในทันทีว่ากลุ่มราชองครักษ์นั้นเป็นทางเลือกของวีดแน่นอน พวกนี้เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในราชอาณาจักร
‘ในที่ที่อันตรายขนาดนั้น เราต้องการการผู้ช่วยดี ๆ’

วีดเข้าใกล้เหล่านักรลเพื่อมองตัวเลขบนอกให้ชัดเจน มันเริ่มจาก 30 ไปจนถึง 100 แต้มตามแต่บุคคล
ระบบแต้มกิตติศัพท์เป็นเหตุผลนึงที่กิลด์กากเกรียนในรอยัลโรดมีไม่มากนัก แม้แต่ผู้เล่นเดี่ยวและปาร์ตี้เล็ก ๆ ก็ทำเควสสะสมแต้มกิตติศัพท์สำหรับอาณาจักรและกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ในรอยัลโรดนี้ และในกรณีที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ สำหรับภารกิจ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมองหากิลด์และร้องขอความช่วยเหลือ พวกเขาสามารถจ้างกองทัพจากกษัตริย์หรือพวกขุนนางก็ได้
ระหว่างที่เดินไปรอบ ๆ ลานฝึกวีดก็ไปถึงมุมที่วางอาวุธและชุดเกราะจำนวนมาก ดาบ หอก ขวาน ธนู กระบอง หลากหลายจนไล่รายการออกมาได้ไม่หมด
เฉพาะดาบอย่างเดียวก็มีมากกว่า 100 เล่ม และแน่นอน ไอเทมทุกชิ้นมีราคาแต้มกิตติศัพท์ โชว์เด่นหรา

ของเก่า ๆ ผุพังราคาถูกเพียงแค่ 2-3 แต้ม แต่ของที่ดีมาก ๆ นั้นแพงเหลือเชื่อ 1500-2000 แต้มเลยทีเดียว
ถ้าเลือกทหารมากไปก็จะได้แต่อาวุธกระจอก ๆ แต่ถ้าเลือกอาวุธเทพ ก็ได้ทหารไปนิดเดียว วีดเผชิญกับทางเลือกอันตัดสินใจได้ยากยิ่งอีกครั้ง!
‘เราหาแต้มพวกนี้มาแทบตาย ยังไงก็ใช้ไปกับทหารทั้งหมดไม่ได้หรอก’
ถ้า NPC ตายในการรบพวกเขาจะไปแล้วไปลับมิกลับมา แต่ถึงจะรอดกลับมาได้ วีดก็ต้องคืนNPC พวกนี้ไปอยู่ดี แต่อาวุธจะอยู่กับวีดตลอดไป แถมยังขายเป็นเงินได้อีก
หลังจากใช้ความคิดอย่างหนักวีดตัดสินใจเลือก 10 ราชองครักษ์ ในขณะที่เลือกพวกเขาวีดตั้งชื่อให้พวกเขาใหม่ทันที คือ
51, 53, 55, 56, 58, 59, 60, 98, 99, 100!
แน่นอนมากว่าวีดจะจดจำใบหน้าของพวกเขาเหล่านี้ไว้ เพราะเขาต้องจ่ายแต้มที่ลำบากแทบตายกว่าได้มาเข้าแลก
 “เหมือนว่ากษัตริย์ประเมินท่านไว้สูงทีเดียว ดังนั้นข้าปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน”
“ข้าไม่ได้อยากไปกับเจ้าหรอกนะ แต่คำสั่งขององค์กษัตริย์ถือเป็นที่สุด เพราะงั้นข้าคงต้องตามเจ้าไป”
เหล่าอัศวินไม่ได้ปิดบังอาการไม่ยอมรับในตัววีด ความไม่พอใจและความหยาบคายถูกแสดงออกมาซึ่ง ๆ หน้า แต่วีดก็ไม่ได้สนใจ พลางหันไปเลือกอาวุธและทหารธรรมดาเพิ่มเติม
‘เลือกอาวุธที่ดีที่สุดแล้วก็ใช้แต้มที่เหลือไปกับพลเดินเท้าละกัน ถ้าแต้มเราลดไปมากกว่านี้ เราคงจะเลือกดาบที่ต้องการออกมาไม่ได้แล้ว’
ในทีแรกวีดสำรวจ ดาบที่ตกแต่งประดับประดาอย่างดี แต่พวกมันล้วนห่วยเกินที่เขาจะหยิบมาใช้
‘ไร้ประโยชน์ นี่มันงานศิลป์มากกว่า ไม่ใช่อาวุธแล้ว’
โชคไม่ดีที่วีดไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สกิลตรวจสอบ ค่าพลังของอาวุธ ดังนั้นแล้ววีดจึงใช้ได้แค่สัญชาติญาณกับประสบการณ์เท่านั้น
แต่ว่าที่นครอิสระโซมุเรนวีดมีโอกาสได้เรียนรู้ที่จะประเมินคุณค่าของอาวุธจากการมองสำรวจเท่านั้น ประสบการณ์จากการเป็นแบล็คสมิธก็มีส่วนช่วยวีดเป็นอย่างดี
วีดทุ่มเทความพยายามมองหาดาบที่มีส่วนประกอบจากมิธริลมากที่สุด และเมื่อพบวีดก็หยิบขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจเล็กน้อย
“ตรวจสอบ”

ดาบเย็นเยือก โลเธอู (Loteu)
ความทนทาน 150/150
ความเสียหาย 68-75
ดาบเล่มนี้เป็นของโลเธอู ผู้นำเหล่าทหารรับจ้างทางเหนือของทวีป จากอาณาจักรนิปเปิลเฮม มีพลังแห่งน้ำแข็งสถิตอยู่

คุณสมบัติ :
ความแข็งแกร่ง  600
ระดับ 250
ส่งผลให้ :
ความแข็งแกร่ง +50
ความคล่องแคล่ว +10
ความเป็นผู้นำ +20%
ความเสียหายน้ำแข็ง +30
ทุกการโจมตีมีผลให้ศัตรูเชื่องช้าลง
ถ้าคุณมีอาชีพทหารรับจ้างคุณจะได้รับระดับ ซิลเวอร์ ทันที

 “ไม่เลวเลย”
วีดจ่าย 1700 แต้มเพื่อดาบเล่มนี้ และพอใจกับคุณภาพของมัน ถึงผลของมันจะสู้ดาบอกาธาไม่ได้แต่ ความเสียหายเยอะกว่ามาก ถ้ารวมเทคนิคลับคมเข้าไปด้วยนี่ก็เป็นดาบที่ดีสุดทีวีดเคยมีมาแน่นอน
หลังจากเลือกดาบวีดเหลือแต้มอีก 541 แต้ม ซึ่งวีดจะนำไปใช้กับการเพิ่มทหาร เมื่อวีดเดินต่อไปรอบ ๆ ลานฝึกวีดก็พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคน
“หัวหน้า”
เบคเกอร์ โฮสแรม บูเรน และ เดล ทหารที่เข้าปฏิบัติการกวางล้างรังของลิทวาร์ต เพื่อนเก่านั่นเอง
“พวกนายก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ?”
“ใช่ครับ ช่วงนี้รอบ ๆ เมืองหลวงมีพวกมอนสเตอร์บุกเข้ามา พวกเราก็เลยถูกเรียกมาออกลาดตระเวนล่าพวกมันครับ”
4 ทหารหาญผู้กลายเป็นกัปตันไปนานมากแล้วได้รับมอบหมายให้มีกองกำลังของตนเองนับร้อย
“พวกเรารู้ว่าหัวหน้าต้องกลับมาที่นี่ในซักวันแน่นอน”
“ใช่ครับ พวกเรายินดีจริง ๆ ที่ได้พบท่านอีกครั้ง หัวหน้า”
บูเรนกับเดล ไม่ปิดบังความยินดีของพวกเขา ในระหว่างการล่าที่รังของลิทวาร์ตพวกเขาล้วนสนิทกับวีดและยินดีจากใจจริงที่ได้พบวีดอีกครั้ง
วีดคิดว่าโชคเข้าข้างจริง ๆ
ในภารกิจที่กำลังจะมาถึงวีดต้องการกองกำลังที่เชื่อใจได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลยทีเดียว!
 “มากับข้าเถอะ พวกเรามีงานรออยู่มากมายเลยทีเดียว”
หลังจากเลือกบุเรนกับพวกมาด้วยกันพร้อมทหารอีก 400 ในสังกัดอีก 400 คนวีดก็เหลือแต้ม 3 แต้มเท่านั้น ( tlnote : โชคดีโคตร ซื้อ 4 แถม 400)
ที่ปรึกษามองไปยังเหล่านักรบที่ถูกวีดเลือกอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วกล่าวว่า
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะพาอัศวินและทหารทั้งหมดกลับมาอย่างไม่มีผู้ใดบุบสลาย”
วีดไม่ตอบอะไรในเรื่องนี้ ถึงมันจะดูโหดร้ายแต่วีดเลือกคนเหล่านี้มาต่อสู้ และแน่นอนว่าการต่อสู้ต่อจากนี้จะมีศัตรูที่สุดจะอันตรายรอพวกเขาอยู่มากมาย ดังนั้นแล้วความตายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่แท้

แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะปล่อยให้ทหารที่เขาได้มาอย่างยากลำบากตายไปง่าย ๆ แต่เขาก็ไม่คิดจะเก็บพวกนี้ไว้อย่างปลอดภัยด้านหลังแน่นอน
แต่เมื่อที่ปรึกษากล่าวต่อว่า
“ถ้าคุณพาพวกเขากลับมาอย่างมีชีวิต ทางราชวงศ์จะตระหนักในคุณความดีของท่าน และถ้าหากเหล่าทหารที่กลับมาเก่งกล้าขึ้น ราชาและเหล่าชนชั้นสูงทั้งหลายจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
คำพูดของที่ปรึกษาตีความได้ว่าจะคืนแต้มทั้งหมดให้ที่ใช้เลือกทหารและยังเพิ่มให้สำหรับทุกคนที่มีระดับเพิ่มขึ้นจากการต่อสู้
‘โอ้ถ้ารู้อย่างนี้ล่ะก็ ตูเลือกทหารให้มากกว่านี้ดีกว่า....’
ในตอนท้ายวีดพบกับ ดอคเก ครูฝึกจากศูนย์ฝึก ตอนนี้ครูแกได้เลื่อนขั้นให้มาฝึกสอนอัศวินในวังแล้ว ยังมีมิดเวล อัศวินที่พาวีดไปบุกรังของลิทวาร์ตแต่วีดมีแต้มไม่พอแล้ว สองคนนี้ ใช้แต้มมากกว่าใคร ๆ เลยด้วยซ้ำ
‘แย่แฮะ ถ้าเลือกได้อีกทีก็ดีสิ...’
วีดหมดธุระที่วังแล้ว เขามุ่งหน้าไปยังภาคีแห่งเฟรย่า ติดตามมาด้วยทหารที่เขาใช้แต้มจ้างมา

************************


ณ ทางเข้า เจ้าหน้าที่สูงสุดของวิหารรอต้อนรับวีดอยู่แล้ว
“ท่านพร้อมออกเดินทางแล้วหรือ?”
“ใช่” วีดตอบอย่างฉับพลันทันใด
ด้านหลังของวีดคือเหล่าอัศวิน บูเรน เบคเกอร์ โฮสแรม เดล และทหารธรรมดา 400 นาย ทั้งหมดล้วนอยู่ในสภาพตึงเครียดอยู่บ้าง เพราะไม่มีใครได้คาดคิดว่าจะได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญเยี่ยงนี้
ต่อให้เป็นราชองครักษ์ก็ยังแทบไม่เคยจะปฏิบัติภารกิจที่มีความยากขนาดนี้
ไฮพรีสเอ่ย:
“พรีส 50 คนได้รอท่านอยู่ที่พอทอล(portal)แล้ว”
“เราจะนำทางท่าน”
พรีสแห่งภาคีเฟรย่า วีดทักทายและพินิจพวกเขาโดยถี่ถ้วน มีชายที่มีเคราในชุดโรปหลายคน แต่การที่พรีสสาวนั้นทุกคนสวยสะดุดตาแล้วยังมีจำนวนมากกว่า พวกหนุ่มหนวดอย่างชัดเจนนั้นทำให้วีดประหลาดใจ
“โว้วววว!”
“ตอนนี้หัวใจของข้าลุกโชนแล้วหัวหน้า!”

แค่ได้มองไปยังเหล่าพรีสสาว จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเบคเกอร์และเหล่าทหารหาญก็พุ่งสูงเสียดฟ้า
วีดก้าวขึ้นไปยังพอร์ทอลนำหน้าทัพอันเกรียงไกรนี้ แต่คนที่เขาสั่งได้มีเพียง พรีส 50 คน ราชองครักษ์ บูเรน เบคเกอร์และคนอื่น ๆ ต่างมีอิสระที่จะประเมินสถานการณ์และตัดสินใจด้วยตนเอง
“ขอพรแห่งเฟรย่า สถิตอยู่กับท่าน”
พวกไฮพรีสเริ่มร่ายคำสวดและพอร์ทอลก็เริ่มเปล่งแสง
เมื่อแสงนั้นหายไป วีดกับพวกห่างออกไปจากโรเซนไฮม์แล้ว


************************************


พีรามิดได้กลายเป็นจุดเที่ยวชมของอาณาจักรโรเซนไฮม์อย่างรวดเร็ว ทุก ๆ วันมีคนมากกว่า 40,000 คนมาเยี่ยมชม
แน่นอนว่าเกือบทั้งหมดไม่ได้มามองหาความงามทางศิลป์จากมันแต่มารับบัฟจากรูปปั้นสฟิงค์ตะหาก
“ว้าว สุดยอด”
“จริงเลย บ้าชัด ๆ ที่มาสร้างพีรามิดในเกมนี่...”
“เราเห็นหนังที่เกี่ยวกับการสร้างพีรามิดด้วยนะ มันเจ๋งสุด ๆ เลยเรามาที่นี่ก็เพราะจะมาดูพีรามิดน่ะแหละ”
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจสำหรับคนที่มาที่นี่เป็นครั้งแรกนั้น ข้าง ๆ สฟิงค์อันลือชื่อ พวกเขาจะได้เห็นรูปสลักของ ละมั่ง จิงโจ้ กวาง กระต่าย และพวกสัตว์เลเวลต่ำ ๆ ที่มีใบหน้าอันเศร้าสร้อย
แค่เพียงมองไปยังรูปสลักเหล่านี้นั้น เหล่าผู้เล่นทั้งหลายล้วนแต่รู้สึกผิดที่ในตอนเริ่มเกมพวกเข้าฆ่าพวกมันไปมากมายนับไม่ถ้วนทั้ง ๆ ที่มันเป็นแค่สัตว์กินพืชน่ารัก ๆ เท่านั้น

ดังนั้นมันก็ไม่แปลกเลยที่หลังจากทุกคนได้อ่านป้ายที่สลักคำไว้มือของพวกเขาก็ยื่นไปหยิบเงินในทันใด

สำหรับการมองรูปสลักนั้น จ่ายค่าธรรมเนียมตามแต่ที่หัวใจคุณร้องบอกตัวคุณเถอะ
เงินทั้งหมดที่รวบรวบได้จะนำไปบริจาค
เราจะใช้มันเพื่อคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

เหล่าผู้เยี่ยมชมต่างโยนเหรียญทองแดงหรือเงินลงไป
[TLnote: นั่นสิ ถึงจะไม่ได้บอกเอาไว้แต่พวกเราก็รู้กันใช่ไหมว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลือชื่ออะไร :D ]


เล่มที่ 5 ตอนที่ 4 : จบ


***********************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

4 ความคิดเห็น: