วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 5 ตอนที่ 6 ได้เวลาแปลงร่าง (Sculpture Transformation)

เล่มที่ 5 ตอนที่ 6 ได้เวลาแปลงร่าง (Sculpture Transformation)


วีด ค่อยๆเดินออกจากหมู่บ้าน
หลังจากที่เขาสำเร็จภารกิจ  พวกชาวบ้านก็เลิกเย็นชาใส่เขา
“พวกเราศรัทธาในนักรบผู้กล้า เจ้าจำต้องมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากทีเดียวจึงจะปกป้องครอบครัวและพวกพ้องได้”
“พวกเขาเล่าว่าเจ้าล้มมดยักษ์ 5 ตัวได้? นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ ! ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จ  ถ้าเจ้าพอจะมีเวลาล่ะก็ เจ้าพอจะช่วยข้าได้หรือไม่?”
วีด รับปากช่วยงานเล็กๆน้อยๆจากชาวบ้าน พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมู่บ้าน เช่น หมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศนั้นไม่มีร้านค้าเลยซักร้านและ พวกคนในหมู่บ้านต่างก็ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเองภายในหมู่บ้าน

‘อืม... อย่างนี้ชั้นก็ค้าขายอะไรที่นี่ได้ไม่มากนัก’
ขณะที่กำลังสำรวจหมู่บ้าน วีด ก็สังเกตุเห็นเด็กผู้ชายกำลังร้องไห้ ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาในทันทีว่านี่น่าจะเป็น มอส (Moss) ที่โคคุนพูดถึง  เพราะข้อเท็จจริงที่ว่ามีเด็กอยู่ไม่กี่คนหรอกในหมู่บ้านแห่งนี้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
วีด เดินเข้าหาพร้อมกับถามเด็กผู้ชายคนนั้น  แต่เด็กคนนั้นกลับส่ายหัว
“เจ้าเป็นคนแปลกหน้า พวกคนแปลกหน้าไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้”
“…”
ช่างเป็นการตอบรับที่เย็นชาเป็นอย่างยิ่ง  ทว่า วีดยังคงดื้อรั้น  ยิ่งคุณได้รับการปฏิเสธเรื่องอะไรซักอย่าง มันก็ยิ่งทำให้คุณอยากได้มันยิ่งขึ้นไปอีก!

“มีมอนสเตอร์มากมายอาศัยอยู่รอบหมู่บ้าน  ข้าได้ยินมาว่ามีกระทั่งพวกอสูรกายจำแลงอยู่  หรือว่าเจ้าจะถูกพวกมันตัวใดตัวหนึ่งทำร้ายมา?”
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมามองในทันทีที่ได้ยินเรื่องมอนสเตอร์ น้ำตาบนใบหน้าได้เหือดแห้งไป และแววตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความเกลียดชัง

“เจ้าเคยล่าอสูรจำแลงกายมาก่อนงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง  ข้าล่ามอนสเตอร์มาเยอะแล้ว”
“งั้นได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิด … ไอ้พวกมอนสเตอร์บัดซบพวกนั้นมันกำลังตามล่าน้องสาวของข้าอยู่”
วีดรู้สึกเชื่อมั่นว่าการสนทนาครั้งนี้มันจะต้องมีเควสมาเกี่ยวข้องกับแน่นอน
“เล่าให้ข้าฟังสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ที่จริงแล้ว…”
เด็กชายเล่าให้ วีด ฟังถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน

พวกมอนสเตอร์ที่จู่โจมหมู่บ้านได้เห็น เอมี่ (Amy) ที่เป็นน้องสาวของข้าเข้า  เจ้าดอพเพลแกงเกอร์(Doppelganger) ที่เป็นจ่าฝูงมันตกหลุมรักเอมี่ตั้งแต่แรกพบ
 “ข้าชอบเจ้า มนุษย์! ข้าจะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการหากเจ้ามากับข้า!”
จ่าฝูงของพวกดอพเพลแกงเกอร์ได้เชื้อเชิญเอมี่ไปที่รังของเขา  แต่เธอปฎิเสธอย่างไม่ลดละเนื่องด้วยเธอไม่อยากไปจาก มอส ซึ่งเป็นพี่ชายของเธอ

ดอพเพลแกงเกอร์ได้แปลงร่างเป็นมอสพี่ชายของเธอ โดยทำการก็อปปี้มาอย่างสมบูรณ์แบบทั้งรูปร่างและหน้าตา

“แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะ? เจ้าคงยอมไปกับข้าแล้วใช่ไหม?”
“จะให้ชั้นไปอยู่กับมอนสเตอร์ที่จำไม่ได้แม้กระทั่งตัวตนที่แท้จริงของตัวเองน่ะเหรอ? ชั้นขอเลือกที่จะกัดลิ้นฆ่าตัวตายซะจะดีกว่า!”
เอมี่ ขู่จะฆ่าตัวตาย ดอพเพลแกงเกอร์ จึงยอมจากไปอย่างจำยอม
เขาชอบเธอมากและในทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวังนี้ พวกมอนสเตอร์มักจะได้สื่งที่พวกมันต้องการ
“ไม่เป็นไร มนุษย์น้อยของข้า  ข้ารอได้  ข้าจะให้เวลาเจ้า 3 ปี, หลังจากนั้นข้าจะมารับเจ้าไปอยู่กับข้า!  หากเจ้ายังปฎิเสธข้าอีก ข้าจะฆ่าทุกชีวิตในหมู่บ้านนี้ให้หมดสิ้น”
เวลาที่ดอพเพลแกงเกอร์ให้ไว้กำลังจะหมดลงในสามเดือนข้างหน้า
มอสเอ่ยคำขอร้องด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“ได้โปรดอย่าให้มันจับตัวน้องของข้าไป ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนเจ้า แต่ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถิด พวกดอพเพลแกงเกอร์ มันอาศัยอยู่ในป่าทางเหนือ”
ติ้ง!
ดอพเพลแกงเกอร์ปรารถนาหญิงงามของหมู่บ้าน
มอนสเตอร์มองเหล่ามนุษย์เป็นเหมือนสิ่งของ   ผู้นำของเหล่าดอพเพลแกงเกอร์หลงใหลเด็กสาวเอมี่  ฆ่าเขาเพื่อช่วยให้เธอไม่ต้องจากไป!
ความยาก: ระดับ C.
รางวัล: ไม่ระบุ
เงื่อนไข: มอส และ เอมี่ ต้องไม่ตาย
‘หมายความว่าชั้นจะต้องสู้กับพวกดอพเพลแกงเกอร์ ในไม่ช้านี้’
ปกติแล้ว วีด แค่ปฏิเสธภารกิจนี้ไปก็สิ้นเรื่อง เพราะรางวัลที่ได้ก็ไม่รู้ว่าจะได้อะไร แถมยังต้องปะทะกับ ดอพเพลแกงเกอร์ ที่จัดการไม่ได้ง่ายๆ มันมีทั้งเวทมนต์ และ ความสามารถมากมายที่คาดไม่ถึง
แต่พอ วีด เห็นน้ำตาของเด็กชายแล้วทำให้เขาหวนคิดถึงอดีตของตัวเอง
เมื่อพ่อ แม่ ของเขาจากไป เขาก็เหลือเพียงย่า และ น้องสาวเท่านั้น โลกทั้งใบของเขาดูมืดมนไร้ทางออก เขาไร้ที่พึ่ง เขาต้องการใครสักคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่เข้ามาหยิบยื่นความช่วยเหลือนั้น
นั่นทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของมอสเป็นอย่างดี หากตอนนั้นเขามีใครซักคนให้ไปร้องขอความช่วยเหลือแล้วได้รับการปฏิเสธแล้วล่ะก็   ชีวิตของเขาคงพังสลายไม่มีชิ้นดี
วีด พยักหน้าและพูดด้วยเสียงอันหนักแน่น
วีด พยักหน้าและตอบกลับ :
“ข้าจะปกป้องเอมี่ ให้ได้”
คุณยอมรับเควส
“ขอบใจนะ, คนแปลกหน้า!”
มอส เผยรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้พบกัน

**********************************

วีด ออกจากหมู่บ้าน และ มุ่งหน้าไปยังที่ซ่อน
เหล่านักรบผู้หาญกล้าจากอาณาจักรโรเซนไฮม์อันสงบสุขได้รับมอบมายให้มาปฎิบัติหน้าที่ที่ทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวัง
และในการต่อสู้ครั้งแรกเขาก็ต้องเผชิญกับพวกมดยักษ์! พวกเขาจำต้องทุ่มเทอย่างสุดชีวิตเพื่อให้รอดชีวิต  พวกเขารักษาชีวิตไว้ได้พร้อมทั้งได้รับเลเวลที่เพิ่มขึ้น 2-3 เลเวลเป็นรางวัล
เหล่าทหารศรัทธาในตัว วีด อย่างหมดหัวใจ
“หัวหน้า ! เราจะไปไหนกัน?”
“เหล่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ในหมู่บ้านใกล้ๆกำลังได้รับการรังควาญจากดอพเพลแกงเกอร์  มันข่มขู่พวกเขาและต้องการพรากเอมี่ เด็กสาวผู้งดงามไปจากมอส พี่ชายของเธอ”
“เราต้องหยุดพวกมัน” – โฮสแรมตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น
พวกราชองครักษ์ต่างก็รู้สึกมีส่วนร่วมกับเรื่องราวด้วยเช่นกัน
“มันคือหน้าที่ของอัศวินที่จะต้องพิทักษ์ผู้อ่อนแอ พวกเราจะไปกับท่าน”
“ข้าทนไม่ได้หรอกที่จะให้สาวน้อยได้รับความทุกข์ทรมานจากมอนสเตอร์ชั่วร้ายพวกนั้น”
“ได้โปรดให้พวกเราไปกับท่าน,  พวกเราจะต้องยับยั้งเจ้าดอพเพลแกงเกอร์นั่นให้ได้”
กองกำลังขนาดย่อมเคลื่อนทัพไปยังป่าทางเหนือที่เหล่าดอพเพลแกงเกอร์อาศัยอยู่   ใบไม้หนาของต้นไม้ปิดกั้นไม่ให้แสงอาทิตย์สาดส่องไปสู่ผืนดินเพื่อขับไล่ความมืดมิด  เหล่ามอนสเตอร์ที่อันตรายซ่อนตัวในผืนป่าและแว่วเสียงสยองมาในบางที
“ผืนดินแห้งแล้ง”
“ป่าแห่งนี้ถูกสาปเอาไว้”
คำเตือนของพรีสไม่สามารถหยุดยั้งวีดได้
“จงมา เดธไนท์!”
เดธไนท์ แวน ฮอว์ค ปรากฎอยู่หน้าขบวน
“โอ้, สถานที่อันแสนคุ้นเคย”
เดธไนท์ก้าวเดินอย่างอาจหาญ
และไม่นานหลังจากค้นพบดอพเพลแกงเกอร์  พวกเขาก็สามารถบอกได้ว่ามันคือดอพเพลแกงเกอร์ เนื่องจากมันมีรูปลักษณ์เหมือนกับมอสยังกับแกะ  วีดและเหล่าทหารหาญเข้าโจมตีดอพเพลแกงเกอร์อย่างกระตือรือล้นในทันที
ดอพเพลแกงเกอร์ทำการเปลี่ยนรูปร่างของมันระหว่างการต่อสู้เป็นครั้งคราว  โดยการใช้สกิลสลับไปมาระหว่างทหาร, ราชองค์รักษ์ และ แวน ฮอว์ค ทำให้มันรอดมาได้  การใช้สกิลที่หลากหลายนั้นก่อให้เกิดปัญหาพอสมควรทีเดียว  แต่ก็ต้องขอบคุณการประสานงานระหว่าง วีด, เดธไนท์ และ การรักษาของพรีสที่ทำให้เหล่าทหารได้รับชัยชนะ

******************************

วีดและเหล่าทหารดำเนินเควสอย่างกระตือรือล้น
มีมอนสเตอร์ปรากฎอยู่แทบทุกชนิดรอบๆหมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศไม่ว่าจะเป็น มดยักษ์, ดอพเพลแกงเกอร์ หรืออื่นๆ    มันเป็นเรื่องยากที่ต้องเผชิญกับพวกมอนสเตอร์พวกนี้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการผจญภัย  ภารกิจที่ได้รับนั้นๆเกี่ยวพันถึงการให้พวกเขาไปจัดการกับพันธุ์ไม้ประหลาด, สัตว์ร้ายและพวกมอนสเตอร์ธาตุไฟภายในถ้ำ
“หัวหน้า, พวกเราจะปฏิบัตตามคำสั่งของท่าน!”
“หัวหน้า, พวกเราจะติดตามท่านไปทุกที่!”
วีดล่อลวงเหล่าทหารหาญ! อันที่จริงแล้ว พลังของพวกทหารไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นักในช่วงที่ผ่านมาเพราะพวกเขาอ่อนแอเกินไป  ทว่าเมื่อได้ออกล่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งทีละตัวทีละตัว พวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยอัตราที่รวดเร็ว  ความเชี่ยวชาญของราชองครักษ์เพิ่มขึ้นและการเคลื่อนไหวIแบบก้ามปูร่วมกับเหล่าพรีสก็เป็นไปอย่างไหลลื่น
ขวัญกำลังใจของกองกำลังเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  ในตอนแรกนั้นเหล่าทหารไม่มีความเชื่อถือในตัววีดเท่าไหร่และเนื่องด้วยพวกเขายังคงอ่อนแออยู่พวกเขาจึงไม่สามารถสร้างประโยชน์ในการต่อสู้ได้เท่าไหร่นัก  แต่เมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งพวกทหารได้ออกล่ามากเท่าไรพวกเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ  สำหรับวีดที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำกองกำลังนั้นมันเยี่ยมมากเพราะการออกล่ามอนสเตอร์ยักษ์ใหญ่และกวาดล้างให้เหี้ยนตามภารกิจที่ได้รับแบบนี้นี่แหละคือ แบบฉบับของวีด!
มันมีช่วงเวลาที่อันตรายมากมาย  แต่วีดก็สามารถแก้ไขสถานการณ์และเดินหน้าต่อไปได้  และนั่นทำให้ประสบการณ์เพิ่มขึ้นด้วยอัตราที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก  เวลาที่ทำการล่ามอนสเตอร์แค่ตัวใดตัวหนึ่งนั้น คุณจะได้รับค่าประสบการณ์และไอเทมจำนวนหนึ่ง  แต่เวลาที่คุณได้รับเควสล่านั้น นอกจากจะได้ประสบการณ์จากมอนสเตอร์ที่ล่าได้แล้วนั้น  ค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากรางวัลของเควสก็ยังน่าพึงพอใจอย่างที่สุด  ในเชิงปฏิบัติแล้วพวกเขาได้รับประสบการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าหากเปรียบเทียบกับที่ได้รับจากราชอาณาจักรโรเซนไฮม์
‘ที่เป็นแบบนี้  ชั้นว่าคงจะเพราะมันค่อนข้างจะอันตราย’
อย่างไรก็ดี  ข้อเสียจากเควสนี้ก็คือของคุณภาพต่ำที่พวกเขาได้รับ
ในพิ้นที่ที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนานั้น  ไอเทมที่ผลิตออกมาจะมีคุณภาพที่ต่ำ  และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำไม่เวลาที่วีดได้รับอาวุธเป็นรางวัลนั้น เขาจะให้มันแก่พวกราชองครักษ์หรือพวกทหาร
“ขอบคุณครับ ท่านหัวหน้า”
“ผมมั่นใจว่าผมจะใช้มันเป็นอย่างดีครับ”
ทุกครั้งที่วีด ยกไอเทมให้คนอื่น มันทำให้เขาน้ำตาตกใน  มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเอาไอเทมที่คุณมอบให้ NPC พวกนั้นกลับมาเพราะนั่นจะหมายถึงค่าความสนิมสนมที่จะลดต่ำลงอย่างฮวบฮาบ
‘มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อ่ะนะ  แต่…’
หลังจากออกล่าในทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวัง  เลเวลของเขาก็เลื่อนไปถึง 279  พวกทหารเองก็เลื่อนระดับเลเวลของพวกเขาได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และพวกราชองครักษ์กับพรีสเองก็แข็งแกร่ง  แต่ทว่ามันยังอีกห่างไกลหากนำไปเปรียบเทียบกับศัตรูอย่างพวกออร์คและดาร์คเอลฟ์

***********************

พวกออร์ค!
พอพูดถึงคำว่าออร์คปั๊ป  ภาพของความโลภโมโทสันและหนังเหนียวก็จะผุดขึ่นในจินตนาการอย่างรวดเร็ว  พวกมันเป็นศัตรูที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นที่สุดและมีความพยาบาทที่ฝังรากลึก  สามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วราวกับแมลงสาปและมีเก่งกาจในการต่อสู้  พวกออร์คมีจำนวนถึงพันเป็นอย่างน้อย, หรือบางทีอาจจะมีจำนวนถึงหมื่น!
“อ๊ากส์!”
กลับมาที่ถ้ำ  วีดคร่ำครวญออกมาอย่างช่วยไม่ได้  การออกล่ารอบๆหมู่บ้านเป็นไปได้ดี  แต่ทำอย่างไรล่ะ เขาถึงจะเอาชนะกองทัพ ออร์ค, ดาร์ค เอลฟ์ และ เนโครแมนเซอร์ได้?
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาประกอบไปด้วย เซ็นทูเรียน 4 นาย, ทหาร 400 นาย, ราชองครักษ์ 10 นาย  แน่นอนว่าเขายังมีพรีสอีก 50 คนด้วย  แต่พลังของพรีสพวกนี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อใช้สนับสนุนกองทัพในบางสถานการณ์เท่านั้น
(ผู้แปล : เซ็นทูเรียน คือตำแหน่งประมาณหัวหน้ากองร้อย)
หลังจากผ่านการคิดใคร่ครวญหลายครั้ง เขาก็ได้ข้อสรุปว่า ฝีมือของพวกราชองครักษ์ก็น่าใกล้เคียงกับพวกพาลาดินแห่งเฟรย่า  การมุ่งไปสู่เทือกเขายุโรกิด้วยพลังเพียงแค่นี้ก็เปรียบได้กับการเดินเข้าไปหาความตาย  พวกเขาจะตายด้วยน้ำมือของออร์คก่อนที่จะได้เผชิญหน้าเนโครแมนเซอร์ซะด้วยซ้ำ
มีแต่ศัตรูรายล้อมอยู่รอบด้าน
ออร์คกับเนโครแมนเซอร์นั้นเป็นศัตรูแน่ๆ!
แต่ดาร์คเอลฟ์ก็เป็นพันธมิตรกับเนโครแมนเซอร์อีก
วีดกำลังคิดหนัก  ปกติแล้วเขาจะเฉียบคมเป็นอย่างมากและรู้ดีว่าเมื่อไรที่ควรจะยกยอหรือเมื่อไรควรจะเงียบเพื่อให้ได้เงินมากขึ้น  แต่ตอนนี้เขากำลังอับจนหนทางที่จะแก้ไขสถานการณ์ในขณะนี้
‘พวกศัตรูนั้นแข็งแกร่งก็จริง  แต่พวกนั้นไม่ได้สนิทสนมกลมเกลียวกันนิ’
สุดท้ายประโยคหนึ่งที่เขาเคยอ่านเจอจากหนังสือนวนิยายเมื่อตอนเด็กๆก็แว่บเข้ามาในหัวของเขา
ศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของเรา!
ในห้วงเวลาที่เขานึกประโยคนี้ขึ้นมาได้  มันก็ราวกับเมฆหมอกภายในจิตใจของเขาได้ถูกปัดเป่าออกไป  ราวกับลำแสงแห่งแสงสว่างที่พาดผ่านความสิ้นหวังอันมืดมิด
วีดไม่ได้ชอบอะไรมากนักกับพวกนิยายที่ลึกลับซับซ้อน  ยิ่งหนังสือเล่มนั้นซับซ้อนเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เขาปวดหัวหนักยิ่งขึ้นเท่านั้นเวลาที่อ่าน ดังนั้นเขาจึงชอบนิยายแฟนตาซี, ผจญภัยและการ์ตูนซึ่งเป็นอะไรที่อ่านง่ายๆ, ชัดเจน และสนุกสนานมากกว่า!
‘หนังสือไม่เคยโกหก’
ไอเดียถัดมาที่แว่บเข้ามาสู่หัวของเขาได้มาจากการ์ตูนที่เขาเคยอ่าน 2-3 ครั้ง  หลังจากที่เขานำมันมารวมกับความเชี่ยวชาญทางการแกะสลักของเขาแล้ว  มันสามารถก่อให้เกิดอะไรที่น่าสนใจทีเดียว
‘เราลองดูได้นี่นา  ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย’
วีดออกจากถ้ำและเริ่มต้นมองหาหินก้อนใหญ่ๆ  มีหินมากมายอยู่รอบด้านแต่เขาต้องการเพียงก้อนที่มีขนาดที่เขาต้องการเท่านั้น
‘ไม่ใช่ก้อนนี้, ชั้นต้องการก้อนที่สูงกว่าตัวของชั้น’
ในที่สุดเขาก็พบหินที่มีความสูงประมาณ 3 เมตร
มีดสลักของซาฮัปเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในการตัดเฉือนก้อนหิน
รูปร่างแปลกประหลาดค่อยๆก่อตัวขึ้นจากก้อนหิน  ไม่ใช่ของรูปร่างของซอยุน ซึ่งวีดมักจะใช้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผลงานของเขา  มันเป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนที่ได้  เผ่าพันธุ์ที่ชื่นชอบสงครามและโลภโมโทสัน
ออร์ค!
อย่างไรก็ดี ระหว่างที่กำลังง่วนอยู่กับรูปแกะสลัก วีดกลับประสบปัญหาบางอย่าง
‘พวกออร์คมันโลภมาก แต่ชั้นไม่เข้าใจเรื่องความโลภเลย  จะโลภไปเพื่ออะไร? ทำแล้วมันจะช่วยให้โลกสงบสุขหรือสวยงามขึ้นหรืออย่างไร  ชั้นไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมและความอยากได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดของสิ่งมีชีวิตที่โลภโมโทสันพวกนี้เลยจริงๆ’
(ผู้แปล : กล้าพูดออกมาได้นะ พระเอกของเรา ^^)
สำหรับงานแกะสลักที่สมบูรณ์แบบนั้น มันเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะทำความเข้าใจในเป้าหมายของตน  ซึ่งวีดไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงเขาถึงจะเข้าใจ ออร์ค ได้

แน่นอนว่าการเข้าใจออร์คมันไม่ได้ง่ายไปกว่าการเข้าใจในตัวมนุษย์เลย  รูปที่ถูกแกะสลักอยู่นั้นถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบของออร์คที่ถ่อมตัว  มันมีรูปร่างราวกับออร์คที่น่ายกย่องเป็นแบบอย่าง  ในขณะที่วีดแกะสลักมอนสเตอร์มามากมาย เขากลับไม่เคยแกะสลักออร์คมาก่อน  ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามรื้อฟื้นความทรงจำอย่างที่สุด โดยการสร้างรูปสลักธรรมดาๆโดยไม่ได้ทึกทักเอาเอง  ออร์คที่ดูค่อนข้างเชื่องและงุ่มง่ามก็กำลังถูกสร้างออกมา  ตอนนั้นเองที่เหตุการณ์หนึ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานก็ได้อุบัติขึ้นในความคิดของเขา  อุบัติเหตุครั้งยิ่งใหญ่ที่เงิน 5 เหรียญทองโดนสูบไปเป็นโล่ให้โคคุน  ตอนนั้นมันไม่มีทางเลือกอย่างอื่นหรอก  แต่ก็นะ
ตอนนั้นเขาคาดหวังที่จะได้รับรางวัลจากเควส  แต่เมื่อเขาทำเควสได้สำเร็จจริงๆ สิ่งที่เขาได้รับจากโคคุนกลับเป็นเพียงแค่เรื่องบอกเล่า, คำพูดไม่กี่คำ แล้วก็มีดเล่มหนึ่ง  เขาใส่เงินลงไป 5 เหรียญทองโดยที่ไม่ได้รับแม้กระทั่งเหรียญทองแดงซักเหรียญกลับคืนมา เขารู้สึกจมดิ่งอยู่กับความเศร้าเสียใจ
เงิน! เงิน! เงิน! เงิน! เงิน!
ยึดติดอยู่กับเงิน 5 เหรียญทอง! ละโมภ! หลงไหล! ปรารถนา! อิจฉา!
“โว้ยยยยย!”
วีดขยับมีดสลักอย่างพร่างพราย  รูปสลักค่อยๆถูกเติมแต่งด้วยความมีชีวิตชีวาไม่ว่าจะเป็น   รอยย่นของความเห็นแก่ตัวภายใต้ดวงตา, ปากอ้ากว้างที่พร้อมจะกินอย่างตะกละ และจมูกหมูที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา
‘ชั้นว่าชั้นทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ่นดีกว่า จะได้ดูถึกมากขึ้น เพิ่มรอยแผลเป็นอีกนิดจะได้ดูเหมือนมีชีวิต!’
รูปแกะสลักออร์คคอมแบท ที่สมบูรณ์แบบ
ด้วยการสร้างสรรค์รูปลักษณ์ที่พิเศษ  เขาสร้างรูปสลักให้มีฟันที่ใหญ่และหนา  จากนั้นก็เป็นกายที่ใหญ่และจมูกที่พิลึกพิลั่น  ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว  รูปปั้นออร์คได้ถือกำเนิดขึ้นในลักษณะนี้เอง  ใบหน้าที่แม้แต่ภูตผียังหลบเร้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่คุณจะยังคงลืมตามองต่อไปได้ และยังมีกล้ามเนื้อที่ยอดเยี่ยมกว่าออร์คทั่วไปถึง 2 เท่า
ตริ๊งงงง!
งานชั้นดี! คุณสร้างรูปสลักมอนสเตอร์ออร์คได้สำเร็จ!
ศิลปินที่ใช้ความรู้สึกธรรมดาทั่วไปในการสร้างต้องล้มเหลวกับการสร้างสรรค์นี้อย่างแน่นอน  คุณทำสำเร็จได้ด้วยความเชี่ยวชาญที่ยอดเยี่ยม  แต่ดูเหมือนมันจะดีกว่านะที่จะเก็บมันเข้ากรุไปโดยที่ไม่ให้มันเห็นแสงเดือนแสงตะวันอีกต่อไป
มูลค่าทางศิลป์: 1.
คุณสมบัติพิเศษ:
การเพ่งมองรูปแกะสลักออร์คจะช่วยเพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาอีก 5% ตลอดทั้งวัน
ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น 15%.
ความฉลาดลดลง 10
สเน่ห์ลดลง 200
ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 20
ความว่องไวเพิ่มขึ้น 10
บารมีเพิ่มขึ้น 60
ความเป็นผู้นำเพิ่มขึ้น 50
สามารถทำให้เด็กที่ร้องไห้อยู่หยุดร้องไห้ได้
สำหรับพวกที่ความกล้าหาญต่ำ เพียงแค่มองรูปปั้นออร์คก็จะเกิดอาการฝ่ออย่างรุนแรง
คุณสมบัติไม่ทับซ้อนกับรูปปั้นอื่นๆ
ผลงานชั้นดีที่ทำสำเร็จจนถึงตอนนี้: 6
- ความเชี่ยวชาญการแกะสลักเพิ่มขึ้น
- ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 46.
- จิตวิญญาณนักสู้เพิ่มขึ้น 1
- ความอดทนเพิ่มขึ้น 3
- บารมีเพิ่มขึ้น 3
- ความทรหดเพิ่มขึ้น
ในที่สุดรูปปั้นออร์คก็สำเร็จลง  มูลค่าทางศิลป์ที่ต่ำนั้นทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย แต่วีดก็คิดว่ายังถือเป็นโชคดีที่มันไม่ได้น่ารังเกียจนัก  ถึงแม้เขาจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมาก็ตาม แต่เขาก็ยังกลัวว่าเจ้าออร์คที่น่าสะพรึงกลัวนั้นจะปรากฎกายในความฝันของเขา
เมื่อแหงนหน้ามองรูปปั้นเขาก็รู้สึกอยากทำลายมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างปราศจากเหตุผล! เขาอยากจะบดขยี้มันด้วยประติมากรรมวินาศเป็นที่สุด!
‘แต่ชั้นสร้างมันขึ้นมาอย่างยากลำบาก, มันก็เปรียบได้กับลูกของชั้น …’
และแม้ว่าหัวใจของเขาจะรักใคร่และเปี่ยมไปด้วยสเน่ห์เพียงใดก็ตาม  เขาก็จำต้องปรับตนเองให้เข้ากับไอ้เจ้ารูปปั้นอุบาทว์นั่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แทนที่วีดจะเรียกใช้ประติมากรรมวินาศ  เขากลับเรียกใช้ทักษะอื่น  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ทักษะประติมากรรมของดาโรน! ทักษะลับนั่น!
“ประติมากรรมจำแลง!”
คุณได้ใช้ทักษะประติมากรรมจำแลง
ทักษะประติมากรรมที่ใช้ความรักอันไร้ขอบเขตมาทำให้ประติมากรคนนั้นดูเหมือนผลงานประติมากรรม
รูปร่างของวีด ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนสูงของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้น และกล้ามเนื้อเป็นมัดเริ่มปรากฎให้เห็น  ขนงอกออกมาปกคลุมไปทั่วร่างกาย  และหลังจากนั้นไม่นาน รูปลักษณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นออร์คโดยสมบูรณ์แบบ นั่นรวมไปถึงหลังมือและฝ่าเท้าของเขาด้วยที่กลายเป็นออร์คไปทั้งร่างแบบนั้น  ส่วนสูงที่พุ่งปรี๊ดทำให้ระดับสายตาของเขาเปลี่ยนไป  แขนขาที่หนาและบึกบึนอันแตกต่างจากมนุษย์  แลเขายังได้รับกระเพาะที่กินจุมหาศาลมาด้วย
“สำเร็จมั๊ย? ชวิค!”
(ผู้แปล : ชวิค = เสียงร้องของออร์ค)
จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังสามารถพูดได้เป็นปกติ  แต่บัดนี้เองด้วยลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของออร์ค, จึงได้มีเสียง ชวิค เกิดขึ้น
“นี่มัน, ชวิค  แปลก  ชวิคชวิคชวิค!”
วีดพยายามหุบปากของเขา  แต่ฟันของเขาใหญ่เกินกว่าที่จะปิดปากได้
รูปร่างเปลี่ยนแปลงไป อุปกรณ์หลายๆอย่างที่สวมใส่อยู่ไม่สามารถใช้งานได้
หลังจากที่คุณกลับคืนร่างเดิม  คุณจะสามารถใช้อุปกรณ์พวกนี้ได้อีกครั้ง
สามารถสวมใส่เกราะเหล็กหรือผ้าหนาในการปกคลุมทั่วทั่งร่างกาย
ต้องหาอุปกรณ์มาสวมใส่ใหม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์

สืบเนื่องจากประติมากรรมจำแลง  ความแข็งแกร่งและความเร็วเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ค่าความฉลาดและปัญญาลดลงสู่ระดับต่ำที่สุด
ค่าศิลปะลดลงครึ่งหนึ่ง
บารมีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ
สถานะเหล่านี้จะคงอยู่จนกว่าจะยกเลิกการใช้ประติมากรรมจำแลง
เขาทำการยื่นยันอีกครั้งจากหน้าต่างสถานะ  ความแข็งแกร่ง, ความเร็ว และกำลังกายเพิ่มขึ้นในขณะที่ค่าสถานะอื่นๆลดลงเล็กน้อยยกเว้นค่าความฉลาดและปัญญาที่ลดลงไปอย่างมาก  ยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือไปจากดาบและเสื้อคลุมแล้ว  ชุดเกราะและถุงมือที่เขามีต่างไม่สามารถนำมาสวมได้
“ระหว่างที่แปลงร่าง ชะวิค! ชั้นใช้พวกมันไม่ได้เหรอ? ชวิคคคค!”
เนื่องจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่จะไม่ชิน  วีดซึ่งไม่คุ้นเคยกับการย่างก้าวต้องเดินอย่างเมื่อยล้าขึ้นเทือกเขายุโรกิซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของออร์ค  เขาเดินด้วยท่าเดินแบบเป็ด แต่ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ทำให้เขาสามารถที่จะปีนภูเขาได้

เล่มที่ 5 ตอนที่ 6 : จบ
**********************************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

3 ความคิดเห็น: