วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 9 ตอนที่ 1 ราตรีในโมราต้า (Night at Morata)


เล่มที่ 9 ตอนที่ 1 ราตรีในโมราต้า (Night at Morata)

(แปลโดย คนอ่าน, รีวิว โดย wink1188)

ยามเมื่อพระจันทร์ลอยเด่นบนฟากฟ้า วีดกำลังขมีขมันในการกวนทัพพีอยู่

ในอดีตเคยมีแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ได้อาศัยอยู่ในปราสาทสีดำทมึนที่มองเห็นได้จากที่นี่ แต่ตอนนี้เขากลับกำลังทำอาหารอยู่ใจกลางหมู่บ้านโมราต้าได้อย่างสบาย

ในดินแดนทางเหนือนั้น การเดินทางยามค่ำคืนก็ไม่ต่างอะไรจากการเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่าๆ

เพราะว่าเป็นดินแดนที่ไม่รู้ชัยภูมิอย่างถ่องแท้ ดังนั้นคงเป็นการดีกว่าที่จะไม่เดินสะเปะสะปะไปทั่ว แถมยังเสี่ยงที่อาจจะพบศัตรูที่แข็งแกร่งก็ได้ แถมการเดินทางในเวลากลางคืนยังหนาวยะเยือก ทำให้ยิ่งต้องสิ้นเปลืองพลังมากขึ้นอย่างมากในการต่อสู้กับความหนาวยามค่ำ คืน

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ตัวเขานั้นแม้จะเพิ่งได้กินมันหวานที่ได้รับจากหัวหน้าหมู่บ้านไปไม่นาน (tn:ปล้นมากกว่า)  แต่ระดับความอิ่มก็ลดลงอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้วีดตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่างมากินรองท้องขณะที่ยังอยู่ในโมรา ต้าแห่งนี้

ทำของที่ดีซักหน่อย อาหารร้อนๆจะขจัดความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี
เนื้อสัตว์ต่างๆที่เขาล่ามาได้จากเทือกเขายุโรกิ ผักและเครื่องเทศ ทุกอย่างถูกนำมาใช้ทำ น้ำแกง!

เครื่องเยอะๆ นี่ล่ะที่จะทำให้มันอร่อยขึ้น

กองไฟที่ก่อไว้ลุกโชอย่างร้อนแรง ด้านบนนั้นมีหม้อแขวนไว้เหนือกองไฟ กำลังต้มน้ำแกงอยู่

ด้วยการใช้ไฟนั้น เราสามารถนำมาใช้เตรียมทำอาหารได้อย่างหลากหลาย

วีด เริ่มหั่นเนื้อเป็นชิ้นๆ ก่อนจะหย่อนลงไปในหม้อ
และทันทีที่เขาใส่เครื่องปรุงลงไปในน้ำแกง มันก็เริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดง
กลิ่นเผ็ดร้อนกระจายไปทั่วบริเวณ

*กรึ๊บ*

ว่าที่โป๊บ กำลังกลืนน้ำลายนั้นสามารถเห็นได้อย่างชัดแจ้ง แม้ว่าจะเขาจะเป็นนักบวชผู้ทรงเกรียติของเฟร่ยา แต่มันก็เป็นยากสำหรับเขา ที่จะต่อต้านต่อความอยากอาหารในสภาพแวดล้อมเช่นนี้

‘ครั้งนี้ ผมคงได้โอกาสให้คุณได้ลิ้มลองรสมือจริงๆ ของผมซักทีนะ’
 วีด คำนึงเมื่อเขาเหลือบมองไปยัง ซอยูน ที่นั่งยองๆ ใกล้ๆ กองไฟ มองน้ำแกงที่กำลังต้มอยู่

ที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยที่จะมีเวลาพอที่จะทำอาหารได้อย่างจริงๆ จังๆ ตลอดเวลานั้นพวกเขาทั้งสองเร่งรีบในการที่เดินทางกลับไปยังเทือกเขายุโรกิ

แล้วการเป็น ออร์ค นั้นก็ลดความสามารถทักษะด้านการผลิตลงไปเป็นอย่างมาก

เมื่อกลายร่างเป็น ออร์ค คาริชวิ  ค่าความแม่นยำ(Dexterity) ก็ยังลดไปอีกด้วย และนั่นก็ส่งผลกระทบต่อทักษะการทำอาหารของเขาด้วย แต่มันก็เกินพอสำหรับการทำอาหารประเภทเนื้อย่าง

แถม ซอยูนก็กินเนื้อย่างอย่างเอร็ดอร่อย

‘ที่ผ่านมา เราเจอกันทีไร พวกเราก็มักยุ่งกับการล่า และนั่นทำให้ผมไม่มีโอกาสที่จะได้ทำอาหาร พวกเรามักกินขนมปังที่ผมเตรียมทำไว้ก่อน เพราะอย่างนั้น มื้อนี้หวังว่าจะถูกใจเธอนะ’

‘อาหารมื้อนี้ ผมหวังว่ามันคงใช้แทนคำขออภัยให้เธอได้นะ ซอยูน’ (tn: หากสงสัยว่าขออภัยเรื่องอะไร ก็ขออภัยเรื่องที่เอารูปร่างหน้าตา ซอยูน มาทำรูปแกะสลักมากมาย โดยไม่เคยขออนุญาตเจ้าตัว)

เหล่าพาลาดิน และนักบวช ได้เดินทางมารวมตัวรอบๆ จุดที่ วีดกำลังทำอาหาร

เหล่าพาลาดิน ต่างรีดเร้นพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างสุดชีวิต เพียงเพื่อจะเก๊กหน้าให้นิ่งอยู่ได้! ในขณะที่เหล่านักบวชผู้ทรงเกรียติที่กำลังมองไปยังหม้อน้ำแกง น้ำลายก็ไหลย้อยลงมา ความพยายามในการทำตัวให้สูงส่งอย่างไร ก็ไร้ค่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความยั่วยวนใจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้

จากนั้นชาวหมู่บ้านโมราต้า ก็เริ่มออกมาจากบ้าน แม้ว่า วีดเองจะคิดว่าชาวบ้านทั้งหมดน่าจะนอนหลับกันไปแล้ว

กลิ่นแซ่บหลาย......

มันนานแค่ไหนแล้วนะ ที่ข้าได้สูดกลิ่นอันน่าอร่อยขนาดนี้
ชาวหมู่บ้านได้แต่จ้องมองมายังหม้อใบนั้นด้วยแววตาหิวกระหาย พวกเด็กๆก็เอามือกุมท้องไว้

วีดส่ายหน้า
ให้ใครไม่ได้เด็ดขาด
ทั้งเครื่องเทศ เครื่องปรุง และของที่ใช้ทำอาหารมันเป็นเงินทั้งนั้น ชั้นไม่คิดที่จะแจกจ่ายมันออกไปแม้แต่นิดเดียว

ตอนนั้น เด็กๆ เริ่มร้องไห้
แม่ หนูหิว!

ทนซักนิดนะลูก พ่อของเจ้ากำลังกลับมา

กินหญ้าอีกแล้วหรือแม่?

ใช่แล้ว พ่อเขาบอกว่าเขาลงไปทางใต้ไกลอีกหน่อย ที่นั่นจะหาหญ้า กับเปลือกไม้ได้ง่ายกว่า ดังนั้นทนรออีกหน่อยนะลูก

แงงงง!!!

เด็กๆ ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาดังระงมไปทั่ว

แม้ว่าตอนนี้ โมราต้าจะรอดพ้นจะหายนะไปแล้ว แต่หมู่บ้านก็ยังยากจนอย่างยิ่งเนื่องมาจากอากาศที่หนาวเหน็บ จนไม่สามารถเพาะปลูกอะไรให้งอกงามขึ้นมาได้เลย แถมยังไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ กับเมืองรอบๆ อาณาบริเวณนี้ การค้าการขนส่ง ก็เลยไม่มีความคืบหน้าเลย

เมืองนี้อยู่ในช่วงที่กำลังล่มสลาย!

แม้จะยังไม่ล่มสลายในทันที ด้วยความกรุณาของวิหารแห่งเฟร์ย่า ทำให้ชาวหมู่บ้านพอมีชีวิตอยู่ไปวันๆ

ด้วยเหตุนี้การที่หัวหน้าหมู่บ้านยอมมอบมันหวานที่เขามีออกมาให้วีด ก็แสดงให้เห็นถึงน้ำใจอย่างที่สุดเท่าที่ให้ได้แล้ว

คิ้วของวีด ขมวดแน่น
ทำไมพวกเรา ที่ไหนไม่ไปดันมาที่ ที่มีแต่ความยากจนแบบนี้

ความทรงจำยามที่เขาต้องพยายามอย่างรากเลือดเพียงเพื่อเลี้ยงดูเหล่าพาลาดินให้อิ่มหนำผุดขึ้นมา

ชั้นต้องดิ้นรนขนาดไหน ถึงหามาพอพวกนายยาไส้ หากนี่เป็นสถานที่อื่น ชั้นคงไม่เป็นจุดสนใจขนาดนี้

แต่ทว่าเด็กๆ นั้นกำลังหิวโหย

ในอดีต ก็มีเวลาที่วีด จะต้องทนหิวโหย นั่นไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากหาอะไรกิน แต่เพราะเขาไม่มีอะไรจะกิน ด้วยเหตุนี้ ในเมื่อมันทำอะไรไม่ได้ เขาเองก็ได้แต่เอามือกุมท้องเท่านั้น

หลังจากผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมา ทำให้ตัวเขาที่สามารถอดทนได้ทุกอย่างนั้น มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เขาทนไม่ได้ นั่นคือการทนความหิวโหย

เขากล้ำกลืนน้ำตาแห่งความเสียดาย แล้วก็ตกลงใจเรียกเด็กเข้ามา

เฮ้ เจ้าหนู อีกไม่นานอาหารก็จะเสร็จแล้ว เธอเข้ามาใกล้ๆ นี่สิ แล้วมากินด้วยกัน

พวกเรากินได้จริงๆ หรือ(ครับ/คะ)?

แน่นอนสิ ลุงคนนี้ปรุงสุดฝีมือเชียวนะ เพื่อให้พวกเธอได้กินไง...(tn: กัดฟันน่าดูเลยสินะ..)

ขอบคุณ(ครับ/คะ)!


เพราะว่าวีด ผสมข้าว และสมุนไพรลงไปเป็นจำนวนมากในน้ำแกง ทำให้อาหารหม้อนี้มากพอที่ให้แบ่งกันกิน
ว้าว! ว้าว!

เด็กๆ นั้นอดอยากมาหลายวันทำให้ พวกเขากันกินอาหารหมดไปอย่างรวดเร็ว

คนในหมู่บ้านค่อยๆเดินเข้าหากองไฟอย่างช้าๆ พวกเขานั้นมีศักดิ์ศรีเกินกว่าจะเรียกร้อง แต่ใบหน้าของพวกเขาแสดงเห็นถึงความสำนึกขอบคุณ และแสดงให้เห็นได้ชัดยิ่งกว่าว่าพวกเขาจะยิ่งสำนึกบุญคุณมากขึ้นหากได้รับ อาหารมากินด้วย

วีดลำบากใจอย่างมากในเรื่องนี้

ถ้าชั้นต้องเลี้ยงพวกเขาทั้งหมด มันต้องใช้วัตถุดิบ และเครื่องปรุงมากมายมหาศาล และชั้นไม่อยากเป็นคนออกค่าใช้จ่ายตรงนี้ทั้งหมดคนเดียว

ไม่ว่าจะมองแง่มุมไหน มันก็มีแต่ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ การทำอาหารเลี้ยงทุกคนมันต้องหมายถึงการใช้เงินจำนวนมหาศาล

ถ้าเพียงแค่ชั้นไม่ได้เรียนการทำอาหารมา.....ชั้นก็ไม่ต้องมาเจอสถานการณ์ยุ่งยากแบบนี้แล้ว

จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเสียใจที่ได้เรียนทักษะทำอาหารมา

อย่างไรก็ตาม ชาวหมู่บ้านโมราต้านั้น ล้วนแล้วแต่หิวโหยอย่างที่สุด

อย่างน้อยบางทีมันคงทำให้ ชั้นไม่เจ็บปวดมโนธรรม ในยามที่ชั้นระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ แม้ว่า ชั้นจะมั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจว่า ตัวชั้นนั้นไม่มีความรู้สึกที่ฟุ่มเฟือยอย่างมโนธรรมก็ตาม แต่ปัญหาคือ เหล่าพาลาดิน และนักบวชแห่งเฟรย่าที่กำลังจับตาดูอยู่

อัลเวรอนเดินเข้ามาแล้วกล่าว
ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ ท่านยังทำอาหารออกมา แจกจ่าย ท่านช่างเป็นคนดีที่น่ายกย่องยิ่ง

...

แม้ว่าที่ท่านทำคือการเลี้ยงดูอาหารเพียงหนึ่งมื้อ แต่นั่นนำไปสู่ความหวัง ความหวังที่สามารถทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ ถ้าไม่มีความหวังในหัวใจ ก็ไม่ต่างอะไรจากตายไปแล้ว ความศรัทธาและความหวังจักทำให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นจริง ข้า เหล่าพาลาดิน นักบวช และชาวบ้านแห่ง โมราต้า จะไม่มีวันลืมความกรุณาที่ท่านได้มอบให้พวกเราในวันนี้เลย

...

วีดตอนนี้อยากหาอะไรมายัดปากอัลเวรอนไม่ให้พูดจาซี้ซั้ว

ความนับถือที่เหล่านักบวชและพาลาดินมีต่อเขานั้นสูงอย่างยิ่ง

ผู้กอบกู้หมู่บ้าน และนักผจญภัยผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถค้นหาสมบัติศักดิ์สิทธ์แห่งเฟร์ย่ามาคืน!

ดวงตาของวีดเริ่มสั่นพร่า

ถึงแม้จะต้องสูญเสียบางอย่างไป แต่ไม่แน่มันอาจกลายเป็นเรื่องดีก็ได้

ในเมื่อไม่มีหนทางใดๆ ที่หลีกพ้นจากการขาดทุนป่นปี้ครั้งนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าปล่อยให้การขาดทุนครั้งนี้สูญเปล่าไปเฉยๆ
วีดพยายามเค้นรอยยิ้มออกมาให้เจิดจ้าที่สุด ในเวลาเดียวกันเขาก็กำลังคนน้ำแกงไปเรื่อยๆ

หากแม้นมีสิ่งใดที่ผมทำได้ในการสร้างสันติสุขและความรุ่งเรื่อง แด่ ทวีป เวอร์เซลล์ (continent of Versailles) ผมจะไม่รีรอลังเลในการทำมันอย่างแน่นอน

ช่างเป็นคำตอบที่สมเป็น ท่านวีดยิ่งนัก

ความนับถือของ อัลเวรอน เหล่าพาลาดิน และนักบวช ที่มีต่อ วีด พุ่งทะยานขึ้นอย่างมาก

วีดนำวัตถุดิบอาหารทั้งหมดที่เขามีออกมา มันมีทั้ง เนื้อ ผัก ไปจนถึงหญ้าที่เขาได้มาจากการล่าของที่แถบเทือกเขายุโรกิ

รอซักพักไม่นานหรอก แล้วผมจะทำอาหารให้ทุกคนกินได้จนอิ่มเลย

เมื่อวัตถุดิบพร้อม วีดก็เริ่มทำอาหาร

ต้มแอโชวี่ไปซักพัก แล้วผสมเครื่องปรุงรวมเข้าไป จากนั้นเขาก็นำเนื้อจำนวนมาก ใส่ลงในน้ำซุบที่ต้มได้

แต่เมื่อคิดว่าจะต้องแจกจ่ายซุบหม้อนี้ไปฟรีๆ หัวใจเขาก็เจ็บปวดราวถูกฉีกกระชาก

ติ๊ก!

น้ำตาได้หลั่งลงมาจากดวงตาทั้งสองของวีด

นั่นมัน น้ำตาท่านนักบุญ วีด!

ท่าน วีด หลั่งน้ำตาให้กับพวกเรา

ท่านคือผู้ทำเพื่อความความสันติสุขของผู้คนในทวีปนี้ อย่างแท้จริง!

ความตื้นตันใจของชาวบ้านได้พุ่งขึ้นมาสูงจนสุดระงับ

น้ำตาที่เขาหลั่งออกมาจากจากความเสียดายเงินทองที่สูญเสียไป ถูกชาวบ้านตีความไปแบบผิดๆ

โอ เงินอันเป็นที่รักของฉานนน

วีด ผู้ซึ่งอารมณ์ขุ่นมัวได้หยิบกระดาษใบเล็กๆ ออกมาใบหนึ่ง และรีบจดบันทึกอย่างว่องไว

สำหรับชาวบ้านโมราต้า ที่อดอยาก ชั้นต้องทำอาหารไปเลี้ยงด้วยวัตถุดิบมากมายมหาศาล ซึ่งประกอบด้วย:

เครื่องปรุง : 7 ทอง 47 เงิน 98 ทองแดง
ราคากลางของเนื้อที่ทวีป เวอร์เซลล์ : 38 ทอง 80 เงิน 7 ทองแดง
ผักต่างๆ : 9 ทอง 10 เงิน
ค่าแรงทำอาหาร : 20 ทอง

เขาจดบันทึกรายการราคาของทั้งหมดที่เขาใช้ในการเลี้ยงอาหารชาวหมู่บ้านโมราต้า

วีดทุบพื้นด้วยความเสียดาย

เพื่อที่จะกลบความสูญเสียที่เกิดขึ้นในวันนี้ ฉันจะต้องทำงานให้หนักยิ่งๆ ขึ้นไป

หลังจากดูบัญชีค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปเขาก็ตกลงใจที่ทำงานให้หนักขึ้น และหาทางทำเงินให้มากขึ้น

จากนี้ไปถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหน ชั้นก็จะล่าไม่หยุด และหากฉันทำภารกิจ หากเมื่อไหร่ที่ชั้นอยากถอนตัว ชั้นก็จะเอาใบค่าใช้จ่ายใบนี้มาดูเพื่อไม่ให้ท้อถอย

แต่วัตถุประสงค์ของบันทึกนี้ไม่ได้มีแค่นี้

ชั้นไม่ยอมเป็นพวกพ่อพระที่ทำตัวปิดทองหลังพระหรอก! ในระหว่างเดินทาง บางชั้นอาจแกล้งทำกระดาษใบนี้หล่น และมันจะต้องเป็นที่สนใจของคนที่พบเห็นอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะหากทำหล่น ตอนที่กำลังรวมทีมกันอยู่!

หือ นี่อะไรตก?

แล้วหากรีบเก็บมันขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วจากนั้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นมันต้องทำให้เพื่อนร่วมทีมอดสงสัยว่านั่นคืออะไรอย่างอดใจไม่ไหวอย่าง แน่นอน โดยเฉพาะจากวีดผู้ซึ่ง ไม่เคยนำสิ่งใดๆ ออกมาให้คนดูง่ายๆ และยิ่งพยายามเก็บซ่อนเอาไว้เท่าไหร่ ข้อมูลในนั้นก็คงเป็นข้อมูลลับที่มีความสำคัญอย่างมากเท่านั้นอย่างแน่นอน

และเมื่อความสงสัยมาถึงขีดสุด แล้วโดนกดดันจนดูท่าจะเก็บซ่อนไว้ต่อไปไม่ได้ แต่กระนั้นก็ ยังลังเลที่จะเอามันออกมา ซัก 2-3 ครั้ง แล้วค่อยๆ เอาบัญชีค่าใช้จ่ายใบนี้ออกมาให้ทุกคนดู อย่างช้าๆ

ด้วยแผนการณ์นี้ความยกย่องที่ได้รับจากเพื่อนร่วมทีมน่าจะพุ่งสูงขึ้นทันที

ชาวหมู่บ้านได้รับแจกซุบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเนื้อติดมัน พวกเขามีความสุขอย่างเหลือล้น
ท่านคือผู้กอบกู้หมู่บ้านแห่งนี้อย่างแท้จริง

ขอบพระคุณ บุณคุญครั้งนี้ไม่รู้ว่าพวกข้าจะหาทางตอบแทนท่านอย่างไรดี

ชาวหมู่บ้านคนแล้วคนเล่าเดินเข้ามาขอบคุณ วีด แล้วเขาก็ยิ้มตอบกลับไปด้วยท่าทางที่แสดงให้เห็นชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เส้นทางที่ผมเดินมันเป็นเช่นนี้เสมอจนถึงตอนนี้ผมคิดว่านี่มันคงเป็นชะตา ชีวิตของผม และผมจะทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน และนั่นคงทำให้ชีวิตที่เหลือของผมอยู่ได้โดยไม่หลงเหลือความเสียใจไว้ในภายหลัง

นั่นคือ เจตนารมย์ที่ยกย่องของท่านวีด

ในเมื่อเขาเองก็เป็นปุถุชนที่ยังชอบคำยกยออยู่ ดังนั้นเขาก็ให้อาหารกับคนที่ชมเขามากเป็นพิเศษ

หากคนที่รู้จักกับตัวตนของเขาจริงมาเห็นวีดตอนนี้ พวกเขาคงไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าคนๆ นี้คือเขา (tn: คงคิดว่าคือคนหน้าเหมือนมากกว่า)

ไม่นานมานี้ตอนที่สร้างปิรามิด
หลังจากที่เขาสร้างปิรามิดที่ป้อมปราการเซราบอร์ก มีผู้คนมากมายที่หลั่งน้ำตาด้วยความสุข

หลักๆ ก็จากผู้เล่นใหม่ที่เลเวลน้อย และไม่มีเงิน สุขภาพย่ำแย่จากการกินของไม่ถูกหลักโภชนาการ(จากการที่วีดเอาหญ้าต่างๆ ผสมทำข้าวต้ม  แน่นอนว่า กินของแบบนั้นประจำสุขภาพย่ำแย่แน่ๆ) ดังนั้นหลังจากจบงานกรรมกรอันยาวนาน พวกเขาจึงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับเงินจากการจบภารกิจได้ซักที



ในที่สุดด้วยเงินนี้พวกเขาอย่างน้อยก็สามารถซื้อขนมปังเปล่าๆมากินได้ซัก ที!(tn: วีด อาหารนายคุณค่าทางอาหารยังน้อยกว่า ขนมปังเปล่าๆ อีกหรือ!!)

นั่นคือวิถีชีวิตที่วีดใช้มาจนถึงบัดนี้ จนมันฝังกลายเป็นสามัญสำนึกของเขาไปเสียแล้ว ในการที่จะไม่ยอมให้เกิดการสูญเปล่า แม้แต่น้อย

ความนับถือที่มีต่อวีด ของอัลเวรอน เหล่าพาลาดิน และนักบวช เพิ่มทะยานสูงขึ้นยิ่งกว่าทองขึ้นราคาเสียอีก(tn: จริงๆ และตรงๆ ก็คือความนับถือที่มีต่อวีด นั้นมีมากมายเหมือนทองคำ ซึ่งเป็นสำนวนเกาหลี ที่ผมไม่แน่ใจว่าแปลยังไงดี ประมาณ หัวใจทองราวๆ นั้นล่ะครับ)

ขอองค์เฟรย่าได้โปรด อำนวยพรให้ท่านวีดผู้นี้ด้วย

ความนับถือของเหล่าพาลาดิน และนักบวช ทีมีต่อวีดนั้นสูงจนไม่อาจเพิ่มพูนได้มากไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับคนนอกศาสนา

เหล่านักบวชได้มอบข้อเสนอ

ลัทธิเฟรย่าเรานั้นต้องการผู้ศรัทธาเข้ามาเพิ่มขึ้น และพวกเราล้วนรับรู้แล้วถึงความซื่อสัตย์ และวีรกรรมอันยิ่งใหญ่มากมายที่ท่านได้ทำให้แด่ลัทธิของเรา แม้ว่าท่านจะยังไม่ได้เดินตามเส้นทางแห่งศรัทธา แต่ท่านนั้นมีคุณสมบัติเกินพอ ถ้าเช่นนั้นแล้วใยท่านไม่เข้ามาร่วมเส้นทางแห่งศัทธากับพวกเรา? แล้วเป็น บิชอปของพวกเรา

ติ้ง!

ตำแหน่งทางศาสนาได้ถูกเสนอ ตำแหน่งบิชอป แห่งลัทธิเฟรย่า
ด้วยตำแหน่งนี้จะได้รับอำนาจสิทธิ์ขาดในการตันสินคดีจากทางวิหาร และท่านยังสามารถตรวจสอบการเงิน และใช้สร้างฐานอำนาจทางการเมือง มันเป็นตำแหน่งที่คล้ายกับหน่วยงานคลังในปราสาท แต่แตกต่างที่  ท่านจะได้รับอำนาจในการตัดสินคดีเกี่ยวทางศาสนาของลัทธิ
ท่านสามารถตั้งหน่วยพาลาดิน และนักบวชขึ้นมา และสามารถใช้เงินบริจาคในการซื้อที่ดิน หรือสร้างวิหารใหม่ได้
ด้วยตำแหน่งที่สูงส่ง ย่อมนำมาซึ่งความรับผิดชอบที่มากมาย
อย่างเช่น หากท่านบุกจู่โจมเมืองหรือปราสาท ค่าชื่อเสียงของท่านจะลดฮวบไปอย่างมหาศาล
ถ้าท่านใช้อำนาจในทางที่ผิด ท่านก็จะถูกดำเนินคดี
สถานที่ ที่ท่านจะไปประจำการนั้น จะถูกตัดสินจากค่าชื่อเสียง และการอุทิศตน
ท่านต้องการตอบรับตำแหน่ง บิชอป หรือไม่?

ตำแหน่งบิชอป แห่งลัทธิเฟรย่า นั้นเป็นตำแหน่งพิเศษที่ไม่เคยมีใครในโลกล่วงรู้ว่ามันมีอยู่
ตำแหน่งสำคัญที่สามารถสั่งการ จนถึงครอบครองกองทัพพาลาดิน และนักบวช!

นอกจากวีด แล้วไม่เคยมีใครได้รับการเสนอให้รับตำแหน่งเช่นนี้มาก่อน

เมื่อมองกลับไปที่มุมมองของวิหาร การอุทิศตนที่ได้รับมาอย่างเสมอมา จนกระทั่งถึงการรบกับกองทัพอมตะ เมื่อรวมกับชื่อเสียงที่สูงมาก ก็เพียงพอแล้วที่จะได้รับตำแหน่ง บิชอป

โอกาสบนเส้นทางแห่งลัทธิได้เปิดออกแล้ว

แต่ทว่า วีดส่ายหน้า

ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับโอกาสอันวิเศษสุดในการรับใช้วิหารแห่งเทพีเฟรย่า แต่ทว่า นั่นคงไม่จำเป็นต้องเป็นผมเท่านั้น มีผู้คนอีกมากมายนักพร้อมจะทำเพื่อวิหาร ดังนั้นผมขอใช้ชีวิตของผมอุทิศแด่ผู้เดือดร้อนจะดีกว่า

ปฏิเสธการรับตำแหน่ง บิชอฟ แห่งเฟรย่า

เหล่านักบวชยอมถอนคืนคำเสนอของพวกเขา

ท่านเทพธิดาเฟรย่า จักต้องรับรู้ถึงจิตใจอันสูงส่งของท่านแน่นอน

แม้ว่านี่อาจเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิต แต่เหตุผลที่ปฏิเสธนั้นก็คาดเดาได้ไม่ยาก

ถ้าหากเขารับตำแหน่งบิชอป มันก็มีโอกาสสูงมากที่เขาจะต้องทำเพื่อคนอื่นๆ ฟรีๆ อย่างที่ครั้งนี้เขาเผชิญ แม้ค่าชื่อเสียง และอิทธิพลของเขาเพิ่มขึ้นมาก วีดก็ยังคิดว่า เงินสำคัญกว่าของพวกนั้นมาก และเขาไม่คิดว่าของพวกนั้นมีคุณค่าเพียงพอให้เขาต้องสิ้นเปลืองเงินทอง

ทานให้อร่อยนะ

วีดพูดพร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่เทข้าวและน้ำแกง

ด้วยดวงตาที่ปริ่มจะหลั่งน้ำตาด้วยความเศร้า(tn จากการเสียตัง) แต่เขาก็ยังพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา!

เจ็บปวด หงุดหงิด แต่ทว่าไม่อาจแก้ไขอะไรได้ ความโกรธที่ความขุ่นเคืองที่ถูกเก็บกดไว้ ทำให้รอยยิ้มที่เค้นออกมานั้นดูอัปลักษณ์อย่างยิ่ง แต่ถึงจะเป็นรอยยิ้มอย่างนั้นในสายตาของผู้คนแถวนี้กลับคิดว่านั่น เป็นรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักต่อเพื่อนมนุษย์

นั่นทำให้ ชาวบ้านผู้ซึ่งใส่ชุดสีแดงถือชามเดินเข้ามา แล้วเอ่ยปาก

ท่านเคยตัดเย็บชุดของราชอาณาจักร นิฟล์เฮมหรือเปล่า?

มันคืออะไรหรือ?

ชุดประจำราชอาณาจักร คือชุดที่ชาวราชอาณาจักรใช้ในราชอาณาจักร  มันเหมาะสำหรับใส่ ทั้งทำงาน และต่อสู้ การตัดเย็บอาจซับซ้อน และจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบชนิดพิเศษ แต่ข้ารู้วิธีที่จะตัดเย็บเสื้อผ้าเหล่านั้น

ชาวหมู่บ้านคนหนึ่ง ส่งหนังสือเล่มหนึ่งให้วีด

มีเพียงของสิ่งนี้เท่านั้นที่ข้าสามารถมอบให้ แด่ท่านผู้มีพระคุณ

ท่านได้รับกรรมวีธีในการผลิตเสื้อผ้าของราชอาณาจักรนิฟล์เฮม


ไอเท็มของงานเย็บปัก!

การเพิ่มขึ้นของค่าความสนิทสนม ทำให้เขาได้รับความลับของการผลิตเสื้อผ้าในท้องถิ่นนี้

เขตโมราต้าในอดีตเคยเฟื่องฟูด้วยงานเครื่องหนัง และเสื้อผ้า และตอนนี้เขามีระดับทักษะงานเย็บปักที่สูงพอ

ของชิ้นนี้ นี่มัน.....

วีดรีบหยิบหนังสือเล่มนั้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว

พวกเราขอมอบมันให้ท่าน

ชาวบ้านคนอื่นๆ บ้างก็มอบหนังกวางเกรด 2 หรือบ้างก็ผ้า เพื่อเป็นการตอบแทนต่ออาหารอย่างดีมื้อนี้

หากท่านจะเดินทางไปยังหุบเขามรณะ ท่านควรจะเดินเลียบแม้น้ำ พาเฮล (Pahel River) เพราะแม่น้ำจะแข็งเป็นน้ำแข็งหนาลอดทั้งปี และเหล่ามอนสเตอร์จะไม่อาศัยอยู่แถวนั้น

ในอดีต หากท่านเดินไปทางเหนือราวๆ 3 วัน ท่านจะพบกับหมู่บ้านซาบิ(Sabi Village) ที่นั่นชาวหมู่บ้านล้วนรักงานแกะสลัก และพวกเขายังมีกรรมวิธีลับที่จะตกทอดเฉพาะจากบิดาไปยังบุตร ถึงแม้ท่านอาจจำเป็นต้องเดินทางผ่านเส้นทางที่อันตราย แต่หากท่านเป็นนักแกะสลัก ท่านน่าจะไปที่นั่นซักครั้ง

ป้อมปราการที่อยู่ใกล้หุบเขามรณะมากที่สุดคือ ปราสาทเวนท์(Vent Castle) ครั้งหนึ่งยามเมื่ออาณาจักรนิฟล์เฮมยังคงอยู่ที่นั่นเต็มไปด้วยอัศวิน แต่บัดนี้พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าที่นั้นตอนนี้เป็นอย่างไร

ชาวหมู่บ้าน พยายามบอกข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้วีดเริ่มไตร่ตรอง

นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญอย่างแน่นอน มันแน่อยู่แล้วว่าคนใจดีและเต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาอย่างชั้น ก็สมควรได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทน

วีดทำอาหารต่อ

แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่ทำอาหารร้อยกว่าจาน แม้ว่าจะมีวัตถุดิบพอเพียง แต่แรงงานที่ใช้ในการทำอาหารนั้นไม่เพียงพอ!

การทำอาหารให้เร็วนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญขนาดชี้เป็นชี้ตายได้ ถ้าการแจกอาหารขาดตอน คนที่ยังไม่ได้รับอาหาร อาจต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอาหาร แม้ว่าความหิวจะเป็นเครื่องเคียงที่ดีที่สุดที่ทำให้อาหารอร่อย แต่หากมีมากเกินไป มันอาจทำให้เกิดการจราจลได้

แต่เขาก็ไม่อาจขอให้ซอยูน หรืออัลเวรอนมาช่วยได้

หากให้คนที่ไม่มีทักษะการทำอาหารมาช่วยจะทำให้รสชาติอาหารแย่ลง

ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เขาอาจเรียกให้อัลเวรอนมาช่วยอย่างน้อย ก็พอช่วยยกจานได้ แต่ตอนนี้เหล่าพาลาดิน และนักบวชกำลังเฝ้ามอง ดังนั้นเขาไม่อาจเรียกใช้อัลเวรอนเหมือนคนรับใช้ได้

แต่อย่างไรก็ดี วีดนั้นมีประสบการณ์มากพอ

เมื่อต้องออกล่าเป็นขบวนใหญ่ เขามักรับหน้าที่เป็นผู้ทำอาหาร และนั่นก็คือหนึ่งในประสบการณ์ที่เขามักเจอ!

และแม้แต่ที่โมราต้า เขาทำอาหารเลี้ยงดูเหล่าพาลาดิน และนักบวช ที่กินกันอย่างไม่ยั้ง ด้วยเหตุนี้เขามีประสบการณ์อย่างโชกโชนในการทำอาหารเลี้ยงดูคนหมู่มาก

หากทำสตูต่อไป คงไม่ทันกินแน่ คงต้องคิดหาเมนูใหม่ ที่ทำได้เร็วกว่านี้!

วัตถุดิบต่างๆ ถูกเทรวมลงไปในหม้อใบใหญ่ จากนั้นก็เติมน้ำต้ม แล้วเติมข้าวเข้าๆให้มากๆ ก็จะได้ข้าวต้มไว้แจกจ่าย

วีด นั้นคอยเฝ้ามอง ซอยูนและอัลเวรอน ว่าพวกนั้นได้รับอาหารเพียงพอหรือไม่ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ต้องต้องดูแลเพื่อนร่วมทีมให้พร้อมก่อนที่ออก ผจญภัยไปยังสถานที่อันตราย

ชาวหมู่บ้านที่ได้รับอาหารไปแล้วอย่างทั่วถึง ก็เริ่มหลั่งน้ำตา

ครั้งสุดท้าย มันเมื่อไหร่กันหนอที่พวกเราได้ทานอาหารที่สมเป็นอาหารแบบนี้...........

ตั้งแต่มอนสเตอร์บุกเข้า ข้าว่ามื้อนี้คงเป็นมื้อแรก

พกวเราจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม

พวกเขาล้วนจดจ่ออยู่ในความซึมเศร้า

ผู้อาวุโสของหมู่บ้านออกมากล่าว
มันต้องทำได้สิ ถ้าพวกเราร่วมมือกัน ด้วยพละกำลังของพวกเรา เราช่วยกันทำงาน แล้วเราจะสามารถกลับไปมีวิถีชีวิตอย่างที่เราเคยเป็นมา

ข้าหวังว่ามันจะมีวันนั้น

มันต้องมีวันนั้นแน่นอน แม้ว่าหมู่บ้านของเราจะไม่พบเจอเรื่องดีๆ เลยซักครั้งมาตั้งแต่เราได้รับอิสระภาพจากมอนสเตอร์ แต่ในวันที่ดีอย่างวันนี้ เราไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยไปอย่างไร้ค่า เรามาจัดงานรื่นเริงกันเถอะ งานเทศกาลเพื่อที่จะฉลองการฟื้นฟูของหมู่บ้านของพวกเรา

ว๊าว!

ติ้ง!

งานเทศกาลยามราตรีแห่ง หมู่บ้าน โมราต้า ได้เริ่มขึ้นแล้ว โมราต้านั้นมีการจัดงานรื่นเริงยามราตรีที่เป็นเอกลักษณ์
ตลอดทั้งคืน พวกเขาจะร้องเพลง เต้นรำ พวกเขาจะร่วมกันสร้างความสุข และให้ความหวังซึ่งกันและกัน
ผลผลิตของหมู่บ้านโมราต้า เพิ่มขึ้น 300% เป็นเวลา 1 เดือน
วัฒนธรรม และเทคโนโลยีของหมู่บ้าน จะพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานี้
สินค้าที่ขายในร้านค้าจะขายราคาทุน
อัตราการเกิดของคนในหมู่บ้านจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เด็ก จะเกิดมาหลังงานเทศกาลนี้ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง
ชาวหมู่บ้านจะทำงานหนักขึ้น เปลี่ยนเป็นบุคคลากรที่ขยันขันแข็ง
คุณสามารถเข้าร่วม และสนุกไปกับงานเทศการนี้

เทศกาลยามราตรี!

ปกติแล้วงานเทศกาลจะจัดเป็นประจำในเมืองใหญ่ แต่งานเทศกาลสำหรับหมู่บ้านเล็กๆนั้น ถือเป็นของที่เกิดขึ้นได้ยาก

เหล่าชาวบ้านที่ยิ้มแย้มมารวมตัวรอบกองไฟ และเริ่มงานรื่นเริง สตรีร่ำร้องบทเพลง บุรุษเคาะกลองให้จังหวะ

ตุ้ง! ตุ้ง! ตุ้ง!

ชาวหมู่บ้านเต้นรำเข้าจังหวะกับเสียงกลอง ยามสายลมโชยผ่าน ภาพที่เห็นนั้นยิ่งงดงามชวนฝัน

สาวๆ เริ่มถอดเสื้อผ้าออก และเต้นรำเพียงสวมใส่ชุดชั้นในเท่านั้น

แม้อากาศจะหนาวเย็น แต่ความร้อนแรงของงานรื่นเริงนี้ จะทำให้คุณลืมอากาศที่หนาวเย็นไปเลย
และนั่นทำให้ วีด ได้เห็นการแสดงที่ดีๆ เป็นบุญตา (tn แอบหื่นหรือเปล่า)

เป็นงานเทศกาลที่ไม่เลวเลย

ชายหนุ่ม หญิงสาวเริงระบำท่ามกลางบรรยายสนุกสนานยามราตรีที่แวดล้อมไปด้วยเสียงเพลงขับร้อง


ฟู่ เสร็จซักที

วีดที่ได้เร่งทำอาหารให้เสร็จ ก็ได้นั่งลงพักผ่อน
วีด เหน็ดเหนื่อยจากการง่วนกับการทำอาหารเลี้ยงคนถึงพันกว่าคน ตัวเขาเองก็แทบไม่ได้กินอาหาร ทำให้ตอนนี้เขาก็เริ่มหิวแล้ว แต่ทว่าเมื่อเหลือบมองไปยังซอยูน ความหิวก็จางลง ในยามกลางวัน เมื่อมองใบหน้านี้อย่างไร ก็จะเห็นแต่ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกจนน่าเสียดาย แต่ความลึกลับ และความสวยงามของเธอก็เพียงพอที่ให้หัวใจของเขาเต้นระรัว

แต่ตอนนี้นั้นบรรยากาศท่ามกลางแสงจันทร์และกองไฟ ช่วยขับเน้นความงามของซอยูน จนทำให้ วีดถึงกับตกตะลึง

เขานั้นสร้างผลงานมากมายโดยใช้เธอเป็นแบบ และมั่นใจถึงกระทั่งแม้จะหลับตาเขาก็สามารถแกะสลักรูปร่าง หน้าตาของเธอ ออกมาได้ แต่เมื่อเขาได้มองซอยูน ณ เวลานี้ ความตกตะลึง ถึงกับทำให้ความมั่นใจเดิมๆ ที่เขาเคยมีมาถึงกับพังทลาย

สวย

เขาไม่อาจหาจุดด่างพร้อยแม้ซักจุดที่จะลดทอนความงามของเธอ

ซอยูนนั่งกอดเข่า แต่ท่าทางของเธอนั้นแตกต่างจากปกติ เธอกำลังมองงานรื่นเริงด้วยสายตาที่อบอุ่น

ถ้าพลาดโอกาสครั้งนี้ไป มันคงไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว

ระหว่างที่วีด เฝ้ามองซอยูนอย่างจดจ่อ เขาก็หยิบมีดของซาฮับ และก้อนแร่ที่เขาได้รับมาจาก สมาคมประติมากรรมในเมืองโรเดียมออกมา

ตรวจสอบ

ด้วยเสียงกระซิบที่แผ่วเบา วีด ตรวจสอบข้อมูลของสิ่งของในมือ

ก้อนแร่ : ความทนทาน 1,000/1,000
ลักษณะภายนอกผลึกสีขาว
มันเป็นวัสดุพิเศษที่กำเนิดขึ้นมาพร้อมความสามารถดูดกลืนแสง
มันมีความแข็งสูงมาก ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำให้ร้าว หรือแตกหักได้

มันเป็นที่รู้จักว่าเป็นวัสดุที่ถูกใช้ในการแกะสลัก และขัดเงาในการสร้างผลงาน แต่การใช้มันสร้างผลงานคุณต้องมี ทักษะการทำงานชั้นเลิศ ถึงจะสามารถ สร้างผลงานด้วยวัสดุนี้ได้ และหากต้องการแกะสลักวัสดุนี้ มีดแกะสลักชั้นดี เป็นสิ่งที่ขาดไปเสียไม่ได้
ข้อจำกัด:
             มีอาชีพเป็นประติมากร
            เป็นไอเท็มภารกิจ
คุณสมบัติ:
                สามารถกระจายแสงสีได้หลากหลายเฉดสี
                ด้วยสิ่งนี้คุณจะสามารถสร้างผลงานที่ตราตรึงไปนับศตวรรษ
                มันยังมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ซ่อนอยู่

มันเป็นสิ่งของที่ใช้ทำภารกิจ เพื่อที่จะได้รับ เทคนิคสลักแสงจันทร์!

ความทนทานของมันสูงถึง 1,000 ถ้าหากใช้มีดธรรมดามาแกะสลัก ใบมีดจะทื่อลงอย่างรวดเร็ว

แต่น่าจะไหว เพราะว่าชั้นมีมีดของซาฮัป

ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาจากงานแกะสลักนั้น จะเป็นของที่มีชิ้นเดียวในโลก

ไม่ว่ามันจะแข็งแค่ไหน ต่อให้แร่ก้อนนี้มันแข็งไปกว่านี้ มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะแกะสลักมันไม่ได้

วีดได้ตกลงใจแน่วแน่แล้วว่าการแกะสลักแร่ก้อนนี้จะมีต้นแบบคือ

ซอยูน!

เขาจะแกะสลักแร่ก้อนนี้โดยใช้เธอเป็นแม่แบบ
ต้องอย่าละโมภเกินไป ที่สำคัญต้องถ่ายทอดความประทับใจอันนี้ออกไป

วีด คิดว่าหากเขาถูกจับได้ มันจะกลายเป็นหายนะสำหรับเขาเป็นแน่ และยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้นหากเธอรู้ว่าที่ผ่านมาเขาได้ใช้เธอเป็นแม่แบบในงานต่างๆ ไปมากแค่ไหน เขาคงไม่พ้นโดยเธอตามล่าคิดบัญชีเอาเป็นแน่

แต่ถึงแม้เขาจะกลัวผลที่ตามมาภายหลัง แต่งานนี้เป็นรูปสลักขนาดเล็ก ถ้าเขาซ่อนมันไว้ในอุ้งมือเวลาแกะสลัก มันก็น่าจะทำให้เธอสังเกตุได้ยากว่าเขากำลังทำรูปสลักอะไร
แต่ว่าก่อนจะแกะแบบร่าง ปัญหาคือไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดีนี่สิ

แม้ว่ามีโอกาสที่จะถูกจับได้ แต่บรรยากาศของซอยูนที่แสดงออกมาตอนนี้ มันน่าจะคุ้มค่า ก่อนที่ความรู้สึกนี้จะจางหาย เขาคงต้องเร่งมือแล้ว

วีด กดมีดแกะสลักลงไปบนผิวหินแสงจันทร์ เนื่องจากมันเป็นแร่ที่แข็งมาก การใช้แรงแบบปกตินั้นไม่เพียงพอ

ชั้นจะคิดว่าทำมันเสร็จทันทีเลยไม่ได้ มันต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ราตรีนี้ยังยาวนาน

มันเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งพละกำลัง และ ความละเอียดละอออย่างสูง!

และความชำนาญก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ขาดไปเสียไม่ได้

วีดค่อยๆ แกะสลักหินแสงจันทร์ไปทีละน้อย ทีละน้อย เริ่มจากส่วนหัว

สิ่งแรกที่ต้องทำต้องอย่าลนลาน และเริ่มจากแบบร่างของนางแบบก่อน

แต่ชุดเกราะที่ซอยูนส่วมใส่อยู่นั้นดูไม่เหมาะกับบรรยากาศที่เขาจินตนาการ

วีด จินตนาการว่า ซอยูนใส่ชุดกระโปรงสีขาว

และเธอนั้นไม่ได้อยู่ที่แวดล้อมไปด้วยหิมะอย่างที่นี่ แต่เธอนั้นอยู่ที่สวนดอกไม้ ที่มีเหล่าผึ้ง และผีเสื้อ บินร่อนไปทั่ว

ล้อมรอบไปด้วยผู้คนมากมาย เด็กสาวคนนั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่!

แม้ว่าบรรยากาศแบบนั้นจะไม่ค่อยเหมาะกับตัวซอยูนเท่าไหร่ แต่ความประทับใจของ วีดที่ได้รับจากเธอในค่ำคืนนี้ เป็นเช่นนั้น

วีด ค่อยขยับมีดแกะสลักเร็วขึ้นเรื่อยๆ

เขาทำอย่างจดจ่อจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง!

วีดไม่ได้วางแผนว่าจะเริ่มสลักจากที่ไหน
แต่มือของเขาขยับไปตามสัญชาตญาณ และความรู้สึกที่มีต่อซอยูนในเวลานั้นที่เขาอยากถ่ายทอดมันออกมาเป็นรูปร่าง โดยแกะสลักแร่ก้อนนี้

ทุกครั้งที่เขากระเทาะผิวของหินแสงจันทร์ จะเกิดประกายแสงสว่างออกมา เหมือนดั่งผิวขุ่นมัวที่ปกคลุมได้ปอกลอกออกมา ทำให้หินแสงจันทร์เปล่งประกาย

ทุกครั้งที่เขาจรดมีดลงไปบนผิว แสงสว่างจะค่อยๆส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้แสงจันทราที่สาดแสง ชาวหมู่บ้านที่กำลังเริงระบำ เขาพยายามอย่างยิ่งเพื่อให้ไม่กลายเป็นจุดสนใจจากผู้คนที่กำลังสนุกสนานกับ งานเทศกาลในการแกะสลักครั้งนี้

แสงที่ส่องสว่างออกมาจากก้อนแร่นั้น

เกิดเป็นภาพดั่งมนตรา

วีดในยามนั้น คล้ายดั่งกำลังแกะสลักดวงประทีป

ว้าว นั่นอะไรนะ?

เขากำลังแกะสลักอยู่

ชาวบ้านและเหล่าพาลาดินค่อยๆเดินเข้ารุมล้อมวีด พร้อมวิจารณ์ แต่พวกเขาก็ยังพยายามรักษาระยะห่างเพื่อเพื่อไม่ให้รบกวนจนเป็นอุปสรรคต่อ การแกะสลัก

โชคดีที่ ซอยูน นั้นอยู่ใกล้กองไฟ และถูกงานรื่นเริงดึงดูดความสนใจไปทั้งหมดจนไม่ทันสังเกตุว่า วีดกำลังแกะสลักอยู่


ความงามที่ลึกล้ำสุดบรรยาย
ประติมากรรมแสงจันทร์!

ในเมื่อตอนนี้ วีดไม่มีอะไรอย่างอื่นต้องทำเป็นพิเศษ

อืม หินก้อนนี้แกะสลักยากน่าดู

สาเหตุนั้นมาจากแสงที่แยงตาที่เปล่งออกมาจากขั้นตอนงานแกะสลัก ทำให้การแกะสลักนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก

ถึงเขาจะชำนาญงานแกะสลักอย่างมาก

จากการที่เขาทำการแกะสลักเป็นจำนวนมากทุกวันนั้น มากจนไม่อาจนับรวมผลงานที่ได้ทำมาทั้งหมดได้ครบถ้วน

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ถ้าไม่อาจที่จะดูรายละเอียดรูปสลักได้ชัดเจน ต่อให้เป็นเขามันก็เป็นการยากที่จะแกะสลักอยู่ดี

แม้จากสายตาคนภายนอกแล้วงานกำลังไปได้ราบรื่น แต่แท้จริงแล้วเขากำลังเสี่ยงชีวิตอยู่

เนื่องจากคุณใช้มีดผิดพลาด ดังนั้นคุณบาดถูกนิ้ว ค่า พลังกาย(Vitality)ลดลง 30 ค่าความแม่นยำลดลงชั่วคราว 3
เนื่องจากคุณใช้มีดผิดพลาด ดังนั้นคุณบาดถูกแขน ค่า พลังกาย(Vitality)ลดลง 100 พลังโจมตีของมือหรือแขนลดลงชั่วคราว 8%


อย่างบางครั้งที่เขาทำผิดพลาดซึ่งนานๆ จะเกิดซักครั้งก็ส่งผลทำให้มือของเขาได้รับบาดแผล หากเป็นการแกะสลักทั่วไป เขาจะไม่มีทางรับบาดแผลเช่นนี้ แต่เนื่องจาก แร่ก้อนนี้แข็งมาก เขาจึงจำเป็นต้องใช้พละกำลังอย่างมากในการแกะสลัก ทำให้มันเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่าย

นั่นทำให้ วีดได้ตระหนักถึงความยากที่แท้จริงของภารกิจในครั้งนี้

การแกะสลักชิ้นส่วนของหินแสงจันทร์นั้นไม่ง่ายอย่างคิด การผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ นั้นพอรับได้ แต่จะให้มีความผิดพลาดมากกว่านั้นไม่ได้

หลังจากได้รับข้อมูลจาก สมาคมประติมากรรมแห่งเมืองโรเดียม เขาก็คิดว่าภาระกิจน่าจะจบตรงนั้น แต่แท้จริงแล้วจุดที่ยากลำบากที่สุดของภาระกิจนี้คือ การแกะสลักนี้เอง

ในเมื่อหินแสงจันทร์นั้นมีความทนทานสูงมาก ก็ส่งผลให้มันมีความแข็งที่สูงมากตามไปด้วย และเมื่อใช้มีดมาแกะสลักก็ส่งผลทำให้ เกิดความผิดพลาดได้ง่ายตามไปด้วย ปัญหาเกิดจากไม่อาจมองได้ถนัดจากแสงที่แยงตา แถมต้องใช้พละกำลังอย่างสูงมากในการแกะสลัก มันก็ส่งผลให้มีโอกาสทำงานพลาดได้

โดยเฉพาะส่วนสำคัญอย่างโครงร่างหรือส่วนเรียวบางแตกหัก นั่นก็ส่งผลทำให้งานแกะสลักนี้กลายเป็นขยะไปในทันที

ถ้าทำแร่ก้อนนี้สูญเปล่าไป บางทีมันอาจส่งผลทำให้ชั้นไม่อาจเรียนทักษะสลักแสงจันทร์ได้

มันแน่อยู่แล้วว่า งานที่ชายคนนั้นให้ทำ ไม่มีทางทำได้ง่ายๆ อยู่แล้ว!

สำหรับอาชีพอื่นๆ ทักษะสามารถได้มาโดยการครอบครอง สิ่งของจำเป็นบางอย่าง หรือเรียนทักษะผ่านการทดสอบ

แต่อาชีพอื่นๆ มันไม่ประหลาดเท่าอาชีพประติมากร

และที่สำคัญเขาอาจไม่มีโอกาสที่จะรับการทดสอบใหม่อีกครั้ง

ถึงแม้ว่าต่อไปอาจพัฒนาจนทักษะประตกมากรรมไปถึงมาสเตอร์(Master)ได้ แต่วาสนาที่จะได้รับทักษะสลักแสงจันทร์ก็อาจจะไม่มีอีกแล้ว

หัวใจของวีดนั้นเต้นระรัว

ถ้าชั้นยังเร่งแบบนี้ มันมีโอกาสที่ทำให้งานแกะสลักนี้เสียหายได้

จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปไม่ได้ ถ้าหากมีเวลาตระเตรียมขั้นตอนแกะสลักให้เป็นระบบระเบียบ โอกาสที่จะผิดพลาดก็จะมีน้อย

แต่ในที่สุดแล้ววีดก็ส่ายศีรษะ

ไม่ งานแกะสลัก ไม่ใช่งานที่ทำแบบเครื่องจักรแล้วออกมาดี มันต้องการจังหวะเวลา และแรงบันดาลใจถึงจะสร้างสรรค์เป็นผลงานประติมากรรม

ถ้าทำมันอีกครั้งภายหลัง มันคงยิ่งทำให้สับสนกับความคิดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นซ้อนทับกันตลอดเวลา ความกลัวที่จะทำให้ผลงานผิดพลาดจะมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่แรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนลดน้อยลง

ถึงจะรู้ว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมเต็มที่ แต่ในเมื่อได้เริ่มงานแล้ว มันคงจะเป็นการดีกว่าที่จะทำมันให้เสร็จตอนนี้

ถ้าชั้นระวังซักหน่อย........ ชั้นต้องทำได้แน่!

เนื่องจากคุณใช้มีดผิดพลาด ดังนั้นนิ้วคุณจึงถูกบาดลึกมาก ค่า พลังกาย(Vitality)ลดลง 250 หากคุณใช้แขนหรือมือของคุณในการทำกิจกรรมที่เกิดพลังโจมตี จะมีผลทำให้บาดแผลนั้นกว้างขึ้น

ทันทีที่เขาเพิ่งปลุกเร้าอารมณ์ไป ก็ทำผิดพลาดอีกครั้งในทันใด

แม้มือเขายังคงจับมีดแกะสลักให้เคลื่อนไหวอยู่ แต่แรงที่เขากดลงมามันมากเกินไป

ทว่าวีด ก็เปลี่ยนทิศทางของมีดเพื่อไม่ให้มันทำให้รูปแกะสลักเสียหาย

และหลังจากนั้น ความผิดพลาดในการแกะสลักนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซำเล่า

พลังกายของเขาค่อยๆ ลดลงไป ทีละน้อยๆ

หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงตายก่อนงานเสร็จสมบูรณ์
วีด พยายามผ่อนคลายตัวเอง

อย่างแย่ที่สุดก็แค่ตาย แล้วเลเวลของชั้นก็จะลดลงไปอีก แถมความชำนาญทักษะต่างๆ ก็จะลดลงไปด้วย ทักษะที่ชั้นต้องทำงานหนักแทบล้มหาปะดาตาย กว่าจะได้พวกมันมา พวกมันทั้งหมดจะลดลง

ความคิดของเขากลายเป็นลบมากขึ้นเรื่อยๆ

ปากของเขาเริ่มแห้งผาก

วีด กุมรูปแกะสลักไว้ในมือ และใช้ความรู้สึกในการแกะสลัก

แต่เขายังดีที่เขาเลือกที่จะแกะสลักโดยใช้ ซอยูนเป็นแม่แบบ เพราะแม้จะมีขนาดที่แตกต่างไปจากที่เคยทำบ้าง แต่มันก็ยังง่ายกว่าทำรูปสลักโดยใช้แม่แบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่เธอ

วีด กอดหินก้อนแน่น และแกะสลักมันด้วยมีดของเขา

และในที่สุดเขาก็สามารถทำให้มันอยู่ในรูปร่างที่เขาต้องการจนได้

ติ้ง!

คุณได้สร้างผลงานแกะสลักจากหินแสงจันทร์
ชื่อเสียง เพิ่มขึ้น 450
ทักษะความเข้าใจในงานประติมากรรม เพิ่มขึ้น 1 ระดับ
ความชำนาญในทักษะงานประติมากรรม เพิ่มขึ้น
ความชำนาญในทักษะงานฝีมือ เพิ่มขึ้น
ค่าศิลปะ เพิ่มขึ้น 60


ความปลื้มปิติยินดีอย่างล้นพ้นหาที่สุดมิได้

การแกะสลักเสร็จสมบูรณ์!

หินแสงจันทร์ได้ถูกแกะสลักกลายเป็นรูปสลักของ ซอยูนที่กำลังหัวเราะ

เมื่อเวลาผ่านไป แสงที่ส่องสว่างออกมาจากหินแสงจันทร์ส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ

รูปสลักเริ่มส่องสว่างให้เห็นรายละเอียดชัดเจนขึ้น

เมื่อรูปสลักเสร็จสมบูรณ์ รายละเอียดต่างๆ จะมองได้ชัดเจน แต่ทว่าแร่ก้อนนี้ เปล่งแสงสว่างออกมา ดังนั้นมันจึงยิ่งดูล้ำค่ากว่างานสลักอื่นใด

ติ้ง!

ภาระกิจค้นหาแสงที่สาปสูญได้เสร็จสิ้นลงแล้ว การได้สร้างรูปสลักที่มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์ นั้นคงทำให้คุณพอจะรู้วิธีปรับแต่งแสงสว่างจากความรู้สึก สิ่งนี้จะสืบทอดให้แด่ช่างประติมากรเพียงไม่กี่คน เป็นเทคนิคที่อันตรายมาก และในเวลาเดียวกันก็ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
รางวัลที่ได้จากภารกิจ : ได้รับทักษะ

คุณได้เรียนรู้ทักษะสลักแสงจันทร์
ทักษะสลักแสงจันทร์ ระดับ 1(0%) : ทักษะของประติมากร
งานประติมากรรมจะสามารถเปล่งแสงออกมา อย่างไรก็ตามสี และรูปร่างของแสงนั้นขึ้นกับวัสดุที่ใช้ และเมื่อเวลาผ่านไป คุณค่าของงานประติมากรรมที่เสร็จสมบูรณ์แล้วนั้นจะทวีคุณค่าขึ้นเรื่อยๆ

คุณจะสามารถควบคุณแสงในการทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ทั้งใช้ลำแสงในการจู่โจม หรือใช้มันปกคลุมร่างกายเพื่อป้องกันแต่มันต้องใช้ มานา(MP) จำนวนหนึ่งในการป้องกันเวทมนต์โจมตี หรือการโจมตีทางกายภาพ ความแกร่งขึ้นกับความผูกพันธ์กับธรรมชาติของแสง แม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งเท่า โล่เวทของจอมเวท แต่จะใช้มานาน้อยกว่ามาก สามารถใช้ให้แสงสว่างในสถานที่พิเศษ สามารถให้แสงสว่างในที่มืดได้
ความผูกพันธุ์กับธรรมชาติของแสง เพิ่มขึ้น 3%
คุณสามารถสร้างประติมากรรมส่องแสงได้
การเปล่งแสงสว่าง อย่างวิจิตรของงานประติมากรรมนั้นจำเป็นต้องใช้เพชรพลอยเป็นวัตถุดิบเป็นจำนวนมาก

เคล็ดมีดสลักเกิดการเปลี่ยนแปลง
เคล็ดมีดสลักได้รับการพัฒนาเป็น เคล็ดมีดสลักแสงจันทร์
มานาจะถูกใช้เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า
สามารถใช้แสงในการจู่โจม
เมื่อมีแสงจันทร์ พลังโจมตีเพิ่มสองเท่า
ความชำนาญของเคล็ดมีดสลักจะถูกถ่ายโอนไปยังเคล็ดมีดแกะสลักแสงจันทร์ โดยที่ระดับความชำนาญจะลดลงไปครึ่งหนึ่ง
เคล็ดมีดสลักแสงจันทร์อยู่ที่ระดับขั้นกลาง(Intermediate) ระดับ 2 (43%)


ได้รับทักษะสลักแสงจันทร์!
ในที่สุดเขาก็เป็นประติมากรแสงจันทร์ที่แท้จริงเสียที
หลังจากจบภารกิจ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจเสียทีว่า

ทำไม อาชีพนี้ถึงได้มีชื่อเรียกว่าประติมากรแสงจันทร์

เมื่อทำงานประติมากรรมสำเร็จ ชิ้นงานก็จะสามารถเปล่งแสงออกมาได้
รูปแกะสลักที่ วีดสร้างนั้นปกคลุมไปด้วยแสงสว่างเช่นกัน

เรื่องที่งานประติมากรรมสามารถเปล่งแสงได้นั้นไม่ได้เข้าใจผิดอย่างแน่นอน

แต่ถ้าหากอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ ก็จะไม่สามารถเห็นแสงที่เปล่งออกมานี้

และหากให้แสงสว่างกับงานประติมากรรมอย่างเหมาะสมจะยิ่งเพิ่ม ความงามให้ชิ้นงาน

หากให้แสงสว่างมากเกินไป งานประติมากรรมที่ออกมาก็จะดูไร้ระดับ

รูปสลักเสร็จสมบูรณ์ภายใต้แสงจันทร์ทางภาคเหนือ!

วีด เก็บรูปสลัก ซอยูนที่ยิ้มแย้มเข้าไว้ในอกเสื้อ


**********************


ดร. ชา อึนฮี เฝ้ามองจอภาพอย่างจดจ่อ ในศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยให้กลับสู่สังคมอันยิ่งใหญ่

เธอดูภาพที่ถ่ายทอดออกมาจาก แคปซูลที่ซอยูนเข้าไปใช้

งานเทศกาลในหมู่บ้านเล็กๆ ทางภาคเหนือ

ผู้คนล้วนแต่หัวเราะเริงร่า ร่วมกันร้องเพลงเต้นรำ
ช่างเป็นบรรยากาศที่ชวนฝันเป็นที่สุด

เป็นบรรยากาศที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้อีกแล้ว

ชา อึนฮี เริ่มกระสับกระส่าย

นี่สินะสิ่งที่พบเจอ เมื่อเดินทางไปกับ ออร์ค คาริชวิ

วีด นักผจญภัยผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ

ถ้ามีโอกาสสามารถเดินทางไปผจญภัยกับ วีดได้ ไม่ว่าใครก็คงไม่ลังเลใจที่จะตอบรับ

ออร์ค นั้นหมกมุ่นในการต่อสู้!

การเป็น ออร์คเพศหญิง แล้วไปลุยดะไปทั่วนั้นเป็นความเพลิดเพลินใจอย่างยิ่ง

ความสุขใจจากการที่สามารถวิ่งพล่านไปทั่วทุกที่ ในเทือกเขามันมากจนบรรยายไม่ถูก

แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ตาม สำหรับ ชา อึนฮีแล้วการผจญภัยในภาคเหนือนั้นดูน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาที่เขาไปถึงหมู่บ้านทางภาคเหนือได้ไม่นาน

ชา อึนฮี อิจฉาพวกเขาทั้งสอง

เล่มที่ 9 ตอนที่ 1 : จบ



**************************

<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

3 ความคิดเห็น: