วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 11 ตอนที่ 1 ดินแดนแห่งแวมไพร์ (The Land of the Vampires)

เล่มที่ 11 ตอนที่ 1 ดินแดนแห่งแวมไพร์ (The Land of the Vampires)

ตอนที่โดยสารอยู่บนหลังค้างคาวแวมไพร์ระหว่างเดินทางไปยังโทเดียมอาณาจักรแห่งแวมไพร์วีดคาดหวังไว้สูงลิบ
“ที่เมืองโทเดียมนี่มันจะต้องมีแต่เงินแล้วก็สมบัติเต็มไปหมดแน่ๆ พวกชนชั้นสูงนั่น... เราจะได้รางวัลตอบแทนวันเวลาที่เสียไปกับการเลี้ยงดูโทริมั้ยนะ”
มองโลกในแง่ดีเวอร์
ตอนที่วีดไปถึงเมืองลอยฟ้าลาเวียส จัดการเดธไนท์และชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ของวิหารแห่งเฟรย่าคืนมาได้นั้น แทนที่จะได้รางวัลเขากลับได้ภารกิจอีกภารกิจจากวิหารแห่งเฟรย่าแทน!
มันเป็นภารกิจที่ให้ไปกำราบฝูงแวมไพร์ภายใต้นามของวิหารแห่งเฟรย่าและนำมงกุฏแห่งฟาร์โก้ซึ่งเป็นโบราณวัตถุที่สูญหายไปกลับคืนมา ตอนนั้นโทริเป็นหัวหน้าของเผ่าแวมไพร์ เป็นมอนสเตอร์บอสระดับ 400 และเป็นลูกน้องของลอร์ดบัลข่านที่เป็นอันเดด
ในขณะที่ตอนนั้นวีดยังมีระดับไม่ถึง 200 ด้วยซ้ำ มีเพียงเขาและอัลเวรอนสองคนช่วยกันปลดปล่อยบรรดานักบวชและพาลาดินที่ถูกสาปให้เป็นหิน ต้องขอบคุณความกล้าหาญของพวกเขาที่ในที่สุดโทริและฝูงแวมไพร์ก็ถูกทำลายลงได้ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดจบ ไม่ใช่เลย
ตอนที่กำหนดทำสงครามกับกองทัพอมตะใกล้เข้ามาวีดออกผจญภัยหลายครั้งเพื่อให้ตนเองเก่งขึ้น เก่งจนสามารถเรียกโทริออกมาท้าสู้และชนะจนได้เป็นเจ้านายของมันในที่สุด
ตอนนี้โทริเชิญวีดไปที่อาณาจักรแวมไพร์ราวกับว่ายอมรับวีดเป็นเจ้านายอย่างแท้จริงแล้ว
รางวัลที่ได้รับจะต้องหอมหวานราวน้ำผึ้งแน่!
แวมไพร์รักความหรูหรา สมบัติ ศิลปวัตถุชิ้นงาม ปราสาทอลังการ ฯลฯ ดังนั้นโทเดียมจะต้องเต็มไปด้วยของพวกนั้นแน่ๆ การที่พวกเขาได้รับเชิญให้ไปในสถานที่แบบนั้นจะต้องเป็นเพราะความหวังดีของโทริอย่างแน่นอน
ตอนที่กำลังหลงอยู่ในจินตนาการอันสวยงามของตนอยู่นั่นเองวีดและทุกคนในปาร์ตี้ก็ต้องตกใจเพราะค้างคาวแวมไพร์ที่โดยสารมากลับมุดลงใต้ดินกะทันหัน พวกเขาถูกพามุดผ่านรูลงไปใต้ดิน และถูกทิ้งลงไปในแม่น้ำสกปรก ปล่อยให้ไหลไปตามกระแสน้ำ
“แหวะ! ถุยๆๆ”
พวกเขาว่ายทวนกระแสน้ำ อ้าปากสูดเอาอากาศเข้าปอดและตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งจนได้ รถลากถูกนำขึ้นบนฝั่งแม่น้ำได้โดยไม่ได้รับความเสียหายด้วยความช่วยเหลือจากเหล่านักดาบ

เมลอนพูดขึ้น
“ว่าแต่เราอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย”
“ไม่รู้สิ ก็ถูกค้างคาวพามาพร้อมกัน”
เพลส่ายหัวตอบ เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะไม่น่าจะเคยมีใครมาที่นี่มาก่อน
เช่นเดียวกับวีดที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตนอยู่ที่ไหน
‘แต่เราน่าจะอยู่ในโทเดียมอย่างแน่นอน’
โทริสัญญาแล้วว่าจะพามาโทเดียม และคำเชิญก็บอกชัดเจนว่าจุดหมายปลายทางคืออาณาจักรแห่งแวมไพร์โทเดียม อาณาจักรของเหล่าชนชั้นสูงแห่งรัตติกาลผู้เป็นเจ้าของงานศิลปะเก่าแก่และอัญมณีกองเท่าภูเขา และหญิงสาวสวยๆ อย่างที่ยากจะพบเจอบนโลกมนุษย์
ดินแดนแห่งพันธะสัญญานี้สามเดือนจึงจะเปิดให้เข้าครั้งหนึ่ง และยังเป็นบ้านของค้างคาวและหนูหลายร้อยล้านตัวซึ่งเป็นข้ารับใช้ของเหล่าแวมไพร์ที่โอบล้อมไปด้วยความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์
สวรรค์ของผู้ถูกสาป
หลังจากที่การเดินทางด้วยค้างคาวแวมไพร์จบลงอย่างกะทันหัน สมาชิกปาร์ตี้ก็พากันเดินเลียบแม่น้ำเน่าน่าขยะแขยงสายนั้น พวกเขาเดินตามกระแสน้ำขุ่นๆ ที่ไหลอยู่ใต้พื้นโลก
เพลที่เดินอยู่หน้าทุกคนเพื่อระแวดระวังภัยพูดขึ้นว่า
“ถ้าเราเดินทวนกระแสน้ำขึ้นไปจะกลับไปโมราต้าได้รึเปล่า”
“คงกลับโมราต้าทางนั้นไม่ได้หรอก” วีดตอบหลังจากครุ่นคิดจนได้ข้อสรุป “โมราต้าไม่ได้เฉียดใกล้ที่นี่เลยด้วยซ้ำ”
แม่น้ำของดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยน้ำเน่าเสียจนแม้แต่ริมแม่น้ำก็ถูกปนเปื้อนจนมองไม่ออกว่าเคยมีพืชอะไรขึ้นบริเวณนั้นมาก่อน มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้แห้งตายกับทรายสีเทาแทนที่จะเป็นสีเขียวของความอุดมสมบูรณ์ที่พวกเขามักเห็นเป็นปกติ ต้นกกที่เน่าเปื่อยส่ายไหวไปมาเมื่อถูกสายลมพัดผ่าน ความเย็นยะเยือกราวกับถูกส่งมาจากท้องฟ้าสีขุ่นของโทเดียม ทิวทัศน์เทียบกับที่โมราต้าไม่ได้เลย
“แปลว่าเรามาถึงอาณาจักรแวมไพร์แล้ว ถูกมั้ย” เพลถาม
“อืม...เช็คดูเพื่อความชัวร์แล้วกัน จงมาแวมไพร์ลอร์ดโทริ!”
วีดพยายามเรียกโทริออกมาเพื่อสอบถามแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ ตอบจากโทริ
วิ้ววว!!
ลมพัดแรงขึ้น
ไม่มีใครรู้สถานการณ์ปัจจุบันว่าทำไมถึงเรียกโทริออกมาไม่ได้ เพลพูดขึ้นอย่างลังเล
“คุณวีด เป็นไปได้มั้ยครับว่าเราถูกหลอกซะแล้ว”
“ไม่มีทาง”
วีดเลือกที่จะเชื่อโทริ ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกเหมือนถูกแทงข้างหลัง แต่ทุกคนก็กำลังสงสัยในสิ่งเดียวกัน
“แต่คุณวีดครับ นี่ดูไม่เหมือนที่พวกเราคิดไว้เลย โทเดียมน่าจะเป็นที่ดีๆ แล้วก็ไม่น่าอยู่ใกล้แม่น้ำเน่าแบบนี้”
“...”
เพลพยายามชี้ให้เห็น
โทเดียมในความฝันของพวกเขา ความเป็นจริงกลับตรงกันข้ามกัน อาณาจักรแห่งแวมไพร์สมควรจะเต็มไปด้วยความหรูหราสง่างามมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทองสูงท่วมหัวแต่ที่นี่กลับเป็นเพียงพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากแม่น้ำเน่ากับท้องฟ้าสีขุ่น
“เป็นไปไม่ได้ มันไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เป็นแบบนี้หรอกน่า!”
วีดยังคงโต้กลับ ปฏิเสธที่จะยอมรับ
นึกไปถึงตอนที่โทริพูดชวน มันพูดเหมือนเป็นรางวัลตอบแทน แต่สิ่งที่เจอนี่ฝืนเรียกว่าของขวัญได้ยากจริงๆ
ไม่มีแม้แต่พระอาทิตย์หรือดวงดาว สายลมที่พัดผ่านก็เจือกลิ่นท่อขึ้นสนิม อาณาจักรแห่งแวมไพร์แตกต่างจากที่พวกเขาจินตนาการไว้ ในที่สุดเซเฟอร์ก็กล่าวขึ้น
“เจอตัวแสบอีกตัวแล้ว”
“...”
“ก็ถูกรังแกประจำ นี่คงจะเป็นการแก้แค้นน่ะแหละ”
“...”
คำพูดของโรมูนะราวกับคมเขี้ยวของหมาป่าที่กัดทึ้งหัวใจวีด แต่ที่เจ็บที่สุดกลับเป็นคำถามดูไร้พิษสงที่มาจากเซอร์กะ
“อุตสาห์มาถึงนี่แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจให้ดูหรอกเหรอเนี่ย”
เขานึกว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นการเดินทางที่ดีเพราะมันเป็นเหมือนการตอบแทนที่ดูแลโทริมาตลอด วีดจึงไม่ได้คิดถึงความเสี่ยงเลยแม้แต่น้อยและยังมาโดยปราศจากไกด์นำทางด้วย วีดพยายามเรียกกำลังใจที่ต่ำติดดินของตัวเองขึ้นมาใหม่
‘แล้วอาณาจักรแห่งทองของเราล่ะ’
จนถึงเดี๋ยวนี้โชคไม่เคยเข้าข้างพอให้เขาได้ผ่อนคลาย ไม่เลยสักครั้ง เขาต้องเอาชนะความขมขื่นตลอดการผจญภัย!
พอมาค่อยๆ พิจารณาสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็นแล้วดูเหมือนว่าการเดินทางมาโทเดียมครั้งนี้จะไม่ใช่การเดินทางที่น่ารื่นรมณ์อย่างที่คิดไว้ เมื่อคิดถึงระดับของโทริกับระยะเวลาที่มันติดตามรับใช้บัลข่าน การจะสร้าง “ความสัมพันธ์อันดี” กับบอสมอนสเตอร์ระดับ 400 ภายในหนึ่งปีดูไม่น่าจะเป็นไปได้
‘ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่เราคิด ที่นี่อันตรายมาก แล้วพวกเราก็ไม่พร้อมเลยด้วย’
ถ้ามอนสเตอร์ที่นี่ระดับใกล้เคียงกับโทริ การผจญภัยครั้งนี้คงไม่เหมือนครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา ความคิดนี้ทำลายจินตนาการและความคาดหวังของวีดลง ตั้งแต่นี้ไปสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือการเอาตัวให้รอด
กฎของโทเดียมอาณาจักรแห่งแวมไพร์ ขอเพียงตายแค่ครั้งเดียวก็จะถูกโยนกลับขึ้นไปที่โลกด้านบนทันที
นี่คือบทลงโทษที่ถือว่าโหดเหี้ยม เพราะแม้แต่บนทวีปเวอร์เซลล์ก็ไม่มีบทลงโทษแบบนี้ คุณจะตายกี่ครั้งก็ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกแบน แต่ที่อาณาจักรแห่งแวมไพร์แห่งนี้คุณมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เมื่อคุณไม่ใช่แวมไพร์ ความตายในโทเดียมจึงหมายถึงการกลับไปเกิดนอกอาณาจักรทันที ถูกเนรเทศอย่างรวบรัดเด็ดขาด โอกาสที่ได้มายากอย่างนี้ไม่ควรเสียเปล่าเพราะคุณไม่รู้เลยว่าจะต้องทำภารกิจอะไรบนทวีปเวอร์เซลล์จึงจะได้มาเยือนที่นี่

แล้วสายตาของวีดก็เยือกเย็นลง
‘ไม่ว่าจะเป็นโทเดียมหรือที่ไหนเราก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เงิน! ต้องกอบโกยเงินให้ได้เยอะๆ!’
ลองคิดถึงเงินพนันก้อนใหญ่ในคาสิโน เหรียญกองสูงที่กระตุ้นความกระหายที่ลึกที่สุดในจิตใจของมนุษย์ ความหลงใหลในเงินทอง เหมือนผีเสื้อกลางคืนที่เสี่ยงตายบินเข้าใส่กองไฟ การมีเงินเป็นเป้าหมายก็เหมือนป้อนอาหารให้กับความกระหายอยาก
‘เสี่ยงเกินไป ถ้ามีฝูงมอนสเตอร์ผ่านมาละก็เกิดวิกฤติแน่ๆ’
ความหวังที่ผุดขึ้นรำไรเมื่อนึกถึงเงินพังทลายลงเมื่อความกลัววาบขึ้นในใจวีด ในโทเดียม วิกฤตินี้อาจจะสามารถหลีกเลี่ยงได้ถ้าวีดตัวคนเดียว แต่นี่เขามีเพื่อนมาด้วยกันหลายคน
“นี่เราอยู่ที่ไหน แล้วจะไปไหนดี”
“แล้วจะกลับยังไงด้วย”
เสียงแหบห้าวสมชายของนักดาบ475 กับนักดาบ503 ดูจะสั่นอยู่นิดๆ
ถูกพามาถึงที่นี่พร้อมความหวังว่าจะได้เห็นแวมไพร์แต่สถานที่ที่มาถึงกลับเป็นที่ไหนก็ไม่รู้แถมยังแปลกถิ่นไม่คุ้นเคย ตอนนี้ถ้ามีมอนสเตอร์โผล่มาพวกเขาคงไม่มีแรงใจจะต่อสู้ อยู่ในภารกิจหรือการผจญภัยอะไรก็ไม่รู้แล้วยังเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอีก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนตาบอดที่ถูกผลักลงแม่น้ำ!
ไม่ใช่เพียงหวาดกลัวเท่านั้น ความสับสนที่มาพร้อมกันด้วยทำให้ทุกคนตกอยู่ในวิกฤติใหญ่

แต่วีดกลับมีหนทางแก้ไขที่แสนเรียบง่าย
“พักกินข้าวกันเถอะ!”
“เย้ๆๆ!”
ความอยากอาหาร!
ทุกคนอยากกินกิมจิ
“ขออะไรอร่อยๆ!”
“มีอะไรหวานๆ มั้ย แบบช็อคโกแลตไรงี้”
“โปะวิปครีมด้วย”
“ใครบ้างไม่อยากกินเนื้อ”
“ถ้ามีเหล้าด้วยก็ไม่เลวเลย...”
เมฆหมอกแห่งความกังวลที่ปกคลุมปาร์ตี้อยู่ในตอนแรกสลายหายไปในทันทีทันใดนั้นเอง สีหน้าดีอกดีใจของพวกเขาดูไปก็คล้ายใบหน้าอวบอ้วนของหมู ทุกคนทำหน้าแบบนี้เหมือนกันหมด
พอกลายเป็นหมู อาหารก็เลยกลายเป็นจุดมุ่งหมายหลัก
แม้ว่าเหล่าผู้ฝึกสอนจะไม่แสดงความต้องการของตัวเองออกมาให้เห็นแต่ก็ดูเหมือนว่าจะคิดไม่ต่างกัน นักดาบ3 นักดาบ4 และ นักดาบ5 ดูพึงพอใจด้วยซ้ำ
“จะทำอะไรให้กินเหรอ”
“ตอนรอต้องเบื่อแน่เลย แต่...อยากกินของอร่อยก็ต้องอดทนเนาะ”
“ข้าวเหล้าๆ!”
“วู้ววว!!!”

ซีชวิครางด้วยความเซ็ง
“จะบ้าตาย ถ้าทุกคนเป็นเหมือนพวกนี้ฉันคงตกงาน”
งานวิจัยทางจิตวิทยาเกี่ยวกับความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ที่เธอทำขึ้นทุกชิ้นคงต้องถูกทิ้งลงถังขยะถ้ามนุษย์ทุกคนเรียบง่ายเหมือนพวกที่อยู่ต่อหน้าเธอตอนนี้!
ตกลงมาในขุมนรกแล้วมานั่งกินข้าวนี่มันไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์ทั่วไปเลยนะเฮ้ย!
แต่ในหมู่คนพวกนั้นก็ยังพอมีคนที่ยังพอมีหวังอยู่บ้างทำให้ซีชวิยังไม่เป็นบ้าไปเสียก่อน เพล เซเฟอร์ และเมลอนเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มคนแห่งความหวังกลุ่มนั้น พวกเขากำลังกลัดกลุ้มกับสถานการณ์
เพลถามเซเฟอร์ด้วยสีหน้าจริงจังมาก
“นายว่าเมนูวันนี้จะเป็นอะไร”
“ไอเทมที่เราได้จากโทเดียมจะเอามาเป็นวัตถุดิบได้รึเปล่า”
“ได้สิ คิดว่านะ”
ฮวารองตบมือด้วยท่าทางดีใจสุดๆ
“คุณวีดทำอาหารอร่อยสุดๆ ไปเลย พวกเราไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
 “…”
ซีชวิกลับมากลุ้มอีกครั้ง
‘นี่พวกเขาก็ไม่ปกติเหมือนกันเหรอเนี่ย’
ตามที่เขียนไว้ในเนื้อเรื่องก่อนเข้าเกม หากอยากจะได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะฮีโร่ที่เสี่ยงอันตรายเพื่อสำรวจดินแดนใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักจำเป็นจะต้องมีความเป็นผู้นำสูง
ไม่ยอมแพ้เมื่อเผชิญวิกฤติ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในจิตใจ
สปิริตที่ไม่มีใครเทียบได้
มิตรภาพที่ไม่แพ้ใคร
ปฏิภานเฉียบไวและการตัดสินใจที่เด็ดขาด
สิ่งเหล่านี้ยิ่งจำเป็นขึ้นไปอีกเมื่อต้องเข้าไปสำรวจอาณาจักรแห่งแวมไพร์ แต่บทสรุปที่เธอได้หลังจากมองดูวีดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาคือเขาช่างไม่สามารถนำไปเทียบเคียงกับฮีโร่ได้เลย ซีชวิยอมแพ้ในที่สุดแล้วพูดขึ้นว่า
“เขาอาจจะได้เป็นหัวหน้าเพราะเลเวล แต่นักดาบพวกนั้นกับฉันก็น่าจะพอวัดฝีมือกับเขาได้นะ!”
ซีชวิ จะว่าไป ก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น

ผ่านไปพักหนึ่งวีดก็ทำอาหารเสร็จ
ซุปเนื้อเต่า!
ตอนออกจากโมราต้าพวกเขาขนวัตถุดิบมาพอจึงไม่ต้องหาเพิ่มอีก ที่วีดต้องทำก็แค่เอามันมาทำอาหารเท่านั้น
“วัตถุดิบที่อยู่ในซุปนี้ก็คือเนื้อเต่า และอาหารจานนี้ก็สื่อถึงการเจริญเติบโต ยามค่ำคืนเมื่อคุณหมอบคลานบนพื้นขอร้องให้มัน ‘ตื่น’ ขึ้นมา แต่เมื่อก้มหน้ามองลงไปมันกลับยังคงมุดหัวอยู่เหมือนเต่า อาหารจานนี้จะช่วย ‘ฟื้นคืนความแข็งแกร่ง’ ให้ท่านชาย... หึหึ ฮ่าๆๆๆ!”
วีดเริ่มกระบวนการเคลือบน้ำตาลให้กับอาหารตรงหน้า เมื่อจบการบรรยายก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นครื้นเครง!
ยึดอาชีพช่างแกะสลักมาได้หนึ่งปีวีดก็เรียนรู้ที่จะสร้างบรรยากาศให้น่าตื่นเต้นขึ้น และการแสดงความมั่นใจก็เป็นสิ่งจำเป็น
‘การเป็นพ่อครัวก็เหมือนกัน กฎคือ อาหารที่อร่อยอยู่แล้วจะอร่อยขึ้นอีกถ้าเราบรรยายรสชาติให้ฟังก่อนกิน’
อาหารจะอร่อยขึ้นอีกเมื่อพ่อครัวแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ

“โอ้ววว เยสส!”
เหล่านักดาบกรูกันเข้าไปตักซุปเนื้อเต่ากิน ขณะที่พวกเขาควรจะคำนึงถึงอนาคตว่าวัตถุดิบอาจจะหมดลง พวกเขากลับกินซุปจนเกลี้ยงไม่เหลือสักหยด
“อึก!”
“รสชาติเยี่ยม!”
พวกเขากินซุปอย่างเอร็ดอร่อย คนหนึ่งกินถึงสามชาม แม้แต่อาณาจักรแวมไพร์อันน่ากลัวก็ทำอะไรความอยากอาหารของพวกเขาไม่ได้ ยิ่งเจอคำว่า ‘ฟื้นคืนความแข็งแกร่ง’ เข้าไป! แม้ว่าเพลและเซเฟอร์จะไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องนั้นแต่ก็ก้มหน้าก้มตากินซุปอย่างขยันขันแข็ง
“Bon appetite… รับรองว่าไม่เหลือสักหยด”
คนที่ถูกเชิญชวนให้กินซุปคนถัดมาคือเมลอน เมื่อคิดถึงทางฝั่งผู้หญิงบ้างคำพูดของวีดก็เปลี่ยนไป
“ก็เหมือนอายุที่ยืนยาวของเต่า ซุปเนื้อเต่านี้สามารถหยุดกระบวนการแก่ตัวลงของผิวได้ถึง 20 วัน...”
“โอ๊ยอยากกิน! รีบทำเลยค่ะ”
“ขอเยอะๆ เลยนะพี่วีด!”
พูดยังไม่ทันจบไอรีนและโรมูนะก็รีบพูดขัดขึ้นมา ขณะที่เซอร์กะอายุยังน้อยจึงไม่ค่อยสนใจเรื่องดูแลผิวนัก แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่ากินเข้าไปแล้วจะช่วยหยุดกระบวนการแก่ตัวลงของผิวได้ถึง 20 วันจริงหรือไม่ เพราะคงไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ แต่การดูแลผิวไม่ว่าจะทำตอนไหนก็จะต้องได้รับรางวัลตอบแทนอย่างแน่นอน!
ต่อให้ถูกหลอกก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยินดีกับสถานการณ์ตอนนี้ เพราะพวกเธอใช้เวลาอยู่ในรอยัลโรดเยอะมาก การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจึงกลายเป็นความสำคัญอันดับสองไปแล้ว แต่อย่างไรก็ยังมีความลังเลหลงเหลืออยู่บ้าง
ราวกับว่ารับรู้ถึงความคลางแคลงใจของพวกเธอ วีดจึงพูดสำทับเพื่อปิดจ็อบ
“รีบกินตอนทำเสร็จใหม่ๆ ต้องตอนนี้เท่านั้นถึงจะได้ผล...”
ได้ยินแค่นั้นสาวๆ ก็รีบกินซุปกันอย่างตะกละตะกลาม

มีเพียงเมแพนเท่านั้นที่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังอันร้ายกาจของซุปหม้อนี้
ช่วงที่กำลังหาซื้อวัตถุดิบมาทำอาหาร
แม้ว่ามันจะเป็นหน้าที่เมแพนซึ่งเป็นพ่อค้าในการหาซื้ออาหารและจัดการเกี่ยวกับการขนส่งระหว่างการเดินทาง แต่วีดกลับเป็นคนตัดสินใจเรื่องวัตถุดิบเพราะส่วนใหญ่เขาจะทำหน้าที่พ่อครัวและรู้ว่าควรจะเลือกซื้ออะไรบ้างเพื่อให้เพียงพอสำหรับทุกคน
“เต่าแค่ 17 ตัวจะพอเหรอ”
วีดพยักหน้า
“พอ มันเป็นวัตถุดิบขั้นสูงก็เลยขายอยู่ตัวละตั้ง 3 เหรียญทอง เราคงกินเท่าที่ใจอยากไม่ได้หรอก”
“แต่กลุ่มของพวกเรามีตั้ง 500 กว่าคนนะ”
“ก็อาจจะ”
“ต่อให้มีสกิลทำอาหารของคุณวีดก็เถอะ ผมยังกลัวว่าเต่าแค่ 17 ตัวจะไม่พอให้กลุ่มเรากับพวกนักดาบกิน”
วีดหัวเราะขึ้นเบาๆ
“เอาเต่าไปทั้งที่ยังเป็นๆ อยู่ก็ลำบากเหมือนกัน จำนวนแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วแหละ”
“จะไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“วันแรกที่ไปถึงอาณาจักรแวมไพร์พวกเราน่าจะโอเค เราค่อยเอาออกมากินวันที่สอง ขึ้นอยู่กับว่าพวกเราจะเจออันตรายอะไรระหว่างทางรึเปล่าด้วย แต่เก็บเอาไว้นานๆ ก็ทำให้เนื้อเต่าลดประสิทธิภาพลง”
“งั้นพวกเราซื้อเต่าไปเยอะๆ ก็ดีกว่าสินะ...”
“ไม่ดี”
“อ้าว”
“ซื้อไปเยอะๆ ถ้าเหลือจะทำยังไง”
“...”
วีดเริ่มเทศนาราวกับเป็นพ่อครัวมืออาชีพ
“อัตราผลกำไรที่จะได้จากอาหารไฮคลาสนี่คิดแล้วเจ็บจี๊ดเลยล่ะ! ทำเกินกว่าที่จำเป็นก็ไม่ดี แล้วก็ไม่แนะนำให้ลงทุนกับวัตถุดิบมากเกินไปด้วย แล้วอะไรแย่กว่ากันล่ะ ระหว่างปล่อยให้พวกอาจารย์ตายเพราะอดอาหาร กับบังคับให้พวกเขาจ่ายมื้อละ 5 เหรียญทอง”
“ไม่ครับ ไม่ดีทั้งสองชอยส์”
กลุ่มนักดาบส่วนใหญ่ยากจนมาก เนื่องจากเงินที่ได้มาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการซื้อหาอาวุธมาเปลี่ยนหรือไม่ก็ไปลงที่เครื่องสวมใส่หมด แล้วแทนที่จะล่าฝูงมอนสเตอร์เพื่อไอเทม พวกเขากลับกำจัดพวกมันแล้วพุ่งไปที่ฝูงต่อไปทันทีเพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นเร็วๆ โดยไม่เก็บของดรอป พวกเขาตื่นเต้นไปกับการล่า ยิ่งท้าทายเท่าไรก็ยิ่งเล่นเกมสนุกเท่านั้น
ดังนั้นการจะให้พวกเขามีเงินพอจ่ายค่าอาหารก็เหมือนบททดสอบอันทารุณชนิดหนึ่ง
“จะปล่อยให้พวกอาจารย์ตายไม่ได้ ยังไงก็ต้องให้พวกเขากิน ดังนั้นเราควรหาซื้อวัตถุดิบถูกๆ มาให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“แต่เรามีเต่าแค่ 17 ตัว หมายความว่าเราต้องปล่อยให้คนอื่นๆ อดกินไปเหรอ”
“ก็ยังพอมีทางอยู่ ช่วงนี้ปลาพอลล็อคราคาตกไม่ใช่เหรอ”
“หือ ก็ตกฮวบเลยล่ะ จากราคาเดิม”
“หาซื้อมาสัก 2,000 ตัว ฉันจะทำซุปเนื้อเต่าด้วยเนื้อปลาพอลล็อค”
“รสชาติมันจะไม่ต่างกันเหรอครับ”
“ซื้อพวกเครื่องเทศ ผงปรุงรส แล้วก็สีผสมอาหารมาให้มากเท่าที่จะซื้อได้ก็แล้วกัน”
ซุปเนื้อเต่าลวงโลก!
แล้ววัตถุดิบหลักของมันยังเป็นเนื้อปลา เมแพนหน้ามืดตาลายขณะที่จิตสำนึกของตนถูกโจมตีอย่างรุนแรง
“ผมคงไม่ได้เป็นคนซื้อใช่มั้ย” (ความหมายแฝง: กุไม่เกี่ยวกับเรื่องชั่วๆ นี่ใช่มั้ย)
วีดตอบเพื่อกำจัดความกังวลของเมแพน
“หือ มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านไง” (ความหมายแฝง: ตั้งแต่ที่มึงกับกุเริ่มถกกันเรื่องนี้ มึงก็กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้วละจ้ะ)
“…”


***************
เมื่อจบมื้ออาหารระดับพลังของปาร์ตี้ก็เพิ่มขึ้น เริ่มจากความแข็งแกร่งและพลังชีวิตที่เพิ่มขึ้นจากอาหารและยังแสดงผลมากขึ้นจากค่าความแม่นยำขั้นสูงของวีด แม้ว่าคุณจะสามารถปรุงอาหารด้วยสูตรที่ได้มาแต่อาหารที่ทำขึ้นมาจะไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็นโฮมเมด และการใช้เครื่องมือในการทำอาหารก็เทียบไม่ได้กับการใช้ ‘มือ’ ซึ่งเป็นพื้นฐานของทุกๆ เครื่องมือ วีดใช้มือในทุกๆ ขั้นตอนของการเตรียมอาหารเริ่มตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบเลยทีเดียว และทุกคนในปาร์ตี้ก็คิดว่าผลที่ได้นั้นคุ้มค่ามาก
ไอรีนเดินมาหาวีด
“พี่วีด อาหารอร่อยมากเลย พี่ทำอาหารด้วยมือแบบนี้ไม่ลำบากเหรอ”
“ทำแบบนี้อร่อยกว่านี่”
แม้แต่เครื่องปรุงวีดก็ใช้มือคนให้เข้ากัน และก็ดูเหมือนว่าพอทำแบบนั้นแล้วจะให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นไปอีก
ถึงไอรีนจะเห็นด้วย แต่ก็อดพูดขึ้นแบบแหยงๆ ไม่ได้ว่า
“พี่ล้างมือครั้งสุดท้ายเมื่อไรเหรอ”
แน่นอนว่าคำถามนี้ถามเล่นๆ เท่านั้น แต่วีดกลับตอบอย่างจริงจัง
“เดือนที่แล้ว หรือสองเดือนที่แล้วละมั้ง พี่ก็จำไม่ค่อยได้...”
“...”
ไอรีนพูดอะไรไม่ออก เริ่มปาดน้ำตาเงียบๆ

“อึกๆๆ”
“ซุปเต่านี่อร่อยจริงๆ เหมือนที่เคยกินเลย”
“อยากกินอีกจัง”
“เอ้าพวกเรา เพื่อการผจญภัย!”
เหล่านักดาบผู้อ่อนต่อโลกกินซุปเนื้อเต่ากันอย่างร่าเริงขณะที่เมแพนและไอรีนหลบออกมายืนคุยกันเบาๆ อยู่ด้านข้าง
“คุณเมแพน ซุปนี่ใส่วัตถุดิบอะไรลงไปอีกบ้างนอกจากเนื้อเต่า”
“เอ่อ...ที่จริงแล้ว ผมขายของที่เราสะสมไว้ไปจนหมดแต่ก็ยังมีเงินไม่พอ”
“เราก็เอาเงินให้แล้วนี่ครับ”
เพลแย้ง ทั้งเขา ไอรีน และเซอร์กะต่างเอาทองที่รวบรวมมาได้ให้เมแพน
“มันเป็นมุมมองของคุณวีดเกี่ยวกับสินค้าน่ะครับ เขาบอกให้ซื้อไว้เยอะๆ แล้วเปลี่ยนมันให้เป็นกำไรทีหลัง”
“หมายความว่าเอาเงินไปซื้อวัตถุดิบหมดเลยเหรอ นั่นจะไม่มากไปเหรอสำหรับวัตถุดิบ”
“ครับ มันราคาถูกแหละ แต่...”
“ซื้อมาจากไหน”
“ในตรอก”
“ตรอก?”
เมแพนเงียบไปนิดหนึ่ง เมื่อสลัดความลังเลทิ้งไปได้ก็พูดขึ้นว่า
“คิดซะว่ามันมาจากจีนก็แล้วกัน...”
“ฮึก!”
ไอรีนน้ำตาท่วม
แม้ว่าอาหารจะหน้าตาน่ากินแต่พอได้รู้ว่าวัตถุดิบจริงๆ คืออะไรก็อาจจะทำให้ความอยากอาหารลดลงแบบถาวรได้ วัตถุดิบที่พวกเขาได้มาเป็นพวกที่ใกล้หมดอายุแล้ว! ของที่ถูกโยนเข้ารถแล้วขนมาในการเดินทางครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นของคุณภาพระดับ 3 หรือ 4 ที่ราคาถูกสุดๆ เท่านั้น
แต่อย่างน้อยเนื้อเต่าที่ผสมลงไปกับขยะพวกนั้นก็ทำให้อาหารที่ทำออกมาให้รสชาติดี ราวกับว่ามันช่วยล้างรสชาติขยะอื่นๆ ออกไป
“ในที่สุด หลังจากกินกันเสร็จแล้วเราก็จะได้เริ่มผจญภัยกันซะที”
วีดเรียกทุกคนมารวมกัน
แคร้ง
นักดาบ409 ชักดาบออกมา
“หึหึหึ! ในที่สุดก็ถึงเวลา”
นักดาบ15 หัวเราะเสียงดัง
“ไอ้พวกแวมไพร์สกปรก พ่อจะเชือดให้ดิ้นเลย”
แววตาของนักดาบทุกคนเปลี่ยนไป พวกเขาแกว่งดาบอย่างไร้ความกังวล ไร้วี่แววของความว้าวุ่นใจ สภาพจิตเปลี่ยนเป็นพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชน!
พวกเขาไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าอีกต่อไป ถ้ามีโผล่มาตัวหนึ่งพวกเขาก็พร้อมที่จะพุ่งเข้าต่อสู้ทันที นั่นก็คือวิถีดาบของพวกเขาเหล่านักดาบ
เซเฟอร์พยักหน้าเงียบๆ
‘วีดคิดถูกจริงๆ ที่เชื่อใจคนพวกนี้’

อาณาจักรแวมไพร์เป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง แล้วนี่ก็เป็นการมาที่นี่ครั้งแรกของทุกคน ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
อุปสรรคใหญ่อุปสรรคหนึ่งในดินแดนแห่งนี้!
พวกเขาไม่มีข้อมูลล่วงหน้าก่อนที่จะมาที่นี่ แล้วยังต้องแก้ไขทุกเรื่องโดยไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้ ถูกบังคับให้ผจญทุกสิ่งโดยลำพัง และยังไม่มีทางเลือกอื่น แม้ว่าพวกเขาจะเคยเผชิญเรื่องทำนองนี้มาก่อนแล้วในทวีปเวอร์เซลส์ที่พวกเขาต้องผ่านการทดสอบ ผ่านการทำผิดพลาด และการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เติบโตขึ้น แต่ความตายในอาณาจักรแวมไพร์หมายถึงการถูกขับออกจากสถานที่นี้ ห้ามพลาด ต้องตื่นตัวอยู่ตลอด เผชิญกับความเสี่ยง และยังต้องรับมือกับความลำบาก
สิ่งเหล่านี้คือนโยบายการใช้ชีวิตของพวกนักดาบอยู่แล้ว พวกเขาผ่านความยากลำบากมาหลายอย่าง และยังมีประสบการณ์กับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เหล่าผู้เชี่ยวชาญในการพุ่งเข้าใส่ก่อนคิดทีหลัง
ราวกับว่าพวกเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายบรรยากาศจึงเปลี่ยนไปทันที ทีละคน ทีละคน ออร่าของทุกคนหนุนส่งกันและกัน
ดินแดนที่ไม่เป็นที่รู้จัก
เหล่านักดาบไร้ซึ่งความเกรงกลัว!
เพลยิ้ม
“ผมก็พร้อมแล้ว!”
เซอร์กะเองก็กำหมัดแน่น
“จัดไป ฉันพร้อมแล้ว!”
สถานที่อันตรายแต่ได้เพื่อนร่วมทางที่พร้อมเสี่ยงตายไปด้วยกันช่วยให้เกิดความมั่นใจในการฝ่าฟันอุปสรรค! เหมือนการผจญภัยในลาเวียส พวกเขาเชื่อมันในกันและกันอย่างไร้ข้อกังขา
วีดเดินเข้าหานักดาบ
“พวกเราอาจจะอยู่ในเขตแดนของแวมไพร์แล้ว ผมไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น หวังว่าอาจารย์จะช่วยเป็นผู้นำให้พวกเราได้”
นักดาบส่ายหน้าเบาๆ
“อาจารย์ไม่รู้จักสถานที่นี้ก็เลยไม่รู้ว่าฝูงมอนสเตอร์จะมีลักษณะหรือพฤติกรรมยังไง อาจารย์คิดว่าให้เจ้านำน่าจะดีที่สุด เจ้ามีสกิลสายสร้างหลายอย่างที่จำเป็นมาก อาจารย์ว่าเจ้าคอยแนะนำพวกเราอยู่ด้านหลังดีกว่า”
“แต่ผมไม่อยากให้ทุกคนเสี่ยงถูกขับออกจากที่นี่...”
“ไม่หรอก จะไม่มีใครโทษเจ้า คนที่รู้มากกว่าคนอื่นควรเป็นคนคอยดูแลรักษาชีวิตของทุกคน แม้ว่าคนๆ นั้นจะรู้มากกว่าเพียงนิดหน่อยก็ตาม”
นักดาบ2 เองก็ช่วยเกลี้ยกล่อม
“ให้เจ้านำน่ะแหละ ข้าว่าดีกว่าให้พวกเราคนใดคนหนึ่งนำ”
วีดมองไปที่นักดาบ3 นักดาบ4 และนักดาบ5
“พวกผู้ฝึกสอนก็เห็นด้วยกับอาจารย์เหรอครับ”
“อือ”
“แล้วแต่เจ้า”
นักดาบ5 ตบไหล่วีดและพูดให้กำลังใจ
“พวกเรามาที่นี่ก็เพราะเจ้าเป็นคนชวน อย่าไปคิดว่ามันเป็นภาระรับผิดชอบหรืออะไร ทำใจให้สบายเถอะ เจ้าหนุ่ม”
คำปลอบโยนอย่างจริงใจภายใต้ความเสี่ยงที่จะได้รับโทษเมื่อตาย
วีดสังเกตสีหน้าของนักดาบ6 ไปจนถึงนักดาบ505 ใบหน้าที่ดูเข้มงวดของทุกคนประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม พวกเขาพยักหน้าให้ แทนที่จะกระหายอยากได้อำนาจ ทุกคนกลับเคารพเชื่อฟังอาจารย์อย่างที่สุด
ในความคิดของเซอร์กะ ไอรีน และโรมูนะ นี่คือฉากอันยิ่งใหญ่ที่แสดงให้เห็นน้ำใจลูกผู้ชาย
“อย่างเท่”
“เริ่มชอบพวกเขามากขึ้นแล้วสิ”
“มีพวกพี่ๆ นักดาบมาด้วยเนี่ยดีจริงๆ เลย”
ขณะเดียวกัน ซีชวิกลับมองพวกเขาในอีกแง่มุมหนึ่ง
‘อืม สามารถใช้อาหารอร่อยทำให้ผู้ฝึกสอนทั้งห้าคนยอมตกลง และรู้ว่าพวกนักเรียนจะต้องยอมตามอาจารย์ ไม่มีใครหัวใสเท่าวีดอีกแล้ว’
นักดาบคนอื่นๆ คิดต่างไปเล็กน้อย วีดนั้นไม่เท่าไร ที่พวกเขาหวาดกลัวที่สุดคืออาจารย์และผู้ฝึกสอนต่างหาก ช่วงที่ฝึกฝนพวกเขาถูกบังคับให้ผลักดันตนเองจนข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ทุกครั้ง ใช้ชีวิตคาบเกี่ยวอยู่บนความเป็นความตายทุกวัน กลัวว่าถ้าพวกเขาพูดอะไรออกไปจะได้ตายด่วนตายรวบรัดกันเดี๋ยวนั้น
‘เมื่อก่อน หลังจากนักดาบ3 ตาย พวกเราก็ถูกบังคับให้ฝึกเช้าทุกวัน สามวันรวด เราแทบไม่ได้นอน...’
‘ตอนที่นักดาบ5 ถูกหนอนฆ่าตาย เขากลับมาแล้วต่อยมันจนแยกไม่ออกว่าที่เปื้อนหมัดจนชุ่มเป็นเลือดใคร... แล้วยังลากซากมันไปมา...’
‘ท่านอาจารย์!! ตั้งแต่อาจารย์เข้ามาเล่นเกมนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ...’
นักดาบคนอื่นๆ คิดว่าให้วีดนำปาร์ตี้นี้จะโชคดีกว่า
วีดหันไปหาเพล
“คุณเพล”
“ครับ”
“รบกวนคุณกับคุณเมลอนช่วยขึ้นไปบนเนินนั้นเพื่อดูบริเวณรอบๆ ให้ทีครับ ถ้าเจอฝูงมอนก็อย่าเพิ่งสู้ให้รีบกลับมาหาพวกเรา”
“แค่ดูใช่มั้ย ได้ ไปกันเลย”
เพลกับเมลอนมุ่งหน้าขึ้นเนินไปด้วยกัน เนื่องจากขอบเขตสายตาของนักธนูที่กว้างไกลกว่าคนอื่นๆ ทำให้พวกเขาสามารถตรวจสอบพื้นที่กว้างได้ในเวลาสั้นๆ เพลกับเมลอนกลับมาแล้ว
“ไม่เห็นตัวอะไรนะ แต่พวกมันอาจจะซ่อนอยู่ก็ได้...”
“สภาพพื้นที่ล่ะครับ”
“พื้นที่รอบๆ แม่น้ำถูกบล็อกด้วยหน้าผาทำให้พวกเราไปได้แค่ทิศทางเดียว เหมือนจะมีทางให้ม้าวิ่งอยู่ คงต้องไปทางนั้น”
“งั้นไปกันเถอะ”
ภายหลังการตัดสินใจของวีดทุกคนในปาร์ตี้ก็เคลื่อนที่ไปตามถนนอย่างระแวดระวัง เมื่อผ่านป่านักดาบก็หันมาถามวีด
“วีด เจ้าเคยจัดการแวมไพร์จำนวนมากมาก่อนใช่มั้ย”
“ครับอาจารย์”
“ถ้าโดนกัดจะเกิดอะไรขึ้น”
“แวมไพร์ที่นี่ไม่เหมือนกับที่เราเคยได้ยินมาครับ ส่วนใหญ่จะแค่ดูดเอาพลังชีวิตกับมานาของเราไปเติมให้ตัวเอง เราจึงต้องระวัง”
“พวกมันมีจุดอ่อนมั้ย”
“พวกมันมีพลังชีวิตและความอึดสูง พลังโจมตีทางเวทมนต์ก็รุนแรง พวกมันไม่ใช้อาวุธ รวดเร็วเหมือนหนูหรือแมลง แล้วยังโจมตีด้วยร่างค้างคาวได้ด้วย” (t/n: ได้ข่าวว่าถามถึงจุดอ่อน...)
“ท่าจะจัดการยากนะนั่น”
“พลังป้องกันก็สูงครับ ยิ่งพวกที่เลเวลสูงนี่ใช้เวทย์คำสาปหรือมนต์ที่รุนแรงขึ้นได้อีก พวกเรามีปัญหาแน่ถ้าเจอเข้ากับพวกนั้นสักตัวตอนที่ไม่พร้อม”
“ลักษณะเฉพาะอย่างอื่นล่ะ”
“พวกมันต่างจากฝูงมอนทั่วไปอย่างสัตว์ป่า โทรล หรือออร์ค แวมไพร์ฉลาดกว่ามาก พวกมันดูแลตัวเองได้ดีและรวมกลุ่มกันเพื่อตั้งแคลนได้ด้วย”
“เฮ่ย! ทำอย่างงั้นก็ได้เหรอ งั้นเราอยู่ห่างๆ ไว้ดีกว่า”
“ครับ”
พวกเขาเดินต่อไปอีกประมาณสิบนาทีท้องฟ้าสีแดงเหนือหัวพวกเขาขึ้นไปก็ถูกปกคลุมด้วยค้างคาวจำนวนนับไม่ถ้วน
“พวกแวมไพร์! ทุกคนอย่าประมาท อย่าลืมว่าแวมไพร์เปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวได้”
คำพูดของวีดเพิ่มความกดดันให้กับทุกคนในปาร์ตี้ เขากำด้ามดาบแน่นขึ้น พวกเขานั่งมาบนค้างคาวตอนที่มาโทเดียมก็จริงแต่ค้างคาวที่เห็นอยู่ตรงหน้ามีจำนวนเยอะกว่าตอนนั้นมาก
แต่ว่าพวกค้างคาวไม่ได้โจมตี
“ต่อไปถ้าเห็นค้างคาวอย่าเพิ่งโจมตี ให้ยกมือขึ้นแล้วดูว่าพวกมันจะเข้ามาหารึเปล่า”
ท้องฟ้าเหนือพวกเขาเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อเหล่าค้างคาวบินผ่านไปตามทางของมัน แล้วกระจายออกไป
“คิกๆๆ”
เมแพนหัวเราะคิกคัก แต่เบื้องหลังรอยยิ้มนั่นเหงื่อเม็ดเป้งกำลังไหลลงมาตามแผ่นหลัง เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างไรถ้าค้างคาวฝูงนั้นโจมตีเข้าใส่ ความรู้สึกตอนที่พวกมันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เรื่อยๆ แล้วสุดท้ายก็ดูดเลือดจนหมดตัว จินตนาการชัดเจนเป็นฉากๆ!
‘ก็เป็นรสชาติของการผจญภัยละนะ’
ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกย่างก้าวกำลังนำพวกเขาเข้าใกล้การเผชิญหน้าเข้าไปทุกที หัวใจของเขาเต้นแรงไปกับความตื่นเต้นของการผจญภัย เพราะเขาคือพ่อค้าคนแรกที่เดินทางออกจากทวีปมายังดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก!
พ่อค้าก็สนุกไปกับเกมเช่นกัน
“ฮู่ววว”
กล้ามเนื้อของนักดาบ9 หดเกร็ง เขาเป็นคนที่ตัวโตที่สุดในหมู่นักดาบ การฝึกฝนอย่างเข้มข้นเปลี่ยนไขมันในร่างกายเขาให้กลายเป็นกล้ามเนื้อได้รูป เขากระหายที่จะได้ต่อสู้ อยากให้ค้างคาวพวกนั้นลงมาใกล้ๆ จะได้ทดสอบความสามารถของตัวเอง!
“เข้ามาสิวะ!”
เขากำด้ามดาบ พร้อมโจมตี! ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไปเขาก็พร้อมจะรำดาบฝ่าเข้าไปในฝูงค้างคาว และนักดาบคนอื่นๆ ก็อาจจะมีความคิดคล้ายๆ กัน เสียแต่ว่าพวกค้างคาวไม่ได้โฉบลงมา
แต่คนแรกที่โจมตีอาจจะเป็นโรมูนะ เพราะเธอเตรียมร่ายเวทย์ใส่มันแล้วถ้าค้างคาวเข้ามาในระยะโจมตี แต่พวกมันกลับบินจากไป
ปาร์ตี้ของวีดจึงเดินทางต่อไปตามทางผ่านเทือกเขาและมาถึงยังเมืองหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยบ้านเรือนที่ประดับตกแต่งอย่งาหรูหราหลายร้อยหลัง บ้านพวกนั้นมีทั้งสวนขนาดใหญ่บางหลังยังมีน้ำพุเป็นของตัวเอง บ้านพวกนั้นดูเหมือนเป็นวิลล่า ถนนหนทางถูกปูลาดอย่างดีและได้รับการดูแลให้สะอาด แต่ที่ล้อมเมืองเอาไว้กลับเป็นกำแพงหนาที่ดูเหมือนว่าไม่สามารถเจาะผ่านไปได้เลย
เล่มที่ 11 ตอนที่ 1 จบ


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

เล่มที่ 10 ตอนที่ 10 โทเดียม (Todeum)

เล่มที่ 10 ตอนที่ 10  โทเดียม (Todeum)

วันนี้เป็นวันที่แวมไพร์ลอร์ด โทริ แจ้งไว้!
พวกนักดาบ เพล ไอรีน ซีชวิ เมแพนและเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆ มารอกันแต่เช้าตรู่ในหมู่บ้านโมราต้า

“นี่สินะหมู่บ้านโมราต้า!”
ในที่สุดเมแพนก็ได้เลื่อนมาเป็นพ่อค้าระดับกลาง  และจากระดับเลเวลของทักษะนั้นทำให้เขาสามารถซื้อขายแร่ธาตุและอัญมณีสำคัญๆ ได้เสียที
พรเล็กๆ ที่มอบให้เหล่าพ่อค้า
รถม้าคันหรู  มันเป็นรถม้าขนของที่ลากจูงด้วยม้าถึง 8 ตัวและสามารถขนข้าวของสินค้าได้จำนวนมากโดยจะไม่เน่าเสียไวเกินไป
“รับซื้ออาหารคร้าบ! เสบียงที่ใช้ในการต่อสู้ก็ซื้อนะ!"
เมแพนซื้อหาเสบียงที่เขาคิดว่าจำเป็นต้องใช้ในการไปโทเดียม
เขาไปทั่วหมู่บ้านโมราต้าเพื่อซื้อหาเสบียงต่างๆ จากเหล่าชาวบ้านและนักผจญภัย มาเก็บไว้ในรถม้าคันหรูนั่น

ในระหว่างนั้น ตัววีดเองก็เร่งรีบหาเงินอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน
“ขายรูปสลักแจ่มๆ คร้าบ!  ซื้อหาไว้แล้วเฮงแน่ๆ!”
รูปสลักที่แกะโดยวีดประติมากรผู้ยิ่งใหญ่!
นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมโมราต้านั้นต่างต้องการของฝาก  ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากเข้าคิวยาวรอซื้อรูปสลักจากวีดอยู่
เด็กหญิงตัวเล็กๆ เอ่ยขึ้น
“คุณลุงคะ หนูอยากได้ชิ้นที่เหมือนกับหอคอยแห่งแสงค่ะ”
วีดยิ้มแย้มอย่างร่าเริงและกล่าวขึ้นว่า
“ชิ้นนั้น 10 เหรียญทองครับผม”
 “เอ๋ แพงจังเลยค่ะ  หนูมีตังไม่พอซื้อ”
  “.........”
เด็กหญิงจากไป เพราะราคามันมหาโหดเกินไป
ลูกค้าคนต่อมา  เป็นคุณยายสูงวัยที่มีเรือนผมสีดอกเลา  เธอเดินเข้ามาหาวีดและเอ่ยว่า
“พ่อหนุ่ม  ยายอยากได้รูปสลักที่เหมือนหอคอยแห่งแสงที่ตั้งอยู่ใกล้ภูเขาน่ะ”
“ได้เลย  ราคา  9  เหรียญทองครับ”
วีดลดราคาให้เธอเล็กน้อย
เขาแพ้ทางหญิงสูงอายุ!

 “อะไรนะพ่อหนุ่ม?”
 “8 เหรียญทอง...”
“รูปสลักแพงแบบนี้เลยเหรอหนุ่มเอ๊ย?   หนุ่มคงไม่หักหาญน้ำใจคนแก่แบบยายหรอก ใช่ไหม?”
“ม...ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ...งั้นซัก 5 เหรียญทองเป็นไงครับ”
“ยายไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก สัก 2 เหรียญเงินเป็นไง!”
“ราคาขนาดนั้นมัน....เฮ้อ ก็ได้ครับคุณยาย”
“น่าจะบอกแบบนี้ตั้งแต่แรกนะหนุ่ม”

เมื่อวีดเห็นรูปสลักถูกหยิบไป น้ำตาก็หลั่งไหลออกมาจากดวงตา
ทักษะประจบสอพลอที่เขามีตั้งแต่เกิด!

จริงๆ ราคารูปสลักที่เขาตั้งไว้นั้นก็เหมาะสมแล้ว
‘แม่งเอ้ย  หาเงินจากรูปสลักนี่ไม่ง่ายเลยวุ้ย’
เงินที่เขาหาได้จากการขายอาวุธและชุดเกราะที่สร้างขึ้นจากสกิลแบล็กสมิทนั้นยังมากกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก
แต่ที่นี่  การซื้อรูปสลักนั้นถูกพิจารณาว่าเป็นของฟุ่มเฟือยจนคนส่วนใหญ่ไม่สามารถซื้อหาได้
จึงมีไม่มากนักที่จะมีใครมาซื้อรูปสลักเป็นของขวัญฝากเพื่อนฝูง เพราะราคาของรูปสลักนั้นพุ่งขึ้นสูงมากเนื่องจากความหายากของมัน

ลูกค้าคนถัดมาเป็นคุณป้าสูงวัยคนหนึ่ง
คุณป้าแผดเสียงถามวีดด้วยคำถามที่แหลมคม
 “ถ้าฉันสั่งทำรูปสลักชิ้นหนึ่ง  ชิ้นต่อไปฉันจะได้ส่วนลดไหม?”
 “นั่นมันค่อนข้างจะ...”
“นายสร้างมันจากเศษไม้ที่หาริมถนนแถวไหนก็ได้    ของแค่นี้มันจะไม่ราคาแพงไปหน่อยรึ?”
เหล่าลูกค้าต่างคิดว่า งานแกะสลักนั้นเป็นของแบบผลิตจำนวนมากและสามารถซื้อหนึ่งแถมหนึ่งได้เหมือนอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต!
รูปสลักนั้นยังคงถูกมองว่าเป็นเพียงของฝากเล็กๆน้อยๆ
นี่เป็นสถานการณ์ที่วีดยังหาทางออกไม่ได้
ไม่ว่าประติมากรผู้ยิ่งใหญ่จะถูกชื่นชมมากเพียงใด แต่ในความเป็นจริงเขาก็ยังหาเงินไม่ค่อยได้อยู่ดี
‘ประติมากรนี่เป็นอาชีพที่แย่โคตรๆ!’
วีดถูกบังคับให้ต้องขายถูกลงๆ แต่ต้องขอบคุณชื่อเสียงที่เขามี ทำให้ยังโชคดีพอที่จะขายได้ในราคาเฉลี่ยชิ้นละ 5 เหรียญทอง

ยูรินนั่งวาดรูปอยู่ข้างๆ
“เข้าคิวด้วย!”
หากเทียบกับวีดแล้ว  มีคนแห่มามุงดูยูรินมากกว่าเสียอีก ที่ต่างกันมากก็คือ เป็นผู้ชายทั้งหมด!
“คุณอยากให้ฉันวาดอะไรเหรอคะ?”
“ใจเย็นๆ นะ...แค่วาดข้อมูลสำหรับติดต่อคุณให้ผมก็เพียงพอแล้วครับได้โปรด”
“นั่นก็ลำบากไปน้า  เดี๋ยวฉันจะวาดอะไรเท่ๆ ให้คุณละกัน”
“ขอบคุณครับ”
มีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่แวะเวียนมาหลายรอบ
“คุณลูกค้าคะ นี่ครั้งที่สามแล้วนะคะ”
“เรียกผมว่าฮานเถอะครับ”
“ถ้างั้น ฮาน  อยากได้ภาพวาดแบบไหนเหรอคะ?”
“ผมอยากได้ภาพที่ยูรินวาดออกมาจากใจครับ  ถ้ายูรินพอใจ ต่อให้เว้นผ้าใบไว้เปล่าๆ ก็ยังได้เลยนะ”
“โอ้ ขอบคุณค่ะ แต่สำหรับอาชีพจิตรกรแล้ว  ฉันไม่ค่อยจะมีเงิน...”
“ผมทราบดี คุณมีปัญหาอยู่ใช่ไหม?  ผมให้เงินคุณ 7 เหรียญทองเลยก็ได้นะ”
ลูกค้าบางรายมอบไอเท็มให้เธอ
“ผมคิดว่าคุณจำเป็นต้องใช้ถุงมือหนังนี่นะ...”
“ผมว่าเป็นเวลาดีที่คุณควรจะได้หมวกใบใหม่นะครับ”

เหล่าบุรุษต่างมามุงดูน้องสาวของเขาอย่างมีชีวิตชีวา   สาวสวยยูริน!
เธอเป็นที่นิยมกว่ารูปสลักของวีดมาก

วีดจำเป็นต้องสร้างรูปสลักชิ้นโต  หรือไม่ก็รูปสลักที่ใช้วัตถุดิบราคาแพงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี    นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องแลกเพื่อสร้างรูปสลักที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม
งานประติมากรรม เป็นสิ่งที่ต้องเสียสละเพื่อพัฒนาเมืองและอาณาจักร!
อย่างไรก็ตาม  เนื่องจากธรรมชาติของรูปสลักชิ้นโตนั้นค่อนข้างมีน้ำหนักมาก จึงยากต่อการขนย้าย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนไม่นิยมซื้อรูปสลักแบบนั้น
รูปสลักดีพอใช้  ขายไม่ได้ราคานัก  เว้นแต่มันจะเป็นระดับผลงานอันยิ่งใหญ่หรือผลงานระดับแม็กนั่ม

อารมณ์ที่บริสุทธิ์ และแรงบันดาลใจเพื่อสร้างผลงานทางศิลป์ที่ยอดเยี่ยม!
ดังนั้นศิลปินที่แท้จริงย่อมจะเลือกทักษะอาชีพด้านแกะสลักในทันที

วีดตกอยู่ในความเสียใจ
‘ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้  เราเล่นสายจิตรกรยังจะดีกว่าเสียอีก’  (tlnote: ไม่เกี่ยวกับอาชีพหรอกวีด  มันอยู่ที่ หน้าตาเฟ้ย หน้าตา!)

การได้หมกมุ่นตนเองในชิ้นงาน และภาคภูมิใจกับผลงานที่เสร็จสิ้นนั้นทำให้เขาได้สัมผัสถึงความสำเร็จ!
แต่อย่างไรมันก็ไม่อาจเทียบได้กับความรู้สึกของคนที่ได้นั่งเลียนิ้วแผล่บๆ ระหว่างนับเงินเป็นเป็นล้านๆ วอน
เขาเป็นประติมากรที่คิดแต่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
แทนที่วีดจะพยายามขายรูปสลักชิ้นใหญ่ชิ้นโต  แต่ดูเหมือนว่าการขายอาหารให้ผู้คนที่กำลังซื้อภาพวาดนั้นจะดีกว่าและง่ายดายกว่ามาก
.
.
.
ในที่สุดก็รวบรวมเสบียงอาหารได้ครบถ้วน
เมแพนเดินเข้าหาวีดและกล่าวขึ้น
“คุณวีด พร้อมแล้วครับ”
“แล้วท่านอาจารย์กับพวกนักดาบล่ะ?”
“พวกเขากำลังรออยู่ที่ลานกลางเมืองน่ะ”
“ถ้างั้นเราไปกันเลยไหม?”

วีดเก็บข้าวของที่ตั้งไว้
“วันนี้ใครกำลังรอซื้อรูปสลักอยู่เดี๋ยวคราวหน้าผมจะลดราคาให้นะ”
“เอ๋  เราก็ไม่ได้รอนานเท่าไหร่นะ  แค่ประมาณ 20 นาทีเอง”
“ฉันอยากได้จริงๆ นะ”
ผู้คนที่กำลังยื่นรอคิวรับรูปสลักต่างให้อภัยเขาที่ทำให้รอเก้อแม้ใบหน้าจะดูผิดหวังอยู่บ้าง

“งั้น เมแพน  รอตรงนี้สักครู่นะ”
“ครับ?  อ่า โชคดี”
หลังจากขอให้เมแพนรอ  วีดก็เดินไปที่โรงนา  จากนั้นเขาก็หยิบเกราะแห่งทัลร็อก ออกมา
ชุดเกราะชิ้นใหม่ซึ่งสร้างขึ้นจากแร่มิทธิล
เมื่อวีดสวมใส่มัน  ชุดเกราะก็เพิ่มโบนัสค่าสถานะที่เหมาะสมให้เขา
เขาสวมใส่ชุดสีดำล้วน  เกราะสีดำ ผ้าคลุมสีดำ  ราวกับเป็นอัศวินดำ!
ต้องขอบคุณทักษะแบล็กสมิทขั้นกลางที่ทำให้เขาสามารถสวมใส่ชุดเกราะของอาชีพอื่นได้แม้จะเป็นประติมากร
วีดออกมาจากโรงนาพร้อมกับชุดเกราะเต็มยศและปรากฏกายบนถนนของโมราต้า
***
 “ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย”
“ข้าไม่คิดงั้นว่ะ”
“ยังไงกันวะเนี่ย?”
“ไม่มีทางน่า”
รูปลักษณ์ของวีดนั้นค่อนข้างจะเหลือเชื่อเกินไป
นักรบระดับสูง
เขากำลังสวมเสื้อเกราะที่สร้างขึ้นจากแร่มิทธิล
“ชุดเกราะแบบนั้นมีข้อจำกัดเลเวลสูงมาก”
“เขาต้องเป็นผู้เล่นระดับสูงแน่”

มุมมองที่คนอื่นๆ มองวีดนั้นเปลี่ยนไป
วีดคนที่ใช้มีดแกะสลักชิ้นไม้หรือก้อนหินอยู่ข้างถนนมาหลายวัน และตอนนี้เขาเป็นศูนย์กลางของความอิจฉาและความสนอกสนใจ
เขาเดินผ่านฝูงชนมายังที่ที่เมแพนรออยู่
“โทษที่ให้รอนะ ปะ ไปกันเถอะ”
“ฮะ? อะครับ!”
เมแพนเดินตามวีดไปหายูรินซึ่งกำลังคอยอยู่
‘ที่วีดทำแบบนี้ต้องมีความหมายลึกๆ บางอย่าง’

เมแพนรู้สึกได้ถึงสายตารุ่มร้อนที่เต็มไปด้วยความอิจฉาอย่างไม่ลดละ
เกราะของวีดเป็น เกราะที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ซึ่งดูดซับแสง มันเป็นไอเท็มที่หรูหราและโดดเด่นซึ่งมีนักผจญภัยเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ได้ครอบครอง และยากจะได้พบเห็น
“เขาต้องเป็นคนมีชื่อเสียงแน่”
“จริงเหรอ  เขาเป็นใครกันแน่วะ”
“บางทีเขาก็ดูคล้ายๆ ประติมากรตะกี้อยู่หน่อยๆ นะ?”
“ไม่มั้ง  เรารู้สึกว่าเค้าดูคล้ายๆอยู่ แต่...”
“เหมือนกันจริงๆนะ”
“น่าจะใช่ประติมากรวีดนะ”

คำกล่าวที่ว่า คนที่คล้ายคลึงกันมักไปที่เดียวกันหรือทำสิ่งต่างๆ เหมือนกัน นั้นไม่ผิดเลย
คนอื่นๆ แทบจะจำไม่ได้เลยว่านั่นมันเป็นใบหน้าของวีด
ใบหน้าที่แสดงออกถึงความอัตคัดขัดสนและความต้องการ!

วีดนั้นดูเรียบๆ ธรรมดาๆ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายที่คนอื่นๆ จำเขาไม่ค่อยได้
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของฝูงคนอื่นๆ ก็แตกต่างกันไป
“เกราะนั่นต้องเป็นของปลอมแน่ๆ”
“อืม บางทีมันอาจจะแค่ชุบผิวด้วยมิทธิลอย่างเดียวละมั้ง”
“ไม่เห็นจะดูดีขนาดนั้นเลย”

วีดและเมแพนเพิกเฉยต่อปฏิกิริยาของผู้คนเบื้องหลังและเดินไปหายูริน
“ยูริน ไปกันเถอะ”
ยูรินมองขึ้นมาระหว่างที่กำลังวาดภาพ
“ค่ะพี่!  เอ๊ะแต่ชุดของพี่....”
“หือ?”
วีด กวาดตามองชุดของตนเองอย่างช้าๆ
“ทำไมเหรอ?  หรือเป็นเพราะพี่กำลังใส่ชุดเกราะของทัลร็อก?”
“โอ้ ไม่มีอะไรค่า  มันก็แค่ดูพิเศษนิดหน่อย...”
"...."
อวดชุดเกราะของตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง!
จริงๆ แล้ว ที่วีดสวมชุดเกราะนี่ก็เพื่อต้องการให้น้องสาวรู้สึกภูมิใจในตัวเขา

วีด เมแพน และยูริน เดินไปที่ศูนย์กลางหมู่บ้าน ซึ่งมีผู้คนกำลังเม้ามอยกันอยู่
“เธอเห็นที่ลานโล่งนั่นไหม?  พวกเขาเตรียมไปล่าที่ไหนกันนะ?”
“ปาร์ตี้นั่นมี ออร์ค พ่อค้าระดับสูง แล้วก็พวกนักดาบ...ภารกิจอะไรกันนะ?”
“ได้ยินมาว่า ประติมากรวีดก็กำลังมาเหมือนกัน”

พวกเขาเคยเห็นการต่อสู้กับมังกรโครงกระดูกที่ฉายออกทีวีมาแล้ว
กลุ่มบุรุษที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามซึ่งเข้าโรมรันในการต่อสู้ระยะประชิดตัว   พวกเขาใช้เพียงดาบ  
ไม่มีใครไม่รู้จักพวกนักดาบ
หลายคนมีชื่อเสียงเนื่องจากไปท้าทายผู้คนเพื่อเสาะแสวงหาวิถีแห่งศิลปะการต่อสู้
ตอนนี้  ความสนอกสนใจของผู้คนต่างเพ่งมาที่นี่ เนื่องจากพวกนักดาบได้มารวมกันอยู่ที่โมราต้าและต่างพร้อมจะมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง
“ดูเสบียงมหาศาลนั่นสิ!”
“หรือว่ามีสถานที่ล่าใหม่ใกล้ๆ โมราต้า?”
“อาจจะมั้ง ไม่รู้เหมือนกัน”

ถ้าหากคุณมาที่หมู่บ้านโมราต้าในแดนเหนือได้  เช่นนั้นคุณก็ไม่ใช่ผู้เล่นใหม่แล้ว
พวกเขาเกือบทั้งหมดต่างสังเกตเห็นและสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น
พวกเขาสังเกตเห็นสัญญาณประหลาดๆ ซึ่งเกิดขึ้นในหมู่บ้าน

เสบียงจำนวนมหาศาลที่พวกนักดาบกำลังกักตุนไว้!
และยังมีปาร์ตี้ของเพลที่สวมใส่อาวุธและชุดเกราะอย่างดีจนเห็นได้ชัด
ความจริงอย่างที่สามที่เรียกความสนใจได้มากยิ่งกว่าสิ่งใดก็คือ
เผ่าพันธุ์ใหม่!  ออร์ค!
ออร์คนั้นสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ และพวกมันเดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้าน  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นมัน

“น่าเกลียดจริงๆ แฮะ”
“ดูก้นนั่นสิ  เดินแต่ละที อย่างฮาเลย”
“ใหญ่กว่าหัวตูอีก!”
ซีชวิ รู้สึกดีอกดีใจ
มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากขึ้นเพราะคนอื่นๆ สามารถเข้าถึงเธอได้ง่ายกว่าตอนที่มีภาพลักษณ์สวยงามเย็นชาเหมือนราชินีน้ำแข็ง
“ดูนั่นสิ! ชวิชวิต ชวิต!”
“เสียงขึ้นจมูกนั่น!”
วีด เมแพน และยูริน เดินมาถึงศูนย์กลางของลานโล่งและพบว่าที่นั่นเต็มไปด้วยฝูงชนมุงดูกันนับพันคน
ซึ่งเป็นเพราะข่าวลือต่างๆ นั่นเองจึงทำให้ผู้คนจากทั้งโมราต้ามารวมกัน

คนกลุ่มอื่นๆไม่ว่าจะเป็นนักผจญภัย, นักเดินทาง, นักล่า, นักบวช หรือ นักกวีต่างก็จับตาดูว่าพวกเขาจะไปที่ไหน
การเป็นจุดสนใจของผู้อื่นแบบนี้ทำให้เซอร์กะรู้สึกอึดอัด
“คนพวกนี้นี่ก็มองพวกเรากันซะจริง”
เซอร์กะหลบออกไปด้านข้างและแอบอยู่ด้านหลังไอรีน  เธอไม่เคยที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่มีคนจำนวนมากมาให้ความสนใจเธอแบบนี้ได้มาก่อน
“นี่มันยังน้อยกว่าคนที่โรเซ็นไฮม์นะ  แต่จำนวนมันก็เพิ่มขึ้นเร็วมาก”
พวกเขาต่างก็เห็นด้วยกันทุกคน
“ใช่แล้วล่ะ  มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ กับความรู้สึกที่ได้สำรวจพื้นที่แห่งใหม่ในทวีปน่ะ?”

โมราต้าเป็นเมืองสำคัญในดินแดนทางเหนือ!
ในแต่ละวันมีผู้คนกว่าพันคนมายังที่แห่งนี้  และทุกครั้งพวกเขาต่างก็พากันไปผจญภัยยังพื้นที่ล่าใหม่ๆ
ผู้คนต่างให้ความสำคัญต่อการสำรวจทางเหนือและจำนวนคนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  พวกจากภาคกลางต่างพากันมาที่ดินแดนทางเหนืออย่างกระตือลือร้น  และอีกไม่นานจำนวนคนในภาคเหนือก็จะมีจำนวนเทียบเท่ากับที่อื่นๆได้
ตอนนี้มีผู้เล่นอยู่ที่ดินแดนทางเหนือประมาณ 50,000 คน  เมื่อพิจารณาถึงขนาดของทวีปแล้วจะเห็นได้ว่ายังมีพื้นที่ๆยังไม่ได้รับการสำรวจอีกเป็นจำนวนมาก   ผู้คนต่างพากันจัดตั้งปาร์ตี้เพื่อทำภารกิจ, ออกล่า หรือ ออกไปผจญภัย  และก็ยังมีคนอีกบางส่วนที่รวมกลุ่มอยู่ในเมืองเพื่อแบ่งปันข้อมูล  ส่วนคนอื่นๆนั้นก็มีบ้างที่รีบรุดมายังโมราต้าเพื่อเที่ยวชมทิวทัศน์

วีดมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยถามขึ้นว่า
“ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะไปกันรึยัง?”
“พร้อม”
“แน่นอน!”
ฮวารยองและเซเฟอร์ตอบด้วยความมั่นใจ
เพลแตะบ่าของเมลอนอย่างแผ่วเบาพร้อมกับพูดว่า
“ไม่ว่าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้น ผมจะปกป้องคุณเอง”
“ชั้นเชื่อใจคุณเสมอค่ะ เพล”

โรมูนะ, ไอรีน และเซอร์กะ ก็พร้อมแล้วเช่นกัน
ความรู้สึกตื่นเต้นในทรวงอกและหายใจแทบจะไม่ทันนั้นเกิดขึ้นแทบจะทุกครั้งที่พวกเขาได้ออกล่าไปกับวีด
นัยน์ตาของไอรีนเปล่งเป็นประกายในยามที่เธอครุ่นคิด
‘เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ออกล่าร่วมกับวีด มันจะต้องมีอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นทุกทีเลยสิน่า’
พรีสอย่างเธอรู้สึกเสียใจทุกครั้งไปที่มีใครสักคนต้องเสียชีวิตไป
อัตราการล่าของวีดนั้นเร็วกว่าปกติทั่วไป 2-3 เท่า  แต่ความเร็วนั่นก็ให้ผลตอบแทนที่ดีเสมอมา
‘ชั้นจะต้องทำหน้าที่ของชั้น... เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครตาย’

ในทางกลับกัน กลับไม่มีใครในเหล่านักดาบที่รู้สึกประหม่าเลยซักคน
“อะแฮ่ม! มันต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะออกเดินทางสินะ”
"ถ้ายังมีเวลาอีกซักพัก  ทำไมเราไม่ไปหาอะไรกินกันก่อนล่ะ?"
วีดส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ใช่อย่างนั้น พวกเรากำลังจะไปกันแล้ว”
พวกเขากำลังจะออกเดินทางกัน
เหล่าผู้สังเกตการณ์ต่างก็เฝ้าดูและพากันดาดเดาว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรกัน
ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสของหมู่บ้านก็รี่เข้ามาหาวีด

“ท่านเจ้าเมือง (Count)!"
นั่นเป็นคำที่ผู้อาวุโสของหมู่บ้านได้ใช้เรียกวีด
"ตะกี้ผู้อาวุโสพูดว่า เจ้าเมือง?"
"ผู้อาวุโสเรียกชายคนนั้นว่าท่านเจ้าเมืองงั้นเหรอ?"
ความประหลาดใจของพวกที่มาสังเกตการณ์ได้พุ่งทะยานขึ้นสูง
มีผู้เล่นได้เป็นเจ้าเมืองโมราต้า!
และที่น่าตกใจขึ้นไปอีกก็คือการที่ผู้อาวุโสเรียกเขาคนนั้นว่าท่านเจ้าเมือง
“เราไม่เชื่อหรอก!”
“พวกประติมากรน่ะไม่เคยมีใครได้เป็นบารอนหรือรองเจ้าเมืองมาก่อน  แต่นี่เรากำลังพูดถึงตำแหน่งเจ้าเมืองเลยนะ”
"ถ้าเขาเป็นเจ้าเมืองโมราต้า นั่นก็หมายความว่าเขาเป็นผู้ปกครองของดินแดนแถบนี้ทั้งหมด "
วีดมองไปรอบๆพร้อมทั้งตอบกลับว่า
“ท่านผู้อาวุโส การเจ้ากี้เจ้าการของท่านนั้นจะทำให้ยามรักษาการณ์หมู่บ้านลำบากเอาได้”
วีดเลียนแบบบุคลิกเหมือนตัวละครดราม่าในประวัติศาสตร์
เจ้าเมืองนั้นเป็นหนึ่งในตำแหน่งสูงสุดของชนชั้นสูง  พวกเขามีอำนาจสูงกว่าแทบจะทุกคนในอาณาจักร
ผู้อาวุโสเอ่ยออกมาว่า
“อาหารในหมู่บ้านแทบจะไม่มีเหลืออีกแล้ว”
"..."
“เนื่องด้วยจำนวนของนักเดินทางและประชากรที่เพิ่มขึ้นทำให้พื้นที่ที่มีอยู่ไม่เพียงพอ  เราจำเป็นต้องทำการขยับขยาย  ท่านจำเป็นที่จะต้องสร้างตลาดนัดแลกเปลี่ยนเพื่อการพัฒนาการเชิงพานิชย์ของร้านค้าของชำและการแลกเปลี่ยนสิ่งทอ”

วีดรับฟังเรื่องราวไปพร้อมทั้งตระหนักได้ว่านี่เป็นเรื่องอันตรายเรื่องหนึ่ง
ข้อสรุปที่เขาได้มีเพียงหนึ่งเดียว
‘เงิน! ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือเขากำลังขอเงินจากเรา’
ผู้อาวุโสของหมู่บ้านกำลังปาดน้ำตาอยู่พอดี
“พวกเราต้องการเงิน  เราต้องมีเงินมากกว่านี้เพื่อลงทุนในสิ่งปลูกสร้างและซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนในเมือง”

เซเฟอร์และเพลรู้สึกแย่แทนผู้อาวุโสท่านนี้
‘นี่มันเรื่องมหาหินชัดๆที่จะมาเรียกร้องเอาเงินจากวีดด้วยเรื่องพวกนี้’
‘มันเป็นไปไม่ได้หรอก  ให้ไปงมหาปลาวาฬจากบ่อน้ำยังจะมีโอกาสสำเร็จมากกว่ามาขอเงินจากวีดเสียอีก’
มันน่าจะดีกว่านี้ถ้าผู้อาวุโสของหมู่บ้านจะไปคุยกับเมแพนแทนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้  พวกพ่อค้ามักจะมีเงินเก็บที่จะสามารถเอามาใช้ได้ อย่างน้อยก็ซัก 1,000 เหรียญทอง  แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

“โธ่! ทำไมท่านไม่บอกแต่แรกล่ะว่าท่านต้องการเงิน?”
วีดถอนใจเฮือกใหญ่ออกมาพร้อมทั้งเปิดเป้ของเขา  เขานำเงินทั้งหมดของเขาออกมา
ด้วยการใช้สอยทีละน้อยเท่าที่จำเป็น ทำให้เขาเก็บเงินได้ 30,000 เหรียญทอง  และจากการขายสมบัติเงินทองที่ได้จากอาณาจักรนิลฟ์เฮมนั้น ทำให้เขามีรายได้อีก 230,000 เหรียญทอง
นั่นแปลว่าเขามีเงินทั้งหมด 260,000 เหรียญทอง
เขาส่งเงินทุกเม็ดไปให้แก่ผู้อาวุโสของหมู่บ้าน
“ถ้าท่านต้องการล่ะก็ จงใช้เงินนี้ให้เต็มที่เพื่อประชากรของหมู่บ้าน”
“มัน เอ่อ  มันจะดีเหรอขอรับ? จำนวนเงินที่มากขนาดนี้มัน..”
“แน่นอนอยู่แล้ว  มันเป็นความรับผิดชอบของท่านในการพิจารณาถึงความต้องการของชาวโมราต้า”
“ขอบคุณ  ขอบคุณท่านเจ้าเมืองเป็นอย่างมากขอรับ”

ตริ๊งง!
เงินลงทุนจำนวนมหาศาลที่โมราต้า
เงินลงทุนนี้จะช่วยนำโมราต้ากลับไปสู่คืนวันอันรุ่งเรืองเหมือนในยุคของอาณาจักรนิลฟ์เฮมโบราณ!
ความรุ่งเรืองในอดีตได้ถูกสายลมแห่งกาลเวลากัดกร่อนจนเหลือแต่ความอดอยากและแห้งแล้ง ทิ้งไว้แค่เพียง
แค่ประชากรและบ้านช่องที่ผุพัง
แต่ด้วยเงินลงทุนก้อนใหม่นี้จะช่วยเป็นพื้นฐานให้ประชากรเป็นพลเมืองที่ขยันหมั่นเพียร
§  ผลผลิตเพิ่มขึ้น 30% ตลอดระยะเวลา 3 เดือน
§  พื้นที่ของหมู่บ้านจะขยายออกมากขึ้น
§  สามารถใช้ปราสาทได้
§  อัตราการเติบโตของประชากรได้รับการพัฒนา
สิ่งปลูกสร้างจะได้รับการก่อสร้างทันทีโดยขึ้นอยู่กับลักษณะเด่นของโมราต้า
บาร์(Bar) :
ช่วยเพิ่มภาษีรายได้และความพึงพอใจของพลเมือง  ทว่าให้ผลในทางตรงกันข้ามต่อความปลอดภัยของสาธารณะชน
โรงตีเหล็ก (Blacksmith) :
ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีให้กับเมือง  ช่วยเพิ่มผลผลิตให้แก่ผู้อยู่อาศัย
ตลาดแลกเปลี่ยน (Trading Post):
สถานที่ที่คุณสามารถแลกเปลี่ยนสินค้ากับพ่อค้าคนอื่นได้  ช่วยเพิ่มภาษีรายได้และสิ่งของที่เมืองต้องการ
โรงแรม (Inn):
สถานที่พักแรกของนักเดินทาง  ซึ่งช่วยให้เหล่านักเดินทางมีความสุขกว่าการถูกทิ้งไว้ในหมู่บ้าน
สิ่งทอ (Textiles) :
ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของโมราต้าในการการถักทอผ้าและการฟอกหนังสัตว์จะช่วยเพิ่มปริมาณหนังสัตว์และภารกิจที่เกี่ยวของกับสิ่งทอ
หน่วยเฝ้ายาม (Vigilantes) :
ประชากรจะมีการรวมกลุ่มกันเพื่อคุ้มครองความปลอดของสาธารณะ  ความสามารถของพวกเขาไม่สามารถต่อกรกับพวกมอนสเตอร์ได้แต่ทว่าเพียงพอต่อการจับกุมเหล่ามิจฉาชีพลักเล็กขโมยน้อย  การช่วยเหลือด้านความปลอดภัยของสาธารณะชนนี้มีส่วนช่วยให้การพานิชย์มีการพัฒนายิ่งขึ้น
สมาคมทหารรับจ้าง (Mercenary Guild) :
สำรวจพื้นที่รอบๆหมู่บ้านและคอยมอบภารกิจในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ให้อย่างสม่ำเสมอ  ค่าใช้จ่ายของสมาคมหลักๆมาจากภาษีของเมือง  เมื่อสมาคมประสบความสำเร็จจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยแก่สาธารณะพร้อมทั้งได้รับชื่อเสียงอีกด้วย
วิหารแห่งเฟรย่าขนาดเล็ก (A small Church of Freya) :
สถานที่ๆให้เหล่าผู้ศรัทธาในวิหารแห่งเฟรย่ามาสวดภาวนา  สิ่งก่อสร้างนอกรีตจะไม่สามารถสร้างขึ้นในหมู่บ้านได้
ด้วยพรจากองค์เทพีเฟรย่า  ประชากรจะปลูกข้าวได้ดียิ่งขึ้น  ตอนนี้คุณสามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นได้แล้ว ข้อพึงกระทำในการบำรุงรักษา (Proposed Maintenance) – เมื่อหมู่บ้านมีอสังหาริมทรัพย์ที่เพียงพอเมื่อไหร่ก็จะสามารถกำหนดระดับภาษีและงบประมาณสำหรับการพาณิชย์, กลาโหม, เทคโนโลยี, ความมั่นคง และนโยบายการเพิ่มประชากรได้
ตอนนี้งบประมาณครึ่งหนึ่งถูกใช้ไปกับการพัฒนาภูมิภาคโดยรอบและ  งบประมาณของรัฐยังคงเหลืออีกครึ่งหนึ่งที่ต้องทำการจัดสรร
คุณสามารถลดขอบเขตการปกครองในภูมิภาคลงได้เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณเงินในการลงทุน
ทว่าจงพึงระลึกไว้ว่า การพัฒนาหรือการขยับขยายเมืองจะช่วยเพิ่มอำนาจการปกครองให้สูงขึ้น  ค่าสถานะที่ส่งผลต่อการเมืองระดับท้องถิ่นจะถูกสร้างขึ้นมา
หลักจากการพัฒนาผ่านขั้นตอนแรกไป คุณจะสามารถเก็บภาษีได้  หากคุณลงทุนในด้านสังคมสงเคราะห์มากจนเกินไป จริงอยู่ที่ความพึงพอใจของประชากรจะเพิ่มขึ่น ทว่าเมื่อเมืองเกิดการขาดดุลมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อไหร่  ตำแหน่งเจ้าเมืองของคุณก็อาจเป็นง่อนแง่นได้
วีดจัดสรรเงินลงทุนจำนวนมากให้แก่การขยับขยายโมราต้า  มันเป็นปัจจัยพิ้นฐานที่สำคัญที่หมู่บ้านจำเป็นต้องมี เหมือนๆกับที่เมืองใหญ่ๆในส่วนกลางของทวีปมีกัน

ผู้อาวุโสพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งกล่าวว่า
“อย่างที่ท่านเจ้าเมืองทราบ  ครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนได้รับการจัดสรรแล้ว  คำถามก็คือท่านประสงค์จะทำเช่นใดกับเงิน 130,000 เหรียญทองที่เหลือ  คำถามแรกก็คือ ท่านต้องการลงทุนกับการบำรุงรักษาหมู่บ้านเป็นจำนวนเท่าไหร่ขอรับ?”
เงินจำนวนนี้จะถูกใช้ในการซ่อมแซมและก่อสร้างบ้านเรือนหรือถนนหนทางภายในหมู่บ้าน  หากปราศจากสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานแล้ว ความพึงพอใจของประชากร, การค้า และความมั่นคงก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก  ดังนั้นแล้วการพัฒนาสาธารณูปโภคเหล่านี้จึงมีส่วนช่วยในการพัฒนาเมืองบ้างไม่มากก็น้อย

เมื่อพิจารณาถึงปริมาณของอาคารบ้านเรือนแล้ว วีดจึงตอบไปว่า
"10,000 เหรียญทอง!"

- เงิน 10,000 เหรียญทองถูกนำไปลงทุนในการบำรุงรักษาเมือง

เขามีเงินแค่ 130,000 เหรียญทองให้ใช้  สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผู้อาวุโสของหมู่บ้านจะไม่ยอมทำอะไรกับเงินลงทุนเล็กๆน้อยๆแค่นี้หรอก
“บ้านหลังนึงใช้ 100 เหรียญทองก็น่าจะพอ”
เขาพิจารณาแล้วว่านั่นเป็นปริมาณที่น่าจะเพียงพอสำหรับประชากร ณ ปัจจุบันนี้  การที่ต้องมาใช้เงินที่เขาเก็บหอมรอมริบมาจนถึงตอนนี้กับเรื่องพวกนี้ทำเอาเขาอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด

ผู้อาวุโส ถามมาอีกครั้ง
“แล้วท่านต้องการจะลงทุนในด้านการรักษาความปลอดภัยของเมืองเป็นจำนวนเท่าไหรหรือขอรับ ท่านเจ้าเมือง?”
หน่วยงานรักษาความปลอดภัยช่วยลดอัตราการเกิดอาชญากรรมภายในหมู่บ้านลง
มันมีส่วนเกื้อกูลต่อความพึงพอใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก
หากมีอาชญากรรมเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็เป็นที่แน่นอนว่าเศรษกิจและอุตสาหกรรมจะไม่เติบโต
มันเป็นความเรื่องระดับชาติเลยทีเดียว
และในภาวะสงคราม ก็เป็นไปได้ที่ประชากรจะถูกเกณฑ์ทหารด้วยเช่นกัน
มันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความมั่นคงของส่วนรวม  ซึ่งชุมชนที่มีอัตราของอาชญากรรมสูงย่อมไม่มีใครอยากมีส่วนร่วมในเรื่องของความมั่นคงของส่วนรวมเท่าไหร่
วีดเอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง
"300 เหรียญทอง "
มันเป็นเงินลงทุนขี้ปะติ๋วอะไรขนาดนี้!
เงินจำนวนนี้นับว่าน้อยมากๆ  แต่ต้องขอบคุณเหล่าผู้รักษาสันติสุขจากวิหารแห่งเฟรย่าที่ทำให้การตัดสินใจของวีดครั้งนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่เท่าไหร่นัก

“ท่านต้องการจะลงทุนเท่าไหร่ในด้านกองทัพ?”
เมื่อไหร่ก็ตามที่ดินแดนแผ่ขยายออกไป  เรื่องของการเมืองและอำนาจทางการทหารก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวกัน โดยที่ทางกองทัพจะเป็นเป็นผู้จัดการณ์เหตุการณ์ภายในโมราต้า  ทางกองทัพจะเป็นผู้ฝึกฝนทหารและอัศวินเพื่อทำการปกป้องอาณาจักรจากศัตรูจากต่างแดนรวมถึงการรุกรานของมอนสเตอร์ด้วย  ทั้งนี้กองทัพจะจงรักภักดีต่อหมู่บ้าน  การรักษาแสนยานุภาพของกองทัพย่อมมีค่าใช้จ่าย  แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็เพื่อการขยายเขตแดนนั่น
วีดตอบกลับด้วยประโยคง่ายๆ
“ศูนย์ เหรียญทอง!"
ผู้อาวุโสจำต้องทวนอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าตนได้ยินไม่ผิดพลาด
“ท่านเจ้าเมืองหมายความว่าท่านไม่ต้องการลงทุนอะไรเลยกับกองทัพอย่างนั้นหรือขอรับ?”
“ถูกต้อง”

- ไม่ลงทุนอะไรทั้งสิ้นกับกองทัพ

สีหน้าของผู้อาวุโสเริ่มที่จะระมัดระวังตนเองมากยิ่งขึ้น
"ได้โปรดกำหนดปริมาณเงินที่ท่านต้องการลงทุนในด้านศิลปะด้วยเถิด "
ชาวบ้านจะมีความสุขยิ่งขึ้นเมื่อศิลปะได้รับการพัฒนา
จินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดและความคิดสร้างสรรค์เป็นพื้นฐานการเติบโตของวัฒนธรรม...
วีดไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“ศูนย์เหรียญทอง!”
“ท่านไม่ต้องการลงทุนกับศิลปะอย่างนั้นรึ?”
“ถูกต้อง”
ถ้าไม่มีฝุ่นผงอะไรมาบังตาล่ะก็ ต่อให้หัวเด็ดตีนขาด เขาไม่มีวันที่จะลงทุนไปกับศิลปะเด็ดขาด
ศิลปะไม่เคยก่อให้เกิดรายได้!

เอาล่ะ ทีนี้ก็เหลืออย่างสุดท้ายแล้วล่ะนะ
“ได้โปรดกำหนดปริมาณเงินที่ท่านต้องการจะลงทุนไปกับการพัฒนาเชิงพาณิชย์ด้วยครับ  เงินจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้ต่อไปในหลายๆด้าน”
ภาษีรายได้ของเมืองจะเพิ่มขึ้นเมื่อผลผลิตและการค้าพัฒนาขึ้น
เงินลงทุนนี้จะถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนด้านการปศุสัตว์และการเกษตรกรรมรวมไปถึงเทคโนโลยีของเมือง  อีกทั้งเงินยังถูกนำไปใช้ในการพัฒนาเหมืองแร่และสร้างอาคารบ้านเรือน ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตให้แก่เมืองโมราต้า   นอกจากนี้ร้านขายของชำจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและคุณภาพของสินค้าในตลาดแลกเปลี่ยนอีกด้วย
การพัฒนางานโลหะจะช่วยเพิ่มการผลิตและคุณภาพของอาวุธ ชุดเกราะ และเครื่องมือต่างๆ
การผลิตไอเทมเฉพาะประจำท้องถิ่นจะเพิ่มขึ้น
การลงทุนในด้านใดด้านหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจงนั้นจำเป็นจะต้องกระทำอย่างระมัดระวัง
วีดตอบชัด
“119,700 ทอง!”
“ลงทุนพัฒนาการค้าด้วยเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้เลยรึ ข้าเกรงว่าท่านจะหมกมุ่นกับการพัฒนาเศรษฐกิจมากจนเกินไป”
“โปรดลง 119,700 ทองให้การพัฒนาการค้า”

- 119,700 ทองถูกใช้ไปในการลงทุนพัฒนาการค้า

เมแพนเงียบไป
“วีดก็มีด้านแบบนี้เหมือนกันเหรอเนี่ย!”
เดิมทีเขาคิดว่าวีดเป็นเพียงคนขี้เหนียวสุดๆ คนหนึ่งเท่านั้น
“ที่ผ่านมาพวกเราไม่เคยรู้เลยว่าที่จริงแล้ววีดเป็นคนยังไง”
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ความเป็นผู้นำของวีดถูกประเมิน อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงนั้นต่างออกไปมาก

การตัดสินใจของวีด
‘โมราต้าจะกลายมาเป็นเมืองสำคัญของทวีปทางเหนือ’
จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกวัน!
โมราต้าจะปลอดภัยอยู่ใต้การคุ้มครองของวิหารแห่งเฟรย่าไปอีกหนึ่งปี ดังนั้นจึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องที่หมู่บ้านหรือชาวบ้านจะถูกมอนสเตอร์จู่โจม
ผู้เล่นอื่นสามารถโจมตีโมราต้าได้
แต่คงไม่มีใครอยากโจมตี เพราะความแข็งแกร่งและอำนาจที่วิหารแห่งเฟรย่ามี
เป็นที่รู้กันทั่วว่าพาลาดินของวิหารแห่งเฟรย่าคือกลุ่มคนที่นอกจากจะแข็งแกร่งที่สุดแล้วยังไม่รู้จักการให้อภัย
‘ปลอดภัยไปอีกปีนึงละนะ’
โมราต้าถูกวางแผนให้พัฒนา
เพื่อที่ในอนาคตเขาจะได้เอาเงินที่ลงทุนไปคืนมาผ่านการแสวงหาผลประโยชน์อย่างถึงพริกถึงขิง!
นี่มันความฝันของเจ้าเมืองชั่วชัดๆ!
***

ตอนที่วีดถูกผู้อาวุโสของหมู่บ้านดึงตัวเอาไว้ เมแพน เพล และนักดาบก็กำลังรอเขาอยู่
วีดพูดขึ้นว่า
“เรียบร้อยแล้ว พวกเราออกจากเมืองกันเถอะ!”
“เสร็จซะที ไปกันๆ”
เซอร์กะพูดพร้อมยิ้มอย่างร่าเริงเดินนำทุกคนออกไป
เมแพนมีรถม้ามาด้วย ขณะที่รถเคลื่อนไปข้างหน้าก็ทิ้งรอยล้อลึกลงไปในพื้นดิน นี่เป็นเพราะว่าในรถเต็มไปด้วยผ้า หนัง เพชรพลอย หลากหลายชนิด อาหารกองเป็นภูเขา ของที่จำเป็นในการต่อสู้และสินค้าอื่นๆ
ถ้าบรรทุกมากไปรถก็จะเคลื่อนที่ไม่ได้ แต่เขาได้คำนวนมาแล้วอย่างดีและจัดวางทุกไอเทมอย่างระมัดระวังจนสามารถบรรจุของลงไปได้ถึงจำนวนขั้นสูงสุดที่จะบรรทุกได้

"ฉันอยากไปดูด้วยจังเลย"
"ตามไปกันเถอะ"
"ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าพวกเขาไปที่ไหนกัน!"

เหล่าผู้เห็นเหตุการณ์ติดตามไปอย่างใกล้ชิด
หลังจากที่พวกเขารู้ว่าวีดเป็นเจ้าเมืองโมราต้าก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีก
ดูราวกับว่าถ้าวีดจะไปนรกพวกเขาก็จะตามไปอย่างไรอย่างนั้น!
วีดเคลื่อนที่ไปยังทิศทางของหุบเขาทางใต้
“พื้นที่แถวนั้นยังไม่ถูกสำรวจอีกเหรอ”
“ไม่รู้สิ ก็มีพื้นที่ล่าแล้วก็ดันเจี้ยนหลายที่เหมือนกันนะที่ยังไม่มีใครเข้าไป”
เหล่าผู้ชมดูรู้สึกสับสนแต่ก็ยังคงตามติด พวกเขาเห็นแล้วว่าวีดมีเสบียงมาด้วยจำนวนมาก
กลุ่มของวีดมุ่งหน้าสู่ป่าที่เต็มไปด้วยหมอกของหุบเขาตะวันตก
ต้นไม้ที่ขึ้นอย่างหนาแน่นบดบังท้องฟ้า
ไอน้ำที่หนาแน่นในหมอกบดบังทำให้มองผ่านได้ลำบากจนทัศนวิสัยย่ำแย่
วี้ดๆ ๆ!

ฝูงแมลงร้องชวนให้รู้สึกถึงลางร้าย
ไม่มีมอนสเตอร์โผล่ออกมาจากหมอกในป่า แต่แสงอาทิตย์ก็เริ่มกลายเป็นเพียงแสงหรุบหรู่และเสียงบางอย่างก็ใกล้เข้ามา

“ไม่เป็นไร”
“มีทางออกอยู่อีกด้าน เราอ้อมไปรอที่ปลายทางอีกฝั่งกันเถอะ”
เหล่าผู้คนที่ห้อมล้อมอยู่มีเพียงกลุ่มเดียวที่ตามวีดเข้าไปในป่า นอกนั้นหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไป
ผู้คนหยุดรอขณะที่วีดและเพื่อนๆ หายเข้าไปในหมอก
พวกเขารออยู่หนึ่งชั่วโมงก็แล้ว สองชั่วโมงก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวอะไร
“ต่อให้พวกเขาเดินช้าเพราะต้องลากรถไปด้วย แต่ก็ไม่น่าจะช้าขนาดนี้รึเปล่า น่าจะพ้นแนวป่าได้แล้วนะ”
“ทำไมยังไม่ออกมาอีก ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”
“กลับไปที่ทางเข้ากันเถอะ”
ส่วนหนึ่งยังคงรออยู่ที่ปลายทาง ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งย้อนกลับไปที่ทางเข้า แต่ไม่มีใครพบเห็นร่องรอยของวีดและพวกเลย
***
ป่าสายหมอกแห่งตะวันออก!
ไอน้ำพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดิน สายลมแรงพัดผ่านระหว่างต้นไม้
กว้าก กว้าก!
สถานที่นี้ให้บรรยากาศแปลกๆ
เป็นสถานที่ที่ทำให้รู้สึกแย่แม้จะอยู่แค่เพียงเวลาไม่นานก็ตาม
วีดเรียกโทริตรงนี้นี่เอง
“จงมา แวมไพร์ลอร์ดโทริ!”
ครึ่กๆ!
พวกเขาได้ยินเสียงบางอย่างตอนที่พื้นดินสั่นสะเทือน
มันคือฝูงค้างคาวบินสีดำ!
โทริมีตาสีแดงก่ำเหมือนเลือดและเขี้ยวคมที่ยื่นออกมาจากปาก
ค้างคาวแวมไพร์จำนวนมากแหวกว่ายอยู่ในสายหมอก แต่ไม่ได้โจมตีเข้าใส่วีด เพล หรือเหล่านักดาบ
พวกมันเพียงกระพือปีกและบินต่ำลง บางตัวเกาะห้อยหัวตามต้นไม้ขณะที่บางตัวเกาะอยู่ที่รถ
เมื่อมองให้ดีจะเห็นว่าพวกมันมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการเป็นชนชั้นสูงแห่งรัตติกาล นั่นก็คือเขี้ยวที่ยื่นออกมาและปีกคู่สง่างาม
เมลอน ไอรีน โรมูนะ และเซอร์กะถูกค้างคาวแวมไพร์ สองแสนตัวล้อมเอาไว้

“กรี้ดดด ดูเขี้ยวพวกมันสิ”
“น่ารักน่าเอ็นดูมากเลย คิ้วววอะ”
คนอื่นๆ ไม่ค่อยเข้าใจความฟินของเซอร์กะและโรมูนะ บางคนมองว่าค้างคาวเป็นสัตว์ที่น่าเกลียดแต่พวกเธอกลับคิดว่ามันน่ารักมากซะงั้น
ไอรีนค่อยๆ เข้าไปใกล้แล้วจับค้างคาวตัวหนึ่งไว้บนฝ่ามือ
“ปีกสวยจัง”
“...”
ไอรีนเองก็มีรสนิยมแปลกๆ
บางทีอาจเป็นเพราะว่าเธอไม่ต้องกังวลว่าพวกมันจะโจมตีเข้าใส่และจับเธอกิน
แวมไพร์ลอร์ดโทริคุกเข่าลงทำความเคารพ
“นายท่าน ข้ามาเพื่อนำท่านไปยังโทเดียม”
โทริแสดงความนอบน้อมสูงสุดแก่วีด
วีดพยักหน้ารับ
“อือ ออกเดินทางเลยเถอะ”

โทริยินดีเมื่อได้ยินแบบนั้น
ในที่สุดก็จะได้หลุดพ้นจากการถูกวีดโขกสับซะที!
โทริวนรอบตัวพวกเขา
“นายท่าน โปรดดูแลตัวเองให้ดีเมื่อไปถึงอาณาจักร หากว่าเราได้พบกัน...โดยบังเอิญ...อีกครั้ง”
“นั่นเจ้าขู่ข้าเหรอ”
“เอ่อ เรียกข่มจะดีกว่า”
วีดตบบ่าโทริเบาๆ
“อยากโดนใช่มั้ย”
“เอ่อ เปล่าขอรับ”
“จากนี้เจ้าคงจะใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและร่ำรวยสินะ”
“ใช่ แบบนั้นน่าจะสบายกว่า”
“อยากโดนจริงๆ สินะ”
“...”

วีดทำให้โทริกลัวอีกแล้ว เขาซ้อมโทริที่นี่ในสถานที่ที่ไม่มีหมอมารักษาได้
เหล่านักดาบ ไอรีน และคนอื่นๆ ในปาร์ตี้เพียงนั่งรอเฉยๆ พวกเขาไม่อยากออกแรงห้ามปรามให้เหนื่อย
‘เหมือนรถตู้ที่เบรกไม่ค่อยดีน่ะแหละ! ตัดสินใจผิดชีวิตเปลี่ยน อาจจะตายได้ทุกเมื่อ'

ปรัชญาของวีดคือ ถ้าเขาไม่ทุบตีพวกมันให้มากพอ พวกมันก็จะกบฏ
ต้องทุบเอาความคิดกบฏออกจากหัวพวกมัน
ทุกครั้งที่ถูกทุบตีจะต้องทิ้งความรู้สึกขมขื่นเอาไว้เสมอ
และต้องทุบตีบ่อยๆ ไม่เว้นช่วงนาน
ในเวลาไม่นานพวกที่ถูกทุบตีก็จะเริ่มมีความประพฤติที่ดีขึ้น
เหมือนที่เดธไนท์แวนฮอล์กเคยเข้าคอร์สมาก่อนนั่นไง
วีดยึดมั่นในปรัชญาของตนเองและข่มขู่โทริตลอดช่วงเวลาสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน
“ไปกันเถอะขอรับ นายท่าน”
“อือ”
วีดนำหน้าพาทุกคนปีนขึ้นหลังค้างคาวแวมไพร์ และค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทั้งมนุษย์ทั้งรถขนของลอยอยู่บนฟ้า!
เหล่าค้างคาวแวมไพร์ยึดตัวใต้รถเพื่อยกมันขึ้น
***

ชาแมนผมตรงยาวถือไม้เท้าสีม่วงเดินผ่านประตูเมืองเข้าสู่โมราต้า
เธอมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยเบาๆ กับตัวเอง
“วีดอยู่ที่นี่เหรอ เรามาทันรึเปล่านะ”
ชื่อของเธอคือดาอิน
ในลาเวียสเธอคือผู้หญิงที่หยอกมอนสเตอร์เล่นด้วยการให้พร คำสาป เวทย์รักษา สลับกับโจมตี และเวทมนตร์!
ตอนนี้เธอให้ความสนใจไปที่การท่องเที่ยวไปทั่วทวีปเวอร์เซลล์และเข้าร่วมปาร์ตี้เพื่อทำภารกิจ เธอได้ข่าวเกี่ยวกับหมู่บ้านที่ชื่อโมราต้าและหอคอยแห่งแสงสว่างอันโดดเด่น
กล่าวกันว่าวีดคือคนที่แกะสลักมันขึ้นมา
“อาจจะเป็นวีดคนเดียวกันกับที่เรารู้จักก็ได้”
ดาอินจำได้ว่าวีดเป็นประติมากรและเป็นนักสู้ตัวฉกาจ
รูปสลักที่เขาทำขึ้นตอนนั้นยังไม่ถึงขั้น เนื่องจากทักษะแกะสลักยังต่ำอยู่ พวกมันเป็นไม่ได้แม้แต่ผลงานชั้นดี
มีประติมากรรมหลายชิ้นที่ดูเหมือนมอนสเตอร์
“เขาน่าจะเก่งขึ้นเยอะแล้วละมั้งตอนนี้”
ฟังจากที่ลือกัน ดาอินคิดว่านี่น่าจะเป็นวีดคนที่เธอกำลังตามหา
ผู้เล่นมากมายใช้ชื่อวีด แต่วีดที่เป็นประติมากรไม่น่าจะมีเยอะ
ดังนั้นเธอจึงมาที่ทวีปทางเหนือและปะปนไปกับฝูงชนในโมราต้า
***
แกสตันและพาโวมาถึงหมู่บ้านโมราต้า
“อยู่นั่นไง”
“โคตรลำบากเลย แล้วยิ่งคนที่มีความอึดน้อยๆ แบบเรานี่มาไกลขนาดนี้ยิ่งลำบากขึ้นไปอีก”
“จริง นี่ถ้าตอนเราเดินมาครึ่งทางพ่อค้าคนนั้นไม่ใจกว้างให้เราติดรถมาด้วยนี่เราคงมาไม่ถึงแน่”

พาโวนึกย้อนไปถึงอดีต
ตอนเข้าร่วมกับทีมสำรวจทางเหนือพวกเขาโดนมังกรพ่นไฟใส่ตายเรียบ
พาโวคิดว่าพวกเขาต้องตายแน่
“ฉันเสียดายว่ะ ไม่น่าหวังไว้สูงขนาดนั้นตั้งแต่แรก สู้กันแบบนั้นสถาปนิกกับจิตรกรจะไปทำอะไรได้ อุตสาห์ถ่อไปถึงนั่น ถูกทรมานทรกรรมแบบครบทุกรสชาติ แล้วยังอดอยู่ดูจนจบอีกต่างหาก”
“นั่นสิ พวกไร้กำลังแบบเรานี่ให้ไปต่อสู้ยิ่งลำบาก”

สถาปนิกกับจิตรกร!
พวกเขาสามารถบ่นได้ไม่จบไม่สิ้นเกี่ยวกับอาชีพของตนเอง
ตอนที่พวกเขาเปิดโทรทัพศน์ก็พบว่าการสำรวจประสบความสำเร็จ แต่พวกเขากลับติดแหง็กอยู่ที่เมืองแห่งศิลปะโรเดียม พวกเขาพลาดโอกาสได้รับค่าชื่อเสียงและรางวัลก้อนใหญ่ไป
“เออ ในเมืองโรเดียมพวกเราก็พัฒนาตัวเองได้แบบจำกัดซะด้วย พาโว”
“อือ นั่นสิ ในที่แบบนี้พวกเราไม่มีทางดังได้หรอก”

ลักษณะเฉพาะของอาชีพศิลปิน
การทำงานเดิมซ้ำๆ ในสถานที่เดิมจะได้รับค่าชื่อเสียงน้อยลง แรกๆ จะยังพอมองข้ามความแตกต่างไปได้ แต่ความแตกต่างระหว่างงานชิ้นแรกและงานชิ้นที่สิบนั้นจำเป็นต้องนำมาพิจารณาแล้ว
แสงอ่อนๆ วาบขึ้นในดวงตาของแกสตัน
“พวกเราไปเมืองอื่นกันเถอะ”
“เมืองอื่นงั้นเหรอ หมายถึงย้ายไปเลยอะนะ”
“ฉันจะบอกให้ฟังว่ามันดีกว่ายังไง ในโรเดียมนี่จิตรกรกับสถาปนิกไม่ค่อยมีงานให้ทำแต่เรามีทวีปเวอร์เซลล์ทั้งทวีปนะ จะมามัวดักดานอยู่ที่นี่ทำไม”
“เข้าใจแล้ว อยากไปเมืองไหนล่ะ”
แกสตันมีสถานที่อยู่ในใจแล้ว
“ฉันจะไปโมราต้า”
“หมู่บ้านที่มีประติมากรชื่อวีดอยู่เนี่ยนะ ชวนให้นึกถึงความทรงจำแย่ๆ ในทวีปตอนเหนือขึ้นมาเลย”
“ฉันก็อยู่ที่นั่นพร้อมนายแต่ฉันสนุกนะ”
“เชรี่ย ก็จริงว่ะ แต่เราจะไปไหวเหรอ”

การไปยังสถานที่ใหม่ๆ เป็นเรื่องยาก และยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อคุณมีอาชีพสายผลิต
แกสตันถอนหายใจ
“อย่างน้อยเราก็ได้ลองพยายามดูแล้ว คิดแบบนั้นแล้วกัน”
แล้วชายวัยกลางคนสองคนก็ฝ่าฟันความท้าทายมากมายเพื่อไปยังโมราต้า พวกเขาต้องเดินทางผ่านพื้นที่อันตรายซึ่งเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ และบางครั้งก็ถูกฝูงผึ้งไล่ต่อยเอา มีหลายครั้งที่พวกเขารอดมาได้แบบฉิวเฉียด และในที่สุดก็มาถึงเมืองได้อย่างปลอดภัย!
พวกเขาทิ้งตัวลงนอนบนถนน เหนื่อยหอบ จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากพ่อค้า
แกสตันส่ายหน้า
“มันเป็นเรื่องยากสำหรับอาชีพอย่างพวกเรา”
พาโวหัวเราะกับคำตอบนั้น
“พวกเราก็มาถึงอย่างปลอดภัยล่ะนะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะสกิลขุดล่ะก็ พวกเขาคงตายกันไปแล้ว พวกเขาซ่อนตัวกันอยู่ในหลุมจนมอนสเตอร์จากไป การจะทำแบบนี้ได้นั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาเห็นมอนสเตอร์ที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ต้องขอบคุณแกสตัน สกิลของเขาทำงานได้ดีเยี่ยมในหิมะ ขุดหลุมตรงไหนก็ได้แล้วก็เข้าไปซ่อน จิตรกรกับสถาปนิกเองถึงจะมีความสามารถในการเอาตัวรอดต่ำ แต่ก็ยังปรับตัวตามได้
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่จะร่วมทางไปกับพ่อค้าคนนั้นไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะเอาตัวไม่รอดเมื่อเจอกับวิกฤติ
โชคยังดีที่พวกเขาพบกันส่วนกลางของแดนเหนือซึ่งยังจัดได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย
แกสตันถูกมองเสื้อผ้าที่เขาใส่
“ว้าว เสื้อผ้าของนายนี่มันเรียกว่าโสโครกได้เลยนะเนี่ย”
“นายเองก็ไม่เคยซักมันเลยใช่ไหมเนี่ย”
แกสตันและพาโวนั้นใส่อะไรที่ควรจะเรียกว่าผ้าขี้ริ้วแต่คนรอบตัวเขาก็เหมือนจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้
“พวกเขาคงเป็นนักเดินทางที่มาใหม่”
“ดูสิว่าพวกเขาผ่านความยากลำบากขนาดไหนมา”
มันเป็นเรื่องแสนยากสำหรับคนหลายพันคนที่ได้เดินทางมายังโมราต้า หลาย ๆ คนที่มาถึงมีสภาพแบบคนที่ไม่ได้อาบน้ำมาไม่รู้กี่วัน แกสตันรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเกี่ยวกับโมราต้าเมื่อเขาล้างหน้าตัวเองแล้ว
‘ดูมีชีวิตชีวาดีแฮะ’
พาโวเองก็คิดเหมือนกัน
‘มีคนพอตัวเลย น่าจะมากกว่า 3,000 คนอีกนะเนี่ยที่อยู่ในหมู่บ้านนี้’
พวกเขาต่างก็รู้ว่านี่เป็นเพียงทางเข้าหมู่บ้านและมีผู้คนเข้าออกเป็นประจำ มีคนจำนวนหนึ่งที่ดูจะยุ่ง ๆ เดินไปมาในหมู่บ้าน พ่อค้าทั้งหลายเปิดแผงขายของให้ผู้คนประหนึ่งเชฟขายอาหารข้างทาง

 “พาโวดูถ้าพวกเราจะคิดถูกแฮะที่มาโมราต้าเนี่ย”
“นี่ล่ะเมืองใหม่แห่งยุคหน้าที่กำลังพัฒนา มันไม่เลวเลยล่ะ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอะไรได้บ้างที่นี่แต่มันต้องสนุกแน่ๆ”
ทันใดนั้นงานก็งอก
ผู้อยู่อาศัยของเมืองโมราต้าเดินมาอย่างไวพร้อมคว้าตัวพาโวไว้
“คุณเป็นสถาปนิกผู้ชำนาญการใช่หรือไม่?”
พาโวตัวสั่นสะท้านขณะตอบกลับว่า
“ใช่ ข้านี่ล่ะยอดสถาปนิก”
“ดีเลย! พอดีว่าภรรยาของผมเพิ่งจะตั้งท้องน่ะ เด็กก็กำลังจะเกิดมาและผมต้องการบ้านหลังใหม่ แต่ผมยุ่งจนไม่มีจะสร้างมันได้เอง ช่วยผมด้วยเถอะ คุณไม่เสียใจแน่”
ติ๊ง!
บ้านสำหรับคู่สามีภรรยา และเด็กอ่อน ช่วยให้เขาหายกลัดกลุ้มจากการสร้างที่แข็งแรงทนทานเท่าที่จะทำได้
เขาต้องการปลูกบ้านในพื้นที่ฝั่งตะวันตกข้าง ๆ ต้นแอ๊ปเปิ้ล หินและไม้สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการก่อสร้าง
ความยากระดับ D
ค่าตอบแทน 26-309เหรียญทอง
ขึ้นกับบ้านที่เสร็จสมบูรณ์และวัตถุดิบที่ใช้ในการก่อสร้าง
ข้อจำกัดของเควส : เฉพาะสถาปนิกเท่านั้น
พาโวพยักหน้าตกลง
“ให้ผมจัดการเถอะ มันจะเป็นบ้านที่แข็งแรงทนทานต่อต้านพายุได้ทุกรูปแบบ”
คุณยอมรับเควส
บ้านที่สร้างจากการขุดหินมาใช้
หลายๆแห่งในเมืองต่างก็กำลังยุ่งกับการสร้างบ้านใหม่ให้ชาวเมืองที่นี่
ชาวบ้านสร้างศูนย์การค้าขึ้นมา
ชาวเมืองมีความสามารถในการสร้างระดับนั้น
แต่ว่าคุณภาพของบ้านนั้นมันเกี่ยวกับความพอใจและความรู้สึกปลอดภัย เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ประชากรขยายตัว
แม้จะมีคนมาช่วยอยู่บ้าง แต่คุณเองก็ต้องการความช่วยเหลือจากสถาปนิกมืออาชีพ
มีการก่อสร้างกำแพงเมืองโดยรอบเพื่อเสริมความปลอดภัย มั่นคงให้กับตัวเมือง พวกเขาสร้างกำแพงและขยายเมืองออกไป
มีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
มีการประกาศว่าจะสร้างหมู่บ้านใหม่นอกกำแพง
หมู่บ้านโมราต้านั้นยังมีส่วนที่ไม่ได้พัฒนาอีกมาก พวกเขาสร้างพื้นที่เพาะปลูกใหม่และทางน้ำ
การลงทุนครั้งใหญ่ในโมราต้าเปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปอย่างรวดเร็วสำหรับคนยากจน
นี่คือโอกาส
เป็นเควสที่ดีที่สุดสำหรับสถาปนิก
โอกาสทองที่จะเข้าร่วมกับการพัฒนาเมือง
พาโวถกแขนเสื้อขึ้น
“เราต้องทำให้เร็ว คนงานยังขาดแคลน เราต้องหาคนมาช่วยเพิ่มกับงานนี้”
“ฮ่าฮ่า เอาสิฉันช่วยเอง”

แกสตันไม่สามารถปกปิดความอิจฉาที่เห็นพาโวได้ทำงาน
การที่อาชีพของคุณเป็นประเด็นปัญหานั้นเป็นเรื่องที่ชวนให้เศร้าสุดๆ
เควสมันช่างมีน้อย แถมงานที่ทำก็ทำเหมือนทำฟรี บ่อยครั้งคุณจึงจบงานอย่างคนอดอยากหิวโหย
แต่ในโมราต้านี้ มีความต้องการสถาปนิกอย่างมาก พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามีกี่งานรอคุณอยู่

‘สถาปนิกยังดีกว่ามากมาย เราคงไม่มีวันได้เป็นที่ยอมรับในฐานะจิตรกร’
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องราวนั้นกำลังจะเปลี่ยนไป
มีชาวเมืองเข้ามาหา
“ไม่ทราบว่าคุณพอจะช่วยผมได้รึเปล่า? ผมต้องการป้ายสัญลักษณ์สำหรับร้านของผมที่กำลังจะเปิด”
มันไม่ใช่งานที่ยากอะไร
แต่ตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านก็เดินเข้ามา
“ข้าต้องการให้พ่อหนุ่มวาดรูปบนประตูเมืองเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน”
ประตูแห่งโอกาสได้เปิดให้กับแกสตันแล้ว
เขายังได้ถูกขอให้วาดแผนที่เกี่ยวกับมอนสเตอร์รอบ ๆ เขตนี้ และเมื่อแผนที่สมบูรณ์มันจะถูกขายให้กับเหล่านักผจญภัยและชื่อเสียงของเขาก็จะเพิ่มขึ้น
เขายังได้งานวาดภาพสำหรับปราสาท
ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า
“เจ้าเมืองของเราเป็นผู้รักในงานศิลป์ ข้ารู้ว่าท่านเจ้าเมืองต้องการสนับสนุนเหล่าศิลปินในเมืองของท่านแน่ ๆ” [tlnote:ไม่จริงงงงงง]
เงินลงทุนมหาศาลของวีดใช้ไปกับการพัฒนาเมือง
นอกจากการบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับวิหารแห่งเฟรยาแล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็ใช้เงินจำนวนมากไปกับการพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรม
***

วีดกับเพื่อนผองบินไปกับฝูงค้างคาวแวมไพร์
“ว้าย”
เสียงกรีดร้องของเซอร์กะผู้เป็นโรคกลัวความสูง
ค้างคาวพวกนี้ไม่ได้มีแรงมากเท่าพวกไวเวิร์นที่มีรูปร่างใหญ่
ฝวับ ฝวับ ฝวับ!
เมื่อยามที่เธอได้มองพื้นเธอก็ถูกความกลัวเข้าครอบงำ

มันเป็นภาพที่ทำให้ตะลึงอย่างมาก
“นี่สินะจุดเริ่มต้นของการผจญภัย...”
ช่างเป็นจุดเริ่มที่ยิ่งใหญ่สำหรับการผจญภัยครั้งหนึ่งในช่วงชีวิต นี่ล่ะการผจญภัยที่เมลอนเฝ้าฝันถึง
เพลเองกลับรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
“เมลอนจ๋า”
“คะ?”
“ค้างคาวไม่น่ากลัวเลยเหรอ?” [tlnote:หวังให้สาวเจ้ากรี๊ดแล้วมากอดสินะ เพลคุง]
“อืมก็...”
“พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปอาณาจักรแวมไพร์นี่นา ได้ขี่ค้างคาวไปเนี่ยเป็นประสบการณ์ที่พลาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ”
เมลอนเชื่ออย่างนั้น
แม้มันจะดูต่างจากที่เธอคิดไว้อยู่บ้างแต่ว่าชีวิตนึงคนเราจะขี่ค้างคาวซักกี่ครั้งกัน!
มันดูมหัศจรรย์เหลือเชื่อที่ผู้คนจะได้บินเหนือพื้นอยู่บนตัวค้างคาว
‘นี่สินะการผจญภัยของวีด’
เพลเองก็คิดเหมือนกัน นี่เป็นที่ที่พวกเขาได้ไปด้วยกันถัดจากเมืองลอยฟ้าลาเวียส ที่ได้ใช้เวลายาวนานไปกับเควสและการผจญภัย


เหล่าค้างคาวบินอย่างยาวนานจนโมราต้าหายไปจากสายตา
ทะเลสาบและภูเขาที่อยู่ไกล ๆ ดูเล็กกว่าปลายเล็บของพวกเขาเสียอีก
พวกเขาขึ้นมาสูงจนหมู่บ้านกลายเป็นแค่จุดเล็ก ๆ
จากนั้นก็หยุดอยู่แบบนั้น!
เหล่าค้างคาวแวมไพร์กระพือปีกอยู่กับที่
รออยู่พักนึงวีดก็ถามว่า
“โทริ แกหลงทางใช่ไหม?”
“ไม่ใช่หรอกนายข้า”
โทริตอบกลับมาด้วยเสียงสบาย ๆ
“อีกไกลแค่ไหนที่พวกเราจะไป?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เรามาถึงแล้ว”
“ยังไง?”
“นายข้า  อาณาจักรขุนนางแห่งรัตติกาลโทเดียมนั้นอยู่ในโลกแห่งราตรี เราไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้ในช่วงกลางวัน”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“พวกเราก็ต้องรอจนกว่ารัตติกาลจะมา”
พวกเขาห้อยอยู่กลางฟ้ารับฟังเสียงของสายลม
วีดถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากฟังโทริพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติ
‘ตูพาคนมาทั้งปาร์ตี้ เสียเวลาไปทั้งวันเต็ม ๆ เพราะไอ้บ้องตื้นเนี่ยนะ’
วีดแสนเศร้า เพราะเวลาทั้งวันที่เสียไป
 “โทริ”
“หืม นายท่านดูยังไง ๆ อยู่นะ?”
“เข้ามาใกล้ ๆ สิ มามะ”
“ข้าไม่อยากไป”
โทริสังเกตเห็นแล้ว วีดตอนนี้กำลังยิ้มอย่างเจิดจ้า
“ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกไว้ว่าจะพาข้ากับเพื่อน ๆ ไปที่นั่นอย่างไว?”
“ใช่”  โทริหัวเราะพลางยิ้มแยกเขี้ยว

“นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน นายชอบรูปสลักของฉันไม่ใช่เหรอ?”
“รูปสลักงั้นเหรอ นายข้า? รูปสลักของท่านนั้นงดงามนัก”
โทริมาแล้ว
หน้าตาของมันไมได้มีวี่แววสงสัยวีดเลยซักกะนิด
‘มาเลยไอ้บ้องตื้น’
วีดหรี่ตาลงจากนั้นก็เริ่มยำโทริ
ปั้ก ปั้ก ปั้ก ปั้ก!
เสียงที่ชัดเจนดังก้องกังวานในสายลม
นี่เป็นฉากที่เมแพนเห็นจนจำได้ เพลกับยูรินก็มองไปเรื่อย
แต่ฮวารยองกลับตาเป็นประกาย
“วีดเท่สุด ๆเลย ช่างดูแข็งแกร่งเหลือเกิน” [tlnote:ฮวารยองฉัน สมงสมองไปหมดละ]

วีดยำโทริไปรอบ ๆ การออกท่าออกทางของเขาช่างดูไหลลื่น
นักดาบ พยักหน้า
“ดูเหมือนว่า ข้าจะสอนเขาได้ดีจริง ๆ”
เหล่านักดาบต่างเข้าอกเข้าใจในตัววีด
“เขาแค่กระทุ้งให้มีเสียงแทนที่จะต่อยธรรมดา”
นักดาบ 3 เห็นแล้วรู้สึกคันมือ
“ผมก็อยากลองอัดดูบ้าง...”
นักดาบ 4 เองก็รู้สึกเช่นกัน
“มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีมากถ้าฉันเองก็มีแวมไพร์ให้อัดอย่างที่ใจอยาก”
“นักดาบ4 พวกเราต้องหาได้ซักตัวอย่างแน่นอน”
“นั่นสินะ”

ไอรีนถูกจับให้นั่งอยู่ข้างหน้า
สถานการณ์แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว!
‘คนนึงก็คิดแต่จะหาตังค์ที่เหลือก็คิดได้แค่จะใช้กำลังยังไง!’
นี่ล่ะคือสิ่งที่ไอรีนคาดหวังได้จากปรัชญาการใช้ชีวิตของวีด เธอรู้สึกสงสารโทริ
วีดเองรู้สึกได้ถึงทุกจังหวะหมัดที่เขาจัดให้โทริ
เขาเลือกใช้การโจมตีจำนวนมากในเวลาอันสั้นที่มีเสียงดังกึกก้อง
วีดฝึกฝีมือโดยการอัดโทริ!
ทักษะการใช้ดาบของวีดเกี่ยวพันกับจำนวนในการโจมตี
เมื่อใดก็ตามที่สกิลถูกใช้อย่างตรงจังหวะกับมอนสเตอร์ ความเสียหายที่เกิดนั้นจะมหาศาล
แต่ถ้าการโจมตีนั้นหลุดหรือเสียจังหวะในการโจมตีไปสกิลก็จะถูกยกเลิก ดังนั้นแล้วการใช้สกิลอย่างถูกต้องในจังหวะที่เหมาะสมจึงจำเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองคุณจึงจำเป็นต้องมีฝีมือเพื่อการนี้สำหรับเกมรอยัลโร้ด
เซอร์กะประทับใจกับฉากนี้มาก
‘ช่างเป็นท่วงท่าการต่อยที่ถูกต้องสวยงาม!’
เธอมองและสำรวจอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะเรียนรู้จากวีด ด้วยอาชีพของเธอ เธอจ้องดูเพื่อให้รู้จะทำความเสียหายให้มากขึ้นได้อย่างไร และแล้วรัตติกาลก็มาเยือน
ประตูสู่โทเดียม เปิดแล้ว
ตอนนี้พวกเขายืนอยู่บนพื้นแทนที่จะเป็นท้องฟ้า!
ลึกเข้าไปลึกเข้าไปพวกเขากำลังไปสู่ที่ลุ่มซึ่งไม่มีใครรู้จัก
“นี่ล่ะทางเข้าสู่อาณาจักรโทเดียม” โทริกล่าวบรรยายเพียงแค่นี้แล้วก็พุ่งลงรู
“กรี๊ดดดดด”
เซอร์กะกรีดร้องอย่างสาวน้อย!  ในจังหวะเดียวกันนั้นเสียงอันสุดโฉดก็ดังขึ้นพร้อมกัน
“อาณาจักรขุนนางแห่งรัตติกาล!  ขอต้อนรับทุกท่านสู่โทเดียม! คุคุคุคุคุ”



เล่มที่ 10 ตอนที่ 10 จบ


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

เล่มที่ 10 ตอนที่ 9 รวมตัว (Gathering)

เล่มที่ 10 ตอนที่ 9 รวมตัว (Gathering)


หมู่บ้านที่อยู่โดยรอบโมราต้าต่างวอดวายจากการทำลายล้างของคลื่นมอนสเตอร์ฝูงแล้วฝูงเล่าในอดีต บนท้องถนนที่หิมะทับถมรายล้อมด้วยตึกรามบ้านช่องที่หลังคาถูกปะซ่อมแซมมีผู้คนมากมายมารวมตัวกัน สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนก็คืองานประติมากรรมที่สว่างไสว!
“อ้อ โมราต้าอยู่แถวนี้นี่เอง”
“ที่นี่มีหอคอยแห่งแสงสว่างด้วยนะ!”
“ไม่มีใครมาถึงนี่แล้วไม่เคยได้ยินเรื่องนี้หรอกน่า”
“ที่ฉันชอบอีกอย่างคือที่นี่มีมอนดีๆ ให้ล่าเต็มไปหมด”


จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองโมราต้ายิ่งนานวันยิ่งทวีคูณ
“หาปาร์ตี้ไปล่าแถวเนินเขา!”
“กำลังจะไปช่วยไฟร์วิสาร์ดจากแมลงในถ้ำ มีใครสนใจบ้าง”
“มีเควสต์นึงชื่อ ‘ผ้าเช็ดหน้าของลิซ่า’ ถ้าทำเควสต์สำเร็จจะได้ผ้าเช็ดหน้าอย่างดีผืนนึง”
“รับซื้ออาหาร! มีใครขายอาหารที่อยู่ได้นานเกินสัปดาห์นึงบ้าง”


พื้นที่ว่างใจกลางหมู่บ้านโมราต้ากำลังสับสนอลหม่าน
ตั้งแต่น้ำแข็งทางเหนือละลายไปนักเดินทางหลายร้อยหลายพันคนจากตอนกลางของทวีปก็เดินทางมาที่พื้นที่ส่วนนี้ของทวีป และบางคนก็มาที่โมราต้า
โมราต้าเป็นหมู่บ้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเส้นทางที่สำคัญที่สุดทางภูมิศาสตร์เมื่อจะเดินทางไปยังส่วนอื่นๆ ของทวีปทางเหนือ แต่กลับไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีนักเดินทางจำนวนมากเดินทางเข้ามา
ยิ่งกว่านั้นคือไม่คิดว่าจะสามารถใช้เมืองนี้เป็นฐานเพื่อออกล่าได้

สิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างก็คือหอคอยแห่งแสงสว่าง
ประติมากรรมอันแสนวิเศษ!
พวกผู้หญิงคือคนกลุ่มแรกที่มาเพื่อชมความงามของหอคอยแห่งแสงสว่าง
“สวยจังเลย!”
“ถ้าไม่ได้มาที่นี่นี่แทบจะเสียใจทีหลังเลยนะเนี่ย”
พวกเขาต่างเคยดูคลิปวิดีโอมาก่อนแต่การได้ขึ้นมาอยู่บนยอดเขาที่เต็มไปด้วยหินเบื้องหน้าการแสดงของแสงที่เต้นเปลี่ยนไปมานั้นเป็นประสบการณ์ที่ทั้งชีวิตนี้จะไม่มีวันลืมได้
การได้ดูมันเปล่งแสงใต้แสงจันทร์จนถึงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเหนือที่ราบเป็นภาพอันน่าตื่นตะลึง
“นี่สินะรูปสลักนั่น”
“ถึงอาชีพนี้จะโจมตีเบาไปหน่อยแต่สามารถสร้างอะไรแบบนี้ได้นี่เจ๋งไปเลยเนอะ”
“นั่นสิ ในทวีปเวอร์เซลล์นี่มีงานระดับนี้ไม่กี่ชิ้นหรอก”
ยิ่งเวลาผ่านไปชื่อเสียงของนักแกะสลักก็ยิ่งโด่งดัง

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาที่ภูเขาลูกนี้เพื่อมาดูหอคอยแห่งแสงสว่าง
แม้ว่าจะมีผู้เล่นหญิงจำนวนมากแต่ก็มีผู้เล่นชายจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
มองไปทางไหนก็มีแต่คู่รัก!
ผู้ชายเหล่านั้นถูกหญิงสาวบังคับให้มาเป็นเพื่อน แต่ก็มีบางสายอาชีพที่มาดูรูปสลักด้วยเหตุผลที่เป็นกิจลักษณะกว่านั้น
นั่นก็คือการล่าแบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นที่ล่าอย่างเอาจริงเอาจังถึงขั้นนี้ในทวีปเวอร์เซลล์มีอยู่เพียงไม่ถึง 10% เท่านั้น

“ไม่ว่าจะเลือด มานา หรือความอึด ทุกอย่างฟื้นฟูเร็วขึ้นหมดแบบนี้เราก็ล่าได้แบบไม่ต้องพักบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน”
“หอคอยแห่งแสงสว่างทำให้ประหยัดเวลาล่าไปได้เยอะเลย”
“เพิ่มธาตุรึยัง นี่นายได้ไปดูหอคอยแห่งแสงสว่างมาแล้วรึยัง”
“รับเคลริคที่เมื่อคืนไปหอคอยแห่งแสงสว่างมาแล้ว!”

ระบำแสง
ผลจากรูปสลักทำให้ล่าได้ง่ายและเร็วขึ้น
พวกเขาอยากล่าแต่ก็ไม่อยากออกไปไกลจากระยะโดยรอบของหมู่บ้านโมราต้า
รูปสลักชิ้นนี้ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านโมราต้า!
ข้อได้เปรียบที่ได้รับจากประติมากรรมบังคับให้พวกเขาต้องอยู่เพียงรอบๆ หมู่บ้าน

วิหารแห่งเฟรย่าเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
เมื่อมีใครต้องการรับพรหรือแก้คำสาปก็มีนักบวชและพาลาดินพร้อมอยู่เสมอ
โมราต้าเป็นเพียงหมู่บ้านเดียวใจกลางทวีปทางเหนือที่มีวิหาร
เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบคงที่ ค่าสถานะเสริมที่ได้รับจากประติมากรรมก็จะช่วยเพิ่มจำนวนภารกิจและพื้นที่ล่าอย่างต่อเนื่องด้วย

วีดไม่สามารถอยู่ดูได้นาน
กำหนดการที่เขาต้องเดินทางไปยังโทเดียมอาณาจักรแห่งแวมไพร์งวดเข้ามาทุกทีแล้ว
“จงมาแวมไพร์ลอร์ดโทริ!”
“เจ้าเรียกหาข้ารึ”
โทริสวมชุดดำทั้งชุด แม้แต่ผ้าคลุมก็เป็นสีดำ
หน้าตาหล่อเหลาแบบซีดๆ!
เจ้าแวมไพร์ตัวสูงและเต็มไปด้วยความสง่างาม
วีดใช้สายตามองไปที่มันแบบผ่านๆ
“ดูเหมือนเจ้าจะเก่งขึ้นแล้วสินะถึงได้เลิกเรียกข้าว่านายท่านแล้ว”
“ก็นะ อีกสามวันข้าจะเป็นอิสระแล้วนี่”


โทเดียม อาณาจักรแห่งแวมไพร์!
อีกเพียงสามวันเท่านั้นพวกเขาก็จะเดินทางไปที่นั่นแล้ว

วีดไม่ลืมที่จะเตือนให้โทรินึกถึงวันเวลาสามปีที่อยู่ด้วยกันมา
“สามวันที่เหลือนี่เจ้าอาจจะรู้สึกเหมือนยาวนานกว่าสามปีก็ได้นะ แต่ก็เหลืออีกแค่สามวันเองนี่นะ ถึงเจ้าจะพูดแบบนี้ก็คงไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อนอะไรหรอก… เนาะ”
“...”

“นี่ เล่าเรื่องโทเดียมอีกสิ”
วีดอยากจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโทเดียมให้มากขึ้นอีกสักหน่อย
“โทเดียมคือดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ทุกๆ สามเดือนเราจะมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลอง”
“เฉลิมฉลอง?”
“ใช่แล้ว พวกเราเหล่าชนชั้นสูงแห่งรัตติกาลจะมารวมตัวกันเพื่อฉลองให้กับชีวิตอมตะด้วยเลือด”
“อย่างอื่นล่ะ”
“ถ้าเทียบกับเทคโนโลยีระดับเด็กน้อยและด้อยพัฒนาของเหล่ามนุษย์แล้วละก็ เมืองของพวกเราเหล่าชนชั้นสูงแห่งรัตติกาลนั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่ากันมาก”
โทริกล่าวถึงโทเดียมอย่างหยิ่งผยองและภาคภูมิใจที่สุด
วีดฟันธง
‘เจ้าแวมไพร์ลอร์ดโทรินี่มันโตขึ้นที่นั่นก็เลยใส่สีตีไข่มากไปนิดแหง’

ถ้าเป็นสถานที่ที่ต้องใช้ความพยายามระดับหนึ่งจึงจะไปถึงได้ก็คาดหวังได้เลยว่าที่นั่นต้องมีอะไรพิเศษ
อาณาจักรอันโด่งดังของคนแคระกับอาณาจักรของเอลฟ์นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าความเชื่อนั้นเป็นเรื่องจริง
อาณาจักรของคนแคระไม่เคยปราศจากเสียงคำรามและเสียงฟาดค้อน
เหล่าเอลฟ์ก็ทำตัวกลมกลืนไปกับธรรมชาติและปลูกต้นไม้ดอกไม้มากมาย
คุณก็น่าจะคาดหวังว่าจะได้เห็นไลฟ์สไตล์ที่หรูหราและแฟชั่นทันสมัยจากแวมไพร์ที่เป็นชนชั้นสูงแห่งรัตติกาล
‘นอกจากนั้นนี่ยังเป็นโอกาสที่จะได้รับเควสต์แล้วก็โซนล่าที่ไม่เคยมีใครไปมาก่อนด้วย’
สำหรับลอร์ดโทริ โทเดียมคือสถานที่ที่ไม่เคยมีมนุษย์ย่างกรายเข้าไปมาก่อนและในอนาคตก็จะไม่มีใครได้ย่างกรายเข้าไป
ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสสำหรับวีดคนเดียวเท่านั้น!

ภารกิจในโมราต้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นก็จริงแต่นักท่องเที่ยวก็มีจำนวนมากเกินไป แม้แต่ภารกิจง่ายๆ ก็ยังแย่งกันทำ
การผูกขาดพื้นที่ล่าเป็นเรื่องยาก การเข้าร่วมกลุ่มกับคนอื่นไปล่ามอนสเตอร์จึงทำได้ง่ายกว่า
แม้ว่าการล่าในโมราต้าจะคุ้มค่าแต่วีดกลับไม่เคยมีความคิดนั้นอยู่ในหัวเลย เขาไม่สามารถมองข้ามค่าประสบการณ์สองเท่าและข้อได้เปรียบที่จะได้รับเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ในการล่าได้

วีดอยากได้ข้อมูลเพิ่ม
“เอาคนไปด้วยได้แค่ไม่กี่คนใช่มั้ย”
“ก็แล้วแต่สถานการณ์ขอรับ”
“สถานการณ์?”
“ใช่แล้ว ข้ามีค้างคาวที่จะเอากลับโทเดียมด้วยอยู่สองแสนตัว จะหิ้วมนุษย์คนหนึ่งต้องใช้ค้างคาว สองร้อยตัว ดังนั้นจึงพาไปได้แค่หนึ่งพันคน แต่ถ้านายท่านมีสัมภาระไปด้วยก็จะต้องลดจำนวนมนุษย์ลง”
“มนุษย์ที่จะเข้าโทเดียมได้นี่มีจำกัดจำนวนมั้ย”
“ขอเพียงเป็นมนุษย์ที่พร้อมตายก็เข้าได้แล้วขอรับ”
“แล้วถ้าตายล่ะจะเป็นยังไง”
“ผู้ที่ตายในอาณาจักรรัตติกาลจะถูกเนรเทศจากโลกมนุษย์”
หมายความว่าการตายครั้งหนึ่งของพวกเขาจะต้องเจอกับบทลงโทษที่รุนแรง เพราะพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดใหม่ที่เมืองที่ใกล้ที่สุด แต่จะถูกขับออกจากอาณาจักรแทน
'ท่าทางจะอันตรายมากเลยแฮะ' วีดขมวดคิ้ว


การตายระหว่างการล่าหรือทำภารกิจไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไรเพราะเคยมีคนประสบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว
พูดอีกอย่างก็คือ นี่คือความเสี่ยงที่ต้องแบกรับเมื่อเข้าไปล่าในพื้นที่พิเศษแบบนี้ เขาอาจจะตายได้เพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพื้นที่ล่าหรือภารกิจเลย
กลุ้มเพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง!
แล้วก็คาดการณ์ไม่ได้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาไม่มีทางจะได้กลับไปอีกเพราะถ้าตายก็ไม่มีหนทางให้เกิดใหม่ในเมืองได้
'ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า คงจะบ้ามากถ้าไปล่าทั้งๆ ที่ไม่หาข้อมูลก่อนเลย ภารกิจนี้ทำคนเดียวลำบากด้วย หาเพื่อนที่ไว้ใจได้ที่สุดไปด้วยดีกว่า'
วีดกระซิบหาเพลและเพื่อนๆ อีกสามคน

- อยากเสี่ยงไปโทเดียมด้วยกันกับฉันมั้ย
***
พอเพลเห็นข้อความที่วีดกระซิบมาก็ถามความเห็นจากคนอื่นๆ
"อาณาจักรแวมไพร์โทเดียมเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยเราก็เลยไม่รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน วีดกำลังหาคนไปเป็นเพื่อนอยู่ ผมว่าจะไปด้วย พวกคุณล่ะ"
ตอนนี้เพลมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าและการผจญภัยครั้งนี้ก็มีโอกาสตายสูงเขาก็เลยอยากได้ความคิดเห็นของคนในกลุ่ม
เมลอนตอบหลังจากพิจารณาสิ่งที่เพลบอกแล้ว
"ฉันอยากไป"
พวกเขาทั้งสองเป็นคนรักกันจึงไม่น่าแปลกถ้าเธอจะไปกับเขา ยิ่งไปกว่านั้น การผจญภัยของวีดมักจะมีโอกาสดีๆ ให้คว้าเสมอ
'คราวนี้เราต้องสู้โดยมีเดิมพันที่ค่อนข้างสูง'
เมลอนเคยออกล่ากับวีดมาแล้วสองสามครั้งแต่ยังไม่เคยไปผจญภัยหรือทำภารกิจร่วมกันแบบจริงๆ จังๆ เลย
เซอร์กะถามโรมูนะอย่างเป็นกังวล
"พี่จะไปมั้ย"
"แน่นอน อาณาจักรแวมไพร์น่าจะสวยเริ่ดไปเลยไม่ใช่เหรอ น่าจะคุ้มที่จะไปนะ เธอล่ะว่าไง"
"ฉันอยากไปกับพี่นะ มันเป็นหน้าที่ของพรีสอยู่แล้วนี่ที่จะต้องคอยติดสอยห้อยตามคนอื่นไป"
โรมูนะและเซอร์กะเป็นแฟนพันธุ์แท้แวมไพร์
สมัยพวกเธอเด็กๆ ก็โดนหนังเกี่ยวกับแวมไพร์พวกนี้แหละล้างสมอง
เขี้ยวอันแหลมคม!
ผ้าคลุมสีดำ!
พวกสาวๆ ยังถึงขั้นคิดว่าค้างคาวดูดเลือดตัวเล็กๆ พวกนั้นน่าเอ็นดู
ตอนนี้ก็เหลือแค่ยูริน ฮวารยอง และเซเฟอร์แค่สามคนที่ยังไม่ตัดสินใจ รวมถึงซีชวิ
แน่นอนว่าเซเฟอร์ต้องตามไปด้วยอย่างจงรักภักดี
"ฉันไป ฮวารยอง คุณล่ะจะเอายังไง"
เธอตัดสินใจจะตามไปด้วยทันทีที่เพลพูดถึงชื่อวีด ก่อนหน้านี้เธออยากตามเขาไปผจญภัยในดินแดนทางเหนือด้วยแต่โชคร้ายที่เขาปฏิเสธ
“ฉันจะไป”



ตอนนี้ความสนใจของทั้งปาร์ตี้พุ่งไปที่ยูรินและซีชวิ
ในกรณีนี้ มันเป็นเรื่องที่อันตรายเกินไปสำหรับยูรินเพราะว่าเธอยังอ่อนแอมาก
“หนูจะไปค่ะ”
ยูรินอยากไปโทเดียมกับวีด

“ชวิคค  ฉันก็จะไปเหมือนกัน”

ซีชวิก็ตัดสินใจจะไปเช่นกัน
มันเป็นธรรมชาติของออร์คที่จะแสวงหาการต่อสู้แม้ความเสี่ยงในการบาดเจ็บล้มตายจะสูงก็ตาม
สำหรับมอนสเตอร์แล้วการไปในสถานที่อันตรายดูเป็นเรื่องสมเหตุสมผล!

‘แต่… คราวนี้เราจะต้องได้ฆ่าตัวอะไรสักตัวแน่นอน’
บางครั้งซีชวิก็รู้สึกเศร้าที่มาอยู่กลุ่มปาร์ตี้นี้  ปาร์ตี้ของเพลหลักๆคือการรวมตัวกันของวัยรุ่นดังนั้นบางครั้งเธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นป้าแม่บ้าน

ช่องว่างระหว่างวัย!
ไอรีนและเซอร์กะปฏิบัติกับเธอที่อายุมากกว่าอย่างอบอุ่น ซึ่งมันยิ่งทำให้เธอยิ่งเศร้าไปใหญ่
‘เราไม่มีทางเลือกตราบใดที่ซอยูนยังอยู่แบบนี้’

ไม่นานมานี้ ซอยูนได้เปล่งเสียงพูดในที่สุด แต่ตั้งแต่ครั้งนั้นเธอก็ยังไม่ได้พูดออกมาอีก  เธอไม่ได้ดีขึ้นทันทีทันใด  ดังนั้นเพื่อจะให้เธอได้เป็นปกติอีกครั้งมันต้องใช้เวลาให้เธอเรียกคืนคำพูดของเธอ  ดังนั้นเพื่อการรักษาซอยูน  ตัวตนของวีดเป็นสิ่งจำเป็น  ดังนั้นเพื่อตัวของซอยูน เธอจึงต้องไปด้วย  นี่คือเหตุผลสำคัญที่จะต้องอยู่ใกล้ๆวีดไว้



เมแพนค้าขายกับออร์คที่ตกเป็นเหยื่ออย่างไร้ยางอาย
เมแพนมักบอกกับคนอื่นเสมอว่า
“วีดเป็นอาจารย์ของผม”

หาเงินจากลูกค้าด้วยวิธีการที่คลุมเครือ
ทำตัวเป็นคนดีระหว่างที่รีดเลือดจากผู้คน
การหยอดคำป้อยอระหว่างที่ขายของกลายเป็นสิ่งจำเป็น
ความโลภในเงินตราแบบไม่มีที่สิ้นสุด!

เขาเรียนรู้พื้นฐานการค้าขายจากวีด  เขาทำกระทั่งมองกระจกแล้วฝึกการยิ้มจนกระทั่งเห็นฟันครบทุกซี่

เมแพนจะมีส่วนร่วมในการผจญภัยในอาณาจักรแวมไพร์แน่นอน
การได้ไปยังพื้นที่ใหม่ๆ คือผลประโยชน์อันใหญ่หลวงสำหรับพ่อค้า  มันคือโอกาสอันดีที่จะได้สิทธิพิเศษในการหาเงิน ทักษะ และชื่อเสียงจากการค้าขาย(ก่อนคนอื่น) อาณาจักรแวมไพร์โทเดียมที่ไม่มีใครเคยไปมาก่อนไม่ใช่สถานที่ที่พ่อค้าจะปล่อยผ่านไปได้เลย
“การผจญภัยครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสดี”



เมแพนไม่เคยลืม
วีดนำทัพออร์คและดาร์คเอลฟ์ต่อสู้กับมอนสเตอร์ในเทือกเขายุโรกิ
วีดลงทุนเงินแสนเหรียญทองเพื่อผลลัพธ์ในการต่อสู้
เมแพนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว

มันเป็นผลที่เลี่ยงไม่ได้จากการเป็นอาชีพที่ไม่เอื้อต่อสถานการณ์การต่อสู้

ลิชไชร์และกองทัพอมตะ!
หัวใจของเขาโลดขึ้นทุกครั้งที่จำนวนศัตรูลดลงครั้งละมากๆ
มันมีความกดดัน  ความตื่นเต้น และความระทึก แล้วจากนั้นมันก็จบลง
เมแพนอยากไปผจญภัยแบบนั้นอีกสักครั้ง
.
.
.

นักดาบ นักดาบ2 นักดาบ3 นักดาบ4 และนักดาบ5
แทนที่จะออกล่าเป็นปาร์ตี้แบบเพล พวกเขาอยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขายุโรกิกับดาบของพวกเขา
ทุกๆวัน ตั้งแต่ตอนเช้า พวกเขาจะเหวี่ยงดาบไปมา

“พวกเราอุทิศชีวิตให้กับวิถีแห่งดาบ แต่นอกจากดาบแล้ว ผมก็อยากมีโอกาสได้เจอกับสาวๆบ้าง”
สัมผัสแห่งความรุ่มร้อนแฝงอยู่ในวิถีดาบของนักดาบ2


ดาบเป็นวิถีชีวิตของเขา
เขาจะไม่เสียใจที่เลือกทางนี้

ถ้าเขาสามารถเลือกอีกครั้ง เขาก็จะเลือกเดินเส้นทางแห่งดาบนี้อีกครั้ง  มันไม่ใช่แค่การทำให้ร่างแข็งแกร่งแต่เป็นการทำจิตใจให้ตั้งมั่น


นักดาบพูดไว้ว่า
“บ้านของลูกผู้ชายอยู่ที่ด้ามดาบ  แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีและชายคนนั้นแก่ลง แต่ดาบจะยังคงเยาว์วัยอยู่เสมอ”

อย่าละทิ้งดาบ

เจ้าจะได้พบกับผู้หญิงผ่านทางดาบ

แต่เจ้าต้องแข็งแกร่งเสียก่อน!

ปรมาจารย์เหวี่ยงดาบมาทั้งชีวิตในฐานะชายโสด


ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้!
มันเป็นอาชีพที่สามารถใช้อาวุธใดก็ได้
มันไม่สำคัญที่ความทนทานของดาบลดลงและกำลังจะพังจากการออกล่า
แค่หยิบอาวุธออกมาและเข้าจู่โจมมอนสเตอร์

พวกเขากินเมื่อรู้สึกหิว
“ความคิดจะไม่กระจ่างใสหากปล่อยให้ท้องว่าง”
นี่เป็นความเชื่อของนักดาบ นักดาบ2  และนักดาบ3
ในโลกจริงพวกเขาไม่มีปัญหาเลยหากจะต้องอดข้าวสัก 3 วัน


‘เราจะฉกหญิงมาได้ด้วยการมีความไวและแข็งแกร่งเหนือคนอื่น’

‘แรร์ไอเท็มที่โด่งดัง! เราจะต้องเรียกความสนใจจากหญิงได้แน่’

‘เราอยากปกป้อง  เราอยากมีคนดูแล  เราต้องการผู้หญิง!’
ความคิดของพวกเขาเต็มไปด้วยเรื่องของตัวเองขณะที่เหวี่ยงดาบ
มันไม่สำคัญเลยที่เหงื่อพวกเขาจะไหลท่วมเหมือนฝนตก  พวกเขาไม่คิดจะเลิกด้วยซ้ำ


พวกเขาหมกมุ่นอย่างหมดจด
พวกเขาเหวี่ยงดาบวันละ 100,000 ครั้ง
พวกเขาเหวี่ยงดาบแม้ระหว่างที่พวกเขาไม่ได้ล่าอะไร


ความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับสกิลและค่าพลังชีวิต  ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดพักแค่ตอนที่พวกเขาหมดแรง

มันใช้เวลาที่จะเปลี่ยนไปยังพื้นที่ล่าอีกแห่ง  และมันใช้เวลามากกว่านั้นที่จะหาเพื่อนร่วมปาร์ตี้
แม้พวกเขาจะได้เข้าร่วมปาร์ตี้กับคนอื่น  การล่าก็มักจะใช้เวลาไม่นาน
สำหรับเหล่านักดาบแล้วมันออกจะเป็นเรื่องน่ารำคาญมากกว่า


การต่อสู้ด้วยตัวของพวกเขาเอง!
พวกเขาเหวี่ยงดาบ 100,000 ครั้งต่อวัน
พวกไม่ต้องการตัวแปรใดๆอีก
เมื่อพวกเขาได้ตั้งเป้าหมายซักครั้งแล้ว  สิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำก็คือการฝึกฝน
พวกเขาไม่ต้องการไปยุ่งกับการคำนวณที่ยุ่งยาก
มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้เหงื่อไหลจนกระทั่งการหายใจกลายเป็นเรื่องลำบาก
มันเป็นชีวิตเดียวที่พวกเขารู้จักแล้ว




นักดาบ2 กลืนน้ำลายด้วยความหิว
“ผู้หญิงที่ใช่สำหรับผม  ผมไม่ต้องการอะไรมาก  ขนมปังบาร์เล่ย์กับข้าวโพดวันนี้  ขนมปังเรย์พรุ่งนี้  ผู้หญิงคนไหนก็ได้สำหรับผม”


นักดาบ5 มาตรฐานยังต่ำลงไปอีก
“กิมจิ 3 ครั้งต่อวัน  บะหมี่สำเร็จรูป  ถ้าเธอต้มน้ำร้อนได้ก็โอเคแล้ว”


มาตรฐานของพวกเขาต่ำลงมาก


“ผมว่าแค่มีไข่ก็ดีแล้ว”
นักดาบ2 ก็ไม่ยอมแพ้และคุยโอ่มากขึ้นไปอีก
“เคี้ยก! ไข่นี่ ไม่ต้องทำให้สุกเลยใช่มั้ย!”
“สำหรับความรักที่ต้องมีคนใดคนนึงเสียสละ  ทำไมผมยังไม่มีสาวอีกทั้งๆที่ผมทุ่มเทให้ขนาดนี้?  ”
นักดาบ2 ถามขึ้น



จากนั้นก็เป็นนักดาบ5
“รุ่นพี่ ผมว่าผมยอมเสียสละได้กระทั่งเนื้อ”
“เนื้อ!”
เหล่ารุ่นพี่ต่างนับถือกันในความตั้งมั่นของอีกฝ่าย


ในเวลานั้น เกือบพร้อมๆกัน สกิลของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น

ตริ้ง!

ความเชี่ยวชาญในการควบคุมอาวุธเพิ่มไปถึงระดับสูง เลเวล 6 ค่าการสร้างความเสียหายด้วยอาวุธทุกชนิดเพิ่มเป็น 360%
ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้น 3%  มานาในการใช้สกิลลดลง 4 %



ระดับสูง เลเวล 6
ด้วยอาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ พวกเขาสามารถเรียนการใช้อาวุธทุกอย่างไม่ใช่แค่ดาบ
สกิลอาวุธของพวกเขาเข้าใกล้ขั้นมาสเตอร์เข้าไปเรื่อยๆ

“ถ้าเรายังรักษาระดับไว้ได้  เราก็จะไปถึงจุดหมายเราได้สำเร็จ!”
นักดาบ2 นักดาบ3 นักดาบ5 และนักดาบ5 ตะโกนตอบกลับ
“ครับอาจารย์!”


การเพิ่มสกิลการใช้อาวุธนั้นยิ่งกว่าการฝืนทนทั่วไป  คนปกติจะต้องเบื่อและเหนื่อยกับการเหวี่ยงดาบตลอดวัน  แต่กระนั้นพวกเขากลับยังคงทุ่มเท
บนยอดเขา พวกเขายังคงดำเนินชีวิตไร้สีสันนี่ต่อไป


นักดาบวางดาบเขาลงกับพื้น
“พวกนาย!”
“ครับอาจารย์!”
“มานี่ซิ”

นักดาบ2 นักดาบ3 นักดาบ4 และนักดาบ5 รีบรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

“มีอะไรเหรอครับท่านอาจารย์!”
“ดูซิว่าเราอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว”


คนอื่นๆพึ่งรู้ตัวว่าพวกเขาได้อยู่ที่นี้มาสองสามเดือนแล้ว

“บางครั้งบางคราว พวกเจ้าไม่เคยรู้สึกอยากดับความกระหายด้วยการออกไปผจญโลกภายนอกบ้างหรือ?”
นักดาบถามความเห็นของลูกศิษย์

“ครับ บางครั้งผมก็คิด”
นักดาบ5 อ้าปากหัวเราะและฉีกยิ้ม  นาทีนั้นการตัดสินใจและการกระทำได้แยกออกจากัน


ในอดีตพวกเขาคิดว่าพวกเขามีสกิลต่อสู้อันน่าเหลือเชื่อแล้ว  แต่มันน่ากลัวที่เมื่อคิดตอนนี้แล้วพวกเขาพัฒนาจากตอนนั้นมากขนาดไหน

ตอนนี้พวกนักดาบสามารถสนุกไปกับการต่อสู้
นักดาบ5 หลับตาเชื่อคำพูดของปรมาจารย์ดาบไปทุกอย่าง

“อาจารย์ นี่เป็นความคิดที่ดีมากเลย  ท่านอาจารย์มีที่ๆคิดไว้แล้วในใจรึยัง?”

“พวกเราไม่ค่อยรู้จักทวีปเวอร์แซลมากนัก  พวกเจ้าอยากไปในที่ๆไม่มีใครเคยไปมาก่อนหรือไม่?”

“มันคงจะดีนะ”

“ครั้งนี่เราจะเดินทางไปด้วยกันกับวีด”

“อืม ที่ๆเราจะไปนี่มีแวมไพร์อยู่”

“มารวบรวมพวกเด็กๆไปกันเถอะ!”




นักดาบทั้งหลายที่ครั้งหนึ่งได้แยกจากกันไปเพื่อทำการฝึกฝนเฉพาะตัว
ณ บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะกลับมาอีกครั้ง
การรวมพลของเหล่านักดาบ!


นักดาบทั้งหลายที่ได้แยกย้ายกันไปถึงสุดขอบทวีปเพื่อตามหาหนทางของนักรบกลับมารวมกลุ่มกัน
พวกเขาต่างมีจุดมุ่งหมายมากมายหลายอย่าง บ้างก็ออกตามหาดาบที่แข็งแกร่ง บ้างก็พเนจร บางคนก็ไปทำภารกิจ แต่เกือบทั้งหมดล้วนแล้วแต่ตามหาผู้แข็งแกร่งเพื่อท้าทาย
พวกเขาต่างเพิ่มระดับด้วยการออกล่า
มีบางส่วนที่มารวมกลุ่มกันเพื่อช่วยเมืองที่ย่ำแย่อย่างโมราต้า


“สกิลดาบของข้าไปถึงขั้นสูงระดับที่3 แล้วเพราะงั้นตอนนี้ข้าน่ะเก่งขึ้นเยอะ”
“จากการทำเควสค่าชื่อเสียงของผมก็ไปถึง 10200 แต้มแล้ว”
“ข้าไปทางตอนเหนือและได้ร่วมต่อสู้กับเจ้าปิงหลง”


เหล่าผู้ฝึกฝนต่างภูมิใจในความสำเร็จของตน พวกเขาได้เรียนรู้ลูกเล่นต่างๆ ในการต่อสู้ และเรียนรู้ที่จะไม่ยอมแพ้
นักดาบ 5 เห็นผู้ฝึกฝนทั้ง 500 คนต่างมีจิตวิญญาณของนักรบในแววตา
ก่อนนี้เขาเพียงหัวเราะอยู่อย่างเงียบ ๆ
แต่ตอนนี้กลับยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ
“เจ้าคนที่เด็กสุด เจ้าไปทำอะไรที่ไหนมา”
“หึหึหึ ศิษย์พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าผมผ่านความเจ็บปวดมามากมายขนาดไหน แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ล่ะก็จะบอกให้ก็ได้”
“เล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ก็ทวีปของเราเนี่ยมันร้อนบัดซบเลยใช่ไหมครับช่วงนี้น่ะศิษย์พี่”
“ข้ารู้”
ผู้ฝึกดาบทั้งหลายต่างพยักหน้า
ความอึดลดลงเร็วมากพร้อมกับเหงื่อที่ไหลดั่งสายน้ำ จากอากาศที่อุ่นขึ้น ตอนกลางของทวีปเป็นศูนย์กลางที่คนมารวมตัวกันจากจำนวนมอนสเตอร์ที่มากมายและภารกิจ ทุกคนต่างก็ต้องพักหลังจากออกล่า
พวกเขาไม่อาจทนทานต่อความร้อนได้หากไม่ได้มีจิตใจที่มุ่งมั่นของผู้ฝึกฝนที่มุ่งมั่นฝึกตน
นักดาบทั้ง 500  คนต่างหัวเราะอย่างมีเงื่อนงำ
“ทวีปตอนนี้ร้อนขึ้นผมเลยไปที่แม่น้ำเซลรัน(Selrun)”
“แม่น้ำ?”
“มันอยู่ไหนล่ะนั่น”
“มอนสเตอร์แบบไหนเรอะที่เข้าจู่โจม”


เหล่าผู้ฝึกดาบต่างอยากรู้
พวกเขาได้รับฟังเส้นทางแห่งดาบมาจากนักดาบ 2 แล้ว
สัญชาติญาณแห่งการต่อสู้ถูกปลุกเร้าขึ้นมากมายหลายเท่าระหว่างที่ได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง
แต่ว่าเขากลับสั่นศีรษะเพื่อแสดงว่ามันไม่ใช่อะไรที่ไร้สาระอย่างที่ทั้ง 500 คนกำลังคิด
“ผมหมายถึงว่า ที่นั่นมันไม่มอนสเตอร์เลยตะหาก แม่น้ำเซลรันนั่นมีชื่อเสียงเลื่องลือจากความใสสะอาดบริสุทธิ์ สายน้ำที่ไหลผ่านไปนั่นมันช่างเหมาะสมกับการว่ายน้ำจริง ๆ”
“ว่ายน้ำ? นายไปที่นั่นเพื่อว่ายน้ำ?”
“ก็นะ สาว ๆ ทั้งหลายที่นั่น พออากาศมันร้อน สาวเป็นหมื่นๆ คนก็เลยใส่ชุดบิกินี่กันหมด”
“เฮือก!”
“หละ หลายหมื่น”
ดวงตาของนักดาบทั้งหลายต่างสาดประกายระยิบระยับออกมา
“บอกมาให้ละเอียดเลยว่า มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแกถึงไปอยู่ที่นั่นได้ฟะ”
“ก็เพราะว่ามันร้อนน่ะครับ สาว ๆ เขาก็เอนจอยกับการเล่นสาดน้ำกันที่แม่น้ำ ทีนี้แม่น้ำมันใสซะจนมองเห็นอะไร ๆ ใต้น้ำหมด รวมไปถึงบิกินี่ด้วย แหะแหะ ผมเองก็ไปกับเด็กผู้หญิงที่ผมเจอแหละครับ”
“น่าอิจฉาเกินไปแล้ว!”


ครูฝึกและลูกศิษย์ทั้งหลายต่างยอมรับเห็นพ้องต้องกันว่านี่มันดูจะเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่เสียกว่าใครในพวกเขาทั้ง 505 คนที่ฝึกวิถีดาบแห่งนักรบเสียอีก!








ลีฮุนเข้าเว็บไปดูการซื้อขายไอเทมตามกิจวัตรประจำวัน
“ธนูของไฮเอลฟ์ ราคามันดีดขึ้นไปเรื่อยๆ  เลยแฮะ”
ตามธรรมดาของสินค้าที่มีคนต้องการเยอะแต่คนขายหาแทบไม่ได้ ราคามันก็ต้องขึ้น
ฮุนมองไอเทมในเว็บแล้วก็ไปที่เวปของกลุ่มดาร์คเกมเมอร์
ในเวปนี้คุณจะเห็นข้อมูลมากมายมหาศาลตาม แรงค์ของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องบอกอะไรที่คุณไม่ต้องการให้รู้กันไปทั่ว
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผูกขาดข้อมูลไว้
ไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่า ข้อมูลนั่นล่ะสำคัญที่สุดสำหรับดาร์คเกมเมอร์ทุกคน


ดาร์คเกมเมอร์ต่างก็เข้าถึงข้อมูลที่ไม่เปิดเผยทั่วไปกับกลุ่มคนส่วนใหญ่ แรงค์ของฮุนคือ C
มันเป็นระดับที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรกสมัคร
เขาไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ซ่อนเร้น เกี่ยวกับเควสสำคัญ ๆ และที่ล่าลับ ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีข้อมูลมากมายที่เขาจะได้จากกลุ่มอยู่ดี
ถ้าจะให้พูดกันตรง ๆ พวกข้อมูลทั่วไปที่เปิดเผยในเน็ตล้วนมีไม่ครบถ้วน
แต่สำหรับที่นี่มันเป็นไปได้ที่จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรและปราสาทต่าง ๆ ลักษณะเด่นของแต่ละเมือง การวิเคราะห์ที่เก็บระดับ และบทวิเคราะห์วัตถุดิบ มันช่างแตกต่างจากพวกบทความระดับต่ำ ๆ
“อีกไม่นานเราก็คงต้อง อัพข้อมูลเพิ่มแรงค์ของเราเหมือนกัน”
กฎข้อ 2 ของดารค์เกมเมอร์  ให้ให้มากเท่าที่คุณได้รับ!


ดังนั้นเพื่อรางวัลฮุนเองก็อัพโหลดข้อมูลเกี่ยวกับทางเหนือลงไป
ดาร์คเกมเมอร์ เพลิดเพลินกับการล่าและรับภารกิจเพื่อออกผจญภัย ที่ล่าดี ๆ ที่ไม่ได้ถูกยึดครองด้วยกิลด์ให้คุณต้องจ่ายเงินเพื่อไปล่านั้นหายาก
แล้วถ้าคุณต้องจ่ายเงินให้กิลด์เรื่อย ๆ มันก็ยิ่งทำเงินได้ลำบาก เพราะฉะนั้นการก้าวไปในเส้นทางที่ยากลำบากนั้นย่อมดีกว่า
เขาพิจารณาข้อมูลที่มีตั้งแต่โมราต้าไปจนถึงหุบเขาแห่งความตาย และคิดว่าข้อมูลเกี่ยวกับพวกหมาป่าจะมีประโยชน์กับกลุ่มดาร์คเกมเมอร์
จากนั้นลีฮุนก็เช็คการแลกเปลี่ยนซื้อขายในกลุ่มดาร์คเกมเมอร์
มันมีทั้งการซื้อสินค้า ขนส่งสินค้า ไปจนถึงจ้างกลุ่มดาร์คเกมเมอร์เข้าร่วมสงคราม
คุณเลือกได้ตามแรงค์ของคุณ


-แรงค์แดง จำนวนครั้งที่มีการซื้อขาย 12 : จำนวนที่เลือก มรกตที่เจียรนัยโดยเมทสัน ใช้สำหรับเควส ต้องการรับสินค้าภายใน 3 วัน
-แรงค์น้ำเงิน จำนวนครั้งที่มีการซื้อขาย 7 : พวกเราคือกิลแห่งธาตุ ต้องการคนที่จะไปปกป้องน้ำพุแห่งธาตุ
-แรงค์น้ำเงิน จำนวนครั้งที่มีการซื้อขาย 2 : ต้องการให้ไปฆ่าคนคนนึง ส่งข้อความมาถ้าคุณสนใจ


การว่าจ้างฆาตกรรมเองก็มีเข้ามาเป็นครั้งคราว เหล่าดาร์คเกมเมอร์ไม่มีความรู้สึกต่อต้านคนแบบนี้ หรือรู้สึกว่าจะต้องผดุงความยุติธรรมใดๆ ก็แค่แหล่งกำไรงาม ๆ ทางหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ใช่ว่างานเหล่านี้จะยอมรับกันเสมอไปแบบไม่มีเงื่อนไข มันเป็นเรื่องลำบากที่จะหาเงินในรอยัลโรด เนื่องจากข้อจำกัดมากมายของพวกที่ฆ่าผู้เล่นด้วยกัน เพราะฉะนั้นโดยทั่วไปแล้วถ้าไม่ต้องการเงินจริง ๆ ก็จะไม่มีใครรับงานฆาตกรรมกัน
แต่รายได้จากงานฆาตกรรมนี่ดูจะเตะตาที่สุดแล้วในบอร์ด


-แรงค์เพชร จำนวนครั้งที่มีการซื้อขาย 183 : ต้องการหอกของปักหลั่น อย่าได้ถามว่าทำไม โปรดช่วยผมด้วย ราคาต่อรองกันภายหลังได้


หอกปักหลั่น!
ถึงชื่อไอเทมจะไม่เป็นที่รู้จักแต่มีข่าวลือจากข้อมูลที่เปิดออกมาอยู่ แค่ดูจากชื่อก็รู้ได้ว่ามันเป็นไอเทมเอกลักษณ์ที่มีเพียงชิ้นเดียว
“เป็นเควสแหง ๆ ต้องการหอกปักหลั่นไปเพื่อเควสแน่ ๆ”
ไอเทมเอกลักษณ์
ค่าซื้อขายจากผู้เล่นระดับเพชรโดยปกติไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านวอน แค่ดูจากแรงค์ มันอาจจะได้หลายล้านวอนเลยทีเดียว
ฮุนจำชื่อของหอกไว้ในหัวแล้ว
เหล่าดาร์คเกมเมอร์ต่างจดจำชื่อไอเทมที่จะมีการซื้อขายไว้ แล้วถ้าพวกเขาต้องออกไปล่า พวกเขาก็จะจำได้ว่าต้องการ หัวใจแดง 300 ชิ้น ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะสะสมมาให้เพียงพอกับคำร้องขอ นี่ล่ะหนทางแห่งการหาเงิน
จำนวนครั้งที่มีการซื้อขาย ในแต่ละงานอาจจะไม่ถึง  0.1% ด้วยซ้ำ


-แรงค์เพชร จำนวนครั้งที่มีการซื้อขาย 289 : พวกเราเป็นปาร์ตี้ 6 คนระดับเลเวลเฉลี่ยคือ  360  ต้องการใช้ระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ได้หยุดยาวไปในทวีปเวอร์เซล จะเป็นเควส หรือผจญภัย หรือไปออกท่องเที่ยวก็ได้
5  ล้านวอน


“5ล้านวอน”
ปากของฮุนดูราวกับจะเย้ยหยัน ดูจากจำนวนครั้งที่มีการซื้อขายและระดับของผู้เล่นกลุ่มนี้ ฮุนก็คาดเดาได้ถึงลักษณะนิสัยของคนที่มาโพส
“ไอ้พวกนี้มันคิดว่าเงินทำได้ทุกอย่างสินะ!”
ฮุนดูจอไปพร้อมกับสาปแช่งไปอีกพักหนึ่งจากนั้นก็ขยับเม้าส์ไปส่งเมล


สวัสดีครับผมติดต่อคุณมาจากกลุ่มดาร์คเกมเมอร์
ตอนนี้ยังว่างอยู่รึเปล่าครับ?
ถ้าไม่ว่างแล้วก็ไม่เป็นไร...แต่ถ้าคุณสนใจก็ตอบกลับมานะครับ
ผมจะเชิญคุณไปยังเมืองในอาณาจักรแห่งใหม่ของเหล่าแวมไพร์ผู้เป็นอมตะ
โปรดมาด้วยกันเถอะครับ ขอบคุณ!
คำนับ [tlnote: ฮุนเอ๊ยแกนี่มัน....]


เล่มที่ 10 ตอนที่ 9 จบ
.



<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

เล่มที่ 10 ตอนที่ 8 หอคอยแห่งแสง (The Tower of Light)

เล่มที่ 10 ตอนที่ 8 หอคอยแห่งแสง (The Tower of Light)


ทันทีที่ลีฮุนออกมาจากแคปซูล   เขาก็เชื่อมต่อเข้าเว็บไซต์ขายของทันที
-รับซื้อธนูเอลฟ์
-รับซื้อธนูเอลฟ์ครับ  จะเป็นธนูของดาร์กเอล์ฟ หรือวู้ดเอลฟ์ก็ได้
- จ่ายอย่างงามสำหรับธนูขั้นแรร์หรือยูนิกเลเวล 300   ให้ราคาดีกว่าราคาตลาดทั่วไป
กระทู้ที่เต็มไปทั่วเว็บบอร์ดแสดงให้เห็นถึงจำนวนของนักธนูภายในเกม  ราคาสินค้าสำหรับอาชีพนี้สูงมากเนื่องจากปริมาณสินค้ามีจำกัด
วีดยิ้มต่อสิ่งเหล่านี้
 ‘แจ่มไปเลย’

ธนูไฮเอลฟ์!
ถ้าเขาเอามันขึ้นในเว็บไซต์ประมูลล่ะก็  คงจะได้ราคาดีมาก
มูลค่าของอาวุธระดับเลเวล 400 นั้นสูงมาก ยิ่งกว่านั้นมันยังมีคุณสมบัติเสริมที่หลากหลาย อย่างเช่นพลังโจมตีที่สูง และระยะการโจมตีที่ไกล
อาวุธของเอลฟ์นั้นมีประโยชน์หลากหลายประการ

“ด้วยเงินจำนวนมากขนาดนั้น เราคงเก็บไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ 2 ถึง 3 เดือน เลยล่ะ”
ลี ฮุนนั้นตื่นเต้นมาก
เขาอยากจะลงทะเบียนสร้อยข้อมือของกษัตริย์กับธนูไฮเอลฟ์ในเว็บไซต์ประมูล แต่เขาตัดสินใจระงับแรงกระตุ้นนั้นไว้ก่อน
มันไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงแต่อย่างใดถ้าจะบอกว่ายูนิกไอเท็มนั้นจะเปลี่ยนเป็นเงินเมื่อไหร่ก็ได้
เพราะเพียงแค่วางขายพวกมันก็จะได้รับเงินมาแล้ว

“คนอื่นๆ มีของดีให้ใช้  เราก็มีเหมือนกัน”
จุดประสงค์ของการได้ไอเท็มดีๆ มาก็คือ สวมใส่มันและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก!
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเก็บพวกมันไว้กับตัวสักระยะหนึ่ง
ลีฮุนเลิกดูเว็บบอร์ด และเดินออกจากบ้านไป
“ไม่ได้รู้สึกดีขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ”
ลีฮุนมุ่งหน้าไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
***

ซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ที่ชั้น 5 ของห้างสรรพสินค้านั้นมีลูกค้ามาใช้บริการขวักไขว่
เป็นเรื่องค่อนข้างแปลกที่ลีฮุนมาที่นี่
‘ร้านของชำนั้นมีของราคาถูกก็จริง แต่คุณภาพก็ต่ำตามไปด้วย’
ลีฮุนตามปกติจะไม่มีทางมาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างเด็ดขาด เพราะโดยทั่วไปราคาของสินค้าที่นี่นั้นค่อนข้างแพง
ถ้าจะหาของอย่างไข่หรือเนื้อสัตว์ มันเทียบไม่ได้กับที่ขายในตลาดสดเลย ยกเว้นอย่างเดียวคือตอนที่มันซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง
 ‘ดูๆ ไปแล้ว ก็มีแต่ของไร้ประโยชน์นะ แถมเกือบทั้งหมดยังขายราคาแพงเว่อร์’
เมื่อมองดูราคาแล้ว เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง  การจะมาช้อปปิ้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ตนี่คงจะทำให้เกินงบที่เขามีแน่ๆ
ซึ่งต่อให้เอาประโยชน์และความสะดวกสบายมารวมก็ยังไม่อาจเทียบได้กับของราคาถูกที่ซื้อได้จากตลาดสดเลย
ลีฮุนได้ก้าวเข้ามายังสถานที่เช่นนี้

ลีฮุนดึงรถเข็นออกมา
“โอเค ถึงเวลาช้อปแล้ว!”
เขากำลังช้อปปิ้งเพื่อฉลองความโชคดีของตน!
ฮุนเลือกได้แต่ของที่คุณก็ไม่อาจจะจินตนาการว่าจะมีคนหาได้  เขาเลือกสินค้าราคาไม่แพงจำนวนมาก แทนที่จะเลือกสินค้ามียี่ห้อ
“เอาพายชิววี่ช็อกโก้สัก 2 กล่องดีไหมนะ  แต่ 3 กล่องก็กำลังดี    เอ.. 3 กล่องเหรอ   เอา 4 ไปเลยดีไหมหว่า?”
ลีฮุนสับสนไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ส่ายหัว
“โอ๊ะ ใช่แล้ว  เราจะเอา 4 หรือ 5 กล่องก็ได้  แต่ 4 กล่องนี่ก็น่าจะพอแล้ว  พนันได้เลยว่าเราคงไม่เอาอีกแล้ว ฮ่าๆๆ  ขนมพวกนี้น่าอร่อยจริงๆ”  t/n เอ็งไหวปะ -_-
อย่างไรก็ตาม  เมื่อมาถึงการซื้อของใช้ในครัว มันกลับกลายเป็นเรื่องยาก
น้ำมันมะกอกราคาแพงเป็นสองเท่าของน้ำมันทำอาหารทั่วไป!
เขาซื้อกล่องเกลือที่ถูกแพ็คแยกไว้ต่างหาก
เขาอยากรู้ความแตกต่างระหว่างเกลือที่แพงกว่า 200 วอน นี้!
“ค่อนข้างฟุ้งเฟ้อไปไหมเรา”
***

การเล่นเกมของซอยูนทุกวินาที ถูกซา อึนฮี บันทึกไว้หมด
“น่าอิจฉาจัง   คงจะดีถ้าเราได้ไปผจญภัยแบบนั้นบ้าง”
เธอเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับตัววีดทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว

มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเสาะหาคนที่โด่งดังในอินเตอร์เน็ต
เธอรู้ชื่อเขา  แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงในอดีต
ข้อมูลที่เธอพบนั้นมีแค่ ผลงานอันน่าเหลือเชื่อของเขาในเกม คอนทิเนนท์ออฟเมจิก  และสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในรอยัลโร้ดตอนนี้
ข้อมูลที่ปรากฏต่อหน้าชาอึนฮีนั้นช่างเหลือเชื่อ  คนคนนี้ ด้วยโอกาสเพียงน้อยนิด กลับโชคดีและกลายมาเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว
“ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม...อีกทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดัง”
เธอแทบไม่อยากจะเชื่อจนกระทั่งได้เห็นด้วยตาตนเอง
จากนั้นเธอก็ได้เห็นภารกิจในวีดิโอ  การล่าแวมไพร์สายเลือดแท้   การสร้างพีระมิด และการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ในที่ราบแห่งความสิ้นหวังที่ทุกคนพูดถึง!
นับจากนั้นเองที่ ชาอึนฮีกลายมาเป็นแฟนเกมรอยัลโร้ด
ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นทำให้เธอยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้นไปอีก
 “ชอบนักผจญภัยวีดที่สุดเลย”
ความหลงใหลในความเพียรพยายาม!
ชา อึนฮีนั้นหมกมุ่นจดจ่ออยู่กับความคิดของตนเองอย่างอดทนเพื่อที่จะแก้ไขภารกิจ
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ปรากฏในการผจญภัยของวีด  ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับแวมไพร์สายเลือดแท้  หรือตอนที่ราบแห่งความสิ้นหวัง
เขาได้ประสบและเอาชัยเหนือภารกิจเหล่านั้น  อย่างไรก็ตามภารกิจพวกนี้ก็ไม่ใช่ภารกิจสำคัญในทวีปเวอร์เซลล์

คณะสำรวจจากอาณาจักรที่ออกเดินทางไปค้นหาในผืนป่านิรนาม
นักผจญภัยที่มุ่งหน้าไปสำรวจโบราณสถานและดันเจี้ยนใหม่ๆ
การรับภารกิจเพื่อเคลียร์ซ่องโจรซึ่งเป็นอดีตขุนนาง
การท่องเที่ยวไปยังอาณาจักรใหม่ๆ และสัมผัสกับการผจญภัยและภารกิจอันน่าตื่นเต้น  สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่รวมกันเป็นทวีปเวอร์เซลล์
แต่กระนั้น  การผจญภัยของวีดกลับมีสิ่งพิเศษที่การผจญภัยของคนอื่นๆ ไม่มี
นั่นคือสิ่งที่ชา อึนฮีต้องการค้นหา
 “แม้จะค่อยๆ ก้าวไปทีละขั้น แค่สถานการณ์ที่ไม่คาดฝันก็มักจะเกิดขึ้นและขัดขวางความพยายามของพวกเขา  ซึ่งนั่นพาทำให้ผู้คนต่างยอมแพ้”
ภารกิจเกือบทั้งหมดล้มเหลว  ยิ่งเป็นภารกิจที่ยากขึ้นเท่าใด ความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลวก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
วีดนั้นก็เป็นมนุษย์เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ผู้คนก็ไม่อาจจะละสายตาไปจากภารกิจของเขาได้
พฤติกรรมที่ไม่อาจคาดหมายได้นั้นเป็นจุดเด่นของวีด
เขาไม่เหมือนผู้เล่นคนอื่น  เขาแก้ไขภารกิจโดยไม่ได้อาศัยแค่ความแข็งแกร่งหรือเลเวล แต่ด้วยความแปลกแหวกแนว

ความตึงเครียดที่มาพร้อมกับความตื่นเต้น
เสน่ห์ของเขาที่แสดงออกมาในขณะที่กำลังบัญชาการพวกออร์คและดาร์กเอลฟ์
ผู้คนมักจะประหลาดใจกับทักษะฝีมือการต่อสู้ของเขาอยู่เสมอ  แต่มันเป็นเหมือนเอกลักษณ์ของเขาไปแล้ว  จิตวิญญาณที่เขาแสดงออกมานั้นทำให้ผู้คนต่างหลงใหล
 “ในคอนทิเนนท์ออฟเมจิก ดูเหมือนเขาจะได้รับความนิยมเพราะเหตุผลบางอย่าง   แต่ตอนนี้เขากำลังสร้างตำนานใหม่ในรอยัลโร้ด  การมีคนมาชื่นชอบจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
ชา อึนฮีต้องยอมรับว่า เธอจำไม่ได้แล้วว่าย้อนไปดูฉากที่วีดสู้กับมังกรไปกี่ครั้ง ซึ่งคนอื่นๆ เกือบทั้งหมดต่างก็วนดูกันไปหลายสิบรอบด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าวีดนั้นจะยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้นไปอีก
ทันใดนั้นเอง ชาอึนฮึก็ต้องประหลาดใจเมื่อเธอดูวีดิโอในแคปซูลของซอยูน

- เพื่อน...
แม้มันจะเป็นเพียงแค่คำคำเดียว  แต่ซอยูนก็เปิดปากพูดแล้ว
ซอยูนไม่ต้องการแยกจากวีดและจำต้องพูดออกมา
จากนั้นวีดก็ตอบรับคำของเธอ
แต่ซอยูนก็ไม่มีเวลาพูดอย่างอื่นอีก
 “คงเป็นเพราะเธอไม่ได้พูดมานาน  เธอจึงไม่สามารถพูดโต้ตอบได้อีก”
ชา อึนฮีรู้สึกสงสารซอยูน  สำหรับคนอย่างเธอที่ใช้ชีวิตมาเนิ่นนานโดยไม่ได้พูดกับใครย่อมลืมไปแล้วว่าต้องพูดกับคนอื่นอย่างไร
การพูดจากลายเป็นเรื่องติดขัด และเธอคงไม่อยากจะพูดอะไรที่ทำให้รู้สึกอับอาย
***

หลังจากที่เพลและโรมูเนะกลับจากเทือกเขายุโรกิ   พวกเขาก็มาต้อนรับยูรินอย่างอบอุ่น
‘นี่สินะน้องสาวของวีด’

ฮวารยองไม่ทราบว่ายูรินเป็นคนในครอบครัวของคนที่เธอชอบ  คนอื่นๆ ต่างสงสัยเล็กน้อยเมื่อยูรินเข้าร่วมปาร์ตี้  เพลเกาหัวเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า
“ยูริน...มันค่อนข้างจะอันตรายนะ  ไปกับพวกเราจะดีเหรอ?”
ในฐานะที่เป็นผู้นำปาร์ตี้  เพลถามอย่างระมัดระวังเพื่อมิให้เธอต้องเจ็บตัว
“ดูนั่น...เทือกเขายุโรกิไม่ใช่สถานที่ล่าง่ายๆ นะ  มีมอนสเตอร์อยู่เยอะมากและบางครั้งพวกเราก็ถึงตายเลยล่ะ  เราไปที่ง่ายๆ และเหมาะกับผู้เริ่มต้นจะดีกว่าไหม?”
ยูรินขบคิดชั่วขณะและจากนั้นเธอก็ส่ายหัว
“ไม่เป็นไรค่ะ  ยิ่งยากสิยิ่งดี”
“แต่มันอันตรายจริงๆ น้า...”
 “หนูรู้ค่ะ   หนูก็แค่ต้องมองหาที่ปลอดภัยๆ แล้วก็นั่งวาดมอนสเตอร์ไป”
“ถ้างั้นก็ไปกัน  บอกพวกเรานะถ้าน้องอยู่ในอันตราย เดี๋ยวจะช่วยป้องกันให้”
“โอเคค่า”



ยูรินนั่งบนพื้นและหยิบอุปกรณ์วาดรูปออกมา
จากนั้นไม่นานเธอก็วาดรูปเพลที่กำลังยิงธนูใส่มอนสเตอร์
ควับ ควับ!
ยูรินเคลื่อนดินสออย่างรวดเร็วบนผ้าใบ จากนั้นก็ลงสีภาพออร์คดุดันที่กำลังวิ่งอยู่รอบๆ
ตริ้ง!
-คุณใช้ทักษะวาดรูป  
คุณได้ลงสีออร์ค  สำเร็จอย่างยอดเยี่ยม!  ภาพวาดนี้จารึกชื่อให้ออร์ค
การวาดทำให้ออร์คยิ่งดุร้ายยิ่งขึ้น
-ทักษะวาดรูปพัฒนาขึ้น
ภาพวาดทำให้ออร์คอีโวขึ้นเป็นมอนสเตอร์ที่มีชื่อ
มอนสเตอร์ที่มีชื่อจะแข็งแกร่งขึ้น 20%
มอนสเตอร์ที่มีชื่อจะให้ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นและมีอัตราดรอบไอเทมดีขึ้น
นี่คือทักษะลับของจิตรกร!
“โอ้ มอนสเตอร์มีชื่อล่ะ”
“เซอร์กะ ซื้อเวลาให้หน่อย  เดี๋ยวพี่จะเตรียมเวทที่แรงขึ้น”
“โอเคค่ะพี่สาว”
ปาร์ตี้ต้องต่อสู้อย่างดุเดือดกับมอนสเตอร์ที่ได้รับบัฟเสริมจากการวาดภาพ

ยูรินเริ่มขีดๆ เขียนๆ เหนือภาพออร์ค
เธอเติมหนวดให้ใบหน้าที่น่ากลัวของออร์คนั้น ใส่แว่นให้มัน พร้อมกับให้มันถือหนังสือราวกับมันกำลังควบคุมการแสดง

-คุณใช้ทักษะขีดเส้นขยุกขยิก
ตอนนี้ออร์คจะกลายเป็นออร์คที่สุภาพและเฉื่อยชา
ศัตรูบาดเจ็บจากแผลที่สีข้าง บริเวณนี้จะเป็นจุดอ่อนสำคัญของมัน

ด้วยทักษะที่เธอมี ทำให้ยูรินช่วยเหลือปาร์ตี้ได้อย่างดี แม้เธอจะไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้โดยตรง
การได้มองยูรินซึ่งสวมฮู้ดราวกับหนูน้อยหมวกแดง และวาดภาพอยู่เงียบๆ  ทำให้คนอื่นๆ ต่างอยากเข้าสวมกอดเธอ
แต่ภาพที่เธอวาดออกมานั้นช่างเลือดสาดเหลือเกิน  มันเป็นภาพที่ออร์คผู้ซึ่งรู้กันว่าเป็นผู้ครองผืนป่า ถูกโยนไปมาราวกับกระต่าย แล้วบนหัวของออร์คนั้นก็ถูกเสียบไปด้วยงูทองคำสวยงาม 3 ตัว
ยูรินเป็นเด็กสาวที่น่ารัก  แต่ภาพนั้นแสดงออกถึงความจริงที่โหดร้าย
การข่มเหงอย่างไร้มนุษยธรรม!
เพลพยักหน้าเล็กน้อย
‘น้องสาวของวีดชัวป้าป’
เลือดที่ไหลเวียนในตัวยูรินนั้นเป็นแบบเดียวกับวีดแน่ๆ
***

ทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับทวีปเวอร์เซลล์ออกมา ยอดผู้ชมมักจะพุ่งสูงขึ้นเสมอ
โอ จูวาน และชิน เฮมิน ถ่ายทอดรายการสนทนากับผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง
“ไม่กี่วันก่อน ผู้เล่นอาชีพสายต่อสู้ได้เข้าครอบครองปราสาท”
“วอริเออร์กับอัศวินนั้นดูเหมือนจะเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมที่สุดในการเข้าครอบครองปราสาท มีบ้างที่เป็นนักเวทแต่ก็ไม่มากนัก”
 “สายอาชีพที่เด่นในด้านการเป็นผู้นำคนอื่นเข้าสู่การต่อสู้นี่ดูดีทีเดียว”
“อย่างไรก็ตาม  นี่เป็นครั้งแรกที่อาชีพแบล็กสมิทที่มีเงินมากพอนั้นก็สามารถกลายเป็นเจ้าของปราสาทได้”
ผู้เชี่ยวชาญในทวีปเวอร์เซลล์ต่างถกความเห็นกัน
“จริงเหรอ”
“ผมนึกไม่ออกเลยว่าจะทำยังไง”
“บางทีอาจจะบังเอิญรึเปล่า?  หรือไม่ก็มีสถานการณ์พิเศษบางอย่าง?”

หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปหลังจากสามารถซื้อปราสาทมาได้
การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรซึ่งสนใจในแร่โลหะ
ผู้อยู่อาศัยที่พูดถึงแร่โลหะ และมอบภารกิจที่เกี่ยวข้องกับมัน ซึ่งโดยปกติมักจะเป็นการถลุงแร่วัตถุดิบ หรือสร้างไอเท็มพิเศษบางอย่าง

จำนวนภารกิจสำหรับอาชีพแบล็กสมิทนั้นมีจำกัด และเกือบทุกครั้งที่เควสนั้นยากเกินกว่าที่อาชีพแบล็กสมิทจะทำได้สำเร็จ  อีกทั้งยังมีความจริงที่ว่า ค่าชื่อเสียงที่ไม่เพียงพอนั้นยังทำให้แบล็กสมิทไม่สามารถรับภารกิจได้  และเพราะนานๆ ครั้งถึงมีเควสให้ทำ เหล่าแบล็กสมิทจึงจำต้องนั่งทำงานทั้งวันเพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญในทักษะ

ในปราสาทของแบล็กสมิทนั้น ภารกิจที่มีค่อนข้างเบสิก  แต่รางวัลที่ได้รับจากภารกิจเหล่านั้นก็ค่อนข้างดี
จากการสร้างอาวุธและชุดเกราะที่เหมาะสมกับภารกิจ ทำให้ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อาวุธที่เป็นที่ต้องการของภารกิจนั้นอาจจะต้องใช้ทักษะที่มากขึ้น และถึงแม้ผลลัพธ์จะไม่ดีนัก แต่แบล็กสมิทก็ยังได้รับการฝึกฝนที่เหมาะสม ซึ่งนั่นช่วยบรรเทาภาระให้พวกเขาได้อย่างมาก

“ผมคิดว่าต้องขอบคุณปราสาทนี้ ที่ทำให้อาชีพสายแบล็กสมิทและช่างฝีมืออื่นๆ ได้รับการดูแลที่ดีขึ้น”
“ช่างฝีมือเหรอ?”
ฮาน กิล ตาลุกวาว
สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก
 “ใช่แล้ว  ผมคิดว่าปราสาทใหม่นั่นคงทำให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น และคุณค่าของอาชีพแบล็กสมิทก็จะเพิ่มขึ้นมาก”
“นั่นหมายความว่า...”
ทุกสายตาต่างจ้องมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญ
“อาชีพของเจ้าของปราสาทนั้นจะสามารถสร้างผลกระทบที่สำคัญให้กับทวีปได้”
บทสรุปทั้งหมดพุ่งมาบรรจบที่จุดเดียวกัน  หาไม่แล้วผู้คนก็คงจะไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้

ชิน เฮ มิน ถามขึ้นอย่างสงสัย
 “จากผู้ครอบครองปราสาทคนใหม่ที่เป็นแบล็กสมิทนี้ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบไหนเหรอคะ?”
“ยังเร็วไปที่จะสรุปผลที่ชัดเจนได้ครับ”
พวกผู้เชี่ยวชาญเริ่มเบี่ยงประเด็นด้วยคำพูดที่ไม่ชัดเจน จากนั้นเขาก็กล่าวว่า
“การพัฒนาอย่างแรกที่พวกเราอาจจะได้เห็นในปราสาทนั้นก็คือ เทคโนโลยีจะพัฒนาไปมากกว่าเมืองอื่นๆ  อาชีพแบล็กสมิทจะขายอาวุธและชุดเกราะได้มากขึ้น และแน่นอนว่าคุณภาพของไอเท็มพวกนี้ย่อมดีขึ้นเป็นแน่”
 “ในอีกแง่หนึ่ง นั่นหมายความว่า  สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นจุดขายของปราสาทนั้น?”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น  จากข้อมูลที่ได้รับมา  มาตรฐานของอาวุธปัจจุบันก็สูงกว่าทั่วไปแล้ว และยังมีสัญญาณของผลลัพธ์ด้านบวกอีกด้วย เพราะฝึกทหารในปราสาทนั้นย่อมง่ายกว่าฝึกนักเวทมาก”
ชิน เฮมิน พยักหน้าให้กับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าว
หากเป็นปราสาทที่มีเจ้าของเป็นสายอาชีพต่อสู้ ย่อมสามารถฝึกทหารที่แข็งแกร่งได้โดยง่าย
ส่วนเจ้าของปราสาทที่เป็นนักเวทย์จะทำให้พลังเวทโดยรวมเพิ่มขึ้น
ซึ่งสายอาชีพแบล็กสมิทนั้นก็สามารถให้ผลลัพธ์ได้คล้ายคลึงกับอาชีพสายต่อสู้
***


เมื่อวีดกลับเข้ามายังทวีปเวอร์เซลล์  ดวงอาทิตย์ก็ตกแล้ว  ตอนนี้กำลังเป็นเวลาค่ำคืน
ดวงดาวเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ท่ามกลางท้องนภา
หมู่เมฆดำทะมึนลอยล่องอยู่เหนือหัว
สายฟ้าแล่บที่พุ่งลงมาจากฝืนฟ้า
คนทั้งทวีปกำลังยุ่งอยู่กับการนั่งดูทีวี
“บ้าชิบ อาชีพต้องสาปนี่มันบังคับให้เรากลายเป็นลอร์ด (Lord)”
การบ่นคร่ำครวญให้กับอาชีพต้องสาปของเขาไม่เคยหยุดลง

เมืองแห่งศิลปะ โรเดียม
ในความเป็นจริง มันเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยขอทาน

ไม่มีอะไรการันตีว่า หลังจากวีดได้ครองเมืองแล้วจะไม่มีใครมาบุกยึด
รีดภาษีสูงๆ!
บีบคั้นชาวเมืองและเอาภาษีออกมาให้มาก
ฝึกทหารไปสู้มอนสเตอร์แล้วขนเงินและไอเท็มกลับมา!
สำหรับเผด็จการผู้ชั่วร้ายอย่างวีดแล้ว  นี่คือความฝันของเขา

“เอาจริงๆ ความสงบสุขงั้นเหรอ...ไม่เห็นจำเป็นเลย”
วีดนั้นอยากเป็นเผด็จการ
แต่พ่อค้าไม่ได้มาที่เมืองโมราต้า เพราะเมืองนี้มันห่างไกลจากคำว่าเมืองศูนย์การค้ามาก  ไม่มีทั้งป้อมที่มีชื่อเสียงอยู่ชายแดน และยังไม่มีสถานที่ล่าดีๆ
“แต่การได้เป็นลอร์ดนั้นควรจะนำประโยชน์มาให้บ้างสิ ใช่ไหม?  เปิดหน้าต่างสถานะเมือง!”
ลอร์ดวีด ได้รับอนุญาตให้ใช้คำสั่งนี้

เมืองโมราต้า
เมืองที่อยู่ในอารักษ์ของอาณาจักรนิฟเฮล์ม
ในอดีตนั้น จักรพรรดิได้นำความรุ่งโรจน์มาสู่ที่นี่ แต่ปัจจุบันนั้นยากที่จะจินตนาการถึง
กำลังทหาร 20 เศรษฐกิจ 90
วัฒนธรรม 120 เทคโนโลยี 190
ศาสนา 80 การพัฒนาเมือง 62
ความปลอดภัย 98%
ปัจจุบันยังไม่มีทหารหรือกองทหารคอยดูแลความปลอดภัยในเมืองนี้
เมืองนี้จะได้รับการคุ้มครองจากวิหารแห่งเฟรย่าเป็นเวลา 1 ปี
มีสิ่งก่อสร้างเล็กน้อย  ประชากรยากจนมาก  เหล่าพ่อค้าเคยมาเยี่ยมดินแดนนี้
จำเป็นเร่งด่วนที่ต้องพัฒนาความเป็นอยู่ของประชากร
งานเทศกาลและงานประติมากรรมจะช่วยให้ประชากรผู้อยู่อาศัยมีความสุข
ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกเชิงวัฒนธรรมสำหรับประชากรเพื่อให้พวกเขาลืมเลือนอดีตที่เลวร้าย
อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและงานเย็บปักที่เก่าแก่อยู่ในระยะถดถอย
  ประชากรท้องถิ่นศรัทธาในวิหารแห่งเฟรย่าในฐานะที่เป็นศาสนาของพวกเขา
  ในอนาคตนั้น ดูเหมือนว่าวิหารแห่งเฟรย่าจะกลายเป็นศูนย์กลางความเชื่อหลักของอาณาจักร

จุดเด่น: การผลิตเสื้อผ้าและย้อมหนังสัตว์
จำนวนประชากรทั้งหมด : 7,863 คน
รายได้จากภาษีต่อเดือน : 2,300 เหรีญทอง
สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการหมู่บ้าน :
กำลังทหาร  20%
การพัฒนาเศรษฐกิจ 20%
การบำรุงรักษาหมู่บ้าน 45%
เงินบริจาคให้วิหารแห่งเฟรย่า 15%


จากข้อมูลที่วีดได้นั้น
“หมู่บ้านบารันในโรเซ็นไฮม์ยังเจริญกว่าอีกเรอะ!”
หมู่บ้านในแดนใต้ของโรเซ็นไฮม์นั้นมักจะถูกมอนสเตอร์เข้าโจมตีอยู่เสมอ

ลองมาคิดดูแล้ว เมืองโมราต้านี้ตกต่ำลงไปก็เพราะพวกแวมไพร์และทำให้หยุดการพัฒนาไป
วีดเสียใจซะแล้ว เขามีเรื่องให้เสียใจอยู่หลายอย่าง  แต่เขารู้สึกว่าเรื่องนี้จะทิ่มแทงเขาไปถึงกระดูกเลยทีเดียว
“นี่ต้องเป็นบทลงโทษจากการที่เราซื้อเกลือที่แพงกว่าปกติ 200 วอน แน่ๆ”

การพัฒนากำลังทหารและเศรษฐกิจนั้นจำต้องใช้เงินจำนวนมาก  ซึ่งหากจะพัฒนาเมืองโมราต้าให้เป็นเมืองที่รุ่งเรืองจนน่าอิจฉา มันคงต้องใช้เป็นแสนเหรียญ ไม่สิ เป็นล้านเหรียญทองเลยทีเดียว
วีดไม่มีทั้งเงินทั้งเวลามาทำแบบนั้น
“ตำแหน่งนี้สำหรับดาร์กเกมเมอร์แล้วคงเป็นได้แค่ของฟุ่มเฟือยเท่านั้น”
ปัจจุบันในทวีปเวอร์เซลล์มีลอร์ดที่เป็นผู้เล่นอยู่ในอาณาจักรต่างๆ จำนวน 76 คน  เกือบทั้งหมดนั้นกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย
การปกครองและพัฒนาเมือง จะทำให้คุณได้รับชื่อเสียงเงินทอง!  อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่งานง่ายๆ
***
เมืองโมราต้ามีภูเขาหินและกองหินหลายลูกอยู่รอบๆ
หลังจากน้ำแข็งที่ปกคลุมละลายไป  ยอดหินก็ปรากฏขึ้น
วีดไต่เขาขึ้นไปพร้อมกับถือมีดแกะสลักของซาฮับ
“เราต้องอาศัยแรงกายของเราแล้ว!”
งานกรรมกรขั้นสุด!
ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน  วีดไม่เคยลืมที่จะสร้างรูปสลัก
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเขาสร้างรูปสลักขึ้นมาหลายชิ้น   มีทั้งรูปสลักบุรุษผู้แข็งแกร่งกำลังรำดาบ
เมื่อพระจันทร์ขึ้น ก็มีรูปสลักของสตรีเช่นกัน  แต่วีดยังไม่หยุดแค่นั้น
“สลักแสงจันทร์!”
ทักษะแกะสลักพิเศษที่ทำให้รูปสลักเปล่งแสงออกมา
งานแกะสลักยากยิ่งขึ้นเมื่อต้องใช้ทักษะร่วมด้วย
แกรก แกรก!
เขาแกะสลักหินเป็นเรียวแขน
หินที่ใช้แกะนั้นไม่แข็งมาก  ไม่เหมือนหินอื่นๆที่เขาใช้ในอดีต  เพื่อรักษาความรู้สึกในการแกะสลัก วีดจำเป็นต้องใส่ใจ่ต่อวัสดุที่ใช้

ซอยูน
เขาใช้เวลาหลายเดือนร่วมกับเธอ
มันเป็นงานยากในการแกะสลักรูปผู้คนทำสิ่งที่แตกต่าง กันอย่างเช่นการเต้นรำ
หญิงสาวที่กำลังเต้นรำด้วยขาข้างเดียว
ทหารสี่นายที่กำลังกวัดแกว่งหอกยาว
รูปสลักพวกนี้แตกหักได้อย่างง่ายๆ
แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้  เพราะเขายังไม่เชี่ยวชาญทักษะสลักแสงจันทร์ถึงขั้นมาสเตอร์
 “ถ้าพลาดก็ช่วยไม่ได้นะ”
วีดกล้าที่จะยอมรับความสูญเสีย  แต่สิ่งเหล่านี้หากสำเร็จมันก็คุ้มค่า
รูปสลักของบุรุษซึ่งเปลือยท่อนและโชว์ออฟอยู่แถวๆ แคมป์ไฟ
รูปสลักของหญิงสาวที่เต้นรำอย่างน่าหลงใหล
เป็นการเต้นที่เต็มไปด้วยพลัง!
ความทรงจำของงานเทศกาลยามค่ำคืนในเมืองโมราต้าได้ถูกสร้างขึ้น
มันใช้เวลามากกว่า 10 วัน จึงจะสำเร็จ
-โปรดตั้งชื่อให้รูปสลัก
วีดคิดชื่อหรูๆ เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
“ค่ำคืนแห่งโมราต้า”
บางทีเขาก็คิดชื่อดีๆได้เหมือนกัน!  เขานึกถึงภาพยนตร์ที่เคยดูตอนเด็ก   วีดจำชื่อเรื่องไม่ค่อยได้   แต่เขาก็ตัดสินใจใช้ชื่อนี้

-ค่ำคืนแห่งโมราต้า ใช่หรือไม่?
“อ่าฮะ”
ตริ้ง!
งานประติมากรรมแสงจันทร์ระดับมาสเตอร์พีช!
คุณสร้าง ค่ำคืนแห่งโมราต้าได้สำเร็จ!
งานที่สื่อถึงผู้คนที่กำลังเต้นรำ! การเต้นที่น่าทึ่ง น่าหลงใหลและเปี่ยมไปด้วยพลังเกิดขึ้นแล้ว
ช่างน่าเสียดายที่รูปสลักเสียหายไปบ้างระหว่างการสร้าง
รูปสลักที่ไม่สมบูรณ์
แต่ด้วยชื่อเสียงของประติมากรชั้นยอด ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ความผิดพลาด
คำเล่าลือจะถูกพูดถึงไปหลายปี
จะไม่มีใครลืมความคิดสร้างสรรค์และทักษะงานศิลป์ที่ประติมากรผู้สร้างใช้
ชื่อของประติมากรรมชิ้นนี้จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซลล์

คุณค่าทางศิลป์: ผลงานชั้นเยี่ยมที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของประติมากรวีด  6,300
ผลลัพธ์:
รูปสลักค่ำคืนแห่งโมราต้า จะมอบ
เวลากลางวัน พลังชีวิตและมานาจะฟื้นฟูเร็วขึ้น 15%
พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 30%
ค่าสถานะทุกชนิด +10
ทักษะของเชฟ แดนเซอร์ และบาร์ดจะสูงขึ้น 1 เลเวล
ผลลัพธ์จากรูปสลักอื่นจะไม่ซ้อนทับ
จำนวนของผลงานแสงจันทร์ระดับมาสเตอร์พีช : 1
 - ทักษะแกะสลักพัฒนาขึ้น
 - ทักษะงานฝีมือเลื่อนถึงขั้นสูงเลเวล 4  ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้มือทั้งหมดขึ้น 8% และส่งผลลัพธ์ที่หลากหลาย
 - ความเข้าใจในงานประติมากรรมเพิ่มขึ้น 1 เลเวล
 - ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 110
 - ค่าสถานะศิลปะเพิ่มขึ้น 5
 - ค่าความอึดเพิ่มขึ้น 1
 - ด้วยการสร้างผลงานแสงจันทร์ระดับมาสเตอร์พีช ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่ม 2
“คุคุคุคุคุ!”
วีดยิ้มอย่างชั่วร้าย
ทักษะงานฝีมือขั้นสูงเลเวล 4!
ทุกครั้งที่ทักษะนี้พัฒนาขึ้น พลังโจมตีของเขาก็เพิ่มขึ้นอีก 8% และชิ้นงานฝีมือที่เขาสร้างขึ้นก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
สายอาชีพแกะสลักนั้นมหัศจรรย์ก็เพราะความสามารถในการเรียนงานฝีมือทุกชนิดและสามารถเข้าถึงทักษะงานฝีมือได้ เช่นเดียวกับอัตราการพัฒนาที่รวดเร็วขึ้น 2 เท่าสำหรับทักษะต่างๆ
มันคือความหวังในโรยัลโร้ด สำหรับสายอาชีพที่ต่ำกว่ามาตรฐาน

ทักษะที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามทางกายที่แท้จริง!
ทักษะงานฝีมือ!
เขาได้เรียนรู้ความจริงมาไม่นานนี้
ทักษะงานฝีมือนั้นช่วยให้พัฒนาทักษะแกะสลักได้ไวขึ้น อีกทั้งยังมีทักษะอื่นๆ ที่ได้รับผลลัพธ์จากทักษะนี้
มันช่วยบู๊สการใช้ทักษะสายผลิตทั้งหมดให้สามารถใช้ได้อย่างประณีตขึ้น อย่างเช่นการเก็บสมุนไพร  มันทำให้การเย็บปักละเอียดละออมากขึ้นและยังช่วยฟื้นฟูความคงทนของไอเท็มที่ถูกซ่อมแซม
แม้กระทั่งนักเวทย์ก็จำเป็นต้องมีทักษะงานฝีมือบ้าง
การพัฒนาทักษะงานฝีมือนั้นจะอาศัยแค่เพียงการทำแต่สิ่งเดียวซ้ำๆ และพุ่งไปที่ทักษะๆ เดียวไม่ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ทักษะที่หลากหลายในการฝึกฝนเพื่อพัฒนาทักษะงานฝีมือ
พูดง่ายๆก็  งานกรรมการที่ไม่จบไม่สิ้นนั่นเอง!
มันเป็นศูนย์รวมของการใช้แรงกายในทุกๆ ทักษะ

ทุกครั้งที่ทักษะนี้เลเวลเพิ่ม  วีดก็อดไม่ได้ที่ต้องยิ้มออกมา
“ทักษะงานฝีมือเลเวลเพิ่มล่ะ เฮะเฮะ  เราต้องพยายามให้มากขึ้นแล้วลองสร้างรูปสลักแห่งแสงอื่นๆ ดูหน่อยแล้ว”
วีดมองไปรอบๆ เพื่อดูว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ จากนั้นเขาก็เริ่มออกเต้นเห่ยๆ ไปรอบๆ พร้อมกับถือมีดแกะสลักที่ผ่านการใช้ทักษะสลักแสงจันทร์
 “รู้สึกยังกับถูกหวยหลังเจอเรื่องแย่ๆ เลยแฮะ  แม้จะเจอเรื่องไม่ดีก็ไม่ได้หมายความว่าจะสนุกบ้างไม่ได้เนอะ”
ง่ายๆ สบายๆ! บางครั้งเขาก็แสดงออกถึงความดีอกดีใจราวกับคนบ้า  มันเป็นการปลอบใจตนเองอย่างหนึ่งของเขา หลังจากที่ต้องทำสิ่งเดิมซ้ำๆ อย่างไม่หยุดหย่อน
 “ทำงานหนักตั้ง 204 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ออกมามีตำหนิแฮะ”
เขาไม่ได้หลับไม่ได้นอนดีเท่าไหร่ และนั่นส่งผลกระทบต่อชิ้นงาน
 “ถ้าเดือนนี้เราทำงาน 6,000 ชั่วโมง  เป้าหมายเดือนหน้าก็ควรจะเป็น 6,001 ชั่วโมง นั่นล่ะถึงจะหมายความว่าเราได้เพียรพยายามทำงานอย่างหนักแล้ว”
ถ้างานเย็บลูกตาให้ตุ๊กตาเด็กเล่น   ทำเงินให้เขาได้เยอะล่ะก็  เขาคงยอมทำมันไปตลอด 100 ปี!

อย่างไรก็ตาม ด้วยความเพียรพยายามจึงทำให้ผลงานนี้สำเร็จออกมาได้
แม้วีดจะทุ่มเทให้กับงานแกะสลักของตน แต่ความผิดพลาดเล็กน้อยบางอย่างก็เกิดขึ้นได้อยู่ดี

“ยังมีเวลาเหลือ”
วีดเดินเข้าหากองหินต่อไปโดยไม่หยุดพัก
เขาต้องไปโทเดียม แต่ยังพอมีเวลาเหลือนิดหน่อย
วีดแกะสลักหินในภูเขา ตลอด 6 วันถัดไปของทวีปเวอร์เซลล์   เขาสามารถสร้างรูปสลักระดับคลาสสิกเป็นจำนวนมาก   ระดับผลงานอันยิ่งใหญ่ 4 ชิ้น และ ระดับมาสเตอร์พีช 1 ชิ้น  ซึ่งนั่นทำให้เขาพัฒนาทักษะแกะสลักไปถึงขั้นสูง
***

มีผู้เล่นจำนวนมากเดินทางมาถึงเมืองโมราต้า
พวกเขาเคยอยู่ให้ห่างจากสถานที่นี้เพราะสภาพอากาศที่เลวร้าย  แต่ตอนนี้มันบรรเทาลงแล้ว
ด้วยเหตุที่สภาพอากาศนั้นกลับมาสดชื่นมีชีวิตชีวา  จึงไม่ต้องประหลาดใจที่ทั้งนักผจญภัยและมอนสเตอร์จะเริ่มปรากฏตัว
 “หมู่บ้านล่ะ!”
“ดูจากแผนที่  นี่คือโมราต้า”
“เข้าไปดูกันเถอะ”

เมืองในแดนเหนือเกือบทั้งหมดนั้นเสียหายไปมาก  และจากการโจมตีของมอนสเตอร์ ทำให้การป้องกันทางสาธารณะก็ย่ำแย่  เมืองเกือบทั้งหมดถูกมอนสเตอร์บุกจนพรุน
แทนที่จะเรียกว่าหมู่บ้าน  มันดูเหมือนกับสถานที่ล่ามากกว่า
พวกมอนสเตอร์สามารถเดินเหยาะแหยะได้อย่างเสรี  มันฆ่าและกัดกินมนุษย์!
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมจะนำกลุ่มนะ ส่วนการรักษาผมมอบหน้าที่ให้คุณ”
“โอเค เราจะดูแลการรักษาเอง”
ปาร์ตี้กลุ่มห้าคน มุ่งเข้าหาหมู่บ้านอย่างระมัดระวัง
ปาร์ตี้นี้มีชื่อเสียงโด่งดังในทวีปเวอร์เซลล์
ด้านหลังพวกเขามีอีกผู้เล่น 300 คน
เหล่าผู้เล่นพยายามมุ่งสำรวจทวีปเหนือ  พวกเขาคิดว่าคงจะปลอดภัยขึ้นหากเข้าไปในเมือง
อย่างไรก็ตาม มันยังอยู่ในช่วงเช้ามืดและนั่นเป็นเวลาที่พวกมอนสเตอร์หนาแน่นที่สุด!
ปาร์ตี้เพิ่มความระมัดระวังขึ้นทุกครั้งที่พวกเขาเข้าสู่หมู่บ้าน

“ยินดีต้อนรับ!”
“ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านของพวกเรา”
ชาวโมราต้า เอ่ยทักทายนักผจญภัยอย่างพร้อมเพรียงกัน
 “โมราต้ามีเสื้อผ้าคงทนขายนะ”
“พวกเรายังขายชุดเกราะที่พลังป้องกันสูงและยังมีเสื้อผ้าสำหรับสตรีอีกด้วยล่ะ”

เหล่านักผจญภัยเดินไปรอบๆ ร้านค้าที่เป็นจุดเด่นของเมืองโมราต้า  พวกเขามองไปรอบๆ ผืนดินและต้นไม้  และมีคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ตรงนั้นมันอะไรเหรอ?”
สิ่งนี้ไม่ค่อยได้พบเห็นในหมู่บ้านตามปกติเท่าไหร่
และในไม่ช้าเหตุผลก็ปรากฏขึ้น
เหล่านักผจญภัย   เห็นเด็กชายหญิงน่ารักต่างถือของแกะสลักสวยงามหลากหลายชิ้น!
“ขายรูปสลักดอกไม้  กระต่าย กวาง  ผลงานคุณภาพเยี่ยมทั้งนั้น!  แล้วยังมีรูปสลักมอนสเตอร์จากโมราต้าอย่างหมาป่าด้วยน้า”
ดูเหมือนว่าจะเป็นชาวบ้านที่พยายามขายของหาเงิน  พวกเขาพยายามหารายได้เล็กๆน้อยๆ เหมือนวีดตอนเริ่มเล่นใหม่ๆ

จากนั้นพวกเขาก็เห็นวีดกำลังนั่งอยู่
“โบราณวัตถุจากอาณาจักรนิฟเฮล์มคร้าบ เสื้อผ้ากับเกราะเหล็กก็มีนะคร้าบบ! มีลวดลายเก่าแก่สวยงามมากเลยนะครับผ้ม!”
วีดสุมชุดเกราะและอาวุธไว้ข้างๆ
“ดาบอย่างดี! ผลงานของแบล็กสมิทระดับปรมาจารย์จากอาณาจักรโบราณ นิฟเฮล์ม!  รีบคว้าโอกาสนี้เร็วเข้า อย่าปล่อยให้หลุดมือไป  พรุ่งนี้ก็หาซื้อไม่ได้แล้วนะ!”
สมบัติของอาณาจักรนิฟเฮล์ม  หลังจากผ่านมายาวนาน อาวุธและชุดเกราะเสื่อมสภาพลงและตอนนี้ถูกขายเป็นโบราณวัตถุ
 “หนุ่มๆ เอาเสื้อผ้าและดาบพวกนี้ไปโชว์สาวๆที่คุณชอบได้เลย   สาวๆ รู้เปล่าว่าเสื้อชุดนี้เคยสวมใส่ในงานเต้นรำโดยเจ้าหญิงลำดับที่ 3 ของอดีตลอร์ดแห่งเมืองโมราต้า ซึ่งตอนนั้นเธอก็ถูกขอแต่งงานด้วย ลองคิดดูสิถ้า.....”
วีดสร้างเรื่องราวให้ไอเท็ม

“ชายคนนี้เป็นใคร?”
“พ่อค้าเหรอ?”
“ไปดูกัน”
พวกนักผจญภัยรู้สึกสนใจในเมืองโมราต้า
พวกเขาต่างประหลาดใจกับคุณภาพที่ดีอย่างคาดไม่ถึงของกองอาวุธและชุดเกราะขึ้นสนิม
“นี่อะไรเหรอ”
“พลังโจมตีของดาบยาวขึ้นสนิมนี้โอเคเลยนะ   ตอนมันยังดีจะขนาดไหนกันเนี่ย?”
“ดาบเล่มนั้น!”
“ฉันชอบเสื้อตัวนั้นจัง”
ผู้เล่นต่างมามุงดูกัน
หลังจากได้ยินและได้เห็นคุณภาพที่ไม่น่าเชื่อของไอเท็มเหล่านั้น
“คุณลุง เสื้อตัวนี้เท่าไหร่คะ?”
วีดยิ้มอย่างสว่างไสว เมื่อตอบกลับไป
รอยยิ้มเสแสร้งจอมปลอม!
“3,600เหรียญทองครับผม”
“เอ๋!  ฉันซื้อเสื้อจากทวีปกลางก็แค่ 3,200 เหรียญทองเองนะ...แถมเสื้อนี่ยังเก่ามากด้วย”

บางคนลังเลที่จะซื้อ หลังจากได้ยินราคา
ประสิทธิภาพนั้นดีอยู่ แค่ราคาโอเว่อร์มาก!
เนื่องจากอุปกรณ์สวมใส่นี้เก่ามาก ดังนั้นความคงทนจึงลดต่ำเหลือแค่ 20%
วีดหยิบชุดขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าผมยังไม่ได้ซ่อมมันนะ ซ่อมแซม  ขัดให้ขึ้นเงา  รีดให้เรียบ!
ซ่อมแซมชุดที่เก่าเก็บ!
ด้วยการใช้ทักษะตัดเย็บและทักษะแบล็กสมิท  เขาสามารถฟื้นคืนสถานะเดิมของพวกมันได้ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์  เมื่อเวลาผ่านไปผลลัพธ์จากการขัดเงาก็จะหายไป  การซ่อมแซมทำให้ความคงทนของสมบัติแห่งอาณาจักรนิฟเฮล์มกลับมาเท่ากับไอเท็มทั่วไป แต่มันยังมีอย่างอื่นมากกว่านั้น กล่าวคือจากของเก่าๆ ที่ไม่ได้ซ่อมแซมเป็นเวลานาน เมื่อถูกซ่อมแซมทำให้ความคงทนฟื้นคืนกลับมาและการเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์ก็ทำให้มันดูน่าประทับใจ
 “ลดราคาลงให้อีกนิดนะคะ”
“คุณก็รู้ว่าชุดนี้มันเก่ามาก”
ลูกค้าคอมเพลนพร้อมกับพยายามเอาชนะวีดในสงครามราคา

วีดนั้นยังใช้ประโยชน์จากการแกะสลัก
มีรูปสลักของหญิงสาวผู้งดงามซึ่งซาฮัปรักมาตลอดชีวิตของเขา
เช่นเดียวกับจักรพรรดิเกอิฮา อาเพน ซึ่งรวมรวบทวีปเป็นปึกแผ่น ขายผู้ขายอาหารไปพร้อมกับไอเท็มต่างๆ
 “สไตล์เก่าๆ เป็นที่นิยมในแฟชั่นสมัยนี้นะครับ  เอาเถอะ ตอนนี้ผมอารมณ์ดี ดังนั้นผมจะสลักสิ่งที่คุณชอบให้”
สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าของไอเท็ม
 ผลลัพธ์จากอุปกรณ์สวมใส่นั้นไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่ผู้เล่นมุ่งหวัง  ไม่ว่าผลลัพธ์จะดียังไง  พวกเขาก็ยังต้องการให้ดูดีอีกด้วย
การแกะสลักอย่างดีในอุปกรณ์สวมใส่จะช่วยเพิ่มสถานะให้มันเล็กน้อย

 “เร่เข้ามา! เร่เข้ามา!  ถูกมาก! ถูกที่สุดด!  เฉลิมฉลองการได้เข้ามาในโมราต้าด้วยเซ็ตเครื่องสวมใส่ชุดใหม่เลยพวก!  หาอุปกรณ์แบบนี้ที่อื่นไม่ได้แล้วนอกจากในโมราต้านี้ โอกาสแบบนี้ไม่มีอีกแล้วนะคร้าบบ!
ขณะที่กล่าวโฆษณา  ทั้งปากทั้งมือของวีด ต่างขยับไม่หยุดหย่อน
 “เธอคิดว่าไง?”
“คุณภาพก็ไม่เลวนะ จะหาของแบบนี้ในร้านค้าคงยากอยู่”
“มันดูเบาสบายและก็สวมใส่สะดวกนะ”
วีดนั่งคิดไปเรื่อยว่าจะมีคนมากเท่าไหร่มาซื้อของ
“คุณลูกค้าควรซื้อตอนนี้เลยนะคร้าบ! สินค้ามีจำนวนจำกัด  ถ้าไม่รีบล่ะก็มันจะหมดเอานะ!”
เมื่อของมีจำกัด ราคาย่อมเพิ่มขึ้น
วีดขายอุปกรณ์สวมใส่ได้อย่างงาม จากนั้นเวลาที่เหลือเขาก็ขายอาหารของอาณาจักรนิฟเฮล์ม
 .
.
.
เหล่านักผจญภัยในเมืองโมราต้า!
พวกเขาสวมใส่ชุดเกราะและอาวุธที่มีลวดลายคล้ายๆ กัน
เสื้อผ้าและชุดเกราะหลากสีที่เก่าแก่และดูสกปรก!
น่าสงสัยว่าดาบที่มีรอยร้าวนั่นจะสามารถตัดต้นไม้ได้หรือไม่
แต่พวกนักผจญภัยต่างก็พออกพอใจ
 “ผมว่ากับเครื่องสวมใส่ที่ดีแบบนี้ ราคานั้นก็สมเหตุสมผลนะ”
“ใช่ ดีมากเลยทีเดียว แม้ความคงทนจะต่ำไปนิด”
“เราคงต้องซ่อมมันบ่อยขึ้นนิดหน่อย”

หลังจากที่วีดซ่อมเครื่องสวมใส่และใช้สกิลทำให้ความคงทนและพลังป้องกันของมันเพิ่มขึ้นชั่วคราวแล้ว  วีดผู้ชั่วช้าก็หลอกขายเครื่องสวมใส่ที่ความคงทนต่ำพวกนั้นไป
แน่นอนว่าเขาขายในราคาแพงกว่าชุดเกราะที่วางขายในร้านนิดหน่อย
พวกนักผจญภัยเหลือเงินติดตัวไม่มากแล้ว
 “กระเป๋าเกลี้ยงเลยอะ”
“งั้นไปออกล่ากันเถอะ”
“ไปลองหาภารกิจทำกันเถอะ”
เหล่านักผจญภัยต่างแยกย้ายกันไปคุยกับชาวบ้าน
พวกเขาไม่ทราบแน่ชัดว่ามีหรือไม่มีอันตรายอยู่นอกเมือง  ดังนั้นจึงมองหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เก็บเลเวลรอบๆ นี้
ถ้าคุณเพิ่มระดับความสนิทสนมกับชาวบ้านในท้องถิ่นให้มากขึ้น  คุณก็จะได้รับภารกิจดีๆ และอาจจะพบเงื่อนงำเกี่ยวกับดันเจี้ยน
และช่างโชคดีที่พวกชาวบ้านนั้นให้ความเมตตาต่อนักผจญภัยมาก
“หลังหมู่บ้านจะมีปราสาทดำของท่านลอร์ดตั้งอยู่ ทุกๆปี จะมีพวกมอนสเตอร์จะมารวมกันแถวนั้น
 “เจ้ารู้ไหม? ด้านตะวันออกของหมู่บ้านมีแม่น้ำที่เกิดขึ้นจากการละลายของหิมะและน้ำแข็ง   ข่าวลือเล่าว่าถ้าเจ้าลงอาบน้ำในแม่น้ำนั่น เสน่ห์จะเพิ่มขึ้นล่ะ”
 “สถานที่ล่าเหรอ?  เหนือใต้ออกตก ไม่ว่าเจ้าจะไปทางไหนก็จะพบมอนสเตอร์เต็มไปหมดนั่นละ!  อาณาจักรนิฟเฮล์มโบราณน่ะเต็มไปด้วยพวกมอนสเตอร์!  เจ้าช่วยไปล่าพวกมันแล้วเก็บหนังมาให้ข้าทำเป็นเครื่องหนังได้ไหม?”
“ในภูเขาด้านตะวันออกเฉียงเหนือของที่นี่มีกลุ่มโจรชื่อดังอยู่  พวกมันเริ่มออกปฏิบัติการอีกแล้ว  แถวนั้นเป็นทางที่คาราวานขนสินค้าจะผ่านด้วย  อย่างไรก็ตามบางทีก็จะมีมอนสเตอร์ออกมาด้วย   คงจะดีถ้าเจ้าไปร่วมกับพวกเขาและเก็บกวาดซ่องโจรนั่น”
ภารกิจซึ่งเกี่ยวกับจุดเด่นของของเมืองโมราต้าอย่างเสื้อผ้าและเครื่องหนังก็ปรากฏเช่นกัน  พวกนักผจญภัยสามารถเปลี่ยนข้าวของเป็นเงินได้อย่างง่ายๆ

ชาวบ้านบางคนเอ่ยขึ้น
“เจ้าเคยไปที่ภูเขาด้านตะวันออกของหมู่บ้านไหม? ที่นั่นมีรูปสลักชั้นยอดที่พวกเรารู้สึกภูมิใจมากเต็มไปหมด”
 “รูปสลัก?”
“เจ้าช่วยข้าทีได้ไหม?  สามีของข้าออกไปดูมันตอนกลางคืน  ข้าได้ยินว่าที่นั่นตอนกลางคืนค่อนข้างอันตราย”
พวกนักผจญภัยต่างรู้สึกสงสัย
“มีชาวบ้านคนไหนอีกที่เรายังไม่ได้ไปพูดด้วย?”
“พวกเราลองไปดูกันไหม?”

เหล่านักผจญภัยเดินทางไปยังภูเขาหินที่พวกเขาได้ยินจากชาวบ้าน
บนภูเขานั้นมีกองหินเต็มไปหมด
และพวกเขาต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็นหินถูกแกะสลัก
มีหินสลักอยู่เต็มไปหมด
มันเป็นรูปสลักของชาวบ้านที่กำลังรื่นเริงในงานเทศกาล!
รูปสลักหลายตัวเหมือนพาลาดีนของวิหารแห่งเฟรย่าในทวีปเวอร์เซลล์
รูปสลักถูกสร้างขึ้นไปตามแนวระดับของภูเขา และไล่เรียงนำไปจนถึงยอดเขา

คุณได้เห็น  สัญลักษณ์แห่งเมืองโมราต้า
หอคอยที่สร้างขึ้นเพื่อความเจริญก้าวหน้าและอยู่ดีกินดีของเมืองนี้! ประติมากรชั้นยอดผู้เปี่ยมไปด้วยฝีมือสร้างมันขึ้นด้วยความพยายามสุดหัวใจ และนั่นทำให้คุณค่าทางศิลป์ของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก
-พลังชีวิตและมานาเพิ่มขึ้น 10%
-ผลิตผลของเมืองเพิ่มขึ้น 3%
-มอนสเตอร์จะลดความดุร้ายลงในพื้นที่รอบๆ รูปสลัก


คุณได้เห็น  นักรบแห่งโมราต้า
นักรบผู้เข้มแข็งและทนทรหด!    รูปลักษณ์ของนักรบแห่งทวีปเวอร์เซลล์นี้เพียงพอจะทำให้คุณหาญกล้าเข้าต่อสู้กับมอนสเตอร์
-ความอึดและพลังกายเพิ่มขึ้น 3%
-มอนสเตอร์จะไม่บังเกิดจิตวิญญาณนักสู้
-มีโอกาสได้รับชื่อเสียงเมื่อคุณสามารถล้มมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งได้

ผลลัพธ์ของรูปสลักที่หลากหลาย!
รูปสลักบนภูเขานี้มีประโยชน์ต่อการล่าอย่างมาก
พวกนักผจญภัยต่างประหลาดใจ
“ทำไมแถวนี้ถึงมีรูปสลักเยอะขนาดนี้?”
“นายคิดว่าใครสร้างพวกมันขึ้นมาอะ?”

พวกเขาเริ่มเกิดคำถาม
สิ่งก่อสร้างนั้นจะค่อยเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา  หรืออีกนัยหนึ่งคือ มันเป็นไปไม่ได้ที่รูปสลักพวกนี้จะเป็นสิ่งหลงเหลือจากอาณาจักรนิฟเฮล์มโบราณ
รูปสลักพวกนี้ยังดูใหม่เอี่ยม!
แสดงให้เห็นว่าประติมากรเพิ่งสรรค์สร้างมันขึ้นมาไม่นานนี้
 “วีดไง! ต้องเป็นวีดแน่ๆ!”
“ประติมากรวีดงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว งานยากลำบากแบบนี้จะมีใครทำได้นอกจากวีด?”
ในข่าวที่เล่าลือกันนั้น  วีดเป็นประติมากรที่มีชื่อเสียงที่สุด  เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องความเพียรพยายามก่อสร้างพีระมิดในอาณาจักรโรเซ็นไฮม์

ในหมู่นักผจญภัยหลายคนต่างเคยได้ยินเรื่องของวีด
 “บางที อาจจะเป็นชายคนที่ขายไอเท็มให้เราก็ได้นะ”
“หลังจากสร้างรูปสลักในโรเซ็นไฮม์แล้ว  ตอนนี้เขาก็อยู่ที่นี่สินะ”
 “ที่เขาหายตัวไปถึง 6 เดือนนี่ นายคิดว่าเพราะกำลังสร้างรูปสลักที่นี่รึเปล่า?”
“เราคิดว่าเขาเป็นสมาชิกคณะสำรวจนะ”
“งั้นเหรอ  นายเห็นดาบกับชุดเกราะเขาไหม?”
 “แบบเดียวกันเด๊ะเลย”
มีข่าวลือว่าวีดใช้ทักษะงานช่างกับงานตัดเย็บระหว่างการสำรวจ
 “เขาเพิ่มทักษะงานช่างกับงานตัดเย็บงั้นเหรอ...”
“ทั้งสองอันนั่นมันยากมากเลยนะ...”
“ดูเหมือนเขาจะเป็นเทพแห่งการทำงานหนักนะ”
มีคนไม่เยอะที่ทนทรหดได้ขนาดนั้น

แต่พวกเขาก็ยังมีข้อสงสัย
 “แต่หมู่บ้านโมราต้านี่เป็นที่ที่เทพเจ้าสงครามวีดสู้กับแวมไพร์เลือดแท้นะ  เรามั่นใจว่านั่นเป็นภารกิจของเขา”
“ใช่”
“แล้วทำไมประติมากรวีดถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?  บังเอิญงั้นเหรอ?”
 “นายกำลังจะหมายความว่าไง?”
 “บางทีทั้งคู่อาจจะแค่ชื่อเหมือนกันหรือไม่ก็...”
นักผจญภัยคนอื่นต่างหัวเราะใส่คนที่พวกเขาคิดว่ากำลังมโนเป็นตุเป็นตะ
“นายคิดว่าเทพเจ้าสงครามวีดกับประติมากรวีดเป็นคนคนเดียวกันเหรอ  ตลกน่า  ลองไปหาเขาดูเองเลยเป็นไง?”
 “ลองคิดดูสิ มีคนชื่อวีดอยู่เยอะแยะไป”
“ประติมากรที่ไหนจะไปเรียนงานช่างกับงานตัดเย็บ ว่าไหม?”
“คงจะยุ่งน่าดูหากไปเรียนทักษะงานฝีมืออื่นๆ ด้วยอะ...”
 “จำก่อนหน้านี้ได้ไหม  ตอนภารกิจเนโครแมนเซอร์กับกองทัพอันเดดอะ  ตอนนั้นพวกเขาโชว์ชุดเกราะที่วีดใส่ด้วยนะ”
ผู้เล่นหลายคนไม่รู้ว่าเมื่อทักษะของแบล็กสมิทพัฒนาขึ้นมันจะช่วยลบข้อจำกัดเรื่องไอเท็มสวมใส่ได้  ซึ่งสาเหตุเป็นเพราะมีคนที่มีระดับทักษะแบล็กสมิทถึงขั้นกลางอยู่น้อยนิด
การโต้เพียงอย่างรุนแรงเริ่มปรากฏออกมา
“หลังจากกำจัดแวมไพร์เลือดแท้ได้ วีดตอนนั้นมีอาชีพพาลาดีน  แต่เทพเจ้าสงครามวีดได้รับภารกิจพิเศษของเนโครแมนเซอร์ และเขาจึงเป็นออร์คคาริชิ   ดังนั้นพวกเขาไม่ทางเป็นคนคนเดียวกัน”
 “แถมไม่มีหลักฐานว่าท่านเทพเจ้าสงครามวีดอยู่ในหมู่บ้าน  เขาไม่มานั่งแกะสลักทั้งวี่ทั้งวันหรอก”
“อืม นายพูดถูก”
 “ใช่แล้ว ไม่มีทางที่สองคนนั้นจะเป็นคนๆเดียวกันหรอก”
ทุกๆ คนต่างมีข้อที่ตนเองสงสัย และพยายามพูดไปต่างๆ นาๆ

วีดที่ไม่ยอมเปลืองตังแม้แต่สักแดงเดียว!
เพราะการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ที่ CTS ออกอากาศนั้นทำให้หลายคนก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นคนๆ เดียวกันหรือไม่

“เทพเจ้าสงครามวีด!”
“เขามีบทบาทสำคัญในภารกิจกำจัดคลื่นความร้อนในทวีป”
“คณะสำรวจต้องผจญความยากลำบากมากมาย แต่ต้องขอบคุณวีดที่มันสำเร็จลงได้”
“ผู้กอบกู้ทวีปไว้...ไม่มีทางเป็นเขาแน่ ไม่มีทาง!”
 “เราพนันเลยว่าตอนนี้เขาอยู่ในดั้นเจี้ยนที่ไม่มีใครรู้จักและกำลังทำภารกิจหรือไม่ก็กำลังฆ่ามอนสเตอร์ที่ไม่มีใครฆ่าได้มาก่อน”
“วีดเหมือนเซียนเลยเนอะ  มักจะอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครไปหาเขาได้”
 “อืม ใช่แล้ว”
และนั่นก็กลายเป็นบทสนทนาทั่วไปของเหล่านักผจญภัย
ผู้คนที่สนับสนุนเทพเจ้าสงครามวีดไม่มีทางที่จินตนาการออกได้เลยว่าเขานั้นจะเป็นพ่อค้าผู้หิวกระหายเงิน
และพวกเขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ซึ่งความเชื่อของพวกเขานั้นพอๆทกับการที่ ใครจะเชื่อว่าดารานักร้องสาวสวยกล้าพูดออกมาว่าเธอกำลังจะไปอึ!

กระนั้น พวกนักผจญภัยยังไม่ได้เห็นรูปสลักซึ่งสำคัญที่สุด

คุณได้เห็น    หอคอยแห่งแสง!
ผลงานอันยอดเยี่ยมที่สร้างโดยประติมากรผู้เชี่ยวชาญ บางครั้งประติมากรจะสร้างสรรค์งานที่ทำให้ทั้งทวีปถึงกับตะลึงงัน หอคอยอันยิ่งใหญ่นี้แสดงเอกลักษณ์ออกมาถึงขีดสุดในยามค่ำคืน
-พลังชีวิต มานา ความอึดฟื้นฟูเร็วขึ้น 25% ตลอดทั้งวัน
-ค่าสถานะเพิ่มขึ้นทุกอย่าง 15 แต้ม
-พลังชีวิตและมานาสูงสุดเพิ่มขึ้น 15%
-เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น 20%
-โชคเพิ่ม 100
-เพิ่มพลังให้เวทย์ธาตุและเวทย์ศักดิ์สิทธิ์
หอคอยนี้ลดพลังแห่งความมืดโดยรอบ มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งจะอ่อนแอลง
และเมื่อพระอาทิตย์ตก จะปรากฏแสงขึ้น
รูปสลักหอคอยแห่งแสงนี้เพิ่มค่าป้องกันเพิ่มขึ้น 50% จากค่าเดิม

เมื่อผู้คนได้สิ่งนี้ ต่างไม่มีใครออกล่า พวกเขานั่งลงและรอคอยอาทิตย์อัสดง
“แสงพวกนี้มันแสดงถึงอะไร?”
“รูปสลักแห่งแสง? มันมีอะไรอย่างนั้นด้วยเหรอ?”
“ยังไงก็เถอะ พวกมอนสเตอร์ตอนกลางคืนก็แข็งแกร่งขึ้น 50% อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลให้เราต้องไปจากที่นี่นี่”
พวกเขาต่างนั่งลงรอบอย่างผ่อนคลายแล้วก็คุยกันเรื่อยเปื่อย
แล้วยามค่ำคืนก็มา
ช่างเป็นค่ำคืนที่มืดมิด
เมฆมากมายบนฟ้าจนไม่อาจเห็นจันทรา แต่ถึงอย่างนั้นหอคอยนี้ก็เปล่งแสงอันอบอุ่นออกมา
มันสาดประกายราวอัญมณี เป็นเหมือนแสงส่องทาง
“สวยจัง”
“ยังกับพวกเราอยู่ในความฝันเลย..”
“ฉันไม่รู้เลยว่ามันจะดีขนาดนี้”
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างไม่ชอบความคิดในประติมากรรม
“ก็นะเห็นว่า เรทติ้งมันสูง ฉันก็ว่ามันน่าจะดีแหละ”
“ฉันว่ามันเป็นรูปสลักที่โด่งดังน่าดูนะ แต่มันก็ยากที่จะบอกได้ว่ามันดีรึเปล่า”

สำหรับคนที่ไม่มีศิลปะในหัวใจ มันเป็นการยากที่เขาจะรู้สึกได้ถึงแรงบันดาลใจ
ต่อให้เป็นประติมากรระดับโลก ก็คงยังมีผู้คนที่ไม่เข้าใจว่ารูปสลักของเขาสื่ออะไร ทำไมมันถึงได้พิเศษ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้คนที่เข้าถึงหอคอยแห่งแสง
‘ช่างเป็นงานที่ลึกซึ้งอะไรแบบนี้’
‘โอ ช่างเป็นงานศิลป์ที่น่าประหลาดใจเหลือเกิน ใครกันที่รู้ถึงวิธีสร้างงานแบบนี้ได้...’
‘ประติมากรรมอะไรกันนี่ ถึงฉันจะเคยเห็นงานพวกนี้มาบ้างแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่... บางทีถ้าจะไปออกเดทในงานแสดงประติกรรมซักครั้งมันก็คงไม่เลวนะ’
‘ทำไมมันถึงได้แตกต่างกับงานชิ้นอื่นระหว่างทางนัก?’
หอคอยแห่งแสง
ช่างดูทึมๆ น่าขนลุก ใต้แสงจันทราจาง ๆ นี้มี7เฉดสีสาดประกายเบาบางจนแทบจะมองผ่าน
แต่ทันใดนั้นที่เมฆเหนือโมราต้าได้แยกออก แสงจันทร์ที่สาดลงมายังพื้นผิวหอคอยก็กระจายออก ทุกคนรอบ ๆ หอคอยต่างอาบในแสงจันทร์
“โอ!”
เสียงแห่งความประหลาดใจดังออกมาจากปากผู้ชม หอคอยนั้นรวมแสงไว้ที่ศูนย์กลาง และกระจายมันออกไปหอคอยเล็ก ๆ เป็นแสงที่หลากหลาย
แสงที่แรงกล้า!
แสงสะท้อนจากหอคอยเล็กกลับมายังหอคอยศูนย์กลาง
การสะท้อนของแสง!
หอคอยเล็ก ๆ กระจายแสงออกไปในมุมต่าง ๆ
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงและบิดผัน แสงมากมายมองเห็นได้บนแผ่นฟ้า
มันกระจายออกไปเหมือนกันว่าแสงนั้นเกิดจากหอคอยแห่งนี้
ปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา!
และเหมือนกันจะเปิดเผยให้เห็นถึงแสงที่สว่างจากรูปสลัก
แสงเริงระบำ
ทุกครั้งที่เมฆเคลื่อนจันทราคล้อยแสงจะเริงระบำ
แสงที่เริงระบำนี้ไม่อาจจะบรรยายเป็นคำพูดได้
ช่างเป็นฉากที่ตระการตานัก
โดยปกติแล้วรูปสลักจะแสดงให้เห็นแค่รูปภายนอกโดยตรงแต่รูปสลักแห่งแสงนี่ต่างออกไป มันไม่ได้แสดงรูปลักษณ์โดยตรงแต่เป็นตัวของแสงเองตะหาก
งานศิลป์ที่มองเห็นได้แต่ไม่อาจสัมผัส
***

ประติมากรผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งได้สร้างหอคอยแห่งแสงขึ้นมา!
“โมราต้ามีรูปสลักเจ๋ง ๆ เพียบเลยล่ะ”
“หอคอยแห่งแสงน่ะเป็นชิ้นงานที่แสดงแสงอันสวยงาม! ใครที่ได้เห็นก็ต้องหลงใหลอย่างช่วยไม่ได้เลยล่ะ”
“แสงนั่นน่าประทับใจสุด ๆ”
“มันเป็นภาพที่สวยงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลยล่ะ”
“ถ้านายจะไปดันเจี้ยนล่ะก็นายจะต้องเสียใจแน่ที่ไม่ได้มาเห็นหอคอยนี้”
มันไม่ได้ใช้เวลานานเลยที่ข่าวลือจะกระจายไปทั่วทวีปเวอร์เซลล์ มันยิ่งทำให้ชื่อเสียงของวีดก้าวไกล วีดที่ทำงานเพื่อปวงชนในกาลก่อนและมีชื่อในงานประติมากรรม [tlnote:ข่าวลือจริง ๆ บิดเบือนมาก]
เหล่าคนที่ประทับใจต่างบอกต่อ
วีดีโอถูกอัพลงในเว็บรอยัลโร้ดเกี่ยวกับหอคอยแห่งแสงเพื่อให้ผู้เล่นได้ดูและพูดคุยถึงเรื่องนี้
ผู้เล่นเริ่มชื่นชมในอาชีพสายประดิษฐ์
“ประติมากรที่แท้จริงก็คือวีด”
“รูปสลักของเขาปรากฏไปทั่วทุกที่ มันคงเป็นการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้ต่อเนื่อง”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาสลักรูปของผู้หญิงที่สวยงามได้ดีมากเลยล่ะ”
“เขาสร้างงานศิลป์ที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงเสมอ”

บาร์ดเองก็ร้องเพลงสรรเสริญวีด
ประติมากรวีด
ประกอบอาชีพที่ยากลำบาก แต่เขาก็ข้ามผ่านความอนาถา
วิญญาณแห่งประติมากรรม ประติมากรรมที่ควบคุมแสง
โอ ช่างงดงาม
เขามอบทุกสิ่งที่สรรสร้างไว้ข้างหลัง
ดั่งเช่นเหล่าเอลฟ์ แฟรี่ร้องเพลงเต้นรำในที่แห่งนั้น
ที่ซึ่งเป็นตำนวนว่าเหล่าแสงต่างมารวมตัวกัน
***

แม้ผู้คนมากมายต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นหอคอยแห่งแสง
แต่เหล่าผู้คนที่รู้จักวีดนั้นต่างพบว่านี่มันยากที่จะเชื่อ
“พี่เขามีเซนส์เกี่ยวกับอะไรที่สวยงามได้ขนาดนั้นเลยเหรอ...”
ยูรินสงสัยจนต้องเอ่ยปากถามฮวารยอง
“วีดเขามีมือที่คล่องแคล่วใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ค่ะ หนูชอบกินแอ๊ปเปิ้ลที่พี่ปอกให้”
“ผมล่ะงงจริง ๆ ว่าเขาสร้างมันได้ยังไง”
เพลตกอยู่ในสภาพไร้คำพูด
‘บางทีพวกเราอาจจะคิดผิดเกี่ยวกับวีดมาตลอด?’

พวกเขาอยากพบวีด ศิลปินมักถูกเข้าใจผิดเสมอ สำหรับ เซนส์ด้านความงดงาม

‘วีด ฉันรักรูปสลักที่เธอสร้างมากเลย ถ้าหากไม่มีความรักและศรัทธาอันแรงกล้าในงานประติมากรรมแล้วคงไม่มีทางที่เธอจะสร้างงานที่สวยงามขนาดนี้ออกมาได้แน่’
ไอรีนกล่าวขอโทษวีดทั้งน้ำตา

‘วีดน่ะคอยแต่จะพูดว่าไม่ชอบอาชีพตัวเองยังไง ฉันคิดว่าในอนาคตคำบ่นเรื่องนี้ที่ฉันจะได้ฟังคงมีแต่เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น’
เซเฟอร์ยิ้ม

‘วีดน่ะเป็นคนที่ไม่ค่อยจะภูมิใจกับอะไรง่าย ๆ บางทีนี่อาจจะเป็นความสำเร็จที่ดีพอจะทำให้เขาภูมิใจได้ ใช่ไหมนะ?’
ฮวารยองเข้าใจวีดผิดไปแบบกู่ไม่กลับ

‘การสร้างงานศิลป์ใหม่ ๆ นั้นต้องใช้ความพยายามแสนสาหัสและความชอบ ไปจนถึงอารมณ์ความรู้สึกมากมาย
วีดเป็นคนที่ทำให้หัวใจของคุณอบอุ่นได้ล่ะ’

***

ตอนที่วีดสร้างหอคอยนั้นเขาไม่ได้รู้อะไรเลยและกะจะสร้างแค่หอคอยธรรมดา ๆ เท่านั้น
สลักแสงจันทร์!
มันทำให้งานแกะสลักยากขึ้นไปเป็นคนละระดับ
งานประติมากรรมที่ส่องแสงออกมาจากตัวชิ้นงานได้นั้นเป็นการยากที่จะมีไอเดียสร้างมัน
“แม่งเอ๊ย ทำไมคำสาปของงานประติมากรรมมันถึงไม่สิ้นสุดซะทีฟะ”
วีดหงุดหงิดกับอาชีพที่ล่ามเขาไว้นี้
เขาสามารถใช้สลักแสงจันทร์สร้างรูปสลักเล็ก ๆ ได้ในระดับนึง แต่เมื่อเป็นชิ้นงานขนาดใหญ่เขาต้องคิดถึงสิ่งอื่นเพิ่มเติมเข้า
“งานแกะสลักที่น่าสาปแช่งนี่แม่ง!”

วีดต้องทนอดอดทนห้อยตัวลงมาจากยอดแล้วก็แกะหิน
เขาแกว่งตัวห้อยไปอยู่เหนือพื้นพร้อมๆ  กับแกะสลัก
ในตอนที่เขาฟาดหิมะด้วยสลักแสงจันทร์ น้ำตาก็ไหลลงมาตามใบหน้าของวีด
ใช่แล้ว ท่ามกลางแสงอาทิตย์การสลักแสงจะมีผลน้อยลงมาก เมื่อยามค่ำมาถึง
หมู่บ้านโมราต้ามีจันทร์เต็มดวง
พระจันทร์ทอแสงลงบนรูปสลักอย่างลดเลี้ยว พื้นผิวที่เหมือนกระจกของหินทำให้แสงจันทร์สะท้อนออกไป
“แสงมันสะท้อนจากรูปสลักไปบนหิมะ!”
วีดหงุดหงิดโมโหในขณะที่อยู่บนเขา เขาใช้เวลานานนับชั่วโมงพยายามจัดตำแหน่งของแสงจันทร์ให้ถูกต้อง แล้วเขาก็ค่อย ๆ ฟันตัดรูปสลักจากมุมอื่นเพิ่มเติม
เล่ม 10 ตอนที่ 8 จบ



<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>