วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 8 ตอนที่ 5 สลักแสงจันทร์ (Moonlight Sculpting)

เล่มที่ 8 ตอนที่ 5 สลักแสงจันทร์ (Moonlight Sculpting)

หลังเสร็จธุระที่โรเดียม วีดก็มุ่งหน้าไปที่ไปวิหารแห่งเฟรย่า เฟรย่าคือสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความรุ่งเรืองจึงมีวิหารขนาดใหญ่โตมากอยู่ที่โรเดียม
ที่วีดกลับมาที่วิหารแห่งเฟรย่าเป็นเพราะผลงานการนำสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของวิหารกลับมาในครั้งก่อนทำให้เขามีสิทธิ์ใช้เทเลพอร์ทในวิหารของเฟรย่าได้ทุกวิหารในทวีปเวอร์เซลล์
“เป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ต้อนรับท่าน ท่านผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ต่อวิหารเรา”
วีดได้รับการต้อนรับจากนักบวชอาวุโส
“ข้าประสงค์จะใช้เทเลพอร์ต”
“ได้ตามประสงค์ เราจะเตรียมการทันที ว่าแต่...ท่านทราบหรือไม่ว่าไฮพรีสต้องการขอพบท่าน”
“ไฮพรีสงั้นเหรอ”
วีดสับสน ภารกิจน่าจะเสร็จสิ้นไปแล้วตอนที่เขานำจอกศักดิ์สิทธิ์มาคืน เขาจึงไม่เข้าใจว่าไฮพรีสต้องการพบเขาด้วยเหตุผลอะไร
“ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ไฮพรีสกล่าวว่าท่านต้องทำการค้นหาในหุบเขาแห่งความตายเพื่อหาเบาะแสเพื่อกู้คืนเกียรติแห่งกษัตริย์ผู้ซึ่งถูกฝังอยู่ที่นั่น”
“เกียรติแห่งกษัตริย์... ท่านหมายถึงอะไร”
“เหล่าผู้สนับสนุนของกษัตริย์ถูกดูถูกและกล่าวหาจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับกษัตริย์ของพวกเขา ไฮพรีสจึงต้องการให้นักผจญภัยผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านวีดค้นหาความจริงเพื่อนำเกียรติยศกลับคืนสู่กษัตริย์...”
“ข้าไม่ใช่นักผจญภัยผู้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น”
“ดูเหมือนไฮพรีสไม่คิดเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นท่านวีดยังเคยไปเยือนดินแดนทางเหนือครั้งหนึ่งแล้ว คงจะดีกว่าถ้าเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในพื้นที่เหล่านั้นมาแล้ว”
ดูจากเนื้อหาเหล่านี้วีดก็พอจะเดาได้ว่านี่เป็นภารกิจแบบไหน
‘อย่างน้อยๆ ต้องเป็นเควสต์ระดับ A แน่’
ไฮพรีสกำลังรอที่จะมอบภารกิจใหญ่ให้เขาอีกภารกิจหนึ่ง เหมือนภารกิจที่ให้ทำลายกองทัพอมตะ
‘เควสต์ระดับนี้... ตอนสู้กับกองทัพอันเดดเราก็สู้ได้ไม่ดีเอาซะเลย ถึงเลเวลเราจะสูงขึ้น แล้วก็ค่อยๆ เพิ่มระดับสกิลแกะสลักแล้วก็เถอะ’
วีดส่ายหัวทันที
“ข้าไม่สนใจภารกิจนี้ กรุณาส่งข้าไปที่ที่ราบแห่งความสิ้นหวังแทนเถอะ”
เขาต้องกลับไปหาปาร์ตี้ของเขา
นักบวชอาวุโสรวบรวมมาน่าเพื่อเปิดเทเลพอร์ท
ในโรเดียม กิลด์โฟรเซ่นโรสรับคนจำนวนมากเข้าร่วมคณะเดินทาง รับมากถึง 160 คน!
นอกจากสายอาชีพศิลปินจำนวน 30 กว่าคนแล้ว อีก 120 กว่าคน เป็นสายอาชีพต่อสู้ทั้งหมด
“เราคงรับรองความสำเร็จไม่ได้เพราะนี่เป็นการผจญภัยที่ยากลำบาก ทุกคนควรเตรียมตัวให้ดี”
โอเบรอนเดาะลิ้น
จะอย่างไร การมีพวกมือใหม่ไว้ก็ไม่ช่วยอะไร ทีมสำรวจจะมั่นคงกว่านี้ถ้ามีแต่ผู้เล่นระดับสูง
เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นพวกนี้ส่วนใหญ่หวังเพียงเพิ่มระดับและพยายามเก็บไอเทมหายากจากพื้นที่ล่าที่อันตรายเท่านั้น
ดรัมแสดงสีหน้ามีความสุขเพราะคาดหวังจะเก็บเกี่ยวกำไรมหาศาลได้จากการเดินทางนี้
“แบบนี้โอกาสสำเร็จก็เพิ่มขึ้นไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ แต่จำนวนทหารรับจ้างที่เพิ่มขึ้นในทีมสำรวจก็ทำให้โดนโกงมากขึ้นด้วย”
“การเดินทางครั้งนี้ลำบากนี่ มีทหารรับจ้างเอาไว้ตอนฉุกเฉินก็ช่วยได้เยอะนะ”
“พวกเดียวที่จะเป็นประโยชน์ก็คือพวกที่มีประสบการณ์มากกว่านี้ แล้วก็เลเวลสูงกว่าพวกที่เหลือพวกนี้”
ทุกคนที่เข้าร่วมกิลด์โฟรเซ่นโรสนำพาเอาเงินจำนวนมากเข้ามาด้วย ส่วนใหญ่เพียงเข้าร่วมเพื่อผจญภัยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมนี้ก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมสำรวจ
“ว่าแต่กำลังเสริมพวกนี้มาจากไหน”
เคอบีรอสตอบข้อสงสัยของโอเบรอน
“ไม่รู้เหรอว่าช่วงนี้มีบางคนที่มีชื่อเสียงขึ้นมาจากการท้าคนอื่นสู้น่ะ”
“ท้าสู้... หมายถึงพวกที่คอยท้าดวลคนอื่นไปทั่วน่ะเหรอ”
“นั่นแหละ”
นักดาบทุกคนจนถึงนักดาบ505
บางคนก็ท้าทายให้คนอื่นดวลด้วย ส่วนคนอื่นๆ ไปฝึกฝนบนเขา ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสู้เฉพาะกับคนด้วยกันเท่านั้น
ลึกเข้าไปบนภูเขามีมอนสเตอร์ร้ายกาจ สัตว์ที่ดุร้าย และการท้าทายจากธรรมชาติ
รูปแบบการต่อสู้ของทุกคนก็ต่างกันไป
พลังทำลายมักขึ้นอยู่กับค่าความแข็งแกร่ง ความคล่องแคล่ว และความแตกต่างของความไวในการตอบสนอง
อย่างน้อยพวกเขาก็เรียนรู้หลายเรื่องเกี่ยวกับดาบ
ร่างกายของพวกเขาเริ่มสอดคล้องกับดาบ
พวกเขาเรียนรู้ว่าจะต่อสู้อย่างไรในสถานการณ์ที่หลากหลาย และจะปรับการเคลื่อนไหวของตนให้เข้ากับดาบได้อย่างไร
ดาบคือสิ่งจำเป็นในการเอาชีวิตรอด!
หลังจากซ้อมหุ่นไล่กาเป็นเวลาหนึ่งเดือน เหล่านักดาบก็ควบคุมดาบของตนได้ดีขึ้น
นักดาบหลายคนเพิ่มระดับผ่านการล่า และในจำนวนนั้นมีพวกเขาหลายสิบคนที่เข้าร่วมกับทีมสำรวจ
“ดีมากเลย”
โอเบรอนเผยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้รู้ว่าคนพวกนี้เข้าร่วมกับทีมสำรวจ และเขาก็อยากพบคนกลุ่มนี้
“เคอบีรอส”
“ครับ หัวหน้า”
“เตรียมพร้อมเสร็จหมดแล้วรึยัง”
“เตรียมเสบียงเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว”
“แล้ววงเวทย์เทเลพอร์ตล่ะ”
“วาดแล้ว พร้อมเดินทางตามกำหนดการ”
“งั้นอีกชั่วโมงนึงก็เริ่มส่งคนได้เลย เริ่มจากกองหน้าหลักของกองกำลังเรา”
“ต้องตามนั้นแหละ เพราะพวกเขาจะได้แสดงให้ทีมสำรวจที่เหลือเห็นเป็นตัวอย่าง”
การสำรวจทางเหนือ!
วิซาร์ดหลายคนวาดวงเวทย์ใหญ่ลงบนที่ราบ แล้วกองหน้าของทีมสำรวจก็เข้าไปยืนบนวงเวทย์นั้น
มีนักรบที่นำโดยเคอบีรอสถึง 150 คน! นอกจากนั้นยังมีแบล็คสมิธ และสถาปนิกอีกด้วย
“เจอกันที่ดินแดนทางเหนือ”
“ระวังตัวด้วย”
“ไม่ต้องห่วง เราจะตั้งแคมป์แล้วก็ออกสำรวจบริเวณรอบๆ”
“เจอกันในอีก 8 ชั่วโมง”
“แล้วจะรอ”
วงเวทย์นี้ใช้ได้วันละ 3 ครั้ง เพื่อส่งคนจำนวนทั้งสิ้น 450 คน ดังนั้นกองกำลังจึงถูกแบ่งออกเป็น 11 กลุ่มตามลำดับ
หน้าที่ของกองหน้าคือตั้งค่ายปฏิบัติการณ์และสำรวจพื้นที่รอบๆ
โอเบรอนเป็นผู้ให้สัญญาณเริ่มการสำรวจ
“เริ่มกันเลย ส่งพวกเขาไปทางเหนือ”
“เทเลพอร์ท!”
เหล่าวิสาร์ดเปิดการทำงานของวงเวทย์
พวกเขาทำได้เพียงส่งคนไปที่สถานที่ที่ถูกกำหนดไว้แล้วเท่านั้น ไม่สามารถจะส่งไปที่ๆ อยากไปได้
เคอบีรอสและเหล่านักรบ!
พวกเขาคือกลุ่มคนที่เก่งที่สุดในหมู่ผู้เล่นชั้นนำของกิลด์
พวกเคอบีรอสรักการต่อสู้ พวกเขาเข้าไปในดันเจี้ยนที่ผู้อื่นไม่กล้าแม้เพียงเฉียดเข้าไปใกล้
พวกเขาหลับตาแล้วเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งพื้นที่รอบตัวก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
พื้นที่นั้นหนาวมากและพื้นก็ปกคลุมไปด้วยหิมะ
ไอหนาสีฟ้าๆ ลอยออกมาจากปากของพวกเขา
“ฮัดชิ่ว!”
“ทำไมหนาวขนาดนี้”
ทีมสำรวจหยิบผ้าห่มออกมาทันที
พวกเขาเตรียมตัวมาพร้อม ทุกคนหัวเราะเยาะตอนที่เห็นพวกเขาหยิบเอาผ้าห่มติดมาด้วย
“ค่อยยังชั่ว...”
“ข้าว่าจะซุกเข้าผ้าห่มแล้วนอนซะหน่อย”
ถ้าพวกเขามาที่ทวีปทางเหนือโดยไม่ได้เอาผ้าห่มมาด้วยนี่ต้องกลายเป็นเรื่องสยองขวัญแน่
วิ้ววววว!
ลมเย็นพัดผ่านพวกเขาราวคมมีด
กึกๆๆๆ!
ฟันของทีมสำรวจสั่นกระทบกันแบบควบคุมไม่ได้
จากอากาศที่หนาวเย็นทำให้พวกเดินได้อย่างยากลำบากยิ่งไม่ต้องพูดถึงการออกสำรวจบริเวณโดยรอบ
“นี่มัน... พวกเราต้องหาอะไรสักอย่างมากำจัดความหนาวนี่แล้วละ”
เคอบีรอสออกคำสั่งให้ก่อกองไฟ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยเมื่อต้องหาไม้ฟืนที่ใช้งานได้บนพื้นที่มีแต่น้ำแข็ง
เนินเขาราส
ในสถานที่ที่ถูกหิมะปกคลุมจนมิดแบบนี้ดูท่าว่าคงไม่มีใครหาอะไรเจอทั้งนั้น
พวกเขาขึ้นไปที่ยอดเนินแล้วมองไปรอบๆ เพื่อจะได้เห็นว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
นอกจากนั้นยังมีสิ่งอื่นให้เป็นห่วงมากกว่าความหนาวเย็น
ห่างออกไปไม่ไกลนักมีหิมะหมุนวน มันค่อยๆ ยกหิมะและน้ำแข็งขึ้นจากพื้นแล้วม้วนดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของมัน การเต้นระบำของน้ำแข็งและแสง ช่างเป็นพลังทางธรรมชาติที่สวยงามอย่างยิ่ง สภาพเฉพาะทางภูมิศาสตร์ของดินแดนทางเหนือ พายุน้ำแข็งและหิมะกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา

บอสแห่งป่าการาก้า!
เพล เซเฟอร์ ฮวารยอง และปาร์ตี้ของพวกเขากำลังค้นหาไปทั่วป่าเพื่อตามหาคิงสเนค แต่ก็ยังหาไม่พบ
นักดาบ5 เห็นต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งมีลายไม้ที่มีสีสันสวยงาม
“ดูมีลักษณะเฉพาะมากเลย วีดชอบแกะสลักนี่ เราเก็บไปให้เขาดีมั้ย”
เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ล้มเลิกความคิดนั้นแล้วเลิกกังวล
เขาเริ่มเคลื่อนไหวไปตามสัญชาติญาณก่อนจะคิดเรื่องอื่น
กำไร!
นักดาบ5 ชักดาบออกมาแล้วฟันไปที่เนื้อไม้
แต่เขากลับตัดได้เพียงผิวของมันเท่านั้น
“อะไรกันเนี่ย”
นักดาบ5 พบว่ามันตัดยากกว่าปกติ
แซ่กๆๆ
เสียงน่าสงสัยดังออกมาจากด้านหลังขณะที่หัวขนาดใหญ่โตของงูยักษ์โผล่ออกมา
ชู่รรร!
เขาเห็นหัวของคิงสเนคที่กำลังแลบลิ้นสองแฉกออกมา!
“เจ้าโง่ เจ้ากล้าโจมตีร่างกายอันสูงส่งของข้าเรอะ”
คิงสเนคเป็นมอนสเตอร์ที่มีชื่อกำกับ
ตอนนั้นเองที่ปาร์ตี้เริ่มเข้าต่อสู้กับคิงสเนค ลำตัวของมันยาวกว่าสิบเมตร และยังสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีจากการไล่ล่าของมัน มันซ่อนเขี้ยวพิษอันร้ายกาจเอาไว้แล้วยังมีผิวหนังที่แข็งมาก
อาวุธหลักของคิงสเนคคือเขี้ยวและพิษที่แข็งแกร่งถึงขนาดสามารถทำกระทิงหลังหักได้
เขี้ยวที่แหลมคมเหลือเชื่อยังสามารถเจาะเกราะหนักได้อีกด้วย
สมัยก่อนพวกเขาคงไม่คิดว่าจะมาล่าคิงสเนคได้ แต่ตอนนี้พวกเขามีพรรคพวกมากขึ้น และสัมผัสทางการต่อสู้ก็พัฒนาขึ้นแล้ว
“เขตแห่งไฟ!”
โรมูนะทำให้พื้นที่รอบๆ ลุกเป็นไฟ งูเกลียดไฟ!
แม้จะไม่ใช่การโจมตีโดยตรงใส่คิงสเนค แต่ก็ช่วยจำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหวของมัน แต่เวทย์นี้ก็ทำอันตรายพรรคพวกในปาร์ตี้เดียวกันด้วย
“โปรดปกป้องเราจากไฟอันลุกโหม พรแห่งน้ำ กรี๊ดดด ร้อนนนน”
ไอรีนกรีดร้อง
หน้าที่หลักของเธอคือการฟื้นฟูพลังชีวิต ทักษะป้องกันและให้พรของเธอจึงยังต่ำอยู่
เนื่องจากทักษะพรแห่งน้ำของเธอมีระดับต่ำจึงไม่สามารถทำอะไรไฟของโรมูนะได้
เมื่อล้มเหลวไอรีนจึงให้ความสำคัญกับการฟื้นพลังชีวิตให้กับทุกคนในปาร์ตี้ด้วยเวทย์ศักดิ์สิทธิ์แทน
เซเฟอร์รับหน้าที่เป็นตัวล่อคิงสเนคขณะที่ฮวารยองเต้น
“ระบำงงงวย!”
ทักษะนี้สามารถลดพลังใจของศัตรูและทำให้เสียการทรงตัวได้ มันเป็นทักษะที่เหมาะกับการต่อสู้เนื่องจากมันทำให้ศัตรูเสียสมดุลและไม่สามารถกลับสู่สภาพปกติได้
เป็นคำสาปที่ทรงพลัง
เจ้างูเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ ในขณะที่ฮวารยองเต้น
สีหน้าของเธอราวกับบ่งบอกว่าเธอถูกขังอยู่ในเขาวงกตที่ยุ่งเหยิงขณะกำลังเต้น
ท่าเต้นพวกนี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของทักษะเต้นของเธอ
เป็นเพราะการเต้นของฮวารยองจึงทำให้ทักษะเช่นนี้เป็นไปได้
การเต้นเพิ่มผลกระทบของทักษะยิ่งขึ้นไปอีก
“โอ้ ฮวารยองเต้นอยู่ละ”
“สวยมากเลย”
“คำว่าสวยใช้บรรยายไม่ได้”
“เอวคอดจังเลย คอก็บาง...”
นักดาบ2 3 4 และ 5 พบว่าการไม่มองฮวารยองเต้นนั้นยากเต็มที
จะต่อสู้อยู่หรือไม่ความสนใจของพวกเขาก็พุ่งไปที่การเต้นของฮวารยองเพียงอย่างเดียว
“อึก!”
พวกเขาจ้องมองเธอเต้นอยู่ด้านหลัง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนผู้ชายก็คือผู้ชาย ความจริงก็คือพวกเขาต่างหลงงมงายในผู้หญิง
แซ่กๆๆ!
คิงสเนคส่ายหัวซ้ายบ้างขวาบ้างไปตามพื้นก่อนจะคายพิษสีฟ้าของมันออกมา
คนอื่นๆ คงตกอยู่ในความวุ่นวายโดยสัญชาติญาณแทนที่จะต่อสู้เพื่อป้องกันตนเอง
“แก้พิษ!”
ไอรีนอยู่ตรงกลางพอดี เธอไล่พิษออกไป
“ถึงตาพวกเราแล้ว”
“ครับ ท่านอาจารย์”
นักดาบ และนักดาบ2 3 4 5 พุ่งไปตามทางที่เปิดขึ้นแล้วฟันเข้าใส่ลำตัวของศัตรู
“ไอซ์เบลด!”
“ริเวอร์เบลด”
“รีเวนจ์สไลซ์!”
นักดาบ และนักดาบ2 3 4 5 ร่ายทักษะของแต่ละคน
ลำตัวของคิงสเนคหนามากจนทักษะของพวกเขาทำอันตรายมันไม่ได้มากนัก
ลูกศิษย์คนอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะใช้ทักษะของตนอย่างจำกัด แต่ก็มีข้อยกเว้นบ้าง
ส่วนใหญ่พฤติกรรมของมอนสเตอร์จะเปลี่ยนแปลงไปก่อนการใช้ทักษะ
ใช้ดาบจัดการกับศัตรูดูจะง่ายกว่าการใช้ทักษะ
‘ใช้สกิล! รวมตัวกันโจมตี! แบบนี้แรงโจมตีจะสูงขึ้น’
‘พยายามสัมผัสการใช้สกิล ใช้สกิลไปอย่าหยุดและทำลายจุดอ่อนของศัตรู การโจมตีของเราจะแรงขึ้นทุกครั้งที่โจมตี!’
ด้วยทักษะบางอย่างทำให้พวกเขาสามารถเพิ่มค่าความเสียหายและทำให้ความสามารถของตนสูงขึ้นได้
ความช่ำชองในการใช้ทักษะของพวกเขาสูงกว่าระดับของพวกเขามาก
ค่าทักษะไม่ใช่สิ่งเดียวที่เพิ่มแรงโจมตี และถ้ารู้จักต่อสู้ให้ถูกวิธีก็จะสามารถทำความเสียหายได้มากขึ้น
เสียงตะโกนใช้ทักษะของนักดาบ และนักดาบ2 3 4 5 ดังลั่น
“สไลซ์แอนด์ไดซ์”
การโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็ว!
นักดาบ4 ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเหวี่ยงดาบเร็วจนมองดูราวกับว่ามีดาบเป็นสิบๆ เล่ม
“ดับเบิ้ล สไตรค์!”
เซอร์กะโจมตีลำตัวของคิงสเนคอย่างแรง สนับมือที่แหลมคมของเธอกระแทกเข้ากับหนังหนาๆ ของคิงสเนค
พวกเขาทำความเสียหายได้เพียงเล็กน้อย แต่เมื่อรวมเข้ากับพวกนักดาบแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ดิ้นรนจนสามารถเอาชนะคิงสเนคได้
เนื่องจากการต่อสู้กับคิงสเนคกินแรงมากพวกเขาจึงเดินทางกลับสู่ปราสาทของดาร์คเอลฟ์
ขณะที่ปาร์ตี้เอาชนะป่าการาก้าได้และกำลังหยุดพัก วีดที่กลับไปที่ที่ราบแห่งความสิ้นหวังแล้วก็กำลังวิ่งไปที่ปราสาทดาร์คเอลฟ์ ไม่นานหลังจากนั้นเมลอนก็โผล่มาแล้วพวกเขาก็เริ่มคุยกัน
ในระหว่างที่คุยกันอยู่เมลอนก็พูดขึ้นว่า
“เพล”
“ครับ”
“ตะเองรู้มั้ยว่าวันนี้เป็นวันอะไร”
“ไม่รู้สิ ใช่วันที่ 64 นับจากวันที่เราพบกันเป็นครั้งแรกรึเปล่า”
“วันนี้บริษัทให้เค้าหยุดงานละ”
เมลอนกำลังพูดด้วยเสียงกระมิดกระเมี้ยน!
พวกเขาได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น
เพลผงกศีรษะโดยไม่ลังเล
“เค้ารอดูคอนเสิร์ตอยู่นะ”
“อื้อ เย็นนี้เค้าพาตะเองไป”
เพลกับเมลอนนัดเดทกันอย่างรวดเร็ว
โรมูนะและไอรีนดูเหมือนกำลังปวดท้องอย่างหนัก
“รู้สึกยังกับว่าเพลเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
“ในฐานะเพื่อนและมนุษย์ด้วยกัน ฉันเห็นด้วย”
นักดาบ และนักดาบ2 3 4 5 เองก็กำลังมองคู่รักเช่นกัน
พวกเขาเข้าใจว่าผู้หญิงชอบผู้ชายที่แข็งแรงและพึ่งพาได้ พวกเขาหุ่นดีแล้วก็ต่อสู้เก่งแต่กลับหาแฟนไม่ได้
‘ทำไมกัน’
‘หรือผู้หญิงจะไม่ชอบกล้าม’
‘การออกกำลังกายกับศิลปะการต่อสู้ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีนี่นา...’
เหล่านักดาบคิดว่าการมีกล้ามทำให้น่าสนใจและมีเสน่ห์
แต่ในความเป็นจริงพวกเขากลับหาแฟนไม่ได้เลยสักคน
เพื่อรักษารูปร่างให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ในโลกจริงพวกเขาจะกินเพียงไก่และโปรตีนเป็นหลักโดยไม่มีการปรุงแต่งรสชาติใดๆ เลย พวกเขาเพียงกินไก่ต้มกับข้าวสวยเท่านั้น
บางครั้งไก่ก็มีกลิ่นคาวแปลกๆ และบางครั้งก็เคี้ยวยาก
แต่พวกเขากลับกินอาหารแบบนี้เป็นปกติ
‘ต้องระมัดระวังเรื่องการกินซะแล้ว’
‘พวกเราต้องกินเพื่อความแข็งแกร่ง’
พวกเขาบังคับตัวเองไม่ให้กินอย่างอื่นนอกจากอกไก่ไร้ไขมัน
ปัญหาคือไข่ขาว
พวกเขากินไข่ต้มจนแทบเสียสติ มันน่ากลัวจนแค่เพียงได้กลิ่นพวกเขาก็แทบอยากอาเจียน
เหล่านักดาบจำเป็นต้องย่อยอาหารจำนวนมากเพราะต้องการโปรตีนจำนวนมาก
พวกเขายังมีปัญหากับระดับน้ำในตัวอีกด้วย
พวกเขาพยายามเติมพลังให้ร่างกายและฟื้นฟูความแข็งแกร่งทุกครั้งหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก
หลายคนยังท้าทายตัวเองด้วยการจัดระเบียบให้ตนเองด้วยการใช้ชีวิตผ่านดาบ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยมีโอกาสได้พบผู้หญิงเลย
ทันใดนั้นเซอร์กะก็พูดขึ้นว่า
“ไหนๆ พวกเราทุกคนก็คุยกันอยู่ ทำไมเราไม่มานัดเจอกันในชีวิตจริงล่ะ”
“ว่าไงนะ”
“ก็มาเจอกันแล้วคุยกันแบบนี้ในชีวิตจริงไงล่ะ! เราไปคอนเสิร์ตกันให้หมดทุกคนเลยดีมั้ย”
“ฉันไม่แน่ใจว่านั่นเป็นความคิดที่ดี”
“ทำไมล่ะ มาเจอกันในชีวิตจริงน่าจะดีนะ”
เจอกันในโลกจริง
เมลอน ไอรีน เซอร์กะ โรมูนะ และฮวารยอง!
พวกนักดาบจะได้เจอหญิงสาวถึงห้าคน เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้คุยกับผู้หญิงแม้ว่าเซอร์กะจะเด็กไปหน่อย และเมลอนจะมีแฟนแล้วก็ตาม
ดื่มกาแฟและกินแฮมเบอร์เกอร์
เดินเล่นในเมืองกับหญิงสาวต้องรู้สึกดีมากแน่ๆ
นักดาบ4 และ 5 หันมาสบตากัน
“นักดาบ4”
“ว่าไง นักดาบ5”
“นายเคยไปดูคอนเสิร์ตมั้ย”
“ล่าสุดก็หกปีที่แล้วละมั้ง”
“...”
“ฉันอยากไปว่ะ”
เมลอนกับเพลไม่เห็นด้วยเพราะพวกเขาไม่อยากได้ก้างขวางคอในเวลาดีๆ ของพวกเขา
นอกจากพวกเขาแล้ว เซเฟอร์ กับฮวารยองค่อนข้างเป็นมิตรกับเหล่านักดาบ
แล้วการนัดเจอกันและได้พูดคุยในชีวิตจริงก็ฟังดูเป็นการฆ่าเวลาที่ดี
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอรีนกับโรมูนะตกลงทันที
“ฟังดูดีนี่”
“ฉันไม่ได้ดูคอนเสิร์ตนานมากแล้ว”
“พี่ฮวารยองล่ะ มาเจอพวกเราได้มั้ย”
เซอร์กะพยักหน้าใส่ฮวารยอง
“อื้อ ฉันอยากเจอทุกคนนะ”
ที่จริงฮวารยองค่อนข้างลังเลที่จะเจอกับคนอื่นๆ เธอไม่อยากให้คนในเกมรู้ว่าเธอเป็นดารา
‘แต่กับคนพวกนี้น่าจะไม่เป็นไร’
ในเมื่อฮวารยองตกลงแล้ว เซอร์กะจึงหันไปถามเซเฟอร์
“พี่เซเฟอร์ล่ะ ไปมั้ย”
“แน่นอน”
เซเฟอร์เองก็ลังเลเล็กน้อยเช่นกัน
บริษัทของครอบครัวเขารวยขึ้นมาในชั่วข้ามคืน
คนระดับเขาแค่คุยกับคนแปลกหน้าสัก 3-6 นาทีก็ได้เบอร์โทรมาแล้ว
เพลย์บอยในตำนานอย่างเขาอย่างมากก็ออกไปข้างนอกเพื่อเดทแค่ 30 นาทีเท่านั้น
ดังนั้นเซเฟอร์จึงตะขิดตะขวงใจที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับใครเป็นการส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่พวกเขาได้ใช้ร่วมกันในเกมก็ใช่จะไร้ค่าเสียทีเดียว
ตอนนั้นเองที่วีดมาถึงปราสาทดาร์คเอลฟ์
“อ่อ ทุกคนอยู่กันที่นี่เอง”
นอกจากเมแพนที่กำลังยุ่งแล้วทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด
โดยไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย เซอร์กะเดินเข้าไปหาวีดด้วยตาเป็นประกายแล้วถามว่า
“วีด! พี่วีด!”
“ฮะ?”
“พวกเราอยากเจอกันในโลกจริงแหละ พี่เซเฟอร์ พี่ฮวารยอง พี่ไอรีน พี่โรมูนะ พี่เพล แล้วก็พี่เมลอนด้วย พี่วีด ฉันอยากเจอพี่แล้วก็ไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน พี่คิดว่าไง”
“...”
วีดทั้งอยากไปและไม่อยากไป
‘คอนเสิร์ต... ค่าตั๋วแพงจะตาย’
วีดเกลียดการใช้เงินไปกับกิจกรรมทางวัฒนธรรม
สำหรับเขา วัฒนธรรมเป็นเหมือนคนแปลกหน้า
วีดไม่ได้มองวัฒนธรรมเป็นการแสดงอันยอดเยี่ยม เป็นภาพยนตร์ หรือเป็นการจัดแสดงนิทรรศการ
สำหรับเขา แค่เอาแว่นขยายส่องดู แล้วก็เล่นกับมดก็พอแล้ว เขายังปลูกผักในเวลาว่างด้วย ผักปลอดสารพิษกับผักที่ขายตามท้องตลาดมีความแตกต่างกันอยู่เขาจึงพยายามจะประหยัดเงิน
นอกจากนั้นยังมีทำความสะอาดบ้าน กับล้างจานด้วย
มีแต่การใช้แรงงานที่ไม่จบไม่สิ้น
ในทางตรงกันข้าม วัฒนธรรมก็เป็นเพียงการใช้จ่ายเท่านั้น
เงิน เงิน เงิน!
ไม่ว่าคุณจะทำอะไร หรือกินอะไร ก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น
วีดกำหนดงบค่าใช้จ่ายในบ้านอย่างเข้มงวด
ในเดือนหนึ่งๆ เขาได้เงินเพียงสองพันวอน (ประมาณ 60 บาท)
นั่นคือจำนวนเงินที่ไม่เกี่ยวกับค่าอาหาร เป็นเงินที่กันไว้สำหรับเที่ยวเล่นโดยเฉพาะ
วีดกำลังจะปฏิเสธ
แต่มันจะไม่ดีสำหรับเขาถ้าทุกคนไปเจอกันหมดยกเว้นตนเอง
ตอนนั้นเองที่นักดาบ5 พูดแทนวีด
“วีดไม่ค่อยว่างน่ะ เราบังคับให้คนงานยุ่งอย่างเขามาเจอไม่ได้หรอกนะ”
นักดาบ4 ก็พยักหน้า
“ใช่แล้ว ฉันว่าวีดยังมีหลายงานที่ต้องทำ แล้วฉันคงจะแปลกใจมากถ้าเขามีเวลาว่างอะนะ”
พวกเขาเข้าข้างวีดอย่างเต็มที่ แต่ฮวารยองก็เปิดปากพูดขึ้นมาอย่างผิดหวังว่า
“ถ้าวีดไม่ไปฉันก็ไม่อยากไปนะ”
ไอรีนและโรมูนะก็เริ่มไม่อยากไปแล้วเหมือนกัน
“ฉันก็ว่ามันคงไม่สนุกถ้าวีดไม่ไป”
“ฉันว่าคอนเสิร์ตนี่ไปด้วยกันเยอะๆ มีความหมายกว่าไปคนเดียวนะ”
เซเฟอร์ที่พาดคันเบ็ดไว้บนไหล่ก็พูดขึ้นว่า
“ถ้าวีดไม่ไปผมก็ไม่จำเป็นต้องไปเหมือนกัน ใช้เวลาว่างที่มีทำอย่างอื่นดีกว่า”
ณ จุดนี้ พวกเขาต่างเปลี่ยนใจไม่อยากเจอกันในชีวิตจริงแล้ว
ถ้าวีดซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางของกลุ่มไม่ไปพวกเขาก็ไม่ไปเหมือนกัน
ถ้าวีดไม่ไปก็ไม่สนุก วีดมีบทบาทถึงขั้นนั้นเลยทีเดียว
นักดาบ2 รีบพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“วีด มาเจอกันก็ไม่น่าจะลำบากอะไรขนาดนั้นนะ”
“นายมาฝึกที่โรงฝึกทุกวันไม่ใช่เหรอ”
“อ๊ะ!  นั่นสิ จริงด้วย”
นักดาบ5 ก็เข้าร่วมวงด้วย
“เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ดื่มด่ำกับท่วงทำนองคลาสสิค ดนตรีที่มีเสน่ห์”
นักดาบ4 เองก็ยิ้มกระหยิ่ม
“แบบลูกผู้ชายที่แท้จริงไง! มิตรภาพความเป็นเพื่อน! ชัดเลย”
นักดาบ2 4 และ5 เพล ฮวารยอง และไอรีนพากันคะยั้นคะยอให้วีดไป
เขาสังเกตเห็นว่าทุกคนอยากเจอกันจริงๆ
ตอนนี้คงจะน่าอายมากถ้าเขาปฏิเสธ
“โอเค อีกสักสามวันได้มั้ยล่ะ”
“น่าจะ... น่าจะได้นะ”
เพลเหล่มองนักดาบ2 ที่กำลังผงกศีรษะ
“งั้นระหว่างนั้นเราลงดันกันเถอะ”
“ดันเจี้ยนเหรอ”
“อีกสามวันในโลกจริงใช่มั้ยล่ะ ถ้าเราเริ่มล่าตอนนี้ ก็จะเท่ากับแปดวันในทวีปเวอร์เซลล์ นานขนาดนี้พวกเราน่าจะสำรวจดันจนทั่วแล้วก็เคลียร์มันได้ แบบนี้เป็นไง”
เซอร์กะคิดตามคำพูดของวีด
“เราจะเคลียร์ดันได้ภายในแปดวันเหรอ ฉันเอาด้วย”
เมลอนส่ายหัวรายกับได้ยินเรื่องไร้สาระ
‘ไม่ว่าดันดีๆ ที่ไหนก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองอาทิตย์ทั้งนั้น แล้วอย่างน้อยก็ต้องมีเวลาสิบวันในการทำแผนที่ แปดวันจะไม่ตลกไปหน่อยเหรอ’
แต่เมลอนไม่เข้าใจ วินาทีที่วีดพูดขึ้นมา ฮวารยองกับเซเฟอร์ก็เริ่มขาสั่นแล้ว
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะพวกเขาจำประสบการณ์ล่ากับวีดในถ้ำบัสเราะห์ได้
‘อึก...’
‘ล่าแล้วล่าอีกไม่จบไม่สิ้น...’
‘กิน ล่า พันแผล...’
‘แล้วก็ล่าอีก ให้ตายซะยังสบายกว่า!’
ล่าต่อเนื่อง 29 ชั่วโมงไม่หยุดพัก เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของพวกเขาเลยทีเดียว เรียกได้ว่าการล่ามอนสเตอร์ถึงขั้นนั้นได้พาพวกเขาไปถึงขีดจำกัดของทั้งร่างกายและจิตใจแล้วจริงๆ
เมื่อตกลงกันได้พวกเขาจึงกลับเข้าเมืองเพื่อขายของที่ได้จากการล่าครั้งก่อน
พวกเขาคิดว่ามันจบลงแล้ว
กลับต้องมาล่าต่ออีกหลายวัน...
การล่าอันทรหดได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
                          ท่านค้นพบดันเจี้ยนรอทเท่นลิชเป็นคนแรก!
รางวัล:
ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 400
ค่าประสบการณ์และอัตราการดรอปเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์
มอนสเตอร์ตัวแรกที่ถูกสังหารจะดรอปไอเทมที่ดีที่สุด

เล่มที่ 8 ตอนที่ 5 : จบ


******************************



<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: