วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 6 ตอนที่ 1 ฟินสุดๆ (Delight)

เล่มที่ 6 ตอนที่ 1 ฟินสุดๆ (Delight)

การมุ่งหน้าไปสู่ที่ราบแห่งความสิ้นหวังตามคำขอร้องที่ได้รับจากวิหารแห่งเฟรย่า!
ภายหลังจากการแปลงร่างด้วยเทคนิคลับทางประติมากรรม เขาก็ได้เข้าร่วมกับออร์ค  และได้ทำการโจมตีโดยมีฐานที่มั่นของดาร์คเอลฟ์เป็นเป้าหมาย!
ระหว่างดำเนินภารกิจเพื่อกวาดล้างเนโครแมนเซอร์ซึ่งทำการอัญเชิญผู้ติดตามของบัลข่าน  วีดได้แสดงให้เห็นถึงความปราณีเล็กๆ น้อยๆ  เขาไว้ชีวิตเหล่าเนโครแมนเซอร์ในวินาทีสุดท้าย
บางทีอาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้  ภารกิจความยากระดับ A จึงได้มาถึงมือเขา
กองทัพอมตะ
ลิช ไชร์(Lich Shire) เป็นผู้นำกองทัพอมตะนี้เข้าร่วมสงคราม
ออร์คและดาร์คเอลฟ์จะต้องรวมเป็นหนึ่งเพื่อโค่นล่มกองทัพอมตะ
เนโครแมนเซอร์กำลังจับตามองในขณะที่ราชองครักษ์ก็รอคอยคำตอบของวีด
วีดจึงได้ตอบออกมาว่า
 “ต่อให้รวมความแข็งแกร่งของทั้งออร์คและดาร์คเอลฟ์เข้าด้วยกันเราก็ไม่สามารถต่อกรกับกองทัพอมตะได้หรอก ข้าไม่ขอมีส่วนร่วมด้วยเด็ดขาด”
โปรดยืนยันอีกครั้งหนึ่ง  คุณต้องการรับภารกิจ ‘กองทัพอมตะซึ่งนำโดยไชร์’ หรือไม่? ภารกิจนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถือกำเนิดของอาชีพลับ เนโครแมนเซอร์
“ข้าจะไม่ต่อสู้กับพวกกองทัพอมตะ”
ภารกิจถูกปฏิเสธ
“ถ้างั้น….”
หน้าตาของพวกเขาบ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างแสนสาหัส
“หัวหน้า! พวกเราไม่อาจยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้ได้”
เบคเคอร์และเหล่าเซ็นทูเรียนที่ปกติปฏิบัติตามคำสั่งของวีดโดยไม่เคยตั้งคำถามต่างก็ประท้วงต่อการตัดสินใจครั้งนี้อย่างรุนแรง  รวมทั้งเหล่าราชองครักษ์ก็นิ่งเงียบไป
“คนผู้นี้ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ความยุติธรรม! เขาเข้าใจในวิถีของอัศวินมั้ยเนี่ย?”
“ช่วยเหลือผู้อ่อนแอและลงทัณฑ์คนเลว แต่ก็นะ... เราจะหวังอะไรจากประติมากรที่มาทำงานของทหาร!”
ในตอนนี้ค่าความภักดีและความใกล้ชิดกับพวกทหารในชุดเกราะตกลงอย่างมีนัยยะสำคัญเลยทีเดียว
“พวกเราไม่มีวันยอมรับการตัดสินใจนั่น”
“ท่านวีดที่เคารพกลับมาคิดเยี่ยงนี้ในยามที่ต้องเผชิญกับอำนาจของปีศาจร้าย … ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย”
แม้กระทั่งพรีสที่มาจากวิหารแห่งเฟรย่าก็เริ่มที่จะหลีกเลี่ยงวีด  จนถึงตอนนี้ทุกคนต่างก็เกลียดวีด! อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปด้านหลังก็เห็นเนโครแมนเซอร์กำลังพูดอยู่
“ท่านยังคงไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้น  ข้าขอบอกว่ากองทัพอมตะไม่ได้เพียงจะจัดการพวกเราเหล่าเนโครแมนเซอร์เท่านั้น  หากแต่เป็นทั่วทั้งผืนทวีปเลยทีเดียว”
“ข้าไม่รู้เรื่องพวกนั้นหรอก”
“ดูสิ  ท่านเป็นเพียงผู้เดียวที่จะนำพวกเราได้  จงมาต่อสู้ร่วมกับพวกเราเถิด”
ตริ้งงง!
ภารกิจลับ! กองทัพอมตะซึ่งนำโดยไชร์กำลังจะยึดครองโลก!
บัลข่านควบคุมกองทัพที่ถูกปลุกขึ้นมานี้จากเบื้องหลัง เขามุ่งหวังที่จะนำความมืดมิดมาสู่โลกนี้ด้วยมือของไชร์ สานุศิษย์ของเขา  เพียงแค่วันรุ่งขึ้นนับจากการต่อสู้ ลิช ไชร์ก็สามารถสร้างกองทัพอมตะที่สูญเสียไปขึ้นมาใหม่ได้ทั้งกองทัพ  เป็นอีกครั้งที่กองทัพอมตะจะได้ถือกำเนิด!
เพื่อที่จะอยู่รอด ออร์คและดาร์คเอลฟ์จะต้องร่วมมือกันในสงครามครั้งนี้  จงรวบรวมพลังทั้งหมดที่ท่านมีเพื่อป้องกันการรุกรานของกองทัพอมตะ  จงพิชิต ลิช ไชร์
ระดับความยาก: A
สิ่งตอบแทน: เวทมนตร์ของบัลข่าน
ระยะเวลาของภารกิจ: โค่นล้มกองทัพอมตะให้ได้ภายใน 30 วัน
“…..”
วีด ถึงกับตะลึงไปเลยในชั่วขณะนั้น  ขนาดปฏิเสธไปแล้วก็ยังได้รับการเสนอการกิจนี้อีก
เขาส่งมอบจอกศักดิ์สิทธิ์คืนแก่วิหารแห่งเฟรย่า และก็โดนบังคับกลายๆให้ทำเควสต่อเนื่องสำหรับมงกุฎแห่งฟาร์โก  แล้วตอนนี้เจ้าเนโครแมนเซอร์ในที่ราบแห่งความสิ้นหวังนี้ก็ดันให้ภารกิจที่หากปฏิเสธก็จะได้รับการลงโทษจากบุคคลเกี่ยวข้องที่อยู่รอบๆ กายเขา
‘เควสนี้มันที่สุดของความยากเลย (extremely difficult)!’ วีด ส่ายหัว
“ไม่ล่ะ  สำหรับกรณีนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้จริงๆ”
ต้องการคำยืนยันอีกครั้งหนึ่ง
‘กองทัพอมตะที่นำโดยไชร์’
คุณต้องการรับภารกิจนี้หรือไม่ ภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับการถือกำเนิดของอาชีพลับ เนโครแมนเซอร์
ในสถานการณ์ที่คุณไม่ยอมรับภารกิจ เรื่องแย่ๆ จะเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่
“อืมมม แม้กระทั่งหลังจากที่ข้าบอกท่านแล้วก็ตามแต่ดูเหมือนท่านจะยังไม่เข้าใจ  ภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับทั่วทั้งทวีป  ถ้าหากท่านละเลยมันล่ะก็ พวกมนุษย์ก็จะเป็นเฉกเช่นพวกข้าที่จะไม่สามารถหนีพ้นไปจากความมืดมิด ผู้คนที่รอบกายเจ้าจะสูญเสียความกล้าและเกิดความว้าวุ่นสับสน”
เนโครแมนเซอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหดหู่ถึงขีดสุด
น่าขยะแขยงจริงๆ!
วีดรู้สึกหนาวเยือกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
เขาติดอยู่ในกับดักของวังวนการสนทนาที่ไม่สามารถหาทางออกมาได้
ไม่ใช่แค่วิหารแห่งเฟรย่าเท่านั้นที่ไล่ต้อนเขาจนจนมุม  พวกนั้นเอาการลดลงของกิตติศัพท์มาขู่เขาโดยไม่ลังเลเลย  แต่นี่มันเป็นอะไรที่คนธรรมดาๆ ไม่สามารถทำสำเร็จได้เลยแล้วจะให้แกล้งไปรับภารกิจได้ยังไง
มันยากที่จะปฏิเสธภารกิจ แต่เราสามารถที่จะทิ้งภารกิจนี้ในตอนหลังก็ได้  แต่นั่นต้องแลกมาด้วยค่าความน่าเชื่อถือที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะมั่นใจได้เลยว่าภารกิจนี้มันไม่มีทางทำได้สำเร็จ
แต่สุดท้ายวีดก็ต้องยอมจำนนต่อคำขู่เข็ญนี้  เขาทนปล่อยให้ชื่อเสียงที่ได้มาอย่างยากลำบากลอยหายไปง่ายๆอย่างนั้นไม่ได้
“ข้ายินดีใช้ชีวิตเป็นเดิมพันเข้าต่อกรกับกองทัพอมตะที่นำโดยลิชและเหล่าทหารอันเดด ข้าจะสู้เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินนี้ให้ปราศจากมลทินจากพวกมัน”
คุณยอมรับภารกิจ

********************************
ฮว้ากก รู รู
จากการโจมตีของออร์คและเวทมนต์ของดาร์คเอลฟ์ได้ก่อให้เกิดหลุมบ่อโดยรอบป้อมของดาร์คเอลฟ์  เพื่อที่จะซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจึงได้มีการเก็บกวาดเปลวเพลิงและบึงโคลนออกไปจากบริเวณนั้น
พวกออร์คกำลังยุ่งอยู่กับการขนข้าวของสัมภาระที่ใช้ในการเดินทางของตนไปยังป้อมของดาร์ดเอลฟ์  ซึ่งป้อมนี้นั้นมันใหญ่โตมโหฬารขนาดที่สามารถจุออร์คได้เป็นหมื่นๆเลย
“ชวิคชวิท พวกเอลฟ์ช่างไร้อารมณ์ขัน ได้ยินเสียงก้อนหินอะไรของมัน ไม่เคยได้ยินโว้ย”
“จะว่าอะไรก็ตามใจเจ้า   ออร์ค”
“ข้าคืออันดับหนึ่งในด้านความแข็งแกร่ง ชวิค!”
ออร์คเข้าร่วมกับเอลฟ์เพื่อเริ่มต้นการซ่อมแซม
พวกเนโครแมนเซอร์รีบเร่งมาหาพรีสและราชองครักษ์เพื่อแจ้งถึงกองทัพอันเดธ  จากนั้นดาร์คเอลฟ์และออร์คก็สร้างความปรองดองกันได้อย่างรวดเร็ว  การมีศัตรร่วมทำให้การรวมกลุ่มของกองกำลังเป็นไปได้ด้วยดี
การทำพิธีกรรมอัญเชิญของบัลข่านในอดีตนั้นไม่ได้เหลือช่องให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นใด  ดาร์คเอลฟ์ได้ถูกสังหารลงและฟื้นขึ้นมาเป็นอันเดธฮันเตอร์  ในขณะที่ออร์คนั้นถูกทำให้กลายเป็นซอมบี้
ยิ่งไปกว่าสิ่งใดนั้น ดาร์คเอลฟ์เป็นพวกที่ภาคภูมิใจในพวกพ้องและออร์คที่เย่อหยิ่งรู้สึกโดนเหยียดหยามที่โดนทำให้กลายเป็นซอมบี้
“ชวิค   ชวิค! พวกเรากลับสู่ผืนดิน ชวิควิค พวกเราจะได้หยุดพักและผ่อนคลายขาของเราหลังจากที่พวกเราตายไป”
ทั้งสองฝ่ายได้จับมือกันในการที่จะสู้กับกองทัพอมตะ  ตอนนี้ทั้งสองกำลังทำการซ่อมแซมป้อมอยู่โดยที่พรีสของเฟรย่าแบะเหล่าราชองครักษ์ก็ได้เข้ามาช่วยงานด้วย
“ข้างใต้นี่มันกลวงมาก!”
“มันมีการค้ำยันที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ข้างใต้”
“ฐานรากที่นี่มันปวกเปียกเกินไป”
เดลกับโฮสแรมนำทหารไปกับพวกเขาเพื่อตรวจสอบป้อมโดยรอบอย่างละเอียด  ความแข็งแกร่งของออร์คนั้นดีสำหรับใช้ในการขนย้ายหินหนักหรือพวกวัสดุ  แต่สัมผัสจากมือของมนุษย์จะให้ผลที่ดีกว่าสำหรับพวกงานโครงสร้าง  ส่วนพวกดาร์คเอลฟ์ก็ใช้เวทมนต์เพื่อในการตัดแต่งและทำงานที่เปื้อนโคลนเหล่านั้น
ณ ด้านบนของป้อม   วีดกำลังหายใจด้วยความหนาวเหน็บ
มันเป็นการแสดงออกถึงความหนักอกหนักใจเป็นที่สุด!
“หัวหน้า  วิธีนี้ดูท่าจะสามารถสร้างกลยุทธ์ที่ใช้เอาชนะการต่อสู้กับพวกกองทัพอมตะได้”
“ยังไงเขาก็ยังคงเป็นผู้นำของพวกเราอยู่ดี”
เบคเกอร์ยกนิ้วหัวแม่มือให้วีด
แต่วีดเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้ก่อน  เขาคิดว่าสงครามจะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งเดือนนี้
“มาดูนี่ดีกว่า  อย่างแรก  ไอเทมที่ได้รับจากผลพวงของสงคราม ….”
เขากำลังอยู่ระหว่างการคำนวณถึงราคาของๆที่แย่งชิงมาได้จากคนที่เขาฆ่าในระหว่างการจู่โจมดาร์คเอลฟ์  ความจริงแล้วแม้จะอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานของการต่อสู้เขาก็ยังคงมองหาไอเทมสำคัญๆที่ตกลงจากร่างผู้เสียชีวิตอย่างไม่ยอมละเว้นพร้อมทั้งหัวเราะราวกับคนเสียสติในยามที่ห่าธนูถูกยิงไปยังเขา
เป็นการต่อสู้ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตรา!
เขาเก็บกวาดพวกอาวุธและอุปกรณ์ราวกับเขาเป็นเครื่องดูดสูญญากาศ
และตอนนี้ก็ได้เวลามาคำนวณมูลค่าของไอเทมที่ได้มา
“ตรวจสอบ”
ดาบขุดเจาะของออร์คกัปตัน: ความทนทาน 69/80   พลังโจมตี 25-51
ดาบของออร์คกัปตันผู้เอาตัวรอด
แม้จะหนักและยากต่อการกวัดแกว่ง  แต่ถ้าโดนเข้าไปทีละก็หนักราวกับโดนทุบด้วยค้อนเลยทีเดียว
ข้อจำกัด:
ความแข็งแกร่ง 350
เลเวล 180
คุณสมบัติ:
+20 เสียงคำรามแห่งการต่อสู้
+10 ความแข็งแกร่ง
-30 ความคล่องแคล่ว
ความแม่นยำในการโจมตีลดลง 25%.
ผลการโจมตีแบบถึงตายเพิ่มเป็นสองเท่า
ของชิ้นแรกที่เขาตรวจสอบเป็นของที่แทบจะไร้ประโยชน์
‘ดาบเล่มนึ้คงขายไม่ออก’
ถึงแม้จะมีบางคนที่สนใจมองหาอาวุธที่ไม่เหมือนใครก็ตาม  แต่เมื่อมองในแง่ของประสิทธิภาพแล้ว  อาวุธหนักพวกนี้มันไม่คู่ควรกับการหาไว้ในครอบครอง  ในเกมทั่วไปเวลาที่ไม่รู้ว่าอาวุธชิ้นนั้นจะเอาไปใช้ได้อย่างไร พวกเขาก็จะดูจากค่าสถานะและทักษะที่อาวุธนั้นๆมอบเพิ่มให้
แต่ในรอยัลโรด คุณต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวของคุณเอง  ถ้าเป็นไปได้ คุณก็จะใช้เฉพาะอุปกรณ์ที่คุ้นมือ  ดังนั้นดาบใหญ่ของออร์คจึงกลายเป็นอาวุธที่ใช้ยากสำหรับผู้ซื้อ ทั้งๆที่โดยทั่วไปแล้วคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดาของอาวุธจะทำให้มันขายดีแท้ๆ  โดยปกติแล้วคุณสมบัติพวกนั้นก็จะเป็น  การแช่แข็งศัตรูโดยการโจมตี หรือจู่โจมด้วยเวทมนต์  ในขณะที่การเพิ่มพลังโจมตีนั้นยอดเยี่ยมแต่สิ่งที่ผู้เล่นมองหากันอย่างที่สุดนั้นคือดาบที่มีน้ำหนักเบา
วีด ตัดสินใจที่จะทิ้งดาบหนักพวกนั้น และหันไปดูของชิ้นอื่นๆ
เสื้อเกราะออร์ค 5 ตัว  สายคาดศีรษะเอลฟ์ 2 อัน  และเสื้อที่มีบทลงโทษ 7 ประการ
มันก็เป็นของทั่วๆไป แต่เสื้อผ้าของเอลฟ์สามารถต่อต้านจิตวิญญาณและเพิ่มความสัมพันธ์ได้ ซึ่งเป็นไอเทมที่มีคนต้องการเป็นอย่างมากหากนำไปขาย
‘ดีเลย อย่างน้อยเราก็เราก็ได้ค่าใช้จ่ายสำหรับวันนี้แล้ว’

**********************************

วีดรู้สึกปลาบปลื้มที่เขาหลีกเลี่ยงการทำงานได้
แม้ว่าคุณจะมีความชำนาญเป็นพิเศษในการก่อสร้อง  ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนก็ตาม คุณก็ยังคงเกลียดการขนย้ายหินอยู่ดี  มันเป็นงานที่ต้องใช้แรงงานเคลื่อนย้ายหินและอิฐในบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง
ไม่ว่าออร์ค  เอลฟ์ หรือ เหล่าทหารต่างก็ทำงานอย่างขยันขันแข็ง  อย่างไรก็ดีเขาต้องเก็บซ่อนความรู้สึกนี้เอาไว้เพราะมันคงไม่ฉลาดแน่ที่จะให้คนอื่นรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่  ในยามที่มีอะไรมากมายให้ทำ การทำอย่างนี้จะทำให้ความคิดและการแสดงออกรุนแรงเป็นอย่างมากเพราะพวกเขากำลังเพ่งเล็งคุณอยู่
“พวกเราต้องเชื่อในตัวผู้นำของเรา”
“ถ้าเป็นหัวหน้าล่ะก็ พวกเราจะต้องชนะในการต่อสู้กับพวกกองทัพอันเดธพวกนั้น”
สืบเนื่องจากความเข้าใจผิดของพวกทหาร  วีดกลับได้รับการมองในทางที่ดีซะอย่างนั้น!
วีด ยืนอยู่บนยอดของหอสวดภาวนา เพื่อที่จะสามารถมองได้ไกลยิ่งขึ้น
เขามองลงไปยังเทือกเขายุโรกิด้วยการชำเลือง  มันดูราวกับสายธารใต้นภาซึ่งเกิดจากการซ้อนทับกันเป็นชั้นๆอย่างไม่รู้จบของภูเขาและหุบผาในบริเวณนี้ และในไม่ช้ากลุ่มเมฆก็ได้ผ่านไป
ดาร์คเอลฟ์ได้ก่อสร้างป้อมของพวกเขาไว้ในจุดที่สูงที่สุด  เป็นสถานที่ๆอากาศเบาบางและเหนื่อยได้ง่าย
อากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง
สถานที่ซึ่งหิมะปกคลุมไปทั้งเทือกเขา  ดวงตะวันค่อยๆลับขอบฟ้าในยามที่ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง  แต่กระนั้นเหล่าเมฆข้างใต้กลับถูกชำระล้างอย่างหมดจดด้วยมนตราแห่งอาทิตย์ยามสนธยา
วีด มองดูฉากดังกล่าวอยู่เงียบๆและทำการล็อกเอาท์ไปในที่สุด

***********************************

สิ่งแรกที่ลี ฮุนทำหลังออกมาจากแคปซูลก็คือแวะเข้าไปดูเว็ปไซด์ประมูลไอเทม
“มันต้องมีใครกำลังตามหาดาบออร์คอยู่บ้างล่ะ  ใช่มั๊ย? ดาบขุดเจาะคงทำอะไรไม่ได้มากมั๊ง  ราคาของสายคาดศีรษะเอลฟ์ขึ้นมานิดนึงเพราะมันเป็นของขาดแคลน …. เราน่าจะเก็บธนูเอลฟ์มา มันน่าจะขายได้ในราคาที่สูง”
ในห้วงความเศร้า  ลี ฮุน กลับมาสู่โลกของความเป็นจริงด้วยความเสียดาย
มันเป็นความตื่นตัวด้านมืดของนักเล่นเกม!
‘หนทางยังอีกยาวไกล!’
มันไม่เห็นจะจำเป็นเลยที่เขาจะต้องตีประตูป้อมเองเพื่อชัยชนะในการล้อมตีครั้งนั้น  ด้วยปริมาณผู้ซื้อที่เยอะขนาดนี้เขาควรจะมองหาดาร์คเอลฟ์ที่ถือธนูมากกว่า
นี่ถ้าเพียงแค่เขาเก็บธนูของดาร์ดเอลฟ์ลอร์ดมาได้ซักอันล่ะก็ เขาก็คงบรรลุเป้าหมายที่ใฝ่ฝัน
‘ชั้นหมกมุ่นเกินกว่าที่จะได้สังเกตุ’  - ลี ฮุนครางออกมา
จนกระทั่งตอนนี้เองที่ราคาของไอเทมแต่ละชิ้นได้รับการยืนยัน  เพื่อความเป็นธรรมในการลงทุนจึงมีทั้งคนเข้ามาตรวจสอบราคาไอเทมที่พวกเขาได้มา และมีทั้งเช็คของที่จะขายด้วย  ไอเทมที่จะวางประมูลนั้นการขายออกไปแทบจะในทันทีที่การประมูลสิ้นสุดลง  ลี ฮุนได้ทำการไล่ดูโพสที่เพิ่งลงอย่างละเอียด
การเข้าเว็ปไซด์ของรอยัลโรดยังช่วยให้สามารถอ้างอิงถึงไอเทมที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่ และใช้ในการหาคำตอบว่าไอเทมอะไรตกจากมอนสเตอร์ชนิดไหนบ้าง
เส้นทางสู่การเป็นจักรพรรดิ ความใฝ่ฝันที่จะปกครองทั่วทั้งทวีป  ยินดีต้อนรับสู่รอยัลโรด – นี่คือข้อความในหน้าโฮมเพจของรอยัลโรด
เนื่องด้วยลี ฮุน ได้รับการบรรจุในหอเกียรติยศ  เขาจึงคลิกที่ด้านบนเพื่อทำการล็อกอิน
เขาใส่ไอดีลงไปในช่องว่างที่เว้นไว้เพื่อเขาไปในฐานข้อมูลของเขา
เริ่มจากการอยู่ที่ท้ายๆแบบไม่เป็นที่สะดุดตา  ช่างเป็นการเริ่มต้นที่สุดยอด!
ลี ฮุนทำการอัฟโหลดเควสวีดีโอของเขาแบบไม่มีการตัดต่อ
หลังจากการขบคิดใคร่ครวญ เขาก็อยากจะทำการตัดแต่งวีดีโอต้นฉบับเหมือนกันโดยการตัดบางส่วนออกเพื่อทำให้เขาดูดี  แต่ว่าลี ฮุนไม่มีโปรแกรมที่เขาสามารถใช้ในการตัดต่อวีดีโอโดยเฉพาะ
เส้นทางที่มืดมน
ช่องทางการดาวน์โหลดโปรแกรมที่ละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหมดถูกบล็อก นั่นแปลว่าถ้าเขาจะซื้อซอฟ์ทแวร์ที่ใช้ตัดต่อเขาจะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าหมื่นวอน  และหากจะทำการตัดต่อจริง เขาก็คงต้องซื้อคอมพิวเตอร์มาทำโดยเฉพาะ  เพราะงั้นเขาก็เลยปล่อยมันไปทั้งงั้น
“ช่วยไม่ได้  มันเป๋เต็มทีแล้ว”
ไม่มีอะไรน่าแปลกใจถ้ามันจะเจ๊ง มันสั่นและส่งเสียงแปลกๆออกมา  ลี ฮุนจึงตั้งมันไว้ในสลีปโหมดในขณะที่ทำการอัฟโหลดเควสของเขา

*****************************

แม้กระทั่งวันนี้ ผู้คนก็ยังคงเข้าชม หอเกียรติยศ ของรอยัลโรด  โดยที่หอเกียรติยศนี้มีผู้เข้าชมเป็นหลักล้านทุกๆวัน  มันเป็นที่นิยมขนาดที่ว่ามันมีพื้นที่ส่วนตัวของมันบนหน้าเว็ปไซด์  และแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่แล้วไม่สนใจนักกับพวกที่อยู่อันดับล่างของหอเกียรติยศเท่าไหร่นัก  เป็นที่รู้กันดีสำหรับผู้ใช้ว่าพวกที่เลเวลสูงๆจะยึดครองตำแหน่งบนๆในหอเกียรติยศนี้
“นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กิลด์เฮอร์มีสวันนี้”
“กริฟฟิท  นี่เค้ายังออกปล้นที่ท้องทะเลอยู่เหรอ?”
ในกรณีของฆาตกร  โจร และ พวกโจรสลัดนั้นก็มีบ้างที่รูปของพวกเขาจะถูกโพสไว้   สำหรับผู้ที่ใช้เวลาไปกับการอ่านสิ่งที่ผู้อื่นกระทำมากกว่ากระทำด้วยตนเองนั้น  การได้ตามรอยเท้าของคนพวกนี้ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้น
แล้วยังไงล่ะ  ลี ฮุนได้ทำการลงวิดีโอ 2 อันของเขาลงไป และมันก็ทำให้เขาผิดหวังงั้นเหรอ?  สำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาที่หอเกียรติยศนั้น ถ้าชื่อของคุณเป็นที่รู้จักล่ะก็มันจะเป็นตัวสร้างความแตกต่างได้เป็นอย่างมาก
และไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นวิดีโอล่าสุดของลี ฮุนนั้นต่างก็รู้สึกราวกับโดยสายฟ้าฟาดไปทั้งร่าง
“โอ้ พระเจ้าช่วย!”
สาเหตุของความตกใจนั้นมากจากความยาวและขนาดของวิดีโอ
“นี่มันหนังที่ยาว 19 ชั่วโมง 49 นาที!”
เขาแปลกใจกับหนังอะไรที่ไร้สาระและได้ทำการเขียนลงในบอร์ดของรอยัลโรด
“มีหน้าใหม่โผล่มาใน หอเกียรติยศด้วยล่ะ  แต่ว่าชายคนนั้น ….
หน้าใหม่ในหอเกียรติยศคนนั้นเค้าอัฟโหลดเรื่องใหม่ของเขาขึ้นไป  ยาวตั้ง 19 ชั่วโมงแน่ะ!”
บอร์ดรอยัลโรดมีผู้ใช้มากมาย
พวกเขาหัวเราะใส่ลี ฮุนในทันที
- ไม่น่าเชื่อเลย ไอ้เจ้ามือใหม่คนนี้
- พวกไก่อ่อนไม่รู้หรอกว่าต้องโพสยังไง  ก็คงรู้สึกปลื้มเป็นบ้าที่ได้อยู่บนหอเกียรติยศ
- แถมเขายังไม่ได้ตัดต่ออะไรด้วยนะ  อ่ะ ให้ค่าความน่าเชื่อถือไป 0 แต้ม
- เราเคยเห็นอื่นนอกจากคนนี้ทำมาเหมือนกัน
พวกเขาเหล่านี้เพียงแค่เหลือบมองโพสของลี ฮุน
จากนั้นก็มีบางคนที่อดใจห้ามความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวเลยไปคลิ๊กที่วิดีโอเข้า  แต่ในทันใดที่เขาเห็นมัน เขาก็ลืมอย่างอื่นไปจนหมด
“อะไรเนี่ย  ภูเขางั้นเหรอ  นี่มันที่ไหนกัน …. มีออร์คจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่รอบๆ”
ในการดูครั้งแรกเขาไม่ได้ดูอย่างละเอียดนัก แม้ว่ามันจะมีทั้งดาร์คเอลฟ์และออร์คอยู่ทั้งคู่ก็ตาม
“เสียเวลาจริงๆเลยที่มาคลิกดู”
ทว่าเขาก็ไม่สามารถห้ามความสงสัยของตนเองได้ เลยต้องมาดูวิดีโอของลี ฮุนอีกครั้ง
ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว  ถ้ามันไม่สนุกชั้นก็แค่ปิดมันไป ก็เท่านั้นเอง
หลังจากผ่านไป 30 นาที เขาก็ได้โพสไปที่บอร์ดรอยัลโรดอีกครั้ง
- ไอ้เจ้าวิดีโอ 19 ชั่วโมง 49 นาทีนั่น ลองไปดูสิ ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลย  มันยอดสุดๆ  เราดูผ่านๆไปสองรอบแล้ว และนี่ก็กำลังจะไปดูอย่างละเอียดอีกรอบนึง
ผู้คนเริ่มให้ความสนใจหลังจากเห็นข้อความนี้
พวกเขามองหาวิดีโอนั้นแล้วก็เปิดมัน
คนส่วนใหญ่ดูไปได้ไม่นานนักและก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ  พวกเขาคิดว่าพวกเขาถูกหลอกให้มาดู
“เหอะๆ หรือว่าตอนนี้กะอีแค่การตกปลามันก็ดังพอที่มาพูดถึงกันแล้วเหรอไง?”
“หรือว่าไอ้คนที่เป็นเจ้าของวิดีโอมันมาโพสเองฟะ  มันอาจจะใช้ไอดีเพื่อนหรือญาติให้ดูเป็นคนละไอดีก็ได้”
“น่าเบื่อมาก  ช่างเป็นการตอบรับที่ …”
แต่ทว่าตอนนั้นเองที่ ออร์คปรากฎขึ้นในวิดีโอที่ลี ฮุน อัฟโหลด
ออร์ค คาริชวิ!
เขาเป็นออร์คที่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมากๆ  โดยมีรอยแผลเป็นหยาบใหญ่บนใบหน้าพร้อมด้วยฟันที่ยื่นออกมา
- ยามเช้าในภูเขา  พระอาทิตย์ที่แดงกำลังขึ้นพร้อมทั้งลมที่พัดแรง  ชวิ-ชวิท  เมฆดูหนาราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น และ ข้ากำลังยืนอยู่ที่แถวหน้าของพวกดาร์คเอลฟ์ ชวิ! เช้าวันนี้ข้ามองเห็นถึงความหวัง ชวิ-ชวิ-วิท  ความห้าวหาญและความปรารถนาอันเร่าร้อนของชัยชนะ  ทิ้งจิตวิญญาณของคนดีไป  โอ้ ข้าอยากร้องเพลง ชวู-วิค! พวกดาร์คเอลฟ์จะล้มลงยิ่งขึ้นไปอีกถ้าข้าร้องเพลงนั่น เพลงที่ภาวนาชัยชนะของพวกเรา  ตราบใดที่เสียงเพลงยังคงอยู่ ชัยชนะจะเป็นของพวกเรา
ออร์คที่ดูไร้สาระดึงดูดความสนใจของพวกเขา  พวกเขาขำไปกับการพูดแบบไร้อารมณ์นั่น
“แล้วตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“นี่ล้อเลียนกันงั้นเหรอไง?”
และผู้คนก็ยังคงไม่หยุดแค่นี้
รอบๆออร์คคาริชวิเป็นภูเขาที่มีหมอกปกคลุมหนาแน่น  เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นหมอกก็ค่อยๆสลายไปทีละน้อยๆเช่นนั้นเองที่ออร์คทุกๆตัวได้ปรากฎกายขึ้น
“ออร์ค”
“ข้ามีออร์คจำนวนมาก”
“มีทางเลือกอื่นอีกมั๊ย?”
- ชวิ-ยิค! ชวิค!
- อว่ากกก!
ภายใต้คำพูดไร้อารมณ์ของออร์ค  เหล่ากองทัพออร์คส่งเสียงคำรามขึ้น!
หมอกได้สูญสลายไปหมดสิ้น
เทือกเขายุโรกิได้รับการเปิดเผยถึงออร์คจำนวนเกือบ 400 000 ตน และแล้วการล้อมโจมตีดาร์คเอลฟ์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ด้วนจิตวิญญาณธรรมชาติอันสูงส่ง พวกดาร์คเอลฟ์ได้ใช้เวทมนต์และธาตุต่างๆ  ในขณะที่ออร์คบุกตะลุยเข้าไปด้วยจำนวนที่มากมายมหาศาล
“นี่มันเหมือนกับดูภาพยนตร์เลย”
“ขนาดการรบที่ใหญ่ขนาดนี้มัน …”
ผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างก็เคยเห็นคนทำสงครามล้อมตีมาก่อน  เวลาร่ายเวทย์ก็จะเห็นเป็นแสงพร่างพราย  แต่ก็เฉพาะตรงนั้นเองที่ดูแล้วเกิดความประทับใจ
แต่ในกรณีนี้ สิ่งที่ปรากฎให้เห็นคือ คลื่นออร์คลูกแล้วลูกเล่าที่โถมเข้าจู่โจมใส่ดาร์คเอลฟ์ที่ได้แต่คอยปัดป้อง  ควันดำที่พวยพุ่งจากเปลวไฟที่เกิดจากน้ำมันที่เปรอะเปื้อนไปตามกำแพงและตามตัวของออร์ค  ออร์คบางตนที่โดนน้ำมันโดยตรงก็ถูกเผาจนถึงแก่ความตาย
เหล่าออร์คกำลังปีนป่ายกำแพง
ในขณะที่พวกดาร์คเอลฟ์ก็ปล่อยลูกศรปลิวว่อนไปในท้องฟ้า
“เจ๋ง อ่ะ”
“สุดยอดไปเลย….!”
บรรดาผู้คนที่ได้ชมวิดีโอต่างรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ราวกับหนังแฟนตาซีที่ออกมาโลดแล่นนอกหน้าจอ  คุณสามารถที่จะได้รับชมด้วยตนเองถึงการต่อสู้อันรุนแรงของกองทัพที่อยู่คนละด้าน
พลังที่สูงแบบไม่น่าเชื่อของดาบยักษ์ที่ทำให้ผู้อื่นเกรงกลัว
มันทรงพลังขนาดที่สามารถเอาชนะดาร์คเอลฟ์จำนวนมากได้ในการต่อสู้!
ออร์คที่ทรงพลังได้กวัดแกว่งดาบยักษ์อย่างไม่ยั้งคิด
ด้วยพลังที่ไม่อาจต้านติด  กองทัพค่อยๆเคลื่อนไปด้วยกันพร้อมทั้งรู้สึกได้ถึงพลังที่ปะทุออกมา บ่อยครั้งที่ดาบยักษ์ได้ถูกกวัดแกว่งด้วยรูปแบบลึกลับซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ  นับตั้งแต่โลกเสมือนจริงได้ถูกสร้างขึ้นมา เหล่าผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ต่างก็ยินดีต่อยุคของความรุ่งเรืองถึงขีดสุดนี้   ผู้เล่นสามารถเคลื่อนไหวได้ในโลกเสมือนจริงโดยไม่ต้องหยุดพักและเพิ่มพูนความสนใจในการใช้อาวุธในการต่อสู้
“นั่นเค้าเคลื่อนไหวอย่างนั้นได้ไงอ่ะ?”
“นายเห็นมั๊ยว่าการต่อสู้ทั้งหมดนั่นมันอยู่รอบๆตัวเค้า”
“ชั้นกำลังสงสัยว่าเจ้าออร์คลึกลับนั่นจะเปลี่ยนกระแสการต่อสู้ไปทางไหน”
ผู้คนที่ได้ชมดูต่างก็ถูกดึงดูดไปกับจุดศูนย์กลางของการต่อสู้นี้อย่างสิ้นเชิง  หากแม้นว่าหนังมันจบลงที่ตรงนี้พวกเขาก็ได้เสพจนพอใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว  แต่วิดีโอนี้มันยังอีกไกลกว่าจะถึงตอนจบ
พรีสและทหารก็ได้เข้าร่วมกับพวกออร์คที่ดูโหดร้ายนั่นด้วย
“ไม่จริงน่า!”
“ตกลงว่านั่นเป็นผู้เล่นเหรอเนี่ย?”
ผู้คนต่างพากันตกตะลึง
สงครามระหว่างออร์คและดาร์คเอลฟ์
อย่างไรก็ตาม  ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากความปรารถนาของผู้เล่นคนนึง  แค่เพียงชายคนหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องนี้
ออร์ค  ทหาร และพรีส ได้เข้าไปยังวิหารและเดินขบวนไปยังเนโครแมนเซอร์  พวกเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเบื้องหลังของสงครามครั้งนี้คืออะไร  แต่จากบรรยากาศที่สัมผัสได้ชี้ให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด  จากนั้นเจ้าออร์คที่ดูชั่วร้ายนั่นก็ค่อยๆเปลี่ยนไปมีรูปร่างของมนุษย์
ไม่มีใครในบรรดาผู้ชมเข้าใจ  แต่นี่เป็นสาเหตุมาจากการยกเลิกการใช้ทักษะประติมากรรมจำแลง (sculpture shapeshifting skill)  ด้านในของวิหารนั้นมืดมิดเป็นอย่างมากและมุมกล้องของวิดีโอก็เห็นแต่เพียงด้านหลัง พวกเขาจึงไม่สามารถตรวจสอบใบหน้าได้
จากนั้นพวกเขาก็รับชมบทสนทนาที่มีขึ้นกับเนโครแมนเซอร์
- ข้าไม่เชื่อในพรหมลิขิตของพระเจ้ามาตลอดชีวิตของข้า อย่างไรก็ดี ถ้านี่เป็นเรื่องที่จะต้องเกิด ข้าก็พร้อมที่จะยอมรับมัน ฆ่าข้าซะสิ
เขามองไปที่เข่าของตนเอง
จากนั้นเนโครแมนเซอร์ก็ได้คุกเข่าลง
ผู้คนต่างคาดว่าท้ายที่สุดแล้วเนโครแมนเซอร์ก็จะถูกฆ่า
“ฆ่ามัน!”
“ชั้นแปลกใจกับเควสนี้จริงๆ”
“คุณหวังอะไรกับรางวัลที่จะได้จากเควสระดับนี้ล่ะ?”
ผู้คนต่างจดจ่ออยู่กับวิดีโอที่พวกเขาดู  มันไม่เหมือนวิดีโออื่นๆ พวกเขาสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่แตกต่าง  โดยปกติพวกวิดีโอในหอเกียรติยศนั้นจะเกี่ยวกับการล่ามอนสเตอร์  จะมีก็แต่พวกที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับให้เข้าหอเกียรติยศ  แต่พวกเขาตระหนักว่าเควสของพวกเขาจะเปิดเผยสู่สาธารณะซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อยากให้เกิด
วิดีโอที่วีดทำขึ้นมามันราวกับการได้สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด มันเป็นหนังที่มีตัวเอกปรากฎออกมาและยามที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ตัวเอกตัวนั้นไม่ได้ใช้ดาบในการแก้ปัญหา
- เอ่ยมันออกมา เนโครแมนเซอร์เอ๋ย เจ้าอาจคิดว่านี่เป็นเรื่องของพรหมลิขิตของพระผู้เป็นเจ้า  แต่เจ้ากำลังเลือกเส้นทางที่ผิด
- เจ้าจะไม่ฆ่าข้ารึ ข้าทาสแห่งเฟรย่า
- ข้าไม่ใช่สิ่งของ ข้าต้องการให้เจ้าพูด  เจ้าจะเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังหรือไม่?
- พวกเรา… ไม่! เจ้าคงไม่เชื่อเรื่องของข้าอยู่แล้ว  ออกไปซะ เจ้าข้ารับใช้แห่งเฟรย่า! ไปลงนรกซะ  ข้าขอสาปแช่งเจ้า
- ……
ตัวเอกในวิดีโอเงียบพักหนึ่ง  จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นมา
- ข้าจะให้โอกาสแก่เจ้า  เป็นโอกาสในการได้รับความเชื่อถือ  ข้าจะเชื่อว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นเป็นความจริง
- จริงรึ? เจ้าสัญญาได้มั๊ยล่ะ?
- แน่นอน  แต่ก็เฉพาะเรื่องที่จะฟังเรื่องของเจ้า  ข้าไม่รับปากเรื่องที่จะไม่ฆ่าเจ้า
พวกผู้ชมเห็นเนโครแมนเซอร์ลังเลไปชั่วอึดใจ  จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องอันแสนยาวของเขาออกมา
- ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่า  ข้าก็จะเล่าให้ฟัง  สิ่งที่โลกรับรู้เกี่ยวกับบัลข่านนั้นไม่ถูกต้อง  เจ้าก็เห็นว่าบัลข่านได้ทำการค้นคว้าถึงความเป็นอมตะ เขาเป็นผู้วิเศษที่แท้จริง  แต่ทว่า …..
เขากล่าวด้วยท่าทางขุ่นเคือง
- ลูกน้องของบัลข่านอันมีนามว่า ไชร์ ได้ใช้ยุทธวิธีการอันชั่วร้ายและพลังอำนาจแห่งความมืด และในที่สุดก็ได้นำการค้นคว้าไปใช้ในทางที่ผิดโดยการสร้างกองทัพอันเดธที่เป็นอมตะออกมา  พวกกองทัพอันเดธสามารถฟื้นคืนชีพได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่พวกมันเสียชีวิต!  บัลข่านตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งความมืดและสูญเสียสติสัมปชัญญะไป; กองทัพอมตะกำลังจะทำลายล้างโลก  ไชร์ได้ทำข้อตกลงกับอำนาจด้านมืดและเขาเป็นผู้นำกองทัพอมตะ  พวกเราเหล่าเนโครแมนเซอร์ถูกบัลข่านนำมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และก็กลัวที่จะมีส่วนร่วมกับมัน แต่พวกเราก็ไม่สามารถนิ่งเฉยจากบาปที่อาจารย์ของเราเป็นผู้ก่อขึ้นได้   ความจริงก็คือ พวกเรามาที่วิหารแห่งนี้พร้อมทั้งตำราโบราณพวกนี้ก็เพื่อศึกษาเรื่องโลหิตและความตายเพื่อที่จะหยุดยั้งเรื่องทั้งหมดนี้ในฐานะที่เป็นเนโครแมนเซอร์  พวกเราจะช่วยให้บัลข่านกลับคืนสู่สภาพปกติโดยการกำจัดออร่าแห่งความมืดนั้นแล้วก็สำเร็จโทษไชร์ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิบัตินี้ทั้งหมด
ความจริงได้รับการเปิดเผยและเควสได้เสร็จสิ้นลง พร้อมกับเควสใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น
เควสความยากระดับ A ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
และถ้ายังไม่ได้รับการปลดล็อกมาก่อน  เควสนี้มีความเกี่ยวข้องกับอาชีพลับ: เนโครแมนเซอร์
“เนโครแมนเซอร์!”
“ถ้าคนๆนี้ทำเควสได้สำเร็จ  พวกเราจะสามารถเลือกอาชีพเนโครแมนเซอร์ได้เหรอ?”
“เควสที่นำไปสู่อาชีพขั้นสูงของผู้วิเศษโผล่ออกมาแล้ว!”
ท้ายที่สุด  วิดีโอจบลงตรงฉากการซ่อมแซมป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์

********************************

สำหรับลี ฮุนแล้ว เรื่องทั้งหมดเพิ่งเริ่มต้นขึ้นวันนี้
ถึงแม้เขาจะหลับไปเพียงแค่ห้าชั่วโมง  แต่โลกได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้คือบรรยากาศของเว็ปไซด์รอยัลโรดที่เปลี่ยนแปลงไป
ไม่มีใครที่จะไม่สนใจครึ่งล่างของหอเกียรติยศอีกแล้ว  หนังเรื่องนั้นที่ให้ทุกอย่างหกคะเมนตีลังกาไปหมด
“เควสออร์ค นั่น!”
“ดาร์คเอลฟ์  นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ชั้นได้เห็นการต่อสู้แบบนั้น”
“การแปลงร่างเป็นออร์คนั่น ….  บางที่มันอาจจะเป็นเวทย์จตุสันฐานของพวกผู้วิเศษ?”
“ไม่มีทาง  ถ้าเป็นงั้นจริงชั้นก็ต้องใช้สกิลนั่นได้เหมือนกันสิ”
“หรืออย่างน้อยที่สุด  ชั้นว่ามันอาจจะเป็นยูนิคไอเทมที่ช่วยให้แปลงร่างได้ก็เป็นได้นะ”
ผู้คนต่างพากันคาดเดาไปต่างๆนาๆ
ประติมากรรมจำแลงเป็นอะไรที่พวกเขาไม่เคยรู้จักหรือถูกบรรจุไว้ในสามัญสำนึกของพวกเขาเลย  ยิ่งไปกว่านั้นลี ฮุนยังดำเนินเควสนี้ในสถานที่อันแปลกใหม่สำหรับพวกเขา  โดยมีเทือกเขาและหุบผาที่ยืดยาวออกไปแบบไม่มีที่สิ้นสุดและมีบริเวณที่โล่งซึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกควันอยู่ข้างใต้
“ไอ้พื้นที่นี้มันอยู่ที่ไหนน่ะ!?”
“มันไม่ใช่ส่วนกลางของทวีป …”
“คนส่วนมากอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่และมีทุ่งหญ้าล้อมรอบ แต่นี่มันดูแล้วไม่ใช่!”
ผู้คนต่างก็อยากรู้ว่าลี ฮุนดำเนินเควสนี้ที่ไหน และพวกเขาอดรนทนไม่ไหว  ผู้เล่นรอยัลโรดต่างค่อยๆทยอยมารวมตัวกัน และพวกที่มีความเชี่ยวชาญได้แต่ละด้านได้ออกมาเปิดเผยข้อมูล
- อย่างแรกเลยนะ  ดูพวกต้นไม้ในพื้นที่แห่งนี้สิ  เราจะรู้ได้ว่าอากาศมันหนาวไม่ได้ร้อนแต่หนาวเป็นอย่างมากต่างหาก
- เมื่อพิจารณาถึงภูมิภาคอัลไพน์ (alpine region) แล้ว พันธุ์ไม้พวกนั้นมัน….
- ยอดเขาถูกปกคลุมไว้ด้วยหิมะ
- นั่นแปลว่าไม่ใช่ทั้งทางใต้และทางเหนือ
- ดูการเคลื่อนไหวของแมลงและนกสิ  ตอนนี้ทวีปเวอร์เซลล์กำลังอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง  ชั้นบอกได้จากการที่เห็นการอพยพของนกที่เราเห็นบินอยู่ในวิดีโอ ….
การศึกษายังรวมไปถึงออร์คอีกด้วย
- ชั้นชื่นชอบนิยายแฟนตาซีหลายเรื่อง เหล่าออร์คจากหนังสือแฟนตาซี! แข็งแกร่งและไม่ซับซ้อน  กองทัพนั่นทำให้ชั้นหลงใหลสุดๆ  หุหุหุ จนถึงตอนนี้ ชั้นได้รับการบอกว่าไม่มีใครใส่ใจการศึกษาเกี่ยวกับเกี่ยวกับออร์คเลย มันน่ารำคาญซะจริง  อย่างไรก็ตามชั้นยังเชื่อมั่นนะว่าออร์คนะเป็นดั่งบุปฝา ในเรื่องแฟนตาซี! ลองคิดดูสิ  ถ้าคุณไม่มีออร์คโลกแฟนตาซีล่ะก็ มันจะยังมีอะไรให้สนุกล่ะ!
การศึกษาเรื่องออร์คไม่ได้จบลงแค่เท่านี้เพราะหัวข้อนี้มันได้แพร่ไปในวงกว้าง
- สายพันธุ์ของออร์คนั้นแตกต่างกันออกไปบ้างขึ้นอยู่กับลักษณะของเผ่าพันธุ์  ชวิค, ชวิ-อิค, ชวิยิค, ชวูอิค, ชยิค ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปตามสภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่
การศึกษาเรื่องออร์คโดยเฉพาะก็ได้รับความสนใจจากผู้อื่นๆเช่นกัน
- เอางี้ ผมจะบอกให้ก็แล้วกันนะ จนถึงตอนนี้มีออร์ค 87 สายพันธุ์ที่ได้รับการระบุอยู่ในทวีปเวอร์เซลล์; ดูจากลักษณะที่เห็นในวิดีโอแล้ว มันบ่งชี้ว่าพวกนั้นอาศัยอยู่บริเวณด้านตะวันออก  ออร์คจากอาณาจักรเบรนท์ก็ส่งเสีนงอู้อี้ๆแบบนั้นแหละ
อย่างไรก็ดี ไม่นานนักก็เริ่มมีผู้คัดค้านผลการศึกษาออร์คนั้น
- แต่นั่นไม่ใช่ออร์คที่นายเห็นเห็นหรอก  ดูอาวุธพวกนั้นและความแข็งแกร่งนั่นสิ  ออร์คจากอาณาจักรเบรนท์น่ะมีเลเวลแค่ประมาณ 140  แต่ออร์คส่วนใหญ่ที่เห็นในวิดีโอน่ะ เลเวลเกิน 200 ไปแล้วทั้งนั้น
- เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับออร์คนักหรอกนะ แต่ที่แน่ๆเลเวลของพวกมันน่ะเกิน 350 ชัวร์ๆ  เราล่ามอนมาเยอะ แต่ไม่เคยเห็นออร์คที่แข็งแกร่งอย่างนั้นเลย  การสู้กับพวกออร์คเถื่อนพวกนั้นมันน่าสะพรึงกลัวสุดๆ
- มันทำให้ชั้นขนลุก!
ผู้ที่ค้นคว้าเกี่ยวกับออร์คได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ไม่นานมานี้
-ชั้นมั่นใจว่าออร์คสายพันธุ์นี้ไม่ได้มาจากอาณาจักรเบรนท์  แม้ว่าบางทีพวกเราอาจจะบอกว่าออร์คจากอาณาจักรเบรนท์จะเกี่ยวบ้างนิดหน่อยก็ตาม  จากการก่ออาชญากรรมชั่วร้ายที่มาพร้อมกับวิดีโอนั่น ชั้นแทบจะไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับสถานที่ที่จะหาออร์คนั่นพบได้เลย  และเมื่อได้เห็นมันชั้นก็สูญเสียความประทับใจและความสงสัยใคร่รู้ไป  แถมรสนิยมในออร์คก็ชั้นก็ยิ่งตกลงแบบดิ่งเหวไปเลย
หลังจากการคาดเดาถึงภูมิภาคของออร์ดในวิดีโอนั่นได้ประกาศออกไป ก็ยิ่งทำให้อะไรต่อมิอะไรคึกคักยิ่งขึ้น
แต่สำหรับลี ฮุน มันต่างกันจากหน้ามือเป็นหลังมือ  พอเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้น รายงานที่ได้รับจากเว็ปไซด์หอเกียรติยศมันทำให้เขาผิดหวัง
“จำนวนยอดวิว (hits) โดยรวมต่ำกว่า 70,000”
วิดีโออื่นๆใน หอเกียรติยศ ต่างมียอดวิวเป็นล้านๆ  หนังของบาร์ด เรย์จากกิลด์เฮอร์มีส ได้ยอดวิวกว่า 100 ล้าน  โดยเฉพาะฉากของ วิดีโอ ที่หอคอยผู้พิชิตที่บาร์ด เรย์ ยอมให้เผยแพร่นั่นกวาดไปได้ถึง 1,700 ล้านวิว
“70,000 แค่นั้นเองเหรอ”
ลี ฮุนรู้สึกหมดกำลังใจ  แต่ถ้าคุณเข้าใจการทำงานจริงๆของ หอเกียรติยศ ล่ะก็คุณจะไม่เห็นด้วยกับลี ฮุนเป็นอันขาด
หนังเรื่องนี้เพิ่งถูกโพสไปได้แค่ ห้าชั่วโมงก่อนหน้านี้
หนำซ้ำมันยังอยู่ที่ด้านล่างของหอเกียรติยศอีกต่างหาก และความยาวของมันก็ยาวเกินไปกว่าที่จะดูได้จบในช่วงระยะเวลาแค่เท่านี้  ไม่มีใครที่จะมาดูมันซ้ำอีกไปอีกซักระยะนึง  แถมข่าวลือก็เพิ่งจะเริ่มเอา 3 ชั่วโมงก่อนที่อันดับจะเริ่มไต่ขึ้น  จากตรงนี้นี่แหละที่คนอีกเป็นพันๆ ได้เข้ามาเยี่ยมชม
ที่สำคัญก็คือ นี่เป็นหนังที่ยาว ดังนั้นการจะดูมันเต็มๆให้ครบถ้วนนั้นใช้เวลามากทำให้ยอดวิวไม่ได้ขึ้นง่ายๆ  อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พูดกันปากต่อปาก ก็จะยิ่งมีคนกลับมาดูมากยิ่งขึ้น มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ  และด้วยจำนวนวิวที่จะเพิ่มขึ้นนั้น ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ถึงผลกระทบเป็นลูกคลื่นที่จะเกิดตามมาได้



เล่มที่ 6 ตอนที่ 1 : จบ

*******************************


เล่มที่ 5 ตอนที่ 10 เลือกทางเดิน (Road Selection)

เล่มที่ 5 ตอนที่ 10 เลือกทางเดิน (Road Selection)

“ชวิคคค!”
ออร์คกำลังเคลื่อนทัพสู่ป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์
และแม้ว่าการเคลื่อนทัพไปข้างหน้าจะถูกขัดขวางโดยต้นไม้และก้อนหินเป็นระยะๆ แต่ออร์คหลายหมื่นตัวก็ยังคงทยอยมาถึงกำแพงอย่างต่อเนื่อง
เอลฟ์ตอบโต้โดยไม่รอช้า
“บอลไฟ!”
“พายุน้ำแข็ง!”
“สายฟ้าลูกโซ่!”
บนพื้นมีไฟลุกไหม้ น้ำแข็งและสายฟ้าตกใส่ฝูงออร์คราวห่าฝน พวกมันตายไปหลายร้อยแต่ยังคงเดินหน้าต่อ
เมื่อออร์คเข้าใกล้ป้อมถึงระยะหนึ่งเอลฟ์ก็เริ่มใช้ธนู พวกมันใช้ลูกธนูที่บรรจุพลังเวทย์ทำให้ออร์คโดนแช่แข็งหรือตาบอดเมื่อถูกยิง
กับดักจำนวนมากกระจายอยู่ทั่ว หลุมดักที่มีไม้แหลมอยู่ก้นหลุมกลืนออร์คลงไปครั้งละหลายสิบตัว
แต่ไม่ว่าเหล่าเอลฟ์จะเตรียมการเพื่อรับมือมาดีเพียงใดก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งเหล่าออร์คไม่ให้เดินหน้าต่อได้
“ชวิคค!”
“ออร์ค! ออร์ค! ออร์ค!”
เหล่าออร์ควอริเออร์เต็มไปด้วยไฟแค้น พวกมันมาเพื่อแก้แค้นให้กับความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก และความตายทั้งมวลที่เอลฟ์เคยก่อไว้ และไม่ว่าจะขัดขืนและป้องกันเพียงใดในที่สุดออร์คก็เข้าประชิดกำแพงได้
“ชวิคค! เริ่มยิงได้!”
“ยิงพร้อมกัน! ชวิคค! ยิง!”


ออร์คเริ่มยิงลูกธนูใส่เอลฟ์บ้าง พวกที่ไม่มีธนูก็พากันขว้างปาก้อนหินที่เตรียมมาเข้าใส่ การโจมตีขึ้นไปจากด้านล่างทำได้ยากมาก ความแม่นยำลดลงมหาศาลแต่ฝั่งเอลฟ์ก็เริ่มเผชิญกับความสูญเสียครั้งแรกแล้ว
ที่กองหลังมีออร์คหลายตัวกำลังลากซุงท่อนใหญ่
ออร์คหลายสิบตัวช่วยกันแบกท่อนซุง และร่วมมือกันพาดปลายด้านหนึ่งเข้ากับกำแพง ออร์ควอริเออร์หลายตัวเริ่มไต่ขึ้นไปตามท่อนซุงนี้ มีบางตัวหล่นลงมาแต่ส่วนใหญ่ปีนขึ้นไปจนถึงด้านบนของกำแพงสำเร็จ
การต่อสู้อันดุเดือดบนกำแพงเริ่มขึ้นแล้ว
วีดใช้เวลาที่ผ่านมายืนอยู่บนก้อนหิน ดูการสู้รบที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ เอลฟ์เรียกวิญญาณธาตุขึ้นมาต่อหน้าต่อตาเขาและส่งพวกมันเข้าสู่สนามรบ คาซ่าภูติไฟ องดิเน่ภูติน้ำ ซิลฟ์ภูติลม และโนมภูติดิน พวกมันทะยานขึ้นฟ้าและกระหน่ำเวทมนต์ธาตุลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง!
ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่เหล่าออร์คที่กำลังต่อสู้ กระทั่งเอลฟ์ยังมีบางตัวลอบออกมาจากประตูเพื่อดำเนินยุทธวิธีรบแบบกองโจร เขาเห็นบางอย่างเป็นประกาย ตัวอะไรสักตัวบินว่อน และควันไฟจากอะไรสักอย่าง  ได้ยินเสียงตะโกนจากทุกทิศทาง ออร์คตายหลักพัน เอลฟ์ตายเพียงหลักสิบ
 “ชวิคค!”
“คาริชวิ! ข้ารอไม่ไหวแล้ว!”
“ใช่! โจมตีเลยเถอะ! ชวิคค!”
วีดและนักรบเผ่าของเขายังไม่ได้ขยับเลยสักก้าวตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น และเหล่าออร์คเริ่มทนไม่ไหวกันแล้ว
“ชวิชวิค! รอก่อน”
แม้การต่อสู้จะเริ่มขึ้นนานแล้ววีดก็ยังคงไม่นำกองกำลังเข้าร่วมการสู้รบ ออร์คไม่ชอบใจนักแต่ก็ยังเชื่อฟังคำสั่ง
‘ในการสู้รบจะประมาทไม่ได้’
วีดถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด แม้เอลฟ์จะเสียเปรียบอย่างรุนแรงทางด้านจำนวนแต่การโจมตีซี้ซั้วใส่ป้อมเป็นเรื่องที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ ออร์คเอาแต่ดาหน้าเข้าไป ปีนขึ้นกำแพงท่ามกลางเวทย์ที่กระหน่ำเข้าใส่จากศัตรู!
นี่ยังไม่รวมเรื่องที่บางตัวเป็นหวัดทำให้พลังชีวิตลดลงอีก โถมเข้าใส่ป้อมปราการที่ป้องกันอย่างแน่นหนาโดยไม่มีแผนการรบล่วงหน้าอะไรทั้งสิ้น! โง่กว่านี้คงไม่มีแล้ว!   [t/n: ควายล้วนๆ ไม่มีวัวปน =_=]
การต่อสู้ที่จริงจังขนาดนี้จำเป็นต้องวางแผนมาล่วงหน้า หากวีดมีเวลามากกว่านี้เขาอาจคิดวิธีดีๆ ได้ และออร์คคงยึดป้อมได้นานแล้ว แต่ตอนนี้ฝูงออร์คล้มตายเพราะความโง่ของพวกมันเอง และถ้าเขาไม่รีบทำอะไรสักอย่างละก็การต่อสู้ก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นและยิ่งคาดเดาไม่ได้...
ฉากการสู้รบที่วีดกำลังชมอยู่นี้ไม่สามารถนำมาเทียบกับการสู้รบเพื่อป้อมโอดินได้เลยไม่ว่าในเรื่องใดก็ตาม ขนาดสมรภูมิต่างกันมาก และเผ่าพันธุ์เฉพาะสองเผ่าที่ร่วมในการขัดแย้งนี้ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น
‘พวกที่เริ่มก่อนต้องเป็นฝ่ายเอลฟ์แน่ๆ’
วีดกำลังวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเยือกเย็น
แวบแรกดูเหมือนพวกออร์คน่าจะเอาชนะได้ง่ายๆ พวกมันมีจำนวนเยอะกว่ามาก และเข้าถึงกำแพงเพื่อร่วมกันต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว
แต่ดาร์คเอลฟ์ก็ไม่ยอมแพ้
พวกมันป้องกันป้อมที่มีการเสริมความแข็งแกร่งมาอย่างดีด้วยลูกธนูจำนวนมาก และการจัดกำลังทัพอย่างถูกต้องที่ทำให้เมจและนักธนูสู้รบได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ นอกจากนี้ ทั้งๆ ที่ได้เปรียบทางด้านจำนวน ออร์คกลับเข้าร่วมการต่อสู้ได้เพียงครั้งละ 20,000 ตัวเท่านั้น
จำนวนเพียงเท่านั้นไม่เพียงพอให้ได้เปรียบพวกเอลฟ์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังสร้างความเสียหายไม่ได้มากนักด้วยการยิงจากเบื้องล่างในขณะที่มีเวทย์ธาตุอย่างเวทย์ลมคอยป้องกันไม่ให้ลูกธนูส่วนใหญ่ของพวกมันขึ้นไปถึงส่วนบนสุดของกำแพงได้
ดาร์คเอลฟ์จึงสามารถต้านทานการโจมตีของออร์คไว้ได้โดยมีพวกมันตายไปไม่มาก
“พวกสัตว์หน้าโง่!”
“ไอ้หมูสกปรก! พวกแกต้องพบจุดจบอยู่แค่กำแพงเรานี่แหละ!”
พวกเอลฟ์พากันเยาะเย้ยคู่ต่อสู้เพราะรู้ได้ว่าฝ่ายตนได้เปรียบ เหล่าออร์คที่ขุ่นเคืองจากการล้อเลียนของพวกมันโถมเข้าใส่อย่างดุร้ายขึ้น และพากันตายลงอีกกว่าร้อยตัว!
“ชวิค!”
“แก! ไอ้ขี้ขลาด! ข้าขึ้นไปได้เมื่อไรก็จะรู้ ใครกันแน่พบจุดจบ! ชวิค!”
ออร์คทั้งพยายามพังประตู ทั้งหาทางขึ้นไปยืนบนกำแพง พยายามทุกวิถีทางที่จะฝ่าการป้องกันของเอลฟ์เข้าไปให้ได้ แต่ไม่มีอะไรได้ผลเลย
เพียงครึ่งแรกของการรบ ฝูงออร์คก็ประสบกับความสูญเสียใหญ่หลวง มีออร์คตายไปมากกว่า 40,000 ตัว
ฝั่งเอลฟ์เสียนักรบไปเพียงไม่กี่ร้อยเท่านั้น ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่ก็ยังเร็วเกินไปหากจะฉลองชัยชนะตอนนี้ เพราะยังมีออร์คที่ยังไม่ตายอีกเหลือเฟือ
เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าจะรักษาความได้เปรียบนี้เอาไว้ได้ เอลฟ์ในผ้าคลุมสองสามร้อยตัวขึ้นไปรวมตัวกันที่หอคอยหนึ่ง พวกมันโบกมือ พึมพำบางอย่าง และตะโกนประสานเสียงกัน
“ไฟ!”
ไฟขนาดใหญ่ถูกยิงเป็นสายออกจากหอคอย รุนแรงจนวีดที่ยืนห่างไปไกลยังรู้สึกร้อนวูบที่หน้า! เพียงครั้งเดียวเท่านั้นไฟก็เข้ากลืนกินและเผาออร์คเป็นพันให้เหลือเพียงเถ้าถ่าน
“ชวิค?!”
“ชวิคค! ชวิค!”
แม้จะเห็นพลังรุนแรงขนาดนั้นแต่เหล่าออร์คก็ไม่เสียกำลังใจที่จะต่อสู้ พวกมันยังคงเดินหน้าโจมตีกดดันแม้ตอนนี้จะเริ่มมีบางตัวที่แสดงสีหน้าหวาดกลัว
ความมั่นใจที่จะได้ชัยอย่างรวดเร็วหายไปแล้ว
ตอนนั้นเองที่วีดเดินออกมาข้างหน้า
‘จังหวะที่รอมาถึงแล้ว’
เขาหันกลับไปมองเหล่าออร์คที่ยืนอยู่เบื้องหลัง
“ชวิชวิคค! ถึงตาพวกเราแล้ว!”
“คา... คาริชวิ!”
“นี่มันบ้าไปแล้ว ชวิค!”
ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกมันยังกระเหี้ยนกระหือรืออยากเข้าร่วมต่อสู้อยู่เลย แต่ตอนนี้คำชวนของวีดกลับฟังเหมือนเรื่องบ้าๆ
“ไม่บ้าหรอก! ชวิค! เชื่อข้าสิ!”
วีดนำออร์ค 10,000 ตัวเคลื่อนสู่แนวหน้า ออร์คตัวอื่นๆ และหัวหน้าเผ่าของพวกมันพากันหลีกทางให้ พวกเขามาถึงป้อมและเข้าร่วมรบได้อย่างรวดเร็วโดยไม่โดนการโจมตีจากเวทมนต์เลยสักครั้ง! ดาร์คเอลฟ์ใช้มาน่าจนหมดและกำลังอยู่ในช่วงรอมาน่าฟื้นกลับมา
ช่วงเวลาที่วีดรอคอยมาถึงในที่สุด
“ไป! โจมตี! ชวิคคค!”
ร่างกายที่ใหญ่โตของวีดโจนขึ้นบนท่อนซุงอย่างง่ายดาย และเพียงไม่กี่ก้าวก็ขึ้นไปเหวี่ยงดาบบนกำแพง
เล่าลือกันว่าดาร์คเอลฟ์มีสายตาที่แหลมคม ชำนาญการยิงธนู และมีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว และพวกมันหลายตัวยังใช้เวทมนต์ธาตุได้ แต่พวกมันใช้มาน่าจนหมด และธนูก็ไม่ช่วยอะไรมากนักในการต่อสู้ประชิดตัวแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีพื้นที่ให้ขยับมากนักบนกำแพงที่แน่นขนัด
วีดพุ่งเข้าใส่ฝูงเอลฟ์ การโจมตีของเขาล้มศัตรูตัวแล้วตัวเล่า โดยมีออร์คที่ตามขึ้นมาคอยระวังหลังให้
ดาร์คเอลฟ์ใช้ดาบสั้นและดาบเรเปียร์1ในการต่อสู้ประชิดตัวจึงป้องกันการจู่โจมของออร์คไม่ได้มากนักเมื่อพวกมันขึ้นมาถึงกำแพงได้
เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น วีดและออร์คนักรบที่เขาพามากลับฆ่าเอลฟ์ไปเป็นจำนวนมาก  เอลฟ์ที่ออร์คตัวอื่นๆ ฆ่าตายไปตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้นนับรวมกันแล้วยังมีจำนวนน้อยกว่า
ดูเหมือนว่าในที่สุดออร์คก็ยึดพื้นที่ยืนบนกำแพงได้เสียที แต่ในทันใดนั้นเอง วีดและนักรบของเขาจู่ๆ ก็กระโดดลงจากกำแพง!
“กำแพงไฟ!”
เปลวไฟลุกท่วมพื้นที่ที่วีดเพิ่งยืนอยู่ก่อนหน้านี้ไม่นาน
“อ๊ากกกกก!”
“ไหม้แล้วว! ชวิ!..”
เวทมนต์ที่เอลฟ์เมจร่ายไม่เพียงเผาออร์คเท่านั้นแต่ยังไหม้ไปโดนดาร์คเอลฟ์ที่อยู่ใกล้เคียง เอลฟ์แตกต่างจากมนุษย์ พวกมันมีเหตุมีผลอย่างยิ่ง และไม่ลังเลที่จะเสียสละส่วนน้อยเพื่อปกป้องส่วนมาก
หลังจากรอให้เวทมนต์หมดระยะเวลาแสดงผล วีดก็ปีนกลับขึ้นไปบนกำแพง และเข้าต่อสู้อีกครั้ง ถ้าหันไปเห็นว่าตรงไหนมีออร์คลดพลังชีวิตของเอลฟ์ลงได้เยอะ วีดก็จะรีบพุ่งเข้าไปจัดการเอลฟ์ตัวนั้นทันที และนอกจากจะไม่รังเกียจที่จะใช้พวกพ้องออร์คด้วยกันต่างโล่แล้ว เขายังใช้พวกมันเพื่อหลบเวทมนต์ที่โดนแล้วถึงตายด้วย ในขณะเดียวกันก็ยังสั่งการนักรบในกองกำลังของตัวเองให้ล่าถอยเมื่อจำเป็น
ในหัววีดมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
‘เราจะต้องใช้ออร์คทั้ง 400,000 ตัวให้ได้ประโยชน์สูงสุด’
เทคนิคของวีดคือโจมตีจุดอ่อน และใช้ออร์คตัวอื่นบังตอนล่าถอย! ขณะที่ดาร์คเอลฟ์กำลังสังหารออร์คตัวอื่นเขากลับค่อยๆ สะสมค่าประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ในชั่วโมงแรกของการต่อสู้ วีดจัดการเอลฟ์ไปได้กว่าหนึ่งร้อยตัว และเมื่อรวมกับที่ออร์คในปาร์ตี้เดียวกันสังหารได้ ผลรวมสุดท้ายยังยิ่งดีขึ้นอีก แม้จะไม่มีเวลาตรวจสอบดูแต่เขาก็มั่นใจว่าค่าความเลื่อมใสในตัวเขาต้องเพิ่มขึ้นมากในหมู่ออร์คอย่างแน่นอน
ในขณะที่ออร์คตายไปแล้วกว่า 70,000 ตัว กลับมีดาร์คเอลฟ์ตายไปเพียง 3,000 ตัว
‘ถึงเวลาต้องจบเรื่องนี้แล้ว…’
ยังเหลือเอลฟ์ป้องกันป้อมอยู่อีกประมาณ 7,000 ตัว แต่ส่วนใหญ่จะบาดเจ็บและเหนื่อยอ่อน พวกมันยังคงยืนหยัดอยู่ได้เพียงเพราะมีกำแพงอยู่เท่านั้น แต่อย่างน้อยพวกมันก็ยังคงเป็นนักธนูฝีมือเยี่ยม
ถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกมันอาจจะป้องกันป้อมไว้ได้ด้วยฝีมือการยิงธนูอันยอดเยี่ยม และชนะในที่สุด
“สู้มันอย่าถอย!”
“บดขยี้เอลฟ์! ชวิคค!”
เหล่าออร์คที่อยู่ใต้แนวกำแพงกำลังรอให้ถึงคิวตัวเองที่จะได้ปีนขึ้นไปบนท่อนซุงบ้างกำลังโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น ส่งเสียงเชียร์พวกเดียวกันที่กำลังต่อสู้อยู่บนแนวกำแพง ตอนนั้นเองที่มีออร์คตัวหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มที่กำลังสู้รบกันอยู่มายืนบนขอบกำแพง
“โอ้ มันนั่นเอง!”
“เจ้าตัวที่ขี้เหร่ที่สุด!”
ทั้งออร์คและดาร์คเอลฟ์ต่างมองไปที่วีด และแทนที่จะกลับเข้าร่วมการต่อสู้ เขากลับกระโดดลงจากกำแพงและมุ่งไปที่ประตู!
ออร์คที่รวมกันอยู่หน้าประตูพากันนอบน้อมหลีกทางให้เขาผ่าน
ระหว่างเดินอยู่นั้นวีดก็ย้ายดาบไปถือไว้ในมือซ้ายก่อนจะหยิบเอารูปสลักเล็กๆ ออกมา รูปสลักกระต่าย หนึ่งในห้าผลงานชั้นดี
“ประติมากรรมวินาศ! จงมาเป็นกำลังให้ข้า”
รูปสลักในมือแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตัววีดเรืองแสงสว่างจ้า
คุณใช้ทักษะประติมากรรมวินาศ
จิตใจคุณเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโศกเศร้าหลังจากทำลายหนึ่งในผลงานชั้นดีของตนเอง!
สูญเสียค่าศิลปะ 5 หน่วยอย่างถาวร
ชื่อเสียงลดลง 100
ค่าสถานะทางศิลปะของคุณจะถูกนำไปเพิ่มให้ความแข็งแกร่งเป็นเวลาหนึ่งวันในอัตราส่วน 1:4
ค่าความชำนาญศิลปะเพิ่มขึ้น 0.1%.
ค่าสถานะทางศิลปะกว่าหนึ่งพันหน่วยถูกเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่ง และยังคูณสี่ด้วย!
“อ๊ากกกก!”
วีดคำรามและกำด้ามดาบสุดแรง แขนเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน และร่างกายยังเต็มไปด้วยพลังที่ควบคุมไม่ได้ ตอนนี้วีดดูไม่เหมือนคนที่จะเข้าใจศิลปะการแกะสลักได้เลย
วีดเคลื่อนเข้าใกล้ประตูและกระแทกมันด้วยดาบ
เคล้งง!
ดาบแตกเป็นเสี่ยงๆ กระเด็นหลุดออกจากมือเขา
“ชวิคค?!”
“ชวิชวิชวิค!”
ออร์ครอบๆ ตื่นเต้นกันใหญ่
วีดหยิบดาบหักๆ ขึ้นมา และกระแทกประตูต่อ ยิ่งฟาดก็ยิ่งเห็นรอยแตกร้าวบนบานประตู และเมื่อถึงครั้งที่สิบ ในที่สุดประตูก็ยอมแพ้และล้มลงด้านใน
“โว้วว!”
“ประตูพังแล้ว ชวิคค!”
ออร์คเริ่มโห่ร้องตื่นเต้น
ดาร์คเอลฟ์สามตัวที่อยู่แถวนั้นรีบเข้ามาที่รอยรั่วในแนวป้องกัน
“อย่าให้พวกออร์คเข้ามาได้!”
“สร้างมัน! สร้างกำแพงขึ้นใหม่เร็วเข้า!”
“ใช้เวทมนต์! เราจะขวางมันไว้ให้!”
เอลฟ์สามตัวถือหอกเข้าโจมตีวีด พวกมันต้องกำจัดศัตรูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เกิดพื้นที่ว่างให้เมจเสกกำแพงขึ้นใหม่ได้
“ตาย!”
ปลายหอกอันแหลมคมพุ่งเข้าใส่วีด แต่เขาขยับมือแค่นิดเดียวก็สามารถปัดอาวุธของศัตรูออกด้านข้างได้
“พร้อมกัน! โจมตี!”
หอกทั้งสามโจมตีเข้าใส่จุดหนึ่งพร้อมเพรียงกันแต่วีดไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
แม้เขาจะขัดเกราะและรีดเสื้อมาแล้ว แต่ถ้าโดนการโจมตีทั้งสามครั้งนี้เข้าละก็พลังชีวิตต้องลดลงถึงจุดอันตรายแน่นอนเพราะบนตัววีดมีแต่อุปกรณ์สวมใส่กากๆ!
ตลอดเวลาที่อยู่ในร่างออร์ควีดไม่เคยเจอหรือได้รับของตอบแทนอะไรดีๆ เลย และเขาก็ไม่อยากจะเสียเงินซื้อหรือสร้างเครื่องสวมใส่ใหม่ แล้วขนาดร่างกายที่ใหญ่ขึ้นยังต้องใช้วัตถุดิบมากขึ้นเพื่อตีเกราะให้พอดีตัวอีก
“ชวิคค!”
เขาจึงเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือการหลบการโจมตีของศัตรู หลังจากใช้ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่ามากสะท้อนการโจมตีประสานครั้งถัดมาของเอลฟ์ได้ วีดก็พุ่งไปข้างหน้า
เอลฟ์ที่อยู่ตรงกลางพลังชีวิตลดลงไปครึ่งหนึ่งแต่วีดก็ยังต้องกระโดดหลบไปข้างๆ อีกครั้งเพื่อหลบหอกอีกสองด้าม
วีดกำลังต่อสู้ด้วยความสามารถสูงสุดของตนเอง แสดงทักษะอันเหลือเชื่อเคลื่อนตัวห่างเพียงไม่กี่นิ้วจากหอกของฝ่ายตรงข้าม เขาใช้ทุกอย่างที่รู้ ทั้งที่ได้รับการสอนมาและสิ่งที่เรียนรู้มาด้วยตนเอง ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยพลังและความกลมกลืน
ผลก็คือ ตอนที่ออร์คตัวแรกเข้ามาถึงรอยรั่ววีดก็สังหารเอลฟ์ไปแล้วสามตัว และยึดประตูเอาไว้ได้แล้ว
วีดยิ้มอย่างมีความสุขให้พี่น้องออร์คด้วยกันและใช้ทักษะราชสีห์คำราม
“ออร์ค ชวิชวิคค โจมตี! ทำลาย! ปล้น! ฆ่า!”
คุณใช้ราชสีห์คำราม
จิตวิญญาณนักสู้ของกองกำลังฝ่ายเดียวกันที่อยู่ใกล้เคียงเพิ่มขึ้น 200%
สถานะสับสนทุกรูปแบบหายไป
ความเป็นผู้นำเพิ่มขึ้น 195% เป็นระยะเวลา 5 นาที
ขวัญกำลังใจของเหล่าออร์คที่กำลังลำบากจากการสูญเสียพวกพ้องไปเป็นจำนวนมากตั้งแต่เริ่มการสู้รบฟื้นคืนกลับมาเต็มที่!
“ชวิคคค!”
“สู้! ชวิริริ!”
ฝูงออร์คไหลผ่านประตูที่พังลงเข้าสู่ป้อมปราการ
ในสถานการณ์เช่นนี้ดาร์คเอลฟ์ทำอะไรไม่ได้นอกจากล่าถอยกลับเข้าหมู่บ้านซึ่งตามทางเต็มไปด้วยกับดักที่สร้างความลำบากให้ออร์คที่พยายามไล่ตามไป เป็นอีกครั้งที่ออร์คตายเป็นร้อยเป็นพันเหมือนตอนเริ่มต้นการสู้รบ
แต่แม้ว่าจะมีกับดัก เวทมนต์ และลูกธนูของเอลฟ์สาดเข้าใส่ออร์คก็ยังเดินหน้า! การสู้รบเข้าสู่เขตรอบนอกของหมู่บ้านแล้ว และเอลฟ์ซึ่งกำลังล่าถอยก็สร้างแนวตั้งรับขึ้นมาอีกแนวหนึ่ง ตอนนี้พวกมันยังคงยันเอาไว้ได้แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรถ้ากำลังหลักของออร์คมาถึง
“เฮ้ย นั่นของข้า!”
“ข้าหยิบก่อน ชวิคค!”
ออร์คบางส่วนเริ่มเข้าปล้นของตามบ้าน
วีดมองพวกมันน้ำตาไหลพราก แม้พวกเอลฟ์จะไม่มีเงินทองมากนักแต่พวกมันก็มีอัญมณีหายาก ผลไม้ และหนังสัตว์เก็บไว้บ้าง ถ้าเขาเอาทั้งหมดนั่นไปขายคงได้เงินเป็นกอบเป็นกำ!
วีดเกิดอาการอิจฉาอย่างรุนแรง แต่ก็อยู่ขโมยของในบ้านด้วยไม่ได้
เขาต้องทำภารกิจของวิหารแห่งเฟรย่าให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ต้องเข้าวิหาร! ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
วิหารของเนโครแมนเซอร์ตั้งอยู่บนผาสูง
ขณะที่ออร์คกำลังยกพวกเข้าต่อสู้กับเอลฟ์อย่างดุเดือดอยู่นั้น บูเรน เบคเกอร์ ฮอสแรม เดล และทหารคนอื่นๆ กำลังค่อยๆ ปีนขึ้นผามาอย่างระมัดระวัง วีดวางแผนเส้นทางเอาไว้ให้พวกเขาแล้วตั้งแต่ก่อนการสู้รบจะเริ่มขึ้น และสั่งให้พวกเขาปีนขึ้นไป
“แฮ่กๆ!”
“หยุดก่อน”
เหล่าทหารกำลังประคับประคองกันปีนขึ้นเขาอย่างมุ่งมั่น เนื่องจากวีดไม่มีอุปกรณ์พิเศษใดๆ สำหรับการณ์นี้พวกเขาจึงทำได้เพียงพึ่งพาพละกำลังของตัวเองเท่านั้น และถ้าแม้แต่นักรบยังปีนกันอย่างยากลำบาก เหล่าพรีสผู้อ่อนแอของเฟรย่าคงต้องใช้คำว่ากำลังอาการร่อแร่ใกล้ตาย
สิ่งเดียวที่พวกเขาพึ่งพาได้ก็คือแวมไพร์ลอร์ด โทริ!
เขาแปลงร่างเป็นค้างคาวตัวใหญ่และคอยดูแลเหล่าทหารอย่างระมัดระวังไม่ให้มีใครตกลงไปตาย และเดธไนท์ก็ยังช่วยทหารที่เหนื่อยด้วย
ถ้ามีดาร์คเอลฟ์สักตนบังเอิญผ่านมาด้านบน พวกเขาต้องเจอปัญหาแน่ แต่เอลฟ์ทุกตัวถูกเหล่าออร์คที่รวมตัวกันอยู่บริเวณกำแพงดึงความสนใจไปหมด พวกทหารจึงรอดมาถึงยอดผาได้โดยไม่สูญเสียเลือดเนื้อ
“เฮ้อ ในที่สุด”
วีดมารออยู่ที่จุดนัดพบแล้ว
“พวกเรามาถึงแล้ว ไม่เสียใครไปด้วย ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว!”
บูเรนตบอกตนเองอย่างมั่นใจ แต่วีดไม่ค่อยมั่นใจเลย
‘ขอพึ่งออร์คยังดีกว่า’
แม้ว่าออร์คจะโง่ พวกมันก็มีจำนวนมากและเขาไม่ต้องห่วงการตายของพวกมันด้วย! แต่เขาต้องปกป้องอัศวิน ทหาร และพรีส ถ้าพวกเขาตายวีดก็จะอดได้รางวัลจากกษัตริย์
“เร็วเข้า เตรียมตัวเถอะ เราต้องรีบไปที่วิหารเนโครแมนเซอร์แล้ว”
วีดเดินนำไปพร้อมเดธไนท์และแวมไพร์ลอร์ด
“ชวิคค! พวกมันเป็นใคร?!”
เมื่อพวกเขาเจอเข้ากับออร์คตัวอื่นวีดก็จะแค่บอกไปว่า
“นี่เป็นนักโทษที่ข้าจับได้ อย่ายุ่งกับพวกมันนะ ชวิทท!”
“มันจับมนุษย์ได้ ข้าอิจฉา ชวิคค!”
เพราะว่าวีดยังอยู่ในร่างออร์คเมื่อบังเอิญถูกออร์คตัวอื่นพบเห็นจึงแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายแบบนี้
เมื่อพวกเขาไปถึงวิหารก็เจอศพเอลฟ์ที่ทางเข้า
วีดและทหารรีบเข้าไปภายในวิหารมืดๆ พวกเขาต้องรีบแล้ว ถ้าเนโครแมนเซอร์ถูกออร์คฆ่าตายไปซะก่อนภารกิจอาจล้มเหลวได้
ภายในวิหารมีบรรยากาศหนักอึ้งและกดดัน โถงทางเดินมืดๆ มีเพียงคบไฟคอยให้แสงสว่างเพียงสลัวๆ เท่านั้น
“ชวิคคค!”
พวกเขาได้ยินเสียงออร์คตะโกนและเสียงปะทะดาบกันดังมาจากข้างหน้า ดูเหมือนออร์คและดาร์คเอลฟ์กำลังต่อสู้กันอย่างจริงจัง
วีดสั่งการทหาร
“เร็วเข้า เราต้องไปทัน เตรียมต่อสู้!”
“ครับท่าน!”
กองทหารเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางพวกเขาเห็นหลายสิ่งส่องประกายบนผนังแต่ไม่มีทหารคนไหนชลอความเร็วลง
‘เป้าหมายหลักคือการจบเควสต์ของวิหารแห่งเฟรย่า’
พวกเขาพุ่งออกจากทางเดินแคบๆ เข้าสู่โถงกว้างเหมือนภูตผี ที่จุดศูนย์กลางเอลฟ์และออร์คสองสามโหลกำลังต่อสู้กันอยู่
“ชวิคค!”
“พวกเราจะปกป้องที่นี่ไว้!”
เห็นสถานการณ์เป็นใจขนาดนี้วีดรีบตะโกนขึ้น
“ฆ่ามัน อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
ทหารเข้าขวางทางหนี และพรีสก็ยกมือขึ้นร่ายมนต์
“ความงดงามแห่งเทพีทำให้ทุกผู้คนตาบอด!”
ออร์คและเอลฟ์ที่มองอะไรไม่เห็นยืนโซเซกระจัดกระจายไปทั่ว แต่แวนฮอล์กและโทริรีบพุ่งเข้าหาและภายในเวลาไม่ถึงนาที ก็ไม่มีใครเหลือรอดอยู่อีก!
หลังจากเดินข้ามซากศพมา วีดและเหล่าทหารก็มาถึงอีกด้านของโถง บนผนังมีแผนที่ขนาดใหญ่ของภูเขายุโรกิแขวนอยู่ ป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์มีจุดสีดำทำเป็นสัญลักษณ์ไว้ และห่างไปอีกนิดทางตะวันออกมีอีกจุดหนึ่ง แต่เป็นสีแดง
“แวมไพร์ลอร์ด โทริ! ท่านมาทำอะไรที่นี่?! นี่ท่านเกลือกกลั้วกับพวกมนุษย์... กับพวก...โฮลี่พรีสของเฟรย่า!”
เหล่าเนโครแมนเซอร์ในชุดคลุมสีดำเก็บความประหลาดใจเอาไว้ไม่อยู่ มีพวกมันอยู่ทั้งหมดสิบสองตัว และแต่ละตัวก็ถือไม้เท้ากระดูกกับลูกประคำที่เต็มไปด้วยมนต์มืด
วีดยกเลิกทักษะประติมากรรมจำแลงแล้วก้าวออกไปด้านหน้า
“เนโครแมนเซอร์ ที่นี่จะเป็นหลุมศพของพวกแก”
ขณะที่วีดพูด เดธไนท์และแวมไพร์ลอร์ดก็ยืนอยู่ข้างๆ เขา เหล่าพรีสเตรียมพร้อมร่ายเวทย์ และอัศวินก็กำลังเลือกว่าจะโจมตีใคร
เวทมนต์ที่รุนแรงที่สุดที่เนโครแมนเซอร์มีคือการคืนชีพให้อันเดด มันสามารถเปลี่ยนสิ่งที่ตายไปให้กลายเป็นโครงกระดูก กูล ซอมบี้ หรือแม้แต่อันเดดที่มีพลังมากกว่านั้น!
“ข้ารับใช้แห่งเฟรย่า... พวกเจ้าทำลายงานของพวกเรา” หนึ่งในเนโครแมนเซอร์กล่าวขึ้นอย่างขมขื่น
รอบๆ นี้ไม่มีซากศพ และร่างของออร์คกับเอลฟ์ที่นอนตายอยู่ห่างออกไปก็คงไม่ช่วยให้ต่อกรกับทัพระดับนี้ได้อยู่ดี
มันเป็นหลักฐานว่าดาร์คเมจยอมรับความพ่ายแพ้ และพร้อมตายโดยไม่ขัดขืน
“พวกเจ้าช่างเตรียมพร้อมมาดี และมาได้ผิดเวลาจริงๆ ตอนนี้เราคงไม่อาจแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดได้แล้ว...” เนโครแมนเซอร์อีกคนกล่าวขึ้น ก้มหน้าลงต่ำ
“บาราบอล!!” เนโครแมนเซอร์คนอื่นๆ อุทานเสียงละห้อย
“ข้าไม่เคยเชื่อในลิขิตสวรรค์ แต่ถ้ามันถูกกำหนดมาแบบนี้ก็ฆ่าข้าเสียเถอะ ข้าพร้อมแล้ว”
เนโครแมนเซอร์ก้าวออกมาข้างหน้าช้าๆ และคุกเข่าลงต่อหน้าวีด
“บาราบอล เราจะไปกับท่าน!”
คนที่เหลือต่างพากันคุกเข่าลงตามหัวหน้า พวกเขาเข้ามาใกล้มากจนรอยัลไนท์จะตัดหัวพวกเขาเมื่อไรก็ได้
“หวังว่าชาติหน้าพวกเจ้าจะเลิกทำความชั่วได้”
วีดชักดาบออกจากฝัก
เขาเกือบจะตัดหัวพวกมัน และจบภารกิจของวิหารแห่งเฟรย่าอยู่แล้ว แต่...
‘เดี๋ยวนะ... มีบางอย่างไม่ถูกต้อง...’
วีดทบทวนเหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากที่ทำภารกิจปัญญาอ่อนจนได้อาชีพประติมากรแสงจันทร์ในตำนานมาวีดก็คอยมองหาโอกาสมาตลอด! และตอนนี้ก็มีบางอย่างรบกวนจิตใจเขา
‘มันก็ดูเหมาะสมกับระดับความยากอยู่นะ...’
ความยากอยู่ที่ระดับ ‘B’ เหมือนตอนภารกิจของลอร์ดโทริ ที่เป็นภารกิจที่วีดต้องทุ่มสุดตัวจึงจะจบภารกิจลงได้ ซึ่งจะว่าไปมันก็ถูกต้องแล้ว กว่าจะฝ่าเข้ามาถึงตัวเนโครแมนเซอร์ได้เขาต้องผ่านดาร์คเอลฟ์พันธมิตรของพวกมันเข้ามา และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
‘แต่ทำไมพวกมันถึงยอมตายง่ายจัง?!’
วีดกำลังสับสน เขาอยากฆ่าพวกเนโครแมนเซอร์และทำภารกิจลูกโซ่อันยืดยาวนี้ให้มันจบๆ ไปซะจะได้กลับไปรับรางวัลที่ใหญ่ที่สุดที่เคยได้รับมา
วีดตาลุกวาวด้วยความโลภ ยิ่งไปกว่านั้นเนโครแมนเซอร์ทุกตัวยังถือไม้เท้ากระดูกกับลูกประคำ
‘เด็กๆ ก็ระดับแรร์ละวะ... ถ้าเอาไปขายอย่างต่ำก็ล้านวอน... (ประมาณสามหมื่นบาท) แล้วถ้ามีออพชั่นเสริม... ราคาก็พุ่งขึ้นอีก... แล้วนี่ยังไม่ได้มีแค่คนสองคน...’
วีดกลืนน้ำลาย เขากระชับด้ามดาบแน่นขึ้นแล้วก้าวเข้าหาเนโครแมนเซอร์บาราบอล แค่ทีเดียวเท่านั้นแล้วทุกสิ่งก็จะจบลง แต่ความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งขาดหายไปยังคงอยู่
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงฝีเท้าออร์คดังอยู่เหนือหัว เหลือเวลาไม่มากแล้ว วีดเก็บดาบเข้าฝัก
“พูดมา เนโครแมนเซอร์ เจ้าพูดถึงความผิดพลาดอะไร และลิขิตสวรรค์หมายถึงอะไร”
ผู้เล่นทั่วไปคงรีบจบภารกิจของวิหารแห่งเฟรย่า แต่ความข้องใจเหมือนมีบางสิ่งผิดพลาดฝังลึกอยู่ในใจวีด
“วีด!”
“กำจัดพวกมันซะ นั่นคือประสงค์ของเทพีเฟรย่า!” เหล่าพรีสพากันร่ำร้อง แต่ความเชื่อมั่นในตัวผู้นำทำให้พวกเขาสงบลงอย่างรวดเร็ว
บาราบอลเงยหน้าขึ้นถาม
“เจ้าจะไม่ฆ่าข้ารึ ผู้รับใช้แห่งเฟรย่า?”
“ข้าไม่ใช่ผู้รับใช้ ตอบคำถามของข้า หรือจะให้ข้าฆ่าให้ตายให้หมดเลยดี?”
“พวกเรา... ยังไงเจ้าก็ไม่เชื่อพวกเราอยู่แล้ว ลงมือเถอะ ผู้รับใช้แห่งเฟรย่า ลงดาบซะ! ต่อให้อยู่ท่ามกลางเปลวไฟในนรกข้าก็จะขอสาปแช่งเจ้า!”
“…”
ความต้องการฟันคอเนโครแมนเซอร์ปากดีให้ขาดกลับมาอีกครั้ง แต่วีดควบคุมตัวเองแล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ข้าจะให้โอกาสเจ้า โอกาสที่จะทำให้ข้าเชื่อ ถ้าเจ้าพูดเรื่องจริงข้าจะพยายามเชื่อ”
“จริงรึ? เจ้าสาบาน?”
“ใช่ แต่ข้าเพียงสัญญาว่าจะฟัง ไม่ใช่ไว้ชีวิต”
บาราบอลมองพวกพ้องที่กำลังคุกเข่าแล้วเริ่มเล่าเรื่อง
“ในเมื่อได้โอกาส ข้าก็จะบอกเจ้า แต่เจ้าสัญญาแล้วนะว่าจะเชื่อ! โลกนี้เข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับบัลข่าน ดีมอฟ เขาศึกษาศาสตร์เนโครแมนเซอร์จริง และเป็นที่รู้จักในฐานะเมจผู้ยิ่งใหญ่ แต่...”
บัลข่านเป็นเมจอายุน้อยที่กระตือรือร้น อัจฉริยะที่ผู้คนรู้จักไปทั่วทวีป และเมื่อถึงจุดหนึ่งเขาก็เริ่มศึกษาชีวิตอมตะ พยายามเข้าใจว่าทำไมผู้คนจึงตาย และหาทางรักษาผู้ป่วยใกล้ตาย
แต่ ไชร์ ลูกศิษย์ของเขากลับเกลียดชังทุกสิ่งในโลก มันใช้ความเชื่อใจของอาจารย์ คำโกหก และมนต์มืด โน้มนำบัลข่านเข้าสู่ด้านมืด ด้วยความปรารถนาที่จะรักษาทุกความเจ็บป่วย และยืดชีวิตผู้คนนี่เองที่ทำให้กองทัพอันเดดเกิดขึ้น! ในความบ้าคลั่ง บัลข่านนำกองทัพใหม่เดินทางข้ามมุมโลกทำลายเมืองต่างๆ จนหมดสิ้น และไชร์ก็คอยสนับสนุน มันทำสัญญากับพลังด้านมืดทั้งหลายของทวีป
หลายคนจำต้องเข้าร่วมในความบ้าคลั่งของเขา อาจารย์ของข้าที่ตายไปในการสู้รบคราวหนึ่งก็ไม่ได้รับการยกเว้น อย่างไรก็ตาม เมื่อบัลข่านพ่ายแพ้ในที่สุด และกองทัพของเขาก็กระจัดกระจายไปทั่วทวีป ในตอนนั้นเองที่เราได้กลับมาทบทวนการกระทำของเราอีกครั้ง
ในวิหารหนึ่งของบีลเซบับ พวกเราพบหนังสือที่เขียนด้วยลายมือ และค้นพบความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้พวกเราจึงต้องการที่จะทำให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่สิ่งที่มันควรจะเป็น เพื่อปลดปล่อยบัลข่านจากความมืดที่พันธนาการไว้ และลงโทษไชร์
ตริ๊ง!
ท่านทำภารกิจ ‘การลุกฮือของกองกำลังมืดในที่ราบแห่งความสิ้นหวัง’ สำเร็จ
เนโครแมนเซอร์ที่ท่านเข้าใจว่าเป็นผู้ชั่วร้ายที่สุดกลับเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาไม่ได้พยายามแก้แค้นโลก แต่พยายามแก้ไขสิ่งที่ทำผิดพลาดไปในอดีต
รางวัลภารกิจ: รับได้ที่ไฮพรีสของวิหารแห่งเฟรย่า
วีดยิ้ม
‘เควสต์จบแล้ว! ไม่ต้องฆ่าพวกมันด้วยซ้ำ’
ตอนที่เขาออกค้นหาถ้วยแห่งเฮเลน และมงกุฎแห่งฟาร์โก้ วีดต้องกลับไปที่วิหารแห่งเฟรย่าจึงจะจบภารกิจได้ แต่ครั้งนี้เขาจบภารกิจได้ทันทีและวีดก็พอใจมาก
แต่ในทันใดนั้นเอง!
‘แมร่งเอ๊ย!’
วีดเตะก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆ เต็มแรง
‘ไอเท็ม!’
ถ้าฆ่าเนโครแมนเซอร์ซะเขาก็จะได้ไอเท็มทั้งหมดมา ไม้เท้ากระดูก ลูกปัดเวทย์ แล้วยังอาจจะได้อย่างอื่นอีก ของที่เอาไปขายให้ผู้เล่นอาชีพเมจได้! ได้ของระดับนี้สักชุดก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงามแล้ว นี่ยังมีกันตั้ง 12 คนอีก!
‘โง่เอ๊ย! ใจอ่อนนิดเดียวเลยต้องเสียเงินขนาดนี้! ทำไมวะ ทำไม!? เงินตั้งเยอะตั้งแยะ …’
ขณะที่วีดกำลังจมอยู่กับความเสียใจ บาราบอลก็พูดต่อ:
“พวกเรามาที่ที่ราบแห่งความสิ้นหวังนี่แล้วจับมือกับดาร์คเอลฟ์เพื่อหยุดยั้งไชร์ ครั้งก่อน เมื่อกองทัพอันเดดถูกกำจัดมันกลับหนีไปได้ และตั้งแต่นั้นมามันก็คอยรวบรวมกองกำลังอันเดดใหม่ แม้จำนวนจะไม่ใกล้เคียงกองกำลังเก่า แต่มันก็ยังคงเป็นกองกำลังที่น่าเกรงขามเมื่อนำโดยดาร์ควิซาร์ด นอกจากนั้น ด้วยความหวาดกลัวว่าจะถูกจับมาลงโทษและสังหาร มันจึงฆ่าตัวตายเพื่อความเป็นอมตะ และกลายเป็นลิช!”
กองทัพอันเดด! นำโดยผู้ที่เคยก่อหายนะเดียวกันในอดีต ตอนนี้มันอยู่ที่นี่แล้วในที่ราบแห่งความสิ้นหวัง
“เพื่อที่จะหยุดพวกมันพวกเราต้องอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากดาร์คเอลฟ์ และเพื่อประกันความปลอดภัยให้ตัวเองพวกเขาจึงยอมช่วยเหลือ ป้อมปราการนี้ตั้งใจจะให้เป็นอุปสรรคสำคัญที่จะขัดขวางกองกำลังใหม่นี้ได้ พวกเราต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งการคุกคามครั้งใหม่นี้ให้ได้! เราต้องการความช่วยเหลือจากท่าน”
ตริ๊ง!
การกิจใหม่: กองทัพอันเดดของไชร์
ความลับ ที่ไม่มีใครในโลกได้ล่วงรู้! ไชร์คือผู้ก่อหายนะทั้งหมดที่ผู้คนโทษให้เป็นความผิดของบัลข่าน ภายหลังการต่อสู้อันโด่งดังนั้นเขาก็หายไปเพื่อสร้างกองกำลังใหม่ของอันเดด
เพื่อความอยู่รอด เหล่าออร์คและดาร์คเอลฟ์ต้องหยุดความขัดแย้งและร่วมกันลุกขึ้นต่อสู้กับกองทัพอันเดดของดาร์คเมจ รวบรวมกองกำลังและต่อต้านการโจมตีของกองทัพอันเดดผู้เป็นอมตะ
ความยาก: A
รางวัล: หนังสือของบัลข่าน
ข้อจำกัด: กองทัพอันเดดจะเริ่มสงครามในอีก 30 วัน
ความยากระดับ ‘A’! วีดทำภารกิจสำเร็จและได้รับภารกิจต่อเนื่อง การต่อสู้กับกองทัพอันเดด! นี่จะกลายเป็นกิจกรรมใหญ่ที่จะเกิดขึ้นไปทั่วทวีป ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่เคยมีผู้เล่นคนไหนได้รับภารกิจที่ระดับความยากนี้มาก่อน! เพราะมีเงื่อนไขพิเศษที่ต้องบรรลุเพื่อให้ได้รับ
วีดคิดขณะที่กำลังตกตะลึง ในตอนนั้นเองข้อความอีกข้อความหนึ่งก็เด้งขึ้นมาตรงหน้า
คุณได้รับโอกาสในการจบภารกิจระดับเฉพาะ(unique) ที่เกี่ยวข้องกับชุดอาชีพของเกม
เพื่อให้คล้องจองกับประวัติศาสตร์ของทวีปจึงยังไม่มีผู้เล่นคนใดสามารถเลือกเนโครแมนเซอร์เป็นอาชีพได้ เนื่องด้วยเนโครแมนเซอร์ถือเป็นสิ่งชั่วร้ายในหมู่ผู้ดำรงอาชีพเมจ เมื่อคุณกำจัดไชร์ และทำภารกิจนี้สำเร็จ ระบบจะเปิดให้ผู้เล่นสามารถเลือกเนโครแมนเซอร์เป็นอาชีพได้
ภูมิหลัง: ด้วยความผิดพลาดแต่เก่าก่อนทำให้เนโครแมนเซอร์ถูกสังหารหรือเนรเทศสู่มุมมืดที่สุดของทวีป จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาลูกศิษย์เพื่อสืบทอดความรู้ไปสู่คนรุ่นใหม่ เมื่อพวกเขากู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้จึงจะได้รับการต้อนรับกลับสู่เมืองหลวงของอาณาจักรและเริ่มต้นชีวิตใหม่
ภารกิจความยากระดับ ‘A’
แล้วยังเปิดอาชีพใหม่ เนโครแมนเซอร์ ด้วย
“ท่านครับ!”
บูเรน เบคเกอร์ ฮอสแรม เดล และคนอื่นๆ มองมาที่วีดด้วยสีหน้าตื่นเต้น และแผ่นหลังที่เหยียดตรง
อัศวินแห่งความยุติธรรม!
เป็นเกียรติอย่างสูงที่จะได้ต่อสู้กับกองทัพอันเดด
“เทพีเฟรย่า...”
เหล่าพรีสพากันสวดมนต์ขอพร
วีดมองไปที่พวกเขาและกล่าวว่า
“ข้าตัดสินใจแล้ว...”

เล่มที่ 5 ตอนที่ 10 : จบ

***********************



<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

เล่มที่ 5 ตอนที่ 9 หอเกียรติยศ (Hall of Fame)

เล่มที่ 5 ตอนที่ 9 หอเกียรติยศ (Hall of Fame)


ลี ฮุนรู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่เช้า
เขาคาดไม่ถึงว่าบริษัท ยูนิคอร์นซึ่งเป็นผู้สร้าง รอยัลโรดจะส่งอีเมลล์ถึงเขา !
“เราขออนุญาตเชิญคุณมาเยี่ยมเยียนพวกเรา”
ข้อความนี้ถูกส่งมาโดยคุณชาง ยุน ซูหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ แต่ตอนนี้เหลือเพียงวันเดียวก่อนศึกของออร์คและดาร์คเอลฟ์จะเริ่มขึ้น
 “ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาด้วยสิ… แต่ก็คงต้องไปละมั้ง”
ลี ฮุนไม่อยากเปิดเผยชื่อจริง แต่ครั้งนี้เป็นการติดต่อโดยตัวแทนของบริษัทยูนิคอร์นเขาจึงไม่คิดอะไรมากนัก
เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้วที่บริษัทยูนิคอร์นสร้างสรรค์เกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลก พวกเขามักจะได้กำไรมหาศาลเสมอ ไม่เฉพาะค่าเข้าเล่นเกมส์ในแต่ละเดือนเท่านั้น ยังมีการขายการ์ตูน หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ แม้กระทั่งสวนสนุกที่สร้างโดยมีไฮไลท์เป็นตัวละครในเกมอันโด่งดัง
ถึงขนาดมีข่าวลือว่าบริษัท ยูนิคอร์นมีเงินสด (ไหลเวียน)มากที่สุดในประเทศ
แต่ธุรกิจของพวกเขาก็ไม่ได้ราบลื่นเสมอไป บริษัทยูนิคอร์นต้องผ่านวิกฤตการณ์หลายครั้งและยังมีการแข่งขันกันอย่างหนักหน่วงระหว่างผู้พัฒนาเกมด้วยกันเอง
เมื่อหลายปีก่อนเกมคอนทิเนนท์ ออฟ เมจิคได้ดึงลูกค้ากลุ่มใหญ่ของพวกเขาไป
จำนวนผู้เล่นเกมลดลงอย่างมโหฬารและพัดเอาเม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้หายไปด้วย
ถ้าพวกเขาไม่ทำอะไรที่พิเศษก็คงต้องลดจำนวนพนักงานและอยู่รั้งท้ายของอุตสาหกรรมเกมไปอีกนาน
และพวกเขาก็ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ขึ้นมาได้ –นั่นก็คือรอยัลโรด
โดยเปลี่ยนแปลงแนวคิดพื้นฐานที่สุดของระบบเสมือนจริงและกลับมาทวงตำแหน่งคืนไปได้ ทำให้พวกเขาโกยเงินได้มากมายมหาศาลกว่าที่เคยเป็นมา !
 “พวกเขาต้องการอะไรจากเรากัน…?  เราก็ไม่ได้ทำผิดกฎอะไรนิ คงต้องไปตามคำเชิญ”
ลี ฮุน ล้างหน้าและไปร้านซักรีดเพื่อเช่าเสื้อผ้า ในอดีตเขาเคยทำงานที่นี่ ทำให้ยืมชุดได้รวดเร็ว
เขาจ่ายเงิน เปลี่ยนชุดและเดินทางไปบริษัท ยูนิคอร์น
เขาต้องใช้รถไฟใต้ดินและต่อรถเมล์อีกหลายเที่ยวกว่าจะถึงสำนักงานใหญ่ มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานและซับซ้อน แต่สิ่งที่ทำให้ลีฮุนหงุดหงิดที่สุดคือมันเป็นการเดินทางที่สิ้นเปลือง
“เราต้องจ่ายอย่างน้อย 3000 วอนกว่าจะไปถึงที่นั่น”
ลี ฮุนวิตกมาก
ในชีวิตเขาไม่เคยมีอะไรได้มาง่ายดาย!
เมื่อโชคชะตาเล่นตลกให้เขาขายไอดีเกม คอนทิเนนท์ ออฟ เมจิคได้ แต่เงินที่ได้มากลับถูกเอาไปในวันรุ่งขึ้น
และความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญกว่าจะกลายเป็นประติมากรในที่สุด ไม่ต้องพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในการขายไอเทมดีๆ
“หวังว่าไม่ได้เชิญเราไปรับของที่ระลึกแล้วให้กลับบ้านหรอกนะ พวกเขาทำอย่างนั้นไม่ได้ ไม่ควร…”
กิจกรรมสำหรับผู้เล่น! อะไรจะเกิดขึ้นก็ได้
ลี ฮุนลงจากรถเมล์ สำนักงานใหญ่ของบริษัท ยูนิคอร์นตั้งอยู่บนถนนที่มีแต่ตึกระฟ้า มองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่ามีแต่ของแพงๆ ถนนเต็มไปด้วยรถนำเข้า(รถยุโรป)และผู้คนต่างใส่เสื้อผ้าราคาแพง
และอาคารของบริษัท ยูนิคอรน์ก็ดูโดดเด่นกว่าใครเพื่อน มันใหญ่กว่าอาคารอื่นๆถึง 4 – 5 เท่า จตุรัสเล็กๆหน้าอาคารก็เต็มไปด้วยชาวต่างชาติที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานบนม้านั่งที่สวยงาม
แถมยังมีนักข่าวห้อมล้อมมากมายแม้จะเป็นกิจกรรมที่ไม่สําคัญอะไรของบริษัทยูนิคอร์น
เสื้อผ้าธรรมดาของลี ฮุนเป็นแกะดำท่ามกลางคนอื่นๆ เขาใจฝ่อเล็กน้อยทำให้เขาไม่รีรอที่จะเดินเข้าอาคารไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อไปถึงประตูกระจกบานใหญ่ ยามเฝ้าหน้าประตูบอกให้เขาหยุด
“ขอโทษนะครับ คุณมีธุระอะไรที่นี่หรอครับ ?
ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยเราไม่อาจปล่อยให้ผู้ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปภายในตึกได้ครับ”
“ผมได้รับเชิญจากคุณชาง ยุน ซู เขาเป็นหัวหน้าคนหนึ่งในแผนกประชาสัมพันธ์ ผมชื่อ ลี ฮุนครับ”
“รอผมตรวจสอบซักครู่นะครับ”
แม้พวกยามจะดูเหมือนนักเลงกล้ามโตแต่พวกเขาก็สุภาพกับลี ฮุนมาก
‘คงจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง…’
ขณะที่ลี ฮุนรออยู่ เขาได้ยินเสียงพูดคุยทางด้านหลัง เขากังวลมากว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปและค่าเดินทางที่จ่ายไปต้องสูญเปล่า
แต่พี่ยามก็กลับมาอย่างรวดเร็ว
 “เราตรวจสอบไปที่คุณชาง ยุน ซูแล้วครับ เขาไม่คิดว่าคุณจะมาได้เร็วขนาดนี้เขาจึงยังไม่ได้แจ้งพวกเรา  ขอโทษด้วยนะครับ”
“อ้อ โอเคครับ”
“แผนกประชาสัมพันธ์อยู่ชั้น 43นะครับ ยินดีต้อนรับครับ”
ลี ฮุนเข้าไปในลิฟท์และกดไปชั้น 43 ตลอดทางขึ้นเขากังวลว่าจะได้แค่ของที่ระลึก เป็นความกังวลที่โง่เง่า คนใหญ่คนโตขนาดนี้คงไม่รบกวนเชิญเขามาเพื่อของเล็กๆน้อยๆหรอก
ในสำนึกของคนทั่วไป แผนกประชาสัมพันธ์เป็นแผนกที่ค้ำจุนภาพลักษณ์ของบริษัท มันถูกแบ่งออกเป็นหลายแผนก และชาง ยุน ซูก็เป็นผู้นำคนหนึ่งของแผนกนั้นๆ แผนกงานโฆษณาระยะกลางจนถึงระยะยาวถูกจัดให้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของบริษัท
 “ท่านมาถึงชั้น 43 แผนกประชาสัมพันธ์ ยินดีต้อนรับค่ะ” – เสียงผู้หญิงดังออกจากลำโพง
ลิฟท์หยุดและประตูได้เปิดออก
 “ยินดีต้อนรับครับ ผมชื่อ ชาง ยุน ซู”
เขาพบกับหัวหน้าแผนกและพนักงานบางคน ชาง ยุน ซูนำลี ฮุนไปที่ห้องประชุม เลขาผู้ทำหน้าที่รับรองแขกถามลี ฮุนว่าต้องการดื่มอะไรไหม และเขาตอบกลับไปอย่างแน่วแน่ว่า
 “น้ำผสมน้ำผึ้งครับ” (สั่งของดีซะด้วย)
“เอ่อ … เกรงว่าจะไม่มีนะคะ”
“อืมม งั้นขอเป็นชาโสมละกันนะครับ”
เพื่อฟื้นฟูพลังงานและรักษาสุขภาพที่ดีเขาจึงเลือกแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ ถึงแม้คุณจะเล่นกีฬาก็ตามถ้าคุณทานอาหารไม่เหมาะสมคุณอาจจะป่วยก็ได้
โชคดีที่พวกเขามีชาโสม
หลังจากที่ได้รับชาและคุกกี้พวกเขาจึงเริ่มคุยกัน
ชาง ยุน ซูมีนิสัยเข้ากับคนได้ง่ายและมีมนุษยสัมพันธ์ดี เขาพูดเกี่ยวกับบริษัท ยูนิคอร์นและเป้าหมายของแผนกของเขาสั้นๆ เขาใช้ศัพท์เทคนิคหลายครั้งจนลี ฮุนเข้าใจได้ไม่มากนัก
“เราไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมดก็ได้ …” ลี ฮุนนึกปลอบตัวเอง
เหมือนกับการสนทนาทั่วๆไป คนที่รู้มากกว่าจะเหนื่อยก่อนและคนที่เมินเฉย(ไม่สนใจ)จะนั่งฟังสบายๆ เขาแค่นั่งรอจนกว่าพวกเขา(อีกฝ่าย)จะเผยวัตถุประสงค์เพื่อคำนวนผลได้ผลเสีย
‘ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้กำลังจะให้ของที่ระลึกกับเรา แล้วพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ ?’
สุดท้าย ชาง ยุน ซูก็เห็นว่า ลี ฮุนไม่ได้สนใจ เขาจึงย้ายไปที่ประเด็นหลัก
 “ตามที่คุณรู้ บริษัทของเรามีการแสดงวีดีโอของสุดยอดผู้เล่นบนเวปไซต์”
แน่ละ วีดรู้อยู่แล้ว เขาเคยเข้าไปดูตั้งสองสามครั้ง

หอเกียรติยศ (Hall of Fame) เป็นส่วนหลักส่วนหนึ่งบนเวปไซต์ มันบันทึกการต่อสู้ การผจญภัยของผู้เล่นที่ดีที่สุดใน รอยัลโรด การได้อยู่ในนั้นถือเป็นเกียรติอันสูงส่ง
 “มีผู้เล่นจำนวนมากต้องการเข้าหอเกียรติยศ แต่จำนวนที่แท้จริงจะถูกจำกัดโดยกฎของบริษัทเพราะยิ่งมีจำนวนผู้มีสิทธิ์เข้าหอเกียรติยศมากเท่าไร ยอดวิวก็จะยิ่งกระจายตัวมากเท่านั้น ดังนั้นกฎของเราจึงอนุญาตเฉพาะผู้เล่นที่มีค่าชื่อเสียงมากกว่า 6000 หน่วยขึ้นไปที่จะได้แสดงในนั้น”
“หมายความว่าผมผ่านหรอ”
“ถูกต้อง คุณยอมแสดงบันทึกการเล่นเกมในหอเกียรติยศไหมครับ ? คุณจะต้องโพสท์บันทึกภารกิจหรือการต่อสู้อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง แค่นี้ละ”
นั่นเป็นข้อเสนอที่คาดไม่ถึง
หอเกียรติยศจำกัดเฉพาะผู้เล่นลำดับสูงสุด 500 คนแรก หนึ่งในนั้นมีบาร์ด เรย์ที่มีเลเวลสูงที่สุดในเกม
แต่ลี ฮุนก็ไม่ได้สนใจมัน
“ผมไม่ได้มองหาชื่อเสียง และผมก็ไม่ค่อยชอบด้วยถ้าผู้คนในรอยัลโรดเริ่มจะจำผมได้”
“จริงหรือ ?”
ชาง ยุน ซูตาโต เป็นคำตอบที่เขาคาดไม่ถึงเลย ชื่อเสียงเป็นหนึ่งในความต้องการหลักของคนเรา !
แม้กระทั่งเป้าหมายหลักในเกมรอยัลโรด ก็เป็นการเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่และรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว!
สำหรับเขาการที่ผู้เล่นปฏิเสธการกลายเป็นคนดังนั้นประหลาดมาก
 “คุณต่างจากคนอื่นๆมากทีเดียว …” ชาง ยุน ซูพูดด้วยความชื่นชม
“ที่ผ่านมาผมเคยเจอผู้เล่นสองประเภท หนึ่งพวกที่ต้องการรับรางวัลให้เหมาะสมกับความสามารถของตน สองพวกที่ชอบขอของรางวัล การแข่งขันระหว่างคน 500 คนนั้นยิ่งใหญ่มาก พวกเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะเลื่อนลำดับของตน แต่คุณเป็นคนแรกที่ผมไม่รู้ว่าจะจัดอยู่ในพวกไหนดี”
ลี ฮุนฟังอย่างเงียบๆ
 “เวรเอ้ย นี่เราเสียเงินเปล่าหรอเนี่ย …”
เขารู้สึกเสียดายอย่างท่วมท้น
แต่ชาง ยุน ซูพูดต่อไปว่า
 “ความจริง เมื่อคุณถูกจัดอยู่ในหอเกียรติยศ นอกจากชื่อเสียงแล้วคุณจะได้โบนัสเล็กๆน้อยๆ  เราจะจ่ายค่าธรรมเนียมให้จำนวนหนึ่งสำหรับการโฆษณาเกมรอยัลโรดให้ด้วย โดยค่าธรรมเนียมจะเปลี่ยนแปลงได้ตามความนิยมที่ได้รับ แต่โดยเฉลี่ยก็สองสามล้านวอนต่อเดือน”
 “คุณพูดว่าสองสามล้านวอนต่อเดือนหรอ ?” (เริ่มสนใจๆ)
“ใช่ครับ นั่นเป็นจำนวนที่คนส่วนใหญ่ได้รับ ตามที่คุณทราบมีผู้เล่นจำนวนมหาศาลที่เล่นรอยัลโรด    และหอเกียรติยศก็ค่อนข้างได้รับความนิยม เราจ่ายเงินเพื่อให้คุณโฆษณาเกมให้เรา เมื่อเทียบกับการโฆษณาผ่านสื่อใหญ่ๆแล้ว นี่เรียกได้ว่าเป็นแค่ค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น”
“…”
ชาง ยุน ซู โน้มน้าวลี ฮุนต่อไปอีก
“นี่คือโอกาสของคุณที่จะเป็นคนดังนะครับ ! เมื่อคุณได้รับความนิยมในหอเกียรติยศคุณจะได้รับความสนใจจากพวกสื่อและพวกเขาจะต่อสู้แย่งเอาคุณมาสัมภาษณ์ หลังจากนั้นคุณก็สามารถเรียกค่าตอบแทนการสัมภาษณ์ตามความเหมาะสมได้”
ในช่วงแรกของเกม การออกอากาศส่วนใหญ่อาศัยเพียงการผจญภัยของผู้เล่นที่มีเลเวลสูง แต่ผู้ชมเริ่มเบื่ออย่างรวดเร็วเพราะผู้เล่นที่เลเวลสูงสุดจะใช้เวลาทั้งหมดออกล่าและเพิ่มเลเวลของตนเอง มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นโชว์ดีๆ น่าติดตาม
หลังจากนั้นบริษัทที่ออกอากาศก็เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์และเริ่มเชิญเฉพาะผู้เล่นที่โดดเด่นซึ่งทำสิ่งที่สำคัญสำเร็จ และผู้ถูกเลือกส่วนใหญ่ก็มาจากหอเกียรติยศนี่เอง
 “บริษัทเราก็กำลังสนับสนุนแนวคิดนี้ครับ เราสร้างหอเกียรติยศเพื่อค้นหาวีรบุรุษที่แท้จริง    แต่ตอนนี้ผมกลับเจอผู้เล่นที่ไม่ต้องการสิ่งใดต้องการเพียงแค่สนุกไปกับเกมเท่านั้น ลี ฮุน ผมอยากจะพูดว่าคุณเป็นคนที่มหัศจรรย์จริงๆ”
“…”
ลี ฮุนมองไปรอบๆห้อง
พนักงานทุกคนในห้องประชุมก็กำลังมองเขาด้วยความชื่นชม
 “เขาปฏิเสธเงินและชื่อเสียงเหมือนกับมันไม่มีค่า …”
“คนอะไรกันเนี่ย!”
“เขาจะไม่มีวันตกเป็นทาสของเงิน”
พวกเขากระซิบกระซาบกัน
ลี ฮุน จับมือของชาง ยุน ซู โดยไม่สนท่าทางประหลาดใจ และพูดว่า :
“’งั้นคุณช่วยจัดให้ผมอยู่ในลำดับสูงสุดของหอเกียรติยศเลยได้ไหม ?”


***************************


หลังจากแขกรับเชิญที่ไม่ธรรมดาจากไป ห้องประชุมก็อยู่ในความเงียบ
ชาง ยุน ซูกำลังมองเหยือกชาโสมที่ว่างเปล่าและคิดไตร่ตรอง

 “เขาชื่อว่า ลี ฮุนสินะ …”
“มีอะไรผิดปกติหรือคะท่าน ?” ผู้ช่วยที่อยู่ใกล้ๆถาม
“ผมแค่เอาชายคนนี้ออกจากความคิดไม่ได้เลย”
โซ จุนฮี ทำงานในแผนกนี้มานานและเธอคิดว่าตัวเองรู้จักเจ้านายคนนี้ดีพอ แต่ตอนนี้เธอกลับไม่เข้าใจเขาเลย
ชาง ยุน ซูเป็นคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังแผนการโฆษณาเกมรอยัลโรด เป็นเพราะเขาทำงานอย่างหนักจึงทำให้เกมนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
คำโฆษณาที่ว่า “เกมที่คุณกลายเป็นจักรพรรดิได้” ก็คิดขึ้นโดยชาง ยุน ซู และมันเป็นคำที่สั่นสะเทือนการพัฒนาของบริษัทอย่างรุนแรง
และตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาคิดไม่ตกหลังจากพบกับคนทั่วไป
 “นี่ดูไม่เหมือนคุณเลย เป็นครั้งแรกที่คุณให้ความสนใจผู้เล่นทั่วไปมากขนาดนี้
“ผมเหรอ ก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ ? ”
ชาง ยุน ซู ส่ายหัวและส่งเอกสารให้เธอ
“ลองอ่านดู เดี๋ยวคุณจะเข้าใจเอง”
โซ จุนฮี อ่านเอกสารอย่างละเอียด มันเป็นเอกสารของลี ฮุน
รอยัลโรด มีความภูมิใจระบบรักษาความปลอดภัย แม้แต่ระดับผู้จัดการของบริษัทยูนิคอร์นก็ยังไม่สามารถดู เลเวล อาชีพ ทักษะและไอเทมของผู้เล่นได้
ในเอกสารของลี ฮุน มีข้อมูลเพียงบรรทัดเดียว ตัวอักษรสีดำบนกระดาษสีขาวบอกเพียงวันที่ที่เขาเริ่มเล่น
ลี ฮุนลงทะเบียนเกมรอยัลโรดเมื่อ 9 เดือนก่อนพอดี
“ฉันไม่เชื่อมันเด็ดขาด ! เขายังลงทะเบียนไม่ถึงปีเลยหรอเนี่ย ?! –โซ จุนฮีอุทานด้วยความตกใจ
พนักงานทุกคนในแผนกมองมาที่พวกเขาด้วยความสนใจ
 “ก่อนที่ผมจะเจอเขาผมก็ไม่เชื่อเหมือนกัน มันไม่น่าเชื่อเพียงแค่ 9 เดือนก็ทำให้ค่าชื่อเสียงอยู่ในระดับ 500 คนแรกได้”
 “ไม่น่าเชื่อ …”
“ใน 9 เดือนนี้ เขาเอาเวลาเกือบทั้งหมดเล่นรอยัลโรด” ชาง ยุน ซูพูดเบาๆ
นั่นเป็นคำที่ทำให้โซ จุนฮีโมโห
ตั้งแต่เกมเปิดตัวเธอก็เล่น รอยัลโรดทุกเย็นหลังเลิกงาน เธอลงทุนไปค่อนข้างมากทำให้สามารถซื้อไอเทมดีๆจากการประมูลได้ ด้วยอาชีพวิซาร์ดเธอออกล่าและทำภารกิจอย่างต่อเนื่องแต่เธอก็ยังมีค่าชื่อเสียงแค่ 2500 กว่าหน่วยเท่านั้น
 “แม้คุณจะขยันขนาดไหน ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าคุณจะได้รับค่าชื่อเสียง”
“ถูกต้อง”
“บางคนถึงขนาดทิ้งความสวยของตัวเองเพียงเพื่อจะอดหลับอดนอนเล่นเกม…”
“นั่นแหละที่ทำให้น่าสนใจ”
“อะไรเหรอคะ ?”
“ผมแทบรอไม่ไหวที่จะรู้อาชีพหรือภารกิจที่เขาทำ อีกหนึ่งอาทิตย์วีดีโอจะถูกปล่อยออกมา แล้วเราจะได้รู้กัน”
ชาง ยุน ซู บิดมือเพื่อคลายกล้ามเนื้อแล้วหัวเราะด้วยความผ่อนคลาย
 “คุ้มจริงๆที่เลือกอาชีพนี้ นานมาแล้วที่ไม่มีอะไรทำให้ผมสนใจได้”


**********************************


เป็นไปตามที่ออร์คอาวุโสพูด เมื่อ 10 ตะวันและ 10 จันทราผ่านไปวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่ศึกใหญ่มาถึง !
 “ชวิค !”
“ชวิคค !”
“ชวิชวิค !”
วีดและออร์คตัวอื่นๆกำลังมองดูป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์
“รุ่งอรุณซ่อนอยู่หลังภูผา ตะวันสีแดงกำลังสาดส่อง ลมอันบ้าคลั่งกำลังพัดหวน ชวิชวิท เมฆทะมึนกำลังเคลื่อนผ่านท้องฟ้า ราวกับรู้ว่ามีสงครามใกล้เข้ามา ในการศึกกับพวกดาร์คเอลฟ์ข้าจะสู้ในทัพหน้าเอง ชวิค !”
ด้วยเท้าข้างหนึ่งที่วางบนก้อนหินและหน้าอกที่พองออก วีดกำลังอ่านสุนทรพจน์ของเขาอยู่ !
 “ในแสงยามเช้านี้ข้ารู้สึกถึงความหวัง ชวิชวิค ความกล้าของพวกเราและความกระหายเพื่อชัยชนะ             จิตวิญญาณบรรพบุรุษของพวกเรา จิตวิญญาณของเรา ชวิคคค !  
ข้าต้องการร้องเพลง ! ดาร์คเอลฟ์แข็งแกร่งแต่พวกเราจะสู้ด้วยบทเพลงในใจของพวกเรา ด้วยบทเพลงแห่งชัยชนะ จะไม่มีใครหนีรอดและเราจะชนะศึก !”
วีดกำลังสร้างบรรยากาศโดยการอ่านสุนทรพจน์ ถ้าวีดีโอถูกปล่อยออกไปในหอเกียรติยศมันต้องไปถึงผู้เล่นจำนวนมาก เขาต้องสร้างภาพพจน์ในแง่บวก
แต่เขากำลังพูดโดยอยู่ในร่างของออร์ค ด้วยเขี้ยวอันมโหฬารและหน้าตาสุดบรรยาย เขาจึงไม่อาจทำให้มันฟังดูลึกซึ้งเข้าถึงอารมณ์ได้
เขาอยากจะใส่กลอนลงไปในสุนทรพจน์ แต่เขาก็ไม่รู้จักกลอนเลยสักบท
“ชวิชวิคค ! นั่นคือโชคชะตา !”
วีดพูดคำนั้นออกมา
แล้วหันไปที่ดูป้อมปราการ
เมื่อคืนมีฝนตกเล็กน้อยและภูเขาถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา นกที่งัวเงียแต่ก็หิวแล้วกำลังบินไปบินมาระหว่างต้นไม้ อีกไม่นานพระอาทิตย์จะส่องเต็มแสงและอุณหภูมิจะสูงขึ้น  แต่ตอนนี้ยังหนาวอยู่
“ฮัด-เช้ย ! ชวิค !”
ขนาดออร์คหนังหนาๆยังต้องจำนนต่อสภาพอากาศ วีดมีผ้าคลุมที่ห่อรอบเขาไว้แน่น แต่ออร์คตัวอื่นมีเพียงเสื้อเกราะ
วิหารของพวกเนโครแมนเชอร์ตั้งอยู่บนยอดสุดของภูเขา หน้าผาที่อยู่รอบๆค่อนข้างยาวและมีทางเดียวไปถึงประตูซึ่งสามารถผ่านเข้าไปในสิ่งก่อสร้างของดาร์คเอลฟ์ได้ แต่มันถูกล้อมไว้ด้วยกำแพงที่มีความสูงถึง 7 เมตร
พวกดาร์คเอลฟ์เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเวทมนต์ธาตุ และมันช่วยให้พวกเขาตั้งป้อมปราการที่ไร้เทียมทานขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้นที่ฐานของกำแพงยังมีควันสีน้ำเงินเข้มหมุนวนอยู่ ซึ่งไม่น่าใช่สิ่งดีแน่ ขณะมองดูป้อมปราการวีดเห็นนกที่ไม่ระวังบินเข้าไปในกลุ่มควันนี้และเมื่อผ่านไปสักพักมันก็ตกลงมาตาย
และสุดท้ายก่อนจะได้แตะกำแพงก็มีเหล่าดาร์คเอลฟ์ที่กำลังง้างธนูอยู่ พวกมันเห็นออร์คมานานแค่กำลังรอดูว่าพวกออร์คจะทำอะไรบ้าง ถ้าพวกเขาเข้าไปใกล้คงต้องเจอธนูเอลฟ์ระดมยิงเข้าใส่
 ‘การจะไปถึงวิหารของพวกเนโครแมนเชอร์เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่นรกมากๆ เราต้องทำไงถึงจะไปถึงป้อมได้นะ ?’
ข้างๆวีดมีออร์คใต้บัญชา อยู่ 20,000 ตัว แต่บนกำแพงก็มีดาร์คเอลฟ์ไม่ต่ำกว่า 10,000 ตน ! แม้ออร์คกับดาร์คเอลฟ์จะมีความแข็งแกร่งพอๆกัน แต่ในกรณีล้อมโจมตีเป็นที่ชัดเจนว่าฝ่ายดาร์คเอลฟ์ซึ่งเป็นฝ่ายตั้งรับได้เปรียบเป็นอย่างมาก
 “คาริชวิ (ชื่อออร์คของวีด)  พวกเราเชื่อในตัวท่าน ชวิค !”
ผู้อาวุโสตบบ่าให้กำลังใจวีด
 “ข้ารู้ เราต้องชนะแน่นอน”
“ข้าเชื่อท่าน ชวิชวิท แต่วันนี้ต้องชนะนะ !”
“เอิ่มม … มันหมายความว่าภายในวันนี้หรอ ? ชวิค !”
“ใช่ เราไม่มีเสบียง ชวิชวิชวิ”
“…”
พวกออร์คโง่ ! มีออร์คมากกว่า 20,000 ตัวมารวมตัวกัน แต่ไม่มีซักตัวที่คิดจะนำเสบียงอาหารมาเลย
 ‘อาหารก็เราไม่มี แถมนักรบครึ่งนึงก็เป็นหวัดอีก …’
วีดอยากจะวิ่งหนีไปไกลๆ แต่เขาก็ทำไม่ได้เพราะออร์คทุกตัวกำลังมองดูผู้บัญชาการคนใหม่อย่างเลื่อมใส
‘เวรเอ้ย … แบบนี้ตูได้ตายที่นี่แน่’
ระหว่างการทำภารกิจนี้ มีหลายครั้งที่วีดเฉียดตาย แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเขาต้องล้มเหลวเป็นแน่ เขามองไม่เห็นทางออกจากสถานการณ์เช่นนี้เลย
 “ถ้าเราต้องตาย อย่างน้อยเราก็ตายอย่างมีจุดหมาย …”
วีดเงยหน้ามองรอบๆ เขารู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ แม้จะไม่มีลมพัดแต่ต้นไม้ด้านหลังเขากลับกำลังสั่นไหว
เมื่อมองดูดีๆ วีดก็เห็นเป็นพวกออร์คจำนวนมหาศาลกำลังเดินออกมาจากป่า
“ชวิค ! ออร์คจากเผ่า ชวิบาร์มาถึงแล้ว”
หัวหน้าเผ่าชวิบาร์นำออร์คอีก 10,000 ตัวมาสมทบ และนี่ยังแค่เริ่มต้น วีดมองไปที่แห่งหนึ่ง แม้จะอยู่ไกลแต่ก็เห็นว่าต้นไม้กำลังสั่น
“คาริชวิ ข้านำนักรบมาสมทบอีก 20,000 นาย !”
“เผ่าโฮลชวิ ส่งมา 15,000 นาย !”
วีดยืนด้วยความหวังที่เพิ่มมากขึ้นจากการมาของกองกำลังสมทบ ป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์ตั้งอยู่ใกล้ๆกับยอดเขา และจากทุกๆด้านมีกองทัพออร์คกำลังใกล้เข้ามา วันนี้มีออร์คจำนวนมากมารวมตัวกันในเทือกเขายุโรกิ
 “ชวิค ! ชวิท !”
วีดทำเสียงพ่นลมจากจมูกโดยไม่ตั้งใจ
กองทัพออร์คดูราวกับคลื่นยักษ์สึนามิ มีทั้งพวกออร์คหนุ่มและออร์คแก่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกออร์คที่เคยผ่านศึกมาแล้ว และทุกๆคนมาร่วมสู้ศึกนี้ข้างๆเขา ผู้นำกองทัพออร์ค 20,000 ตัว !
 “บารานชวิ ส่งมา 8,000 นาย ชวิชวิชวิท”
“เกอร์เบจ ส่งมาทุกคน 9,000 นาย !”
“แซลชวิ และนักรบนับพันมาถึงแล้ว !”
ผู้นำสารจากทุกๆเผ่า ทยอยส่งข่าวมาอย่างต่อเนื่อง
บางเผ่าก็เคยต่อสู้กับดาร์คเอลฟ์หลายครั้งแล้ว เห็นได้จากรอยไหม้และแผลเป็นที่เกิดจากเวทมนต์และลูกธนูของดาร์คเอลฟ์
กองทัพของหัวหน้าเผ่า 25 เผ่ากำลังจะร่วมกันเข้าถล่มป้อมปราการ แม้จะมี 5 เผ่าที่ไม่ได้มาแต่พื้นที่รอบๆหมู่บ้านดาร์คเอลฟ์ทั้งหมดก็เต็มไปด้วยออร์ค
เผ่าสุดท้ายมาถึงเมื่อพระอาทิตย์ตั้งฉากกับศีรษะ (เที่ยงวัน) จำนวนของออร์คมีมากกว่า 400,000 ตัว
ทั้งฝูงทำเสียงดัง เคาะเสื้อเกราะ อาวุธและตะโกนด่าทอฝ่ายตรงข้าม   ด้วยออร์คนอกกำแพงจำนวนมหาศาลเช่นนี้ ทำให้ดาร์คเอลฟ์กังวลอย่างหนัก  ตอนนี้พวกเขาดูไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนเช้าแล้ว มีหลายคนที่เตรียมร่ายเวทและหน่วงให้พร้อมยิงได้ทันที
หัวหน้าเผ่าบูชวิ ที่ยืนอยู่ใกล้ๆเข้ามาหาวีดอย่างมั่นใจ
“คาริชวิ ข้าเคยได้ยินถึงความกล้าหาญของท่าน ชวิค !”
“ขอบคุณ ชวิค !”
บูชวิ เป็นออร์คที่แข็งแกร่งมาก ช่วงสั้นๆที่วีดอยู่ในหมู่บ้านวีดเคยได้ยินเรื่องของนักรบผู้น่าเกรงขามหาญกล้าต่อสู้กับไวเวิร์น
หัวหน้าเผ่าออร์คพูดต่อ :
 “พวกเราต้องการให้ท่านสั่งการการโจมตี ชวิชวิชวิค !”
“ท่านแน่ใจหรือ ชวิค !”
“แน่ใจ, ท่านสมควรได้รับ ชวิค ! นี่เป็นประเพณี เมื่อออร์คที่น่ากลัวที่สุดนำทัพศัตรูก็จะหนีไปด้วยความกลัว”
แม้วันนี้จะมีออร์คถึง 400,000 ตัว แต่ก็ไม่มีใครหน้าตาน่ากลัวเท่าวีด
เขาสร้างรูปสลักที่หน้าตาประหลาดและดูคุกคามเกินไป หน้าตาของวีดก็เลยเล่นกลใส่เขาอีกครั้ง
เมื่อเห็นวีดสับสน บูชวิจึงหัวเราะอย่างเป็นมิตร
 “นี่เป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ ชวิค ! ข้าอิจฉาท่าน ไปเถอะ”
“…”
หลังจากได้รับคำบอกจากออร์คที่น่าเกรงขาม วีดยืดตัวขึ้นตัวด้วยความภาคภูมิใจ รอบๆตัวมีหัวหน้าออร์คและออร์คอื่นๆกำลังรอคำสั่งของเขาอยู่ เขายกดาบขึ้นและเริ่มตะโกน :
 “ออร์ค ! ออร์ค ! ออร์ค !”
“ออร์ค ! ออร์ค ! ออร์ค !”
ออร์ค 400,000 ตัว ตะโกนตามเขา เทือกเขาเต็มไปด้วยเสียงตะโกน พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน
“ออร์ค ! ออร์ค ! ออร์ค !”
“ออร์ค ! ออร์ค ! ออร์ค !”
วีดตะโกนดังขึ้นไปอีก พวกออร์คก็เพิ่มเสียงเช่นกัน
เมื่อความดังขึ้นถึงจุดสูงสุด วีดเหวี่ยงดาบอย่างเกรี้ยวกราดและ ประกาศ :
 “เราจะขยี้พวกมันทุกตัว ! ชวิคคคคคคคคค !”
“โก ! โก ! โก !”
ออร์คพุ่งไปหาป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์ราวกับหิมะถล่ม


เล่มที่ 5 ตอนที่ 9 : จบ


*******************************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

เล่มที่ 5 ตอนที่ 8 สงครามออร์ค (Orc Wars)

เล่มที่ 5 ตอนที่ 8 สงครามออร์ค (Orc Wars)


“ชวิกคค!
หลังจากกลายเป็นออร์คแล้ว  วีดครุ่นคิดอย่างเป็นกังวล
‘จะตีสนิทกับพวกมันยังไงดีนะ?’
เนื่องจากวีดเคยชินแต่กับการคิดแบบมนุษย์  ดังนั้นการหาวิธีเข้าใกล้ชิดเผ่าพันธุ์อื่นจึงกลายเป็นงานยากสำหรับเขา

วีดเริ่มชินกับการสื่อสารกับพวกออร์คแล้ว   แต่เขายังไม่สามารถหาเพื่อนสนิทจริงๆในหมู่พวกมันได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะเลิกตั้งกำแพงกับพวกออร์คและเริ่มปฏิบัติกับพวกมันราวกับว่าพวกมันเป็นมนุษย์ และเป็นพวกพ้องที่แท้จริงของเขา

ในตอนแรก วีดคิดว่าคงเป็นงานยาก  แต่หลังจากคบหากับพวกออร์คไปเรื่อยๆ  เขาก็สังเกตได้ว่า
‘โอ้ นี่มัน.......คุ้นๆนะ แบบนี้’
วีดเป็นเพื่อนกับพวกออร์คในปาร์ตี้ได้อย่างรวดเร็ว

ออร์ค! พวกมันไม่ต่างไปจากพวกนักดาบเลยซักนิด!  หยาบกระด้าง! ก้าวร้าว! ชอบความรุนแรง!
ถ้ามีอะไรไม่ถูกใจละก็  พวกมันจะไม่รีรอที่จะหยิบอาวุธออกมาเลย!  ต่อให้ศัตรูทีว่าจะแข็งแกร่งกว่าขนาดไหนก็ตาม  พวกมันก็จะเข้าจู่โจมโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดก่อนสักนิด! , กำปั้นของพวกมันเร็วมากกว่าปากพูด 3 -4  เท่าเลยทีเดียว
ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่ มุทะลุบุ่มบ่าม  จริงๆ
.
.
.
“รับไป นี่ให้เจ้า ชวิกกก!”
วีดทำอาหารและแจกจ่ายให้ออร์คทุกตัวในปาร์ตี้
พวกออร์คนั้นเป็นพวกไม่รู้จักแยกแยะและไม่รู้จักพอ  ซึ่งนั่นทำให้พวกมันชอบ ทุกๆอย่าง

กระนั้น  แม้วีดจะยอมรับในสิ่งที่พวกมันเป็น  แต่เขาก็ยังมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ นี้อยู่ดี

เช่นเดียวกับมนุษย์, สังคมออร์คก็มีกฎและระบบชนชั้นเช่นกัน
ออร์คชาวบ้าน , ออร์ควอริเออร์, ออร์คสเกาท์ นั้นอยู่ต่ำสุดของขั้นบันไดทางสังคมในเทือกเขายุโรกิ  พวกมันมีจำนวนมากที่สุด  แต่พวกมันก็เป็นได้แค่ลูกน้องและต้องฟังคำสั่งของออร์คชนิดอื่น เช่น ออร์คแชมป์เปี้ยน , ออร์คกัปตัน , ออร์คอาวุโส และออร์คหัวหน้าเผ่า

ออร์คกัปตันนั้นจะมีออร์คใต้บังคับบัญชาอีกประมาณ 100 ตัว
ออร์คอาวุโสจะปกครองหมู่บ้าน
ออร์คหัวหน้าเผ่าจะปกครองและดูแลอาณาเขตที่ประกอบไปด้วยหลายๆ ชุมชน

และวีดนั้นก็เป็นที่รังเกียจของออร์คทุกตัวที่อยู่เหนือกว่าในสายบังคับบัญชา
“คาริชวิ ไม่ได้เกิดในหมู่บ้านเรา  ชวิกก!”
พวกมันตั้งคำถามกับที่มาของวีด

“เจ้านี่กินน้อยกว่าพวกเรา ชวิกก!”
เปรียบเทียบความอยากอาหารของเขา

“คาริชวิ ดูดีเกินไป!! ชวิตต!”
อิจฉารูปร่างหน้าตาของเขา

“ชวิชชวิก!  ต้องปกป้องพวกตัวเมีย!”
สุดท้ายแล้ว ปัญหาทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะ ผู้หญิง(ตัวเมีย)!

พวกออร์คนั้นอิจฉาริษยาวีด เนื่องจากเขาได้รับความสนใจจากพวกออร์คตัวเมีย
“อ๊า, ชวิ!  ขนาดกลายมาเป็นออร์คแล้วนะ ชวิกก!  ทำไมโลกนี้ถึงไม่เลิกยุ่งกับเราซะทีเนี่ย!”

วีดบ่นคร่ำครวญพึมพำเพราะปัญหาที่พระเจ้าขว้างใส่เขาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ถ้าเป็นคนอื่นคงพิจารณาแขวนคอตายไปแล้ว!

‘ก็อย่างว่านะ  คนหล่อจะไปไหนก็โดนอิจฉาไปหมดนั่นแหละ’
วีดมองว่าที่เกิดปัญหาขึ้นนี่ ก็เนื่องจากรูปสลักออร์คน่ากลัวที่เขาสลักขึ้นโดยไม่ทันคิดตอนที่ยังเป็นมนุษย์นั่นเอง
และเห็นว่าวีธีเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหาได้คือ เอาหูไปนาเอาตาไปใร่ เพิกเฉยต่อความสนใจของพวกตัวเมียที่มาคอยรุมล้อม

ผลลัพธ์ก็คือ พวกออร์คโกรธเขายิ่งกว่าเดิม

“ชวิกก! ข้าไม่ชอบพวกตัวเมียนั่นเลย  พวกเจ้าพาพวกมันไปที ชวิกก!”
หลังจากวีดพูดออกมาแบบนั้น   พวกออร์คตัวเมียยิ่งขุ่นเคืองขึ้นไปอีก

“ชวิก หลงตัวเองเกินไปแล้ว”
“เจ้าตัวอวดดี! ชวิชวิต!”
“ไล่มันออกไปจากหมู่บ้านเลย! ชวิกก!”
ออร์คในพื้นที่ต่างโกรธวีด   แม้ว่าจะมีออร์คหลายตัวในอาณาเขตนี้ไม่ชอบวีด  แต่ก็มีออร์คชาวบ้านบางตัวที่ยอมรับเขา
“คาริชวิ  ชนะการต่อสู้ชนชั้น ชวิต!  เขาสมควรได้รับความเคารพ ชวิกก!”
“ชวิชิชวิต  ยอดนักสู้!”
“ฉลาดหลักแหลม ชวิก!  ไม่ว่าจะอยู่ไหนเขาก็เอาตัวรอดได้”

.
.
.
วีดมักจะไปออกล่าและต่อสู้อยู่เสมอๆ
ทุกๆ เช้า ปาร์ตี้ออกล่าจะถูกจัดตั้งขึ้นตามคำสั่งของออร์คอาวุโสหัวหน้าหมู่บ้าน  เพื่อคุ้มครองความสงบสุขและพัฒนาหมู่บ้านยิ่งๆ ขึ้นไป  และแน่นอนในนั้นย่อมมีวีดอยู่ด้วย
.
.
“ชวิกก!”
ปาร์ตี้ออกล่าจะประกอบไปด้วยออร์คนักรบและออร์คธรรมดา  และโดยปกติพวกเขาจะต่อสู้กับมิโนทอร์ยักษ์! มอนสเตอร์เลเวลประมาณ 300

วีดกระชับดาบยักษ์ของตน
‘ค่าประสบการณ์เอ๋ยย ข้ามาแล้ว*!’

มิโนทอร์มีอาวุธเป็นขวานคู่สีแดงเลือด มันคล่องแคล่วว่องไว มีพละกำลังและมีค่าพลังชีวิตมากกว่ามอนสเตอร์ชนิดอื่นที่เลเวลพอๆ กัน นอกจากนั้นพวกมันมักจะอาศัยในสถานที่ที่ไม่ค่อยได้พบเห็นผู้เล่นเท่าไรนัก ดังนั้นจึงมีผู้เล่นเพียงน้อยนิดในเกมที่ล่ามันได้

แต่สำหรับวีดแล้ว  เขาชื่นชอบการต่อสู้กับมอนสเตอร์ทุกชนิด
ก็เหมือนพ่อค้าที่ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกๆคน  วีดนั้นยินดีที่จะได้เจอะเจอกับมอนสเตอร์ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรก็ตาม

แต้มค่าประสบการณ์ ----- พลังที่เพิ่มขึ้น!!
ไอเท็ม-----รายได้เพียวๆ !!
ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น  ผลตอบแทนย่อมเพิ่มขึ้น  และด้วยไอเท็มที่เก็บได้มา  รายได้ในอนาคตของเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
วีดนั้นกำลังตีมูลค่าและกำหนดแนวคิดด้วยวิธีการของตนเอง
.
.
.
“มู! เจ้าออร์คสกปรก!”
มิโนทอร์ไม่เกรงกลัวพวกออร์คสักนิดเดียว!
ออร์คชาวบ้านทั่วไปนั้นจะมีเลเวล 120 ส่วนออร์ควอริเออร์ เลเวล 210   ซึ่งพวกมันทั้งหมดกำลังหวาดกลัวความดุร้ายป่าเถื่อนที่แผ่ออกมาจากมิโนทอร์

“มู! ข้าจะฆ่าพวกแกให้หมด!”
มิโนทอร์เริ่มเพิ่มความเร็ว และพุ่งทะลวงเข้ามา พร้อมกับควงขวานยักษ์สองด้ามในมือ  ในสายตาของมันแล้ว  ออร์คตรงหน้าไม่ใช่ศัตรูที่คู่ควร

“ชวววิค!”
วีดกระโจนไปเบื้องหน้า  ร่างกายมหึมาของเขาลอยไปกว่า 10 เมตร และร่อนลงบนพื้นด้านขวาข้างๆ มิโนทอร์
“ชวิค!  ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง!”
หลังจากแปลงร่างเป็นออร์ค   ค่าปัญญาและความฉลาดของวีดถูกลดลง แต่ค่าความแข็งแกร่งและความคล่องแคล่วนั้นเพิ่มขึ้นสูงมาก   ดังนั้นเองเขาจึงเริ่มใช้วิธีการโจมตีธรรมดาๆ แทนการใช้ทักษะที่ต้องเสียมานาที่ตอนนี้มีอยู่เพียงน้อยนิด

“ชวววิค!
มิโนทอโจมตีด้วยขวานของมันราวกับไม่ต้องออกแรงอะไรมาก  แต่วีดก็เบี่ยงเบนมันด้วยดาบยักษ์ของเขา
เกิดเสียงดังก้องกังวานขึ้นเมื่ออาวุธทั้งสองปะทะกัน

วีดและมิโนทอร์ยืนประจันหน้ากัน
ดาบทั่วไปและดาบยักษ์ของวีดนั้นดูผิวเผินค่อนข้างใกล้เคียงกัน  แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ ดาบยักษ์นั้นจะมีใบดาบกว้างกว่าและหนักกว่ามาก  ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าวีดจะใช้มันได้ชินมือ  โดยทั่วไปแล้วดาบยักษ์จะค่อนข้างช้า  แต่เป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูง

กิ๊งงง!    เคร้ง!!
แต่ละครั้งที่ดาบยักษ์ปะทะกับขวานของมิโนทอร์  จะมีเสียงและประกายไฟแล่บออกมา ทุกคราที่การโจมตีถูกปัดกระดอนโดยดาบยักษ์ มิโนทอร์ก็จะถูกบีบบังคับให้ต้องก้าวถอย  ซึ่งนั่นทำให้มันเกรี้ยวกราดเดือดดาล

หากเป็นดาบยักษ์ขึ้นสนิมทั่วไปละก็  มันต้องแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ ไปนานแล้ว   แต่วีดซ่อมแซม, ลับคม และขัดเงา  จนดาบยักษ์เล่มนี้คมกริบ



ภาพความแข็งแกร่งทนทานของวีด เริ่มเสริมสร้างพละกำลังให้ออร์คในกลุ่ม
“ชวววิค!”
ในที่สุดมิโนทอร์ก็เริ่มจะตื่นกลัว
เหล่าออร์คเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วดุจคลื่นที่ถาโถมเข้าใส่  ออร์คนับร้อยตัวพร้อมดาบยักษ์คู่มือวิ่งเข้าใส่และเริ่มฟาดฟันมิโนทอร์
บางตัวตกตายเนื่องจากการโจมตีของมิโนทอร์  แต่ในทางกลับกันมันก็ได้รับบาดแผลจำนวนมากจากพวกนั้น


ก็เป็นไปดังที่เขาว่ากันว่าไว้ “ตัวเดียวหรือจะสู้ออร์คหมู่”
หากจะพูดให้ชัดเจนก็คือ วิธีการที่ทำให้เหล่าออร์คได้ชัยชนะจากการต่อสู้นั้น ก็คือการอาศัยความได้เปรียบด้านจำนวนนั่นเอง

และแล้วการออกล่าที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้น

ออร์คนับร้อยพร้อมกับดาบยักษ์คู่ใจออกไล่ล่ามอนสเตอร์ขนาดยักษ์  แม้ออร์คจำนวนหนึ่งจะตกตาย  แต่ออร์คที่เหลืออยู่ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ    เพราะตัวที่อยู่รอดได้ก็จะเลเวลอัพขึ้น   นั่นทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของปาร์ตี้ออร์คเพิ่มพูนขึ้นไปอีก

แม้เผ่าออร์คจะถูกคุกคามจากมอนสเตอร์อันตรายอยู่เสมอก็ตามที แต่พวกมันก็สามารถอยู่รอดมาได้  ซึ่งนั่นต้องขอบคุณในอัตราการเกิดที่ไม่ธรรมดาของพวกมัน

ออร์คบางตัวตกตาย  แต่ที่เหลือรอดจะแข็งแกร่งขึ้น  และพวกมันก็จะช่วยพัฒนาสมาชิกในเผ่าที่มาใหม่!

แม้วีดจะเข้าใจเรื่องนี้ดี  แต่เขาก็พยายามเต็มที่ไม่ให้เพื่อนออร์คของเขาต้องตาย  วีดซ่อมแซมอาวุธของพวกมัน  ตระเตรียมเสบียงอาหาร  และรักษาพวกมันเมื่อจำเป็น


การล่าครั้งใหญ่ยังดำเนินต่อไป!
เหล่าออร์คทึ่ม ออร์คโฉด จำนวนมาก ร่อนเร่ไปทั่วบริเวณ และเข่นฆ่าสังหารมอนสเตอร์ทุกตัวที่มันพบ
ออร์คไม่ได้มีเทคนิคพิเศษ หรือความลับอันใด  พวกมันแค่เอาชัยศัตรูโดยอาศัยจำนวนเข้าข่มเท่านั้น
ถ้าออร์คโหลนึงเอาไม่อยู่ละก็  ไม่นานอีกนับร้อยก็จะตามมา  และต่อให้ออร์คนับร้อยนี้ตกตาย ก็จะมีออร์คอีกนับไม่ถ้วนเข้าแทนที่

ในการต่อสู้ที่อันตราย  ออร์คหลายตัวเริ่มมาจับกลุ่มรวมตัวกันรอบๆ วีด
“ชวิชวิต   คาริชวิจอมทึ่ม  เจ้าเป็นผู้นำ”
“คาริชวิ  เจ้าง่ายๆ ดี  พวกเราสบายใจที่จะอยู่กับเจ้า  ชวิค!”

เพราะค่าปัญญาและความฉลาดที่ต่ำต้อยของวีด  ทำให้เหล่าออร์คเริ่มเห็นเขาเป็นพวกเดียวกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น  เนื่องจากวีดมีค่าความเป็นผู้นำและค่าเสน่ห์ที่สูง  พวกมันจึงต้องการให้เขาเป็นผู้นำพวกมัน

เขาพยักหน้าตอบรับคำชวน และเริ่มการล่า




แม้วีดจะได้รับอำนาจบังคับบัญชาพวกมันก็ตามที  แต่นั่นก็ทำให้การต่อสู้กลายเป็นงานที่ยากขึ้น  เนื่องจากการที่พวกมันเป็นปาร์ตี้ขนาดใหญ่   ตัวสุดท้ายที่สังหารมอนสเตอร์ได้จะได้รับค่าประสบการณ์ไปกว่าครึ่ง ส่วนค่าประสบการณ์ที่เหลือจะถูกแบ่งเกือบเท่าๆ กันให้สมาชิกตัวที่เหลือ  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ามีส่วนร่วมในการต่อสู้แค่ไหน    ซึ่งนั่นทำให้วีดต้องอดทนอดกลั้นความละโมบของตัวเองที่มีต่อแต้มค่าประสบการณ์นั้น

‘เราต้องทำตัวให้ฉลาดกว่าออร์คตะกละพวกนี้’
ถ้าวีดสนใจแต่จะเอาจำนวนค่าประสบการณ์เต็มๆ  เขาอาจเสี่ยงที่จะสูญเสียมิตรภาพกับพวกออร์ค  และในขณะเดียวกัน  ถ้าเขาเอาแต่อยู่เฉยๆ มันอาจจะนำเขาไปสู่ความตายได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นวีดจึงเข้าต่อสู้เท่าที่เป็นไปได้  เขาจะเริ่มจู่โจมเป็นคนแรก  และพยายามทำความเสียหายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
และถ้าออร์คที่กำลังตีมอนสเตอร์ตัวเดียวกันมีไม่เยอะ  เขาก็จะคอยเล็งลงดาบสุดท้าย
เป้าหมายหลักของแผนการที่วีดวางไว้ก็คือ พยายามให้มีการต่อสู้ให้มากที่สุด


ในวันแรกของเกม วีดมีเป้าหมายจะเพิ่มค่าสถานะต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจากนั้นเป้าหมายเดียวของเขาก็คือการเพิ่มเลเวล    ผลลัพธ์ก็คือ  การต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่เลเวลเท่ากันกลายเป็นงานง่ายไปเลย

ผลจากการพอกพูนทักษะและค่าสถานะอันหลากหลายนั้น  ทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้เล่นอื่นที่เลเวลเท่ากันเสียอีก!
และยิ่งเวลาผ่านไปเท่าใด  ความแตกต่างก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
‘ขยันในวันนี้  สบายในวันหน้า....’

วีดเห็นผู้เล่นจำนวนมากที่ไม่ใส่ใจกับค่าสถานะและระดับทักษะ  ซึ่งบางคนถึงขนาดที่เลเวลปาไป 250 แล้วแต่ทักษะด้านดาบยังลูกผีลูกคนอยู่เลย   ผู้เล่นเช่นนั้นเป็นประเภทที่เอาแต่เพิ่มเลเวลโดยไม่พัฒนาทักษะด้วยเหตุผลแค่ว่าการพัฒนาทักษะมันต้องใช้ความพยายามที่มากขึ้น
แต่สำหรับวีดแล้ว การพัฒนาทักษะต่างหากคือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก  

วีดพอใจมากที่เหล่าออร์คสามารถล่าเหยื่อได้เป็นจำนวนมาก
พื้นที่รอบบริเวณนี้ต่างเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่เข้าไปสู้กับพวกมัน  
ส่วนการพัฒนาทักษะค้าขาย กับความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมไว้นั้น ตอนนี้พักไว้ก่อน

และในที่สุด  เขาก็มาถึงเลเวล 295
***

ปาร์ตี้ของเพล กำลังเก็บเลเวลที่ทะเลสาบวิญญาณ(Soul Lake) อย่างเมามัน
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาคงไม่กล้าเหยียบย่างมาที่นี่  แต่หลังจากอัพเลเวลเพิ่มแล้ว พร้อมด้วยความช่วยเหลือจากพวก
ฮวารยอง เซฟเฟอร์ และเมลอน   พวกเขาจึงตัดสินใจลองเข้ามาดู
ที่นี่ พวกเขาต้องเจอกับมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายปลาและวิญญาณสายน้ำน่าสยองขวัญ!
.
.
.
หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดและยาวนาน  สมาชิกปาร์ตี้เกือบทั้งหมดก็ออกเกมไป  เหลือเพียงเพลกับเมลอนที่ยังอยู่จู๋จี๋กันริมทะเลสาบ
เพล ชอบการพูดคุยมาก
“แล้วก็นะ... จริงๆแล้ว......จากนั้นก็....”
เขาได้ค้นพบนางในฝันของเขาแล้ว
เพลอยากพูดคุย บอกเล่าชีวิตของเขา และการผจญภัยในรอยัลโรดที่ผ่านมาให้เธอฟัง  เพราะที่พวกเขาได้พบกันก็เพราะเกมนี้
เขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับนครลอยฟ้าลาเวียสให้เมลอนฟัง
“อะไรนะ?  จริงๆ เหรอเนี่ย?”
ดวงตาของเมลอนเป็นประกายระยิบระยับเมื่อได้ยินเรื่องราวของกลุ่มเพลตั้งแต่เริ่มเล่น, เควสแรกที่พวกเขาทำ และวิธีการที่พวกเขาค้นพบนครลอยฟ้า
“วีดเลือกมาเป็นอาชีพประติมากรได้ยังไงเหรอ?
“เท่าที่เค้ารู้....”

เพลเล่าเรื่องเกี่ยวกับวีดมากมาย  และเขายังแชร์ความลับที่ว่าวีดเป็นคนกำจัดพวกแวมป์ไพร์ในเขตเมืองโมราต้าให้เธอรู้ด้วย

***

คุณทำภารกิจ “เสบียงอาหารของเหล่าออร์ค” ได้สำเร็จ

     บริเวณโดยรอบนี้ มีมอนสเตอร์ดุร้ายจำนวนมากที่ออกล่าประชากรออร์คเป็นอาหาร
ออกไปจับพวกมันพร้อมกับปาร์ตี้ และนำเนื้อของพวกมันมาเลี้ยงดูเด็กๆ
ความยาก :  C
รางวัล : ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ทำได้ ---เครื่องสวมใส่, หินและแร่ล้ำค่า
เงื่อนไข : เฉพาะเผ่าออร์คเท่านั้น , หรือผู้ที่สามารถแปลงร่างเป็นออร์คได้ด้วยเวทมนต์หรือวิธีอื่นใด


ออร์คหัวหน้าเผ่าและออร์คอาวุโสนั้น สามารถให้ภารกิจได้  อย่างไรก็ตาม  หัวหน้าเผ่าอาศัยอยู่หมู่บ้านข้างเคียง ส่วนออร์คอาวุโสนั้นยากที่จะเข้าไปตีสนิทด้วย   แต่กระนั้นวีดก็ไม่ท้อ  และพยายามออกล่าและทำเควสไปเรื่อยๆ แม้เขาจะไม่ได้ไอเท็มดีๆ จากภารกิจ  แต่แร่และเครื่องปรุงที่ได้เป็นของรางวัลนั้น  ก็จัดได้ว่าเป็นของหายาก
นอกจากนี้ เขายังได้รับประสบการณ์ที่สำคัญจากการล่ามอนสเตอร์  ไม่เพียงแค่แต้มประสบการณ์ วีดยังได้รับความรู้และข้อมูลใหม่ๆ อีกด้วย
มอนสเตอร์เกือบทั้งหมดในเขตทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวังนั้นมีเลเวล 300 ขึ้นไป และมักจะมีทักษะพิเศษติดตัว ซึ่งนั่นทำให้การเผชิญหน้าครั้งแรกกับมอนสเตอร์พวกนี้ มีโอกาสทำสิ่งที่ผิดพลาดถึงตายได้ง่าย
การร่วมสู้กับพวกออร์คนี้  ทำให้วีดได้มีโอกาสต่อสู้กับมอนสเตอร์หลากหลายชนิด   ซึ่งบางครั้งก็ได้เจอกับดาร์คเอลฟ์ (Dark Elves) ด้วยซ้ำ   แม้พวกมันจะตัวเล็ก แต่ก็สามารถใช้เวทมนต์ธาตุได้ และนั่นทำให้มันกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ
แต่กระนั้น พวกมันก็ไม่อาจจะหยุดวีดได้  และทำให้เขายิ่งได้รับความเคารพนับถือจากพวกออร์คในหมู่บ้าน

และด้วยวิธีการนี้ทำให้วีดสามารถสำรวจบริเวณเทือกเขายุโรกิได้เกือบทั้งหมด

สิ่งที่ทำให้วีดเซอร์ไพรส์ก็คือ  ป้อมของพวกดาร์คเอลฟ์นั้น  ให้ความรู้สึกคุกคามพอๆ กับป้อมปราการแห่งเซราบอร์กของอาณาจักรโรเซนไฮม์เลยทีเดียว  และบวกกับอาวุธเวทมนต์ที่ติดตั้งบนกำแพงป้อมนั้น  ทำให้ป้อมปราการนี้เกือบจะไร้เทียมทานเลยทีเดียว
.
.
.
.
.
“พวกเราจะยึดมัน!  ทะลวงมันเข้าไป!   ไม่มีอะไรหยุดพวกเราได้ ชวิค!”
ออร์คอาวุโสมองที่วีดด้วยดวงตาที่อบอุ่น

วีดสามารถเก็บเอาเนื้อของพวกมอนสเตอร์นักล่าอันดุร้ายมาได้เกือบหมด และทำภารกิจได้สำเร็จ
ซึ่งรางวัลที่ได้คือ เขาได้รับหินแร่จำนวนมากพอที่จะหล่ออาวุธคุณภาพดีได้

ออร์คชราหลับตาลง
“ชวิก  เวลามองเจ้าแล้ว  ทำให้ข้านึกถึงตอนยังหนุ่ม”
“ขอบใจมาก ผู้อาวุโส  ชวิก!”  วีดตอบกลับด้วยความเคารพ

โดยปกติแล้ว  พวกออร์คจะพูดคุยกันหยาบๆ ห้วนๆ  ซึ่งวีดก็พยายามทำตามแบบพวกมัน  แต่กฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ  และนั่นก็คือกับออร์คอาวุโส  , ออร์คผู้ทรงอำนาจตัวแรกที่สนับสนุนเขา  มันช่วยวีดซื้อบ้าน  , ให้คำแนะนำ และแน่นอนมันยังมอบเควสต่างๆ ให้เขา

ออร์คที่มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งจนสามารถอยู่รอดมาได้ถึงวัยชราเท่านั้นจึงจะสามารถกลายเป็นออร์คอาวุโสได้  และถึงแม้มันจะเริ่มโรยราไม่แข็งแกร่งเช่นเดิม  แต่มันก็ยังสามารถคงไว้ซึ่งอิทธิพลและความรู้ แน่นั่นทำให้มันสามารถควบคุมออร์คกัปตันหนุ่มๆ ได้
“ชวิค! เอาล่ะ ข้าจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเทือกเขาของพวกเราให้เจ้าฟัง...”
ออร์คอาวุโส เล่าเรื่องราวน่าสนใจหลายอย่างในอดีตให้วีดฟัง  ทั้งเรื่องบริเวณเทือกเขายุโรกิ  , เรื่องของมอนสเตอร์ชนิดต่างๆ , ความสามารถ, ทักษะ และกระทั่งสถานที่ที่พวกมันอยู่!

บางครั้งคำพูดของออร์คอาวุโสก็เรื่อยเฉื่อยลากยาว จนทำให้วีดรู้สึกอยากหาวนอน  แต่วีดก็ตั้งใจฟังเรื่องราวทั้งหมด โดยเฉพาะเวลาที่มันพูดถึงข้อมูลสำคัญๆ และเรื่องบางเรื่องที่มันเล่าออกมานั้นน่าเหลือเชื่อมาก

วีดเก็บเกี่ยวข้อมูลใหม่ๆ อย่างกระตือรือร้น
“ดาร์คเอลฟ์นั้นเป็นศัตรูของพวกเรา     ซึ่งไม่นานมานี้พวกมันเรื่องทำเรื่องประหลาดๆ ชวิตต!”
“แปลกยังไงเหรอ? ชวิชิค!”
ออร์คอาวุโสเบ้หน้าอย่างไม่พอใจ
“ชวิคค! คาริชวิ เจ้าก็รู้ว่าพวกมันสร้างป้อม ยังกับมนุษย์”
“ชวิชวิต  แล้วมันทำไมรึ?”
“กำแพงป้อมนั้นสูงและหนาแน่นมาก ชวิค!  ทำให้พวกมอนสเตอร์ไม่สามารถเข้าใกล้พวกดาร์คเอลฟ์ได้ และทำให้พวกมันหันมาโจมตีพวกเราแทน ชวิก!”

ออร์คอาวุโสรู้สึกไม่ดีกับสถานการณ์ในตอนนี้  พวกมอนสเตอร์ เข้ามาป้วนเปี้ยนบริเวณชายหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ และพวกมันก็เริ่มอันตรายขึ้นทุกวัน
ตรงกันข้าม  สำหรับวีดนั้น  เขากลับเห็นว่าเป็นข่าวดี  ยิ่งมอนสเตอร์มากขึ้นเท่าไร  ยิ่งหมายความว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด  และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ แต้มค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น!

“ชวิชวิค! และหมู่บ้านของพวกเราก็ไม่มีป้อมใหญ่ๆ แบบนั้น  ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจจะจู่โจมพวกดาร์กเอลฟ์
มีออร์คหัวหน้าเผ่า 25  ตัวจากดินแดนข้างเคียงเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ชวิค!  พวกเราพร้อมแล้ว  และเมื่อท้องฟ้าสว่าง—ท้องฟ้ามืดครบ 10 ครั้ง  พวกเราจะจู่โจมป้อมปราการดาร์กเอลฟ์   คาริชวิ  เจ้าก็ไปกับพวกเราสิ!”

ติ๊ง!

ภารกิจใหม่ : ความรุ่งโรจน์ของเผ่าออร์ค
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว บริเวณเทือกเขายุโรกินั้นถูกปกครองโดยเผ่าออร์ค  แต่ตอนนี้เหล่าดาร์คเอลฟ์ตัดสินใจท้าท้ายพวกมัน
ด้วยอำนาจแห่งเวทมนต์ , คมธนู และการเป็นพันธมิตรกับเผ่าพันธุ์แห่งความมืด  เหล่าดาร์คเอลฟ์จึงกลายมาเป็นภัยคุกคามอนาคตของเผ่าพันธุ์ออร์ค
ความยาก : ภารกิจแห่งเผ่าพันธุ์
รางวัล : ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ – หินและแร่ล้ำค่า
เงื่อนไข : เฉพาะเผ่าออร์คเท่านั้น , หรือผู้ที่สามารถแปลงร่างเป็นออร์คได้ด้วยเวทมนต์หรือวิธีอื่นใด

สงครามระหว่างออร์คกับดาร์คเอลฟ์!
มันจะตัดสินว่า ใครคือผู้ปกครองทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวังนี้

เควสที่ปรากฏขึ้นนั้นทำให้วีดที่กำลังพอใจกับการล่ามอนสเตอร์รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
‘กำลังเก็บเลเวล เก็บไอเท็มดีๆ อยู่เลย...’

ในเร็วๆนี้ เขตแดนเทือกเขายุโรกิจะกลายเป็นสมรภูมิการต่อสู้ครั้งสุดท้าย  
แม้ภายในใจวีดจะขุ่นเคืองอยู่บ้าง  แต่เปลือกนอกเขาก็ทำเป็นใจเย็น เพื่อหวังจะได้ผลประโยชน์จากออร์คอาวุโส

เมื่อเห็นดังนั้น  ออร์คชราก็กล่าวต่อไป
“คาริชวิ!   ถ้าเจ้าเป็นออร์คผู้ห้าวหาญละก็  ชวิชวิชวิค!  เจ้าควรจะเข้าร่วมศึกครั้งนี้!”

คุณจะรับภารกิจหรือไม่?  ถ้าปฏิเสธ อาจจะถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านออร์ค

“แน่นอน ชวิค!  ข้าจะสู้กับเจ้าพวกเอลฟ์ดำบัดซบนั่น”

คุณรับภารกิจ


.
.
.
ก่อนที่สงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์จะเริ่มต้นขึ้น  วีดหยุดทักษะประติมากรรมจำแลง และลงจากเขามา
เขาถูกคาดหวังจากนักรบและพรีสแห่งเฟรย่า
“หัวหน้ากลับมาแล้ว!” โฮสแรมร้องตะโกนด้วยความยินดี
“อืม พวกเจ้าเป็นไงกันบ้าง  หิวรึยัง?”
“นิดหน่อยครับผม”  บูเรนตอบกลับ

วีดนั้นมักจะเก็บรวมรวบ หรือซื้ออาหารจากออร์คในหมู่บ้านมาเป็นประจำ และนำมาแจกจ่ายให้เหล่าทหารผู้หิวโหย
‘เฮ้อ...พวกนี้ยังกะปลิง’
ที่เขาทำเช่นนี้นั้นไม่ใช่เพราะมีความรู้สึกว่าเป็นพ่อแม่ที่ต้องหาอาหารมาให้ “ลูก” ของตนเองแต่อย่างใด
เขาแค่อยากจะใช้จ่ายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้กับทหารขี้เกียจพวกนี้  ซึ่งเขาเรียกพวกนี้ในใจว่า ‘หมู’
‘พวกนี้เอาแต่กินแล้วก็นอน  ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเล้ย!’


แต่วีดก็แสร้งยิ้มอย่างเป็นมิตรต่อไป
“โอเค เดี๋ยวผมจะทำอาหารให้พวกคุณกิน  เพิ่งได้เนื้อหมูป่ามาพอดี เหลือแค่เอาไปปรุงก็เสร็จแล้ว”

ตลอดทางที่เขาสำรวจเทือกเขายุโรกิ วีดไม่ได้ล่ามอนสเตอร์เพียงอย่างเดียว  แต่ยังล่าพวกสัตว์ทั่วไปด้วย
ในตอนท้ายๆ ของการสำรวจ   วีดล่าหมูป่ามาได้ครอบครัวหนึ่ง

“ว้าว! ขอบคุณสุดๆ เลยครับหัวหน้า!”   ทันทีที่เห็นเนื้อ  ดวงตาของทหารที่อยู่รอบๆ ก็ลุกวาวเป็นประกาย

ด้วยเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสหลายชนิด วีดสามารถปรุงอาหารออกมาได้อย่างเพอร์เฟ็คท์ นอกจากนั้นเขายังหยิบเหล้าบางส่วนออกมาจากสต็อกด้วย   นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหยิบมันออกมานับแต่เมื่อครั้งจัดปาร์ตี้ดื่มเหล้ากับพวกนักดาบเมื่อนานมาแล้ว

“กินดื่มกันให้เต็มที่ไปเลย”
“ขอบคุณครับผม    อร่อยยอ่ะ!”
เหล่านักรบดื่มกินมื้ออาหารแสนอร่อยด้วยความพอใจ   แต่พวกอัศวินนั้นกินไปวิจารณ์ไป

“โอ้ ข้าไม่ได้กินเนื้อมานานพอดู”
“ที่วังเขามีเสิร์ฟให้กินทุกวันเลยนะ”
“อาหารนี่อร่อยใช้ได้”
“อืมม กระเทียมกับหอมใหญ่มากไปหน่อยนะ”

ในขณะที่พวกทหาร อัศวินและพรีสกำลังรับประทานอาหาร   วีดก็จัดแจงดูแลอุปกรณ์สวมใส่ของพวกนั้น
“ซ่อมแซมชุดเกราะ , ฝนดาบ , รีดผ้าเรียบ!”

เขาค่อยๆ ตรวจสอบอุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมด และดำเนินการเสร็จสิ้นก่อนมื้ออาหารจะจบลง
“ทุกคน  เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้!”  วีดร้องบอกเหล่าทหาร
“รับทราบ!”  เหล่าทหารตะโกนตอบ
“การต่อสู้งั้นรึ?  หึ พวกเราจะเตรียมตัวละกัน”  อัศวินตอบกลับ


เหล่าพรีสนั้น ร่ายพรใส่ให้พวกทหาร ส่วนพวกอัศวินนั้นได้รับเอฟเฟ็คมากขึ้นไปอีกจากบทสวดของตัวเอง

วีดร้องตะโกน
“จงออกมา เดธไนท์!”
“เรียกข้างั้นหรือ นายท่าน?”

วีดพยักหน้าตอบ
หลังจากถอนหายใจอย่างหนักหน่วง  วีดก็ถอดเครื่องรางแห่งชีวิตสีชาดออก และหยิบเอาเครื่องรางแห่งชีวิตสีนิลจากในกระเป๋ามาสวมใส่   , ผนึกที่แวมไพร์โทริถูกขังอยู่
“ฟู่.....”
วีดไม่ค่อยแน่ใจนักที่จะเรียกใช้งานเครื่องรางนี้   ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในพวกอัศวินกับพรีส  แต่เพราะการต่อสู้ข้างหน้านี้ชีวิตของทุกคนอาจจะถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“ข้าขอเรียกเจ้า เจ้าแห่งแวมไพร์!”
ทันทีที่วีดร้องตะโกน  ก็มีแสงสีแดงสดส่องสะท้อนตรงใจกลางของหินสีดำ  ราวกับว่าเป็นหยดเลือดของใครบางคนและจากนั้นท่ามกลางความมืดที่เข้าปกคลุม  ก็มีใครบางคนโผล่ออกมา , ชายสูงโปร่ง ผิวซีดเผือดรูปร่างเพรียวบางในชุดเสื้อคลุม
แวมไพร์ลอร์ด  โทริ  ยิ้มขึ้น
“โอ้ นานเหลือเกินที่ข้าไม่ได้เห็นโลกที่สวยงามใบนี้   นี่คือแสงอาทิตย์เช่นนั้นรึ?”
เขี้ยวของแวมไพร์งอกขึ้นอย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีแดงเลือดของมันจ้องมองไปที่มนุษย์ซึ่งรวมกลุ่มอยู่เบื้องหน้า
โทริ แผ่พลังอำนาจของมันออกมา จนทำให้พวกทหารรู้สึกสั่นกลัว
แวมไพรที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จากเมฆสีดำทมึนที่ปิดกั้นดวงอาทิตย์ และบริเวณนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกอันเย็นยะเยือก

วีดสบสายตากับเดธไนท์  และหันไปมองแวมไพร์ลอร์ด
ครั้งนี้ เขาไม่อาจยอมพ่ายแพ้ได้เหมือนเช่นครั้งก่อน

โทรินั้นมีทักษะที่เยี่ยมยอดหลายทักษะ ไม่ว่าจะเป็นทำให้ศัตรูกลายเป็นหิน  แปลงร่างเป็นค้างคาวและเคลื่อนที่อย่างว่องไว  แต่อันที่น่ากลัวที่สุดก็คือทักษะดูดเลือดของมัน
เมื่อได้ดูดเลือดของเหยื่อ  โทริสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาได้เรื่อยตราบเท่าที่มันต้องการ  ดังนั้นพวกเขาต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

‘เรากับเดธไนท์แข็งแกร่งขึ้นเยอะแล้ว   สิ่งที่เราต้องทำคือช่วยกันทำให้มันอ่อนแรงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอาศัยเวทมนต์ของพรีสปิดฉากมัน   ต่อให้มันเป็นแวมป์ไพร์ที่แข็งแกร่งแค่ไหน  ก็คงรับมือพวกเราไม่ได้หรอก...’

ใช่แล้ว, แม้พวกวีดจะกำลังเผชิญหน้ากับ คู่ต่อสู้ที่ยากจะจัดการ, มอนสเตอร์เลเวล 400   แต่พวกเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน พวกเขามีดาบที่ถูกลับจนคม, เกราะที่ขัดมันอย่างดี อีกทั้งยังมีพลังเสริมจากอาหารและพรศักสิทธิ์
ยิ่งไปกว่านั้น  ตอนนี้เป็นช่วงเวลากลางวัน และอยู่นอกดั้นเจี้ยน!

สิ่งที่ทำให้การต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับบอสนั้นยาก ก็เพราะพลังของพวกมันจะเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่งหากอยู่ในรังของตนนั่นเอง
.
.
พาลาดีน 300 คน  กับพรีสอีก 100 ร้อย
การต่อสู้ครั้งก่อน โทริฆ่าวอร์ริเออร์ไปเกือบหมด แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน ดังนั้นมันจึงยากที่จะปลดปล่อยพลังได้เต็มที่  แม้ว่ามันจะเรียกเมฆมาปกคลุมท้องฟ้าก็ตามที   แต่ทักษะส่วนหนึ่งของมันจะเพิ่มก็ต่อเมื่อเป็นเวลากลางคืนเท่านั้น

และวีดยังเตรียมไม้ตายไว้กันเหนียวอีกอย่างหนึ่งคือ  ทักษะประติมากรรมวินาศ
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจอัญเชิญโทริไม่ตรงบริเวณไม่ไกลจากรูปสลักทหารรับจ้าง
‘จริงๆ เราก็ไม่อยากจะใช้ทักษะนั้นเท่าไหร่...’

แต่โทริกลับไม่ขยับเขยื้อน    มันยังคงยืนอยู่กับที่
“โอ้ววว!”
แวมไพร์ลอร์ดสังเกตเห็นรูปสลักของซอยุนในชุดทหารรับจ้าง
“บ...บะ...บิ้วตี้ฟูล!!  นี่เป็นรูปสลักจริงหรือนี่!?  ต่อให้หญิงสาวที่สวยที่สุดในโลกถูกทำให้กลายเป็นหินก็ยังไม่อาจเทียบเคียงได้กับรูปสลักนี้”
“......”

แวมไพร์ผู้โหดร้ายตกหลุมรักซอยุนเข้าเสียแล้ว
“ศิลปะ! ศิลปะ! ศิลปะ!  พลังของมันทำให้ชีวิตอมตะอันน่าเบื่อของข้านี้ เต็มเปลี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง  เด็กน้อยแห่งรัตติกาลนั้นชื่นชอบศิลปะ  มันเป็นเพราะความน่าหลงใหลนี้เองที่ทำให้ข้าอาศัยอยู่แต่ในปราสาทเก่าๆ   ศิลปะของทั้งโลกเป็นของข้า! เจ้าไม่อาจนำมันไปจากข้าได้   ข้าลอร์ดโทริ   ทายาทแห่งสายเลือดบริสุทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่จะลงทัณฑ์พวกแกเอง  เจ้ามนุษย์กระจ้อยร้อย”

ในที่สุด  การต่อสู้กับแวมไพร์ลอร์ดก็เริ่มต้นขึ้น!
วีดและเดธไนท์ต่างพุ่งเข้าใส่โทริ
“พรศักดิ์สิทธิ์! , เคล็ดมีดสลัก!”
วีดใช้งานทักษะจากแหวนไฮพรีสในทันที

วีดเลิกทักษะแปลงร่างเป็นออร์คก่อนมาที่ค่ายพัก  ดังนั้นเขาจึงมีมานาเพียงพอจะใช้งานทุกทักษะแล้ว

โดยปกติวีดจะเข้าไปโจมตีมอนสเตอร์อย่างแข็งขัน  พยายามสร้างบาดแผลจำนวนมากให้มัน  แต่ตอนนี้วีดทำในสิ่งที่แตกต่าง  เขารวบรวมพลังทั้งหมดสำหรับการโจมตีอันรุนแรงเพียงครั้งเดียว!
แม้จะดูง่ายดาย แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นวิธีการที่อันตรายมาก
มันคือการเดิมพันทุกสิ่งกับการโจมตีเพียงครั้งเดียว  ซึ่งเขาอาจจะพลาดเสียจังหวะและเปิดช่องโหว่ให้โดนสวนกลับได้
แต่วีดก็ตัดสินใจทำมัน


“ดาบจักรพรรดิ!”
ท่าที่รุนแรงที่สุดของเขา   วีดใช้มานาทั้งหมดไปกับการโจมตีครั้งนี้

คมดาบเยียบเย็นทะลวงผ่านอกลอร์ดโทริ   บริเวณรอบๆบาดแผลเริ่มแข็งตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากเอฟเฟ็คท์ของดาบเล่มนี้  แม้ดาบเล่มใหม่นี้จะไม่มีทักษะอำนวยพรเหมือนกับเล่มเก่า  แต่พลังโจมตีของมันสูงล้ำและยังแช่แข็งเหยื่ออีกด้วย

ถ้าเป็นมอนสเตอร์อ่อนแอทั่วไปก็คงจะแข็งตายไป  และต่อให้มันรอดมาได้  ความว่องไวของมันก็จะลดลงมาก
การโจมตีครั้งนี้ทำให้พลังชีวิตแวมป์ไพร์โทริลดลงถึง 30% และขณะที่มันเริ่มจะฟื้นฟู  ก็มีการโจมตีอื่นตามมา
“คมดาบมฤตยู!”
คมดาบของเดธไนท์แทงใส่สีข้างของโทริ  และในเวลาเดียวกัน  วีดดึงดาบของเขาออกและกระโดดถอยไป
“อ๊ากกกก!  ข้าจะดูดเลือดเจ้าจนแห้งเหือด!”
แวมป์ไพร์ลอร์ดโกรธแค้นมาก   จนดวงตาของมันยิ่งกลายเป็นสีเลือดเข้าไปอีก
“คมมีดวายุ!”
เลือดของโทริหยดไหลไปพร้อมพายุที่กำลังพัดรุนแรงราวกับคมมีดที่กระจายไปทุกทิศทุกทาง  แต่วีดเตรียมตัวรับมือไว้แล้ว
พวกทหารถอยไปหลบอยู่ในระยะปลอดภัยเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ก่อนการต่อสู้จะเริ่มต้น  และการโจมตีนี้ของโทริไปไม่ถึงพวกเขาด้วยซ้ำ  ในขณะที่วีดกับเดธไนท์พุ่งเข้าไปตรงกลางของพายุ      ตาพายุคือสถานที่ที่มักจะปลอดภัยที่สุด!

เมื่อหลบเวทบทนี้ได้สำเร็จ  พวกเขาก็เริ่มต้นโจมตีโทริอีกครั้ง  
วีดกับเดธไนท์ล้อมกรอบโทริพร้อมกับใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตน  จนพลังชีวิตของแวมป์ไพร์โทริลดลงอย่างรวดเร็ว

พวกพรีสก็ไม่ได้พักเช่นกัน   ในทันทีที่คมพายุหยุดลง   พรีสทั้งหมดก็ยกมือขึ้นและร่ายเวททันที

“หัตถ์แห่งการรักษา!”
ร่างของแวมไพร์ลอร์ดถูกล้อมรอบไปด้วยแสงสว่าง
โดยปกติแล้ว  คนธรรมดาจะถูกรักษาได้ด้วยเวทศักดิ์สิทธิ์  แต่สำหรับสายพันธุ์อันเดธ เช่นพวกแวมไพร์นั้น จะได้รับผลลัพธ์ตรงกันข้าม

เพียงแค่นาทีแรกของการต่อสู้  พลังชีวิตของโทริก็ลดลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว  และมันก็ถูกบังคับให้ใช้ทักษะไม้ตายของมัน
ทักษะดูดเลือด!

มันไม่สามารถดูดเลือดเดธไนท์ได้  ดังนั้นมันจึงเล็งไปที่วีดที่กำลังโยกไปรอบๆ  แต่ไม่ว่าคราใดที่โทริพยายามจะเอื้อมจับวีด    วีดก็สามารถหลุดรอดไปจากนิ้วของมันได้

เหล่าพรีสคอยใช้เวทของตนไปเรื่อยๆ และสถานการณ์ของโทริก็แย่ลงไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว
“ข้า.....ต้องการเหยื่อ.......อา..กระหายเหลือเกินน....เลือดดด  พลังชีวิต!!”
โทริตระหนักได้ว่าถ้ามันไม่รีบตัดสินใจทำอะไรบางอย่างละก็   ไม่นานชีวิตของมันคงต้องจบลงแน่
มันจึงพุ่งเข้าพวกอัศวินและทหารที่คอยปกป้องพวกพรีส

“อ๊า!”
พวกทหารที่กำลังหวาดแตกกระจายกันไปทุกทิศทุกทาง  แต่มีคนหนึ่งที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของโทริแล้ว  ดวงตาของทหารคนนี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“ละ...เลือด!”
โทริ ฝังเขี้ยวลงบนคอของเหยื่อ , ทหารผู้อาภัพ ,  แน่นอนว่าทหารคนเดียวไม่อาจเติมเต็มความกระหายของแวมป์ไพร์
ได้  แต่ก็ยังช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาได้บ้าง
แต่ในขณะที่มันดื่มเลือดนั้น  พวกพรีสก็ยังคงใช้เวทใส่มันอย่างต่อเนื่อง  ผลลัพธ์คือ นอกจากพลังชีวิตจะไม่เพิ่มขึ้นแล้วยังลดต่ำลงไปอีกเล็กน้อย   และในจังหวะนั้นวีดก็กระโดดมาข้างหลังโทริ  และจู่โจมครั้งสุดท้ายปิดฉากชีวิตของโทริ

ลอร์ดโทริระเบิดเป็นเถ้าถ่าน และปล่อยทหารที่กำลังหวาดกลัวตกลงบนพื้น    ซึ่งต้องขอบใจพวกพรีสที่ช่วยฮีลเขาตลอดเวลาจึงทำให้สามารถรอดมาได้แม้จะน่าหวาดกลัวไปบ้าง
.
.
หลังการต่อสู้ครั้งนั้น  วีดจะเริ่มอัญเชิญโทริทุกครั้งที่เขากลับมายังค่ายพัก  แม้เขาจะไม่ได้แต้มค่าประสบการณ์จากชัยชนะในการต่อสู้แบบนี้  แต่เขาก็ยังได้ฝึกฝนทักษะวิชาดาบสำหรับต่อสู้กับศัตรูที่เก่งๆ
มีเพียงผู้เดียวที่ไม่ค่อยมีความสุขกับการต่อสู้แบบนี้ นั่นคือเดธไนท์  เนื่องเพราะไม่นานมานี้มันก็ประสบชะตากรรมแบบเดียวกันมาก่อน  ซึ่งมันก็แอบเห็นใจโทริลับๆ

วีดอัญเชิญโทริมาสู้ทุกวันตลอดสัปดาห์  แต่ละครั้งๆ ที่ผ่านไป แวมไพร์โทริก็ยิ่งเศร้าสลดหดหู่ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมันก็ยอมก้มหัวให้
“ข้า,โทริ ผู้สืบสายเลือดในตระกูลที่มีชื่อ ยินยอมรับฟังคำสั่ง และยอมรับในพรสวรรค์ด้านศิลปะและความเป็นผู้นำของท่านแล้ว ท่านมีสิทธิเหนือข้าทุกประการ  และข้าขอยอมตนอยู่ภายใต้เงื้อมมือของท่าน”
และจากนั้นโทริก็มอบเลือด 1 หยด ให้แก่วีด  
โลหิตแวมไพร์!

ในขณะที่แวมไพรดูดเลือดเหยื่อนั้น  มันสามารถถ่ายเลือดของมันบางส่วนเพื่อเปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นทาสของมันได้
อย่างไรก็ตาม  ในตอนนี้ โทริเป็นฝ่ายหลังโลหิตเพื่อให้คำสัตย์สาบาน

สัตย์สาบานโลหิต

ไอเท็มพิเศษ : คุณได้รับโลหิตแวมไพร์

เมื่อใช้งาน  ค่ามานาเพิ่มขึ้น 300 หน่วย  โบนัสเพียงครั้งเดียวสำหรับอาชีพของคุณ
ค่าสถานะอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นและลดลงแบบสุ่ม
บารมี +20
เสน่ห์ +10
เวทแห่งความมืด +2%
ศรัทธา -50



ยูนิกไอเท็มที่สามารถเพิ่มค่ามานาได้นั้น หายากมากๆ ในเกมนี้
.
.
.
หลังจากนั้นเป็นต้นมา  วีดสามารถเรียกโทริได้ทุกเวลา  ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์มาก

ส่วนด้านของออร์คนั้น  ในที่สุดพวกมันก็เสร็จสิ้นการเตรียมความพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกดาร์คเอลฟ์แล้ว


เล่ม 5 ตอน 8 : จบ
*******************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>