วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 10 ตอนที่ 5 สมบัติแห่งนิฟเฮล์ม (Treasures of Nipelheim)

เล่มที่ 10 ตอนที่ 5  สมบัติแห่งนิฟเฮล์ม (Treasures of Nipelheim)

เปรี้ยง!
วีดซัดดาร์กสเปียร์เข้าใส่บริเวณซี่โครงของมังกรโครงกระดูก

แทงอย่างรุนแรง!
ดาร์กสเปียร์แทงเข้าไปที่ซี่โครงเต็มๆ  แต่ร่างกายของมังกรโครงกระดูกยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
มันยังคงแข็งแกร่ง ดูราวกับไม่เกิดอะไรขึ้น  แต่อย่างน้อยพลังชีวิตมันก็ลดลงบ้างเล็กน้อย
วีดเรียกดาร์กสเปียร์ออกมาอีกครั้ง    และก่อนที่จะโจมตี เขาก็เล็งเป้าหมายอย่างแม่นยำ!
'เราต้องควบคุมการหายใจให้สอดคล้องกับการโจมตี ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ  ลืมเลือนทุกสิ่ง ปลดปล่อยจิตใจให้แผ่ขยายไปอย่างไร้ขอบเขต และเพ่งไปที่จุดๆ เดียว'
เปรี้ยงงงงง!
การโจมตีครั้งนี้เกิดเสียงดังกึกก้องยิ่งกว่าเดิม
                      -การโจมตีอย่างรุนแรง  ความเสียหายเพิ่มขึ้น 29%

วีดควงดาร์กสเปียร์ในมืออย่างคล่องแคล่ว
'จนกว่ามันจะถูกทำลาย!'
แกว่ง   ฟัน  และแทงเข้าไป
ทุกการโจมตีมุ่งไปที่ตำแหน่งเดียว
จุดสำคัญเพียงจุดเดียว
แกร๊ก!
หลังจากจบการโจมตีครั้งที่ห้า  กระดูกซี่โครงของมังกรโครงก็ดูกก็แตกละเอียดเป็นชิ้นๆ

"โฮกกกกกกกกก!"
ปิงหลงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวดในระหว่างที่โรมรันต่อสู้กับมังกรโครงกระดูก

"เจ้าเศษสวะขี้ขาดตาขาวเอ๊ย! ตายซะเถอะ!"
มังกรโครงกระดูกเหวี่ยงหางของมันขึ้นมา  แต่สายเกินไป  เพราะวีดหลบออกไปพร้อมกับไวทรีแล้ว
"การจู่โจมของข้าเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น"
วีดขี่ไวเวิร์น และบินอย่างรวดเร็วขึ้นไปบนท้องฟ้าอันมืดมิด
ปิงหลงและมังกรโครงกระดูกยังคงต่อสู้โรมรันพันตูกันอยู่  พวกมันต่างจู่โจมใส่กันและกัน
เพราะความเสียหายจากการโจมตีก่อนหน้านี้  กระดูกซี่โครงที่แตกหักของมังกรโครงกระดูกจึงยังคงเปิดเผยให้เห็นอยู่

การเคลื่อนไหวบนพื้นนั้นว่ายากแล้ว  แต่ยิ่งอยู่กลางอากาศยิ่งต้องอาศัยการทรงตัวมากขึ้นไปอีก
และมีช่องว่างเพียงน้อยนิดให้เล็งโจมตี
ถึงเวลามอบฝันร้ายให้แก่มังกรโครงกระดูกแล้ว    แต่มันจำเป็นต้องอาศัยการควบคุมชั้นยอดเพื่อเข้าโจมตีในระยะใกล้
แต่วีดนั้นไม่ค่อยมั่นใจในสถานการณ์นี้นัก

                      -เนื่องจากความหนาวเย็น  พละกำลังลดลง 16%    

สายลมอันหนาวเหน็บที่พัดอยู่เหนือหุบเขามรณะ  ร่างกายของวีดเริ่มถึงขีดจำกัด
สถานะอันเดดทำให้เขาสามารถทนต่อความหนาวได้บ้าง แต่เนื่องจากอุณหภูมิเยือกแข็งนี้ พละกำลังและความอึดของเขาจึงลดลงอย่างรวดเร็ว
ความหนาวเย็นนี้ก็ยังทำให้ไวทรีรู้สึกหน้ามืด  และทำให้พวกเขาโซเซหลายครั้งแล้ว
ถ้าทั้งคู่ตกลงไปบนพื้นน้ำแข็งล่ะก็   ไม่มีใครกล้ารับประกันชีวิตของพวกเขาแน่ๆ

'เหลือเวลาไม่มากแล้วสินะ'
วีดอ่านการเคลื่อนไหวของมังกรโครงกระดูก
มันเริ่มจะถึงขีดจำกัดเช่นกัน หลังจากรับการโจมตีอันรุนแรงจากพวกคณะสำรวจ อีกทั้งวีดยังทำลายกระดูกในร่างกายของมันไปด้วย  ดูเหมือนว่า เวลาตายของมันใกล้จะมาถึงในอีกไม่นานนี้แล้ว

พวกไวเวิร์นและโกลมินิ ก็ยังคงคอยวนเวียนปั่นหัว มังกรโครงกระดูกที่นู่นที ที่นั่นทีอีกด้วย

"เจ้าพวกแมลงน่ารำคาญ  หลีกไปโว้ย!"
มังกรโครงกระดูกพยายามดิ้นรนหลบเลี่ยงจากการโจมตี แต่การโจมตีอันแม่นยำจากพวกไวเวิร์น ปิงหลง และวีดนั้นก็ไม่หยุดลงแต่อย่างใด
เนื่องจากตัวมันถูกปิงหลงพัวพันไว้  การหลบหนีจึงเป็นไปไม่ได้
แม้มังกรโครงกระดูกผู้อหังการนี้จะปรากฎตัวขึ้นอย่างองอาจ  แต่วิซาร์ดในคณะสำรวจก็ลากมันลงมายังพื้นเบื้องล่างได้   อย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของมันก่อนที่ความตายจะมาเยือนมัน

"ไปกันเถอะ!"
วีดควบคุมไวทรี และไปร่อนลงบนหัวของมังกรโครงกระดูก
"ถึงเวลาจบเรื่องนี้แล้ว"
มันเป็นการยากที่จะโจมตีมังกรโครงกระดูกขณะที่ยืนอยู่บนหัวของมัน    แต่วีดก็สามารถใช้ดาร์กสเปียร์โจมตีเข้าไปที่ตำแหน่งเดียวได้อย่างรวดเร็วต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน!
เปรี้ยง! เปรี้ยงงง!  เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!
                      -การโจมตีอย่างรุนแรง  ความเสียหายเพิ่มขึ้น 46%

                      -การโจมตีอย่างรุนแรง  ความเสียหายเพิ่มขึ้น 95%

                      -การโจมตีอย่างรุนแรง  ความเสียหายเพิ่มขึ้น 129%


                      -การโจมตีอย่างรุนแรง  ความเสียหายเพิ่มขึ้น 167%

                      -การโจมตีอย่างรุนแรง  ความเสียหายเพิ่มขึ้น 215%


การโจมตีตำแหน่งเล็กๆอย่างต่อเนื่อง สามารถเพิ่มความเสียหายได้เป็นทวีคูณ!

"อ๊ากกกกก"
การต่อต้านจากมังกรโครงกระดูกหายไปแล้ว  เมื่อพลังชีวิตของมันลดลงต่ำกว่า 10%   มันจึงยากที่จะเคลื่อนไหว
แต่กระนั้น  ยังคงต้องใช้เวลาอยู่บ้างจนกว่ามันจะถึงจุดจบ

ถ้ามันเป็นมอนสเตอร์ธรรมดาทั่วไป    มันก็คงสูญเสียจิตใจที่จะต่อสู้ไปแล้ว  แต่มังกรโครงกระดูกยังคงกัดไม่ปล่อย
ซึ่งก็เป็นไปตามที่ใครๆ คาดไว้ เมื่อต้องเผชิญกับมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บอสมอนสเตอร์ที่มีชื่อในดินแดนนี้  

'แกรู้ไหม  ที่ทำอยู่เนี่ยทำให้ข้าเหนื่อยนะ'
สายลมอันหนาวเย็นที่พัดมาใส่วีดขณะที่ต่อสู้อยู่ ทำให้ความอึดของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว
ซึ่งหากการต่อสู้ยังคงยืดเยื้อไปอีก  อาจจะมีความเป็นไปได้ว่ามังกรโครงกระดูกนั้นจะใช้วิธีฆ่าตัวตาย

วีดร้องตะโกนออกมา
"ปิงหลง ใช้ลมหายใจ!"
"รับทราบนายท่าน!"
ปิงหลงสูดหายใจลึกและพ่นลมหายใจออกมา
ลมหายใจน้ำแข็งที่สามารถแช่แข็งได้ทุกสรรพสิ่ง!
เมื่อลมหายใจแห่งมังกรถูกใช้ออกมา  มังกรโครงกระดูกไม่มีสถานที่ให้หลบซ่อนตัว  และล้มมายังแทบเท้าของปิงหลง

ตึ้งงงงง!
ในจังหวะนั้น ร่างกายของมังกรโครงกระดูกก็ถูกแช่แข็งในทันที!
หากเป็นในยามปกติ มันคงสามารถป้องปัดการโจมตีได้บ้างโดยอาศัยความต้านทานเวทของมัน  แต่ในสถานะที่ผิดปกติแบบนี้  ลมหายใจน้ำแข็งจึงสามารถแช่ร่างของมันได้อย่างสมบูรณ์

หลังจากนั้น
วีดก็กระโดดลงมาจากกลางอากาศ และขณะที่กำลังจะถึงพื้น  เขาก็แทงหอกลงมาด้วยพละกำลังมหาศาล

                      -การโจมตีอย่างรุนแรง  ความเสียหายเพิ่มขึ้น 122%

ตำแหน่งเป้าหมายเดิม  ถูกโจมตีอย่างแม่นยำอีกครั้ง

"ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซ!"
กระโหลกของมังกรโครงกระดูกแตกออกและแผ่ขยายกว้างไปจนโคนลิ้นของมัน จากนั้นก็แตกสลายกลายเป็นเศษน้ำแข็ง

                                               -คุณเลเวลเพิ่มขึ้น

                                               -คุณเลเวลเพิ่มขึ้น

                                               -คุณเลเวลเพิ่มขึ้น

                                               -คุณเลเวลเพิ่มขึ้น

                                               -คุณเลเวลเพิ่มขึ้น

                                               -คุณเลเวลเพิ่มขึ้น

                                               -คุณเลเวลเพิ่มขึ้น


 -มังกรโครงกระดูกคุเรนเบรู ผู้ปกครองแห่งหุบเขามรณะได้พบกับความตายชั่วนิรันดร์
-เนื่องจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่  ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 230 หน่วย
-เสน่ห์เพิ่มขึ้น 3 หน่วย
-จิตวิญญาณนักสู้เพิ่มขึ้น 2 หน่วย                                

หน้าต่างแสดงผลจำนวนมากปรากฎขึ้นในหัววีด  บางอันบอกว่าเขาเลเวลเพิ่มขึ้น
การล่ามังกรโครงกระดูกได้สำเร็จนั้น ย่อมทำให้ได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาล แม้เลเวลของวีดตอนนี้จะเกิน 300 ไปแล้ว  แต่เขาควรเลเวลเพิ่มอย่างน้อย 10 เลเวล   อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาร่วมล่ากับพวกคณะสำรวจ ค่าประสบการณ์จึงถูกแชร์ไป และเขาได้รับค่าประสบการณ์ที่เพียงพอสำหรับ 7 เลเวล

ถึงอย่างนั้น  ตอนนี้มีบางสิ่งที่สำคัญเร่งด่วนกว่า
ไปหยิบไอเท็ม!!
วีดลงมาบนพื้นและวิ่งไปยังจุดที่มังกรโครงกระดูกตาย
ไอเท็มเหล่านั้นกองอยู่ไปทั่วเนินของหุบเขามรณะ

หนังสือเก่าแก่โบราณ   กองกระดูกจำนวนมาก และโล่!

ควับ ควับ ควับ!
วีดเอื้อมมือไปหยิบไอเท็มอย่างรวดเร็ว

            -คุณแบกน้ำหนักเกินกว่าปริมาณสูงสุดที่พละกำลังจะรับได้
                 ผลเสีย : อัตราการใช้ค่าความอึดเพิ่มขึ้น 35 %                                

แม้จะอยู่ในร่างของปฐมภูมิแห่งโครงกระดูก  เขาก็ยังมีพละกำลังไม่เพียงพอจะหยิบไอเท็ม

"ตอนนี้คงถึงเวลาไปค้นหาความจริงเกี่ยวกับอาณาจักรนิฟเฮล์มแล้วสินะ"
ในที่สุดวีดก็ลงมาจากเนินหุบเขาเพื่อทำภารกิจของตนให้เสร็จสิ้น

อย่างช้าๆ
ต้วมเตี้ยมราวกับเต่า

เนื่องจากน้ำหนักที่มากเกินไป   แต่ละก้าวของเขานั้นต้องระมัดระวังอย่างมาก  
เขาต้องใช้เท้าก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างดี เพื่อชดเชยพละกำลังที่ไม่เพียงพอนั้น

'ทนลำบากมามากขนาดนี้ พนันได้เลยว่าเราต้องได้อะไรดีๆแน่'
รายได้นั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำธุรกิจขนาดใหญ่!
เมื่อวีดลงมาถึงด้านล่างของเนินเขา  เขาก็ตรวจดูรางวัลที่ตนเองได้รับ
"ตรวจสอบไอเท็ม!"


ตราสัญลักษณ์แห่งอาณาจักรนิฟเฮล์ม
ความทนทาน : 5
ความหมายของสัญลักษณ์นี้มาจากราชวงศ์
อัศวินราชองครักษ์แห่งขุนนางของอาณาจักรนิฟเฮล์มซึ่งได้รับความเคารพยกย่องจากทุกผู้คน
สามารถใช้แนบติดกับอาวุธหรือชุดเกราะ
ผลลัพธ์ :
คุณธรรม + 100 หน่วย
เสน่ห์ + 50 หน่วย
ชื่อเสียง +200 หน่วย


ขุนนางแห่งนิฟเฮล์ม #2
พิมพ์เขียวของคฤหาสน์ขุนนางแห่งอาณาจักรถูกอธิบายไว้ในหนังสือ  หลังจากเวลาผ่านมาเนิ่นนานไม่แน่ชัดว่าสามารถใช้ได้หรือไม่                        


กระดูกที่เน่าเปื่อยของมังกร
ความทนทาน : 250/250
กระดูกของมังกรโบราณจำนวนมาก ว่ากันว่าแข็งยิ่งกว่าแร่มิทธิลเนื่องจากมานาที่ซึมซ่อนอยู่   แต่ตอนนี้มันผุพังไปมากแล้ว
อย่างไรก็ตามในฐานะวัตถุดิบสำคัญแล้ว  แร่ธรรมดาทั่วไปก็ไม่อาจเทียบกับมันได้
แบล็กสมิทจะได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากหากจัดการกับกระดูกมังกรนี้
มันเป็นไอเท็มชั้นยอดสำหรับอาชีพแบล็กสมิท
ผลลัพธ์:
เพิ่มทักษะของแบล็กสมิท
เมื่อตีเป็นอาวุธ การโจมตีติดพิษจะถูกเพิ่มเข้าไป
สามารถสร้างเป็นเกราะที่มีคุณสมบัติต้านทานเป็นพิเศษ
แต่จะมีกลิ่นเหม็นเล็กน้อย                        


เอนเชียนท์ ซิลด์  (Ancient Shield)
ความทนทาน : 300/300  พลังป้องกัน : 86
โล่เก่าแก่ซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต  ไม่เคยถูกใช้มาก่อน
สร้างขึ้นจากมิทธิลและกระดูกของสัตว์ไม่ทราบชื่อ
ดั้งเดิมนั้นผิวโล่สว่างใสราวกับกระจกที่ต้องแสง  แต่หลังจากผ่านมาหลายปีทำให้ตอนนี้มันเลอะไปด้วยรอยเปื้อน
หลังจากถูกเก็บมานานทำให้มันถูกกัดกร่อนลึก   และเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ในภายหน้า
ข้อจำกัด :
นักบวชไม่สามารถใช้ได้
เลเวล 400
ต้องสามารถใช้โล่ได้
ผลลัพธ์ :
ป้องกันการโจมตีทางกายภาพ 40%
ต้านทานเวทมนต์ 35%
-ความรวดเร็ว ลบ 30 หน่วย
-จิตวิญญาณนักสู้ เพิ่ม 45 หน่วย
-ค่าสถานะเกี่ยวกับการต่อสู้ทั้งหมด เพิ่มขึ้น 7 หน่วย
-เพิ่มประสิทธิภาพจากการใช้ทักษะ 20%
-มีโอกาสทำให้ศัตรูสับสน
-ความสามารถในการควบคุมอันเดดเพิ่ม 25 หน่วย
-เมื่อความทนทานลดลง ไม่สามารถซ่อมแซมได้                

มังกรโครงกระดูกทิ้งไอเท็มสี่อย่างไว้
วีดไม่ยอมเหลือทิ้งไว้แม้แต่ชิ้นเดียว!
โดยเฉพาะเอนเชียนท์ ซิลด์    ยูนิกไอเทมชั้นยอด
พลังป้องกันมหาศาลนั่นจะมีประโยชน์มากในการต่อสู้
แต่เนื่องจากมันไม่สามารถซ่อมแซมได้ หากความทนทานหมดลง มันก็คงถูกทิ้งไป

"ค่าความทนทานสูงขนาดนี้  อย่างน้อยเราก็คงเอาไปใช้ได้หลายเดือนอยู่"
ถ้าไม่ได้ใช้มันในการออกล่าธรรมดา  โล่นี้คงสามารถใช้ได้นานยิ่งขึ้นไปอีก

ไอเท็มที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้นั้นยากจะจัดการ   ทุกๆครั้งที่ใช้มัน  คุณก็จะกังวลว่าความทนทานของมันจะลดลงไป
ผู้เล่นอื่นๆ อาจจะมองว่าแรร์ไอเท็มที่ซ่อมไม่ได้นี้ราคาถูก  แต่หากมองที่พลังป้องกันและผลลัพธ์ต่างๆ ที่มันให้ เอนเชียนท์ ซิลด์คงสามารถขายได้ราคาแพงโข

"กระดูกมังกรที่เน่าเปื่อยนี่สามารถเพิ่มทักษะของแบล็กสมิทได้ และยังสามารถนำมาทำเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นหรือเอาไปขายก็ได้"
วีดยิ้มแก้มปริ  พร้อมกับค่อยๆ เดินลงจากเนิน   และเขาก็เข้าไปในถ้ำที่มังกรโครงกระดูกออกมา


ถ้ำที่แปลกประหลาด
ถ้ำนี้สร้างขึ้นจากน้ำแข็งที่โปรงใสราวกับแก้ว

"นี่สินะที่เป็นต้นกำเนิดของความหนาวเย็น"
หลังจากมาแดนเหนือ นี่เป็นครั้งแรกที่วีดได้ประสบกับสถานที่ที่หนาวเหน็บขนาดนี้
"ถ้าอยู่นานกว่านี้ เราแข็งตายแน่"
วีดรีบเร่งเดินเข้าไปในถ้ำ  ยิ่งเขาเข้าไปลึกมากเท่าใด  มันก็ยิ่งหนาวมากขึ้นเท่านั้น


มีรูปภาพถูกวาดบนกำแพง
ดูเหมือนว่าจะเป็นภาพอัศวินแห่งอาณาจักรนิฟเฮล์มกำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์
ภาพเหล่านั้นบรรยายอย่างชัดเจน ให้เห็นถึงการโจมตีของพวกอัศวินและจอมเวทย์  ซึ่งโจมตีเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์จำนวนมหาศาล
ภาพสุดท้ายนั้นคือ  ภาพที่จอมเวทย์ผู้สวมเสื้อคลุมสีฟ้าเปิดกล่องที่เหมือนจะบรรจุสร้อยลูกปัดไว้อยู่
และจากนั้นไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์ หรือมนุษย์  ต่างก็ถูกแช่แข็งทั้งหมด

ด้วยภาพเหล่านี้  วีดจึงคาดเดาได้ว่า
"มันกำลังบอกถึงการศึกสุดท้ายของอาณาจักรนิฟเฮล์มใช่ไหมนะ?"

ไม่ไกลจากก้นถ้ำนัก  มีกล่องวางเรียงรายอยู่
กล่องเหล็กที่น่าจะหนักเอาการ
ลวดลายที่จารึกไว้บ่งบอกให้รู้ว่ามันคือสมบัติของขุนนางแห่งอาณาจักรนิฟเฮล์ม
'แจ๊กพ็อต'

วีดเอื้อมมือออกไป

         กล่องถูกล็อกอยู่ จำเป็นต้องใช้กุญแจ                      
ร่างกายที่เป็นกระดูกของวีดสั่นเทาอย่างรุนแรง
'ไม่มีทางน่า.....อย่าล้อเล่นซิ....ตูไม่เอาแบบนั้นนะ'

วีดพยายามใช้กำลังเปิดกล่องอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม  มันไม่เป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้
         กล่องถูกล็อกอยู่ จำเป็นต้องใช้กุญแจ                      


ทักษะสะเดาะกลอนของโจรหรือนักผจญภัย!
มันเป็นทักษะที่สำคัญมากสำหรับการเปิดประตูหรือกล่องสมบัติ  แต่วีดไม่มีทักษะพวกนี้เลย
คำสาปของอาชีพประติมากรแสงจันทร์เล่นงานวีดอีกแล้ว  ไม่มีทักษะจากอาชีพสายนักผจญภัยให้เขาเลยสักนิด

'อาชีพนี้แม่ง..โว๊ะ  ไร้ประโยชน์จริงๆเลยวุ้ย!'
วีดพยายามต่อสู้กับความเศร้า  อย่างไรก็ตาม ใกล้ๆ กล่องนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กๆอยู่  วีดหยิบมันขึ้นมาอ่าน

บันทึกเหตุการณ์  6 ปีสุดท้ายของอาณาจักรนิฟเฮล์ม
อาณาจักรนิฟเฮล์มของเรานั้นถูกบุกโดยฝูงมอนสเตอร์
มันมาจากป่าทางเหนือ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามอนสเตอร์พวกนี้มาจากป่าแห่งความมืดนั่น
เมืองหลวงของอาณาจักรลุกเป็นไฟและพังทลายลง
อัศวินราชองครักษ์ยอมสละชีวิตของพวกเขา แต่ว่านั่นยังไม่เพียงพอจะจัดการกับมอนเตอร์จำนวนมากขนาดนั้น
ดังนั้น   เราจึงล่อพวกมอนสเตอร์ไปที่ศูนย์กลางของหุบเขาและอาศัยความหวังสุดท้ายของเรา
สร้อยลูกปัดที่แตกราวของแม่มดเซอร์เบียน
มันถูกสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นภายในราชวงศ์  ของต้องสาปนี้ถูกใช้เพื่อต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์

และสิ่งที่ถูกห่อไว้อย่างดีในแผ่นกระดาษใบนี้ก็คือ กุญแจสีทอง   วีดหยิบกุญแจมาเปิดกล่องในทันที
กล่องแรกนั้นบรรจุไปด้วยทองและอัญมณีจนเต็มกล่อง  แสงสะท้อนจากทองและอัญมณีทำให้เขาแทบตาพร่า
'อย่างน้อยต้อง 150,000 เหรียญทองแน่ๆ'

ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งขนาดไหน  คุณก็ไม่มีทางเพิกเฉยต่อทรัพย์สมบัติได้
วีดหยิบสมบัติทั้งหมดในกล่องไปไม่ให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว
-คุณแบกน้ำหนักเกินกว่าปริมาณสูงสุดที่พละกำลังจะรับได้
         ผลเสีย : อัตราการใช้ค่าความอึดเพิ่มขึ้น 59 %                          

กล่องที่สองบรรจุไปด้วยวัตถุดิบอันหลากหลาย
ทั้งแร่สำหรับให้แบล็กสมิทถลุง และเสื้อผ้าผืนหนังสำหรับการตัดเย็บ
'ต้องไม่เหลืออะไรไว้เลย'
-คุณแบกน้ำหนักเกินกว่าปริมาณสูงสุดที่พละกำลังจะรับได้
         ผลเสีย : อัตราการใช้ค่าความอึดเพิ่มขึ้น 78 %                          


กล่องที่สามนั้นบรรจุอาวุธและชุดเกราะของอาณาจักรนิฟเฮล์ม
อาวุธที่ดูเก่าแก่โบราณและเปื้อนไปด้วยฝุ่น  คมดาบจับไปด้วยสนิม  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าประสิทธิภาพแย่มาก
ชุดสวมใส่ก็ดูล้าสมัยและดูจะฉีกขาดได้หากไปจับต้องมัน
"ต่อให้เป็นเสื้อเก่าๆ ก็ยังเอามาใช้ได้!"
วีดเก็บของพวกนี้ไปด้วย

กล่องสุดท้ายนั้นบรรจุ สร้อยลูกปัดที่แตกร้าวของแม่มดเซอร์เบียนไว้
เป้าหมายของคณะสำรวจ!
ความหนาวเย็นจนไม่อาจจะจินตนาการได้แผ่ออกมาจากสร้อยลูกปัดนี้

วีดตระหนักดีว่าเขาจำต้องยอมแพ้ต่อสร้อยนี่
ถ้าเอามันไปขายได้  คงสามารถหาเงินได้เยอะ   แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตนั้นสำคัญกว่า
"จังหวะที่เราจับมันเข้าก็คงจะตายทันที"

สร้อยลูกปัดที่แตกร้าวของแม่มดเซอร์เบียนนั้นเต็มไปด้วยเวทมนตร์สายน้ำแข็งอันมิอาจคาดเดาได้
หากไปสัมผัสมันโดยไม่มีการป้องกันล่ะก็ ร่างกายจะกลายเป็นน้ำแข็งทันทีจากผลข้างเคียงของมัน
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีที่เลวร้ายที่สุด  เขาจำเป็นต้องละทิ้งความโลภที่มากเกินไปของตนเอง  (t/n เฮ้  นายทำได้ด้วยเร้ออออออออออ)

"แย่จังเลย"
วีดยังจ้องไปที่สร้อยลูกปัดที่แตกร้าวของแม่มดเซอร์เบียน

มันเป็นไอเท็มพิเศษที่ไม่นับว่าเป็นไอเท็มตกหล่นทั่วไป  แต่ยังเป็นถึงไอเท็มเป้าหมายของคณะสำรวจแดนเหนือ
การที่วีดจะรีรออ้อยอิ่งเสียดาย นั้นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
"อย่างน้อยมันต้องเป็นยูนิกไอเท็มแน่ๆ.....จากข่าวลือ  สิ่งนี้คงบรรจุทักษะบางอย่างไว้ แม้เราจะไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็ตาม"

แม้คุณจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อหยิบมัน
แต่อย่าลืมว่าทุกๆ ย่างก้าวนั้นคุณต้องก้าวไปข้างหน้า
ซึ่งความตายนั้นหมายความว่าคุณไม่สามารถก้าวต่อไปได้

"เราจะหยิบมันดีไหมน้า?"
วีดนั้นโลภอีกตามเคย

เมื่อเผชิญหน้ากับผีสาง  เราต้องใช้ความระมัดระวัง
เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปใกล้สร้อยลูกปัด อย่างช้าๆ เท่าที่จะทำได้
ว้ากกกกกกกก!
ทันใดนั้น ความเย็นก็แผ่ออกมาจากสร้อยลูกปัดที่แตกร้าวของแม่มดเซอร์เบียน

                   -เนื่องจากความเย็น  คุณจะเป็นอัมพาต 13 วินาที
              เมื่อหายจากสภาวะอัมพาต มีโอกาสจะเป็นไข้เพิ่มขึ้น 25%

เย็นยะเยือก!

"ฮัดชิ่ว!"
ในที่สุดวีดก็ยอมแพ้ต่อสร้อยลูกปัด
จริงๆแล้ว   ต่อให้วีดเอามันไปได้  เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากเอามันไปวางไว้ที่แท่นบูชาพระเจ้า เพื่อปัดเป่าความร้อนในทวีป
แม้วีดจะมีส่วนในคณะสำรวจไม่นานนัก  แต่เขาก็ยังถือเป็นสมาชิกอยู่ ดังนั้นสิ่งที่เขาทำไปก็คงจะได้รับรางวัลกลับมาบ้าง ไม่มากก็น้อย

วีดรอจนอาการอัมพาตหาย และหลบออกไปจากถ้ำ    แต่ละก้าวของเขานั้นช่างหนักอึ้ง



* * *




หอเกียรติยศ!
จำนวนผู้ชมเพิ่มขึ้นมหาศาลจนทะลุหนึ่งล้านวิวไปแล้ว ซึ่งหากรวมของแต่ละสถานีและการถ่ายทอดตามเวลาจริงเข้าไปอีก จะมีจำนวนผู้ชมถึงอย่างน้อย 20 ล้านคน
“ฮุเกะเกะเกะ!”
“หัวของข้าอยู่ที่ไหน?”
“มนุษย์ มีมนุษย์เยอะมาก  ข้าอยากกินเหลือเกิน”
การต่อสู้อันน่าเหลือเชื่อของอันเดด

-นั่นเป็นเวทมนตร์ของเนโครแมนเซอร์เหรอ?

-ไม่เคยคิดเลยว่าอันเดดน่าเกลียดพวกนั้นจะมีประโยชน์ในการต่อสู้มากขนาดนี้

-ยิ่งมีศพสะสมมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งสามารถสร้างลูกน้องอันเดดได้มากขึ้น....
อาชีพเนโครแมนเซอร์ระเบิดความนิยมออกมาผ่านการถ่ายทอด
ทุกครั้งที่กองทัพอันเดดซึ่งนำโดยวีดนั้นปรากฏขึ้น  ในกระดานสนทนาต่างก็ส่งเสียงเชียร์กันลั่น

แต่หลังจากพวกมอนสเตอร์กลับมาได้เปรียบคณะสำรวจ    ผู้เล่นที่ยังต่อสู้ได้จึงเหลืออยู่ไม่มากนัก
-ท่าทางจะยากน่าดูนะ

-ต่อให้เป็นวีด  ก็ยังลำบากอยู่ดีนะ   มังกรโครงกระดูกนี่แข็งแกร่งจริงๆ

-แม่งเอ้ย  ถ้าไม่ใช่เพราะพวกทรยศละก็...

-แต่ยังไงมันก็เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมนะ

ไม่มีใครคาดหวังกับวีดมากนัก เพราะการจะเอาชนะได้นั้นมันน่าเหลือเชื่อเกินไป
การต่อสู้ของกองทัพอันเดดและพวกนักดาบนั้นเป็นภาพที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้หลายๆ คนพอใจในชั่วระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้จบอย่างที่หลายๆ คนคิด
มังกรน้ำแข็งปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย!
ภาพการต่อสู้อันทรงเกียรติของปิงหลงกับมังกรโครงกระดูกนั้นตรึงตาตรึงใจของพวกเขาไว้

-ได้โปรด   ได้โปรดเถอะ!
พวกเขาต่างภาวนาต่อภาพยนตร์ในหอเกียรติยศซึ่งส่งออกมาจากมุมมองของดรัมและเหล่าวิซาร์ด
การที่คณะสำรวจจะไปถึงจุดหมายปลายทางที่ฝันไว้ได้นั้น พวกเขาต้องจัดการกับมังกรโครงกระดูก
ถ้ามันไม่หายไปละก็  พวกเขาต้องพบกับความสยดสยองแน่ๆ

จากนั้น วีดก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับไวเวิร์น   เขาถือหอกแห่งความมืดไว้ในมือ
มันยากลำบากที่ต้องบินฝ่าอากาศเช่นนี้ด้วยไวเวิร์น  และยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อต้องใช้เวทมนต์ไปพร้อมๆ กัน
แต่นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

ไม่ว่าจะโจมตียังไง  กระดูกของมังกรโครงกระดูกก็ไม่มีทีท่าว่าจะแตกร้าวแต่อย่างใด
ในกระดานสนทนาเกิดความเอะอะเอิกเกริกครึกโครมขึ้นไม่เหมือนที่อื่น
-ตอนที่โอเบรอนกับนักรบคนอื่นๆ ตีมังกรโครงกระดูก มันไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย  นี่เขาเลเวลเท่าไหร่กันวะเนี่ย?

-น่าจะเกิน 400 ไปแล้วนะ

-เขาทำแบบนั้นได้ยังไง?   ใช้เวทมนต์สร้างความเสียหายทางกายภาพ  ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเลือดมันจะลดได้แบบนั้น!

-จากการต่อสู้ที่ผ่านมาทำให้มังกรโครงกระดูกอ่อนแอลงแล้ว  แต่การทำความเสียหายกับร่างของมันจะถึงขั้นกระดูกแตกหักนี่ผมคาดไม่ถึงจริงๆ
ค่าสถานะ ระดับเลเวล และความเชี่ยวชาญในทักษะ   เป็นเรื่องธรรมดาที่จะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นจุดอ้างอิง
ภาพที่วีดแสดงออกมาให้เห็นในวิดีโอนั้นช่างน่าเหลือเชื่อจนทำให้คนดูไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้
แต่ไม่นานพวกเขาก็ค้นพบเหตุผล     วีดนั้นสามารถพุ่งการโจมตีไปตำแหน่งเพียงตำแหน่งเดียวได้สำเร็จ
-โจมตีที่ตำแหน่งเดียว!  นั่นจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีได้

-เทคนิคการเจาะเกราะ  มันช่วยเพิ่มพลังโจมตีและเจาะผ่านพลังป้องกันของศัตรูได้  โดยทางทฤษฏีมันเป็นไปได้  แต่ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวีดสามารถเอามาใช้ ได้จริงๆ แบบนั้น!

-ตีซ้ำๆ ที่จุดเดียวจะทำให้ความเสียหายเพิ่มขึ้นได้จริงเหรอ?

-เขาตีตำแหน่งเดิมได้จริงๆ เหรอ?
ผู้ชมบางคนเริ่มเกิดคำถาม
-จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม  ผมเคยตีโดนตำแหน่งเดิม และมันช่วยเพิ่มค่าความเสียหายได้   มันน่ามหัศจรรย์มาก  ซึ่งผมก็ลองพยายามทำใหม่อีกแต่ก็ไม่สำเร็จนะ

-นายต้องตีตำแหน่งเดิมจริงๆ  ถ้าพลาดไปนิดเดียว ก็เหมือนพลาดนั่นล่ะ

-วิธีนี้ไม่ค่อยเหมาะเอาไปใช้กับมอนสเตอร์ตัวเล็กๆ  มันจะใช้ง่ายกว่าหากเป็นมอนสเตอร์ตัวใหญ่ๆ เพราะนายจะเล็งจุดนั้นได้ง่ายกว่า

ผู้ชมต่างตั้งใจดูการเคลื่อนไหวของวีด   แน่นอนว่า วีดสามารถโจมตี ณ ตำแหน่งเดียวได้อย่างไม่ผิดพลาด
ขณะที่อยู่กลางอากาศ บนหลังไวเวิร์น  เขาเหวี่ยงอาวุธอย่างรวดเร็วและโจมตีอย่างแม่นยำ ณ ตำแหน่งเดิม!
มันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายแน่ๆ

ใช้พลังทั้งหมดเพื่อเหวี่ยงอาวุธและโจมตีเข้าไปตำแหน่งเดิมอย่างแม่นยำ ฟัน แกว่ง และแทงอย่างไม่หยุดยั้ง
การโจมตีที่รวดเร็วดุจสายฟ้าและแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ
การพลิกแพลงและการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยม  มันเป็นเทคนิคที่เหลือเชื่อจริงๆ
-เอิ่ม....

-นั่นละท่านวีด

ทุกๆ ครั้งที่กระดูกของมังกรแตกหัก  ความชื่นชมก็ออกมา
และช่วงเวลาสุดท้ายก็มาถึง   จุดสุดท้ายของการดิ้นรนต่อสู้  เมื่อมังกรโครงกระดูกตายลง   ความตื่นเต้นก็แผ่ซ่านไปทั่ว
การที่ได้เห็นมอนสเตอร์ที่มีขนาดมหึมาและร้ายกาจขนาดนี้ตกตายลง   มันรู้สึกราวกับเป็นเรื่องโกหก
คณะสำรวจ ปิงหลง พวกไวเวิร์น และแวมไพร์โทริ ต่างมีส่วนในการโจมตี  แต่เป็นวีดที่ฆ่ามันลงได้

เมื่อได้เห็นภาพอันไม่น่าเชื่อนั้น   เหล่าผู้เหลือรอดของคณะสำรวจต่างยืนตกตะลึง
ในระหว่างนั้นวีดก็ค่อยๆ ก้าวออกเดินอย่างช้าๆ
 เขาเข้าไปในถ้ำภายในหุบเขามรณะ  ไม่นานก็ออกมา  และเดินจากไปอย่างช้าๆ บนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

 แผ่นหลังของนักผจญภัยผู้สันโดษและอ้างว้าง
จุดที่เขาจากไปนั่นทิ้งไว้ด้วยรอยเท้าอันหนักอึ้ง

สมาชิกคณะสำรวจที่เหลือรอดตื่นจากการตกตะลึง และเริ่มก้าวเดิน
ในถ้ำที่เห็นวีดเข้าไป   พวกเขาพบกล่องที่บรรจุสร้อยลูกปัดที่แตกร้าวของแม่มดเซอร์เบียนเปิดอยู่

เล่มที่ 10 ตอนที่ 5 จบ


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

เล่มที่ 10 ตอนที่ 4 ศาสตร์แห่งการโจมตี ณ ตำแหน่งเดียว (Single Point Attack Arts)

เล่มที่ 10 ตอนที่ 4  ศาสตร์แห่งการโจมตี ณ ตำแหน่งเดียว (Single Point Attack Arts)

"เฟี้ยววววว!"
หอกแห่งความมืดแหวกผ่านอากาศและพุ่งเป็นเส้นตรงไปเจาะเข้าที่ปีกของมังกรโครงกระดูก

"ก๊าซ!"
มังกรโครงกระดูกร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด

"นี่มันแค่เริ่มต้น"
วีดยิ้มออกมา
 เขาพอใจที่จะได้เห็นมันชักดิ้นชักงอไปด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะฆ่ามัน
ความสุขของเขานั้นคือความทุกข์ทรมานของมัน!

ถ้าเป็นตามปกติล่ะก็ วีดคงไม่กล้าเผยรอยยิ้มอันน่ารังเกียจออกมา  แต่ตอนนี้เขาเป็นโครงกระดูกจึงสามารถหัวเราะอย่างชั่วร้ายได้เต็มที่ ดังนั้นเขาจึงหัวเราะกว้างจนกรามแทบจะแยกออกจากกัน  หัวเราะอย่างเลวร้ายยิ่งกว่าใครๆ
"กรั๊กๆ ๆๆๆๆๆ!"  

วีดหยิบเรดโพชั่นจำนวนมากออกมาจากกระเป๋า
มันเป็นยาที่ฟื้นพลังชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
ของพวกนี้เป็นเครื่องดื่มที่ฟื้นฟูรักษาอาการบาดเจ็บ  เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่มีใครไม่ซื้อหาไว้

"พี่ๆ มารวมกันทางนี้!"
เหล่านักดาบจำนวน 55 คน ยังรอดชีวิตอยู่   ด้วยพลังชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าแมลงสาบ  พวกเขาจึงรอดชีวิตจากการต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์

"มีอะไรเรอะ?"
"เกิดอะไรขึ้น?"
เหล่านักดาบต่างมาเตร็ดเตร่รวมกันอยู่ที่จุดรวมพล

"ถ้าพวกพี่อยู่ในอันตราย  ดื่มนี่นะ"
วีดบอกกล่าวและให้เรดโพชั่นแก่พวกเขาคนละ 9 ขวด
"กลิ่นหอมมากเลย"
"โอ้วววว"
เหล่านักดาบต่างส่งเสียงเชียร์
สำหรับพวกเขา ของพวกนี้ก็ประดุจอาหารเลิศรส!

นักดาบ 39 เปิดฝาขวด
"โอ้ กลิ่นหอมอ่อนๆ นี่มัน"

ยาแห่งชีวิตนี้ทำให้รู้สึกกระปรี้กะเปร่า
มันปรุงขึ้นจากเลือดโทรล จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นมันเครื่องดื่มชั้นยอด
ในมุมมองของพวกนักดาบแล้ว ของพวกนี้ เปรียบได้กับอาหารราคาแพง
"อร่อยวุ้ย"

แต่สำหรับนักดาบ 39 แล้ว  เขายังไม่ได้จำเป็นต้องใช้มันขนาดนั้น
ดังนั้นเมื่อนักดาบ 39 กำลังจะดื่มโพชั่นอีก  วีดก็กล่าวเปรยๆ บางอย่างออกมา
"แต่ว่าไปแล้ว........"
"หืม?"
"นักดาบ 16 นั้นเป็นนักรบที่ยอดมากเลยนะครับพี่"
"หือ  นายหมายความว่าไง?"
นักดาบ 39 ค่อนข้างประหลาดใจ  ดวงตาหลี่ลงด้วยความสงสัย
เจ้าคนตาย ที่ทนไม่ไหวแล้วตั้งใจตายเพื่อหนีจากอันตรายนั่นน่ะหรือ

"แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ?"
"อืม...จริงๆ แล้ว มันเป็นเพราะผู้หญิงที่เขาชอบในคณะสำรวจน่ะพี่ใหญ่"
"อะไรจะมาดลใจให้ผู้หญิงคนนั้นมาชอบคนที่ตายไปเรอะ?"
"พี่เขาพยายามต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์เพื่อป้องกันเธอแล้วก็ตายไปอย่างกล้าหาญอ่ะครับ แล้วเธอคนนั้นจึงเพิ่มชื่อพี่เขาเป็นเพื่อนเลย"

ยืนยันการเป็นเพื่อน!
ดวงตาของนักดาบ 39 เปล่งประกาย และบรรดาฉากต่างๆ นับพันก็ผุดขึ้นในหัวเขา
พวกนักดาบที่อยู่รอบๆ คอยรอรับโพชั่นต่างสะดุด เซไปเซมาทุกคน
"การเพิ่มชื่อเพื่อนที่น่าอับอายนั่น...."
"นายล้อฉันเล่นใช่ไหม?"
"จนถึงตอนนี้ข้าคิดว่ามีแต่ผู้ชายด้วยกันเท่านั้นที่มีทักษะเพิ่มชื่อเพื่อนกันได้"

นักดาบ 39 ถามอย่างสงสัยใคร่รู้
"นายพูดว่าพี่เขาได้บันทึกผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนด้วยวิธีนั้นใช่ไหม?"
"ใช่เลยครับ ชัวร์ป้าบ"
"นายเห็นด้วยตาตัวเองเลยรึเปล่า ไม่ใช่ในฝันใช่ไหม?   คงไม่ใช่ข่าวลือตลกๆ ที่นายได้ยินนะ?"
"ผมได้รับรายงานโดยตรงจากพี่เขาเลย     พวกผู้หญิงชอบผู้ชายที่เก่งๆ อยู่แล้ว    ถ้าสู้กับมังกรโครงกระดูกในขณะที่ดูน่าประทับใจ  ต่อให้พ่ายแพ้ก็ได้แสดงให้พวกเธอเห็นถึงความกล้าหาญ  แล้วแน่นอนเลยว่าพวกเธอก็จะมองเราในแง่บวก"

นักดาบ 39  กุมอาวุธของตน
"วีด"
"ครับพี่?"
"ข้อมูลที่ยอดเยี่ยม  ขอบใจสำหรับแรงกระตุ้นนี้   โอ้ววววว!  พี่ชายคนนี้ติดค้างนายแล้ว"
นักดาบ 39 วิ่งไปหามังกรโครงกระดูกด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี  ไม่ว่ามังกรโครงกระดูกจะแข็งแกร่งมากเพียงใด มันก็ไม่น่ากลัวเท่ากับการมานั่งล้างจานอยู่เพียงลำพัง!
นักดาบ 39 ผู้โดดเดี่ยวกู่ร้องออกมา  ต่อมานักดาบคนอื่นๆ ก็เร่งรีบตามเขาไปเช่นกัน
"ฆ่ามัน!"
"ต้องตายแบบเท่และสง่างามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!"
'พวกเขาไม่คิดจะถอยเลยแฮะ'
พวกนักดาบนั้นชื่นชอบการต่อสู้มากกว่าใครๆ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะมองศัตรูว่าเป็นภาระที่ต้องแบกรับแต่อย่างใด


จนถึงตอนนี้  เมื่อคณะสำรวจได้พักผ่อนบ้าง การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในหมู่กองกำลังพรีสและวิซาร์ด
"ด้วยมานาทั้งหมดที่มี....แสงสว่างแห่งเปลวเพลิงโทสะเอ๋ยจงพุ่งไปเผาไหม้ศัตรูของข้า  ระเบิดมานา!"
ระเบิดมานาของวิซาร์ด!
มังกรโครงกระดูกซึ่งบินต่ำๆ อยู่บนฝืนฟ้า  ตกลงมากระทบพื้นอีกครั้งด้วยการโจมตีจากระเบิดมานา
และเหล่านักบวชก็มาร่วมด้วย
"พลังแห่งแสงเอ๋ย โปรดมอบพลังให้ข้าทำสิ่งที่ถูกต้องและพิฆาตเหล่ามอนสเตอร์  โปรดมอบความแข็งแกร่งให้แก่ผู้รับใช้ผู้นี้เพื่อเรียกคืนแสงสว่างให้กลับมา  แม้จะต้องเสียสละตนเอง ข้าก็ไร้ซึ่งความกลัว"
เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงที่มีเฉพาะในหมู่นักบวชที่สำเร็จเป็นขั้นสองแล้วเท่านั้น

โนเบิล แซคระไฟซ์!
มันเป็นเทคนิคที่สังเวยพลังชีวิตและมานาทั้งหมดเพื่อที่จะโจมตีใส่ศัตรู
ความเสียหายนั้นรุนแรงกว่าระเบิดมานาของวิซาร์ด  แต่นักบวชนั้นจะไม่สามารถอดทนร่ายมันได้อีก
พวกเขาจะสูญสิ้นชีวิตหลังจากใช้มันไปเพียงครั้งเดียว

แม้ว่าพวกนักบวชจะยอมสละชีวิตตัวเองไปแล้ว   เหล่าสมาชิกคณะสำรวจก็ยังคงต้องต่อสู้อย่างยากลำบาก
พวกเขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้วจริงๆ!

"ครู้ววววว!  เจ้าพวกมนุษย์โง่เง่า!   แสดงศักดิ์ศรีออกมาและต่อสู้ในศึกนี้อย่างมีเกียรติหน่อย!"
ร่างกายของมังกรโครงกระดูกลุกไหม้  ภายในร่างของมันมีเปลวไฟอันร้อนแรงเผาไหม้อยู่ ซึ่งนั่นต้องขอบคุณทักษะโนเบิล แซคระไฟซ์ของพวกนักบวช
มังกรโครงกระดูกที่ร่วงหล่นบนพื้นพยายามดิ้นรนต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ได้รับจากการโจมตี

แต่โชคร้ายที่การเสียสละชีวิตของพวกนักบวชนั้นสร้างความหายนะแก่พวกอันเดดและเหล่าแวมไพร์ด้วย
"แสงสว่างอันร้อนแรงและน่ารังเกียจพวกนี้  มันขโมยพลังอำนาจไปจากเราเหล่าขุนนางแห่งความมืด"
ทักษะโนเบิล แซคระไฟซ์นั้นยังเป็นผลร้ายต่อโทริอีกด้วย
โทริและเหล่าแวมไพร์ที่แปลงเป็นค้างคาวเข้าต่อสู้นั้น บางส่วนถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านด้วยทักษะโนเบิล แซคระไฟซ์ของพวกนักบวช
แม้จะยังไม่ตาย  แต่พวกเขาก็ได้รับความเสียหายมากและถูกซัมม่อนย้อนกลับ!

อย่างไรก็ตาม  ตอนนี้เป็นโอกาสแล้ว
เหล่านักดาบและดาร์กเกมเมอร์  อาละวาดใส่มังกรโครงกระดูกด้วยการฟาดฟันดาบและอาวุธของพวกเขาใส่มัน
ฆ่ามังกรโครงกระดูก!

แต่มันยังไม่ยอมจำนน
"เจ้าพวกมนุษย์โง่เง่า!  จงรับรู้ซะว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทำให้ข้าโกรธ!"
มันกวัดแกว่งหางที่ยาวเหยียดคล้ายแส้ของมันเพื่อจู่โจมใส่พวกมนุษย์
"ไอซ์โบลท์!"
แท่งน้ำแข็งร่วงหล่นจากท้องฟ้าราวกับเม็ดฝน   พวกนักดาบ ดาร์กเกมเมอร์ และซอยูน ต่างประสบกับมัน

มังกรโครงกระดูกพยายามรักษาอาการบาดเจ็บจากเวทมนตร์โดยอาศัยภูมิประเทศโดยรอบ
แท่งน้ำแข็งที่แหลมคมพุ่งลงมาอย่างงดงามไปทั่วทุกที่
"ว้าก!"
"ช่วยด้วย!"
พวกวิซาร์ด  ผู้ใช้ธาตุ และนักบวช  ที่สูญสิ้นพลังนั้นเป็นพวกแรกที่ตกตาย
ในหุบเขามรณะนี้ ไม่มีสถานที่ให้หลบแท่งน้ำแข็งที่ร่วงลงมา
คุณทำได้แค่รับมันด้วยร่างกายของคุณเอง!


"ความมืดอันมืดหม่นตกต้องลงบนหอก หอกที่เกิดจากความมืดทิ่มแทงเข้าใส่หัวใจของศัตรู จงมา ดาร์คสเปียร์!"
ทันทีที่มานาของวีดฟื้นฟูเพียงพอ วีดก็เรียกดาร์คสเปียร์อีกครั้ง และค่อยๆคืบคลานเข้าไปหามังกรโครงกระดูก
'เข้าไปใกล้ร่างกายใหญ่ยักษ์ของมันอีกนิดน่าจะดีกว่า'

วีด ไม่ลืมที่จะเล็งไปที่ช่องว่างระหว่างปีกและกระดูกซี่โครงของมังกรโครงกระดูก
ระยะห่างนั้นเพียงพอที่จะโจมตีโดนมอนสเตอร์ที่เชื่องช้านี้
วีดแทงหอกใส่มังกรโครงกระดูกอย่างรุนแรง
ไม่จำเป็นต้องใช้การโจมตีวิเศษวิโสใดๆ
ฉัวะ!

ร่างกายขนาดมหึมาซี่งติดอยู่บนพื้นถูกจู่โจมจากการโจมตีจำนวนมาก
เหล่านักดาบเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วอันน่าประทับใจ  แต่พวกเขาก็ต้องประสบกับมนต์ต้านทานในทันทีทันใด ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาไม่สามารถฟาดฟันใส่มังกรกระดูกได้ถนัด
แต่ด้วยสัญชาตญาณที่มีของพวกเขา แทนที่จะพึ่งพาเลเวลหรือสกิล  เหล่านักดาบประสานการเคลื่อนไหวกันและฟันเข้าใส่มังกรโครงกระดูกจนได้
"ฆ่ามัน!"
"แบบนี้พวกเราชนะได้แน่"

ต้องขอบคุณความเสียสละของเหล่าวิซาร์ดและนักบวชที่ทำให้ร่างกายของมังกรโครงกระดูกติดกับอยู่บนฟื้น
จึงทำให้พวกเขา สามารถเข้าโจมตีมันได้

อย่างไรก็ตาม  มังกรโครงกระดูกขนาดมหึมานี้ก็ยังมีพลังชีวิตเหลือมากกว่า 20%
ทันใดนั้นเอง  ดวงตาของมันก็ส่องแสงลุกวาว  มันอ้าปากขึ้นและสูดหายใจลึก

"เหรี้ยแล้วว!"
"ทุกคนหนีออกจากตรงนี้!"
วีด พวกนักดาบ และเหล่าดาร์กเกมเมอร์ เก็บอาวุธของตนและถอยออกมาเมื่อทุกสิ่งกำลังลุกไหม้
ลมหายใจมังกร!
ทักษะที่ร้ายกาจที่สุดของมัน  
ลมหายใจที่ระเบิดออกมาจากปากของมันคือสัญญาณบอกให้หนี
"มันใช้ท่านี้ได้กี่ครั้งกันเนี่ย?"
ในสัญชาตญาณส่วนลึกของวีดแล้วนั้น     สิ่งแรกที่เขาให้ความสำคัญที่สุดก็คือการหลบหนี

มังกรโครงกระดูกยกหัวของมันขึ้นจากฟื้น และปลดปล่อยลมหายใจที่ยังไม่สุดของมันออกมา
ซูมมมมมมมมมมมมมมม!
ลมหายใจแห่งมังกรถูกพ่นลงบนพื้น!
ผืนน้ำแข็งเบื้องล่างต่างละลายกลายเป็นน้ำ
ด้วยการอาศัยแรงสะท้อนจากลมหายใจ   มันบินขึ้นกลางอากาศและพุ่งทะยานออกไป   และเมื่อไปอยู่กลางอากาศแล้ว  ลมหายใจมังกรนั้นก็กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง   มันอ่อนแรงกว่าที่ใช้ครั้งแรก  แต่อย่างไรก็ตามนั่นก็ยังมีพลังทำลายล้างเพียงพออยู่ดี

ครั้งก่อน  เหล่านักดาบและพวกดาร์กเกมเมอร์ยังพอจะหลบได้บ้าง แต่ตอนนี้พวกเขาต่างกำลังหลอมละลาย
พวกนักดาบพยายามยื้อพลังชีวิตของตนเองด้วยการคว้าโพชั่นมากิน  แต่น้ำยาฟื้นพลังพวกนี้แค่ไปเร่งอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตในช่วงหนึ่งเท่านั้น   พลังชีวิตที่ฟื้นฟูด้วยโพชั่นนั้นไม่อาจเทียบได้กับพลังชีวิตที่ลดลงจากการโจมตีของมังกรโครงกระดูก

หลังจากการโจมตีอันรุนแรง เหล่านักดาบไม่อาจจะรับมือกับพลังชีวิตที่สูญเสียไปกับลมหายใจมังกรได้
ดาร์กเกมเมอร์และนักดาบนั้นเป็นนักรบกลุ่มสุดท้ายที่รับภาระการต่อสู้ในระยะประชิดตัว
วีดและซอยูนสังเกตเห็นว่ามีเพียงพาลาดีนไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังสามารถฮีลรักษาตัวเองได้ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบหนีอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า มังกรโครงกระดูกที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศนั้นยังมีพลังที่มันเก็บสำรองไว้
"ข้าจะทำลายทุกสิ่งให้ราบคาบ! เดม่อนสเปียร์!"
หอกขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นเบื้องหน้ามังกรโครงกระดูก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับดาร์กสเปียร์ที่วีดสร้างขึ้นแล้ว    เดม่อนสเปียร์นั้นเป็นเวทมืดขั้นสูงกว่ามาก!
มันเป็นเวทมนตร์โจมตีระดับสูงที่อย่างน้อยต้องเป็นอาชีพจอมเวทมนตร์ดำชั้นสูงขั้น 3 ถึงจะใช้ได้
ดูเหมือนว่า เนื่องจากมังกรโครงกระดูกนั้นเอาแต่ใช้ลมหายใจมังกรจนมานาของมันแทบจะหมด  มันจึงจำต้องหันมาใช้ทักษะที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ของมันแทน

วี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!
เดม่อนสเปียร์ปลดปล่อยเสียงดังน่าหวาดกลัวเมื่อมันพุ่งเข้าหาวีด
คลื่นลมพายุพัดกระหน่ำจากจุดที่หอกขนาดมหึมาพุ่งออกมา
ด้วยการใช้พลังควบคุมทิศทาง มังกรโครงกระดูกจึงไม่พลาดเป้าหมายของมัน

"เชี่ยยยยย!"
วีดถอยหลังและออกวิ่ง
"เดธไนท์!  อันเดด  เข้ามากันไว้!"

ด้วยจำนวนอันเดดเพียงน้อยนิดที่เหลืออยู่  มันจึงแทบจะไร้ประโยชน์
พวกอันเดดและเดธไนท์พยายามหักล้างพลังของเดม่อนสเปียร์เพื่อความอยู่รอด  แต่หอกนั้นก็ยังทะลวงผ่านร่างกายของมันออกมาได้!
ดูเหมือนว่าทั้งเดธไนท์และอันเดดไม่มีพลังป้องกันเพียงพอที่จะต้านทานการโจมตีนี้
ร่างกายพรุนๆ ของเหล่าอันเดดต่างสลายกลายเป็นฝุ่นควัน
"ข้าขออภัย นายท่าน!"
กระทั่งเดธไนท์แวนฮอว์ค ยังถูกซัมม่อนย้อนกลับ

ตอนนี้เดม่อนสเปียร์พุ่งเข้ามาถึงเบื้องหน้าของวีดแล้ว
'ไม่คิดเลยว่าเราต้องมาตายสองครั้งสองคราในวันเดียว    วันนี้นี่มันเป็นวันที่แย่ที่สุดเลยจริงๆ '

พลังแห่งเลือดของเนโครแมนเซอร์   พลังแห่งการปฏิเสธความตาย!
จุดอ่อนอันใหญ่หลวงของมันกำลังปรากฎออกมาให้เห็น

"หลับตาอดทน!"
วีดหลับตาลง
ในที่สุดทุกอย่างก็จะจบลง
'ถ้าโชคดี บางทีเราอาจจะรอดตาย'
แต่กระนั้น แม้จะผ่านไปหลายวินาที  เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
"หรือว่ามันพลาด?  เป็นไปไม่ได้น่า"
วีดลืมตาขึ้น และเขาก็เห็นหญิงสาวบดบังอยู่เบื้องหน้า

ซอยูน!
เธอเสียสละตนเองเพื่อขวางเดม่อนสเปียร์ไว้  ซึ่งนั่นต้องแลกมาด้วยชีวิตของเธอเอง  เธอกำลังจะตาย
วีดหยิบผ้าพันแผลของตนออกมาอย่างเร่งรีบ  แต่พลังชีวิตของซอยูนนั้นเกือบจะหมดแล้ว
ไม่ว่ามังกรโครงกระดูกจะใช้พลังสักแค่ไหน แต่ซอยูนก็สามารถหยุดมันไว้ได้
อย่างไรก็ตาม  ซอยูนเอ่ยปากออกมาด้วยสีหน้าที่พยายามอดทนอดกลั้นปนเร่งร้อนใจ
"เพื่อน...."
เธอทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ!
ต่อให้เป็นในฝัน วีดก็ไม่คิดว่าซอยูนจะพูดออกมาเช่นนี้
'เธอเป็นใบ้ไม่ใช่เหรอ?'
ขนาดตัวซอยูนเองยังรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดที่ออกมาเลย
น้ำเสียงของเธอนั้นชัดเจนและไพเราะ ราวกับมันเปล่งออกมาจากสวรรค์
จากนั้นวีดก็ได้ยินเสียงที่แข็งทื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น

-ผู้เล่นซอยูน  ได้ส่งคำร้องขอเพื่อบันทึกคุณเป็นเพื่อน คุณจะยอมรับหรือไม่?
วีดพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
"ได้สิ"
-คุณซอยูน เป็นเพื่อนกับคุณแล้ว
แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาแค่เสี้ยววินาที  แต่ซอยูนก็จากไปพร้อมกับสีหน้าที่ปลอดโปร่งโล่งใจ
.
.
.

ก่อนหน้านี้ คราแรกที่ซอยูนเห็นมังกรโครงกระดูกพ่นลมหายใจออกมานั้น  เธอรู้สึกราวกับเสี้ยวหนึ่งของจิตใจเธอพังทลายลงไป
'วีดตายแล้ว'
จริงๆ แล้ว  ถึงแม้ทั้งคู่จะใช้เวลาร่วมกันไม่นานเท่าไรนัก  แต่ความรู้สึกของซอยูนก็ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้น
เมื่อเธอได้มองดูรูปสลักที่วีดสร้าง   เธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
เมื่อได้ทานอาหารที่เขาทำ  เธอก็ได้เรียนรู้ความสุขอันเรียบง่าย
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน แต่ถ้าได้อยู่ด้วยกันแล้ว เธอก็สามารถรู้สึกผ่อนคลาย
นี่ล่ะคือเพื่อน

เมื่อเห็นว่าวีดตายเพราะมังกรโครงกระดูก  ซอยูนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกโกรธมาก
และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอยอมปล่อยให้โทสะเข้าครอบงำร่างกายของเธอ  ให้สมกับเป็นอาชีพเบอร์เซิกเกอร์
เธอเข้าจู่โจมมังกรโครงกระดูก โดยไม่สนใจใยดีตนเองเลยสักนิด!

แต่ดูเหมือนว่า วีดจะคืนชีพ
รูปร่างเขาเปลี่ยนไปมาก  แต่พวกนักดาบและไวเวิร์นที่วนเวียนอยู่รอบๆ วีดนั้นไม่ผิดแน่
และจากเสียงพูดคุยของพวกคณะสำรวจ  ทำให้เธอทราบเรื่องราว
'เขายังมีชีวิตอยู่'
ในมุมหนึ่งของหัวใจอันอบอุ่นนั้น เธอรู้สึกโล่งอก และปิติยินดี

'เราไม่เห็นต้องเป็นกังวลเลยนี่นา'
ซอยูนรู้สึกเขินอายอยู่เพียงลำพัง    จากนั้นเธอก็ทุ่มเทตนเองเข้าต่อสู้อย่างเงียบๆ

'ยังไงเราก็ไม่ใช่คนที่สามารถรับความรักได้อยู่ดี  ดังนั้นเราก็ไม่ควรเรียกร้องจากคนอื่น'
ในมุมหนึ่งของจิตใจเธอนั้น  เธอวางแผนไว้เพียงว่าจะอยู่กับวีดจนกระทั่งเขาจบภารกิจและจากนั้นพวกเขาก็จะแยกจากกันไป

ตั้งแต่ต้น  มันก็เป็นทางเลือกที่ถูกต้องสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างเธออยู่แล้ว
เธอตัดสินใจแล้ว   แต่เมื่อเห็นเดม่อนสเปียร์พุ่งเข้าใส่วีด  ร่างกายของเธอกลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับความคิด
'ไม่!'
ซอยูนเข้าขวางวีดไว้
เมื่อได้รับการโจมตีอย่างรุนแรงจากเดม่อนสเปียร์เข้าไป  จึงทำให้เธอไม่อาจสู้ได้อีกต่อไป

'เรากำลังจะตาย'
ซอยูนสัมผัสได้ถึงความตายที่เข้ามา
เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจเกี่ยวกับเลเวลหรือทักษะที่ลดลงแต่อย่างใด เพราะในระหว่างที่ออกล่าตามลำพังนั้น เธอก็เคยตายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว   จนความรู้สึกกลัวตายนั้นหายไปเลย  แต่เพราะเสียดายเวลาที่ถูกห้ามไม่ให้ล็อกอินเข้าเกมเป็นวัน เธอจึงพยายามไม่ให้ตายเท่าที่จะทำได้
ถ้าคุณตายใกล้หมู่บ้านหรือใกล้ๆ ถ้ำ  คุณก็จะเกิดในสถานที่ปลอดภัย  อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือสถานที่นั้นมันจะเป็นที่ไหน  และเธอจะหาวีดเจอได้อย่างไร
'การจะได้พบเขาอีกครั้งคงแทบจะเป็นไปไม่ได้  ถ้าเกิดว่าพวกเราไม่ได้เจอกันในสถานที่อันกว้างใหญ่นี้ เราคงไม่มีทางได้เห็นเขาอีก   และจะจากกันตลอดไป....'

ซอยูนนั้นกำลังถูกรบกวนจากความแปรปรวนของหัวใจ
การแยกจากกับใครสักคน
เพราะเชื่อว่าตนเองนั้นไม่มีทางได้รับความรัก  เธอจึงไม่คิดว่าการต้องแยกจากใครคนใดคนหนึ่งตลอดกาลนั้นจะสามารถทำร้ายจิตใจอันเปราะบางของเธอได้
ซอยูนหันไปหาวีด จากนั้น  เธอก็พูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า
"เพื่อน..."

-คุณวีด เป็นเพื่อนกับคุณแล้ว

.
.
.
การที่ซอยูนปรากฎตัวออกมา ทำให้วีดตกใจมาก  และนั่นทำให้เขาต้องสั่นไปด้วยความหวาดกลัว
"ยัยแม่มดมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย!    เธอต้องวางแผนชั่วร้ายอะไรอยู่แน่เลย"     (t/n ....วีด.....เอ็งนี่มัน)

มีคำกล่าวว่าดอกกุหลาบอันงดงามนั้นย่อมแฝงไปด้วยหนามที่แหลมคม
ระดับความงามของซอยูนนั้นเรียกได้ว่าทัดเทียบกับงานศิลป์แห่งศตวรรษ   รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ   ทั้งหมดทั้งมวลต่างงดงามไร้ข้อบกพร่อง   ขนาดผมดำเงางามที่ปลิวไสวนั้นยังเข้ากับรูปร่างอันยอดเยี่ยมของเธอได้พอดิบพอดี
ไม่ว่าจะเป็นจิตรกร หรือนักกวีคนไหนก็ตาม ก็ไม่อาจจะบรรยายเสน่ห์ของเธอออกมาได้
การจะพรรณนาความงามและบรรยากาศรอบตัวที่เธอเปล่งออกมานั้น เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง
ผมยาวบางเบาที่ปลิวไสวพาดไปที่ไหล่ ผิวที่ขาวเนียนราวกับทารก  ดวงตา ฯลฯ  มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะละสายตาไปจากเธอ

แต่สำหรับวีดนั้น เขาเป็นห่วงเกี่ยวกับพิษร้ายแรงที่ทัดเทียมกับความงามของเธอมากกว่า

"จนถึงตอนนี้ เธอพูดได้  แต่เธอไม่พูด!"
มีโอกาสนับครั้งไม่ถ้วนที่เธอจะพูดออกมา ไม่ว่าจะตอนทำอาหาร หรือ ออกล่า  แต่จนถึงขณะนี้  แค่ครึ่งคำเธอยังไม่เคยเอ่ยออกมาเลย  ซึ่งนั่นทำให้สมาชิกในปาร์ตี้เข้าใจผิดว่าเธอเป็นใบ้

"นี่ต้องเป็นกับดักที่น่ากลัวมากแน่ๆ   เธออาจจะวางแผนอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้เอาไว้  แย่ๆ แย่มากๆ รู้สึกใจคอไม่ดีเลย    ทำไมถึงเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจขนาดนี้นะ"
วีดเพิ่มความระมัดระวังต่อซอยูนมากขึ้นไปอีก

"แต่ทำไมจู่ๆ เธอถึงขอเพิ่มเราเป็นเพื่อนนะ ทำไมหว่า?  จนถึงตอนนี้ เราก็ไม่ได้ตกลงอะไรกันเลยนะ"
ความสงสัยในเจตนาอันบริสุทธิ์ของซอยุนที่วีดมี   เติบโตอย่างรวดเร็ว
ความมืดมิด  แทงข้างหลัง การสมคบคิด  แผนการ หรือ หลอกลวง  วีดคิดคำนึงถึงทุกทางเท่าที่จะเป็นไปได้
ทันใดนั้น กลวิธีที่เป็นลางร้ายก็ผ่านเข้ามาในความคิดของเขา

"ไม่มีทางน่า....ใช่แล้ว! เรารู้แล้ว"
วีดใช้กำปั้นทุบฝ่ามือตนเอง หลังจากได้ข้อสรุป

"เธอพูดว่าขอบันทึกเป็นเพื่อนก่อนที่เธอจะตาย!   ผู้หญิงนี่มัน , เธอจะมาหาเรานั่นเอง"
เมื่อตาย ไอเทมของผู้เล่นทุกคนจะตก   วีดเชื่อว่าซอยูนกังวลเกี่ยวกับไอเทมของเธอที่จะตกหลังจากเธอตายไป และเดาว่า ด้วยการเพิ่มวีดเป็นเพื่อนนั้น เธอจะสามารถฝากไอเทมไว้ได้  ซึ่งเขาคงไม่มีทางทำหายหรือเอาของเธอไปขาย!

"ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ   ช่างเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจนัก"
เป็นอีกครั้งที่วีดตัวสั่นเทา หลังจากคิดได้ว่ามนุษย์นั้นสามารถใช้วิธีการต่างๆ นาๆ ที่วางแผนไว้ เพื่อให้ตนได้มาซึ่งความสำเร็จ
บางทีมันอาจจะเป็นแค่ความบังเอิญก็ได้ที่เดม่อนสเปียร์แทงถูกเธอ    พื้นที่แถวนี้เป็นดินแดนแห่งน้ำแข็ง   มันอาจจะเป็นโชคร้ายที่บังเอิญเธอลื่นก็ได้  ใครจะรู้!

ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนหอกจะถึงตัวนั้น วีดได้หลับตาลง  นั่นจึงทำให้เขาพลาดในหลายๆ เรื่อง
"ถ้าคิดดีๆ กรณีที่เธอช่วยเราไว้  บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอเชื่อว่าการตายของเธอจะสามารถเรียกประโยชน์จากเราได้ในภายหลังก็เป็นได้  น่าจะใช่   คงไม่ใช่การลื่นล้มหรอก"

การปกป้องวีดนั้น ที่จริงแล้วเป็นการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของซอยูน
แต่วีดมองไม่มองแบบนั้น  และครุ่นคิดว่าทำไม  พร้อมๆ กับตรวจดูสถานที่ที่ซอยูนตายลง  และเขาก็สังเกตเห็นไอเทมตามสัญญาที่ตกลงมา!

"อะไรวะเนี่ย"
ที่หลุมศพของซอยูน นั้นมีเสื้อหนังหนาที่สร้างจากหนังหมู  มันเป็นของที่วีดทำขึ้นเพื่อใช้สู้ความหนาว  ของที่ตกมีเพียงแค่นี้
"ไอเทมดีๆ ไม่เห็นตกเลย  น่าเสียดายจัง  เรานี่ไม่ค่อยมีดวงเลยแฮะ"

วีดหยิบเสื้อหนังขึ้นมาขณะที่บ่นพึมพำไปด้วย  ทันใดนั้นมังกรโครงกระดูกก็มาถึงพร้อมกับคำล้อเลียนดูถูก
"เจ้ามนุษย์โง่เง่าและแสนอวดดีเอ๋ย!  นี่คือขีดจำกัดของเจ้าแล้ว"

ปีกขนาดใหญ่ของมันกระพือไปมาขณะที่อยู่กลางอากาศ!
แรงปะทะจากสายลมอันรุนแรงโหมพัดไปทั่วพื้นที่และทำให้น้ำแข็งแตกออก
วีด  รวมถึงผู้รอดชีวิตจำนวนน้อยนิดของคณะสำรวจ  มองเห็นพลังที่กำลังชาร์จอยู่ในท้องของมัน   สมาชิกของคณะสำรวจต่างตกอยู่ในความท้อถอย
"พวกเราเสร็จแน่"
"มันใกล้จะตายแล้วเพราะพวกนักบวชกับวิซาร์ด  แต่ตอนที่มันบินอยู่กลางอากาศ  พวกเราก็รู้จะสู้กับมันยังไงดี"
พวกเขาต่างรู้สึกสิ้นหวัง
"ถ้าไม่มีการทรยศละก็..."
แม้มันจะสายไปแล้วที่จะมานั่งเสียใจ   แต่ก็ช่วยไม่ได้!

จนถึงตอนนี้ วีดสร้างอันเดดขึ้นมาจากพื้นจำนวนมาก
ดูลลาฮาน  ซอมบี้  กูล ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม   เป็นที่รู้กันดีว่ามอนสเตอร์พวกนี้ ช่วยอะไรไม่ได้นักถ้าต้องสู้กับมังกรโครงกระดูกที่กำลังบินอยู่กลางอากาศนั่น
แม้ว่านักเวทย์โครงกระดูกจะสามารถใช้เวทย์โจมตีมันได้ แต่มันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้มังกรโครงกระดูกแม้แต่น้อย
คณะสำรวจมองไปที่วีด   พวกเขารู้สึกหมดหวัง  ไม่มีใครจะสามารถสู้ได้อีกแล้ว

"จงกลับสู่สถานที่ที่เจ้าจากมา รีเทิร์นอันเดด!"
วีดร่ายเวทย์ออกมา  พวกอันเดดล้มลงกับพื้นเมื่อสูญสิ้นพลังไป    สาเหตุที่เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการฟื้นมานา
พวกคณะสำรวจเชื่อวีดว่าจะทอดทิ้งพวกเขาแล้ว  ซึ่งนั่นจะทำให้ภาระหน้าที่ของพวกเขาเพิ่มขึ้นไปอีก
"อา ในที่สุด!"
"ใครจะไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะตาย"

มังกรโครงกระดูกหัวเราะอย่างเย้ยหยันใส่เหล่ามนุษย์
"เจ้าพวกเผ่าพันธุ์มนุษย์โง่เขลา! จงสำนึกถึงความผิดเสียเถอะ!"

แต่ทันใดนั้น
"มังกรโครงกระดูก  แกยังไม่รู้ตัวอีกรึ?  ไม่เห็นรึไงว่าเกิดอะไรขึ้น?
วีดไม่แสดงอาการลังเลแม้แต่น้อย ตอนที่เขายั่วเย้ามัน

"โคตรขำเลยว่ะ ที่แกคิดว่าข้าจะมาจบสิ้นลงตรงนี้     แกคิดว่าแกพูดอยู่กับใครวะ   รู้ตัวรึเปล่า?"
"แก....แกมันบ้า!"


วีดตั้งใจจะข่มขู่มังกรโครงกระดูกเช่นนี้
สำหรับมังกรโครงกระดูกแล้ว  มันไม่จำเป็นต้องมาข่มขู่สิ่งที่จะเป็นอาหารของมัน
เป็นที่รับรู้กันดีว่า มังกรโครงกระดูกนั้น เป็นมอนสเตอร์ที่ยากจะต่อกร
โดยทั่วไป มันก็เหมือนเอาไข่ไปกระทบหิน
มันไม่เรียกว่าการต่อสู้ด้วยซ้ำ!

แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก
'จากการต่อสู้ที่ผ่านมา พลังชีวิตมาลดลงต่ำกว่า 20%  บวกกับเวทย์ต่างๆ ที่มันใช้ออกมา   มานาก็คงไม่เหลือแล้ว'
ไม่มีเหตุผลให้ต้องตื่นตกใจ
เนื่องจากพลังชีวิตที่ลดลงอย่างมาก  พละกำลังและความแข็งแกร่งของมันควรจะลดลงไปด้วย

แม้มังกรโครงกระดูกจะแสดงออกมาอย่างโอ้อวดโอหัง   แต่ความเป็นจริงแล้ว มันอ่อนแอลงมาก
การต่อสู้ที่ผ่านมานั้นคุ้มค่า

วีดกู่ร้องออกมา
"ปิงหลง  ประจัญบาญญญญญญญญญญญญญญ!"
เสียงตะโกนของวีดดังก้องไปทั่วหุบเขามรณะ

ครึนนนน!
เป็นอีกครั้งที่น้ำแข็งเหนือหุบเขาแตกกระจายและหิมะก็ถล่มลงมา

"กรรรรรรรรรรรรรรรรร!"
และเพื่อตอบรับการร้องเรียกนั้น  เสียงร้องดังลั่นก็ดังมาแต่ไกล

มีบางสิ่งกำลังมา
ตอนแรก มันก็ดูเหมือนนกตัวเล็กๆ แต่รูปร่างของมันก็ใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นเรื่อย!

ปิงหลง!
ปิงหลงปรากฎตัวพร้อมกับร่างกายขนาดมหึมาที่ยาวหลายร้อยเมตร   มันตัวใหญ่เกือบเท่ามังกรโครงกระดูก

"ลุย  ฆ่ามันให้ได้!"
ด้วยคำสั่งของวีด ปิงหลงบินด้วยความเร็วสูงและพุ่งเข้าหามังกรโครงกระดูก

โครม!
ปิงหลงพุ่งเข้าชนมังกรโครงกระดูก!
มังกรโครงกระดูกที่บินร่อนอยู่กลางอากาศนั้น  ถูกกระแทกร่วงหล่นลงบนพื้น

ปิงหลงเปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยม!
อย่างไรก็ตาม มันก็เกลือกกลิ้งไปกับพื้นเช่นกัน
แรงปะทะอันรุนแรงนั้นก็ทำให้มันได้รับความเสียหายบ้างเช่นกัน
"ข้าจะฆ่าแก"
"เจ้านายสั่งให้ข้าสู้แล้ว  เอ็งตาย!"
มังกรโครงกระดูกกับปิงหลง ขู่อาฆาตและเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด

มังกรโครงกระดูกเป็นฝ่ายเข้าจู่โจมก่อน
มันจู่โจมเข้าใส่สีข้างของปิงหลงด้วยหัวโครงกระดูกขนาดใหญ่ของมัน
ด้วยการโจมตีอย่างหน้ามืดตามัวจนน้ำแข็งแตกเป็นชิ้นๆ แกนปีกของปิงหลงจึงได้รับบาดเจ็บจนได้
การโจมตีของมังกรโครงกระดูกผู้อหังการ!

แต่นั่นก็ไม่อาจจะหยุดปิงหลงได้   ปิงหลงกระแทกขาหลังและฟาดหางเข้าใส่ลำตัวของมังกรโครงกระดูก และกรีดกรงเล็บเข้าใส่มันอย่างมุทะลุ
"ก๊าซ!!"
"อั๊ก   เจ็บ!"
มังกรโครงกระดูกร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดจากการโจมตีของปิงหลง   ในขณะที่ลำตัวขนาดยักษ์ของปิงหลงยังลอยอยู่นั้น  มันทั้งกัดและกรีดกระชากเข้าใส่ศัตรู

การต่อสู้ระหว่างมังกรสองตัว เปลี่ยนพื้นเบื้องล่างให้กลายเป็นซากปรักหักพังราวกับพายุทอร์นาโดพึ่งผ่านพ้นไป
สายลมอันรุนแรงที่ส่งออกมานั้น พัดพาละอองหิมะและเศษน้ำแข็งกระจายไปทั่ว
ราวกับเป็นแผ่นดินไหวอันรุนแรงจนทำให้ไม่อาจทรงตัวไว้ได้

วีดมองการต่อสู้ของทั้งสองอย่างใจเย็น
'มังกรโครงกระดูกอ่อนแอลงแล้ว'
พลังของปิงหลงนั้นเพียงพอให้ทัดเทียมกับมันได้ อย่างไรก็ตามปิงหลงนั้น กระตือรือล้นอยากจะต่อสู้กับมังกรโครงกระดูกมาก เพราะมันเบื่อหน่ายกับการรอคอย
ถ้ามังกรโครงกระดูกอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อย   มันคงเอาชัยปิงหลงได้ในพริบตาด้วยการกัดกระชากคอของปิงหลงขาด

'แก่นของการต่อสู้นั้นขึ้นอยู่กับว่าฝั่งไหนจะตายก่อน'
วีดไม่ใช่คนประเภทที่จะทำแค่นั่งรอดูเพียงอย่างเดียว
"ไวทรี   ออกมาข้างหน้า!"
"รับทราบนายท่าน!"

จริงๆ แล้ว พวกไวเวิร์นนั้นไม่กล้าหาญชาญชัยพอที่จะเข้าไปใกล้ระยะของมังกรโครงกระดูก    แต่พวกมันก็ทำได้แค่ก้าวออกมาและยอมรับชะตากรรมที่ต้องเป็นพาหนะของวีด  และพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ตายด้วยน้ำมือของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

วีดไต่ขึ้นไปบนหลังของไวเวิร์น
"บินขึ้น เราจะลุยกันแล้ว"
"จัดไป นายท่าน!"


                                -พละกำลังลดลงเนื่องจากความหนาว

ความหนาวเย็นของท้องฟ้าในดินแดนเหนือนี้ ช่างยากจะรับมือ  ก่อนหน้านี้วีดต้องเป็นไข้สูงเพราะบินร่อนอยู่บนท้องฟ้านี้     แต่ถ้าเขารอต่อไป มันก็ไม่แน่นอนว่าพวกเขาจะสามารถฆ่ามังกรโครงกระดูกได้หรือไม่

'อย่าไปหวังอะไรกับโชคลาภนัก   เราต้องสู้ด้วยตัวเอง!'
วีดที่อยู่บนหลังไวเวิร์น  เรียกดาร์กสเปียร์ออกมาอีกครั้ง
เพื่อให้แน่ใจว่ามังกรโครงกระดูกจะถูกสังหารลง   วีดตัดสินใจเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวพันกับการต่อสู้โดยตรง

"บินด้วยความเร็วสูงสุด!"
ด้วยคำสั่งของวีด  ไวทรี กระพือปีกอย่างรุนแรงขึ้นไปอีก

สายลมอันบ้าคลั่ง!

จากนั้นวีดก็พุ่งหอกแห่งความมืดออกไปอย่างรุนแรง  เขาเล็งไปที่บริเวณซี่โครงของมัน
ดาร์กสเปียร์พุ่งเข้าไปในสนามต่อสู้   มันฝ่ากำแพงสายลมที่ล้อมรอบปิงหลงและมังกรโครงกระดูกเข้าไป

เปรี้ยง!
ประกายไฟขนาดใหญ่ประทุขึ้น
'ต้นกำเนิดชีวิตของมังกรโครงกระดูกนั้นอยู่ที่พลังป้องกันของมัน   ด้วยพลังป้องกันมหาศาลและพลังชีวิตจำนวนมาก นั้น  มันจึงไม่ตกตายลง  ถ้างั้น เราจะฆ่ามันยังไงดี?'

วีดนึกย้อนถึงอดีตเมื่อนานมาแล้ว   ตอนที่เขาเรียนดาบที่โรงฝึก
"ลี ฮุน  เจ้าสามารถใช้ดาบโค่นต้นไม้ใหญ่ขนาดที่แขนเจ้าโอบไม่รอบได้หรือไม่?"
ลีฮุน สายหน้าให้กับคำถามของ อัน ฮุนโด
มันเป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าดาบนั้นจะคมเพียงใด  หากเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่หนามาก ก็ไม่อาจจะฟันให้ขาดได้   โดยเฉพาะต้นไม้ที่ยังไม่ตายนั้นถึงขนาดสามารถทนรับคมขวานได้หลายต่อหลายครั้ง
อาวุธที่บางเบานั้นไม่เหมาะกับการตัดต้นไม้

"ผมคิดว่าการฟันด้วยดาบนั้น....เป็นไปไม่ได้  "
"งั้นรึ?  มันยากก็จริง แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้   พวกพี่ใหญ่ของเจ้าสามารถทำได้นะ   พวกเขาสามารถฟันต้นไม้ขนาดใหญ่ให้โค่นลงได้   ในหมู่นักเรียนแล้ว  คนที่ทำได้คงมีประมาณครึ่งหนึ่งมั้ง?"
ลี ฮุน ตกตะลึง
"มันจะเป็นไปได้ยังไงกันครับ?  ไม่ว่าพวกเขาจะเหวี่ยงดาบเก่งแค่ไหน  แต่พละกำลังที่ต้องใช้ทำแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยนะครับอาจารย์"
"มันคือการตัดลายเนื้อไม้"
"ลายเนื้อไม้?"
"ไม่ว่าจะบนสวรรค์หรือโลกมนุษย์   สรรพสิ่งล้วนมีเส้นแห่งความตาย  ถ้าเจ้าสามารถตัดผ่านมันไปได้  เจ้าก็สามารถฟันทุกสิ่งที่เจ้าต้องการให้ขาดได้  โดยไม่ต้องอาศัยพละกำลังมหาศาลแต่อย่างใด   ไม่ว่าจะเป็นก้อนหินหรือแท่งเหล็ก ตราบใดที่เจ้าตัดไปที่เส้นแห่งความตายนี้  มันก็ไม่ยากที่จะผ่ามันให้ขาด"
"ผมก็ทำได้เหรอครับ?"
"ถ้าเจ้าพยายามนะ   ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด  มันต้องอาศัยเวลา    ดาบอย่างเดียวมันก็เป็นแค่ดาบ  แต่ดาบที่ถือโดยคนที่เพียรพยายามอย่างหนักหลายสิบปีย่อมสามารถฟาดฟันทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้"
อัน ฮุนโด  กล่าวถึงอดีตของตนเองอย่างกระฉับกระเฉง   เขาเล่าถึงการฝึกฝนวิถีดาบของเขาเองที่เรียนรู้โดยตรงจากสนามรบสมัยที่ยังเป็นหนุ่ม

แต่ในเกมรอยัลโร้ด  เขาก็พบโดยบังเอิญว่ามันต่างออกไป
อัน ฮุนโดหัวเราะออกมา
"ในเกมรอยัลโร้ด  บนทวีปเวอร์เซลล์  มีองค์ประกอบที่น่าสนใจหลายอย่าง  พวกเราค้นพบผลลัพท์ที่คล้ายคลึงกัน"
"อาจารย์จะบอกผมว่า  ถ้าฟันใส่เส้นแห่งความตาย  ก็สามารถฟันทุกอย่างให้ขาดได้งั้นเหรอครับ?"
"ก็ใช่ แต่มันต่างกันอยู่พอสมควร  จากการทดลองที่ผ่านมา วิธีที่ดีที่สุด ที่พวกเราค้นพบก็คือการทุ่มพลังไปที่ตำแหน่งเพียงตำแหน่งเดียว"
"มันหมายความว่ายังไงเหรอครับ ผมอยากรู้"

อัน ฮุนโด ตอบวีดโดยไม่ลังเลเกี่ยวกับรอยัลโร้ด
ในเกมรอยัลโร้ดนั้น คุณสามารถเหวี่ยงดาบที่ไหนก็ได้    มันเป็นเกมเสมือนจริงที่ไม่ได้เพิกเฉยต่อความดีข้อนี้
มีการกล่าวไว้ว่า  ดาบนั้นมีเพื่อปกป้องตนเอง ฝึกฝนตนเอง และดูแลครอบครัวตนเอง
อัน ฮุนโด  ทราบว่าทำไมลีฮุนถึงเล่นเกมรอยัลโร้ด  ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้ตำหนิเขา
"พวกมอนสเตอร์จะได้รับความเสียหายแตกต่างกันไปทุกครั้งตามวิถีดาบที่พวกเราใช้  ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ดี ใช่ไหม?"
"ครับ พลังโจมตีของดาบจะต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เราโจมตีโดน"

ในรอยัลโร้ด  คุณต้องเคลื่อนไหวร่างกายตนเองโดยตรง
และการที่คุณต้องเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อกวัดแกว่งดาบนั้นเอง   ความเสียหายที่ทำได้จึงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
จังหวะโอกาส และความสมดุล,  พลังและความเร็ว  ,เทคนิค  พลังโจมตี   และพลังป้องกันของมอนสเตอร์  สิ่งเหล่านี้คือองค์ประกอบหลักของความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งควบคู่ไปกับองค์ประกอบเล็กๆอีกหลายอย่าง
"ใช่แล้วล่ะ  นี่คือเหตุผลแรก  ค่าสถานะและระดับเลเวลก็สำคัญ    แต่วิธีที่จะสร้างความเสียหายได้มากที่สุดก็คือการเน้นไปที่จุดๆ เดียว"
"หมายถึงการโจมตีใส่จุดสำคัญเหรอครับ?"
"นั่นก็เป็นวิธีที่ดี แต่บางอย่างก็ไม่มีจุดสำคัญให้โจมตีนะ   อย่างไรก็ตาม  แม้กระทั่งมอนสเตอร์ที่ร้ายกาจก็ยังถูกผูกมัดให้จำนนต่อ  การเจาะเกราะ**** (cryptanalysis)  แต่ต้องระวังไว้ เพราะวิธีการนี้ไม่ง่ายเลยที่จะดำเนินการ"

ลี ฮุน มักจะเกิดคำถามกับการโจมตีอันรุนแรงของพวกนักดาบเสมอ   เพราะพลังโจมตีที่พวกนักดาบแสดงออกมาให้เห็นนั้นรุนแรงเกินจะเทียบได้    ไม่ว่าจะเป็นอาชีพอื่นที่คล้ายคลึงกับนักศิลปะการต่อสู้แค่ไหนก็ตาม
ตอนเลเวลของพวกนักดาบประมาณ 50  พวกเขาได้รับอาชีพเกี่ยวกับการต่อสู้ และสามารถจัดการพวกมอนสเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว   ซึ่งนับทำให้เขาแปลกใจ    ลีฮุนถามขึ้น
"การเจาะเกราะ คืออะไรเหรอครับ?"
"มันคือการที่เจ้าโจมตีซ้ำๆ ณ ตำแหน่งเดียวไปเรื่อยๆ"
"นั่นผมทราบครับว่า  ถ้าเราตีซ้ำอยู่ส่วนเดียว จะสามารถทำให้ค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นได้บ้าง"
ลี ฮุน นั้น หาข้อมูลว่าต้องออกล่ายังไงก่อนเข้าเล่มเกมรอยัลโร้ด  หรือพูดได้อีกอย่างว่า ลีฮุนนั้นได้ใช้วิธีนี้เข้าต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ความลับนี้ ไม่ถึงกับเรียกได้ว่าเป็นสิ่งพิเศษแต่อย่างใด

อัน ฮุนโด หัวเราะอย่างตรงไปตรงมาและกล่าวเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ออกมา
"เจ้าเคยเพ่งสมาธิโจมตีใส่เพียงตำแหน่งเดียวจริงๆ งั้นหรือ?"
"แต่มันก็ไม่ค่อยให้ผลลัพธ์มากเท่าไหร่นะครับ   ยังไง ผมมั่นใจว่าคำนั้นคงมีความหมายอื่นอยู่
อาจารย์หมายความว่าโจมตีอย่างแม่นยำ ณ ตำแหน่งนั้นจริงๆ งั้นเหรอครับ?"
"เจ้าเรียนรู้ได้ไวมาก  ตำแหน่งที่เจ้าโจมตีไว้    ก็โจมตีมันเข้าไปอีกครั้ง  และหลังจากนั้นมันจะอ่อนแอลง   บีบให้เล็กยิ่งกว่าเล็บมือ  ให้เล็กยิ่งกว่าเม็ดข้าว   เพ่งการโจมตีไปที่ตำแหน่งนั้น    ต่อให้เจ้าขาดแคลนพละกำลัง เจ้าก็ยังสามารถสังหารมอนสเตอร์ได้"

อัน ฮุนโดรู้ดีกว่าเทคนิคของเขาไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็สามารถใช้ได้
คุณต้องเหวี่ยงอาวุธของคุณด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี และโจมตีอย่างต่อเนื่องไปที่ตำแหน่งซึ่งเล็กกว่าเม็ดข้าวอย่างไม่หยุดหย่อน
ต่อให้เป็นเป้าหมายที่ไม่เคลื่อนที่  มันก็มีโอกาสที่คุณจะตีพลาดได้

ยิ่งเป้าหมายเป็นมอนสเตอร์คล่องแคล่วว่องไวแล้ว  คุณยิ่งต้องเข้าใจและคาดการณ์ความเคลื่อนไหวล่วงหน้าและจากนั่น ในห้วงเวลาชี้ขาด  คุณต้องสอดประสานทุกการเคลื่อนไหวเพื่อระเบิดการโจมตีออกมาพร้อมๆ กัน
ต่อให้เป็นอัจฉริยะเพียงใด การจะมาถึงจุดนี้  แค่ในฝันก็ยากแล้ว

อัน ฮุนโด กล่าวออกมาโดยไม่ลังเลย
"เพื่อที่จะนำดาบเข้าสู่การต่อสู้   เพื่อชีวิตที่สูญสิ้นไป  เวลาต้องถูกกำหนด   ในช่วงเวลานั้นการจะเรียกเจตจำนงค์ของเจ้าออกมานั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้   แต่มันเป็นไปได้เพราะมนุษย์นั้นไม่ใช่เครื่องจักรแต่อย่างใด"

เล่ม 10 ตอน 4 จบ
.
.
<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

เล่มที่ 10 ตอนที่ 3 การกลับมาของอันเดด (Rise of The Undead)

เล่มที่ 10 ตอนที่ 3 การกลับมาของอันเดด (Rise of The Undead)

วีดตะโกนสั่งการ ในมือหนึ่งถือคฑาแห่งนักบุญผู้ตกต่ำ ขณะที่อีกมือหนึ่งก็ถือตำราแห่งบัลข่านเอาไว้
“ไวเวิร์นทุกตัวเข้าสู่สนามรบ!”

ไววัน ไวทู ไวทรี ไวไฟว์ ไวซิกซ์ ไวเซเว่น
ไวเวิร์นทุกตัวยกปีกที่พวกมันภาคภูมิใจและบินขึ้น
“ฮัดชิ่ว!”
“แม่ง ข้าเริ่มหนาวแล้วว่ะ”
“เป็นเวรเป็นกรรมของข้าที่ได้เจ้านายผิดคนก็เลยต้องมาทรมานซ้ำๆ แบบนี้!”
บนระดับที่สูงขึ้นไปของหุบเขาแห่งความตาย สายลมหนาวกำลังพัดพาละอองน้ำแข็ง วีดกลัวว่าแค่ตนเดินเข้าไปใกล้ก็อาจจะทนความหนาวไม่ไหว!
พวกไวเวิร์นบินไปด้วยตัวสั่นไปด้วยเพราะอากาศที่หนาวเย็น ถ้าไม่มีหนังสุนัขป่าย้อมด้วยเฉดสีสดใสที่พวกมันใส่อยู่พวกมันคงไม่สามารถแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ที่นี่
สมาชิกคณะสำรวจที่รอดชีวิตจมลงสู่ความสิ้นหวังเมื่อมองเห็นไวเวิร์นฝูงใหม่ที่บินใกล้เข้ามา

“ซวยแล้ว ไวเวิร์นมาว่ะ”
“ตอนนี้แม้แต่วิ่งหนีก็ทำไม่ได้แล้วใช่มั้ย”
แต่แล้วพวกเขาทุกคนก็มีสีหน้าดีขึ้น
“เชรี่ยไรวะนั่น ไวเวิร์นแมร่งใส่เสื้อว่ะ ทำไมไวเวิร์นมีเสื้อใส่วะ”
“นายว่าหน้าตาไวเวิร์น มันแปลกๆ รึเปล่า”
“หน้าเหลี่ยมๆ คอสั้นโคตรๆ แล้วก็พุงยื่นๆ ฉันว่าฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...”
“ที่ราบแห่งความสิ้นหวัง!”
“ไวเวิร์นที่ช่วยออร์คสู้กับกองทัพอันเดดไง”
“ถ้างั้น...”
“วีด! วีดอยู่ที่นี่!”

คณะสำรวจเข้าสู่ภาวะเฉลิมฉลองทันที
ฮีโร่ในฝันของพวกเขา!
เมื่อไรที่พูดถึงการผจญภัยและที่สุดของทวีป ชื่อวีดจะต้องได้รับการพูดถึง
“เจ้าไวเวิร์นโง่ อย่าพลาดของกินสิวะ!”
ตอนที่วีดสั่งให้ปล่อยตนลง เหล่าไวเวิร์นพากันบินอย่างขยันขันแข็งเพื่อหาสถานที่ให้เขาได้ดูสถานการณ์การต่อสู้
พวกมันบินหลบคณะสำรวจไปอย่างเฉียดฉิวแล้วเข้าโจมตีเหล่ามอนสเตอร์ ระหว่างนั้นโกลด์มินิก็ยิงธนูอย่างดุเดือด
เหล่านักดาบ นักบวช และวิซาร์ดเข้าล้อมพวกมอนสเตอร์และเริ่มต่อสู้
แม้จะมีความช่วยเหลือเข้ามาเพิ่มแต่สถานการณ์ก็ยังยากจะพลิกกลับ

วีดคลี่ตำราแห่งบัลข่าน
เพื่อต่อกรกับมอนสเตอร์จำนวนมาก วีดต้องการกองหนุน และกองหนุนที่ใช้งานได้ก็มีอยู่ที่นี่มากมาย
“จงลุกขึ้นเหล่าวิญญาณไม่สงบที่ยังวนเวียนอยู่ที่นี่โดยไม่มีผู้ใดมองเห็น จงแก้แค้นผู้ที่พรากชีวิตเจ้า! เดดไรซ์!” (Dead Rise)
พื้นน้ำแข็งที่คณะสำรวจยืนอยู่เปลี่ยนเป็นสีดำเข้ม
ซอมบี้ กูล และนักรบโครงกระดูกผุดขึ้นจากพื้น!
“เคี้ยกกก!”
“กรูวววว!”
เมื่อกองทัพอันเดดใกล้เข้าไปวีดก็ชี้นิ้วและออกคำสั่ง
“จงต่อสู้ สังหารพวกมัน ศัตรูทุกตัวของพวกเจ้า!”
“กรรรรรรรร!”
ภายใต้คำสั่งของวีด เหล่าอันเดดเดินกระย่องกระแย่งเข้าหาพวกนักบวชเอมบินยูและมอนสเตอร์
...ในสภาพล้มลุกคลุกคลาน
การเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นธรรมชาติทำให้พวกมันลื่นล้มบนน้ำแข็ง
แต่อย่างน้อยกรงเล็บของซอมบี้ที่ถูกปลุกขึ้นมาเหล่านี้ก็มีพละกำลังมหาศาลเมื่อตวัดเข้าใส่
พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งแม้จะเคลื่อนที่ช้า

“วีดเป็นคนสร้างอันเดดพวกนั้น!”
“พวกอันเดดกำลังสู้กับมอนสเตอร์”
เหล่าคณะสำรวจที่ตกอยู่ในความวุ่นวายพูดขึ้น
อันเดดคือศัตรูของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่พวกมันกลับจู่โจมใส่มอนสเตอร์เท่านั้น!
อาชีพเนโครแมนเซอร์เปิดสู่สาธารณะนานแล้วแต่ผู้คนยังคงเปลี่ยนอาชีพไม่เสร็จ การได้เห็นทักษะปลุกชีพอันเดดด้วยตาตัวเองก็เลยเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างไม่ต้องสงสัย

“จงมาเดธไนท์แวนฮอล์ค! จงมาแวมไพร์โทริ!”
วีดเรียกเดธไนท์และแวมไพร์ลอร์ด!
เดธไนท์โทรมๆ และแวมไพร์โทริหน้าขาวซีดปรากฏตัวขึ้น
“วันนี้ต้องเป็นวันโชคดีของข้าแน่ๆ ที่ได้พบเจ้านายที่ข้าโปรดปราน”
เดธไนท์โผล่มาก็เลียแข้งเลียขาทันที วีดที่กลายเป็นโครงกระดูกไปแล้วทำให้เกิดความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมขึ้น
วีดเองก็รู้สึกว่าไม่ได้เจอเดธไนท์มานานมากแล้ว
“เดธไนท์!”
“นายท่าน สั่งมาได้เลยขอรับ ต้องการให้ข้าสู้กับใคร เพียงท่านสั่งมา ข้าจะไปนำมันมาสังเวยต่อหน้าท่าน”
เดธไนท์ผู้รักการเอาชนะรับคำด้วยความมั่นใจ แต่วีดส่ายหัว
“ไม่ใช่เรื่องนั้น ถอดหมวกเจ้ามาให้ข้า”
“...”
“ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งเหรอ ถอดหมวกออกแล้วส่งมาให้ข้า ข้าจะใส่”
โผล่มาบนโลกได้เพียง 5 วินาทีก็ต้องเผชิญเข้ากับพฤติกรรมโหดร้ายทารุณ!
ได้คืนมาเพื่อจะถูกแย่งชิงไปอีกครั้ง
เจ้าของดั้งเดิมของมันคือเดธไนท์แต่วีดกลับจะปล้นไปซะดื้อๆ
“นี่มันของของข้า”
เดธไนท์ยืนตรงและพยายามปกป้องหมวกเวทย์ของตนเอง
วีดกำหมัด
“อยากให้ข้าทุบตีเจ้ามากกว่าใช่มั้ย”
เลือกระหว่างการถูกบีบบังคับและความรุนแรง!
วีดไม่ใช้ความอดทน
“อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ”
“...ข้าจะมอบให้ท่าน”
เดธไนท์ถูกบังคับให้ค่อยๆ ถอดหมวกออก
สำหรับคนอื่น บรรยากาศน่าหวาดหวั่นนี้มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากการข่มขวัญ แต่วีดพัฒนาไปถึงขั้นชำนาญการทำร้ายร่างกายแล้ว ด้วยทักษะอันชำนาญวีดใช้เวลาแค่สองสามวันก็ทุบตีให้ใครสักคนยอมศิโรราบได้แล้ว!

คงรู้สึกดีถ้าได้เห็นคนแบบนั้นโดนจำกัดอิสรภาพบ้าง
“ไม่ต้องห่วงน่า เดี๋ยวข้าก็คืนให้เจ้าใช้เหมือนเดิม ไปสู้ปะ”
“ขอรับ นายท่าน”

เดธไนท์พุ่งเข้าใส่กลุ่มนักบวชเอมบินยู
วีดค่อยหันกลับมามองโทริ
“เจ้าเอามังกรโครงกระดูกไป”
“เข้าใจแล้ว”
“เน้นป้องกันไม่เน้นโจมตี ไม่จำเป็นต้องเอาชนะ”
โทริได้รับคำสั่งให้สู้กับมังกรโครงกระดูกไปจนกว่าการต่อสู้จะสิ้นสุด
“ราชินี และลูกๆ ของข้า พวกเจ้าจงกระจายกันออกไป เราคือราชาแห่งรัตติกาล”
“รับคำสั่งนายท่าน!”
โทริเองก็แปลงเป็นค้างคาวตามลูกน้อง
เขี้ยวแวมไพร์อันแหลมคม!
พวกมันตีปีกสีดำ เกาะติดเข้ากับมังกรโครงกระดูกตัวมหึมาและยั่วยุให้มันจู่โจม
แม้จะปราบศัตรูลงไม่ได้ แต่ก็สามารถซื้อเวลาได้
ระหว่างนั้นวีดก็กำลังสวมหมวก
“ในเมื่อเขียนเอาไว้ ก็แสดงให้เห็นหน่อย”
หมวกเวทย์ใบนี้ตีขึ้นจากเหล็กต้องสาป
แสงสว่างโชติช่วงแต่กลับดูลึกลับประสงค์ร้ายระเบิดจ้าออกจากช่องที่เจาะไว้ตรงหว่างตา
มันคือดวงตาที่เรืองแสงราวไฟจากนรก!
หมวกเวทย์ของแวนฮอล์กเป็นหนึ่งในไอเทมที่ได้มาจากเดธไนท์ในลาเวียส
ครั้งหนึ่งเขาเคยสวมมันไว้ตลอดเวลา แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งตีหมวก Mithril Helmet of Noble Grace
แม้ว่าวีดจะคืนมันให้กับเดธไนท์ไปครั้งหนึ่งแล้วเขากลับจำเป็นต้องใช้มันอีกครั้ง

 - ความต้านทานเวทมนต์ธาตุมืดสูงขึ้น  
- ความเกี่ยวดองกับอันเดดเพิ่มขึ้น 10


หมวกเวทย์ให้ค่าสถานะเสริม
วีดใช้เวทมนต์เรียกอันเดดขึ้นมาอีกครั้ง
‘ยังเหลือมานาอีกเยอะเลยแฮะ’

มนต์ปลุกชีพอันเดดพื้นฐาน ขั้นที่หนึ่ง
สร้างอันเดดหลายร้อยตัวใช้มานาเพียง 4,000 เท่านั้น

คทาแห่งนักบุญผู้ร่วงหล่น
ค่าสถานะเสริมจำนวนมหาศาลที่ได้จากอาวุธและค่ามานาที่เหลืออยู่ทำให้วีดตัดสินใจนำมันมาใช้
‘ค่าโจมตีทางกายภาพของปฐมภูมิแห่งโครงกระดูกนี่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งใช้ได้’
แม้ไม่มีมานาก็ยังสามารถเข้าต่อสู้ได้ด้วยมือเปล่า

วีดคลี่ตำราแห่งบัลข่านแล้วใช้มนต์ปลุกชีพขั้นที่สอง
“เหล่าผู้ฟื้นคืนสู่ดินแดนของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ดินแดนชั่วร้ายและเสื่อมทรามแห่งนี้เป็นสถานที่อันมืดมน กฏเกณฑ์แห่งความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์จะไม่มีวันหายไป จงจำคำข้า อันเดดไรซ์!”(Undead Rise)

กึกๆๆๆ
เกิดแรงสั่นสะเทือนที่คทาแห่งนักบุญผู้ร่วงหล่น
วีดเห็นร่างหลายร่างผุดขึ้น
พวกมันไม่มีลำคอ ดุลลาฮาน!
นักรบผู้รักการต่อสู้

ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนนักเวทย์โครงกระดูกก็เพิ่มขึ้น
มีอันเดดหลายร้อยตน จำนวนที่มากมายทำให้พวกมันควบคุมยาก
คทาและหมวกเวทย์ช่วยให้วีดสั่งการกองกำลังเหล่านี้ได้แต่ก็ไม่สามารถสร้างอันเดดเพิ่มอีกเพราะใช้มานาไปเกือบหมด
วีดเหลือมานาอีกแค่ประมาณ 200 เท่านั้น!

แสงสว่างวาบออกมาจากหมวกเวทย์ที่วีดสวมใส่อยู่
“จงสู้! ทำศึก! ปลดปล่อยความเกลียดชังใส่ศัตรูของเจ้า!”
เสียงตะโกนของวีดแผ่ออกไปอย่างรุนแรง ทักษะราชสีห์คำรามขั้นสูงสูบเอามานาที่เหลือของวีดไปจนหมด

เหล่าอันเดดกระโจนเข้าใส่มังกรโครงกระดูกและมอนสเตอร์รอบๆ ภายใต้คำสั่งให้ต่อสู้ของวีด
พวกซอมบี้ต่อสู้ด้วยกระดูกแตกๆ หักๆ และทำแม้กระทั่งขว้างชิ้นส่วนเข้าใส่
ดุลลาฮานกอดหัวที่หน้าตาเหมือนกูลของตัวเองเอาไว้แนบลำตัว และใช้แขนอีกข้างถือดาบเข้าฟาดฟัน
“สู้!”
“มีศัตรูอยู่ทั่วไปหมด!”

วีดยังสร้างมอนสเตอร์ระดับบอสขึ้นมาหลายตัว!
ดุลลาฮานและนักเวทย์โครงกระดูกระดับบอสช่วยยกระดับการต่อสู้ให้น่าตื่นตาตื่นใจ
เป็นครั้งแรกในการต่อสู้ที่คณะสำรวจยืนตัวแข็งค้างอยู่กับที่ใจจดใจจ่ออยู่กับพลังอันแท้จริงของเวทมนต์ของเนโครแมนเซอร์
“เหลือเชื่อเลย!”
“มีแต่อันเดดเต็มไปหมด”

ปกติในเกมคนมักจะหลีกเลี่ยงการล่าอันเดด!
ในระหว่างสำรวจคนส่วนใหญ่เพิ่งจะเคยเห็นอันเดดเป็นครั้งแรก
บางคนยังไม่อยากจะเชื่อว่าดวงตาของพวกมันสามารถส่องแสงได้แบบนั้น

“เธอว่าอันเดดตัวนั้นดูคุ้นๆ มั้ย”
“หืม... นั่นสินะ”
“โอเบรอนรึเปล่า”
มันเป็นดุลลาฮานตัวที่เตี้ยเป็นพิเศษ แทนที่จะหลบหลีกศัตรู ดุลลาฮานตัวนั้นกลับต่อสู้อย่างดุเดือดแม้ว่าจะตัวเล็ก
เวทมนต์ของเนโครแมนเซอร์ใช้ศพแทนธาตุ พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าไม่มีศพอำนาจเวทมนต์ของเนโครแมนเซอร์ก็จะลดลงตาม
ศพของคณะสำรวจที่ตายในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ถูกปลุกขึ้นมาในฐานะอันเดด

ซอมบี้จำนวนมากลากร่างผุๆ พังๆ อย่างเห็นได้ชัดของพวกมันวิ่งเข้าใส่ศัตรู ล้มลุกคลุกคลานเพราะแขนขาที่ตายไปแล้ว
พวกมันใช้ทักษะไม่ได้แต่รูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับพวกที่ถูกฆ่าตายในอดีตมาก
“แล้วพวกนั้นเป็นใคร”
ชุดเกราะทหารขึ้นสนิม ดุลลาฮานบางตัวเป็นทหารสวมชุดเกราะหน้าตาโบราณ
นี่คือเหล่าทหารและอัศวินของอาณาจักรนิฟเฮล์ม
ทุกคนที่ตายในหุบเขาแห่งความตายไม่ว่าจะตายมานานแค่ไหนแล้วต่างถูกวีดปลุกชีพกลับมาทั้งสิ้น

“ฮว้ากกก!”
อันเดดที่น่าสยดสยองกดดันมอนสเตอร์ให้จนมุม
วีดเห็นข้อมูลโผล่ขึ้นมาเงียบๆ ในหน้าต่างข้อความ

- ท่านได้รับค่าประสบการณ์
- ดุลลาฮานสังหารนักบวชเอมบินยูที่มีพลังอำนาจมาก ท่านได้รับค่าชื่อเสียง 1 หน่วย จากชัยชนะที่เหลือเชื่อ
- กูลถูกสังหาร
- ท่านสามารถคืนชีพให้ทหารโครงกระดูกที่ถูกทำลายในการต่อสู้ได้ด้วยทักษะเดดไรซ์อะเกน(Dead Rise Again) โดยใช้มานาเพียงครึ่งเดียว
- นักเวทย์โครงกระดูกเหลือมานา 35%

อันเดดต่างจากประติมากรรม
พวกมันเผาผลาญมานา แต่ต่อสู้ได้ทันทีที่ถูกสร้างขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์อื่นที่ระดับเท่ากัน
แม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าไม่มาก แต่ก็สามารถทดแทนได้ด้วยการสร้างพวกมันในจำนวนมากๆ เมื่อสามารถทำได้
แล้วยังได้รับค่าชื่อเสียง และค่าประสบการณ์บางส่วนจากพวกมันอีกด้วย
เนโครแมนเซอร์ต้องประเมินสถานการณ์ให้ได้รวดเร็วกว่าอาชีพอื่นๆ เพื่อให้รู้ว่าจะใช้กองทัพมอนสเตอร์ของตนอย่างไร พูดอีกอย่างคือมันเป็นอาชีพที่ต้องการความเป็นผู้นำค่อนข้างมาก

วีดปลุกชีพอันเดดระดับบอส!
“โกรวววว!”
“คอร์ปสเอ็กซโพลชั่น!” (ระเบิดซากศพ)
“โบนชีลด์!” (เกราะกระดูก)
นักเวทย์โครงกระดูกบางตัวใช้ทักษะระเบิดซากศพ ซากศพแตกกระจายเข้าใส่กลุ่มศัตรูอย่างโหดเหี้ยม
ดุลลาฮานที่ได้รับการเพิ่มความแข็งแกร่งแบบกูลต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง คลั่งเกินไปด้วยซ้ำ
พวกมันต่างจากมนุษย์ พวกที่ลุกขึ้นมาจากหลุมไม่ค่อยจะมีเรื่องดีๆ นักหรอก หลังจากที่ล้มลงบนพื้นพวกมันก็จะคว่ำตัวคลานเข้าหาแล้วกัดใส่ข้อเท้า ทำทุกวิถีทางเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย!
ความสยดสยองของกองทัพอันเดดที่ไร้ความเมตตา
พวกมันโจมตีด้วยหลากหลายวิธีการที่ไม่คาดคิด รูปแบบการต่อสู้ที่มีพื้นฐานมาจากร่างกายที่ผุพัง
.
.
.
.
.
หอแห่งเกียรติยศของรอยัลโรด!
มีผู้คนหลายแสนคนแล้วที่กำลังติดตามข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ต
ทุกห้องสนทนาได้ดูรายการออกอากาศ พิจารณาจากจำนวนผู้ติดตามหลักล้านแล้วตัวเลขอาจจะพุ่งสูงถึงมากกว่ายี่สิบล้าน

                  - การล่ามังกรโครงกระดูก
                  - ความร้อนกับความแห้งแล้งจะถูกกำจัดออกจากทวีปเร็วๆ นี้แหละ

ความยินดีและความสุข!
ผู้คนชอบดูช่วงเวลาแห่งชัยชนะที่กระตุ้นให้มีชีวิตชีวา
แล้วฉากที่เทรอสหักหลังคณะสำรวจก็ออกอากาศ
ถ้าเป็นเพียงการหักหลังทั่วไปคงไม่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่เพราะการหักหลังครั้งนี้ทำให้คณะสำรวจตกอยู่ในการต่อสู้ที่เสียเปรียบอย่างที่สุด จนโอเบรอนเองก็ตายลงด้วย


                                    - พวกมันเป็นคนแบบนี้นี่เอง  
                                    - พวกขี้ขลาด ต้องทำถึงขั้นนี้เลยเหรอวะ  
                                    - สันดานเสีย  
                                    - ด่าว่าเหรี้ยยังสงสารเหรี้ยเลยครับ!

สมาชิกคณะสำรวจต่างโกรธแค้นที่ต้องเสียหัวหน้าไป
แต่พวกเขาก็ไม่มีกำลังพอที่จะยึดครองโลก อันที่จริงที่พวกเขาถูกหักหลังนั่นก็ต้องโทษตัวเองด้วย
นอกจากนั้น ถ้าพวกเขาพลาดทุกคนยังต้องทนกับคลื่นความร้อนนานกว่าเดิมอีกต่างหาก!
ผู้คนพร้อมใจกันโพสต์ด่าแบบสาดเสียเทเสีย
บอร์ดสนทนาปกคลุมไปด้วยคำด่าทอจากคนเป็นแสนๆ คน วิดีโอหลายรายการต้องถูกปิดไปเพราะโดนคนดูรุมด่า
แล้วเขาก็ปรากฏตัวขึ้น
วีด!

                                     - เฮ้ย พวกเรา! วีดจากคอนทิเนนท์ออฟเมจิคว่ะ!  
                                     - วีดคุมกองทัพอันเดด!  
                                     - ไม่ใช่ เรียกขึ้นมาเองเลย!

ทุกคนพากันตื่นเต้น
ชื่อที่ได้ยินไปทั่ว วีด!
ใครๆ ก็ใช้ชื่อวีด แต่วีดตัวจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น   (t/n:ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว!)
ผู้เล่นระดับสูงในเกมเดอะคอนทิเนนท์ออฟเมจิคที่เอาชนะมาแล้วทั้งตระกูลผีดูดเลือดและกองทัพอันเดด
วีดกลายเป็นคนดังไปแล้ว
ที่วีดกลายมาเป็นศูนย์กลางความบ้าคลั่งแบบนี้เป็นผลมาจากความวุ่นวายที่สื่อหลายแขนงก่อขึ้นตอนที่เขาขายตัวละครไปในราคาสูง
รูปลักษณ์ของวีดเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะให้ทุกคนตื่นเต้นได้แล้ว
.
.
.
วีดสั่งการทหารอันเดดที่ตนสร้างขึ้นให้คืบคลานและเข้ากัดกินนักบวชเอมบินยูและทหารปีศาจที่ติดตามพวกมัน
“โจมตี! สู้มัน! จับกินให้หมด!”
วีดบงการกองทัพอันเดดให้โจมตีเฉพาะมอนสเตอร์เท่านั้น

- ท่านได้รับค่าประสบการณ์
- กูลเก็บเงินได้ 3 เหรียญทอง และ 15 เหรียญเงิน
- ดุลลาฮานได้รับเสื้อหลวม 1 ตัว
- นักเวทย์โครงกระดูกเก็บห่อสมุนไพรสีแดงได้ 1 ห่อ

วีดได้เงินทุกครั้งที่พวกมันฆ่ามอนสเตอร์ ค่าประสบการณ์ก็ขึ้นค่อนข้างเร็วด้วย เมื่อไรก็ตามที่อันเดดต่อสู้ วีดจะได้รับส่วนแบ่งค่าประสบการณ์เป็นเปอร์เซ็นต์ที่แน่นอน ทำให้การเข้าร่วมในการต่อสู้โดยตรงสามารถทำได้โดยไม่ทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง
‘แล้วมันยังเป็นอาชีพสายต่อสู้ด้วย!’
ระหว่างที่การล่าดำเนินไปอย่างราบรื่น ดูเหมือนน้ำตาแห่งความโศกเศร้าจะไหล
อาชีพสายต่อสู้จริงๆ

เท่าที่รู้อาชีพเนโครแมนเซอร์เป็นอาชีพที่โตเร็วที่สุด และมีรสชาติของคนตาย
เนโครแมนเซอร์เก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์ได้เร็วกว่าอาชีพอื่นสี่เท่า
แต่ว่าการล่าถูกจำกัดไว้ด้วยช่วงเวลา เนโครแมนเซอร์มักจะเดินทางไปทั่วด้วยตัวคนเดียวเนื่องจากปาร์ตี้ส่วนใหญ่ไม่เคยสบายใจเมื่อมีเนโครแมนเซอร์อยู่ด้วย
เนโครแมนเซอร์คืออาชีพสร้างร่างอันเดด อาชีพนี้จะใช้ทักษะได้ก็ต่อเมื่อมีศพหรือซากมอนสเตอร์เท่านั้น
อันเดดตัวแรก!
จะสร้างอันเดดตัวแรกก่อนอื่นต้องจับมอนสเตอร์ที่มีค่าการโจมตีทางเวทมนต์ต่ำๆ มาฆ่า พออันเดดมีจำนวนมากขึ้นก็จะจัดการกับปัญหาแรกได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีเรื่องให้บ่นได้อยู่ดี

เนโครแมนเซอร์มีจุดอ่อนคือแพ้ทางนักบวชและพาลาดิน นอกจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งก็จะควบคุมอันเดดไม่ได้แล้วพวกมันก็จะกลับเป็นซากศพเหมือนเดิม หากจะให้พวกมันคืนร่างก็ต้องใช้มานาจำนวนมาก
การสั่งการกลุ่มอันเดดที่เคลื่อนที่ช้าให้เข้าต่อสู้เป็นเรื่องที่ควบคุมยากเพราะมันเผาผลาญมานาที่ต้องรอเป็นชั่วโมงๆ อย่างน่าเบื่อหน่ายให้มันฟื้นฟู
ยิ่งไปกว่านั้นคุณภาพของวัตถุดิบยังมีความสำคัญต่อทักษะเวทมนต์ของอันเดดอีกด้วย
พลังของอันเดดแต่ละตัวมีความแตกต่างกันอย่างไม่รู้จบขึ้นอยู่กับร่างที่ใช้
ถ้าร่างนั้นมีระดับสูงกว่า 300 ก็ยังพอสามารถสร้างอันเดดที่แข็งแกร่งได้แม้จะมีทักษะเวทมนต์ระดับต่ำ

“เดธไนท์ เลซ เวธ แบนชี หรือสเปคเตอร์ก็ได้ อยากเรียกพวกนั้นมาได้จังเลย แต่...”
ร่างปฐมภูมิแห่งโครงกระดูกโน้มเอียงไปทางวิซาร์ดทำให้การใช้เวทย์ปลุกชีพอันเดดขั้นต้นกับขั้นสองของเนโครแมนเซอร์ได้ง่าย!
มีเพียงเวทย์ปลุกชีพขั้นสามเท่านั้นที่มีขีดจำกัด
แต่อย่างน้อย วัตถุดิบชั้นเยี่ยมก็แสดงผลอย่างยอดเยี่ยม
ศพของคณะสำรวจกับร่างไร้ชีวิตของทหารอาณาจักรนิฟเฮล์มแล้วยังซากมอนสเตอร์ฝ่ายศัตรูที่ลุกขึ้นมาในฐานะอันเดด แม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนเพียงหนึ่งในสี่ของฝ่ายตรงข้ามแต่จำนวนเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“แต่เราอาจจะตายก็ได้”

ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไปจำนวนอันเดดต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อาชีพเนโครแมนเซอร์ได้เปรียบสุดๆ
“สุดยอด!”
“นี่มันเทพชัดๆ ท่านวีด”
สมาชิกคณะสำรวจมองขึ้นไปที่วีดด้วยความอิจฉา
นักผจญภัยตัวจริงของทวีปเวอร์เซลล์
วีดคือการดำรงอยู่ขั้นสูงสุดที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีภารกิจใดเป็นไปไม่ได้
ทีมสำรวจทำได้เพียงเคารพนับถือบุคคลผู้เป็นต้นแบบแบบนี้เท่านั้น

“อืมมม”
วีดเองก็รู้สึกได้ถึงความสนใจที่พุ่งมายังตนขณะกำลังยืนกอดอกดูการสู้รบอยู่ เขายืนด้วยท่วงท่าสง่างามเพื่อปิดบังไม่ให้ใครเห็นร่างกายที่เป็นโครงกระดูก
“หึๆ กองทัพอันเดดของเราก็สู้ใช้ได้เหมือนกันแฮะ”
วีดยืนอยู่สูงกว่าสมุน 50,000 ตัวของตนพอสมควร
แน่นอนว่าคณะสำรวจทุกคนต่างใจจดใจจ่ออยู่กับสถานการณ์การสู้รบที่นั่น พวกเขาต่างอยากรู้อยากเห็นสุดๆ ว่าคนอื่นๆ นอกจากพวกตนมาที่นี่กันได้ยังไง
เสียงคุยจ้อจากทางทีมสำรวจลอยมาเข้าหูวีด (แต่หัวกะโหลกไม่มีหูนี่! มุขกะโหลกกะลาน่ะ)
“ว่าแต่ว่า ทำไมต้องเป็นโครงกระดูกด้วย”
“ไม่รู้เหมือนกัน ไปกวนตีนใครที่ไหนแล้วโดนเค้าสาปมารึเปล่า”
“ไม่ม้าง คำสาปยังอยู่ครบเลยนี่”
“นายว่าเค้าจะโชว์มนต์ดำของจริงให้เราดูมั้ย”
“ถ้าโชว์จริงละก็เราน่าจะรอดูเค้าแสดงพลังของเนโครแมนเซอร์”
“เทพวีดต้องโชว์ฉากเด็ดๆ ให้เราดูแน่”
วีดเจ็บหูแปล๊บ เขาไม่ได้เขิน แค่บอกใครไม่ได้ว่ามานาหมดแล้ว!
‘ใช้สกิลเนโครแมนเซอร์ไม่ได้แล้ว’

เลือดลมสูบฉีด
คทาที่อยู่ในมือช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง
แล้วก็เหมือนเคย ร่างกายต้องมารับกรรมจากจิตใจที่ชั่วร้าย
วีดเล็งคทาไปที่ลำตัวของมอนสเตอร์
“ปึ้ก!”
คทาเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหล ขยับอย่างอิสระอยู่ในฝ่ามือของเขา แล้วกระแทกเข้าใส่เหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังเคลื่อนที่
ฝีมือดาบอันยอดเยี่ยมของวีดเผยสู่สายตาของผู้คนเป็นครั้งแรกด้วยคทานี่เอง

ดาบกับคทามีความต่างกันอยู่มาก
ดาบเป็นอาวุธมีคมที่ใช้เชือดเฉือนฝ่ายตรงข้ามในขณะที่คทาเป็นเพียงอาวุธที่ใช้ทุบตีคู่ต่อสู้
พลังโจมตีของคทาแห่งนักบุญทารันฮานรุนแรงกว่าดาบของตัวเขาเองเสียอีก!

วีดบดขยี้มอนสเตอร์ทุกตัวที่อยู่เบื้องหน้าแบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
‘ค่าประสบการณ์! ค่าประสบการณ์กำลังเรียกหาเราอยู่’
ไอเทมและเงินที่พวกอันเดดเก็บได้จะกลับมาที่วีดทั้งหมด แต่ค่าประสบการณ์มากกว่าครึ่งจะเสียไปให้กับอันเดดที่เขาควบคุม
ดังนั้นวีดจึงตั้งอกตั้งใจเลือกโจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์ที่พลังชีวิตกำลังเข้าขั้นวิกฤติ
ทัศนวิสัยอันกว้างไกลของเขาทำให้สังเกตเห็นทุกอย่าง!
แม้ว่าวีดจะตายไม่ได้อย่างเด็ดขาดแต่ก็ยังโจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์หลายตัวพร้อมๆ กัน
ไม่ว่าเขาจะผ่านไปที่ไหนมอนสเตอร์ก็กลายเป็นซากศพที่นั่น
เขากวาดผ่านแคมป์ราวพายุ

‘มังกรโครงกระดูกตายเมื่อไร เราต้องรีบสู้เพื่อเอาค่าประสบการณ์ที่เสียไปกลับมา’
ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะขั้นสูงอันมีค่าที่หายไปหลายทักษะยังเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวง
เพื่อทดแทนที่ตอนนี้มีพลังโจมตีน้อย วีดก็เลยเลือกจัดการเฉพาะมอนสเตอร์ที่กำลังจะตายมิตายแหล่

“สมกับที่เป็นท่านวีด!”
“ขนาดไม่ใช้เวทมนต์ยังสู้ได้”
“แมร่ง! ฉันอยากล่ามอนด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายแบบนั้นได้บ้าง”
“เป็นวิซาร์ดแต่ทำได้ขนาดนี้ นั่นมันพลังทำลายล้างแบบไหนกัน...”
“มันเวลอะไรวะ”
ในแววตาของสมาชิกคณะสำรวจความชื่นชมยิ่งเข้มข้นขึ้น
ไม่ว่าวีดจะผ่านไปทางไหนมอนสเตอร์ทางนั้นก็บางตาลงอย่างเห็นได้ชัดจึงถูกมองแบบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทุกคนจับจ้องวีดไม่วางตา
เหล่าอันเดดเข้ามาต่อสู้แทนพวกที่เลิกต่อสู้ไป ขณะที่วีดวิ่งตรงเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์ที่กำลังต่อสู้กันอยู่และกำจัดศัตรูไปได้หลายตัวในทันที
คทาที่เคลื่อนไหวอย่างน่าพิศวง
ท่วงท่าอันน่าจดจำและการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลต่อเนื่อง
การสู้รบตอนนี้ดูเรียบร้อยเป็นระเบียบจนราวกับว่าการต่อสู้ชุลมุนก่อนหน้านี้เป็นเพียงละครตอนหนึ่ง
ที่จริงวีดตั้งใจจะปล่อยพวกอันเดดที่ใกล้ตายให้คนอื่นๆ จัดการ แต่มุมมองของพวกเขากลับกันอย่างสิ้นเชิง

“โคตรเก่งเลย!”
“สู้แบบนั้น โคตรเท่อะ!”
สมาชิกคณะสำรวจพ่นคำชมใส่วีดรัวๆ
แค่การเคลื่อนไหวอันเป็นศิลปะของวีดก็เพียงพอที่จะเรียกคำชมได้แล้ว
ปฐมภูมิแห่งโครงกระดูกเองก็เป็นอาชีพที่สมบูรณ์ มันค่อนข้างแข็งแกร่งในการสู้รบ
และเมื่อรวมเข้ากับส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดอย่างคทาแห่งนักบุญผู้ร่วงหล่นแรงโจมตีของวีดจึงยิ่งโดดเด่นเข้าไปอีก
ความดุเดือดรุนแรงของทักษะที่วีดแสดงให้เห็นเป็นสิ่งที่เกินจินตนาการของคนทั่วไป

ห่างไป 30 เมตรนักบวชเอมบินยูกำลังจะตาย
มันกำลังจะล้มลงแล้ว!
แต่ดาบที่อยู่เหนือหัวดุลลาฮานก็กำลังจะตวัดลงมา
เห็นแบบนี้วีดรีบหักซี่โครงตนออกมาซี่หนึ่งแล้วตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“โบนโทรว!”
เขาขว้างกระดูกหักๆ ของตัวเองเข้าใส่เป้าหมาย
กระดูกที่แหลมคมเหินไปในอากาศ! มีเพียงปฐมภูมิแห่งโครงกระดูกเท่านั้นที่มีทักษะเฉพาะแบบนี้
กระดูกบินไปด้วยแรงเหวี่ยงอันรุนแรงและปลิดชีวิตเป้าหมายได้ทันก่อนที่มันจะตาย

           - ท่านใช้งานชิ้นส่วนร่างกายตนเอง
              ค่าโจมตีของท่านจะลดลง 1.3%  และค่าป้องกันจะลดลง 2%  จนกว่า
              กระดูกจะกลับมา                    

วีดเคลื่อนที่วุ่นวายไปทั่วเพื่อต่อสู้ คว้าไอเทม ขว้างกระดูก และสั่งการกองทัพอันเดดเป็นระยะๆ เขาเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดพัก โจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์ราวกับพายุขุมหนึ่ง
จะว่าไป วิญญาณของพวกนักดาบก็กำลังต่อสู้ร่วมกับคณะสำรวจเช่นกัน
ผลก็คือ นักบวชเอ็มบินยูและทหารปีศาจทนการถูกเข่นฆ่าต่อไปไม่ไหวแล้ว

“กรรรร!”
เสียงคำรามของมังกรโครงกระดูก!
เหลือแค่จัดการกับมังกรโครงกระดูกที่เป็นมอนสเตอร์ระดับบอสเท่านั้น
แวมไพร์โทริเองก็กำลังต่อสู้แต่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส สมุนแวมไพร์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็เหลืออยู่เพียงครึ่ง!
อันเดดจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงคำรามอยู่บนพื้นสนามรบแต่ช่วยทำอะไรมังกรโครงกระดูกไม่ได้มากนัก ส่วนทีมสำรวจตอนนี้ก็เหนื่อยจนไม่มีแรงสู้แล้ว
วีดลังเล
‘หลบไปก่อนดีมั้ยวะ’

เขาเผื่อทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว ถ้าปล่อยให้โทริตายเขาก็จะหนีไปได้
‘แต่ถ้าทำแบบนั้นเราก็จะไม่ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรนิฟเฮล์มในหุบเขาแห่งความตายนี่’
ภารกิจต้องมาก่อน
เมื่อเห็นว่าเป็นภารกิจที่หาได้ยากวีดก็เลยจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อจัดการกับสถานการณ์บนพื้นน้ำแข็งนี่ให้ได้!
มังกรโครงกระดูกปรากฏตัวออกมาจากถ้ำ ไม่แน่ว่าในนั้นอาจจะมีความลับที่แท้จริงของอาณาจักรนิฟเฮล์มซ่อนอยู่ แต่การลอบเข้าไปในถ้ำโดยไม่ให้มังกรโครงกระดูกเห็นก็เป็นภารกิจเสี่ยงตาย ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างที่มันสู้ถ้ำอาจจะถล่มลงมาฝังเขาเอาไว้ในนั้นก็ได้ ขาเข้าว่ายากแล้วขาออกอาจจะเจอปัญหาใหญ่กว่า
‘การกลับมาที่นี่อาจจะทำให้หาโอกาสได้ยากขึ้นไปอีก ต้องฆ่ามังกรโครงกระดูกตอนนี้เท่านั้น!’
วีดตัดสินใจ
ตั้งแต่สู้กับมอนสเตอร์มาไม่มีครั้งไหนที่วีดจะยืนอยู่แนวหลัง แม้ว่าบางครั้งการทำงานอย่างประณีตยาวนานจะไม่ให้ผลตอบแทนใดๆ แต่ก็ไม่มีความท้าทายไหนสำเร็จลงได้โดยไม่ลงทุนลงแรง
วีดปลุกสปิริตนักสู้ที่ไม่ย่อท้อในเกมคอนทิเนนท์ออฟเมจิคของตนกลับมา
‘ท่าทางคงต้องซัดด้วยอะไรคมๆ ซะหน่อย’
วีดตรวจดูมานาที่ฟื้นคืนมาระหว่างต่อสู้ พอสู้โดยใช้ร่างกายเพียงอย่างเดียวก็เลยเก็บมานาได้ถึง 43%
“ความมืดอันมืดหม่นตกต้องลงบนหอก หอกที่เกิดจากความมืดทิ่มแทงเข้าใส่หัวใจของศัตรู จงมา ดาร์คสเปียร์!” (t/n: มีใครนึกถึงแฟรงเก้นสไตน์บ้าง) (e/n: ผ้ม! (^_^)/  แฟร้งเก้นจาก noblesse ใช่ไหมฮะ)

วีดกางแขนออกคว้าหอกมีชีวิตสีดำไว้ในมือ
หมอกที่ดูประสงค์ร้ายพวยพุ่งออกมาจากหอก
มันสร้างขึ้นจากมนต์ดำ
ในบรรดาเวทย์โจมตีที่รุนแรงที่สุดที่ใช้ได้นี่เป็นทักษะที่ใช้มานาจำนวนมาก
มานาที่เหลืออยู่หมดไปกว่าครึ่ง
“ไป!”
วีดใช้จิตควบคุมหอกให้พุ่งเข้าใส่มังกรโครงกระดูก
โทริช่วยนำทางซอยูนให้เข้าไปรวมกลุ่มกับดาร์คเกมเมอร์ที่ยังมีชีวิตรอดเพื่อสู้กับมังกรโครงกระดูก
มันคือการประกาศสงคราม
วีดยัดเยียดสถานะเหยื่อให้มังกรโครงกระดูกแล้วเผชิญหน้ากับมันด้วยสีหน้าแน่วแน่ที่บ่งบอกว่า
งานนี้มีเจ็บ


เล่มที่ 10 ตอนที่ 3 จบ


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

เล่มที่ 10 ตอนที่ 2 ปฐมภูมิแห่งโครงกระดูก (The Origin of Skeleton)

เล่มที่ 10 ตอนที่ 2 ปฐมภูมิแห่งโครงกระดูก (The Origin of Skeleton)

KMC มีเดียกำลังออกอากาศเรื่องราวของทวีปเวอร์เซลล์
หน้าที่ของชิน เฮ มิน และ โอ จูวานในรายการคือการนำเสนอข้อมูลใหม่ๆ  ออกมาให้ผู้ชมรับรู้
“คุณโอ จูวานคะ  คุณเคยบอกฉันว่า   ถ้าเงื่อนไขที่กำหนดครบถ้วนและสามารถทำเควสพิเศษได้สำเร็จ อะไรบางอย่างที่สำคัญจะเกิดขึ้นใช่มั้ยคะ?”
“ใช่ครับ ตามรายงานของบริษัทยูนิคอร์นได้มีการกล่าวไว้ว่า 'ในกรณีของอาชีพสายผลิตนั้น  หลังจากที่พวกเขาพัฒนาทักษะจนถึงจุดจุดหนึ่งแล้ว พวกเขาจะสามารถเริ่มดำเนินการทำเควสพิเศษที่เกิดขึ้นมาได้' ”
“เควสจะไม่เหมือนกับก่อนเควสอาชีพขั้นสูงก่อนหน้านี้ เหรอคะ?”
“มันจะแตกต่างกันอยู่นิดหน่อยน่ะครับ   เช่น  ถ้าเป็นแบล็กสมิท  พวกเขาสามารถเปิดร้านเป็นของตัวเองได้น่ะครับ”
“แม้กระทั่งร้านเครื่องประดับด้วยรึเปล่าคะ?”
“ใช่แล้วครับ จากเทคโนโลยีพื้นฐานที่พวกเขาสะสมมา พวกเขาสามารถเปิดร้านขึ้นมาได้ และยังสามารถจ้างพนักงานเข้าดูแลร้านได้อีกด้วยนะครับ”

จนถึงตอนนี้ แบล็กสมิทเป็นอาชีพที่ทำได้แค่ถูกจ้างจากคนอื่น  พวกเขาทำได้เพียงการสร้างปราสาทให้แก่กษัตริย์ ขุนนางและชนชั้นสูงเท่านั้น        
ซึ่งหลังจากทักษะของพวกเขาพัฒนาจนถึงขอบเขตหนึ่งแล้ว   แบล็กสมิทจึงจะสามารถสร้างสรรงานภายใต้ชื่อของตนและสร้างเรื่องราวของตนเองขึ้นมาได้

“ในอนาคต เมืองและอาณาจักร จะต้องการโรงงานต่างๆ มากขึ้น เพื่อปรับปรุงอัตราการพัฒนาเทคโนโลยีให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว  ดูเหมือนว่าในอนาคต  อาชีพสายการผลิตจะกลายเป็นความหวังนะครับ”
“และนั่นเป็นเรื่องที่ดีค่ะ  ทีนี้ผู้เล่นหลายคนที่มีอาชีพสายการผลิตคงจะได้วาดฝันถึงอนาคตที่ดีๆได้มากขึ้น”
“พูดถึงเรื่องเควสอาชีพแล้ว.... พวกเราก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเควสพิเศษที่เกิดขึ้นมา     ตัวอย่างเช่น  ผมเคยได้ยินเรื่องเควสของแบล็กสมิทที่อนุญาตให้สร้างร้านขึ้นมาได้เหมือนกัน   เควสเกี่ยวกับอาชีพนั้นมีทางเลือกมากมายมหาศาล   ดังนั้นผมแนะนำให้ทุกคนอย่ายอมแพ้นะครับ"
โอ จูวานอธิบายไปเหงื่อไหลไป เขาอ่านสคริปมาเกือบ  2 ชั่วโมงแล้ว

“ใช่เลยค่ะ   แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าทักษะอาชีพพวกนั้นถูกพัฒนาไปถึงขั้นระดับมาสเตอร์ล่ะคะคุณโอ จูวาน?”
“ จากรายงานการสัมภาษณ์ส่วนตัวกับบริษัทยูนิคอร์นนั้น รายงานกล่าวว่า ผู้เล่นใกล้จะข้ามขอบเขตนั้นแล้ว    ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะยังไม่ปรากฏก็ตาม    เพราะอย่างไรรอยัล โรด ก็เป็นเกมที่กว้างใหญ่มหาศาลและแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ     อีกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางกายในโลกของความเป็นจริงด้วย   เมื่อคุณลองคิดดูแล้วล่ะก็ การจะพัฒนาทักษะให้ถึงระดับมาสเตอร์นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากเลยทีเดียว”
“แต่ถ้าสมมติพวกเขาทำได้ขึ้นมา พวกเขาจะได้อะไรบ้างเหรอคะ?”
“ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ไงล่ะครับ   และถ้าพวกเขาขึ้นกับกับอาณาจักรล่ะก็ ผมคิดว่าพวกเขาคงจะได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ด้วย”

โอ จูวานพยายามจะพูดต่อไปด้วยการเสนอความคิดเห็นของตนเองธรรมดาๆ      แต่ ชิน   เฮมินสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาได้
“พวกเรามาออกรายการด้วยกันแบบนี้ปีกว่าแล้วนะคะคุณ โอ จูวาน คุณรู้มั้ยว่าคุณมีนิสัยชอบกะพริบตาทุกครั้งที่คุณต้องการปกปิดอะไรบางอย่างอยู่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นเหรอครับ?”
“ให้พวกเรารู้ด้วยเถอะนะคะว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ก็นะ ความจริงคือ...”

โอ จูวานยิ้มอย่างกระดากอายก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ
“มันยังไม่จบแค่พวกเขาเป็นมาสเตอร์ในอาชีพของตนเองน่ะครับ”
“ยังไม่จบ? เมื่อทักษะของพวกเขาถึงระดับมาสเตอร์แล้ว   พวกเขาก็จะอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพสายการผลิตแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
“ไม่ครับ เมื่อถึงจุดนั้นมันจะเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ต่างหากล่ะครับ ทักษะที่พวกเขาได้รับจะถูกใช้ไปกับบางอย่างที่เกี่ยวพันกับทวีปนั้นๆ และสำหรับผู้เล่นอาชีพต่างๆ ที่จะดำเนินมาสเตอร์เควสของพวกเขาได้นั้น พวกเขาจะต้องสร้างปาร์ตี้ที่สามารถค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักของทวีปเวอร์เซลล์ให้ได้ก่อนครับ  เท่าที่ผมบอกได้คือ เควสดังกล่าวนั้น ล้วนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์เลย....จนกระทั่งตอนนี้ ข้อมูลนอกเหนือจากนี้ผมก็ไม่รู้แล้วจริงๆครับ”
“มันจะสนุกมากกว่า  เวลาที่อยู่ๆ มันก็เกิดขึ้นกะทันหันนะคะ”
“ผมกะแล้วว่าคุณก็คงคิดแบบนั้น   ส่วนตัวผมนั้นยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเชี่ยวชาญในอาชีพที่ผมมี   ผมยังทำผิดๆ พลาดๆ อยู่เลย”
“ทักษะของอาชีพที่อยู่ในขั้นสูงๆ  นั้นพัฒนาได้ยากมากเลยค่ะ  ยังไงก็ขอบคุณที่บอกข้อมูลฉันนะคะ”
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พูดคุยกับสาวงามอย่าง คุณชิน เฮมินนะครับ  ผมน่าจะเป็นฝ่ายที่ขอบคุณมากกว่านะ”  
“โอ้ ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ   นั่นทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้     วันนี้ฉันได้ทานผลไม้ที่คุณนำมาให้ด้วยค่ะ”
“เห็นที ตอนกลับบ้านผมต้องไปซื้อผลไม้เพิ่มซะแล้ว”

ตอนนี้ ชิน เฮมิน  และ โอ จูวาน ต่างก็พร้อมที่จะปิดรายการแล้ว รายการ ช่วงที่ 1   เป็นการเชิญผู้คนเข้ามาพูดคุย ส่วนในช่วงที่ 2 นั้นเป็นการบอกเล่าข้อมูลต่างๆที่พวกเขารู้   รายการที่ออกอากาศกว่า  2 ชั่วโมงได้เสร็จสิ้นแล้ว และมันถึงเวลาที่พวกเขาจะได้พักผ่อนเสียที
‘เราน่าจะไปเล่นกับคุณเพลเสียหน่อย’

ชิน เฮ มิน ดำเนินการไปเรื่อยๆ  และเตรียมตัวสำหรับการปิดท้ายรายการ
ทันใดนั้นเอง สัญญาณของโปรดิวเซอร์ที่ให้ขยายเวลาออกอากาศก็สว่างขึ้น
‘ตอนนี้ควรจะปิดรายการได้แล้วเหรอไม่ใช่เหรอ?’

ทันใดนั้น หน้าจอของทีวีปรากฏภาพการต่อสู้ของคณะสำรวจในหุบเขามรณะ การสู้รบของคณะสำรวจแดนเหนือถูกถ่ายทอดออกมาเชื่อมกับเวลาในโลกจริง

โอจูวาน ยังอยู่ในความตื่นตระหนก แต่ ชิน เฮ มิน สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
“ท่านผู้ชมคะ  พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ถ่ายทอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทวีปเวอร์เซลลล์อย่างถูกต้องและรวดเร็ว!    รายการของเรายังไม่จบนะคะ  เราจะจัดส่งข่าวให้พวกท่านทันทีที่มีข้อมูลเข้ามาเลยค่ะ”

โอจูวาน  ได้รับการเรียนรู้ในเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว ด้วยการมองภาพที่ฉายในหน้าจอ เขาเดาว่ามันน่าจะเกี่ยวกับคณะสำรวจดังนั้นเขาจึงให้คำอธิบายประกอบเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว
“ก่อนอื่น ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่พวกเราจะบอกพวกท่านคือเรื่องที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนเกี่ยวกับคณะสำรวจในแดนเหนือ คณะสำรวจที่นำโดยโอเบรอน, กัปตันของพวกเขา ดูเหมือนว่าคณะสำรวจจะสามารถเข้าไปยังหุบเขามรณะได้สำเร็จแล้วล่ะครับ”
โอจูวาน คุยโม้ผ่านทางเครือข่ายของโรยัล โร้ด
และโชคดี ที่เขารู้จักกับโอเบรอนผู้เป็นที่เคารพนับถือ จึงได้รับข่าวสารโดยตรงเกี่ยวกับคณะสำรวจจากเขา

ชิน เฮ มิน และ โอจูวาน  อ่านสิ่งที่ถูกเขียนในป้ายของโปรดิวเซอร์ และบรรยายเรื่องราวออกมาทางเฮดโฟน
“คุณเชส บอกข่าวฉันมาว่า ตอนนี้ที่หุบเขามรณะ  สถานที่ที่คณะสำรวจได้เข้าไปนั้น มีความเป็นไปได้อย่างมากที่  สร้อยลูกปัดที่แตกร้าวของแม่มดเซอร์เบียนจะอยู่ที่นั่น!  สิ่งนี้จะช่วยปัดเป่าความร้อนที่เกิดขึ้นในทวีปหลักได้ค่ะ”

ความเหนื่อยล้าของ ชิน เฮมิน  และ โอ จูวาน  หลังจากถ่ายทอดรายการไปกว่า 2 ชั่วโมงหายไปโดยสิ้นเชิง
ทั้งสองคนก็เป็นเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ชื่นชอบโรยัล โร้ด  การให้ข้อมูลใหม่ๆ แก่ผู้ชมทำให้พวกเขาสองคนรู้สึกภาคภูมิใจ

ชิน เฮมิน  เปิดประเด็นเป็นคนแรก
“คณะสำรวจกำลังผจญภัยเพื่อตามหาสร้อยลูกปัดที่แตกร้าวของแม่มดเซอร์เบียนอยู่ค่ะ! ซึ่งตอนนี้กำลังถ่ายทอดสดตามเวลาจริง เราจะออกอากาศเรื่องราวการเดินทางของคณะสำรวจอย่างนี้ไปเรื่อยๆโดยไม่คำนึงถึงเวลาของรายการตามปกติเพื่อให้ผู้ชมได้รับชมกันค่ะ!”

การถ่ายทอดรายการนั้นสามารถออกอากาศได้จนถึงรุ่งเช้าเพื่อให้ผู้ชมได้ดูในสิ่งที่พวกเขาอยากดู เรื่องราวเกี่ยวกับทวีปเวอร์เซลล์นั้นกลายเป็นสิ่งที่ถูกให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในตารางเวลาของสถานีเลยทีเดียว ดังนั้น  ถ้ามันจำเป็น เวลาในการถ่ายอากาศสามารถยืดออกไปแทนที่รายการอื่นๆ ได้เลยทีเดียว!

ชิน เฮ มิน และ โอ จู วาน มองเห็นฐานทัพของหุบเขามรณะ จากมุมมองจอที่สร้างจากการผจญภัยของคนแคระโอเบรอน

การต่อสู้อันนองเลือดของคณะสำรวจ
พวกเขาต่อสู้กับนักบวชหน้าตาชั่วร้ายแห่งวิหารเอ็มบินยู และฝูงมอนสเตอร์
มังกรโครงกระดูกก็บินร่อนไปมารอบๆบนท้องฟ้าและกัดกินเหล่าคณะสำรวจ
ทุกอย่างทั้งหมด อยู่ในทัศนวิสัยของโอเบรอน

ชิน เฮ มิน ครุ่นคิดกับตัวเองว่า
‘คุณเพลต้องดูเหตุการณ์นี้’

ผู้เล่นทุกคนต่างอ่อนไหวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรยัล โร้ด การปรากฏตัวของเควสหายากที่สามารถนำไปสู่สงครามที่รุนแรง
 ด้วยเหตุที่ผู้เล่นเป็นล้านๆ คนกำลังดู   ทำให้เพียงแคไม่กี่นาทีเรตติ้งก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว       ฝูงชนมากมายนับหมื่นคนต่างมาออกันอยู่บนถนนตรงหน้าจอทีวีขนาดใหญ่
จริงๆแล้ว สำหรับ ชิน เฮ มิน และ โอ จูวาน มันไม่สำคัญหรอกว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไรในการออกอากาศ  เนื่องจากพวกเขาก็ได้รู้สึกสนุกกับมันไปด้วย   อีกทั้งมันยังเกี่ยวกับโรยัล โร้ด!

ชิน เฮ มิน   กล่าวความคิดของเธอออกมา
“อืม ฉันหวังว่าคณะสำรวจจะจัดการมังกรโครงกระดูกนั่นได้และได้รับสร้อยลูกปัดที่แตกร้าวของแม่มดเซอร์เบียนนะคะ"

โอ จู วาน พยักหน้าเห็นด้วย
“มันดูเป็นไปได้อยู่นะครับ กิลด์โฟรเซ่นโรสไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวและคณะสำรวจก็มียอดฝีมืออยู่มากมาย”
“ตอนแรกฉันคิดว่า คณะสำรวจถูกสร้างขึ้นมาเพราะปรารถนาในรางวัล แต่ คุณโอ จู วาน คะ...."
“ครับ?”
“มังกรโครงกระดูกนี่แข็งแกร่งขนาดไหนเหรอคะ”
“มังกรโครงกระดูกเป็นมอนสเตอร์ที่ทรงพลังมากครับ มีเพียงกิลด์ที่หาญกล้าจะเข้าไปยังพื้นที่ของมอนสเตอร์อันตรายเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับมันได้      ถ้าคุณเดินอยู่คนเดียวตอนกลางคืนแล้วเจอมันล่ะก็ ควรจะรีบวิ่งหนีให้เร็วที่สุดเลยล่ะครับ”
“ฉันคิดได้แค่ว่ามันจะแย่แค่ไหนถ้าเจอกับมังกรโครงกระดูกในตอนกลางคืน”

ในยามกลางคืนของทวีปเวอร์เซลล์นั้น มอนสเตอร์จะแข็งแกร่งขึ้นอีก 50%  ดังนั้นจำนวนมอนสเตอร์ที่ผู้เล่นสามารถออกล่าได้นั้นจึงลดลง   และโดยทั่วไปแล้วผู้เล่นส่วนใหญ่จึงมักจะไม่ล่ามอนสเตอร์ในยามกลางคืน
จริงๆแล้ว  การล่ามอนสเตอร์ระดับบอสในยามค่ำคืนก็ไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องฆ่าตัวตายเลย  ดังนั้นไอเทมและค่าประสบการณ์ที่จะได้รับเป็นรางวัลนั้น แทบจะไม่มีค่าเลยถ้าเทียบกับความเสี่ยงที่มี

ถัดจากนั้นบนหน้าจอ   พวกเขาก็ได้ยินเสียงลำตัวมังกรโครงกระดูกกระทบพื้น และขวานที่กระจัดกระจายเต็มไปหมด
โอเบรอนขว้างมันออกไปราวอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดกับว่ามันเป็นเพียงไม้ฟืน

ชิน เฮ มิน กำหมัดทั้งสองข้างแน่นด้วยความตื่นเต้น
“หวังว่าความพยายามในการดิ้นรนมีชีวิตอยู่ของคณะสำรวจจะประสบความสำเร็จนะคะ”
“ใช่ครับ ตอนนี้พ่อมดก็กำลังเตรียมพร้อมร่ายเวทขนานใหญ่อีกครั้ง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเล็งไปยังลำตัวมังกรโครงกระดูก”
“ฉันคิดว่ามันเป็นเวทอาณาเขตไฟที่รุนแรงนะคะ”
“การโจมตีแบบกามิกาเซ่ที่นำโดยพ่อมดดรัมถูกยิงออกไปแล้วครับ"

 ชิน เฮ มิน  และ โอ จู วาน บรรยายการต่อสู้ ราวกับการพากษ์ฟุตบอล

*
*
*

วีดเองก็กำลังดูคณะสำรวจต่อสู้กับมังกรโครงกระดูกเช่นกัน
‘มังกรโครงกระดูกงั้นเหรอ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าโทริแฮะ’

โทริเป็นแวมไพร์ลอร์ด อำนาจของแวมไพร์ในการเปลี่ยนสภาพใครซักคนให้กลายเป็นหินนั้นเป็นเวทมนต์โจมตีที่ทรงพลังและพลังทำลายล้างสูงมาก   แต่มังกรโครงกระดูกนั้น  ด้วยขนาดที่ใหญ่โตมโหฬารนั่นก็สามารถกระทืบสมาชิกคณะสำรวจได้มากมายนับไม่ถ้วนแล้ว มันเหมือนกับช้างที่คอยไล่บี้ฝูงมดอย่างไรอย่างนั้น

“พวกเขาจะต้องถูกใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หึหึหึหึ”
วีดวาดรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
เขาได้รับประโยชน์มากจากการที่คณะสำรวจเมินเขาโดยสมบูรณ์เพราะมองว่าอาชีพของเขาคือประติมากร!
ความทุกข์ของผู้อื่นคือความสุขของเรา!
.
.
ถึงแม้โอเบรอนจะรับคนอื่นๆ รวมถึงวีดเข้ามา   แต่โอเบรอนก็ให้สิทธิพิเศษในการได้รับการดูแลรักษาแก่กิลด์ของเขาก่อน
แม้ในการต่อสู้อันโหดร้ายส่วนใหญ่นั้นพวกเขาจะได้ชัยชนะ  แต่คณะสำรวจก็มักจะเพิกเฉยต่อกลุ่มของนักแกะสลัก

มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วที่อาชีพสายผลิตผู้สร้างอาวุธและเกราะจะถูกเมินเฉย แม้กระทั่งจะเป็นผู้เล่นที่มีทักษะเลเวลสูงก็ตาม พวกเขาเพียงได้รับการเคารพเล็กน้อยซึ่งนั่นไม่เปลี่ยนแปลงอะไรและจะถูกเรียกก็ต่อเมื่อคนเหล่านั้นต้องการอะไรบางอย่างเท่านั้น   พวกเขาคิดว่าแค่มีเงินแล้วจะหาอะไรเท่าไหร่ก็ได้

มันเป็นไปเองโดยไม่ต้องบอกเลยว่าอย่างน้อยอาชีพสายผลิตและศิลปะจะมีประโยชน์ในการรักษาบ้างเป็นบางครั้งเท่านั้น

ระหว่างทำอาหาร นักแกะสลักและสถาปนิกก็จะช่วยเหลือสมาชิกคณะสำรวจ แต่การนั่นยังไม่เพียงพอให้เกิดการยอมรับ
และในตอนที่ผู้เล่นอาชีพสายผลิตและศิลปะถูกฆ่าไปเป็นจำนวนมากยิ่งแสดงให้เห็นว่านั่นเป็นความจริง

วีดนึกถึงตอนที่ลมหายใจของมังกรโครงกระดูกพัดใส่
“พวกเขาน่าจะให้การป้องกันได้เต็มที่แท้ๆ”
นักบวชและพ่อมดมีเวลาพอที่จะร่ายเวทป้องกันเอาไว้รอบๆ   ถ้าพวกเขาทำแบบนั้น   ผู้เล่นสายอาชีพการผลิต รวมทั้งพ่อครัวและพ่อค้าจำนวนหนึ่งอาจจะมีชีวิตรอด  ซึ่งบางทีวีดอาจจะรอดเนื่องจากพลังชีวิตที่มหาศาลของเขา  แต่ก็ไม่มีใครได้รับการป้องกันจากเวทมนต์เลยซักคน

“พวกเราไม่มีค่าพอให้ช่วยสินะ”
การใช้มานาเพื่อช่วยผู้เล่นมากมายที่ไม่สามารถช่วยเหลือในการสู้รบได้โดยตรงอาจจะทำให้พวกเขาเดือดร้อนเสียเอง   ดังนั้นเมื่อพวกเขาไม่จำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือ พวกเขาจึงสามารถรวบรวมพลังไปใช้ในการต่อสู้ได้มากขึ้น

มันไม่ใช่การตัดสินใจของพวกพ่อมดหรือของนักบวช  แต่เป็นการประเมินของโอเบรอนเองในตอนนั้น  แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ตาม  วีดก็ไม่ได้โทษเขา
ยังไงตั้งแต่แรก โลกก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว

“มังกรโครงกระดูกก็แข็งแกร่งมากด้วย”
เมื่อมังกรโครงกระดูกโจมตีลงบนพื้น จำนวนผู้เคราะห์ร้ายในคณะสำรวจก็เพิ่มมากขึ้น

มันเป็นสถานการณ์อันตราย!

เหล่านักดาบและดาร์คเกมเมอร์เริ่มบรรเลงการต่อสู้ที่น่าประทับใจ
“ที่รัก ฉันเจ็บ!”
โวล์คเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างของนักบวชแห่งเอ็มบินบูไปพร้อมกับตวัดดาบยักษ์ของเขาไปมาอย่างดุดัน
“คอยตรงนั้นนะเบบี๋  พวกเรายังมาจบที่นี้ไม่ได้หรอกนะ!”

แดรินคอยรักษาอาการบาดเจ็บให้สามีของเธอและเหล่าเกมเมอร์คนอื่นๆ
แทนที่เหล่าดาร์คเกมเมอร์จะเข้าไปจัดการกับมังกรโครงกระดูกอย่างสะเพร่า พวกเขากลับหันไปจัดการกับเหล่ามอนสเตอร์อื่นๆ แทน ซึ่งทำให้จำนวนมอนสเตอร์ลดลงอย่างต่อเนื่อง

เหล่านักดาบต่างก็กระจัดกระจายไปในแต่ละทิศทางเช่นกัน
“เจ้านี่!”
“ลิ้มรสนี้ซะเถอะ!”

ต้องขอบคุณพลังโจมตีและป้องกันที่เพิ่มขึ้นจากทักษะลับดาบและขัดเกราะจากของวีด  ทำให้ตอนนี้เหล่านักดาบสามารถสู้กับมอนสเตอร์ได้อย่างสูสี!
ผู้เล่นคนอื่นๆ ต่างก็รับรู้ว่ามันไม่ธรรมดา
“มันอันตรายนะ นักดาบ 305!”
“โว้ว!”

เหล่านักดาบไม่ได้ถูกล้อมรอบด้วยมอนสเตอร์ พวกเขาอาศัยการวิเคราะห์สถานการณ์ และคอยเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสมที่สุด
พวกเขาเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่กระจัดกระจายออกมาและจัดการพวกมันทีละตัวได้อย่างราบคาบ
เหล่านักดาบแต่ละคนต่อสู้กับพวกมันทีละตัวโดยไม่แม้แต่จะพึ่งการสนับสนุนของพ่อมดหรือนักบวชเลย!
.
.
.

วีดพยักหน้า
“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆล่ะก็ มังกรโครงกระดูกคงจะถูกกำจัดไปอย่างไม่ต้องสงสัย”

ไม่ว่ามอนสเตอร์จะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม มันก็ไม่สามารถจัดการกับคณะสำรวจทั้งหมดได้
ในดินแดนเหนือที่เย็นยะเยือกนี้ เลือดสีแดงไหลนองไปทั่วหุบเขามรณะ  มังกรโครงกระดูกไม่มีทางหยุดการรุดหน้าของเหล่าฮีโร่ได้

เหล่าผู้เล่นต่างฟังบาร์ดขับร้องเมื่อพวกเขาขับขานด้วยเสียงสูงขึ้นอีกระดับ
แดนเซอร์ต่างก็ขยับไปตามท่วงทำนองนั้น บางครั้ง พวกเขาก็ลื่นและล้มลงบนน้ำแข็ง แต่พวกเขาก็ยังลุกขึ้นมาและไม่หยุดร่ายรำ
บาร์ดได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าแดนเซอร์
ชาแมน,  ผู้อัญเชิญ และผู้ใช้ธาตุต่างก็อุทิศตัวให้กับภารกิจของพวกเขา
แม้คณะสำรวจจะสูญเสียไปมากมาย แต่ดูเหมือนว่าชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้กำลังจะเกิดขึ้น

“ระหว่างที่กำลังจัดการกับมอนสเตอร์ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับมังกรโครงกระดูก กว่าครึ่งตายไป แต่การจะเอาชนะ มันก็ยังไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น”
วีดตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ครั้งนี้

เหล่านักดาบไม่ใช่คนที่จะตายในสนาบรบแบบนี้  ชีวิตของพวกเขาล้วนเติบโตมากับการดูแลร่างกายของตน   ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่วีดจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเลย

“ยังไงก็ตาม เราคงไม่สามารถไปโผล่หน้าในสารรูปแบบนี้ได้”
รูปร่างของเขาตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นโครงกระดูก
การจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นมอนสเตอร์ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยในสถานการณ์แบบนี้!
อีกอย่าง เวทรักษาของนักบวชจะให้ผลตรงข้ามกับเขาอีกด้วย ดังนั้นคงจะดีกว่า ถ้าเขาจะหลบซ่อนไม่ให้คณะสำรวจเห็นซักพัก

วีดหลบซ่อนตัวก่อนจะมองดูสถานการณ์ตรงหน้าค่อยๆ ถูกคลี่คลาย
“ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่นะ”
พฤติกรรมประหลาดของซอยุนทำให้เขารู้สึกสนใจ
แม้ว่าศัตรูของสิ่งมีชีวิต , มังกรโครงกระดูกจะปรากฏตัวขึ้น เธอก็ยังลากดาบของเธอไปยังด้านหน้าคณะสำรวจเรื่อยๆ
ระหว่างที่โอเบรอนถอนกำลังออกไปถึงขอบเขตหนึ่ง ซอยูนกลับเข้าโจมตีอย่างรุนแรงด้วยแรงเหวี่ยงอย่างต่อเนื่อง
การโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดซึ่งเป็นคุณลักษณะของอาชีพเบอร์เซอเกอร์นั้นถูกโถมซัดใส่มังกรโครงกระดูก
เธอได้รับบาดเจ็บมากมายระหว่างการต่อสู้ในแนวหน้า   ในขณะที่สนามรบเริ่มชุลมุนมากยิ่งขึ้นไปอีก

และทันใดนั้นเองที่สถานการณ์กลับพลิกผัน
เมื่อมอนสเตอร์ถูกลดจำนวนลงจนถึงจุดหนึ่ง  เหตุการณ์อันเลวร้ายก็ก่อตัวขึ้นในคณะสำรวจ
สมาชิกส่วนหนึ่งของคณะสำรวจกลับแทงดาบใส่พวกเดียวกันเอง
“อุก!”
“ทำไมจู่ๆ.....”
“เราอยู่ฝ่ายเดียวกันนะ หยุดโจมตีได้แล้ว!”
“นักบวชขับไล่สถานะถูกยั่วยวนซะ เร็วเข้า ร่ายเวทศักดิ์สิทธ์เดี๋ยวนี้!”

พวกเขารู้ว่าจะต้องใช้เวทศักดิ์สิทธ์กับพวกเดียวกันที่โดนเวทยั่วยวนเข้าไปจากนักบวชแห่งเอ็มบินยู
แต่ในขณะเดียวกัน ผู้เล่นในคณะสำรวจก็ไม่หยุดการโจมตี พวกที่เอาแต่ป้องกันตกตายลง
นักบวชระเบิดเสียงกรีดร้องออกมา!
“เวทชำระล้างใช้ไม่ได้ผล!”
“พวกเขายังโจมตีพวกเดียวกันเอง!”

มันไม่ใช่มอนสเตอร์ที่ทำให้ผู้เล่นงงงวย
แต่เป็นการทรยศในช่วงเวลาที่ใกล้แตกหัก!

เทรอส แห่งกิลด์คริมสันวิงสับเปลี่ยนดาบของตน
ที่ผ่านมากิลด์คริมสันวิงเฝ้ารอคอยอย่างอดทน พวกเขาซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะสม  ไอเทมพิเศษที่เปลี่ยนหน้าตาและชื่อ สับเปลี่ยนชุดเกราะรวมทั้งดาบ
และเมื่อห้วงเวลาสำคัญมาถึง พวกเขาจึงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

เทรอสซึ่งปลอมแปลงตนเองนั้นเปลี่ยนกลับมาเป็นชุดเกราะแบบเดิมที่เขาเคยใช้และใบหน้าของเขาที่ถูกดัดแปลงก็ถูกเอาออก
“พวกเราเสาะแสวงหาในดินแดนที่เหนาวเหน็บนี่เพื่อตามหามังกรโครงกระดูก!”

ฟลาวิโอ นักรบบาบาร์เรี่ยนที่อยู่ข้างๆ โอเบรอน พุ่งเข้าสกัดโอเบรอนไว้
“อุก! ทำไม….”
“เพื่อกิลด์คริมสันวิงค์ของพวกเรา มันช่วยไม่ได้ พวกเราจะจัดการมังกรโครงกระดูกให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วง สิ่งที่คุณทำจะไม่สูญเปล่าหรอก”
ฟลาวิโอ ฟันใส่โอเบรอนอย่างแรง
การโจมตีที่สาหัสถึงชีวิต!

โอเบรอนไม่ได้เตรียมรับมือกับการทรยศกระทันหันในคณะสำรวจ ระหว่างการต่อสู้กับมังกรโครงกระดูกแบบนี้  เขาบาดเจ็บ  และเพื่อนๆ คนอื่นต่างประสบกับชะตากรรมแบบเดียวกัน
โอเบรอนตวาดกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ที่ผ่านมานายรอเวลาเพื่อทำแบบนี้เองเหรอ!!!”
“ก็น่าอยู่หรอกที่พวกนายจะโดนหลอก แค่เพราะว่าเราเป็นหนึ่งในคณะสำรวจ ไม่ได้แปลว่าเรามีเป้าหมายเดียวกันซะหน่อย”
“ไอ้ขี้ขลาด ฉันจะไม่ยอมให้จบแบบนี้….."

สมกับที่เป็นนักรบผู้แข็งแกร่ง โอเบรอนพยายามฝืนยืนบนพื้น แต่ทันใดนั้นเอง เงาๆ หนึ่งก็ปรากฏจากด้านหลังของเขา
“นี่จะฆ่านายได้แน่ๆ”
ความหวาดกลัวแล่นไปตามใบหน้าเมื่อเขาหันกลับไปเหลียวมองนักฆ่า,เดน พร้อมๆกับกริชที่ถูกตวัดเข้ามาหาเขา
 

การโจมตีรุนแรงจากนักฆ่า!
ร่างกายเป็นอัมพาต!
พิษกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว
ถ้าคุณไม่หยุดการไหลของเลือดที่ปากแผล พลังชีวิตจะลดลงลงเรื่อยๆ



กริชพิษของเดนถูกฝังเข้าไปในร่างกายของเขา โอเบรอนไม่สามารถขยับร่างกายที่เป็นอัมพาตนี้ได้เลย
สายตาของฟลาวิโอและเดนสบกัน
“ถ้าเขาฟื้นตัวได้ ที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า”
“งั้นที่เหลือคือการจัดการเขาสินะ”

ฟลาวิโอ และเดนต่างก็โจมตีด้วยอาวุธของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง พวกเขารวมตัวใกล้กับมังกรโครงกระดูกและร่วมมือกันจัดการกับโอเบรอน

 โอเบรอนไม่สามารถรับการโจมตีของทั้งสองคนพร้อมกันได้ด้วยร่างกายที่เป็นอัมพาตของเขานี้
“ไอ้พวกขี้ขลาดตาขาว! สักวันฉันจะกลับมาล้างแค้นพวกแก!!!”
โอเบรอนประกาศจะแก้แค้นก่อนจะตายไป

คณะสำรวจได้รับแจ้งถึงการตายของโอเบรอน
“กัปตันตายแล้ว”
“ไอ้พวกคนทรยศฆ่ากัปตันของพวกเรา พวกมันต้องตอบแทนอย่างสาสม!”
คณะสำรวจตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน การต่อสู้ที่รุนแรงปะทุขึ้นระหว่างกองกำลังพันธมิตรกิลด์ของโอเบอรอนกับกองกำลังทหารรับจ้างของเทรอส

เทรอสไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้โดยตรง แต่เขาเดินไปยังที่ที่เหล่าดาร์คเกมเมอร์รวมตัวอยู่แทน
‘ยังไงพวกเขาก็เคลื่อนไหวเพราะเงินอยู่แล้ว ถึงแม้ว่ากิลด์โฟรเซ่นโรสจะเป็นกิลด์ที่ใหญ่กว่า เราก็แค่ต้องยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าให้พวกเขา’

กิลด์คริมสันวิงนั้นสลายกิลด์อย่างเป็นทางการไปแล้ว แต่แทนที่จะหาที่อยู่ใหม่ พวกเขากลับยึดติดอยู่กับสิ่งที่เหลืออยู่ของพวกเขา
“โวล์ค ผมอยากจะทำสัญญากับคุณ”
เทรอส มองหาโวล์คท่ามกลางเหล่าดาร์คเกมเมอร์
พวกเขาได้รู้จักกันระหว่างเข้าร่วมการทำเควสระดับ A  ณ สุสานของกษัตริย์เบลซอส
“เรามาที่นี่เพราะมีเหตุผล เราจะจ่ายให้คุณถ้าคุณมาช่วยพวกเราแทนที่จะเป็นพวกคณะสำรวจ ถ้าคุณต้องการล่ะก็ เราจะยกไอเทมครึ่งนึงที่ได้จากมังกรโครงกระดูกให้เลย”

เทรอส เชื่อว่าโวล์คและเหล่าดาร์คเกมเมอร์จะยอมรับข้อเสนอนี้  พวกเขามีชีวิตเพื่อเงิน พวกเขาเป็นคนรับจ้างที่พร้อมตายได้ทุกเมื่อเพียงเพราะเงิน แทนที่จะเป็นสายสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่เลื่อนลอย เหล่าทหารรับจ้างพวกนี้ กลับเป็นผู้ที่ศรัทธาในโลกความเป็นจริง!
.
.
แต่โวล์คกลับส่ายหน้า
“ผมขอโทษด้วย ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ”
“ทำไมล่ะ? มีปัญหาอะไรกับข้อเสนอของผมเหรอ เรากำลังยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าโอเบรอนให้นะ”
“ขอโทษจริงๆ แต่ผมรับเงินล่วงหน้ามาแล้ว”
“ไม่จริงน่า....”
กฎข้อที่ 4 ของดาร์คเกมเมอร์
รับเงินมา รักษาสัญญา ไม่ว่าจะมีผลประโยชน์มากมายขนาดไหนให้คุณเก็บเกี่ยว คุณก็ต้องปฏิบัติตามสัญญานั้นโดยสิ้นเชิง

ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเมื่อดาร์คเกมเมอร์รับเงินมาแล้วนั้น พวกเขาจะไม่ผิดสัญญาเด็ดขาด เพราะถ้ากลุ่มของพวกเขามีชื่อเสียงในทางไม่ดี พวกเขาจะหาเงินไม่ได้ ดังนั้นเพื่อผลประโยชน์ของดาร์คเกมเมอร์ กฎจึงถูกบัญญัติขึ้น
วินาทีที่คุณยอมรับในสัญญา คุณต้องสาบานว่าจะไม่ละทิ้งมันเด็ดขาด

เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ได้ยินไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ การเสนอเงินออกไปแบบนั้นทำให้ เทรอสรู้สึกแย่มาก
ใบหน้าของเขาบูดบึ้งทันที
“พวกเราสามารถให้คุณได้มากกว่าที่พวกนั้นเคยสัญญาไว้  2 เท่าเลย ไม่สิ 3 เท่าเลยก็ได้นะ”
“ผมขอโทษครับ แต่เราทำไม่ได้ พวกเรามีสัญญาผูกมัดไว้ เมื่อสัญญาครบกำหนดเราถึงจะช่วยได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
เหล่าดาร์คเกมเมอร์ไม่สามารถรับข้อเสนอของเทรอสได้

กรรรรรรรร!
ขณะเดียวกันนั้นเอง มังกรโครงกระดูกและพวกมอนสเตอร์ก็เริ่มโจมตีอย่างหนักหน่วงขึ้น
คณะสำรวจไม่สามารถเพ่งความสนใจไปที่มันได้อีกแล้วเมื่อเหล่ายอดฝีมือกำลังยุ่งอยู่กับการสู้กันเอง
แม้ว่าเหล่าดาร์คเกมเมอร์จะเป็นกลางและเข้าต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์  แต่พวกเขาก็ไม่สามารถป้องกันได้ทุกอย่าง

“กรรรรรร! มนุษย์!!! ฆ่ามัน!!!”
“จงศรัทธาในความชั่วร้าย  ไรด์อีวิล!”
ถึงแม้ว่าพวกมันจะได้รับบาดเจ็บ แต่มังกรโครงกระดูกและเหล่ามอนสเตอร์ก็ยังปลดปล่อยการโจมตีออกมาอย่างดุดัน
หุบเขามรณะกลายเป็นสุสานของใครหลายคน

พอถึงจุดๆหนึ่ง  สมดุลก็เริ่มพังทลาย ฝ่ายที่กุมความได้เปรียบเปลี่ยนมือจากผู้เล่นมาเป็นมังกรโครงกระดูกและเหล่ามอนสเตอร์แทน
“ชิบหาย!”
“เป็นเพราะพวกคนทรยศ!!!”

มันสายไปแล้วที่จะหยุดการสู้กันเองตอนนี้และหันไปโฟกัสที่มอนสเตอร์
สถานการณ์ตอนนี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถไว้ใจซึ่งกันและกันได้ และนั่นยิ่งทำให้แย่ขึ้นไปอีก
มันเป็นเรื่องยากสำหรับคณะสำรวจที่จะเชื่อใจคนของเทรอส ที่ฆ่าคนของกิลด์โฟรเซ่นโรส                  
หากพวกเขารวมพลังกันได้อีกครั้ง  ก็คงจะมีโอกาสชนะ แต่ตอนนี้เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป และนั่นยิ่งทำให้ความเสียหายมากเป็นทวีคูณ

ในที่สุด  มังกรโครงกระดูกก็สามารถทำลายโซนป้องกันได้
การที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของมังกรโครงกระดูก   การเคลื่อนไหวของมันต้องถูกพันธนาการไว้ด้วยการโจมตีที่รวดเร็วต่อเนื่อง  แต่ด้วยความที่การโจมตีขาดหายไป มันจึงสามารถหลุดออกมาเป็นอิสระได้

ก๊าซซซซซ!
มังกรโครงกระดูกสยายปีกของมัน
เมื่อมันบินออกไป แรงลมกระแทกใส่เทรอสและคนของเขาให้ล้มลง รวมทั้งเหล่านักรบของคณะสำรวจอีกด้วย
“แม่งเอ้ย!”
เทรอส พยายามจะลุกขึ้นให้เร็วที่สุด

วิ้ง!
ในตอนนั้นเอง ดวงตาของมังกรโครงกระดูกก็ส่องสว่าง
มันสูดลมหายใจลึก และเริ่มอ้าปากกว้าง
ฟู่วววววว!
ลมหายใจที่ทรงพลังนั่นทำลายล้าง เทรอสและนักรบแห่งคณะสำรวจได้อย่างราบคาบ
“อ้าาาาาาาา!”
“ช่วยด้วย!”
“ร่างกายฉัน....ร่างกายฉันกำลังละลาย!”

มังกรโครงกระดูกปลดปล่อยลมหายใจมังกร   อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของมัน  
เหล่านักบวช ผู้ใช้ธาตุ และพ่อมดที่มีพลังกายต่ำ เกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันอย่างเหนียวแน่น  และพยายามหาหนทางหลบให้พ้น
“ทำไห้ได้!”
“เร็วเข้า!”

ด้วยความหวาดกลัว  พวกเขาพยายามวิ่งหนีเหมือนกับแมลงวันพร้อมๆกับ ที่ร่ายเวทป้องกันออกมาแต่กระนั้น ลมหายใจมังกรก็กวาดผ่านเข้ามา

เหล่าผู้รอดชีวิตพยายามหลีกเลี่ยงความเสียหายด้วยการพยายามรักษาคนที่กำลังได้รับบาดเจ็บหนักไม่ให้ตายลง
เมื่อร่างกายพวกเขากลายเป็นสีดำ พลังชีวิตของพวกเขาก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ
นี่เป็นผลมาจากการถูกลมหายใจพิษนั่นโจมตีใส่

พวกเขาร่ายเวทป้องกันเสริมให้พวกนักรบอย่างหนาแน่นเพื่อลดอานุภาพของลมหายใจมังกรนั้น แต่ก็ไม่สามารถป้องกันเหล่านักรบจากการถูกลมหายใจกลืนกินได้
“หัตถ์แห่งการรักษา”
“รักษา!”
“ฟื้นฟู!”
เหล่านักบวชร่ายเวทฟื้นฟูอย่างเร่งรีบ
พวกเขาพยายามลดพลังของพิษพร้อมๆ กับฟื้นฟูพลังชีวิตไปด้วย!
“ต่อต้านพิษ!”
“รักษาพิษ!”
นักบวชร่ายเวทแก้พิษอย่างดุดัน

และต้องขอบคุณความอุตสาหพยายามของพวกเขา    ผู้ที่ถูกลมหายใจมังกรจึงสามารถรอดชีวิตได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้แทบจะไม่มีความหวังเหลืออีกแล้ว
ผู้ที่เหลือรอดของคณะสำรวจมีอยู่ราว 400 คน จำนวนของผู้รอดชีวิตนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม  พวกเขาคงไม่สามารถสู้กับมังกรโครงกระดูกได้อีกต่อไป
ตอนนี้คณะสำรวจขาดแคลนนักรบแนวหน้า เหล่านักบวช พ่อมด ผู้ใช้ธาตุ นักธนู บาร์ดและแดนเซอร์ ที่เหล่าอยู่นั้น  เป็นอาชีพที่อ่อนแอต่อการถูกโจมตีทางกาย

“บ้าเอ้ย! มันเกิดขึ้นอีกแล้ว!”
โวล์คบ่นออกมา
เหมือนกับเควสสุดท้ายที่เขารับมา เขาคงได้ตายอีกรอบแน่
 คุณจะได้รางวัลใหญ่ถ้าคุณยอมต่อสู้จนตายเพื่อรักษาสัญญา แต่สำหรับเหล่าดาร์คเกมเมอร์ ความตายนั้นหมายถึงความสูญเสียที่ใหญ่หลวง

เหล่าดาร์คเกมเมอร์รวมทั้งโวล์คและแดริน  รวมตัวอยู่ใกล้ๆ กัน
“เราจะทำยังไงดี?”
“ตามสัญญาเราหนีไม่ได้”
“งั้น......”
“ก็ดี มาสู้กันเถอะ!”

เลือดในกายเริ่มเดือดพล่านไปในตัวดาร์คเกมเมอร์อย่างที่ไม่ได้เป็นมานานแล้ว
เกมโรยัล โร้ด นั้นก็เป็นเหมือนสถานที่ทำงานของเหล่าดาร์กเกมเมอร์ ที่ใช้หาเงิน   แต่พวกเขาก็รักในดินแดนนี้
การได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์นั้น  ก็เหมือนการที่พวกเขาถูกบังคับให้กลับบ้านนั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตามด้วยพระหัตถ์ของพระเจ้าที่มองไม่เห็น พวกเขาจึงลงเอยด้วยการต่อสู้กับมังกรโครงกระดูกและเหล่ามอนสเตอร์ ซึ่งมันทำให้ภายในอกของพวกเขาร้อนแรงไปด้วยไฟแห่งสปิริต
“โอ้วววววว!”
“ฆ่ามันเลยยย!”
“สับมัน! ฟันมันซะ!”

ด้วยความตื่นเต้น เหล่าดาร์คเกมเมอร์ไม่สนใจมอนสเตอร์ตัวอื่นและเล็งเป้าไปที่มังกรโครงกระดูกอย่างเดียว
“วู้วววว  ตีแม่งๆๆ ตีแม่งให้ตาย !”
“ได้เลยย! นี่มันน่าตื่นเต้นชะมัดเลยเนอะ?”

เมื่อมังกรโครงกระดูกโจมตีจนพวกเขาล้มลง พวกเขาก็เพียงแค่หัวเราะออกมา แล้วก็ลุกขึ้นยืนใหม่ราวกับซอมบี้และพุ่งโจมตีอีกครั้ง!

ในขณะเดียวกัน เหล่านักดาบ (Geomchis) จำต้องจัดการกับพวกมอนสเตอร์
พ่อมดและนักบวชก็ต่อสู้อย่างระมัดระวังพร้อมๆกับคอยสังเกตสิ่งรอบตัวไปด้วย แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกนักดาบเกินไปนัก

หลังจากต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนมากจนร่างกายแทบเป็นผ้าขี้ริ้ว   เขาก็บาดเจ็บไปหมดจนไม่อาจทนได้อีก
“อ้ากกก!”
นักดาบปลดปล่อยอาการบาดเจ็บออกมา ล้มลงกับพื้นและเขาก็ตาย

วีดตัดสินใจจะแทรกแซงการต่อสู้ครั้งนี้หลังจากเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“เราอุตส่าห์หวังว่าจะไม่ต้องเข้าร่วมการต่อสู้นี่แล้วซะอีก”
ทว่าการตายของนักดาบไม่สามารถถูกมองข้ามได้ แล้วเขาก็ส่งเสียงกระซิบไป
(พี่นักดาบ 16 ครับ)
(หือ? วีดเหรอ?)

นักดาบ 16 พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งขัดกับใบหน้าที่น่ากลัวนั่น
เขาเป็นนักดาบที่อายุมากที่สุดในบรรดานักดาบด้วยกันรองจากอาจารย์  ซึ่งผ่านประสบการณ์สับสนอลหม่านมามากในชีวิตจริง ดังนั้นเขาจึงไม่เคยสูญเสียความเยือกเย็นในการตัดสินใจ
(เราได้ยินเกี่ยวกับการโจมตีโดยลมหายใจมังกรนั่น นี่หมายความว่าท่านอาจารย์อัน ฮุนโด ตายแล้วเหรอ?) --นักดาบ 16 พูด (editor-note)
(ตายแล้วครับ  เพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้ผมรอดชีวิตมาได้ ยังไงก็ตาม ให้ผมช่วยพี่นะ ผมว่าพี่ไปอยู่แนวหลังจะปลอดภัยกว่านะครับ)--วีดพูด
(ไม่เป็นไร นั่นไม่จำเป็นหรอก)

คำพูดของนักดาบ 16 เป็นอะไรที่คาดไม่ถึง
(ได้โปรดรอจนกว่าเราจะตายก่อน)
(ครับ?)
(ให้เราได้มีโอกาสโชว์ให้เธอเห็นว่าเราเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมก่อน)

ใกล้ๆ กับนักดาบ 16 นั้นมีนักบวชสาวแสนสวยที่กำลังสั่นกลัวและร้องไห้ไปพร้อมๆ กับร่ายเวทรักษาให้
ในดินแดนอันหนาวเย็นและอันตรายแห่งนี้   สถานที่ที่มีแต่ความหิวโหยและมอนสเตอร์ร้ายกาจแฝงตัวอยู่เต็มไปหมด,  
หญิงสาวกลับกำลังมองดูบุรุษที่กำลังเสี่ยงชีวิตของตนเองอยู่!

นักดาบ 16 ตัดสินใจจะเสียสละตนเอง
ในโลกความเป็นจริง เหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะนักดาบ 16 คงสามารถจัดการตื้บพวกที่มารังแกได้ในพริบตาเดียว

ในที่สุด นักดาบ 16 ก็ล้มลงอย่างสง่างามระหว่างที่กำลังต่อสู้กับทหารปีศาจ
พลังชีวิตของเขาลดต่ำลงมากจนถึงระดับที่เวทรักษาไม่สามารถช่วยเขาได้
“ฉันขอโทษนะคะ สกิลของฉันยังไม่ดีพอ มันคงจะดีกว่านี้ถ้าฉันเป็นฝ่ายที่ตายแทน....”
“....ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว”

ดวงตากลมโตของนักบวชสาวแห่งวิหารเยเวน (Yevhen) เต็มไปด้วยน้ำตา
เธอจ้องมองไปที่นักดาบ 16
ในสนามรบที่โหดร้ายแห่งนี้  เขามักจะคอยดูแลเธออยู่เสมอ
ตอนนี้ เขากำลังจะจากไป

“ต้องจากกันอีกแล้วนะครับ   ซักวันเราคงได้พบกันอีก หวังว่าตอนนั้นผมคงจะได้ปกป้องคุณอีกครั้ง     คุณจะให้เกียรตินั้นแก่ผมได้ไหมครับ?”
นักดาบ 16 ใช้เวลาหลายวันในการเตรียมพร้อมสำหรับวินาทีนี้ เขาฝึกมาอย่างดีภายใต้การควบคุมของปรมาจารย์เพลย์บอยอย่างเซเฟอร์
เซเฟอร์นั้นบอกว่า   สำหรับผู้หญิงแล้ว น้ำเสียงที่แสดงถึงความเสียใจเพราะไม่อาจปกป้องพวกหล่อนได้นั้น  มักจะจับจิตจับใจของหญิงสาวได้ดีนักแล

“ฮึก ค่ะ ฉันชื่อลิบบี้นะคะ”
“นักดาบ 16 ครับ”
ยืนยันการเป็นเพื่อน!

เมื่อบรรลุสิ่งที่อยากได้แล้ว นักดาบ 16 ก็พร้อมที่จะตายในที่สุด
‘ตูทำได้แล้ว ครอกก’
.
.
.
วีดออกมาจากที่ซ่อนตัว
ร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกล้วนๆ!
เงาร่างของโครงกระดูกมุ่งตรงไปยังคณะสำรวจ

เล่มที่ 10 ตอนที่ 2 จบ


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>