วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 10 ตอนที่ 3 การกลับมาของอันเดด (Rise of The Undead)

เล่มที่ 10 ตอนที่ 3 การกลับมาของอันเดด (Rise of The Undead)

วีดตะโกนสั่งการ ในมือหนึ่งถือคฑาแห่งนักบุญผู้ตกต่ำ ขณะที่อีกมือหนึ่งก็ถือตำราแห่งบัลข่านเอาไว้
“ไวเวิร์นทุกตัวเข้าสู่สนามรบ!”

ไววัน ไวทู ไวทรี ไวไฟว์ ไวซิกซ์ ไวเซเว่น
ไวเวิร์นทุกตัวยกปีกที่พวกมันภาคภูมิใจและบินขึ้น
“ฮัดชิ่ว!”
“แม่ง ข้าเริ่มหนาวแล้วว่ะ”
“เป็นเวรเป็นกรรมของข้าที่ได้เจ้านายผิดคนก็เลยต้องมาทรมานซ้ำๆ แบบนี้!”
บนระดับที่สูงขึ้นไปของหุบเขาแห่งความตาย สายลมหนาวกำลังพัดพาละอองน้ำแข็ง วีดกลัวว่าแค่ตนเดินเข้าไปใกล้ก็อาจจะทนความหนาวไม่ไหว!
พวกไวเวิร์นบินไปด้วยตัวสั่นไปด้วยเพราะอากาศที่หนาวเย็น ถ้าไม่มีหนังสุนัขป่าย้อมด้วยเฉดสีสดใสที่พวกมันใส่อยู่พวกมันคงไม่สามารถแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ที่นี่
สมาชิกคณะสำรวจที่รอดชีวิตจมลงสู่ความสิ้นหวังเมื่อมองเห็นไวเวิร์นฝูงใหม่ที่บินใกล้เข้ามา

“ซวยแล้ว ไวเวิร์นมาว่ะ”
“ตอนนี้แม้แต่วิ่งหนีก็ทำไม่ได้แล้วใช่มั้ย”
แต่แล้วพวกเขาทุกคนก็มีสีหน้าดีขึ้น
“เชรี่ยไรวะนั่น ไวเวิร์นแมร่งใส่เสื้อว่ะ ทำไมไวเวิร์นมีเสื้อใส่วะ”
“นายว่าหน้าตาไวเวิร์น มันแปลกๆ รึเปล่า”
“หน้าเหลี่ยมๆ คอสั้นโคตรๆ แล้วก็พุงยื่นๆ ฉันว่าฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...”
“ที่ราบแห่งความสิ้นหวัง!”
“ไวเวิร์นที่ช่วยออร์คสู้กับกองทัพอันเดดไง”
“ถ้างั้น...”
“วีด! วีดอยู่ที่นี่!”

คณะสำรวจเข้าสู่ภาวะเฉลิมฉลองทันที
ฮีโร่ในฝันของพวกเขา!
เมื่อไรที่พูดถึงการผจญภัยและที่สุดของทวีป ชื่อวีดจะต้องได้รับการพูดถึง
“เจ้าไวเวิร์นโง่ อย่าพลาดของกินสิวะ!”
ตอนที่วีดสั่งให้ปล่อยตนลง เหล่าไวเวิร์นพากันบินอย่างขยันขันแข็งเพื่อหาสถานที่ให้เขาได้ดูสถานการณ์การต่อสู้
พวกมันบินหลบคณะสำรวจไปอย่างเฉียดฉิวแล้วเข้าโจมตีเหล่ามอนสเตอร์ ระหว่างนั้นโกลด์มินิก็ยิงธนูอย่างดุเดือด
เหล่านักดาบ นักบวช และวิซาร์ดเข้าล้อมพวกมอนสเตอร์และเริ่มต่อสู้
แม้จะมีความช่วยเหลือเข้ามาเพิ่มแต่สถานการณ์ก็ยังยากจะพลิกกลับ

วีดคลี่ตำราแห่งบัลข่าน
เพื่อต่อกรกับมอนสเตอร์จำนวนมาก วีดต้องการกองหนุน และกองหนุนที่ใช้งานได้ก็มีอยู่ที่นี่มากมาย
“จงลุกขึ้นเหล่าวิญญาณไม่สงบที่ยังวนเวียนอยู่ที่นี่โดยไม่มีผู้ใดมองเห็น จงแก้แค้นผู้ที่พรากชีวิตเจ้า! เดดไรซ์!” (Dead Rise)
พื้นน้ำแข็งที่คณะสำรวจยืนอยู่เปลี่ยนเป็นสีดำเข้ม
ซอมบี้ กูล และนักรบโครงกระดูกผุดขึ้นจากพื้น!
“เคี้ยกกก!”
“กรูวววว!”
เมื่อกองทัพอันเดดใกล้เข้าไปวีดก็ชี้นิ้วและออกคำสั่ง
“จงต่อสู้ สังหารพวกมัน ศัตรูทุกตัวของพวกเจ้า!”
“กรรรรรรรร!”
ภายใต้คำสั่งของวีด เหล่าอันเดดเดินกระย่องกระแย่งเข้าหาพวกนักบวชเอมบินยูและมอนสเตอร์
...ในสภาพล้มลุกคลุกคลาน
การเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นธรรมชาติทำให้พวกมันลื่นล้มบนน้ำแข็ง
แต่อย่างน้อยกรงเล็บของซอมบี้ที่ถูกปลุกขึ้นมาเหล่านี้ก็มีพละกำลังมหาศาลเมื่อตวัดเข้าใส่
พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งแม้จะเคลื่อนที่ช้า

“วีดเป็นคนสร้างอันเดดพวกนั้น!”
“พวกอันเดดกำลังสู้กับมอนสเตอร์”
เหล่าคณะสำรวจที่ตกอยู่ในความวุ่นวายพูดขึ้น
อันเดดคือศัตรูของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่พวกมันกลับจู่โจมใส่มอนสเตอร์เท่านั้น!
อาชีพเนโครแมนเซอร์เปิดสู่สาธารณะนานแล้วแต่ผู้คนยังคงเปลี่ยนอาชีพไม่เสร็จ การได้เห็นทักษะปลุกชีพอันเดดด้วยตาตัวเองก็เลยเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างไม่ต้องสงสัย

“จงมาเดธไนท์แวนฮอล์ค! จงมาแวมไพร์โทริ!”
วีดเรียกเดธไนท์และแวมไพร์ลอร์ด!
เดธไนท์โทรมๆ และแวมไพร์โทริหน้าขาวซีดปรากฏตัวขึ้น
“วันนี้ต้องเป็นวันโชคดีของข้าแน่ๆ ที่ได้พบเจ้านายที่ข้าโปรดปราน”
เดธไนท์โผล่มาก็เลียแข้งเลียขาทันที วีดที่กลายเป็นโครงกระดูกไปแล้วทำให้เกิดความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมขึ้น
วีดเองก็รู้สึกว่าไม่ได้เจอเดธไนท์มานานมากแล้ว
“เดธไนท์!”
“นายท่าน สั่งมาได้เลยขอรับ ต้องการให้ข้าสู้กับใคร เพียงท่านสั่งมา ข้าจะไปนำมันมาสังเวยต่อหน้าท่าน”
เดธไนท์ผู้รักการเอาชนะรับคำด้วยความมั่นใจ แต่วีดส่ายหัว
“ไม่ใช่เรื่องนั้น ถอดหมวกเจ้ามาให้ข้า”
“...”
“ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งเหรอ ถอดหมวกออกแล้วส่งมาให้ข้า ข้าจะใส่”
โผล่มาบนโลกได้เพียง 5 วินาทีก็ต้องเผชิญเข้ากับพฤติกรรมโหดร้ายทารุณ!
ได้คืนมาเพื่อจะถูกแย่งชิงไปอีกครั้ง
เจ้าของดั้งเดิมของมันคือเดธไนท์แต่วีดกลับจะปล้นไปซะดื้อๆ
“นี่มันของของข้า”
เดธไนท์ยืนตรงและพยายามปกป้องหมวกเวทย์ของตนเอง
วีดกำหมัด
“อยากให้ข้าทุบตีเจ้ามากกว่าใช่มั้ย”
เลือกระหว่างการถูกบีบบังคับและความรุนแรง!
วีดไม่ใช้ความอดทน
“อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ”
“...ข้าจะมอบให้ท่าน”
เดธไนท์ถูกบังคับให้ค่อยๆ ถอดหมวกออก
สำหรับคนอื่น บรรยากาศน่าหวาดหวั่นนี้มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากการข่มขวัญ แต่วีดพัฒนาไปถึงขั้นชำนาญการทำร้ายร่างกายแล้ว ด้วยทักษะอันชำนาญวีดใช้เวลาแค่สองสามวันก็ทุบตีให้ใครสักคนยอมศิโรราบได้แล้ว!

คงรู้สึกดีถ้าได้เห็นคนแบบนั้นโดนจำกัดอิสรภาพบ้าง
“ไม่ต้องห่วงน่า เดี๋ยวข้าก็คืนให้เจ้าใช้เหมือนเดิม ไปสู้ปะ”
“ขอรับ นายท่าน”

เดธไนท์พุ่งเข้าใส่กลุ่มนักบวชเอมบินยู
วีดค่อยหันกลับมามองโทริ
“เจ้าเอามังกรโครงกระดูกไป”
“เข้าใจแล้ว”
“เน้นป้องกันไม่เน้นโจมตี ไม่จำเป็นต้องเอาชนะ”
โทริได้รับคำสั่งให้สู้กับมังกรโครงกระดูกไปจนกว่าการต่อสู้จะสิ้นสุด
“ราชินี และลูกๆ ของข้า พวกเจ้าจงกระจายกันออกไป เราคือราชาแห่งรัตติกาล”
“รับคำสั่งนายท่าน!”
โทริเองก็แปลงเป็นค้างคาวตามลูกน้อง
เขี้ยวแวมไพร์อันแหลมคม!
พวกมันตีปีกสีดำ เกาะติดเข้ากับมังกรโครงกระดูกตัวมหึมาและยั่วยุให้มันจู่โจม
แม้จะปราบศัตรูลงไม่ได้ แต่ก็สามารถซื้อเวลาได้
ระหว่างนั้นวีดก็กำลังสวมหมวก
“ในเมื่อเขียนเอาไว้ ก็แสดงให้เห็นหน่อย”
หมวกเวทย์ใบนี้ตีขึ้นจากเหล็กต้องสาป
แสงสว่างโชติช่วงแต่กลับดูลึกลับประสงค์ร้ายระเบิดจ้าออกจากช่องที่เจาะไว้ตรงหว่างตา
มันคือดวงตาที่เรืองแสงราวไฟจากนรก!
หมวกเวทย์ของแวนฮอล์กเป็นหนึ่งในไอเทมที่ได้มาจากเดธไนท์ในลาเวียส
ครั้งหนึ่งเขาเคยสวมมันไว้ตลอดเวลา แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งตีหมวก Mithril Helmet of Noble Grace
แม้ว่าวีดจะคืนมันให้กับเดธไนท์ไปครั้งหนึ่งแล้วเขากลับจำเป็นต้องใช้มันอีกครั้ง

 - ความต้านทานเวทมนต์ธาตุมืดสูงขึ้น  
- ความเกี่ยวดองกับอันเดดเพิ่มขึ้น 10


หมวกเวทย์ให้ค่าสถานะเสริม
วีดใช้เวทมนต์เรียกอันเดดขึ้นมาอีกครั้ง
‘ยังเหลือมานาอีกเยอะเลยแฮะ’

มนต์ปลุกชีพอันเดดพื้นฐาน ขั้นที่หนึ่ง
สร้างอันเดดหลายร้อยตัวใช้มานาเพียง 4,000 เท่านั้น

คทาแห่งนักบุญผู้ร่วงหล่น
ค่าสถานะเสริมจำนวนมหาศาลที่ได้จากอาวุธและค่ามานาที่เหลืออยู่ทำให้วีดตัดสินใจนำมันมาใช้
‘ค่าโจมตีทางกายภาพของปฐมภูมิแห่งโครงกระดูกนี่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งใช้ได้’
แม้ไม่มีมานาก็ยังสามารถเข้าต่อสู้ได้ด้วยมือเปล่า

วีดคลี่ตำราแห่งบัลข่านแล้วใช้มนต์ปลุกชีพขั้นที่สอง
“เหล่าผู้ฟื้นคืนสู่ดินแดนของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ดินแดนชั่วร้ายและเสื่อมทรามแห่งนี้เป็นสถานที่อันมืดมน กฏเกณฑ์แห่งความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์จะไม่มีวันหายไป จงจำคำข้า อันเดดไรซ์!”(Undead Rise)

กึกๆๆๆ
เกิดแรงสั่นสะเทือนที่คทาแห่งนักบุญผู้ร่วงหล่น
วีดเห็นร่างหลายร่างผุดขึ้น
พวกมันไม่มีลำคอ ดุลลาฮาน!
นักรบผู้รักการต่อสู้

ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนนักเวทย์โครงกระดูกก็เพิ่มขึ้น
มีอันเดดหลายร้อยตน จำนวนที่มากมายทำให้พวกมันควบคุมยาก
คทาและหมวกเวทย์ช่วยให้วีดสั่งการกองกำลังเหล่านี้ได้แต่ก็ไม่สามารถสร้างอันเดดเพิ่มอีกเพราะใช้มานาไปเกือบหมด
วีดเหลือมานาอีกแค่ประมาณ 200 เท่านั้น!

แสงสว่างวาบออกมาจากหมวกเวทย์ที่วีดสวมใส่อยู่
“จงสู้! ทำศึก! ปลดปล่อยความเกลียดชังใส่ศัตรูของเจ้า!”
เสียงตะโกนของวีดแผ่ออกไปอย่างรุนแรง ทักษะราชสีห์คำรามขั้นสูงสูบเอามานาที่เหลือของวีดไปจนหมด

เหล่าอันเดดกระโจนเข้าใส่มังกรโครงกระดูกและมอนสเตอร์รอบๆ ภายใต้คำสั่งให้ต่อสู้ของวีด
พวกซอมบี้ต่อสู้ด้วยกระดูกแตกๆ หักๆ และทำแม้กระทั่งขว้างชิ้นส่วนเข้าใส่
ดุลลาฮานกอดหัวที่หน้าตาเหมือนกูลของตัวเองเอาไว้แนบลำตัว และใช้แขนอีกข้างถือดาบเข้าฟาดฟัน
“สู้!”
“มีศัตรูอยู่ทั่วไปหมด!”

วีดยังสร้างมอนสเตอร์ระดับบอสขึ้นมาหลายตัว!
ดุลลาฮานและนักเวทย์โครงกระดูกระดับบอสช่วยยกระดับการต่อสู้ให้น่าตื่นตาตื่นใจ
เป็นครั้งแรกในการต่อสู้ที่คณะสำรวจยืนตัวแข็งค้างอยู่กับที่ใจจดใจจ่ออยู่กับพลังอันแท้จริงของเวทมนต์ของเนโครแมนเซอร์
“เหลือเชื่อเลย!”
“มีแต่อันเดดเต็มไปหมด”

ปกติในเกมคนมักจะหลีกเลี่ยงการล่าอันเดด!
ในระหว่างสำรวจคนส่วนใหญ่เพิ่งจะเคยเห็นอันเดดเป็นครั้งแรก
บางคนยังไม่อยากจะเชื่อว่าดวงตาของพวกมันสามารถส่องแสงได้แบบนั้น

“เธอว่าอันเดดตัวนั้นดูคุ้นๆ มั้ย”
“หืม... นั่นสินะ”
“โอเบรอนรึเปล่า”
มันเป็นดุลลาฮานตัวที่เตี้ยเป็นพิเศษ แทนที่จะหลบหลีกศัตรู ดุลลาฮานตัวนั้นกลับต่อสู้อย่างดุเดือดแม้ว่าจะตัวเล็ก
เวทมนต์ของเนโครแมนเซอร์ใช้ศพแทนธาตุ พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าไม่มีศพอำนาจเวทมนต์ของเนโครแมนเซอร์ก็จะลดลงตาม
ศพของคณะสำรวจที่ตายในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ถูกปลุกขึ้นมาในฐานะอันเดด

ซอมบี้จำนวนมากลากร่างผุๆ พังๆ อย่างเห็นได้ชัดของพวกมันวิ่งเข้าใส่ศัตรู ล้มลุกคลุกคลานเพราะแขนขาที่ตายไปแล้ว
พวกมันใช้ทักษะไม่ได้แต่รูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับพวกที่ถูกฆ่าตายในอดีตมาก
“แล้วพวกนั้นเป็นใคร”
ชุดเกราะทหารขึ้นสนิม ดุลลาฮานบางตัวเป็นทหารสวมชุดเกราะหน้าตาโบราณ
นี่คือเหล่าทหารและอัศวินของอาณาจักรนิฟเฮล์ม
ทุกคนที่ตายในหุบเขาแห่งความตายไม่ว่าจะตายมานานแค่ไหนแล้วต่างถูกวีดปลุกชีพกลับมาทั้งสิ้น

“ฮว้ากกก!”
อันเดดที่น่าสยดสยองกดดันมอนสเตอร์ให้จนมุม
วีดเห็นข้อมูลโผล่ขึ้นมาเงียบๆ ในหน้าต่างข้อความ

- ท่านได้รับค่าประสบการณ์
- ดุลลาฮานสังหารนักบวชเอมบินยูที่มีพลังอำนาจมาก ท่านได้รับค่าชื่อเสียง 1 หน่วย จากชัยชนะที่เหลือเชื่อ
- กูลถูกสังหาร
- ท่านสามารถคืนชีพให้ทหารโครงกระดูกที่ถูกทำลายในการต่อสู้ได้ด้วยทักษะเดดไรซ์อะเกน(Dead Rise Again) โดยใช้มานาเพียงครึ่งเดียว
- นักเวทย์โครงกระดูกเหลือมานา 35%

อันเดดต่างจากประติมากรรม
พวกมันเผาผลาญมานา แต่ต่อสู้ได้ทันทีที่ถูกสร้างขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์อื่นที่ระดับเท่ากัน
แม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าไม่มาก แต่ก็สามารถทดแทนได้ด้วยการสร้างพวกมันในจำนวนมากๆ เมื่อสามารถทำได้
แล้วยังได้รับค่าชื่อเสียง และค่าประสบการณ์บางส่วนจากพวกมันอีกด้วย
เนโครแมนเซอร์ต้องประเมินสถานการณ์ให้ได้รวดเร็วกว่าอาชีพอื่นๆ เพื่อให้รู้ว่าจะใช้กองทัพมอนสเตอร์ของตนอย่างไร พูดอีกอย่างคือมันเป็นอาชีพที่ต้องการความเป็นผู้นำค่อนข้างมาก

วีดปลุกชีพอันเดดระดับบอส!
“โกรวววว!”
“คอร์ปสเอ็กซโพลชั่น!” (ระเบิดซากศพ)
“โบนชีลด์!” (เกราะกระดูก)
นักเวทย์โครงกระดูกบางตัวใช้ทักษะระเบิดซากศพ ซากศพแตกกระจายเข้าใส่กลุ่มศัตรูอย่างโหดเหี้ยม
ดุลลาฮานที่ได้รับการเพิ่มความแข็งแกร่งแบบกูลต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง คลั่งเกินไปด้วยซ้ำ
พวกมันต่างจากมนุษย์ พวกที่ลุกขึ้นมาจากหลุมไม่ค่อยจะมีเรื่องดีๆ นักหรอก หลังจากที่ล้มลงบนพื้นพวกมันก็จะคว่ำตัวคลานเข้าหาแล้วกัดใส่ข้อเท้า ทำทุกวิถีทางเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย!
ความสยดสยองของกองทัพอันเดดที่ไร้ความเมตตา
พวกมันโจมตีด้วยหลากหลายวิธีการที่ไม่คาดคิด รูปแบบการต่อสู้ที่มีพื้นฐานมาจากร่างกายที่ผุพัง
.
.
.
.
.
หอแห่งเกียรติยศของรอยัลโรด!
มีผู้คนหลายแสนคนแล้วที่กำลังติดตามข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ต
ทุกห้องสนทนาได้ดูรายการออกอากาศ พิจารณาจากจำนวนผู้ติดตามหลักล้านแล้วตัวเลขอาจจะพุ่งสูงถึงมากกว่ายี่สิบล้าน

                  - การล่ามังกรโครงกระดูก
                  - ความร้อนกับความแห้งแล้งจะถูกกำจัดออกจากทวีปเร็วๆ นี้แหละ

ความยินดีและความสุข!
ผู้คนชอบดูช่วงเวลาแห่งชัยชนะที่กระตุ้นให้มีชีวิตชีวา
แล้วฉากที่เทรอสหักหลังคณะสำรวจก็ออกอากาศ
ถ้าเป็นเพียงการหักหลังทั่วไปคงไม่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่เพราะการหักหลังครั้งนี้ทำให้คณะสำรวจตกอยู่ในการต่อสู้ที่เสียเปรียบอย่างที่สุด จนโอเบรอนเองก็ตายลงด้วย


                                    - พวกมันเป็นคนแบบนี้นี่เอง  
                                    - พวกขี้ขลาด ต้องทำถึงขั้นนี้เลยเหรอวะ  
                                    - สันดานเสีย  
                                    - ด่าว่าเหรี้ยยังสงสารเหรี้ยเลยครับ!

สมาชิกคณะสำรวจต่างโกรธแค้นที่ต้องเสียหัวหน้าไป
แต่พวกเขาก็ไม่มีกำลังพอที่จะยึดครองโลก อันที่จริงที่พวกเขาถูกหักหลังนั่นก็ต้องโทษตัวเองด้วย
นอกจากนั้น ถ้าพวกเขาพลาดทุกคนยังต้องทนกับคลื่นความร้อนนานกว่าเดิมอีกต่างหาก!
ผู้คนพร้อมใจกันโพสต์ด่าแบบสาดเสียเทเสีย
บอร์ดสนทนาปกคลุมไปด้วยคำด่าทอจากคนเป็นแสนๆ คน วิดีโอหลายรายการต้องถูกปิดไปเพราะโดนคนดูรุมด่า
แล้วเขาก็ปรากฏตัวขึ้น
วีด!

                                     - เฮ้ย พวกเรา! วีดจากคอนทิเนนท์ออฟเมจิคว่ะ!  
                                     - วีดคุมกองทัพอันเดด!  
                                     - ไม่ใช่ เรียกขึ้นมาเองเลย!

ทุกคนพากันตื่นเต้น
ชื่อที่ได้ยินไปทั่ว วีด!
ใครๆ ก็ใช้ชื่อวีด แต่วีดตัวจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น   (t/n:ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว!)
ผู้เล่นระดับสูงในเกมเดอะคอนทิเนนท์ออฟเมจิคที่เอาชนะมาแล้วทั้งตระกูลผีดูดเลือดและกองทัพอันเดด
วีดกลายเป็นคนดังไปแล้ว
ที่วีดกลายมาเป็นศูนย์กลางความบ้าคลั่งแบบนี้เป็นผลมาจากความวุ่นวายที่สื่อหลายแขนงก่อขึ้นตอนที่เขาขายตัวละครไปในราคาสูง
รูปลักษณ์ของวีดเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะให้ทุกคนตื่นเต้นได้แล้ว
.
.
.
วีดสั่งการทหารอันเดดที่ตนสร้างขึ้นให้คืบคลานและเข้ากัดกินนักบวชเอมบินยูและทหารปีศาจที่ติดตามพวกมัน
“โจมตี! สู้มัน! จับกินให้หมด!”
วีดบงการกองทัพอันเดดให้โจมตีเฉพาะมอนสเตอร์เท่านั้น

- ท่านได้รับค่าประสบการณ์
- กูลเก็บเงินได้ 3 เหรียญทอง และ 15 เหรียญเงิน
- ดุลลาฮานได้รับเสื้อหลวม 1 ตัว
- นักเวทย์โครงกระดูกเก็บห่อสมุนไพรสีแดงได้ 1 ห่อ

วีดได้เงินทุกครั้งที่พวกมันฆ่ามอนสเตอร์ ค่าประสบการณ์ก็ขึ้นค่อนข้างเร็วด้วย เมื่อไรก็ตามที่อันเดดต่อสู้ วีดจะได้รับส่วนแบ่งค่าประสบการณ์เป็นเปอร์เซ็นต์ที่แน่นอน ทำให้การเข้าร่วมในการต่อสู้โดยตรงสามารถทำได้โดยไม่ทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง
‘แล้วมันยังเป็นอาชีพสายต่อสู้ด้วย!’
ระหว่างที่การล่าดำเนินไปอย่างราบรื่น ดูเหมือนน้ำตาแห่งความโศกเศร้าจะไหล
อาชีพสายต่อสู้จริงๆ

เท่าที่รู้อาชีพเนโครแมนเซอร์เป็นอาชีพที่โตเร็วที่สุด และมีรสชาติของคนตาย
เนโครแมนเซอร์เก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์ได้เร็วกว่าอาชีพอื่นสี่เท่า
แต่ว่าการล่าถูกจำกัดไว้ด้วยช่วงเวลา เนโครแมนเซอร์มักจะเดินทางไปทั่วด้วยตัวคนเดียวเนื่องจากปาร์ตี้ส่วนใหญ่ไม่เคยสบายใจเมื่อมีเนโครแมนเซอร์อยู่ด้วย
เนโครแมนเซอร์คืออาชีพสร้างร่างอันเดด อาชีพนี้จะใช้ทักษะได้ก็ต่อเมื่อมีศพหรือซากมอนสเตอร์เท่านั้น
อันเดดตัวแรก!
จะสร้างอันเดดตัวแรกก่อนอื่นต้องจับมอนสเตอร์ที่มีค่าการโจมตีทางเวทมนต์ต่ำๆ มาฆ่า พออันเดดมีจำนวนมากขึ้นก็จะจัดการกับปัญหาแรกได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีเรื่องให้บ่นได้อยู่ดี

เนโครแมนเซอร์มีจุดอ่อนคือแพ้ทางนักบวชและพาลาดิน นอกจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งก็จะควบคุมอันเดดไม่ได้แล้วพวกมันก็จะกลับเป็นซากศพเหมือนเดิม หากจะให้พวกมันคืนร่างก็ต้องใช้มานาจำนวนมาก
การสั่งการกลุ่มอันเดดที่เคลื่อนที่ช้าให้เข้าต่อสู้เป็นเรื่องที่ควบคุมยากเพราะมันเผาผลาญมานาที่ต้องรอเป็นชั่วโมงๆ อย่างน่าเบื่อหน่ายให้มันฟื้นฟู
ยิ่งไปกว่านั้นคุณภาพของวัตถุดิบยังมีความสำคัญต่อทักษะเวทมนต์ของอันเดดอีกด้วย
พลังของอันเดดแต่ละตัวมีความแตกต่างกันอย่างไม่รู้จบขึ้นอยู่กับร่างที่ใช้
ถ้าร่างนั้นมีระดับสูงกว่า 300 ก็ยังพอสามารถสร้างอันเดดที่แข็งแกร่งได้แม้จะมีทักษะเวทมนต์ระดับต่ำ

“เดธไนท์ เลซ เวธ แบนชี หรือสเปคเตอร์ก็ได้ อยากเรียกพวกนั้นมาได้จังเลย แต่...”
ร่างปฐมภูมิแห่งโครงกระดูกโน้มเอียงไปทางวิซาร์ดทำให้การใช้เวทย์ปลุกชีพอันเดดขั้นต้นกับขั้นสองของเนโครแมนเซอร์ได้ง่าย!
มีเพียงเวทย์ปลุกชีพขั้นสามเท่านั้นที่มีขีดจำกัด
แต่อย่างน้อย วัตถุดิบชั้นเยี่ยมก็แสดงผลอย่างยอดเยี่ยม
ศพของคณะสำรวจกับร่างไร้ชีวิตของทหารอาณาจักรนิฟเฮล์มแล้วยังซากมอนสเตอร์ฝ่ายศัตรูที่ลุกขึ้นมาในฐานะอันเดด แม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนเพียงหนึ่งในสี่ของฝ่ายตรงข้ามแต่จำนวนเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“แต่เราอาจจะตายก็ได้”

ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไปจำนวนอันเดดต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อาชีพเนโครแมนเซอร์ได้เปรียบสุดๆ
“สุดยอด!”
“นี่มันเทพชัดๆ ท่านวีด”
สมาชิกคณะสำรวจมองขึ้นไปที่วีดด้วยความอิจฉา
นักผจญภัยตัวจริงของทวีปเวอร์เซลล์
วีดคือการดำรงอยู่ขั้นสูงสุดที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีภารกิจใดเป็นไปไม่ได้
ทีมสำรวจทำได้เพียงเคารพนับถือบุคคลผู้เป็นต้นแบบแบบนี้เท่านั้น

“อืมมม”
วีดเองก็รู้สึกได้ถึงความสนใจที่พุ่งมายังตนขณะกำลังยืนกอดอกดูการสู้รบอยู่ เขายืนด้วยท่วงท่าสง่างามเพื่อปิดบังไม่ให้ใครเห็นร่างกายที่เป็นโครงกระดูก
“หึๆ กองทัพอันเดดของเราก็สู้ใช้ได้เหมือนกันแฮะ”
วีดยืนอยู่สูงกว่าสมุน 50,000 ตัวของตนพอสมควร
แน่นอนว่าคณะสำรวจทุกคนต่างใจจดใจจ่ออยู่กับสถานการณ์การสู้รบที่นั่น พวกเขาต่างอยากรู้อยากเห็นสุดๆ ว่าคนอื่นๆ นอกจากพวกตนมาที่นี่กันได้ยังไง
เสียงคุยจ้อจากทางทีมสำรวจลอยมาเข้าหูวีด (แต่หัวกะโหลกไม่มีหูนี่! มุขกะโหลกกะลาน่ะ)
“ว่าแต่ว่า ทำไมต้องเป็นโครงกระดูกด้วย”
“ไม่รู้เหมือนกัน ไปกวนตีนใครที่ไหนแล้วโดนเค้าสาปมารึเปล่า”
“ไม่ม้าง คำสาปยังอยู่ครบเลยนี่”
“นายว่าเค้าจะโชว์มนต์ดำของจริงให้เราดูมั้ย”
“ถ้าโชว์จริงละก็เราน่าจะรอดูเค้าแสดงพลังของเนโครแมนเซอร์”
“เทพวีดต้องโชว์ฉากเด็ดๆ ให้เราดูแน่”
วีดเจ็บหูแปล๊บ เขาไม่ได้เขิน แค่บอกใครไม่ได้ว่ามานาหมดแล้ว!
‘ใช้สกิลเนโครแมนเซอร์ไม่ได้แล้ว’

เลือดลมสูบฉีด
คทาที่อยู่ในมือช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง
แล้วก็เหมือนเคย ร่างกายต้องมารับกรรมจากจิตใจที่ชั่วร้าย
วีดเล็งคทาไปที่ลำตัวของมอนสเตอร์
“ปึ้ก!”
คทาเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหล ขยับอย่างอิสระอยู่ในฝ่ามือของเขา แล้วกระแทกเข้าใส่เหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังเคลื่อนที่
ฝีมือดาบอันยอดเยี่ยมของวีดเผยสู่สายตาของผู้คนเป็นครั้งแรกด้วยคทานี่เอง

ดาบกับคทามีความต่างกันอยู่มาก
ดาบเป็นอาวุธมีคมที่ใช้เชือดเฉือนฝ่ายตรงข้ามในขณะที่คทาเป็นเพียงอาวุธที่ใช้ทุบตีคู่ต่อสู้
พลังโจมตีของคทาแห่งนักบุญทารันฮานรุนแรงกว่าดาบของตัวเขาเองเสียอีก!

วีดบดขยี้มอนสเตอร์ทุกตัวที่อยู่เบื้องหน้าแบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
‘ค่าประสบการณ์! ค่าประสบการณ์กำลังเรียกหาเราอยู่’
ไอเทมและเงินที่พวกอันเดดเก็บได้จะกลับมาที่วีดทั้งหมด แต่ค่าประสบการณ์มากกว่าครึ่งจะเสียไปให้กับอันเดดที่เขาควบคุม
ดังนั้นวีดจึงตั้งอกตั้งใจเลือกโจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์ที่พลังชีวิตกำลังเข้าขั้นวิกฤติ
ทัศนวิสัยอันกว้างไกลของเขาทำให้สังเกตเห็นทุกอย่าง!
แม้ว่าวีดจะตายไม่ได้อย่างเด็ดขาดแต่ก็ยังโจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์หลายตัวพร้อมๆ กัน
ไม่ว่าเขาจะผ่านไปที่ไหนมอนสเตอร์ก็กลายเป็นซากศพที่นั่น
เขากวาดผ่านแคมป์ราวพายุ

‘มังกรโครงกระดูกตายเมื่อไร เราต้องรีบสู้เพื่อเอาค่าประสบการณ์ที่เสียไปกลับมา’
ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะขั้นสูงอันมีค่าที่หายไปหลายทักษะยังเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวง
เพื่อทดแทนที่ตอนนี้มีพลังโจมตีน้อย วีดก็เลยเลือกจัดการเฉพาะมอนสเตอร์ที่กำลังจะตายมิตายแหล่

“สมกับที่เป็นท่านวีด!”
“ขนาดไม่ใช้เวทมนต์ยังสู้ได้”
“แมร่ง! ฉันอยากล่ามอนด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายแบบนั้นได้บ้าง”
“เป็นวิซาร์ดแต่ทำได้ขนาดนี้ นั่นมันพลังทำลายล้างแบบไหนกัน...”
“มันเวลอะไรวะ”
ในแววตาของสมาชิกคณะสำรวจความชื่นชมยิ่งเข้มข้นขึ้น
ไม่ว่าวีดจะผ่านไปทางไหนมอนสเตอร์ทางนั้นก็บางตาลงอย่างเห็นได้ชัดจึงถูกมองแบบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทุกคนจับจ้องวีดไม่วางตา
เหล่าอันเดดเข้ามาต่อสู้แทนพวกที่เลิกต่อสู้ไป ขณะที่วีดวิ่งตรงเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์ที่กำลังต่อสู้กันอยู่และกำจัดศัตรูไปได้หลายตัวในทันที
คทาที่เคลื่อนไหวอย่างน่าพิศวง
ท่วงท่าอันน่าจดจำและการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลต่อเนื่อง
การสู้รบตอนนี้ดูเรียบร้อยเป็นระเบียบจนราวกับว่าการต่อสู้ชุลมุนก่อนหน้านี้เป็นเพียงละครตอนหนึ่ง
ที่จริงวีดตั้งใจจะปล่อยพวกอันเดดที่ใกล้ตายให้คนอื่นๆ จัดการ แต่มุมมองของพวกเขากลับกันอย่างสิ้นเชิง

“โคตรเก่งเลย!”
“สู้แบบนั้น โคตรเท่อะ!”
สมาชิกคณะสำรวจพ่นคำชมใส่วีดรัวๆ
แค่การเคลื่อนไหวอันเป็นศิลปะของวีดก็เพียงพอที่จะเรียกคำชมได้แล้ว
ปฐมภูมิแห่งโครงกระดูกเองก็เป็นอาชีพที่สมบูรณ์ มันค่อนข้างแข็งแกร่งในการสู้รบ
และเมื่อรวมเข้ากับส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดอย่างคทาแห่งนักบุญผู้ร่วงหล่นแรงโจมตีของวีดจึงยิ่งโดดเด่นเข้าไปอีก
ความดุเดือดรุนแรงของทักษะที่วีดแสดงให้เห็นเป็นสิ่งที่เกินจินตนาการของคนทั่วไป

ห่างไป 30 เมตรนักบวชเอมบินยูกำลังจะตาย
มันกำลังจะล้มลงแล้ว!
แต่ดาบที่อยู่เหนือหัวดุลลาฮานก็กำลังจะตวัดลงมา
เห็นแบบนี้วีดรีบหักซี่โครงตนออกมาซี่หนึ่งแล้วตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“โบนโทรว!”
เขาขว้างกระดูกหักๆ ของตัวเองเข้าใส่เป้าหมาย
กระดูกที่แหลมคมเหินไปในอากาศ! มีเพียงปฐมภูมิแห่งโครงกระดูกเท่านั้นที่มีทักษะเฉพาะแบบนี้
กระดูกบินไปด้วยแรงเหวี่ยงอันรุนแรงและปลิดชีวิตเป้าหมายได้ทันก่อนที่มันจะตาย

           - ท่านใช้งานชิ้นส่วนร่างกายตนเอง
              ค่าโจมตีของท่านจะลดลง 1.3%  และค่าป้องกันจะลดลง 2%  จนกว่า
              กระดูกจะกลับมา                    

วีดเคลื่อนที่วุ่นวายไปทั่วเพื่อต่อสู้ คว้าไอเทม ขว้างกระดูก และสั่งการกองทัพอันเดดเป็นระยะๆ เขาเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดพัก โจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์ราวกับพายุขุมหนึ่ง
จะว่าไป วิญญาณของพวกนักดาบก็กำลังต่อสู้ร่วมกับคณะสำรวจเช่นกัน
ผลก็คือ นักบวชเอ็มบินยูและทหารปีศาจทนการถูกเข่นฆ่าต่อไปไม่ไหวแล้ว

“กรรรร!”
เสียงคำรามของมังกรโครงกระดูก!
เหลือแค่จัดการกับมังกรโครงกระดูกที่เป็นมอนสเตอร์ระดับบอสเท่านั้น
แวมไพร์โทริเองก็กำลังต่อสู้แต่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส สมุนแวมไพร์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็เหลืออยู่เพียงครึ่ง!
อันเดดจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงคำรามอยู่บนพื้นสนามรบแต่ช่วยทำอะไรมังกรโครงกระดูกไม่ได้มากนัก ส่วนทีมสำรวจตอนนี้ก็เหนื่อยจนไม่มีแรงสู้แล้ว
วีดลังเล
‘หลบไปก่อนดีมั้ยวะ’

เขาเผื่อทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว ถ้าปล่อยให้โทริตายเขาก็จะหนีไปได้
‘แต่ถ้าทำแบบนั้นเราก็จะไม่ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรนิฟเฮล์มในหุบเขาแห่งความตายนี่’
ภารกิจต้องมาก่อน
เมื่อเห็นว่าเป็นภารกิจที่หาได้ยากวีดก็เลยจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อจัดการกับสถานการณ์บนพื้นน้ำแข็งนี่ให้ได้!
มังกรโครงกระดูกปรากฏตัวออกมาจากถ้ำ ไม่แน่ว่าในนั้นอาจจะมีความลับที่แท้จริงของอาณาจักรนิฟเฮล์มซ่อนอยู่ แต่การลอบเข้าไปในถ้ำโดยไม่ให้มังกรโครงกระดูกเห็นก็เป็นภารกิจเสี่ยงตาย ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างที่มันสู้ถ้ำอาจจะถล่มลงมาฝังเขาเอาไว้ในนั้นก็ได้ ขาเข้าว่ายากแล้วขาออกอาจจะเจอปัญหาใหญ่กว่า
‘การกลับมาที่นี่อาจจะทำให้หาโอกาสได้ยากขึ้นไปอีก ต้องฆ่ามังกรโครงกระดูกตอนนี้เท่านั้น!’
วีดตัดสินใจ
ตั้งแต่สู้กับมอนสเตอร์มาไม่มีครั้งไหนที่วีดจะยืนอยู่แนวหลัง แม้ว่าบางครั้งการทำงานอย่างประณีตยาวนานจะไม่ให้ผลตอบแทนใดๆ แต่ก็ไม่มีความท้าทายไหนสำเร็จลงได้โดยไม่ลงทุนลงแรง
วีดปลุกสปิริตนักสู้ที่ไม่ย่อท้อในเกมคอนทิเนนท์ออฟเมจิคของตนกลับมา
‘ท่าทางคงต้องซัดด้วยอะไรคมๆ ซะหน่อย’
วีดตรวจดูมานาที่ฟื้นคืนมาระหว่างต่อสู้ พอสู้โดยใช้ร่างกายเพียงอย่างเดียวก็เลยเก็บมานาได้ถึง 43%
“ความมืดอันมืดหม่นตกต้องลงบนหอก หอกที่เกิดจากความมืดทิ่มแทงเข้าใส่หัวใจของศัตรู จงมา ดาร์คสเปียร์!” (t/n: มีใครนึกถึงแฟรงเก้นสไตน์บ้าง) (e/n: ผ้ม! (^_^)/  แฟร้งเก้นจาก noblesse ใช่ไหมฮะ)

วีดกางแขนออกคว้าหอกมีชีวิตสีดำไว้ในมือ
หมอกที่ดูประสงค์ร้ายพวยพุ่งออกมาจากหอก
มันสร้างขึ้นจากมนต์ดำ
ในบรรดาเวทย์โจมตีที่รุนแรงที่สุดที่ใช้ได้นี่เป็นทักษะที่ใช้มานาจำนวนมาก
มานาที่เหลืออยู่หมดไปกว่าครึ่ง
“ไป!”
วีดใช้จิตควบคุมหอกให้พุ่งเข้าใส่มังกรโครงกระดูก
โทริช่วยนำทางซอยูนให้เข้าไปรวมกลุ่มกับดาร์คเกมเมอร์ที่ยังมีชีวิตรอดเพื่อสู้กับมังกรโครงกระดูก
มันคือการประกาศสงคราม
วีดยัดเยียดสถานะเหยื่อให้มังกรโครงกระดูกแล้วเผชิญหน้ากับมันด้วยสีหน้าแน่วแน่ที่บ่งบอกว่า
งานนี้มีเจ็บ


เล่มที่ 10 ตอนที่ 3 จบ


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: