วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 6 ตอนที่ 8 เพื่อนร่วมทางผู้แปลกประหลาด (Strange Companion)

เล่มที่ 6 ตอนที่ 8 เพื่อนร่วมทางผู้แปลกประหลาด (Strange Companion)

หลังจากหมดธุระในอาณาจักรโรเซนไฮม์วีดก็มุ่งหน้าสู่ที่ราบแห่งความสิ้นหวังอีกครั้ง
แม้ว่าครั้งนี้จะขี่ม้ามาแต่ก็เป็นเพียงม้าพันธุ์ถูกๆ ทั่วไปที่รู้กันว่าตัวเตี้ย ขาล่ำ สั้น และอึดใช้ได้
คนที่อยากให้คนอื่นประทับใจมักจะเลือกม้าสีดำล้วน หรือขาวล้วนแต่วีดไม่ใช่หนึ่งในคนพวกนั้นแน่ๆ เขาจึงเลือกม้าสีน้ำตาลธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง
“โอเค เราไปกัน วิ่ง!”
เจ้าม้าใช้กีบเท้ากระแทกพื้นเสียงดังแล้วเริ่มวิ่งห้อไปข้างหน้า
ถ้าเป็นพื้นที่เฉอะแฉะเป็นหนองน้ำม้าจะไม่ใช่พาหนะที่ดีที่สุด แต่ถ้าเป็นที่ราบซึ่งวีดกำลังมุ่งหน้าไป ไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าม้าอีกแล้ว
“เยี่ยม คุ้มค่าเงินมาก”
เขากำลังเพลิดเพลินกับการเดินทางที่รวดเร็วและสะดวกสบาย
วีดเพิ่งมาเข้าใจก็ตอนนี้ว่าทำไมคนจำนวนมากจึงซื้อม้ามาใช้งาน แต่เมื่อคิดถึงเงินค่าม้าที่เสียไปก็ยังคงขมขื่นอยู่ดี! เขาก็เลยต้องปลอบใจตัวเองเป็นพักๆ
“การลงทุนที่ถูกต้องคือหนทางหนึ่งเดียวสู่ความสำเร็จ”
แม้จะจ่ายค่าม้าไปแค่สามเหรียญทองแต่วีดก็ต้องขยันชมของที่ซื้อมาใหม่อยู่เรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียใจ เขากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อกดความงกตามธรรมชาติของตัวเองลงไป
แต่ไม่ว่าจะชมด้วยเหตุผลอะไร ม้าก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริงๆ เพราะมันทำให้เขาเดินทางได้รวดเร็วกว่าตอนที่ใช้ทักษะวิ่งสี่ขาซะอีก
เพียงวันเดียวเขาก็ข้ามชายแดนและเข้าสู่เขตที่ราบแห่งความสิ้นหวัง วีดเปลี่ยนทิศทางและเริ่มควบม้าไปข้างหน้าเป็นแบบแผนแปลกๆ ที่ราบนี้มีส่วนที่เดินทางผ่านได้ซึ่งมีทัศนวิสัยยอดเยี่ยมในทุกทิศทาง แต่วีดกลับควบม้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้หนึ่งชั่วโมง แล้วค่อยเลี้ยวหักศอกเพื่อเปลี่ยนไปทิศตะวันออกเฉียงเหนืออีกหนึ่งชั่วโมง
วีดค่อยๆ เคลื่อนไปทางทิศตะวันออกสู่ป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์ทีละนิดด้วยการวิ่งซิกแซกแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม้จะต้องเสียเวลาที่มีค่าไปกับการออกนอกเส้นทางโดยไม่มีเหตุผล
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาวีดก็พบปาร์ตี้ที่กำลังล่าอยู่ในที่ราบอีกครั้ง โอเบรอนและเพื่อนร่วมทางเพิ่งสู้เสร็จและกำลังพัก แน่นอน พวกเขารู้สึกตัวและเห็นวีดที่กำลังขี่ม้าเข้ามาก่อนแล้ว
“นั่นมันอะไรวะ...”
“มีคนเดินทางคนเดียวมาที่นี่ด้วย!”
ทุกคนในปาร์ตี้ของโอเบรอนพากันหันกลับมาและมองไปที่วีดอย่างประหลาดใจ
ตอนที่พวกเขาเข้ามายังที่ราบแห่งความสิ้นหวังนี่ พวกเขาต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์โดยไม่ได้หยุดพัก หากเป็นในอาณาจักรโรเซนไฮม์ พวกเขากล้าโอ้อวดได้เลยว่าสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ได้ทุกตัว แต่กับที่นี่มันต่างกัน พวกเขาได้เรียนรู้ว่าการต่อสู้ที่แท้จริงคืออะไรอย่างทุลักทุเล
อบิสไนท์ ไลท์นิ่งแคสเตอร์ พอยซั่นลอร์ด ดาร์คแดนเซอร์ ไนท์ลอร์ด! และมอนสเตอร์ระดับ 350 อื่นๆ ที่ทั้งวางกับดัก ดักซุ่ม ร่ายเวทมนต์ที่ร้ายกาจ และปลุกชีพลูกน้องขึ้นมาช่วยในการต่อสู้
พื้นที่นี้นับเป็นพื้นที่ที่ท้าทายปาร์ตี้พวกเขาจริงๆ สองสามครั้งที่พวกเขาเผชิญเข้ากับมอนสเตอร์เลเวลเกินกว่า 400 และด้วยความพยายามอย่างหืดขึ้นคอเท่านั้นจริงๆ ที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องหยุดการเก็บเลเวลไว้ที่จุดนั้น ยิ่งวันเวลาผ่านไปนานเท่าไรบรรยากาศในปาร์ตี้ก็ยิ่งหม่นหมองลงเท่านั้น
จึงไม่น่าแปลกใจเลยถ้าโอเบรอนจะตกใจตาแทบถลนเมื่อเห็นวีด
“ที่นี่อันตรายมากนะ ในที่ราบแห่งความสิ้นหวังนี่... รีบ รีบย้อนกลับไป ไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้! ไม่ๆ พวกเราพาคุณกลับไปดีกว่า”
โอเบรอนเป็นชายผู้มีเกียรติคนหนึ่ง เขาพร้อมเข้าปกป้องคนอื่นแม้ในขณะนั้นตัวเองจะโดนโจมตีอยู่เช่นกัน อาชีพวอริเออร์มักถูกเลือกโดยผู้มีอุปนิสัยเปิดเผย มีมารยาทดี และมีน้ำใจอย่างนี้เสมอ
แต่วีดไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรใกล้เคียงคนแบบนั้นเลย พูดได้เลยว่า ตรงกันข้าม
วีดเพียงควบผ่านพวกเขาไป เมินผู้เล่น แต่ไม่เมินไอเท็มที่พวกเขาทิ้งไว้ เหมือนที่เจอกันคราวที่แล้ว!
วีดไม่แม้แต่จะลงจากม้าเพื่อเก็บมัน เขาแค่โน้มตัวลงโดยใช้เพียงขาหนีบสีข้างม้าไว้ เพื่อเก็บไอเท็มเข้ากระเป๋าข้าง
‘ต้องเก็บให้เรียบ’
เก็บไอเท็มเสร็จ วีดก็จากไปทางตะวันออกทันที
“ฮะ? ไปดื้อๆ งี้เลย?”
“เขาไม่รักชีวิตเลยรึไง?”
ผู้เล่นในปาร์ตี้ต่างมองวีดที่ควบม้าจากไป
“ทุกคนมีสิทธิ์เลือกว่าจะตายยังไง”
“ให้ตายสิ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ต้องเจอพวกที่ชอบเดินทางคนเดียว”
อย่างไรก็ตามพลูโต โอเบรอน ไฮยาซิน และผู้เล่นที่มีประสบการณ์อีกสองสามคนยังคงไม่ด่วนสรุปตาม พฤติกรรมของวีดดูไม่เหมือนคนที่จะตายในอนาคตอันใกล้นี้เลย
อะไรบางอย่างแว่บขึ้นในความคิดของโอเบรอน เขานึกถึงครั้งที่เจอเข้ากับโซลเลสวูฟทันทีที่ข้ามเขตแดนเข้ามา และตอนที่พบออร์คแปลกๆ ตัวหนึ่งที่กวาดไอเท็มทุกอย่างที่พวกเขาทิ้งไว้หลังการต่อสู้
“อย่าบอกนะว่า...”
พลูโตหันไปมองโอเบรอน
“เจ้าออร์คนั่น!”
“อ้าว งั้นนั่นก็ผู้เล่นเหรอ?”
“ถ้านั่นเป็นผู้เล่น งั้น...”
พวกเขาพยักหน้าให้กัน
“ผู้เล่นที่แปลงร่างเป็นออร์คได้... เท่าที่นึกได้ก็มีคนเดียวเท่านั้น”
มาถึงตอนนี้ทุกคนก็เข้าใจแล้วเช่นกันว่าโอเบรอนกำลังพูดถึงอะไร ปาร์ตี้เก็บเลเวลนี้มีแต่ผู้เล่นระดับสูงที่หลงใหลในรอยัลโรดมารวมตัวกัน
“หอเกียรติยศ!”
“ออร์คในวิดีโอนั่น!”
“ถึงคราวนี้จะดูต่างไป แต่ต้องเป็นมันแน่ๆ! หน้าเห่ยแบบเดียวกันนี่”
“ใช่ ไม่มีออร์คในเกมตัวไหนขี้เหร่เท่าเจ้าตัวนั้นอีกแล้ว!”
“งั้นเหตุการณ์นั่นก็จะเกิดขึ้นในที่ราบแห่งความสิ้นหวัง!”

*******************************

แม้ว่าคราวนี้วีดจะเดินทางบนหลังม้า แต่อารมณ์ก็ยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ระหว่างเดินทางเขาเห็นร่องรอยของปาร์ตี้เก็บเลเวล หรือถ้าจะพูดให้ชัดๆ เลยก็คือ เห็นไอเท็มที่พวกเขาทิ้งเอาไว้
วีดเห็นชัดมากแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้พอให้เก็บไอเท็มได้ ตรงนั้นเป็นเขตพื้นที่ของมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งซึ่งจัดการคนเดียวยาก แล้วปาร์ตี้นั่นก็เดินทางผ่ากลางพื้นที่แบบนั้นที่มีจำนวนมอนสเตอร์หนาแน่นที่สุด
แว่บแรกที่มองอาจจะดูเหมือนว่าที่ราบนั้นว่างเปล่า แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องชวนให้เข้าใจผิดเท่านั้น มอนสเตอร์ทุกประเภทมีขอบเขตของมัน เมื่อผู้เล่นเข้าไปในเขตนั้นจึงเป็นการบังคับให้มอนสเตอร์ทุกตัวในเขตเข้าจู่โจม อาณาเขตเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วที่ราบในลักษณะของเขาวงกตที่ซับซ้อน
วีดมีแผนที่จึงสามารถหลีกเลี่ยงพื้นที่อันตรายไปได้ แต่แม้จะมีแผนที่และม้า ก็ยังต้องไปตามทางคดเคี้ยวที่ทำให้การเดินทางเป็นไปได้ช้า
หลังจากควบมาทั้งวันก็เริ่มมีฟองผุดที่มุมปากของม้า มันเริ่มเหนื่อยแล้ว เหตุผลหลักคือในกระเป๋าใบหนึ่งมีรูปปั้นออร์คน้ำหนักมากใส่อยู่ด้วย
ปกติแล้วเจ้าของม้าจะดูแลพาหนะของตนด้วยการคอยลูบ ปลอบประโลม ให้แครอทกินบ้าง และแน่นอนว่าต้องหยุดพักเมื่อพวกมันเหนื่อย
แต่วีดกลับเร่งม้าของตนแทน
“ไม่เอาน่า วิ่งสิ แกต้องทำได้ แกเป็นส่วนหนึ่งของสปีชีส์นักวิ่งเลยนะ ไม่รู้สึกผิดหวังบ้างเหรอที่ไม่เคยสัมผัสถึงลิมิตที่แท้จริงของตัวเองเลยน่ะ”
หลังจากนั้นวีดก็เริ่มเคาะหลังม้าเป็นจังหวะ และเจ้าม้าก็เริ่มวิ่งเร็วขึ้นนิดหนึ่ง เผาผลาญพลังที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยในร่าง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งความเร็วก็เริ่มลดลงอีกครั้ง
“ยากสินะ แต่ทนอีกนิดเถอะ เมื่อเราไปถึงแล้วแกอยากจะพักเท่าไรก็ได้ตามที่ต้องการเลย”
ม้าเชื่อคำพูดเหล่านั้น มันเลิกวิ่งช้าลงและพยายามไปต่อ
น้ำเสียงอ่อนโยนของวีด และค่าเสน่ห์กับความเป็นผู้นำที่สูงช่วยให้เขาโน้มน้าวเจ้าม้าที่น่าสงสารให้วิ่งต่อไปได้ด้วยความหวังว่าจะไปถึงจุดหมาย (t/n: นี่สินะที่เค้าเรียกว่าขายฝัน T^T กุสงสารม้า)
แต่ไม่ว่ามันจะวิ่งอีกไกลแค่ไหน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจุดหมายนั้นจะมาถึง และวีดก็ไม่ยอมให้มันลดความเร็วลง
“ไม่เอาน่า อีกนิดเดียวเอง”
เจ้าม้ายังคงวิ่งต่อไป
“ใกล้ถึงแล้วล่ะ”
มันยังคงเชื่อ
“ทางซ้ายอีกนิด”
วีดปฏิบัติต่อม้าได้ย่ำแย่มาก เขาคั้นเอาพลังชีวิตของม้าออกมาจนหยดสุดท้าย
ในที่สุดมันก็ทนไม่ไหว เดินต่อได้เพียงสองสามก้าวแล้วล้มลงหมดแรง
หลังจากสำรวจม้าที่กำลังหอบและรู้ว่าเขาไม่สามารถขี่มันต่อได้แล้ว วีดก็ปลดสัมภาระออกจากหลังมันและกล่าวว่า
“แกเป็นอิสระแล้ว จะไปไหนก็ไป โชคดีนะ” (t/n: ชั่วได้อีกกก)
วีดหยิบเอารูปสลักออร์คขนาดเล็กออกมา เขาไม่มีเวลามารอให้ม้าหายเหนื่อยจึงเปลี่ยนกลับมาสู่วิธีเดินทางดั้งเดิม
“ประติมากรรมจำแลง!”
การเดินทางไปยังอาณาจักรโรเซนไฮม์ใช้เวลาทั้งสิ้น 7 วัน แต่เมื่อเขาใช้เวลาเดินทางส่วนใหญ่ไปบนหลังม้าและสงวนพลังของตนเองไว้ ครั้งนี้เวลาการเดินทางจึงลดลงครึ่งหนึ่ง
“ชวิคค! ชวิค!”
ออร์คตัวเล็กวิ่งไปทางตะวันออก
เขายังคงเหลือเวลาไม่มากอยู่ดี ครั้งก่อนเขาแวะไปหมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศทุกหมู่บ้านในใจกลางที่ราบ ครั้งนี้เขาต้องไปที่หมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลให้มากหมู่บ้านที่สุดที่จะทำได้
เมื่อพิจารณาถึงขากลับไปที่ป้อมของดาร์คเอลฟ์ เขาต้องใช้เวลาถึง 12 วัน
“แล้วเราเหลือเวลาอีกแค่ 15 วันเท่านั้นก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น”
เมื่อสรุปได้ว่าตนยังเหลือเวลาพอ วีดก็วิ่งต่อ แต่ในทันใดนั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่บนเนินเขา คนคนนั้นยืนหันหลังให้วีดและกำลังมองไปที่บางอย่างซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าสายตาวีดจะไปถึง
“ผู้เล่นเหรอ ได้ไง... ไม่ง่ายเลยนะที่จะมาถึงที่นี่ ต้องเป็นใครสักคนในหมู่บ้านแน่เลย ชวิตต!”
หมู่บ้านของผู้ถูกเนรเทศกระจายตัวกันอยู่ทั่วที่ราบ และตรงกันข้ามกับจำนวนมอนสเตอร์ที่ชุกชุม หมู่บ้านเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวา คนในหมู่บ้านออกล่าและเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อทำธุระเสมอจึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะเจอชาวบ้านที่นี่
“ชวิคค มีหมู่บ้านอยู่แถวนี้เหรอ”
ขณะที่เขากำลังเข้าไปใกล้ก็สังเกตเห็นรายละเอียดของคนคนนั้นมากขึ้น ท่ายืนที่สง่างาม ผมยาวถึงสะโพก
‘ผู้หญิงแน่นอน’
แม้จะเห็นเพียงด้านหลังแต่ความเป็นประติมากรบอกเขาว่าเธอต้องสวยมากอย่างแน่นอน ผู้หญิงที่กำลังมองพระอาทิตย์ตก ไม่สิ นั่นคือหญิงสาว
เมื่อตัดสินใจได้ว่าเธอไม่เกี่ยวข้องกับเขา วีดก็วิ่งต่อไป เธอได้ยินเขาเข้ามาใกล้แน่ๆ แต่กลับไม่สนใจ เขาจึงเพียงแค่วิ่งผ่านเธอไป
ขณะที่กำลังวิ่งขึ้นเนินวีดก็สังเกตเห็นบางสิ่ง มอนสเตอร์ขนาดใหญ่หน้าตาเหมือนกระทิงกำลังวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน
“ฮันเตอร์ออฟเพลนส์!” (t/n เพลน จาก plain  นะคะ ไม่ใช่ plane  )
มันเป็นหนึ่งในมอนสเตอร์ไม่กี่ชนิดที่ไม่อาศัยอยู่ในอาณาเขตที่จำเพาะเจาะจง ฮันเตอร์ออฟเพลนส์ไปได้ทั่วที่ราบแห่งความสิ้นหวัง มันล่าทั้งคนและบางครั้งก็มอนสเตอร์ด้วยกัน
ชาวบ้านเล่าว่ามันเป็นนักรบเลเวล 320 ที่ถูกสาปด้วยมนต์มืดและโดนเปลี่ยนให้เป็นมอนสเตอร์ที่มีพลังชีวิตมหาศาลและความสามารถที่ไม่น่าพิสมัยซึ่งลดพละกำลังของผู้เล่นทุกครั้งที่ถูกมันโจมตี
ความสามารถนั่นเองที่ทำให้มันเป็นศัตรูที่ต่อกรยาก
วีดไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ระดับนี้
“เชรี่ย ดาบยังไม่ได้ลับ เกราะก็ไม่ได้ขัด...”
เขามัวแต่พุ่งความสนใจไปที่การวิ่งจนไม่ได้เตรียมรับการต่อสู้เลยแม้แต่นิดเดียว และความแตกต่างระหว่างการต่อสู้หลังจากเตรียมตัวมาดีแล้ว กับการต่อสู้โดยไม่ได้ตั้งตัวนั้นต่างกันมาก
ถ้าเขาเจอมอนสเตอร์ในที่ราบก็ยังพอจะหนีได้ แต่บนทางลาดแบบนี้เขาเห็นมันช้าไปและคงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ฮันเตอร์ออฟเพลนส์ไม่ได้พุ่งเข้าใส่วีด แต่กลับพุ่งเข้าหาหญิงสาวคนนั้นที่กำลังยืนอยู่บนเนินแทน!
มันล่าเธอ
‘เยี่ยม งั้นขอหนีก่อนละ... โอ้ ไม่ได้สิ เราหนีไม่ได้!’
ตอนแรกวีดโล่งใจและตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ในการหนี แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ามอนสเตอร์ประเภทนี้ เจ้าฮันเตอร์ออฟเพลนส์ มันไล่ล่าเหยื่อของมันจนถึงที่สุดเสมอ
เมื่อมันกำจัดหญิงสาวคนนั้นได้เมื่อไรมันก็จะหันมาไล่ตามวีด และตอนนั้นก็จะเป็นเวลาที่เขากำลังเหนื่อย ทำให้การต่อสู้กับมันเป็นเรื่องยากขึ้นอีก
ดังนั้นโอกาสที่ดีที่สุดคือสู้กับมันเสียตั้งแต่ตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นมอนสเตอร์ตัวนี้มีจุดอ่อน
‘ตอนที่มันกำลังสู้กับผู้หญิงคนนั้น เราก็ย่องเข้าไปข้างหลังแล้วแทงมัน’
ฮันเตอร์เล็งหอกไปที่หญิงสาว
วีดกระชับดาบให้แน่นขึ้น เขาต้องพึ่งการโจมตีที่รุงแรงเพียงครั้งเดียวที่ควรให้ถึงตาย
เขากำลังวางแผนการทุกช่องทางที่น่าจะเป็นไปได้ แต่ในจังหวะสุดท้ายนั้นหญิงสาวก็หันกลับมาด้วยความเร็วเหลือเชื่อและชักดาบออกจากฝัก! คมดาบไหววูบและแยกออกเห็นเป็นสามสายพุ่งเข้าแทงใส่ฮันเตอร์ที่กำลังจะพุ่งหอกไปข้างหน้าทันที
แล้วมอนสเตอร์ตัวนั้นก็ตาย
หญิงสาวมองมาที่วีด
เมื่อทั้งคู่สบตากันวีดก็ชะงัก
เขารู้จักเธอ
รู้จักดีเลยละ!
นั่นคือซอยูน
“ชวิ ชวิคค...”
เขาค้างในท่ายกดาบเตรียมฟัน มองจากด้านข้างเห็นเป็นออร์คตัวเล็กขี้เหร่ตัวหนึ่งกำลังจะโจมตีใส่หญิงสาวผู้โดดเดี่ยว

*****************************

หลังออกจากอาณาจักรโรเซนไฮม์ ซอยูนก็ออกเดินทางไกลซึ่งมาลงเอยที่ที่ราบแห่งความสิ้นหวัง
ในเกมเธอเป็นเบอร์เซิร์ค อาชีพซึ่งอนุญาตให้เธอใช้อาวุธได้ทุกชนิด แต่ความสามารถที่แท้จริงของเธอจะแสดงให้เห็นเมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อถึงระดับหนึ่ง ผู้เล่นอาชีพนี้จะไม่เหนื่อยแต่กลับแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ของตนหลั่งเลือด
ซอยูนต่อสู้ประหนึ่งตัวเธอเป็นเครื่องจักรอย่างที่เบอร์เซิร์คที่แท้จริงทุกคนสมควรสู้ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเธอก็ออกล่าโดยไม่หยุดพัก และฆ่าฟันมอนสเตอร์ตัวแล้วตัวเล่าทิ้งเพียงซากศพไว้เบื้องหลัง
บางครั้ง ระหว่างการเดินทาง เธอลงเอยที่กลางดันเจี้ยนที่ไหนสักแห่งและถูกฆ่า แม้จะเป็นผู้เล่นระดับเธอที่ต่อสู้อย่างไม่หยุดพักตั้งแต่รอยัลโรดเปิดตัวก็ยังไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่กลุ้มรุมเข้ามาด้วยจำนวนมหาศาลได้
แต่เรื่องแบบนี้ไม่เคยกระทบเธอ เสียเลเวลหรือสกิลไม่ได้สลักสำคัญอะไร ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังชอบที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อลับทักษะของตนเอง
แต่หลังการตายเธอต้องหยุดเล่นเกม 24 ชั่วโมง เธอจึงพยายามที่จะไม่ตาย เธอพยายามจะชนะทุกการต่อสู้
แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดประสงค์หลัก เธอเพียงต้องการต่อสู้เพื่อกำจัดความหงุดหงิดไม่พอใจ! เพื่อแก้แค้น!
เหล่ามอนสเตอร์จึงไม่เคยเห็นแม้แต่เศษเสี้ยวแห่งความสงสารในสายตาอันเย็นชาของเธอ
‘ศัตรู’
ซอยูนเห็นออร์คที่เข้ามาหาเธอพร้อมดาบในมือแล้ว และมองตรงไปที่มัน
เธอไม่ผ่อนคลายเลยแม้แต่ขณะเดียว เพราะการต่อสู้อาจเกิดขึ้นในวินาทีใดวินาทีหนึ่งก็ได้ ดาบในมือเธอหันเข้าหาเป้าหมายใหม่

**************************

ซอยูน
วีดหยุดนิ่งอยู่กับที่เพราะจำเธอได้
สวย เขาเคยเห็นเธอมาก่อนแล้วแต่มาครั้งนี้เมื่อเขาได้เจอเธออีกครั้งเขากลับไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้ ความงดงามของเธอเล่นงานเขาเข้าอย่างจัง
‘สวยเกินมนุษย์ มนุษย์จะสวยขนาดนี้ได้ไง’
ใบหน้าของเธอดูราวกับส่องประกาย ทั้งตา จมูก ปาก ทุกสิ่งทุกอย่างช่างเข้ากันเหมาะเจาะ เสริมแต่งใบหน้าเธอให้มีเสน่ห์ร้ายกาจ
หลังจากได้เห็นซอยูนใกล้ขนาดนี้ วีดก็รู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง เขาสร้างสรรค์รูปสลักมากมาย แต่ไม่มีงานชิ้นไหนเลยที่สะท้อนความงามของเธอออกมาได้ครบถ้วน
ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากมองเธอแบบนี้ทั้งวัน ไม่มีวันเบื่อ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำเรื่องแบบนั้น เขาต้องไปจากที่นี่ก่อนที่จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น
ถ้าเขาถูกจับได้ว่าเป็นผู้เล่นที่แกะสลักรูปเธอโดยไม่ได้รับอนุญาตเขาอาจจบไม่สวยแบบเจ้าฮันเตอร์ออฟเพลนส์
ไม่ว่าวีดจะคิดว่าตนแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ตอนที่พบกันครั้งแรกซอยูนก็มีเลเวลสูงอยู่แล้ว และเมื่อพิจารณาไอเท็มที่เธอสวมใส่ก็พบว่ามีระดับไม่ต่ำกว่า 300!
‘ปัญหา’
แล้วสถานการณ์ตอนนี้ก็ละเอียดอ่อนมาก ออร์คถือดาบกำลังจะเข้าโจมตีหญิงสาวที่มาคนเดียว
วีดกลืนน้ำลาย ใช่แล้ว เขาก็แค่ต้องอธิบายสถานการณ์ให้เธอฟัง
“ชวิ ชวิคค!”
วีดทั้งรีบ ทั้งกระวนกระวาย แต่สิ่งที่ออกจากปากเขามีเพียงภาษาออร์คไร้ความหมาย!
“ชวิชิคค…”
“ชะวีททท!”
ทุกครั้งที่เขาพยายามอ้าปากพูดกลายเป็นการพ่นน้ำลายไปทางซอยูนแทน!
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงออร่าน่าสยดสยองที่เปล่งออกจากร่างซอยูน ราวกับเธอได้หั่นร่างเขาเป็นชิ้นๆ แล้วในใจ ทำให้วีดตัวชาและเข่าสั่น บางอย่างที่ทั้งคุกคามและบีบคั้น
ลมหายใจแห่งความตาย!
ความกดดันอันรุนแรงนั้นทำให้วีดคิดว่าหลังจากอธิบายสถานการณ์แล้วยังไงก็คงต้องตายอยู่ดี แต่เขาจะยอมแพ้ทั้งๆ ที่ไม่พยายามไม่ได้ เขาต้องบอกเธอว่าเขาคือผู้ชายคนนั้นที่เคยกินข้าวด้วยกันในบ้านผู้ฝึกสอน
แม้ว่าเรื่องนั้นจะหยุดเธอไม่ได้ เพราะแม้แต่กุหลาบที่สวยงามก็ยังมีหนามแหลมคม และในครั้งแรกที่เจอกันเธอก็ยังมีสัญลักษณ์สีแดงที่แสดงว่าเธอเป็นผู้เล่นที่ฆ่าผู้เล่นด้วยกัน
เธอเป็นผู้เล่นที่ฆ่าผู้เล่นด้วยกันคนแรกที่วีดเจอในรอยัลโรด
‘ใครจะคาดคิดว่าในที่ราบแห่งความสิ้นหวังนี่ เราจะได้พบกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบอีก’
ตั้งแต่การพบกันที่สมควรแก่การจดจำครั้งนั้นที่โต๊ะอาหาร ภาพของหญิงสาวผู้งดงามแต่เย็นชาก็ประทับลงในความทรงจำของเขา ทุกครั้งที่วีดสร้างรูปสลักใหม่เขาจะพยายามให้เธอแสดงสีหน้าที่แตกต่างกันไป เขาพยายามมอบความงดงามมีชีวิตชีวาให้นางฟ้าผู้เย็นชา
“ชวิค!”
วีดเบิกตากว้างและฝืนมองไปที่ซอยูน
ถ้าคู่ต่อสู้ของเขาเป็นฆาตกร ความจริงที่ว่าเขาเป็นผู้เล่นเหมืนนกันอาจยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เธอโจมตี แต่ก็อาจเป็นการป้องกันไม่ให้เธอโจมตีด้วยเหมือนกัน
‘เราจะชนะเธอได้มั้ยนะ’
ต่อให้ทุ่มสุดตัวเขาก็ยังคงตามหลังเธออยู่หลายเลเวลและอุปกรณ์สวมใส่ก็ยังด้อยกว่า เมื่อมองไอเท็มที่เธอสวมใส่ในแว่บแรก คาดว่าเขาน่าจะตามหลังเธออยู่ประมาณ 70 เลเวล
‘ไม่กี่เดือนก่อนบาร์ดเรย์เลเวล 370 ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 390 แม้เธอจะเลเวลต่ำกว่านิดหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในหมู่ผู้เล่นระดับสูงอยู่ดี!’
วีดไม่กลัวผู้เล่นที่ระดับสูงกว่าเขา เขาสามารถชดเชยความต่างของระดับได้ด้วยทักษะประติมากรรม ค่าสถานะที่สูงกว่า และความเชี่ยวชาญทางประติมากรรม!
แต่สำหรับเขาที่เริ่มเล่นเกมเพื่อหาเงิน ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดคือพวกผู้เล่นที่ฆ่าผู้เล่นด้วยกัน
พวกนี้คือโจร
ขณะที่ผู้เล่นทั่วไปอย่างวีดเข้าร่วมภารกิจยากๆ และการต่อสู้เพื่อให้ได้รับไอเท็ม ฆาตกรเหล่านั้นกลับฝึกฝนเพื่อต่อสู้กับผู้เล่นด้วยกัน และในที่สุดก็ฆ่าผู้เล่นอื่นๆ และปล้นชิงไอเท็ม!
แม้เขาจะเคยมีประสบการณ์เจอเข้ากับดวิชวิกิทั้งสี่ซึ่งจบลงที่ชัยชนะทางฝั่งเขาแต่กรณีนั้นต่างกันมาก
ซอยูนจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
เธอผ่านการฝึกฝนในศูนย์ฝึกที่เดียวกันกับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพึ่งพาค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นได้มากนัก และเขายังไม่มีโอกาสได้ใช้ความได้เปรียบลับๆ คือการลับดาบและขัดเกราะได้อีก แล้วการต่อสู้กับอาชีพแบบเธอก็ยังมีทักษะที่เขาไม่รู้จักอีก
เขามองไม่เห็นทางออกเลย!
อย่างไรก็ตาม วีดก็ยังคงเพิ่มความจริงจังเข้าไปในการจ้อง เขาต้องแสดงให้เห็นว่านี่มันเป็นสถานการณ์ที่ตรงกันข้าม! ว่าอย่างน้อยเขาก็แข็งแกร่งพอๆ กับเธอ แม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งกว่าก็ตาม และใช้โอกาสใดๆ ก็ตามที่หาได้เพื่อวิ่งหนี!
วีดถึงขั้นเตรียมฉากหลบหนีเอาไว้ในใจแล้วถึง 36 ฉาก
แต่ในทันใดนั้นเอง ซอยูนกลับลดดาบลง หันกลับ และไปตามทางของเธอ
วีดไม่เข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าซอยูนสู้กับมอนสเตอร์ที่จู่โจมเข้าหาเธอก่อนเท่านั้น! เธอไม่เห็นการคุกคามใดๆ ในสายตาวีด เธอจึงไม่ได้ทำอะไรเขา
แม้จะสับสน แต่วีดก็คืนสติอย่างรวดเร็ว
‘ช่างเถอะ ยังไงเราก็ไม่มีเวลาให้เรื่องพวกนี้’
เขาเริ่มวิ่งเข้าหาหุบเขายุโรกิต่อ
แต่ซอยูนก็กำลังเดินทางเช่นกัน และพวกเขาก็กำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันอย่างน่าประหลาด ดังนั้นไม่กี่วันต่อมาพวกเขาจึงเจอกันอีกครั้ง
ในคราแรกวีดไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เขาวิ่งสุดแรงเกิดมาตั้งสองวัน แต่ซอยูนกลับยังล้ำหน้าเขาอยู่นิดหน่อยอยู่ดี
แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ เขาต้องคอยหลบเลี่ยงมอนสเตอร์และอาณาเขตของมันและยังต้องแวะหมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศด้วย
แน่นอนว่าเส้นทางของเขาต้องยาวกว่าและยากกว่า ไม่เหมือนซอยูนที่เดินเป็นเส้นตรง และสู้กับมอนสเตอร์ทุกตัวที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางของเธอ!
“ชวิ ชวิคค!”
วีดถูกทำร้ายจิตใจ
เขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดไปกับการวิ่ง แต่พวกเขากลับยังคืบหน้าไปด้วยความเร็วเท่ากัน! แล้วซอยูนยังได้ล่ามอนสเตอร์และได้รับค่าประสบการณ์กับไอเท็มอีก
เมื่อพวกเขาพบกันเป็นครั้งที่สามที่หุบเขายูโนปู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็เดินทางด้วยกัน ซอยูนไม่ได้ให้ความสนใจออร์คที่เดินตามเธอ เธอแค่เดินทางไปตามทางของเธอ
หุบเขายูโนปูตั้งอยู่ทางเหนือของที่ราบแห่งความสิ้นหวัง ภูเขาแฝดทั้งสองดึงดูดนักเดินทางเหมือนประตูคู่ยักษ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหุบผาระหว่างภูเขาทั้งสอง หนทางเดียวที่จะข้ามไปอีกด้านได้คืออ้อมไป หรือปีนข้ามไป ซึ่งยิ่งยากเข้าไปอีก
“เหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวิคค!”
วีดตัดสินใจเดินทางผ่านเข้าไปในหุบเขายูโนปู
เขากังวลเล็กน้อยที่ต้องตามซอยูนไปจึงทิ้งระยะห่างเล็กน้อยเพื่อป้องกันอันตราย หรือพูดให้เจาะจงลงไปก็คือมอนสเตอร์
พื้นที่นี้เป็นอาณาเขตของเยติตัวใหญ่ยักษ์ พวกมันมีขนหนาสีขาวที่ทำให้มนต์น้ำแข็งไม่มีผลต่อมัน และพวกมันยังมีระดับ 340!
พวกมันมักจะอยู่ในภูเขาแต่ถูกขับออกมาโดยมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าจึงย้ายเข้าไปอยู่อาศัยในหุบเขาแทน ซึ่งนั่นบังเอิญเป็นเส้นทางล่ายอดนิยมของนักล่าในที่ราบแห่งความสิ้นหวัง
“ช่วยไม่ได้! คงต้องสู้กับเยติ”
วีดตัดสินใจเดินทางผ่านหุบเขา และขณะนี้ก็กำลังดูซอยูนแสดงทักษะดาบอันน่าตื่นตาตื่นใจเข้าใส่เหล่าเยติที่ผ่านมาเป็นครั้งคราว
“เก่งแฮะ...”
ในขณะที่วิ่งผ่านที่ราบแห่งความสิ้นหวัง วีดหลีกเลี่ยงมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ไปได้ แต่ในหุบเขายูโนปูเขาต้องเผชิญกับเยติ เขาจำเป็นต้องสู้!
แม้จะมีทักษะประติมากรรม การต่อสู้ทุกครั้งยังต้องใช้ทักษะทั้งหมดที่มี ระหว่างต่อสู้เลือดของวีดลดลงจนถึงระดับอันตราย แต่ตอนนี้เขายังสามารถเอาชนะพวกมันได้อยู่
ดูราวกับว่า ซอยูนต่อสู้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลย เธอใช้เทคนิคด้วยความสง่างามฆ่าเยติหลายตัวในเวลาเดียวกัน
เธอระดับสูงกว่าและอุปกรณ์สวมใส่ก็ดีกว่า แต่วีดสังเกตเห็นสิ่งอื่น...ทักษะ
รอยัลโรดเป็นเกมเสมือนจริง ที่นี่ ไม่ว่าระดับทักษะและความสามารถจะสูงแค่ไหน มีเพียงการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้นจึงจะดึงเอาความสามารถทั้งหมดของอาชีพของตนออกมาได้
ซึ่งสามารถเห็นได้ในการต่อสู้ระหว่างมองค์และนักดาบซึ่งเป็นสองอาชีพยอดนิยม ผู้เล่นอาชีพนักดาบจะพยายามเว้นระยะห่างจากคู่ต่อสู้ระยะหนึ่งระหว่างการดวล ในทางกลับกันมองค์จะพยายามเข้าประชิดตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าทักษะของพวกเขาอยู่ในระดับเท่ากัน ผลการต่อสู้จะขึ้นอยู่กับเทคนิค ปฏิกิริยาตอบสนอง และโชคอีกนิดหน่อย และในกรณีนี้นักสู้ที่มีประสบการณ์และทักษะมากกว่ามักจะเป็นฝ่ายชนะ
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ค่อยสำคัญนักในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ มือใหม่ผู้ไม่ใฝ่เรียนรู้เลยสามารถถูกมอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดฆ่าเอาได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์ก็ยังไม่มีสิทธิ์เอาชนะวีดที่ใช้เวลาทั้งปีเพื่อฝึกฝนทักษะดาบ
‘เยี่ยมมาก’
วีดกำลังชื่นชมทักษะดาบของซอยูน
เทคนิคของเธอไม่เป็นระบบเท่าเขา ทักษะดาบของวีดไม่มีช่องโหว่ เขาสามารถใช้กล้ามเนื้อทุกมัดเพื่อป้องกัน หรือจู่โจมกะทันหันได้อย่างถูกต้อง
บางครั้งวีดก็สู้เพลินและพุ่งเข้าสู่การต่อสู้โดยลืมการป้องกันไปจนหมด อาศัยเพียงความว่องไวและปฏิกิริยาตอบสนอง แสดงความสามารถอันเหลือเชื่อ เขาพรมดาบลงบนร่างศัตรูดาบแล้วดาบเล่าและเอาชนะพวกมันในที่สุด
แต่ซอยูนสู้อีกแบบหนึ่ง เธอคำนึงถึงการป้องกันและการจู่โจมในเวลาเดียวกัน เธอโจมตีเมื่อเห็นจุดอ่อน และป้องกันเมื่ออยู่ในอันตราย
แน่นอนว่า เธอได้เทคนิคนี้มาจากการต่อสู้กับมอนสเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งนั่นทำให้ในที่สุด ทักษะของเธอจะถึงทางตัน แต่วีดก็ยังคงอิจฉาเธออยู่ดี ในการต่อสู้เธอดูเหมือนกำลังร่ายรำ เพราะความว่องไวของเธอทำให้เธอสามารถโจมตีในรูปแบบที่มีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่ทำได้
เมื่อไรก็ตามที่มีโอกาส วีดจะเฝ้าดูหญิงสาวต่อสู้อย่างเต็มที่
‘เธอชอบการล่า!’
แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอจะไม่ได้พูดเลยแม้แต่คำเดียว และเพียงต่อสู้ด้วยสีหน้าเยือกเย็นสีหน้าเดิมตลอดเวลาจนดูราวกับว่ามอนสเตอร์เหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ
แต่วีดกลับเห็นสิ่งอื่น
ลึกลงไปภายใต้ใบหน้าที่สวยงามเยือกเย็นซ่อนความเศร้าเอาไว้ หัวใจของเธอแบกรับบางสิ่ง
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ขณะสร้างประติมากรรม วีดมักจะนึกถึงโลกภายในจิตใจของเธอ ในตอนนั้นเขาไม่ค่อยมีประสบการณ์มากนักในการเข้าใจผู้คนจึงไม่ได้สังเกตเห็นอะไรมากนัก
แต่ตอนนี้เมื่อเขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของผู้คนมากขึ้น และสามารถเห็นความรู้สึกที่ซ่อนไว้
‘ทำไมเธอถึงเศร้านัก’
วีดพยายามมองเธอให้ชัดขึ้น
แม้เขาจะสนอกสนใจในความลับของเธอ แต่เพียงแค่การมองเธอเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องมีจุดประสงค์อื่นก็ให้ยิ่งกว่าความพึงพอใจแล้ว เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวคนใดสวยเท่านี้ สวยจนเขาไม่สามารถถ่ายทอดความงามของเธอลงไปในรูปสลักได้ไม่ว่าจะพยายามสักกี่ครั้งก็ตาม
ในขณะที่มองเธออยู่นั้น วีดก็ค้นพบสิ่งอื่นอีก
ซอยูนไม่เคยโจมตีไปที่ส่วนหัวของคู่ต่อสู้เลย แม้เยติจะสูงกว่าสองเมตร ขณะที่เธอสูงเพียง 167 ซม. แต่เธอก็น่าจะใช้ดาบโจมตีถึงอยู่ดี
ถ้าเป็นวีดจะต้องเล็งไปที่บริเวณหัวอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นตำแหน่งที่มีการป้องกันน้อยที่สุดและค่อนข้างมั่นใจได้ว่าจะต้องกลายเป็นการโจมตีคริติคอล
แต่ซอยูนกลับไม่เคยโจมตีไปที่บริเวณหน้าเลย ราวกับว่าเธอไม่แม้แต่จะมองไปที่ใบหน้าของพวกมัน เธอเพียงใช้เทคนิคทุกเทคนิคที่มีเพื่อฆ่าพวกมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น
‘เธอไม่มองสีหน้าของพวกมันงั้นเหรอ บางทีอาจจะเพราะเธอไม่อยากเห็นความเจ็บปวดของพวกมัน... ไม่สิ ดูเหมือนน่าจะเป็นสาเหตุอื่นมากกว่า’
เพราะวีดตามซอยูนอยู่เขาจึงไม่ต้องต่อสู้มากนัก อย่างมากก็สู้กับศัตรูแค่สองสามตัวที่พยายามโจมตีหญิงสาวจากข้างหลัง
“ชวิคค ค่าประสบการณ์!”
หนังเยติเป็นไอเท็มคุณภาพระดับสูง และมีมูลค่าสูง ยิ่งไปกว่านั้น ขนของพวกมันยังดูมีราคาและเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากหนังของพวกมันยังอุ่นมากอีกด้วย
“ชวิชิชิชิท!”
‘ถ้าเก็บขึ้นมาหมดนั่นก็ลืมความหนาวไปได้เลย เอามาตัดเสื้อแล้วยังทำเงินเพิ่มได้อีก’
วีดปล่อยตัวให้จมลงในการต่อสู้ และเก็บหนังเยติ
“…”
ซอยูนยังคงต่อสู้ไปเรื่อยๆ และไม่ได้ให้ความสนใจในตัวเพื่อนร่วมทางที่ไม่ได้คาดคิด เพียงแต่ว่า เมื่อเธอหันกลับไปมองก็จะเห็นออร์คตัวเล็กอยู่เบื้องหลังเสมอ
เธอยังคงไม่พูดอะไร และวีดก็คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ เขาไม่เคยได้ยินเธอพูดมาก่อน แล้วตอนนี้ผู้เล่นทั่วไปก็คงไม่พูดกับเขาเมื่อเขาอยู่ในร่างของคาริชวิ
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะกังวลเล็กน้อยที่ต้องตามเธอ แต่วีดก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเธอจะไม่โจมตีเขา มันชัดเจนเมื่อเขาสังเกตเธออยู่พักหนึ่งและเห็นว่าเธอพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับเยติที่มีลูก
‘เธอติดสถานะฆาตกรได้ยังไง แล้วเธอก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเดินไปไหนมาไหนด้วยสีหน้าเย็นชาแบบนั้นเลย’
วีดสงสัยมาก แต่ก็เหมือนกับที่เขาไม่ชอบให้คนมายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเขา เขาก็พยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของคนอื่นเช่นกัน ดังนั้นสิ่งเดียวที่เหลือให้ทำในระหว่างเดินทางผ่านหุบเขายูโนปูก็คือล่าและเก็บไอเท็ม หุบเขาไม่มีทางเลี้ยวหรือทางแยกหรือทางอื่นให้เดิน มีเพียงถนนเส้นตรงและยาวมากๆ เพียงเส้นเดียว และยังต้องใช้เวลาอีกถึงสี่วันกว่าจะผ่านเส้นทางนี้ไปได้เมื่อดูจากแผนที่
ครึ่งวันต่อมาซอยูนก็หยุดพัก เธอเอาขนมปังบาร์เล่เหม็นหืนที่เธอสะสมไว้ตั้งแต่อยู่ในโรเซนไฮม์ออกมา และเริ่มเคี้ยวมันช้าๆ
วีดนับถือเธอในเรื่องนี้
“ใช่แล้ว ถ้าจะลดค่าใช้จ่ายเราควรเริ่มจากอาหารก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าทำได้แบบนั้นก็จะประหยัดเงินไปได้มาก เงินคืออำนาจ ทุกคนควรเก็บสะสมเงินเสมอ เมื่อนั้นเงินจึงจะไม่หมดไป”
แต่ผิดกับหญิงสาว วีดกลับไม่ได้กินเพียงขนมปังบาร์เล่
เพราะทักษะทำอาหารระดับสูงเขาจึงเก็บรวบรวมวัตถุดิบมาได้ตลอดการล่า และเพียงใช้เครื่องปรุงนิดหน่อยก็สามารถทำอาหารรสชาติเยี่ยมที่แทบไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่น้อยให้ตัวเองกินได้
วีดก่อไฟ เอาเนื้อเยติเสียบไม้ และเริ่มย่างมันช้าๆ เหนือกองไฟ กลิ่นหอมน่ากินของเนื้อย่างค่อยๆ ล่องลอยไปรอบๆ บริเวณ
“ชวิคค!”
เมื่อย่างได้ที่วีดก็ถือเนื้อไม้หนึ่งด้วยสองมือและเริ่มกิน เจ้าออร์คผอมกำลังกินด้วยความเจริญอาหารสุดๆ
ความอิ่มของคุณเพิ่มขึ้น
ความอึดเพิ่มขึ้น 40%
พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 15%
คุณรับประทานเนื้อเยติซึ่งเป็นมอนสเตอร์ที่มีค่าความแข็งแกร่งสูง
คุณจึงได้รับค่าความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ทักษะทำอาหารระดับกลาง!
บางคนทำอาหารด้วยการกำหนดระยะเวลา และปริมาณเครื่องปรุงอย่างแม่นยำ แต่วีดทำสำเร็จได้ด้วยการฝึกทำอาหารครั้งแล้วครั้งเล่าให้กับปาร์ตี้ที่เขาเคยสั่งการ
ดังนั้นแม้จะเป็นเพียงอาหารง่ายๆ แต่ก็อร่อยมากๆ เมื่อวีดเป็นคนทำ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเพิ่มค่าสถานะเล็กน้อยด้วย
“…”
ขณะที่กำลังกินอยู่วีดก็เหลือบมองไปที่ซอยูน เขาคิดว่าเธอคงจะเดินต่อไปหลังจากที่กินขนมปังเสร็จ และเขาต้องรีบเดินตามเธอให้ทัน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หุบเขาที่เต็มไปด้วยเยตินี้ มีเพื่อนร่วมเดินทางที่ไม่น่าพิสมัยก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
แต่วีดกลับต้องประหลาดใจที่สุดเมื่อหญิงสาวกลับมายืนห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว จ้องมาที่เจ้าออร์ค หรือพูดให้ถูกคือจ้องไปที่เนื้อในมือเขา เนื้อเยติย่างกลิ่นฮ้อมหอม!
“ชวิคค!”
วีดตะลึงไปเสี้ยววินาที แต่หลังจากนั้นก็รีบส่งเนื้อย่างไม้อื่นให้เธอ เขาล่าหาเนื้อเพิ่มและเหลาไม้เสียบจากกิ่งไม้แถวนี้ฟรีๆ ได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้คุ้มกว่าเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงทั้งสิ้น
ตั้งแต่นั้นมา ซอยูนก็มาร่วมมื้ออาหารกับเจ้าออร์คตัวเล็กทุกครั้ง ในการเดินทางครั้งนี้ วีดกลายมาเป็นพ่อครัวส่วนตัวของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
แม้เขาจะคิดว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมนักก็เถอะ
‘ถ้าไม่แบ่งให้ เธออาจจะกินเราก็ได้... เธอมันฆาตกรตัวจริง’


เล่มที่ 6 ตอนที่ 8 : จบ


***************************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

3 ความคิดเห็น: