วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 8 ตอนที่ 3 โครงร่างของประติมากรรมทองคำ (The Silhouette of a Golden Statue)

เล่มที่ 8 ตอนที่ 3 โครงร่างของประติมากรรมทองคำ (The Silhouette of a Golden Statue)


คณะสำรวจดินแดนภาคเหนือ!
ในที่สุดกิลด์โฟรสเซ่นโรสก็จัดเตรียมคณะสำรวจเสร็จสิ้น พวกเขาพร้อมที่จะเริ่มออกเดินทางแล้ว
คณะสำรวจนี้ ประกอบไปด้วยสมาชิกมากกว่า 1,300 คน  
โอเบรอนและพรรคพวกของเขาคิดว่าจะเป็นการดี หากหาสมาชิกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

แต่ด้วยความที่มีคนจำนวนมาก จึงทำให้การบริหารจัดการยากขึ้นไปอีก
เพราะการจะรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับสถานการณ์นั้นทำได้ยากขึ้น
แม้ว่าการเพิ่มจำนวนสมาชิกที่จะไปสำรวจจะเป็นไอเดียที่ดี  แต่ไม่ควรมากจะขนาดนี้

โดยทั่วไป คณะสำรวจนั้นมักจะมีสมาชิกระหว่าง 50 ถึง 100 คน   ซึ่งในบางกรณีอาจจะมากกว่า 200 คน จึงเพียงพอต่อการยึดดันเจี้ยนเพื่อเก็บเลเวล
สำหรับสถานที่เช่นดันเจี้ยนแล้ว จะเป็นการดีหากมีผู้เล่นเลเวลสูงสัก 7-8 คน  เพราะพวกเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตรายถึงตายได้

จำนวนสมาชิกที่มาก  อาจจะทำให้ดูน่าเกรงขามและดูปลอดภัย  แต่มันก็ยังมีข้อเสีย
โอเบรอนพูดกับพรรคพวกของตน
“มีคนเข้าร่วมการสำรวจนี้มากกว่าที่คิด ผมเห็นว่าควรลดจำนวนลงหน่อยนะ”
“ท่าทางจะยากนะครับ”  เคอร์เบรอส ขมวดคิ้วใส่หัวหน้ากิลด์ของตน
“ในสถานการณ์แบบนี้ เราคงปฏิเสธพวกเค้าไม่ได้หรอก”
“แต่สถานที่นี้มันอันตราย  พวกเราไม่สามารถพาคนจำนวนมากขนาดนี้ไปด้วยได้นะ   ที่สำคัญ พวกเรามีนักผจญภัยและผู้เล่นระดับสูงจำนวนแค่หยิบมือในทวีปทางเหนือ ดังนั้น ควรให้แต่พวกที่เลเวลสูงไปเท่านั้น”
“แต่สมมติว่าถ้าพวกเขาไม่รอดล่ะครับหัวหน้า  ผมว่าเราควรจะต้องพาคนไปให้มากเท่าที่จำเป็น” เคอร์เบรอสสรุปความคิดของตนให้โอเบรอนฟัง
 “นายคิดว่าพวกเราควรอาศัยกองกำลังขนาดใหญ่เหรอ?”
 “ก็พูดยากนะครับ   เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างที่ภาคเหนือ   อีกอย่าง  มีนักผจญภัยจำนวนมากที่ไม่ชอบเปิดเผยข้อมูลของทางเหนือ  แม้มันอาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์แต่ยังไงพวกเราก็จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น”
“ก็จริงนะ”
โอเบรอนเห็นด้วยในทันที

ไม่มีประโยชน์ที่จะไปภาคเหนือโดยอาศัยแค่ข้อมูลสาธารณะทั่วไป  พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเมืองในทางเหนืออีกทั้งยังไม่รู้เลยว่าสถานที่ใดเป็นสถานที่อันตราย!
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วต้องไปที่ไหน

“มอนสเตอร์ที่พวกเราต้องเผชิญในทางเหนือนั้นต้องอันตรายมากแน่ๆ  ในสถานการณ์ที่ขาดแคลนข้อมูลแบบนี้ เราจะทำยังไงดีครับ?”
“เคอร์เบรอส ได้เวลาแล้ว  สั่งการให้หน่วยสอดแนมทำงานได้แล้ว ก่อนที่จะล่าช้าไปมากกว่านี้”
“อืม  ผมก็คิดแบบนั้น  เราจำเป็นต้องแบ่งกำลังคนไว้เผื่อในสถานการณ์ที่ต้องสูญเสียผู้เล่นเลเวลสูงไป
“เรื่องนั้นน่ะเหรอ?  แม้ว่าเราจะแบ่งกำลังคนไว้ก็ตาม แต่หากมีสถาณการณ์ที่พวกมอนสเตอร์บุกเข้ามาในตอนกลางคืน พวกเขาก็ต้องสู้อยู่ดีไม่ใช่รึ?” โอเบรอนนั้นเป็นคนช่างสงสัย
เคอร์เบรอสไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“หวังว่าพรรคพวกของเราจะมีประโยชน์กว่าผู้เล่นอื่นๆ มันคงยากลำบากน่าดูหากเหล่าพันธมิตรไม่ร่วมมือกัน”
.
.
.

โอเบรอนและกิลด์โฟรเซ่นโรสนั้นกำลังจดจ่อว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะเริ่มออกเดินทางสู่ภาคเหนือ
ตอนนี้พวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยผู้เล่นจำนวนมาก  เหล่าผู้เล่นหิวกระหาย

กิลด์โฟรเซ่นโรสนั้นอาจจะได้แสดงให้เห็นถึงการบุกโจมตีที่น่าประหลาดใจของพวกเขาอีกครั้ง  ดุจเดียวกับการโจมตีปราสาทที่พวกเขาได้มาครอบครองนี้

พวกเขาต่างรู้สึกได้ว่าผู้คนจำนวนมากกำลังเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม  การรวบรวมกำลังให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้คือเป้าหมายหลักของพวกเขา

โอเบรอนนั้น ถือได้ว่าเป็นกำลังหลักของกิลด์โฟรเซ่นโรส
นั่นเป็นเพราะว่าเหล่าสมาชิกต่างเชื่อในตัวโอเบรอน

ดวอร์ฟวอร์ริเออร์ โอเบรอน! (ดวอร์ฟ=dwarf=คนแคระ-- tlnote)
โอเบรอนตะลุยไปทั่วอาณาจักรพร้อมกับเหล่าทหารของตน
การผจญภัยของพวกเขามีตั้งแต่การปลดปล่อยเมืองจากมอนสเตอร์  ต่อสู้กับผู้เล่นเพื่อปกป้องผู้อ่อนแอ และรวมถึงการเสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อคนอื่น

ต่อให้อยู่ในสถาณการณ์ที่ยากลำบากเพียงใด เขาก็ยังจะเอื้อมมือไปช่วยเหลือผู้อ่อนแอ!

โอเบรอนนำกองกำลังขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยเพื่อนๆ ของเขาซึ่งส่วนมากเป็นอาชีพวอร์ริเออร์ ไปบุกตะลุยในสถานที่ออกล่าหลายแห่ง

ผู้คนนับหมื่นต่างได้ยินชื่อเสียงของเขา  และเรียกขานเขาว่า  ดวอร์ฟ วอร์ริเออร์ โอเบรอน
กิลด์โฟรเซ่นโรสถูกก่อตั้งขึ้นโดยโอเบรอนกับพรรคพวกของเขา  โดยสมาชิกที่เป็นคนของโอเบรอนจริงๆ นั้นมีไม่ถึง 100 คน
กิลด์นี้เป็นกิลด์ระดับกลางค่อนไปทางระดับสูงของทวีปเวอร์เซลล์   ดังนั้น เพื่อที่จะขยายอิทธิพลให้กิลด์  พวกเขาจึงตัดสินใจตั้งคณะสำรวจขึ้น    และท้ายที่สุด กิลด์ก็ตัดสินใจว่าจะสำรวจดินแดนทางเหนือ
.
.
.
“ผมจะไม่รับฟังคำบ่นใดๆ  ทั้งสิ้นนะ    พวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมด้วยหากไม่เต็มใจ  และหากมีความเสี่ยงเกิดขึ้นคงไม่ใช่ว่าพวกเขาจะเลิกล้มกลางคันหรอกนะ?”
“พวกเขาจะยอมรับเงื่อนไขนี้ครับ”
ด้วยเหตุนี้ โอเบรอนจึงตัดสินใจจบการสนทนากับเคอร์เบรอส

ถ้าหากพวกเขาอยากจะเข้าร่วมคณะสำรวจล่ะก็  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาก็ไม่มีสิทธิแสดงความไม่พอใจใดๆ ทั้งสิ้น
เนื่องจากโอเบรอนนั้นให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ  เขาจึงปฏิเสธผู้เล่นไปหลายคน

แผนการแรกที่เขาวางไว้คือชักชวนกลุ่มคนหัวกะทิ อย่างไรก็ตามแผนนั้นก็ต้องตกไปและเปลี่ยนเกณฑ์เป็นไม่ว่าใครก็สามารถเข้าร่วมได้   ซึ่งนั่นทำให้มีจำนวนผู้เข้าร่วมที่เป็นสายอาชีพวอร์ริเออร์และนักผจญภัยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ดรัมและเคอร์เบรอสต้องการใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์
 “หัวหน้าซื่อเกินไปนะ”
“การผจญภัย ค้นหาและสำรวจ  เรื่องพวกนี้แม้จะยากลำบาก แต่มันเป็นโอกาสที่จะทำให้ได้เรามีชื่อเสียง  ดังนั้นเราจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้”
เคอร์เบรอสและดรัมส่งสายตาแลกเปลี่ยนความคิดกัน   พวกเขาต่างคิดเห็นเหมือนๆกัน
 “พวกเราควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ เพราะเราสามารถเพิ่มชื่อเสียงของโอเบรอนและกิลด์โฟรเซ่นโรสได้  ดังนั้นเราควรรับสมาชิกออกสำรวจให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
นั่นคือความตั้งใจของเคอร์เบรอส  เขารับหลายกิลด์ในอาณาจักรมาเข้าร่วม  ซึ่งต้องขอบคุณเขาจึงทำให้ใครๆก็สามารถเข้าร่วมได้
.
. .
กิลด์โฟรเซ่นโรสและพันธมิตร อวดโอ่กองกำลังขนาดใหญ่ของตน  พวกเขามีมากกว่า 1,300 คน    โดยมีกลุ่มอื่นๆมองอยู่ห่างๆ

แต่มันก็ไม่มีทางเลือกมากนัก
ดรัมและเคอร์เบรอสจงใจทำเช่นนี้  พวกเขาโอ้อวดกองกำลังเพื่อที่จะเพิ่มชื่อเสียงให้กิลด์
เขาโฆษณาเรื่องนี้ด้านนอกปราสาทเมื่อหลายวันก่อน  โดยมีผู้เล่นมุงดูจำนวนมาก จึงส่งผลให้กลายเป็นคณะสำรวจขนาดใหญ่มหึมา  และด้วยเหตุที่มีสมาชิกจำนวนมาก พวกเขาคงต้องใช้เวลาเป็นเดือนในการพาคณะสำรวจทั้งหมดไปถึงดินแดนทางเหนือ

ผู้เล่นกล่าวเอ่ยลากัน
“ขอให้ไปถึงอย่างปลอดภัยนะ”
 “อย่าลืมของฝากล่ะ...”
“รอรับได้เลย ไม่ต้องห่วง”
ผู้เล่นหลายคนเดินทางมาจากสถานที่ที่ห่างไกล

ข่าวลือที่ว่ากิลด์โฟรเซ่นโรสและพันธมิตรรวบรวมกำลังเริ่มกลายเป็นปัญหาบ้าง
ผู้นำของพันธมิตรจึงจำต้องกล่าวคำพูดปราศรัยที่เหมาะสม
 “พวกเราจะออกจากเมืองนี้เพื่อไปสู่ดินแดนแห่งการผจญภัย!   ที่นั่นเราจะต้องเสี่ยงอันตรายแต่พร้อมกันนั้นเราก็จะได้พบกับโอกาส และเพื่อความปรารถนานั้น  เราต้องทำให้สำเร็จ!”
 “เย้!”
“เราจะเดินทางไปสู่ดินแดนใหม่และเราจะประทับรอยเท้าบนผืนดินนั้น
ณ สถานที่นั้น เราจะได้พบผู้คนและร่วมสร้างประสบการณ์รวมถึงความทรงจำใหม่ๆ
แล้วเรื่องราวของพวกเราจะถูกเล่าขานลือสะพัด  และพวกเราทั้งหมดจะกลายเป็นฮีโร่ในตำนาน!!”
“โว้ววววว!”


ผู้เล่นคนแล้วคนเล่าที่เคยเอ่ยบ่นในตอนแรกๆ ของการตั้งคณะสำรวจเริ่มเปลี่ยนมาส่งเสียงเชียร์
ถึงแม้ว่า เมื่อฟังจากคำปราศรัยแล้ว  มันราวกับว่าจะเป็นการสำรวจอันตรายและมีความเสี่ยงสูงก็ตามที
เพราะในดินแดนภาคเหนืออันกวางขวางและหนาวจัดนั้นจะไม่มีสถานที่ดีๆ ให้พักผ่อน

อย่างไรก็ตามคำปราศรัยของผู้นำพันธมิตร ดูเหมือนจะส่งผลให้กำลังใจของคณะสำรวจเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งโดยทางการแล้ว  พิธีการปราศรัยนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

หลังจากหัวหน้าพันธมิตรกล่าวคำปราศรัยของตนจบ  ในที่สุดก็มาถึงตาของโอเบรอน
โอเบรอนยืนที่แท่นโพเดี่ยม และมองไปรอบๆ อย่างเงียบๆ
“.......”
คณะสำรวจและผู้เล่นที่มุงดูเงียบลงราวกับกำลังรอคำพูดของเขา
กิลด์ของเหล่าวอร์ริเออร์นั้นมีศรัทธาในโอเบรอนมาก!

บรรยากาศดูกดดันมากขึ้น เมื่อโอเบรอนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังกำลังจะเอ่ยคำปราศรัย
คำปราศรัยของโอเบรอนนั้นไม่ยาวนัก
“ลืมเรื่องคลื่นความร้อนนี้  แล้วไปที่เย็นๆ กัน  พวกเราจะต้องขจัดความร้อนนี้ให้ได้!”
แค่นั้น
ดวงตาของฝูงชนที่มุงดูและสมาชิกคณะสำรวจต่างลุกวาวราวกับสัตว์ร้าย

มีผู้คนนับพันในคณะสำรวจ  และวีดิโอบันทึกจะถูกถ่ายทอดไปสู่สายตาของคนอีกนับล้าน
ถ้าการสำรวจประสบความสำเร็จ   จะมีคนอีกมากกว่า 50 ล้านได้เห็นวีดิโอนั้น   นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะได้โฆษณาตนเอง
โดยทั่วไป  ผู้นำที่ดีมักกะกล่าวปราศรัยประมาณ 10 นาที
แต่ของโอเบรอนนั้นค่อนข้างสั้น  แต่แค่นั้นก็ทำให้จิตใจและหัวใจของคณะสำรวจแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
 “กำจัดคลื่นความร้อนบนทวีปเวอร์เซลล์”
 “พวกเรากำลังจะไปทางเหนือ!”
คำพูดของโอเบรอนนั้นมีพลังที่จะขจัดความรู้สึกรีรอในหัวใจของคณะสำรวจ
ด้วยคำปราศรัยของโอเบรอนนั้นเอง พิธีการก็จบลง
ผู้คนกล่าวอำลามิตรสหายของตนหลังจากร่วมรับประทานอาหารกันฉันมิตร

ฮี้~~!
คณะสำรวจเริ่มออกเดินทางแล้ว
พ่อค้าที่บรรทุกสินค้าเริ่มออกเดินโดยมีเหล่าดาร์คเกมเมอร์นำหน้า


***************************



“ร้อนจริงๆ”
โวล์คกล่าวขึ้นพร้อมกับใช้มือพัดไปมา ภารกิจนี้ค่อนข้างน่าเบื่อมากสำหรับเหล่าดาร์คเกมเมอร์เกือบทั้งหมด
นับว่าโอเบรอนโชคดีมากที่ได้พวกเขามาช่วยในการสำรวจนี้

 “เจอแบบนี้ก็น่ารำคาญเหมือนกันนะ”
ดาร์คเกมเมอร์อื่นๆ อีกสามสิบคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของโวล์ค
พวกเขาเห็นด้วยเพราะงานนี้มันก็เกือบเหมือนๆกับงานอื่นที่พวกเขาเคยเข้าร่วมและผจญกันมาก่อน
อย่างไรก็ตาม  ดาร์คเกมเมอร์บางคนก็มีตื่นเต้นบางเล็กน้อย เพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้ไปสำรวจสถานที่กว้างใหญ่อย่างทางเหนือ

คณะสำรวจขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  เหตุการณ์ที่พอจะเทียบได้ก็มีเพียงเมื่อครั้งที่มีการยึดอาณาจักรโรเซ็นไฮม์คืนจากอาณาจักรเบรนท์เท่านั้น

เหล่าดาร์คเกมเมอร์ต่างหวังว่าจะได้กลายเป็นฮีโร่ในประวัติศาสตร์

 “แยกย้ายกันได้”
 “ลุยเลย!”
การเตรียมพร้อมทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว และคณะสำรวจก็เริ่มออกเดินทาง
พวกมือใหม่ยืนอยู่ที่ประตูทางออก และต่างส่งสายตามองพวกเขาด้วยความอิจฉา
 “นายคิดว่าพวกนั้นจะวิ่งไปเจอตอรึเปล่า?”
 “ก็ไม่แน่นะ  ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะสามัคคีกันขนาดไหน”
“เราก็คิดแบบนั้น  แต่ยังไงมันก็ดูน่าประทับใจดีนะ  ความสามารถและทักษะในการค้นหาข้อมูลและภารกิจจากชนพื้นเมืองของพวกเขานี่ดูแคลนไม่ได้เลยจริงๆ”
 “ล่าเป็นปาร์ตี้นี่สนุกดีนะ   ได้ผจญภัยไปทั่ว  กินอาหารดีๆ แถมยังมีสาวๆ สวยๆ เยอะแยะไปหมด ว่าแต่จะทำยังไงให้ได้ค่าชื่อเสียงมากกว่าร้อยเนี่ย?”
“เราเพิ่งไปทำภารกิจแปรสภาพหางจิ้งจอกมา  ค่าชื่อเสียงของเราจึงเกิน 100 แล้ว”
“ถ้านายอยากได้ชื่อเสียงล่ะก็ นายคงต้องพยายามอย่างหนักและขยันทำภารกิจหน่อย”
 “รู้แล้วล่ะ  ก็พยายามอยู่อะนะ”
 “พักเก็บเลเวลแล้วไปกินซุปที่เอเลนทำกันหน่อยไหม”
“ไปเถอะ หาอะไรกินกัน”

แม้พวกมือใหม่จะรู้สึกอิจฉาตาร้อน แต่พวกเขาก็มีงานที่ตนเองต้องทำ

***********************************


นอกเหนือจากการถลุงแร่เพื่อฆ่าเวลาแล้ว  วีดยังสร้างดาบและเกราะ   อีกทั้งยังมีความพิเศษอีกอย่างนั่นคือเขาใช้ทักษะแกะสลักลงไป
ลวดลายของจิ้งจอกเก้าหาง!
ติ้ง!
คุณสมบัติของไอเท็มเปลี่ยนแปลง
ความเชี่ยวชาญในทักษะแกะสลักเพิ่มขึ้น
ความเชี่ยวชาญในทักษะงานฝีมือเพิ่มขึ้น

ทักษะประติมากรรมขั้นสูงส่งผลให้ไอเท็มที่สร้างได้สำเร็จมีค่าสถานะเพิ่มขึ้นถึง 3 อย่าง
ในอดีตมันเคยเพิ่มแค่ 1 หรือ 2 แต้ม แต่นี้มันให้ค่าความแข็งแกร่งและความว่องไวถึงอย่างละ 10 หน่วย
 “ดูเหมือนว่ามันจะขึ้นอยู่กับระดับเลเวลของผลงานที่ทำได้สำเร็จ”
ทักษะแกะสลักนั้นมีผลน้อยมากกับไอเท็มระดับต่ำ ดังนั้นเอง  ยิ่งวัตถุดิบที่ใช้ดีเท่าไหร่ ก็จะได้รับความสามารถที่ดีมากขึ้นเท่านั้น
 “หวังว่าทำแบบนี้เราจะพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพนะ”

พวกผู้เล่นระดับสูงนั้นมีไอเท็มที่เพิ่มค่าสถานะดีๆ หลายชิ้น
ในตอนแรก เหล่าผู้เล่นจะสนใจแค่การหาเสื้อผ้าหรืออาวุธที่ดูดี
อย่างไรก็ตาม  หากเพื่อนร่วมทีมต้องตกตายไปในดันเจี้ยนที่อันตราย  การลุยเดี่ยวก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก

เชื่อมันในชุดเกราะและอาวุธของตน  อาศัยพวกมันเพื่อต่อสู้จนกระทั่งชีวิตต้องสิ้นสูญ จนกระทั่งพวกมันราวกับกลายเป็นแขนและขาอีกข้างของคุณ และใช้โชคลาภที่มีเพื่อซื้อหาอาวุธและชุดเกราะต่อไป
อย่างไรก็ตาม  ด้วยเหตุที่มีผู้เล่นจำนวนมากยังให้ความสนใจกับสีและดีไซน์ของอาวุธและชุดเกราะ  ผู้เล่นที่สามารถสร้างเครื่องสวมใส่ได้นั้น   จึงสามารถทำเงินได้อย่างงาม


 ‘นี่คงเป็นความลับอีกอย่างหนึ่งของทักษะแกะสลัก’
วีดค้นพบวิธีที่จะหาเงินเพิ่มได้อีกนิดหน่อยแล้ว!
การแกะสลักลงบนไอเท็ม เพิ่มค่าระดับความเชี่ยวชาญได้เพียงเล็กน้อย ดังนั้นไม่ว่าจะเลเวลอะไรก็ตาม ทักษะประติมากรรมขั้นสูงของเขาจึงยังไม่พัฒนาจากจุดเดิมสักเท่าไหร่ แต่มันสามารถช่วยอัพเกรดอุปกรณ์สวมใส่ได้เล็กน้อย หรือไม่ก็อาจทำให้มันด้อยค่าลงได้

-พลังป้องกันและความทนทานถูกทำให้ลดลง

นอกจากนั้น การแกะสลักมากเกินไปยังทำให้ประสิทธิภาพของไอเท็มลดลงได้อีกด้วย ในส่วนของอาวุธเช่นดาบนั้น บางครั้ง การแกะสลักยังจะลดพลังโจมตีของมันลง
“ดูเหมือนว่าเราคงต้องแกะเป็นเส้นร่างบางๆ ไม่ให้มากเกินไป”

วีดได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการแกะสลัก    เขาแกะลวดลายลงบนดาบ อาวุธ และเย็บปะเสื้อผ้า
ผลลัพธ์ก็คือ  ชุดเกราะและดาบโลหะดำนั้นออกมาพร้อมกับออฟชั่นชั้นยอด
แม้จะมีค่าสถานะที่ไม่ค่อยมีประโยชน์อย่างค่าเสน่ห์บ้าง แต่รองเท้าบูทและหมวกมิธริลที่มีลวดลายจิ้งจอกเก้าหางนั้นทำให้เพิ่มความน่าดึงดูดขึ้นพอสมควร
เพิ่มความแข็งแกร่งอีก 30  ความว่องไวอีก 20 และชื่อเสียงอีก 120 !
เครื่องสวมใส่ที่ดีจะนำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น


การตีเหล็กและเย็บปักจบลงแล้ว และตอนนี้สิ่งที่วีดต้องทำเหลือเพียง การสร้างประติมากรรม
“น่าจะแกะออกมาได้แล้ว”
วีดแกะเป้าแบบพิมพ์ดินเหนียวออก
แสงสีแพรวพรายสะท้อนออกมาจากชิ้นโลหะทองคำ
เขาแกะชิ้นส่วนทองออกมาเรื่อยๆ

 “ทองคำที่ใช้ทำงานนี้คงประมาณ 7,000 ทอง”
วีดรู้สึกปวดแปร๊บในอก

ประติมากรรมที่สร้างขึ้นจากทองคำ    ชิ้นส่วนทองนั้นค่อนข้างเล็ก ดังนั้นเขาจึงต้องแบ่งมันเป็นแผ่นๆ เพื่อสร้างประติมากรรม  แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์

“ถึงเวลาทำส่วนสุดท้ายแล้ว”
วีดค่อยๆ แกะสลักบริเวณใบหน้า หู และนิ้ว อย่างระมัดระวัง
ในส่วนของสัญฐานนั้นเขาใช้เบ้าแบบพิมพ์ดินเหนียว แต่ในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยที่สำคัญๆ เช่นเสื้อผ้าหรือข้อต่อนิ้วเขาจะค่อยๆทำด้วยตนเอง
เขาค่อยๆ เลาะส่วนที่ขรุขระ และจากนั้นก็เกลาให้เรียบทีละน้อยๆ
จนในที่สุด รูปสลักชิ้นนี้ก็เสร็จสมบูรณ์

รูปสลักที่สร้างขึ้นในเมืองแห่งศิลปะ, โรเดียม  มันคืองานประติมากรรมรูปสลักทองคำ

โปรดตั้งชื่อให้รูปสลัก



วีดคิดเล็กน้อยและกล่าวชื่อออกมา
“รูปสลักทรัพย์มากมี”
เซ้นส์การตั้งชื่อแย่มาก!
ศิลปินนับไม่ถ้วนคงร้องไห้ไปหลายวันหากได้ยินชื่อแบบนี้

รูปสลักทรัพย์มากมี ใช่หรือไม่?
 “ถูกต้อง”
ติ๊ง!
มาสเตอร์พีช! คุณสร้างรูปสลักทรัพย์มากมี ได้สำเร็จ
         ด้วยวัตถุดิบที่ส่องประกายแวววาว จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางศิลปะให้มากขึ้น
         ประติมากรรมทองคำบริสุทธิ์!
         ไม่ง่ายเลยที่จะสร้างสรรค์ประติมากรรมด้วยการถลุงทองคำ
        ดังนั้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงชื่อเสียงเกียรติยศและความกล้าท้าทายของผู้สร้างมัน รูปสลักจะส่องประกายขึ้นไปอีก
คุณค่าทางศิลป์ : 7100
ผลลัพธ์พิเศษ :
รูปสลักทรัพย์มากมี ช่วยเพิ่มการฟื้นฟูพลังชีวิตและมานา 30 % ตลอด 1 วัน
เพิ่มโอกาสให้ไอเทมตกมากขึ้น 15% ตลอด 1 วัน
โชคเพิ่มขึ้น 60
คุณสมบัติทักษะ 2 ชนิดเพิ่มขึ้น 10% :
-ทักษะพ่อค้าเพิ่มขึ้น
-ทักษะศิลปะเพิ่มขึ้น
รูปสลักตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางของเมือง หรืออาณาจักร จะทำให้ความถี่ของการเกิดอาชญากรรมจะเพิ่มขึ้น
ไม่ควรใช้ทับซ้อนกับรูปสลักอื่นๆ
จำนวนผลงานมาสเตอร์พีชจนถึงปัจจุบัน : 3
ทักษะประติมากรรมเพิ่มขึ้น
ทักษะงานฝีมือเพิ่มขึ้น
ระดับความเชี่ยวชาญด้าน ประติมากรรมพัฒนาขึ้น 1 เลเวล
ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 520
ความอึดเพิ่มขึ้น 3
รูปสลักทรัพย์มากมีกลายเป็นสิ่งพิเศษของเมืองโรเดียม  นักเดินทางจำนวนมากจะมาเยี่ยมชมรูปสลักที่ส่องประกายหลากสีนี้
คุณเป็นเจ้าของรูปสลักทรัพย์มากมี  หากคุณให้ชีวิตแก่รูปสลักในอนาคต  มันจะชื่อสัตย์ต่อคุณผลจากการสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีช  ทำให้ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น 3

วีดสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีชไม่มากนัก
ผลงานต้นแบบระดับมาสเตอร์พีชนั้นหาได้ยาก
และผลงานลักษณะแบบนี้ ชิ้นนี้นับเป็นชิ้นแรก!
มันเป็นรูปสลักที่เป็นที่ยอมรับเพราะสร้างขึ้นจากทักษะช่างตีเหล็ก
ถ้าเขาลองใช้ทักษะช่างตีเหล็กสร้างรูปสลักขึ้นอีกครั้ง และผลงานออกมาไม่โดดเด่นล่ะก็ หลังจากนั้นการจะสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีชแบบนี้ได้อีกคงค่อนข้างเป็นไปได้ยาก

หลังจากความพยายามสร้างงานนับพันชิ้น ในที่สุดมันก็ออกดอกออกผลและงานมาสเตอร์พีชก็เกิดขึ้นจนได้
มันคือความปิติยินดีของผลงานสุดท้าย
‘รางวัลตอบแทนความยากลำบากต่างๆที่เราได้รับ’
วีดเริ่มยิ้ม
โดยทั่วไปผู้เล่นมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับประติมากรว่าเป็นอาชีพที่แค่ตัดๆ แกะๆ สิ่งของ
แต่ประติมากรที่แท้จริงนั้นสามารถสร้างสิ่งต่างๆ ได้ในทุกมิติ
ประติมากรสามารถใช้ได้ทุกเทคนิค และนั่นรวมถึงการตีเหล็กด้วย
ประติมากรที่มีอาชีพขั้นสูงระดับสองนั้นเจนจัดในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ประติมากรรมโลหะ ประติมากรรมโครงสร้าง ประติมากรรมหิน ประติมากรรมดิน และประติมากรรมอัญมณี
เพราะมีหลากหลายอาชีพในวังและในเมือง  จึงมีประติมากรในด้านต่างๆ จำนวนมาก    อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่รวมถึง    ประติมากรแสงจันทร์  ซึ่งเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก  ดังนั้นจึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพนี้เท่าไรนัก  และภารกิจที่เกี่ยวข้องกับมันนั้นก็ค่อนข้างยาก
ติ้ง!

ภารกิจ ศิลปินแห่งเมืองโรเดียมสำเร็จ
        คุณได้รังสรรค์ผลงานระดับมาสเตอร์พีชอันเยี่ยมยอดด้วยมือของคุณเอง
ผลงานนั้นเพียงพอต่อการเป็นที่ยอมรับในเมืองแห่งศิลปินนี้
ตอนนี้คุณสามารถลงทะเบียนในกิลด์แห่งศิลป์ต่างๆ ได้
รางวัลของภารกิจ :
กลับไปที่กิลด์ศิลปิน และคุณจะสามารถรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับงานประติมากรรมได้
ภารกิจสำเร็จ!
แต่ไม่มีรางวัลที่เทียบได้กับความยากลำบากของภารกิจเลย
ประติมากรเลเวลต่ำๆ ไม่สามารถจู้จี้จุกจิกในเมืองแห่งศิลปิน โรเดียมนี้ได้
มาตรฐานของวีดนั้นสูงเกินไป ทำให้เขาต้องพบปัญหามากเกินกว่าที่จำเป็น

เขาสามารถสร้างรูปสลักด้วยการใช้ทักษะของอาชีพที่ต่างกัน!
มองไปแล้ว ทักษะด้านประติมากรรมนั้น ให้ผลลัพธ์เล็กๆที่น่าประทับใจ
เราไม่สามารถใช้ประโยชน์การแกะสลักได้โดยตรงเหมือนทักษะการต่อสู้หรือใช้สำหรับการผจญภัย
มันไม่สามารถใช้งานได้ดั่งใจนึกทันทีทันใด เพราะความยากลำบากอีกทั้งยังต้องใช้เวลามาก
อย่างไรก็ตาม มันมีประโยชน์ในการพัฒนาเมืองและอาณาจักร
งานประติมากรรมนั้นจะดึงดูดความสนใจของผู้คน  สร้างสรรค์สังคม และเสริมพลังของชาติ


ซึ่งต้องขอบคุณงานประติมากรรมสฟิงซ์ ที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเยี่ยมชมโรเซ็นไฮม์ และดันเจี้ยนรอบๆต่างเต็มไปด้วยผู้เล่น
แค่อาชีพศิลปินก็สามารถมีอิทธิพลต่ออนาคต และความแข็งแกร่งของทั้งอาณาจักรได้!

แต่วีดไม่สนใจในเรื่องอาณาจักร ในทางตรงกันข้าม เขาไม่ชอบมันเลยสักนิด
“ก็ยังดีที่เราสร้างงานนี้ได้สำเร็จ....ประติมากรรมประทานชีพ!”
วีดสัมผัสส่วนหัวของประติมากรรมทองคำ
รูปสลักของชายที่เตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย  แต่สร้างขึ้นจากทองคำทั้งตัว
โฮววววววว!
ทองคำเริ่มร้อนขึ้น
และเมื่อมันร้อนจนแดง  มันก็เริ่มขยับเขยื้อนร่างกาย
คุณให้ชีวิตกับประติมากรรม
เลเวลของประติมากรรมจะคำนวณจากค่าสถานะศิลปะ 762 หน่วย ดังนั้นระดับพื้นฐานของประติมากรรมตัวนี้คือ 351 แต่เนื่องจากมันเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีช ระดับพื้นฐานจึงเพิ่มอีก 20% เป็น 420
ได้รับคุณสมบัติพิเศษ 3 ชนิด
ทักษะที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและระดับพื้นฐานของประติมากรรม
คุณสมบัติ :
ธาตุไฟ 50%
ธาตุโลหะ 100%
ธาตุน้ำ 60%
ประติมากรรมนี้สามารถต้านทานเวทมนต์สายโลหะ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสร้างขึ้นจากทองคำ ดังนั้นจึงบอบบางกว่าปกติ
สามารถใช้ไฟได้ไม่จำกัด อย่างไรก็ตามหากใช้ไฟมากเกินไปอาจจะทำให้ร่างกายละลายได้
สามารถใช้ประโยชน์จากการหลอมละลายร่างเพื่อโจมตีศัตรูได้หลายวิธี อย่างไรก็ตามปริมาณทองคำเหลวที่ลดลงจะส่งผลกระทบกับร่างกาย

มานาถูกใช้ไป 5000 หน่วย
ค่าศิลปะลดลง 10 หน่วย
คุณสามารถเรียกคืนค่าศิลปะที่เสียไปได้อีกครั้งผ่านการทำงานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ
เลเวลลดลง 2
เนื่องจากระดับที่ลดลง ค่าสถานะที่เพิ่มล่าสุด 10 หน่วย จะถูกหักออกและจะกลับมาเมื่อคุณได้ระดับที่เสียไปคืนมา
กรุณาให้ความระมัดระวังพลังชีวิตของประติมากรรม
หากประติมากรรมตายลง จะต้องใช้ทักษะประติมากรรมประทานชีพอีกครั้งเพื่อเรียกดวงวิญญาณกลับมา
ชุบชีวิตไม่ได้หากถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง

มันเป็นความฝันของประติมากร!
วีดให้ชีวิตกับประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีช และเลเวลของมันคือ 420
มันมีพลังที่น่าประทับใจ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ได้จากการต่อสู้
‘คราวหลังเราไปให้ชีวิตรูปสลักซอยุนดีกว่า’
วีดกล่าวกับตนเองว่าสักวันหนึ่งเขาจะกลับไปที่ช่องเขาเพื่อให้ชีวิตกับงานระดับมาสเตอร์พีชชิ้นแรกของเขา รูปสลักซอยุน

วีดไม่สามารถใช้ทักษะให้ชีวิตได้บ่อยนัก เพราะมันต้องใช้ถึง 2 เลเวล และค่าศิลปะอีก 10 หน่วย
แต่เมื่อค่าศิลปะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยิ่งดีขึ้น

ประติมากรรมที่ได้รับชีวิตนั้นมีอัตราการเติบโตที่ดี
ชิ้ง!
ประติมากรรมทองคำลืมตา และตื่นขึ้นแล้ว
มันหันมองวีดด้วยสัญชาตญาณราวกับว่าเขาเป็นพ่อของมัน

ประติมากรรมเปล่งประกายสีทองและกล่าวขึ้น
“โกลโกลโกลโกล! ช่วยบอกชื่อข้าที”
วีดให้ชื่อแก่มันในทันที
“ชื่อของเจ้าคือ โกลมินิ(Geumini)”
“โกลมินิ โกลมินิ โกลโกลโกล!”
โกลมินิทวนชื่อของมันในหัว
“ข้าจะสู้กับศัตรูร่วมกับนายท่าน ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร!”
วีดได้รับข้ารับใช้ที่แสนซื่อสัตย์แล้ว
แม้มันอาจจะสูญสิ้นชีวิตเมื่อถูกทำลาย  แต่ประติมากรรมนั้นมีความซื่อสัตย์ที่หาใดเทียบและมันสามารถสละชีวิตของมันให้เขาได้


**************************

“อ๊า า า า า!”
เสียงร้องคำรามดังก้องไปทั่ว
เหล่าไวเวิร์นต่างกู่ร้องบนฟากฟ้า
ไวเวิร์นจำนวน 6 ตัว โผบินเป็นขบวนบนท้องฟ้าอย่างสง่างาม
ไวเวิร์น 4 ตัวตายไปในการต่อสู้กับลิชไชร์ ดังนั้นพวกมันทั้ง 6 จึงเป็นไวเวิร์นที่เหลืออยู่ของวีด  พวกมันเป็นสมาชิกที่มากประสบการณ์

มีคำกล่าวว่าประติมากรรมนั้นเป็นภาพสะท้อนของเจ้าของ  ดังนั้นการกระทำของพวกมันจึงเป็นไปตามสัญชาตญาณที่มี
ไววัน, ไวทู, ไวทรี,ไวไฟว์,ไวซิกและไวเซเว่น
เขารีบร้อนสร้างพวกมันขึ้นมา ดังนั้นนั่นจึงเป็นสาเหตุที่พวกมันมีชื่อเรียงเป็นลำดับเช่นนี้
“ยะโฮ่!”
บางครั้ง เหล่าไวเวิร์นก็ลงมาที่พื้นเบื้องล่างเพื่อหากินสัตว์ต่างๆ เติมเต็มท้องของมัน
ในตอนกลางคืนพวกมันจะอาศัยนอนในถ้ำกว้างๆ ไม่ก็บนหน้าผา
หลังจากบินติดต่อกันนานๆ บางครั้งพวกมันก็ลงพื้นเพื่อพักผ่อนฟื้นฟูพละกำลัง
ด้วยการกระพือปีก  พวกมันจึงสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม มันก็มีความยากลำบากอยู่บ้าง
“การบินนี่ก็ยากเกิ๊น!”
ไวเซเว่นบ่นออกมาก
“ลมมันพัดตีใส่ร่างกายข้าตลอดเลย”
โดยทั่วไปนั้นไวเวิร์นควรจะคล่องแคล่วว่องไวเหมือนนก เนื่องจากมีร่างกายที่เพรียวลม ซึ่งช่วยลดแรงต้านจากอากาศ
แต่ตอนนั้นวีดไม่มีเวลา   จึงสร้างพวกมันอย่างลวกๆ
ไวเวิร์นจึงออกมาหน้าตาน่าเกลียด! และพุงป่อง
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นรูปร่างที่ไม่เหมาะกับการบินเลยสักนิด
สายลมที่ปะทะใบหน้ากับร่างกายของพวกมันระหว่างบินนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
เพราะด้วยความเร็วที่พวกมันใช้ จึงทำให้พละกำลังหมดไปอย่างรวดเร็ว
จึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกมันที่จะบินส่งวีดตลอดทั้งวัน  ดังนั้นเหล่าไวเวิร์นจึงกางปีกออกกว้างๆ และใช้วิธีการร่อนลม
พวกมันจึง
พวกมันร่อนผ่านผืนดินและหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว


******************************


ลี ฮายัน  นั้นคิดหนักอยู่ช่วงหนึ่งว่าจะบอกหรือไม่บอกลีฮุนดี

การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเกาหลี
จะเข้าได้หรือไม่ขึ้นอยู่ประวัติผลงานในอดีตที่ผ่านมา
การมีสิทธิ์เข้ารับคัดเลือกนั้นจะพิจารณาจากผลงานที่ทำได้และคุณความดีที่ทำมา

ฮายันรอจนกระทั่งฮุนยื่นเอกสารผ่านและเข้าสัมภาษณ์จึงบอกเขา
“ทำไมหนูถึงไม่บอกพี่ก่อนน่ะเหรอ? ก็เพราะถ้าพี่รู้ก่อนพี่ก็ไม่ไปแน่ๆ”
เมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนั้น สิ่งที่เขารู้สึกก็มีเพียงความผิดหวัง
‘เราก็แค่แวะไปหน่อยแล้วก็กลับบ้าน’


ลี ฮายันไปดูการสัมภาษณ์
มันยากมากที่จะหาคนเหมือนอย่างลี ฮุน
.
.
.
ส่วนฮายันนั้น เธอเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์อย่างปลอดภัย แม้จะประหม่าบ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ความกดดันยังไม่จบลง
‘ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เราต้องได้ทุนการศึกษา’
ลีฮุนมีสัญญากับเธอไว้ว่า ถ้าเธอได้รับทุน  เขาก็สัญญาว่าจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเกาหลี

ตอนนี้ ลี ฮายัน กำลังรอผลที่ออกมา


*******************************

ไม่ว่าคณะสำรวจจะไปที่ไหน  ที่นั่นก็จะอึกทึกครึกโครม   มันเป็นการสำรวจขนาดใหญ่ครั้งแรกในดินแดนเหนือ
“กำจัดคลื่นความร้อน!”
“พวกเราตั้งตาคอยการผจญภัยที่จะเกิดขึ้นในแดนเหนือ”
ผู้คนต่างประกาศสรรเสริญการสำรวจ ซึ่งทำให้ขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้น
คณะสำรวจนี้ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ
ทุกครั้งที่พวกเขาถึงเมืองใด มิตรสหาย เพื่อนร่วมงานของโอเบรอนก็จะมาเข้าร่วมด้วย
ความแข็งแกร่งของคณะสำรวจนี้เพิ่มพูนขึ้นไปอีก เมื่อช่างตีเหล็ก ทรูแมน(Trumann) และช่างตัดเย็บ แคดมุส (Cadmus) มาเข้าร่วมด้วย
ทรูแมนนั้นมีทักษะด้านช่างตีเหล็กถึงระดับกลาง เลเวล 7
ในหมู่ช่างตีเหล็กทั่วทวีปเวอร์เซลล์  เขาอยู่ในลำดับที่ 5  
นอกจากจิ้งจอกแล้วเขาไม่เคยล่ามอนสเตอร์อื่น  และเขาไม่เคยสนใจล่าตัวใดอีก
หลังจากทรูแมนล่าจิ้งจอกครั้งนั้น เขาหัวเราะออกมาและกล่าวว่า
“แทนที่จะไปต่อสู้  ผมสนใจสร้างและขนอาวุธที่สามารถช่วยเหลือพวกพ้องได้มากกว่า”

ทรูแมนสร้างอาวุธเป็นกองๆ ตลอดทั้งวัน
ดาบสีดำทมิฬ ที่ถูกเรียกว่าดาบแห่งความมืด
ดาบแห่งการคุมขัง   ที่มีใบดาบสีฟ้าอันสวยงามราวกับท้องนภา แต่สามารถแช่แข็งศัตรู
อาวุธบางชิ้นของเขายังสามารถสร้างความเสียหายให้แก่ชุดเกราะเพิ่มได้อีก 10%


โอเบรอนยิ้มด้วยความยินดี เมื่อได้ช่างฝีมือระดับปรมาจารย์อย่างทรูแมนมาเข้าร่วมคณะสำรวจของเขา
 “ยินดีต้อนรับทรูแมน! ขอฝากเรื่องอาวุธของของคณะสำรวจไว้ในมือนายนะ”
โอเบรอนและทรูแมนนั้นเคยคบหามีไมตรีต่อกันอยู่บ้าง

ในอดีตทรูแมนเคยได้รับภารกิจสร้างอาวุธ  แต่วัตถุดิบที่ใช้ทำนั้นอยู่ในรังของพวกลิซาร์ดแมน  สตริงเกอร์ชู้ตติ้งลิซาร์ดแมนนั้นไม่ใช่มอนสเตอร์เลเวลสูงเท่าไรนัก  แต่พวกมันมีเล่ห์เหลี่ยมมาก  จึงไม่มีใครหาญกล้าเข้าไปในรังของพวกมัน
แต่โอเบรอนสามารถเข้าไปข้างในนั้นและขนวัตถุดิบออกมาได้
ด้วยความสัมพันธ์นี้เองจึงทำให้ทรูแมนเข้ามาเป็นสมาชิกคณะสำรวจในฐานะช่างตีเหล็ก
ในส่วนของแคดมุสนั้นค่อนข้างแปลกออกไป
“ฉันต้องการสร้างเสื้อผ้า  ชุดที่สวมใส่สบาย  ชุดสำหรับใช้งานต่างๆ     ฉันอยากสร้างชุดที่สามารถใส่ได้ในทุกๆสภาพแวดล้อม”
แคดมุสต้องการไปแดนเหนือเพื่อทดสอบทักษะตัดเย็บของเธอ
ทักษะตัดเย็บขั้นกลางเลเวล 6!
สำหรับช่างตัดเย็บที่ได้ชื่อว่าเก่งเป็นลำดับ 3 แล้วอย่างแคดมุสแล้ว  การมัวมาเย็บกระดุมเสื้อไม่มีความหมายสำหรับเธออีกต่อไป
เมื่อทรูแมนและแคดมุสผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือมาเข้าร่วมคณะสำรวจยิ่งทำให้พวกเขามีความหวังมากขึ้นไปอีก
.
.
.

โอเบรอนหยุดอยู่ที่เนินเขาและก้มมองดูคณะสำรวจจากบนหลังม้า
“ผมต้องนำคนเหล่านี้ทั้งหมดไปกับผมใช่ไหม?”
ดรัมพยักหน้าให้กับคำถามของโอเบรอน
“ใช่แล้วครับ ก็ตามที่ผมบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าสถาปนิกและพ่อครัวนั้นมีความจำเป็นอย่างขาดไม่ได้ ส่วนบาร์ดนั้นก็จะมีส่วนช่วยในการเดินทาง”
 “มันแย่ถึงขนาดต้องเอาจากทุกกิลด์ในเมืองโรเดียมเลยหรือ?”
เคอร์เบรอสประเมินคำถามนี้
อาชีพบาร์ดนั้นหาได้ไม่ยาก   และมันคงเป็นการดีกว่าหากใช้บาร์ดที่สังกัดกิลด์เขาแทนที่จะเป็นคนแปลกหน้า
“บาร์ดเก่งๆ นั้นส่วนใหญ่จะสังกัดกิลด์อยู่ที่เมืองโรเดียม  แต่บาร์ดที่กิลด์เรามีนั้นให้ความสำคัญแต่กับการต่อสู้ ดังนั้นเราจึงมักจะละเลยอาชีพบาร์ดไป”
“คิดดูแล้ว อาชีพบาร์ดน่าจะช่วยเสริมการต่อสู้ได้”
เคอร์เบรอสให้คำยืนยันเรื่องนี้
บาร์ดเป็นอาชีพสายนักดนตรีที่มีทักษะในการเพิ่มค่าสถานะและสร้างบรรกาศผ่อนคลาย
อย่างไรก็ตาม บาร์ดที่มีอยู่ในกิลด์ของพวกเขานั้นต่างออกไป  เพราะเป็นบาร์ดสายต่อสู้!
พวกเขาถนัดการใช้เครื่องดนตรีเป็นอาวุธมากกว่าเอามาขับสีตีเป่า
“ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องหาผู้เล่นที่มีอาชีพเกี่ยวกับศิลปะ”
“เอาตามที่นายเห็นควรเลย”  โอเบรอนให้คำอนุญาตแก่ดรัม

โอเบรอนอนุญาตดรัมอย่างหนักเน่น เขาฝากที่เหลือไว้กับดรัม
“ดรัม  นายช่วยดูแลพวกเขาด้วยนะ”
จำนวนสมาชิกของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากจนกระทั่ง แม้มีคนมาเพิ่มอีกก็ไม่ทำให้แตกต่างแต่อย่างใด
เห็นได้ชัดว่า โอเบรอนนั้นเป็นนักรบพันธุ์แท้ที่เชี่ยวชาญแต่การล้มมอนสเตอร์  และนั่นทำให้เขาไม่เห็นคุณค่าของศิลปะสักเท่าไหร่   เขาจึงปล่อยสิ่งที่เขาทำไม่ได้ให้พรรคพวกจัดการแทน

แต่โอเบรอนก็ไม่ลืมที่จะให้ความระมัดระวังกับเรื่องต่างๆ
“การสำรวจแดนเหนือนั้นไม่ง่ายเหมือนเดินเล่นในสวนสนุก  พวกนายเดินหน้าแผนการต่อไปก็ได้ แต่อย่าเสียใจภายหลังกับการตัดสินใจนี้ล่ะเพราะพวกศิลปินอาจจะเป็นภาระให้พวกนายได้”
“รับทราบแล้ว”
“เอาล่ะ ไปที่เมืองได้  เคอร์เบรอส”
“ว่าไงหัวหน้า”
“พวกเรายังอยู่ไกลจากแดนเหนือของทวีปใช่ไหม?”
“ใช่แล้วครับ และพวกเราก็อยู่ห่างจากทวีปกลางมากพอดู  ต่อจากนี้ไป บางทีพวกเราอาจจะจำเป็นต้องอาศัยการเทเลพอร์ตเพื่อเดินทางต่อ”
“พวกเราจะไปที่ไหนกันต่อ?”
“จากนี้พวกเราต้องขึ้นไปที่ราสฮิล (Ras Hill)

ราสฮิล คือชื่อของเนินเขาที่ตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางของทวีปเหนือ  ชื่อและสถานที่ตั้งของมันถูกค้นพบโดยเหล่านักผจญภัย

โอเบรอนพยักหน้าตอบรับ
“เอาล่ะ การค้นหาจะเริ่มจากที่นั่น”
“ครับผม”
“เรียกวิซาร์ดมาสร้างวงไสยเวทย์เคลื่อนย้าย”
 “ผมจะเตรียมวงไสยเวทย์ตรงที่ราบนะ”
“เราจะเคลื่อนย้ายได้ครั้งละกี่คนเหรอ?”
“เราส่งได้ประมาณ 150 คน  หากคำนวณจากมานาที่ใช้ ก็ได้ประมาณสามครั้งต่อวัน รวมกันก็ 450 คน”
“นานเหมือนกันนะเนี่ย”

วงไสยเวทย์เคลื่อนย้าย (Teleport Circle)
เป็นเวทที่สามารถเคลื่อนย้ายผู้คนจำนวนมากไปยังสถานที่ที่กำหนด  ซึ่งการเตรียมใช้เวทมนต์บทนี้ต้องใช้วัตถุดิบเป็นศิลาเวทมนต์และสารทำปฏิกิริยาจำนวนมาก
เวทนี้สามารถเคลื่อนย้ายสัมภาระพร้อมกับคนได้ประมาณ 150 กว่าคน

ศิลาเวทมนต์และสารทำปฏิกิริยานั้นมีราคาแพงมาก และหาได้ยาก
ถ้าหากการสำรวจแดนเหนือของพวกเขาล้มเหลวล่ะก็ กิลด์โฟรเซ่นโรสต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักเป็นแน่
พวกเขาไม่ได้วางแผนจะใช้เงินมากขนาดนี้  แต่ขั้นตอนเตรียมการนั้นบานปลายขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้ตอนนี้พวกเขาต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมาก  ซึ่งหากแผนการกำจัดคลื่นความร้อนล้มเหลวล่ะก็ กิลด์ต้องล้มละลายเป็นแน่แท้

 ‘หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย’ โอเบรอนและพรรคพวกหลับตาลง
เมืองเกิดของพวกเขาอยู่ในศูนย์กลางของทวีป  ยิ่งพวกเขาไปนานเท่าไร  หมู่บ้านที่พวกเขาดูแลยิ่งอยู่ในอันตรายขึ้นเท่านั้น
พวกเขาจำต้องรีบทำภารกิจนี้ให้สำเร็จใน 1 เดือน และอย่างช้าต้องไม่เกิน 2-3 เดือน


*******************************


โวล์คและดาร์คเกมเมอร์ที่เหลือเดินทางไปสู่เมืองโรเดียม  พวกเขาได้รับเวลาพักผ่อนสองสามวัน
“อืม เจอกันพวก”
“ไว้เจอกันนะ”
เหล่าดาร์คเกมเมอร์ทักทายกันและกล่าวลา
การเตรียมพร้อมครั้งสุดท้ายของพวกเขาคือการตรวจสอบอุปกรณ์ของตนให้พร้อมกับการสำรวจ

พลังชีวิตและทักษะทางกายภาพ  ถ้าใครไม่เตรียมพร้อมให้ดี จะทำให้ผลงานของตนออกมาแย่
เหล่าดาร์คเกมเมอร์นั้นต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกภารกิจ  ดังนั้นเกือบทุกๆการต่อสู้  พวกเขา เหล่าดาร์คเกมเมอร์จึงมักจะเป็นผู้อยู่รอด
“เย็นนี้ไปหาเหล้าดื่มกัน”
“ได้ยินมาว่าที่โรเดียมมีผับแฟนซีล่ะ”
“เยี่ยมไปเลย”
ดาร์คเกมเมอร์บางคนชวนคนรู้จักไปดื่ม
ตัวผับนั้นค่อนข้างดูดีอีกทั้งเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงนั้นยังทำให้บรรยากาศที่ดูไม่เหมือนกับเป็นผับ
“ใครเลี้ยงละมื้อนี้?”
“ตัวใครตัวมันซิเฟ้ย”
“งั้นไว้เจอกันตอนเย็นนะ”
ดาร์คเกมเมอร์คนอื่นแยกตัวไปเพื่อหาข้อมูล
โวล์คและแดรินเดินจูงมือกันไป
“ที่นี่สวยดีนะครับ” โวล์คกล่าวขึ้นหลังจากเดินมาสักพัก
โวล์คนั้นดูไม่เหมือนคนที่เอ็นจอยกับศิลปะ แต่เขาก็มีความโรแมนติกปรากฎในดวงตา
“ค่ะ  ศิลปกรรมต่างๆ ของเมืองนี้ช่างดูโอ่อ่าหรูหรา”
คู่รักเดินไปด้วยกัน พร้อมกับยิ้มให้กันไปพราง  แม้พวกเขาจะมีมุมที่ต้องหาญกล้าเมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่ดุร้าย แต่พวกเขาก็ยังมีมุมแบบนี้เช่นกัน

 “ขอเงินหน่อยได้โปรด!”
“ได้โปรดให้เงินข้าด้วยเถิด!”
“ช่วยข้าด้วย!”
มันช่างดูน่าสนุกเมื่อได้เห็นพวกขอทานเกาะติดกับสมาชิกในคณะสำรวจ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าคณะสำรวจนั้นเต็มไปด้วยผู้เล่นเลเวลสูง และมีเครื่องประดับที่หรูหรา
พวกขอทานคิดว่าจะขอเงินจากพวกเขาได้เป็นเทน้ำเทท่า

และด้วยความอลหม่านฮือฮาของพวกขอทานนี้เอง เหล่านักสำรวจจึงจำต้องให้เงินแก่พวกมันบางคนไป
อย่างไรก็ตาม พวกดาร์คเกมเมอร์พยายามทำตัวหลีกเลี่ยงความสนใจไม่ให้เป็นที่สะดุดตาโดยไม่จำเป็น

“พักกันสักหน่อยนะ”
“อื้ม”
โวล์คและแดรินนั่งลงบนเก้าอี้  ทุกๆ ที่ต่างเต็มไปด้วยงานศิลปะ
สายลมพัดเบาๆและนำพากลีบดอกไม้มา  น้ำพุที่พุ่งเป็นทางยาว ละอองน้ำที่เปร่งประกายแวววาวเมื่อต้องแสงอาทิตย์

โวล์คกำหมัดของตนแน่น
“ผมขอโทษจริงๆ”
“อะไรเหรอคะ?”
“การฮันนีมูนของพวกเรากลับต้องมาเป็นแบบนี้....”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  การเดินทางนี้ก็ดีมากแล้วล่ะ”
แดรินค่อยๆ เอนหัวของตนพิงไหล่โวล์ค


เมื่อตอนที่พวกเขาแต่งงานกัน  พวกเขายังไม่ค่อยมีเงิน จึงแทบจะไม่สามารถจัดงานฉลองได้
พวกเขาไม่สามารถจัดพิธีแต่งงานใหญ่โต  แต่โวล์คนั้นหวังไว้ว่าอย่างน้อยพวกเขาก็ควรจะมีการฮันนีมูน
โวล์ครู้สึกละอายใจ
พวกเขาทั้งคู่ร่อนเร่ไปทั่วทวีปเวอร์เซลล์
ไปยังดันเจี้ยนอันแสนอันตราย , ไปยังหมู่บ้านที่เป็นมิตร
แต่แค่นั้นยังไม่ทำให้โวล์คพอใจ เพราะมันยังไม่ดีพอที่จะเป็นการฮันนีมูนที่เขาอยากพาเธอไป

มีคู่รักในโลกจริง หลายคู่ที่เข้ามายังทวีปเวอร์เซลล์เพื่อการฮันนีมูน
ด้วยความที่เป็นหนุ่มสาว  พวกเขาจึงยังไม่มีเงินไปจ้างเอเจนซี่ท่องเที่ยวเพื่อการฮันนีมูนจริงๆ

มีบ้างที่ถูกหลอกโดยเอเจนซี่ทัวร์ให้มาสำรวจทวีปเวอร์เซลล์แทนที่จะเป็นการฮันนีมูน
การฮันนีมูนในสถานที่อันตรายๆ นั้นไม่สนุกแต่อย่างใด
ซึ่งพวกนั้นมักจะพุ่งเป้าหมายไปที่ผู้เล่นเกมรอยัลโรด  

นับเป็นเวลาสามปีแล้วที่รอยัลโรดเปิดให้เล่น และทวีปเวอร์เซลล์ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
ธุรกิจเกี่ยวกับการสันทนาการและการท่องเที่ยวพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ในรอยัลโรดเป็นจำนวนมาก  พวกเขาสามารถไปเยี่ยมชมธรรมชาติต่างๆ ได้โดยไม่ต้องถูกบีบด้วยข้อจำกัดของโลกแห่งความเป็นจริง!  เหล่าผู้คนต่างแสวงหาความผ่อนคลายของชีวิต


ในเกมนี้  เหล่าเอเจนซี่ท่องเที่ยวต่างแข่งขันกันพัฒนาสถานที่น่าดึงดูดใจในทวีป
เกมรอยัลโรดนั้นนำความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่มาสู่โลกธุรกิจ
มีการประชุมและนำเสนองานจำนวนมากเกิดขึ้นในรอยัลโรด

เหล่าเซลล์แมนต่างชักชวนลูกค้าเข้ามาในเกม
ด้วยความเพลิดเพลินจากมื้ออาหารและเครื่องดื่มในเกมจะช่วยเปิดประตูธุรกิจระหว่างพวกเขากับลูกค้าได้
การเข้ามาในทวีปเวอร์เซลล์นั้นกลายเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการเรียกเงินจากผู้บริโภค

โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์
โลกที่ถูกให้คำจำกัดความด้วยเวทมนต์และพละกำลัง!
ไอเท็มที่ได้จากมอนสเตอร์สามารถใช้เป็นของขวัญแทนใจ
สิ่งเหล่านี้ช่วยควบคุมความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโลกแห่งความเป็นจริง
แม้จะมีบ้าง ที่อาจจะยังไม่พึงพอใจ
เพราะในฐานะของล่อใจแล้ว  การได้รับของขวัญในเกมรอยัลโรดนั้นไม่เหมือนการได้รถหรูในชีวิตจริงแต่อย่างใด

การได้รับไอเท็มดีๆ ในรอยัลโรดเป็นของขวัญนั้นจะทำให้ผู้รับประทับใจมาก
และยิ่งมอบให้แก่ผู้เล่นเลเวลต่ำ ยิ่งทำให้ของขวัญเหล่านั้นยั่วยวนใจได้ดียิ่งขึ้นไปอีกเพราะของเหล่านั้นจะช่วยเพิ่มค่าสถานะของพวกเขาได้มากอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งที่เยี่ยมที่สุดในเกมรอยัลโรดอย่างหนึ่งก็คือ ผู้เล่นสามารถเคลื่อนไหวร่างกายของตนได้ตามใจคิด
พวกเขาสามารถกระทืบมอนสเตอร์เล่นได้เพื่อความพึงพอใจ!

เหล่าเซลล์แมนพบว่ามีหลากหลายวิธีที่พวกเขาจะใช้ล่อลูกค้าได้
ผลลัพธ์ก็คือ ไม่มีคนค้าขายคนไหนที่ไม่ใช้เกมรอยัลโรดโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตนเอง

นอกจากนั้น เกมรอยัลโรดยังมีอิทธิพลมากต่ออุตสาหกรรมการแต่งงาน
เหล่าหนุ่มสาวนั้นให้ความสนใจต่อการผจญภัย
สิ่งที่เป็นไปได้ในโลกแห่งความจริงนั้นก็สามารถเป็นไปได้ในโลกของรอยัลโรด
การผจญภัยนั้นทำให้ผู้คนได้รู้จักกัน และยังทำให้สนิทสนมกันได้ง่าย

จึงกล่าวได้ว่าเกมรอยัลโรด มีผลต่ออุตสาหกรรมเกี่ยวกับความรักอย่างมาก
กรณีของโวล์คและแดรินก็เช่นกัน
ในตอนแรก มันก็เป็นเพียงรักข้างเดียวของโวล์ค
แต่มันก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นผ่านการผจญภัยและการออกล่าร่วมกัน และในที่สุดความรักก็ผลิบานจนพวกเขาแต่งงานกัน
พวกเขาถูกมองว่าเป็นคู่รักหวานแหวว เป็นเรื่องยากที่คุณผู้หญิงจะรังเกียจบุรุษที่อุทิศตนเองเพื่อปกป้องเธอเสมอมา
‘ผมดีใจที่คุณเลือกผม’
โวล์คลูบหัวแดริน
“สบายมั้ย?”
 “จ๊ะ”
แดรินแนบตัวชิดแขนของโวล์คมากขึ้นเธอสวมกอดเอวโวล์คราวกับเด็กน้อยต้องการความอบอุ่น
และทันใดนั้นโวล์คก็กล่าวขึ้น
“คุณจำช่อดอกไม้แกะสลักที่ผมให้คุณได้ไหม?”
“จำได้สิคะ  ฉันไม่มีทางลืมช่อดอกไม้ที่คุณให้ตอนขอแต่งงานได้หรอก”
แดรินยังเก็บช่อดอกไม้นั้นไว้
แม้ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเธอจะได้รับแหวนเพรชมา แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่มีทางลืมช่อดอกไม้ที่ใช้ขอเธอแต่งงานได้
“ตอนนั้นผมไม่ค่อยมีเงินเลยไม่ได้เตรียมของที่ดีกว่านั้น แล้วตอนนี้ก็ครบรอบ 1 ปีของการแต่งงานของเราแล้ว..”
“ช่อดอกไม้นั้นก็เพียงพอแล้วจ๊ะ แต่ว่า......”
“แต่อะไรเหรอ?  มีอะไรที่คุณต้องการไหม?”
“นอกจากช่อดอกไม้แล้ว  ฉันก็อยากได้รูปสลักของสองเรา  แม้พวกเราจะเป็นคนละคนกันแต่สองเราก็เป็นหนึ่งเดียว”
 “ที่รัก!”
โวล์คและแดรินต่างปลาบปลื้มซึ่งกันและกัน
พวกเขาจ้องมองกันและกันด้วยดวงตาที่หวานเยิ้มไปด้วยความรัก!
เหตุนี้เอง พวกดาร์คเกมเมอร์คนอื่นๆ จึงไม่ชวนสองคนนี้ไปดื่มด้วย

จากนั้นโวล์คก็กล่าวขึ้นด้วยความเสียใจ
“ผมยังหาช่างแกะสลักคนนั้นไม่เจอเลย”
“เขาไม่อยู่ในโรเซ็นไฮม์เหรอคะ?”
“ตอนที่ผมขอคุณแต่งงานก็ได้ข่าวว่าเขาไปจากป้อมเซราบอร์กแล้ว  แม้ผมจะพยายามหาตัวเค้าเท่าไหร่ก็ไม่พบเสียที
หลังจากนั้นผมก็ตามรอยเค้าเจอที่ประติมากรรมสฟิงซ์และพีระมิด แต่ผมก็ไม่ได้พบเขา”
“ประติมากรที่สร้างพีระมิดคือคนเดียวกับที่สลักช่อดอกไม้ของฉันสินะคะ”
“เขาเป็นประติมากรที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมรู้จักเลยล่ะ”
“น่าเสียดายนะคะ  ฉันจะดีใจมากเลยถ้าได้เจอเค้า”
“ผมก็คิดเช่นนั้น  แต่ผมคิดว่า  ช่างคนนั้นกับผมมีความเชื่อมโยงกันเป็นพิเศษ และนั่นคงนำพาให้เราได้พบกับเขาอีกครั้ง  เหมือนที่ผมได้พบกับคุณ”
“อาจจะเป็นดังที่คุณว่านะคะ”
โวล์คและแดรินพูดคุยกันด้วยความรักใคร่


ในด้านของวีดนั้น
เขากำลังขายกองภูเขาอาวุธและชุดเกราะอยู่
“ขายดาบคร้าบบ  ความความทนทานสูงมาก!  คุณไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมมันบ่อย!   ขายชุดเกราะหนังคร้าบ! คุณภาพเยี่ยมแถมยังพลังป้องกันสูงด้วยยย!  แล้วถ้าคุณต้องการล่ะก็ ผมทำชุดหนังแบบตามสั่งให้ได้ตอนนี้เลย!”
แดรินถามโวล์คขึ้น
“ประติมากรคนนั้นหน้าตายังไงคะ?”
“อืม..ก็ค่อนข้างจะดื้อดึงตามแบบฉบับของตัวเอง   เค้าขายรูปสลักต่างๆ แล้วก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อหาเงิน    เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“เหมือนชายคนนั้นเหรอ?”
แดรินชี้มายังวีด
วีดกำลังอยู่ระหว่างขายของ ดาบคมกริบสะท้อนแสงและชุดเกราะหนังมันเงางาม!  เขาใช้ทักษะลับดาบและรีดผ้าของตนเองกับพวกสินค้าเหล่านี้  รีดคุณภาพของพวกมันออกมาให้มากที่สุดเพื่อให้ขายออกได้ราคางาม
“ดาบคมกริบที่พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 20 % ตลอดสองวัน!   แค่สองวันก็พอแล้วที่จะฆ่ามอนสเตอร์ได้มากกว่าสี่ร้อยตัว! หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วคร้าบ!   ดาบนี่ถูก ถูก ถูกที่สุด!  ขายดาบนี่ถูกๆ แค่เล่มละ 120 ทอง ! มีจำนวนจำกัดแค่ 40 เล่มเท่านั้น! ถ้าคุณพลาดโอกาสนี้ไป  จะไม่มีวันได้ดาบแบบนี้อีกนะคร้าบ!”
วีดกล่าวอย่างชัดเจนและรวดเร็ว   ดึงดูดความสนใจลูกค้าอย่างขยันขันแข็ง
พลังอันเยี่ยมยอดของทักษะลับดาบ! มันเป็นวิธีขายเฉพาะตัวสำหรับดาบอันหรูหรา!
ผู้เล่นต่างแห่แหนมามุงวีด


โวล์คตบเข่าตัวเองดังฉาด
“ใช่เลย  แบบนั้นเลยล่ะ!  เขาทำได้ดีทีเดียว  ต้องพยายามแบบนั้นล่ะถึงจะเหมือนชายคนนั้น”
“อ่า  คุณรู้จักเขาได้ยังไงคะ?”
“ในอาณาจักรโรเซ็นไฮม์  ผู้เล่นทั้งเมืองต่างไปมุงดูเขาเพื่อซื้อรูปสลัก” (เล่ม 1 ตอน 9 –tlnote)
โวล์คมองดูดาบและชุดเกราะที่วีดขาย
‘ฝีมือประณีตดี  เป็นไอเท็มที่เหมาะสำหรับมือใหม่’
โวล์คมีสายตาที่ดี  เขาสามารถบอกได้ว่าดาบและเกราะนั้นทำขึ้นมาอย่างดี
ทันใดนั้นเราก็รู้สึกว่าใบหน้าของวีดดูคุ้นๆ
“ล้อเล่นน่า......นั่นมันประติมากรคนนั้น?”
“ใช่เหรอคะ?”
แต่โวล์คก็ส่ายหัว
“ไม่  ไม่มีทางที่เราจะได้พบเขาในที่แบบนี้”
หลังจากพิจารณาแล้ว โวล์คไม่เชื่อว่านั่นคือวีด
ครั้งจากคราวนั้นก็ผ่านมานานแล้ว ดังนั้นโวล์คจึงจำหน้าชัดเจนไม่ได้  แต่บรรยากาศรอบตัวที่เขาเห็นนั้นดูเหมือนกันมาก
วิธีการตบตาและล่อลวงที่เยี่ยมยอด! ประติมากรคนนั้นทำได้อย่างไร้ที่ติเมื่อตอนที่ขายรูปสลัก
แต่ชายคนนี้กำลังขายดาบและเกราะ ซึ่งไม่มีทางที่อาชีพประติมากรจะสามารถเป็นได้ทั้งช่างตีเหล็กและช่างตัดเสื้อ
‘คงเป็นคนละคนกัน’

เล่มที่ 8 ตอนที่ 3 : จบ


**********************

<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: