วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 9 ตอนที่ 2 ปฏิบัติการหาอาหาร (Operation Acquire Food)


เล่มที่ 9 ตอนที่ 2 ปฏิบัติการหาอาหาร (Operation Acquire Food)

หลังคืนเฉลิมฉลอง วีดก็ออกจากเมืองโมราต้าพร้อมกับซอยูนและอัลเวรอน
"หลังจากนี้ก็จะเป็นการเดินทางที่แท้จริงแล้วสินะ"
เขารวบรวมข้อมูลล่วงหน้ามามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เกี่ยวกับพื้นที่ที่จะมุ่งหน้าไป
เขาเรียนรู้เส้นทางต่างๆที่จะต้องผ่านอย่างพิถีพิถัน
แต่แหล่งอาหารเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้
"ไหนดูซิ อาหารจะมีพอกี่วันกัน"
วีดคุ้ยดูในกระเป๋า เสบียงอาหารที่มักจะมีปริมาณเหลือเฟือตอนนี้กลับเหลือแช่แข็งอยู่ก้อนเดียว แล้วในก้อนนั้นก็ไม่มีอาหารที่จำเป็นหลงเหลืออยู่เลย
ในงานเทศกาลของเมืองโมราต้า วีดใช้เสบียงทั้งหมดทำอาหารและเครื่องดื่มให้กับชาวเมืองที่ดื่มกินกันในปริมาณมหาศาล แต่โชคดี ที่ยังพอมีเหล้าเหลืออยู่บ้าง

ก่อนจะเดินทางออกจากเขายุโรกิ เขาเด็ดองุ่นป่าลงไปแช่ในนั้นด้วย!
มันค่อยๆ บ่มจนได้ที่อย่างเงียบๆ ในกระเป๋า
แต่วีดส่ายหัว
'เหล้าเติมค่าความอิ่มไม่ได้'
มันไม่ทำให้ใครหายหิว แน่นอน คุณอาจได้ค่าความอิ่มอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีปัญหา เมื่อปริมาณแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นสูงถึงจุดจุดหนึ่ง ค่าความแข็งแกร่งและความว่องไวจะลดลง ในกรณีที่สาหัสกว่านั้น คุณจะไม่มีกำลังในการต่อสู้เลย! และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คุณอาจตายเพราะดื่มมากเกินไปได้
'ถึงงั้นก็เถอะ ถ้าแค่แก้วเดียวละก็ยังโอเคอยู่'
ในชีวิตจริง เหล้าไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้เลย! แต่มันก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ในรอยัลโรด  หลังจากถูกโจมตี มันจะไม่จบแค่พลังชีวิตลดลงชั่วคราวเท่านั้น คุณควรรักษาโดยทันทีด้วยการถูสมุนไพรหรือน้ำยาและพันแผล รวมถึงถ้าบริเวณแผลเกิดการบวม เหล้าจะมีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อโรค ทำให้ไม่มีความเสียหายเพิ่มเติมอีก
นอกจากนี้ แอลกอฮอลล์ยังเป็นยาที่ดีสำหรับต่อสู้กับความหนาว เมื่ออากาศเย็นลง การดื่มเหล้าสักแก้วจะช่วยให้คุณทนต่อความหนาวเย็นได้มากยิ่งขึ้น
'เราใช้แอลกอฮอลล์อันล้ำค่านี้ไม่ได้ ในเมื่อถ้ามันถูกบ่มนานกว่านี้อีกนิด เราก็จะได้เงินจากมัน....'
ไวน์ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างที่มันเคยเป็น แล้ววีดก็ออกเดินทางหาอาหาร

**************************************************

เมืองซารัค
ธีรอสรู้สึกสดชื่นเมื่อเหยียบลงบนพื้นหิมะสีขาวบริสุทธิ์
'ในที่สุด การคืนชีพของเราก็จะได้เริ่มต้นซักที'
ไพลน์ นักรบบาบาเรียนท่าทางผ่าเผยขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ที่นี่หนาวมาก"
เดนที่ใช้เสื้อคลุมปิดหน้าพูดขึ้นว่า
"ไม่เป็นไร การต่อสู้จะช่วยให้นายอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว"
ธีรอสมองเพื่อนที่เชื่อในตัวเขาและติดตามเขามาตลอดทางแล้วพยักหน้า
"เราต้องได้ต่อสู้แน่นอน"
ภารกิจสุสานของราชาแมงป่อง! (Scorpion King's Tomb Quest)
เพราะเหตุการณ์ในคราวนั้น กิลด์คริมสันวิงจึงล่มสลาย แต่ผู้ที่เป็นแกนนำไม่ได้จากไปไหน ไซคีแม่มดแมกม่า มาโก้ผู้ถือแสง และ บาสเตียนกัปตันทีมจู่โจม พวกเขาที่เป็นสมาชิกของกิลด์คริมสันวิง ปกปิดชื่อ สับเปลี่ยนเกราะ และเข้าร่วมเดินทางกับกิลด์โฟรเซ่นโรส
ตั้งแต่แรกแล้ว สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาอยากทำคือการร่วมเดินทางกับกิลด์อื่น คริมสันวิงพยายามที่จะสร้างกลุ่มเดินทางเป็นของพวกเขาเอง แต่สิ่งแย่ๆ มากมายก็เกิดขึ้นในครั้งเดียวและสถานการณ์ก็มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ กิลด์ถูกทอดทิ้งจากกลุ่มพันธมิตร ทำให้เมืองที่พวกเขาครอบครองอยู่ถูกโจมตีอย่างเปิดเผย เหตุการณ์วิกฤติที่มาเป็นลูกโซ่เหล่านี้ก็มากพอที่จะทำให้คริมสันวิงหลุดออกจาก 10 สุดยอดกิลด์แห่งทวีปเวอร์เซลล์ ด้วยเหตุนี้ กิลด์จึงต้องถูกยุบลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหล่าหัวหน้าอยู่ปกป้องจนถึงที่สุด แต่กิลด์ที่ล่มสลายอย่างช้าๆ ก็ไม่ติดอันดับแม้หนึ่งในหมื่นเลย
'แต่เราจะต้องผงาดขึ้นอีกครั้ง'
ธีรอสอยากกลับมามีเกียรติอีกครั้ง และกู้กิลด์คริมสันวิงกลับมา
'เราจะใช้ดินแดนทางเหนือ'
เพื่อให้ทุกสิ่งกลับคืนมาและฟื้นฟูกิลด์ การบุกสำรวจดินแดนใหม่!
'เพื่อทำให้ทวีปของเรากลับเป็นปกติ มันคือความรับผิดชอบของเราที่จะส่งให้ใครคนอื่นทำแทนไม่ได้'
ธีรอสยิ้มอย่างเยือกเย็น

**************************************************

การบุกเบิกสำรวจที่นำโดยกิลด์โฟรเซ่นโรสยังคงประสบปัญหา พวกเขาพาคนมาเป็นจำนวนมากอย่างมั่นใจ แต่ปัญหามากมายก็ยังคงปรากฏขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า
คณะเดินทางพกเชฟมามากมาย! แต่ไม่มีอะไรไปได้สวยเลยในวันแรกๆ ของการเดินทาง เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้แก่คณะเดินทาง พวกเขาทำอาหารมากมายและแจกจ่ายออกไป การกินอาหารอร่อยย่อมทำให้ผู้ร่วมเดินทางมีกำลังใจที่ดี
สำหรับโอเบรอนและดรัม มันดูเหมือนว่าพวกเขาพกวัตถุดิบมาเยอะพอ แต่ปริมาณวัตถุดิบที่ถูกใช้ไปกับคณะเดินทางนั้นกลับเหนือกว่าที่จินตนาการไว้ เหล่าผู้คนที่ไม่มีอะไรทำมากนักในสถานที่อันหนาวเย็นแห่งนี้คลายเครียดด้วยการกินอาหารที่บรรดากุ๊กทำขึ้น
"อร่อยจัง"
"ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน คุณก็ต้องกินอาหารดีๆ สินะ"
"ช่าย มันเป็นไอเดียที่ดีมากเลยในการติดตามคณะสำรวจคณะนี้"
เหล่าเชฟต่างก็กระตือรือร้น
"พวกเขากำลังกินอาหารอร่อยๆ ที่พวกเราเป็นคนทำ"
"โอกาสมาแล้ว เราต้องทำให้พวกเขาคิดว่าอาชีพเชฟเป็นอาชีพที่สำคัญ!"
"แน่นอน! วัตถุดิบก็ไม่ใช่ของเรา ดังนั้นใช้มันอย่างเต็มที่กันเถอะ!"
พวกเชฟเห็นวัตถุดิบที่มีอย่างล้นเหลือก็รู้สึกสบายใจ ทำให้แทนที่พวกจะทำเมนูปกติก็มีความกล้าที่จะสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ออกมา
"เมนูเห็ดมัทซึทาเกะและปูครับ!"
"หอยทากราดน้ำผึ้ง! (Snail in honey)"
การทำอาหารทำให้ความชำนาญในทักษะการทำอาหารของพวกเขาพัฒนาขึ้น ด้วยเหตุนี้ เหล่าเชฟต่างก็ใช้วัตถุดิบราคาแพงไปโดยไม่ลังเล ทั้งคณะเดินทางก็ไม่ได้มีทีท่าคัดค้านอะไร พวกเขาจึงใช้วัตถุดิบไปอย่างสบายใจ
วัตถุดิบถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้น อย่างน้อยคนที่ดูแลวัตถุดิบก็ควรหยุดพวกเขาไว้ แต่คนที่รับผิดชอบกลับไม่กังวลเลยแม้แต่นิดเดียว
"ก็นะ ยังไงเราก็สามารถหาวัตถุดิบทำอาหารได้ตลอดเวลาที่เราต้องการ"
"หัวหน้าโอเบรอนก็เคยสั่งเอาไว้ว่าให้เพิ่มขวัญกำลังใจ ดังนั้น ให้วัตถุดิบพวกเขาไปเท่าที่พวกเขาต้องการเถอะ"
แม้ว่าปริมาณวัตถุดิบจะลดลงอย่างฮวบฮาบ พวกเขาก็ไม่ได้หยุด จนกระทั่งเมื่อพวกเขาพบว่าวัตถุดิบเหลืออยู่เพียง 30 เปอร์เซ็นต์ บรรยากาศก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
"ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ประหยัดอาหารกันหน่อยก่อนจะถึงมื้อหลัก"
"ต้องหาวัตถุดิบทำอาหารเพิ่มแล้ว"
"ตอนนี้ มันคงจะดีกว่าถ้าเราเติมของในคลังให้มากหน่อย"
ต่อมา ปัญหาใหญ่ก็บังเกิด เมื่อมันเป็นอะไรที่ยากมากในการหาอาหารที่แดนเหนืออันหนาวเย็น บนภูเขาตอนกลางของทวีปมีเกาลัด ผลของต้นโอ๊ค และผลไม้ที่หน้าตาเหมือนแอปเปิ้ลให้เก็บอยู่ตลอด และพวกเขายังล่าสัตว์ได้อีกด้วย
  แม้จะเกิดการขาดแคลนอาหารที่ทำให้ความแข็งแกร่งหรือการเคลื่อนไหวของพวกเขาลดลงหรือทื่อลง แต่กรณีที่พวกเขาจะตายจากการอดอยากก็เป็นเรื่องที่หาได้ยาก ด้วยเงินที่พวกเขามีมันเป็นไปได้ที่จะขอซื้ออาหารของนักเดินทางที่เดินผ่าน
แต่ในเมื่อนี่เป็นดินแดนใหม่ จึงยากที่จะมีคนเดินทางผ่าน ดังนั้น ทางเดียวที่พวกเขาเหลืออยู่คือการล่าสัตว์ แต่ทว่า มอนสเตอร์นั้นมีอยู่จำกัด มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะหาอาหารให้กับคนมากมายในคณะจากการล่าเพียงอย่างเดียว
คงต้องโทษพวกเขาที่ไม่เห็นความสำคัญของอาหาร
ด้วยวัตถุดิบที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ขวัญกำลังใจของคณะสำรวจก็ตกต่ำลงเช่นกัน คุณภาพของอาหารก็ลดลงและความคิดที่จะประหยัดอาหารเพื่อกินในวันหน้าก็มีมากขึ้น ไม่ใช่แค่คุณภาพอาหารที่แย่ลงเท่านั้น พวกเขายังต้องประหยัดอาหารให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย
"ฉันหิววว"
"ขอร้อง หาอะไรมาให้กินที"
คณะเดินทางตกอยู่ในความหิวโหย! ถ้าพวกเขากินน้อยตั้งแต่แรก แทนที่จะหยุดระหว่างกินดีอยู่ดี ในทางทฤษฎีแล้ว มันคงยากที่จะตกอยู่ในความหิวโหยแบบนี้ กิลด์โฟรเซ่นโรสกลายเป็นกิลด์อดๆ อยากๆ เสียแล้ว!
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตนี้ ก็ยังมีคนที่ไม่ได้อดอาหารด้วย คนพวกนั้นไม่ใช่คนระดับสูงของกิลด์โฟรเซ่นโรส ไม่มีทางเลยที่คนที่ตรงไปตรงมาและได้รับความเคารพนับถือมากมายอย่างโอเบรอนจะอนุญาตให้คนของเขากินอาหารที่ถูกเก็บไว้อย่างลับๆ
เหล่านักดาบ! นักดาบ 306 ดึงเอาขนมปังบาร์เลย์ที่ถูกซ่อนในกระเป๋าออกมาและกัดมันอย่างลับๆ ขนมปังเก่าๆ เย็นๆ ที่แสนจะแข็งโป๊ก แต่เมื่อถูกน้ำลายเคลือบมันก็อ่อนนุ่มขึ้น และเขาก็กินมันตอนนั้น
"ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ขนมปังข้าวบาร์เล่ย์ก็อร่อยที่สุด"
ตั้งแต่ที่เขาหิวจนตายในคราวนั้น พวกเขาก็ตัดสินใจซื้อขนมปังตุนเอาไว้มากมาย ดังนั้น ขนมปังข้าวบาร์เล่ย์จึงถูกจัดเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างใจป้ำเสมอ ในรอยัลโรด สายสัมพันธ์ซึ่งตัดขาดไม่ได้ระหว่างเหล่านักดาบและขนมปังบาร์เลย์จึงเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม คนส่วนมากของคณะเดินทางถูกบังคับให้ทนกับความหิวโหยเมื่อลูบท้องที่ว่างเปล่า ผู้คนเรียนรู้ความจริงนี้ในตอนท้ายของความล้มเหลว
'แดนเหนือหาอาหารยาก ต้องประหยัดวัตถุดิบให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้'

**************************************************

วีดเริ่มออกหาอาหาร
'ต้องหาของที่กินได้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้'
ในเมื่อเครื่องปรุงยังมีเหลือพอ เขาจึงต้องรวบรวมแค่วัตถุดิบ
"ไม่มีทางเลือก คงต้องออกล่าซักหน่อย"
ในอดีต วีดตั้งกฎการหาอาหารในพื้นที่เอาไว้อย่างถี่  นอกจากจะไม่ต้องจ่ายเงินแล้ว มันยังทำให้หาวัตถุดิบสดใหม่ได้ง่ายขึ้น การสะสมวัตถุดิบในที่ที่เดียวเป็นเวลานานจะจบลงด้วยการเน่าเสียและกินไม่ได้เสมอ มันเป็นกฎที่รู้ๆ กันอยู่
"ไปกันเถอะ อัลเวรอน!"
"ครับ"
ขณะที่ใช้อัลเวรอนเหมือนผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา วีดย้ายไปที่ภูเขาหลังหมู่บ้านโมราต้า
โฮ่งๆๆ! อาววูวววววว! (หมาหอน)
สิ่งที่มักจะวนเวียนไปมาเหมือนกับวิญญาณในภูเขาหลังหมู่บ้านโมราต้าคือ หมาป่า! สัญชาตญาณสัตว์ป่าของพวกมันเต้นเร่าเมื่ออยู่เป็นฝูงคอยกินสัตว์อื่นในละแวกใกล้เคียง  แต่ทว่า เหล่าหมาป่ากลับตัวสั่นเมื่อเผชิญหน้ากับวีด
'ไอ้ชั่วนี่...'
'มันมองเราเป็นแค่อาหาร'
'มันกินพ่อแม่เรา แม่เราตายเพราะน้ำมือมัน มันไม่ปล่อยให้อะไรหลงเหลือเลยแม้กระทั่งหนัง โฮ่ง! โฮ่ง!'
‘น้องชายข้าโดนมันเอาไปทำอาหารทั้งตัวเลย มันกลับมาแล้ว’
ค่าจิตวิญญาณนักสู้ที่สูงของวีด!
มันส่งผลให้กำลังใจของมอนสเตอร์ที่ระดับใกล้เคียงหรือต่ำกว่าลดลง รวมทั้ง วีดยังล่าหมาป่าไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน สำหรับมอนสเตอร์แล้ว หมาป่ามีความฉลาดค่อนข้างสูง และยังความจำดีอีกด้วย ล่าและเฉือนเนื้อตัดกระดูก ต่อจากนั้นยังถลกหนังมาตัดเย็บอีก ฝูงหมาป่าไม่เคยลืมความโหดเหี้ยมของวีดเลยแม้แต่น้อย มันจึงยังคงสั่นเทาด้วยความกลัว
'แต่ยังไงเราก็เป็นหมาป่า'
'เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเราเอาไว้'
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!
เหล่าหมาป่าวิ่งตรงเข้ามาทั้งฝูงอย่างรวดเร็วในขณะที่วีดวาดดาบช้าๆ
"เคล็ดมีดสลักแสงจันทร์!"
นี่เป็นการใช้เคล็ดมีดสลักในรูปแบบที่พัฒนามาแล้วอีกขั้นหนึ่ง! ตัวดาบทอแสงออกมา และด้วยระยะโจมตีที่มากขึ้นกว่าเดิม วีดควงดาบเปล่งแสงนั้นแล้วพุ่งเข้าไปเข่นฆ่าเหล่าหมาป่าทันที  ตอนนี้เลเวลของวีดไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว หมาป่าพวกนี้ไม่คู่ควรแม้กระทั่งจะเรียกได้ว่าเป็นศัตรูของเขา
การฆ่าล้างบาง!
เขาแยกกระดูก เนื้อ และหนังของหมาป่าที่เขาล่าได้ตรงนั้นทันที
ซอยูนยืนมองเงียบๆ
วีดบอกเธออย่างอ่อนโยนว่า
"อย่ามัวแต่ยืนกับมองอย่างนั้นซิ มาช่วยกันหน่อย"
ซอยูนไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเธอกลับสะท้อนความรู้สึกผิดออกมา เธอเสียใจที่ปล่อยให้วีดต้องเดียวดายอยู่ในที่ที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แต่ถ้าพวกหมาป่าไม่เข้ามาโจมตีก่อน เธอก็คงไม่โจมตีใส่มันเช่นกัน
วีดส่ายหัว
'อย่างนี้เรียกว่าพันธมิตรไม่ได้หรอกนะ'
วีดต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อพัฒนาจุดยืนของเขาที่มีต่อซอยูนผ่านพลังที่เขามี เพราะถ้าเธอทำแค่ยืนกอดอกเฉยในการต่อสู้ มันคงไม่ช่วยอะไรมากนัก แค่สถานการณ์ที่ลำบากนี้ก็สร้างความกดดันให้เขามากพอแล้ว
เหมือนกับที่เคยมีใครซักคนกล่าวไว้ การเป็นผู้อ่อนแอนั้นเป็นบาป ทักษะในการต่อสู้ของซอยูนนั้นดีกว่าวีดมาก วีดยังคงติดอยู่ที่เลเวล 300 ต้นๆ เนื่องจากในการที่จะบรรลุภารกิจที่ผ่านมา เขาต้องสูญเสียเลเวลและค่าทักษะในการให้ชีวิตประติมากรรมของเขา ดังนั้นเลเวลเขาจึงไม่ค่อยขึ้นเลย
'เราไม่สามารถทำเควสสำเร็จได้เลยถ้าไม่ได้ให้ชีวิตแก่ประติมากรรมมาช่วย'
เพราะเหตุนี้เลเวลของเขาจึงไม่ขึ้นถึงแม้เขาจะทำการล่ามอนสเตอร์อย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ในขณะที่เลเวลของเขาขึ้นๆลงๆอยู่ หลายๆทักษะก็พัฒนาขึ้น รวมทั้งเขายังรับการโจมตีของมอนสเตอร์ทุกครั้งที่มีโอกาสด้วย ค่าความอึดของเขาจึงสูงขึ้นมาก ดังนั้น เขาจึงพูดไม่ได้ว่าเขาไม่ได้รับอะไรเลย เพียงแต่จากการคาดเดาของวีด เลเวลของซอยูนนั้นอยู่อย่างต่ำก็ที่ 300 ปลายๆ
'บางที อาจจะมากกว่า 400 ด้วยซ้ำ'
บาร์ดเรย์จากกิลด์เฮอร์มีส เปิดเผยเลเวลของเขาที่งานพิธีสวมมงกุฎ และปรากฏว่าเลเวลของเขานั้นอยู่ไม่ต่ำกว่า 412 ผู้คนต่างประหลาดใจและตื่นเต้นไม่ว่าจะเป็นในรอยัลโรดและในอินเตอร์เน็ท แม้ว่าจะคำนวนระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ที่เขาเลเวล 300 ปลายๆ เลเวลของเขาก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ดี
'มันน่าจะเป็นเพราะมีกิลด์คอยไล่ต้อนมอนสเตอร์ให้กับเขา ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของกิลด์เฮอร์มีส แน่นอน ว่าเขาจะต้องได้ประโยชน์มากมาย'
เขาสามารถใช้อุปกรณ์ต่างๆได้มากมาย ทั้งยังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ที่จะไปล่ามอนสเตอร์ ช่างตีเหล็กก็คอยสนับสนุนและยังมีนักกวีคอยประจำการอยู่เสมอ รวมทั้ง ในการต่อสู้ส่วนใหญ่บาร์ดเรย์ก็สามารถจัดการมอนสเตอร์ได้ในทีเดียว ด้วยการซัพพอร์ตที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่เลเวลของเขาจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไม่เปลี่ยนแปลง
ก่อนหน้านี้บาร์ดเรย์เป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในอีกหลายๆเกม จึงมีคนมากมายที่เลือกติดตามเขามา ในเกม คอนทิเนนท์ ออฟ เมจิค ผู้คนที่ติดตามเขามานั้นมีมากมาย
วีดไม่เคยปะทะกับบาร์ดเรย์เพราะวีดเป็นคนแรกที่เลิกเล่นเกม บาร์ดเรย์ใน คอนทิเนนท์ออฟเมจิค นั้นเป็นถึง 1 ใน 5 สุดยอดนักรบและกิลด์ของเขาก็เป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่นั่น โดย จากข่าวลือที่ไม่รู้แหล่งกำเนิดแน่ชัด ความโชคดีที่แท้จริงของเขานั้นมีมหาศาลจนคุณสามารถได้ยินเสียงแห่งความร่ำรวยกันเลยทีเดียว
ฉากตอนที่บาร์ดเรย์เปิดเผยเลเวลของเขาในงานพิธีสวมมงกุฏนั้น ทำให้เกิดหัวข้อให้ถกเถียงมากมายในหอเกียรติยศ ไม่ใช่แค่นั้น พวกสื่อเกมทั้งหลายยังตั้งให้มันเป็นข่าวใหม่ที่ใหญ่มากๆ อีกทั้งรายได้จากบาร์และผับในทวีปเวอร์เซลล์ก็เพิ่มขึ้นมามากกว่า 5 เท่า
"ไอ้หมอนั่นทำอะไรก็ดูดีไปหมดแหละ"
"เราไปกันอย่างช้าๆแต่หมอนั่นกลับก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว"
"ชั้นเพิ่งจะเลเวล 357 เอง เมื่อไหร่ชั้นถึงจะเกิน 400 กะเค้ามั่ง?"
ความเจ็บปวดอันขมขื่น!
ฝูงชนต่างพยายามที่จะคลายความขมขื่นนั้นด้วยเหล้า  จนกระทั่งถึงตอนนี้ บาร์ดเรย์เป็นผู้ที่ได้รับความสนใจจากทุกคน เขาเป็นราชาแห่งผืนทวีป! ชื่ออย่างเป็นทางการของเขาคือ จักรพรรดิ์ เขาท้าชิงอำนาจสูงสุดด้วยความสามารถอันเด่นชัดที่เขามี แน่นอนว่ากิลด์เฮอร์มีสมีศัตรูมากมายพอๆกับกองกำลังของตน
แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าบาร์ดเรย์ แต่ในทวีปเวอร์เซลล์อันกว้างใหญ่ก็มีผู้เล่นที่มีเลเวลพอที่จะยับยั้งเขาได้มีไม่ต่ำกว่า 12 คน และบรรยากาศระหว่างกิลด์เฮอร์มีสและกิลด์อื่นๆก็ยังคงตึงเครียด กิลด์เดี่ยวๆที่พอจะยืนหยัดต่อสู่กับเฮอร์เมสได้นั้นมีแค่ 7 กิลด์ แต่ถ้าคิดรวมพันธมิตรด้วยแล้ว กิลด์มากกว่า 15 กิลด์ก็สามารถจัดการกับเฮอร์มีสได้
แม้จะไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ผู้เล่นทุกคนในเวอร์เซลล์ต่างให้ความสนใจกับบาร์ดเรย์ พวกเขาต่างอิจฉาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปอย่างบาร์ดเรย์


**************************************************

'กลุ่มดาร์คเกมเมอร์ได้นำวิดีโอการต่อสู้ของเมอร์ซีนารี (Mercenaries) มาเผยแพร่ ถ้าเทียบกับเมอร์ซีนารีที่มีเลเวล 380 ปลายๆแล้ว ซอยูนแข็งแกร่งกว่ามาก มอนเสเตอร์ที่เมอร์ซีนารีใช้เวลาพอสมควรกว่าจะฆ่าได้นั้น ซอยูสามารถจัดการได้โดยใช้เวลาเพียงแค่พริบตาเดียว'
โดยหากคิดตามวิธีที่ใช้ในการต่อสู้และทักษะพื้นฐานที่ใช่ในการล่านั้น ก็อาจจะเป็นตัวกำหนด ขอบเขตของความเร็วได้ แต่แม้จะพิจารณาเรื่องพวกนั้นแล้ว ซอยูนก็ยังแข็งแกร่งกว่าวีดมากมายอยู่ดี
'เลเวลคงอยู่ในช่วงอย่างน้อย 390 และตั้งแต่ 400 ขึ้นไป ไม่น่าจะเกินกว่านี้ไปไกลนัก'
วีดทำการประมาณเลเวลของซอยูน โดยเปรียบเทียบจากความสามารถในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ซึ่งไม่น่าจะผิดพลาดอะไร โดยมากแล้วเขามักจะประเมินความสามารถในการต่อสู้ไม่ค่อยพลาด ด้วยเหตุนี่วีดจึงไม่สามารถบังคับให้ซอยูนทำนู่นทำนี่ได้  เขาต้องทำให้เธอเป็นเพื่อนร่วมทางทิ่ยินดีร่วมมือกับเขาด้วยความสมัครใจมากกว่า
‘มันคงน่าสลดใจน่าดูถ้าเราถูกเด็กผู้หญิงโค่นได้!’

วีดพูดขึ้นมาโดยใช้เสียงเหมือนพวกพ่อค้าที่จะขายอาหารที่เก็บสะสมเอาไว้!
"เธอยังไม่เคยกินหมาป่าขั้วโลกเหนือมาก่อนใช่มั้ย"
"........?"
"ที่จริงแล้ว พวกมันผอมมากจนไม่ค่อยมีเนื้อ และกระดูกของมันกลับแข็งอย่างไม่มีประโยชน์ด้วย แต่รสชาติของมันหาที่ไหนเปรียบไม่ได้เลย มันเป็นเรื่องจริงเสียยิ่งกว่าจริง!"
"...."
"ความแน่นและเหนียวอยู่ด้วยกันในชิ้นเนื้อ มันเป็นความสุขที่ได้กินโดยการแยกมันออกจากกระดูกอย่างระมัดระวัง!"
วีดทำมือทั้งสองเป็นรูปซี่โครง พูดตามตรงแล้ว หมาป่ากอลบิที่ปรุงด้วยเครื่องเทศนั้นอร่อยที่สุด วีดเลียริมฝีปากสื่ออารมณ์ที่ยากจะลืมรสชาตินั้น ก่อนจะปิดท้ายว่า
"และอาหารอันโอชะที่มาจากการแช่กระดูกหลังจากนั้น จิบน้ำซุปร้อนๆที่ควันกำลังพวยพุ่งในอากาศอันหนาวเย็นนี่แล้ว มันช่าง...."
ซู้ดดดดด
พอฟังมาถึงจุดนี้ ซอยูนก็มุ่งตรงไปยังเหล่าหมาป่าพร้อมกับดาบที่ดึงออกจากฝักหมายจะทำการล่าทันที
ซอยูนนั้นปราศจากตำหนิใดๆ  ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาที่ใสบริสุทธิ์และผิวกายที่นวลเหมือนหยกขาว ความงดงามของเธอจะเปล่งประกายอย่างแท้จริงในยามรุ่งอรุณ
หลังจากที่ซอยูนออกล่าหมาป่า วีดก็ทำการแล่หนังและตัดเนื้อกับกระดูกออกจากตัวของหมาป่า ด้วยแรงงานที่ยอดเยี่ยม พวกเขารวบรวมวัตถุดิบทำอาหารได้อย่างรวดเร็ว
"เรากินมันได้อีกนานด้วยปริมาณขนาดนี้"
วีดยิ้มอย่างสมใจอยากเมื่อเขาดูกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเนื้อหมาป่า ในอดีต เขามีประสบการณ์เลี้ยงพาลาดินหลายคน รวมทั้งพาลาดินที่ถูกปลดปล่อยจากการเป็นรูปปั้นด้วย เพื่อที่จะรับมือกับปากท้องของอีกแค่ 1 คน เขาก็จำเป็นที่จะต้องล่ามอนสเตอร์เพิ่ม นั่นทำให้เขาเรียนรู้ถึงสถานที่ที่คุณสามารถรวบรวมเนื้อเป็นจำนวนมากได้ และความทรงจำนั้นก็ยังมีค่ามากแม้แต่ตอนนี้
วีดไม่ได้รวบรวมแค่เนื้อหมาป่าเท่านั้น
"คงกินของอย่างเดียวกันนานๆไม่ได้"
คุณจะต้องคิดไปถึงความอยากอาหารที่ลดลงและผลที่ได้จากการกินอาหารด้วย ถ้าคุณกินอาหารที่มาจากวัตถุดิบเดียวกันล่ะก็ ประสิทธิภาพของมันจะลดลงเรื่อยๆจนสิ้นสุดไป
การทำเมนูเนื้อหมาป่านั้นง่าย คุณจะต้มหรือย่างมันก็ได้ การกินเนื้อหมาป่าจะช่วยเพิ่มพลังชีวิต 300 และความแข็งแกร่งกับพลังอีก 20 มันยังมีข้อดีคือช่วยเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูค่าชีวิตอีก 2 เปอร์เซ็นต์จากเดิม และพัฒนาจิตวิญญาณนักสู้อีกด้วย
แต่เมื่อกินแต่ของเดิมๆ ผลกระทบของอาหารก็จะต่ำลงจนสุดท้ายมันจะให้แค่ความรู้สึกอิ่มเท่านั้น ในตอนนั้น อาหารเมนูอื่นจะต้องเป็นตัวกระตุ้นแทน
"ทางนี้"
วีดพาซอยูนและอัลเวรอนข้ามภูเขาที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาไป ที่นั่นมีแต่น้ำแข็งแผ่กว้างออกไป แผ่นดินไม่มีดินหรือหินเลยนอกจากน้ำแข็งเพียวๆเท่านั้น! แต่เดิมแล้ว พื้นที่บริเวณนี้เคยมีแม่น้ำสายใหญ่ไหลเชี่ยว แต่ทว่า เนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำมากทำให้มันแข็งเป็นน้ำแข็งปกคลุมไปทั่ว
"อืมม งั้น ไปหาอะไรกินกันเถะ"
วีดพร้อมด้วยซอยูนและอัลเวรอนต่างเดินไปยังศูนย์กลางของน้ำแข็ง
".....?"
ทั้งซอยูนและอัลเวรอนต่างก็สงสัย โดยพื้นฐานแล้ว วัตถุดิบทำอาหารถูกซื้อจากร้านค้า ซึ่งการซื้อจากที่นั่นก็น่าจะเพียงพอแล้ว น้อยคนที่จะชำนาญในทักษะทำอาหารพอที่จะเก็บวัตถุดิบจากป่าเหมือนวีดได้ อีกทั้ง น้ำแข็งที่จับตัวกันหนานั้นปราศจากสมุนไพรหรือผลไม้ใดๆ และบริเวณนั้นก็ไม่มีมอนสเตอร์อยู่ใกล้ๆเลย ดังนั้นการหาอาหารตรงนี้จึงดูเหมือนเรื่องเหลวไหล
ฟู่ววววววว!
เสียงลมมหึมาพัดกรรโชก
ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว!
พื้นดินส่งเสียงดังก้อง
'นี่มันอะไรกัน'
มีอะไรบางอย่างที่ไม่รู้จัก มันไม่ใช่ว่าทวีปเวอร์เซลล์ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวขึ้น แต่สถานการณ์รอบด้านดูสงบเกินไป ภูเขาที่พวกเขาเพิ่งจากมาไม่ได้สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย แต่ร่างกายของพวกเขากลับค่อยๆเคลื่อนเข้าหาเสียงนั้นทีละน้อย
'บ้าน่า'
หลังจากมองลงด้านล่าง ใบหน้าของซอยูนก็ซีดเผือด ข้างใต้แผ่นน้ำแข็งที่หนานั่น น้ำกำลังไหลเชี่ยว! แม่น้ำสายใหญ่กำลังไหลอย่างรุนแรงภายใต้เปลือกน้ำแข็งนี่ จากกระแสน้ำใต้น้ำแข็งนั้น เสียงจึงดังขึ้น เมื่อเห็นดังนั้น ซอยูนและอัลเวรอนก็ถูกปกคลุมด้วยความหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณทันที
ถ้ามันเป็นแค่มอนสเตอร์ พวกเขาจะไม่กลัวตายเลย แต่ถ้าน้ำแข็งนี่แตกแล้วพวกเขาตกลงไปล่ะก็ พวกเขาจะถูกแช่แข็งจนตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
'ข้างล่างนั่นจะต้องเย็นยะเยือกอย่างไม่น่าเชื่อแน่'
ณ จุดที่พวกเขายืนอยู่ก็หนาวมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอุณหภูมิข้างล่างนั่นเลย
ซอยูนและอัลเวรอนเครียดสุดๆ
กี้กกกกก!
วีดดึงเอาตะปูและสิ่วสำหรับแกะสลักออกมาแล้วขูดน้ำแข็งเพื่อวาดเป็นวงกลม จากนั้นเขาก็เอาค้อนของช่างตีเหล็กออกมาและเริ่มทุบพื้นอย่างไร้ความปราณี
ทุกครั้งที่วีดใช้ค้อนตีลงไป น้ำแข็งก็จะส่งเสียงสะท้อนกลับมา ใบหน้าของซอยูนและอัลเวรอนปราศจากสีเลือดลงเรื่อยๆ
'ถ้าอยากฆ่าตัวตายนัก ทำคนเดียวสิ'
'เทพีเฟรย่า ได้โปรดช่วยข้าด้วย'
จากนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงวีดพึมพำ
"มันแข็งมากเลยแฮะ แถมยังไม่แม้แต่จะร้าว ถ้างั้นคงต้องใช้แรงมากขึ้น...."
ในตอนท้าย ความหวาดกลัวมหาศาลก็พรั่งพรูมายังซอยูนและอัลเวรอน ไม่นาน วีดก็เหวี่ยงค้อนสุดแรงที่เขามี โดยเขาจดจ่อให้แรงนั้นกระทำกับใจกลางวงกลมที่เขาวาดอย่างแม่นยำ
ย้ากกกก!
ย้ากกกกกกกก!
ทุกครั้งที่วีดทุบลงไปด้วยค้อน ซอยูนและอัลเวรอนรู้สึกอยากจะเป็นลม ทั่วร่างของพวกเขาต่างขนลุกขนชัน หลังจากมองหน้ากันแล้วพยักหน้าให้กัน พวกเขาก็ถอยไปยังที่ที่คิดว่าปลอดภัย
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง วีดเหวี่ยงค้อนอีกหลายหนและในที่สุดมันก็แตกออก เป็นวงกลมตามเส้นที่ถูกขีดไว้ด้วยมีดแกะสลักในตอนแรก! รูขนาดใหญ่เกิดขึ้นตรงนั้น ตรงที่น้ำเย็นๆไหลผ่านอย่างรวดเร็ว
วีดทรุดตัวลงนั่งและดึงไอเทมจากกระเป๋าเขาทีละอย่าง คันเบ็ดตกปลาอันยาวๆ หม้อหลายใบ และแหสำหรับจับปลา
"ชั้นน่าจะไปตกปลาได้แล้วสินะ?"
วีดหย่อนสายเบ็ดลงรูน้ำแข็ง ตกปลาในฤดูหนาวที่เย็นยะเยือก วีดเชี่ยวชาญทักษะตกปลาจนเขาสามารถหาอาหารเพื่ออยู่รอดในที่แห่งนี้ได้ ผ่านทางน้ำแข็งที่แตกออก แม่น้ำดูโปร่งใสและข้างใต้น้ำนั้น ปลามากมายต่างเวียนว่ายอย่างกระตือรือร้น
"ได้ตัวใหญ่ซะด้วย!"
วีดขยับคันเบ็ดไปมาเป็นพัลวัน
คุณตกปลา Sweet Fish ขนาด 20 ซม.ได้
คุณตกปลาสีเงิน Pond Smelt ขนาด 22 ซม.ได้
คุณตกปลาไหล Fresh Water Eel ขนาด 57 ซม.ได้
คุณตกปลา Gold Fish ขนาด 1 เมตร 20 ซม.ได้ การตกปลาครั้งนี้จะอยู่ในประวัติศาสตร์ของการตกปลา!
ทักษะตกปลาเพิ่มขึ้น
ความโชคดีเพิ่มขึ้น 1

ที่นี่เป็นจุดตกปลาที่ไม่มีใครมาแข่งด้วย! เป็นการจับปลาที่ไร้ทางสู้   จิตวิญญาณของชายชาตรีลุกโชนขึ้นพรึบพรั่บ! พื้นน้ำแข็งข้างๆวีดนั้นเต็มไปด้วยปลาที่สะบัดสาดน้ำอย่างกระฉับกระเฉง
"ตรวจสอบ"

Sweet Fish มีลำตัวที่แบนบาง อาศัยเฉพาะในน้ำที่ใสสะอาด มีสีน้ำเงินเข้ม
สามารถจับได้หลายวิธี เจริญเติบโตในพื้นที่ทั่วไปเป็นบริเวณกว้าง
Sweet Fish หาได้ง่าย แต่ผู้คนจะไม่สามารถลืมรสชาติของมันได้เลย
วัตถุดิบทำอาหารเมนูปลาระดับ 3

ปลาสีเงิน Pond SmeltBody มีลำตัวด้านข้างที่แบนบาง มีกลิ่นคาวปลาเล็กน้อย สามารถทำเป็นซาซิมิดีๆได้
ปลามีรสชาติดีที่สุดในฤดูหนาว สามารถทำเป็นอาหารได้หลายวิธี
วัตถุดิบทำอาหารเมนูปลาระดับ 2

ปลาไหล Fresh Water EelEel นั้นยอดเยี่ยมในการเพิ่มความอึดให้แก่ชายชาตรี! เป็นปลาธรรมดาๆที่ผู้คนต่างโหยหาอันเนื่องมาจากรสชาติและคุณสมบัติของมัน
ปกติแล้วจะจับได้ในช่วงฤดูหนาว  แต่บางครั้งก็มีการหลงฤดูมาบ้าง
ต้องใช้ความระมัดระวังต่อก้างปลาสักหน่อย  แต่อร่อยอย่างเหลือล้นเมื่อได้รับการปรุงรสและรับประทาน
วัตถุดิบทำอาหารเมนูปลาระดับ 2

ปลา Gold Fish เป็นปลาหายากที่มีผิวหนังเรืองแสงสีทองออกมา โชคจะติดตามไปยังผู้ที่ตกมันได้
ที่อยู่อาศัย,ชอบสถานที่ที่อากาศหนาวเย็น
เพิ่มรสชาติให้ทุกเมนู เพิ่มความอึด 1 และช่วยล้างพิษ
เมื่อทาน จะเพิ่มพลังขึ้น 1 และช่วยล้างพิษ
มันเป็นปลาหายากที่นักตกปลาทุกคนอยากจับได้ซักครั้งในชีวิต
วัตถุดิบทำอาหารเมนูปลาระดับ 1

          เมื่อมองปลาที่แสนจะมีชีวิตชีวาและดิ้นไปมาแล้ว ปากของวีดก็ถูกเติมเต็มด้วยรอยยิ้มจากใจ แม้จะไม่สามารถนำไปเทียบกับการตีเหล็กหายากหรือการตัดเย็บได้ แต่ปลาที่เขาตกได้ก็มีค่า ในกรณีของปลา Gold fish ที่เพิ่มความอึด 1 อย่างถาวรแล้ว ค่าของมันนั้นอธิบายไม่ออกเลยทีเดียว
          ปลาตัวแรกที่วีดตกได้ เขาแล่และเก็บมันไว้ต่างหาก หนึ่งในข้อดีของดินแดนทางเหนือคืออาหารที่มีค่าจะไม่เน่าเสียเพราะอุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำ และในเมื่อมันมีอายุการเก็บรักษานาน มันจึงเป็นไปได้ที่จะรวบรวมอาหารจนถึงลิมิตของเขา
          พอเวลาผ่านไป เขายังเก็บรวบรวมกิ่งไม้แห้งแยกต่างหากสำหรับก่อกองไฟด้วย ไฟไม่ใช่แค่ถูกใช้เวลาทำอาหารเท่านั้น แต่มันยังละลายหิมะทำเป็นน้ำเปล่าได้อีกด้วย หิมะนั้นมีอยู่ทุกที่ ดังนั้นกระติกของเขาจึงถูกบรรจุน้ำเพียงเล็กน้อยและใส่กิ่งไม้ลงในกระเป๋าแทน การตกปลาเป็นศาสตร์ที่เรียนเอาไว้เพื่อเอาตัวรอดนั่นเอง!
         จากการที่ต้องกินอาหารเพียงเล็กน้อยมาเป็นเวลานานทำให้วีดเรียนรูเคล็ดลับในการอยู่รอด จนกลายมาเป็นวีด ผู้อยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์อย่างทุกวันนี้  การเข้าถึงชีวิตของวีด เป็นหลักฐานอย่างดีถึงเรื่องนี้        
         ระหว่างที่วีดยุ่งอยู่กับการหาอาหารด้วยการตกปลา ซอยูนและอัลเวรอนก็เช็คความปลอดภัยก่อนจะเข้ามาหาอย่างช้าๆ
          "....."
          ตอนนี้ซอยูนและอัลเวรอนก็สนใจการตกปลาขึ้นมาแล้ว พวกเขาค่อยๆหย่อนสายเบ็ดลงน้ำ และไม่นาน ปลาที่ตกได้ก็โผล่ออกมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างมหัศจรรย์ แต่ปลาก็ยังดูสวยงาม
          นักบวชทั่วๆไปจะไม่เห็นด้วยกับการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่อัลเวรอนเป็นสาวกของเทพธิดาเฟรย่าที่เชื่อในความงามและความอุดมสมบูรณ์! อย่างอาหารอร่อยๆและของสวยๆงามๆนั้นถึงกับทำให้อัลเวรอนกลืนน้ำลายเมื่อเขามองปลา
          ซอยูนจ้องมองปลาดิ้นไปมาด้วยแววตาสงสัย อาหารทะเลนั้นค่อนข้างแพงในทวีปเวอร์เซลล์ มันไม่ใช่ว่าเธอไม่มีเงิน แต่เธอไม่ไช่คนเลือกกิน ดังนั้นเธอจึงไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสชาติของปลาในรอยัลโรดเลย
          วีดถามพลางเช็ดหม้อด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์
          "ถ้าเธอหิว ผมทำอาหารให้ก็ได้นะ?"
           "....."
          ซอยูนนิ่งคิดไปซักพักก่อนจะพยักหน้า เธอไม่ได้หิวขนาดนั้นแต่เธอสงสัยว่าเมนูแบบไหนที่เขาจะทำให้หล่อนทาน
          "งั้นรอแปปนะ มันคงใช้เวลาซักหน่อย"
          วีดจุดไฟด้วยกิ่งไม้ที่เขาเก็บมา ทำอาหารตรงข้ามแม่น้ำเพื่อเตรียมตัวสำหรับอันตรายที่ไม่รู้จัก และเพื่อกักความร้อน เขาถอดผ้าคลุมออกแล้ววางลงบนพื้น
          ผ้าคลุมแวมไพร์!
          แม้ว่ามันจะไม่มีค่าอะไรดีมากนัก แต่มันมีลักษณะที่ช่วยกักความร้อนอย่างดีเยี่ยม ดังนั้นเขาจึงใช้มันเป็นเสื่อรองใต้ไฟ ไฟเริ่มลุกไหม้ใหญ่โตอย่างรวดเร็ว วีดแขวนหม้อไว้และใส่น้ำมัน
          "...."
          ในการทำอาหารเมนูปลา คุณจะใช้หม้อทั้งอย่างนั้นหรือเปล่า มันยากแก่การเข้าใจ แทนที่จะต้มวัตถุดิบหลายๆอย่างลงไปและทำสตูว์ปลา เขากลับใส่มันจนถึงขอบด้วยน้ำมัน
          ระหว่างที่เพิ่มอุณหภูมิน้ำมันในหม้อ วีดก็ทำปลาสีเงิน Pond Smelt สดๆให้กลายเป็นซาซิมิอย่างกระตือรือร้น เขาแล่เนื้อจากกระดูกและหลังจากชุบมันด้วยแป้งเทมปุระแล้ว เขาก็หย่อนลงหม้อทันที
          ซู่! ซู่! ซู่!
          เนื้อปลาถูกทอดในน้ำมันจนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่าม
          'นี่มันเป็นเมนูแบบไหนกันนะ?'
          ซอยูนเอียงศรีษะมอง
          อาหารที่วีดต้องการจะทำนั้นไม่ใช่อะไรอื่นเลยนอกจากเทมปุระปลา เทมปุระปลานั้นหาไม่ค่อยได้นัก แล่เนื้อแยกออกเป็นชิ้นๆและทอด สิ่งที่เหลืออยู่คือความอร่อยที่กรุบกรอบ สิ่งที่ยุ่งยากนั้นคือการที่คุณต้องลดส่วนของเทมปุระให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
          "เอาล่ะ ตอนนี้มากินกันเถอะ"
          การทำอาหารนั้นค่อนข้างรวดเร็ว การทอดแผ่นเนื้อบางๆนั้นใช้เวลาน้อยมาก ซอยูนหยิบเทมปุระเข้าปากอย่างระมัดระวัง
          'อร่อย รสชาติมันดีมากเลย'
          รสชาติของปลาทอดแผ่นบางๆที่กรุบกรอบประสานกันอย่างประณีตบรรจง ความสดนั้นเป็นสิ่งที่เยี่ยมที่สุดเมื่อทานปลาที่ถูกจับได้มาหมาดๆ อีกทั้งบรรยากาศรอบข้างที่ลมหนาวคอยพัดผ่าน ซอยูนมักจะเกลียดของทอด แต่ครั้งนี้ เธอทานมันไปถึง 8 จานจนท้องของเธอพอใจ
          "....."
          ซอยูนหน้าแดง
          'นี่ฉันเพิ่งทำอะไรไปเนี่ย'
          มันอร่อยมากจนเธอทานไปโดยไม่ได้คิดอะไรเลย
          ซอยูนลอบมองวีด แต่เขาไม่ได้พูอะไร
          'โชคดีแฮะ'
          ในใจ วีดยิ้มอย่างพอใจ
          'เธอกินไปมากมายอย่างเพลิดเพลิน'
          ตอนนี้ วีดรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อต้องอยู่กับซอยูนในอนาคต ตราบใดที่เขาทำอาหารให้เธอ เธอก็จะไม่โจมตีหรือฆ่าเขา
          ร่างกายและอุปกรณ์ต่างก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน วีดหวาดกลัวต่อตัวตนที่โหดเหี้ยมอย่างนักฆ่าเลือดเย็นนั่น แต่มันยังมีข้อดีตามมา เพราะตอนนี้ซอยูนจะล่ามอนสเตอร์อย่างโหดเหี้ยมมากขึ้น เพราะการที่เธอได้รู้รสชาติของมอนสเตอร์ที่ปรากฏให้เห็นจทำให้เธอล่าพวกมันได้อย่างถี่ถ้วนมากขึ้น
          ให้อาหารที่ดี และดูแลให้ดี
          ทันใดนั้นเอง ซอยูนก็ถูกปฏิบัติเหมือนกับเหล่านักดาบ

เล่มที่ 9 ตอนที่ 2 : จบ

**************************************************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

3 ความคิดเห็น: