วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 9 ตอนที่ 6 ความโรแมนติคในแบบของวีด (A Man's Romance)

เล่มที่ 9 ตอนที่ 6 ความโรแมนติคในแบบของวีด (A Man's Romance)

วีดลืมตาขึ้นอย่างช้าๆและเห็นว่ากองไฟกำลังลุกไหม้อยู่ไม่ไกลนัก
'มีคนรอดชีวิตเหลืออยู่บ้างรึเปล่านะ'
ถึงแม้ว่าพลังกายของเขาจะไม่เหลือ และพลังชีวิตก็มีอยู่น้อยนิด เขาก็ยังไม่ตาย
คุณติดสถานะเป็นหวัด กำลังกายจะลดลง 36%
สกิลของคุณจะแสดงผลลดลง 40%
ถ้าได้รับการพักผ่อน ร่างกายของคุณจะฟื้นตัวและกลับสู่สภาวะปกติ

ร่องรอยความหนาวยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกาย ถ้าคุณฝืนตัวเองมากเกินไป โอกาสที่จะกลับมาเป็นหวัดอีกก็จะมีสูง
เขาเอาชนะความหนาวเย็นที่เขาเคยคิดว่าจะเป็นสาเหตุทำให้เขาตายได้
'ลมเย็นๆยังเข้ามาอีกเหรอ'
เขาเห็นเพดานพังทลายลงและปิดกั้นทางเข้าไว้อย่างสมบูรณ์
"รอยนี่คือ?"
วีดตัวสั่นเมื่อเขาเห็นว่าเพดานถ้ำถูกทำลายลง
เมื่อเขาตระหนักถึงความจริงข้อนั้น เขาก็ตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัว
มันจะต้องเป็นสกิลที่แข็งแกร่งมากๆถึงจะทำลายมันได้
'เธอตั้งใจจะฝังเราทั้งเป็นชัดๆ'
อย่างกับว่าแค่บังคับให้เขากินอาหารนั่นจะยังไม่พอ เธอถึงได้อยากให้เขาถูกฝังทั้งเป็นอีก
วีดล้มตัวนอนลงกับพื้น
"ยังไงก็ตาม เราก็รอดมาได้"
ทางเข้าถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา และถึงเขาจะใช้ทักษะมีดแกะสลักทำลายก้อนหินและเศษเหล็กไปทีละน้อย ทีละน้อย การหนีก็ยังดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่ดี
ในกรณีที่แย่ที่สุด เขาสามารถเรียกปิงหลงออกมาได้ และไม่ว่าปิงหลงจะโง่แค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่ยากอะไรที่จะเคลื่อนย้ายก้อนหินพวกนี้
พื้นที่โดยรอบยังคงเต็มไปด้วยก้อนหิน และไม่ใหญ่พอให้คนๆหนึ่งอยู่ได้สบายนัก แต่คุณก็สามารถรับอากาศบริสุทธิ์จากข้างนอกได้
ทันใดนั้นเอง วีดก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
"อัลเวรอนล่ะ! เกิดอะไรขึ้นกับอัลเวรอน?"

ในขณะเดียวกัน อัลเวรอนกำลังทุกข์ทรมานเพราะความหนาวเย็นอยู่
นักบวชมีสกิลหลากหลายซึ่งใช้สนับสนุน
อีกทั้ง เขายังเป็นผู้ถูกคัดเลือกให้เป็นโป๊ปคนต่อไปของวิหารแห่งเฟรย่าอีก ถ้าเขาตาย มันจะส่งผลกระทบออกไปอย่างใหญ่หลวง ไม่เพียงแต่เขาจะล้มเหลวในการทำเควสเท่านั้น เขาคงจะต้องสูญเสียค่าชื่อเสียงต่อวิหารแห่งเฟรย่าอีกด้วย
นั่นคงเป็นผลที่ออกมาแย่ที่สุด
"เขาจะตายไม่ได้เด็ดขาด!"
วีดเดินลึกเข้าไปในถ้ำและตรวจร่างกายของอัลเวรอนที่นอนอยู่ใกล้ๆ
"นายยังมีชีวิตอยู่"
วีดเช็คสภาพของเขาแล้วรู้สึกโล่งอก
อัลเวรอนที่รอดจากความหนาวเย็นมาได้ คลี่ยิ้มออกมา แต่ยังไงก็ตาม ร่างกายของเขายังไม่ดีพอที่จะมองข้ามไปได้

เขาเห็นรูปร่างแปลกๆอยู่บนพื้นไม่ไกล
วีดสัมผัสมันโดยการใช้เท้าแตะๆ
"นี่คืออะไรกัน?"
พื้นถูกปกคลุมด้วยผ้าที่เขาไม่ได้เห็นมาซักพัก แต่มันมีบางอย่างอยู่ข้างในเป็นรูปร่างของมนุษย์
"คงไม่ใช่มอนสเตอร์หรอกมั้ง"
วีดค่อยๆแอบมองลอดเข้าไปอย่างตื่นเต้น
วีดตกใจเมื่อเขาเห็นว่าอะไรอยู่ใต้ผ้าคลุมนี่
ซอยูนที่มีเหงื่อเกาะพราวอยู่ใต้ผ้าผืนนี้!
วีดแปลกใจ
"ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ฝังเราทั้งเป็น แต่เธอก็ทรมานเราแทน"
เมื่อเขาล้มลงเพราะไข้หวัด เธอสามารถทำร้ายเขาได้ทุกเวลา
ช่างเป็นแผนที่ชั่วร้ายจริงๆ!
อัลเวรอนผู้กำลังดูแลวีดก็ติดหวัดด้วยเช่นกัน ทำให้ภาระที่เหลือทั้งหมดตกอยู่กับซอยูน

เธอใช้เวลาหลายชั่วโมงข้างนอกท่ามกลางพายุหิมะเพื่อรวบรวมฟืน เธอคิดว่าอัลเวรอนและวีดอยู่ริมขอบเหวแห่งความตายแล้ว เธอจึงทำอาหารให้พวกเขา แต่เธอกลับลืมในส่วนของตนเอง ในสภาวะแวดล้อมแบบนั้น มันทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลง
แล้วเธอก็เริ่มติดหวัด
ถ้าเธอนอนหลับพักผ่อนเสีย เธอก็คงไม่ป่วยหนักจนเคลื่อนไหวไม่ได้แบบนี้
อย่างไรก็ตาม อัลเวรอนอาการดีขึ้นในขอบเขตหนึ่ง แต่วีดยังคงอยู่ในสภาวะที่อาจตายได้ทุกเมื่อ เธอจึงดูแลรักษาเขาทั้งคืน เธอผลัดเปลี่ยนผ้าบนศีรษะของเขาเป็นอันใหม่ที่เย็นๆและคอยเติมฟืนให้กองไฟลุกไหม้ดีอยู่เสมอ
และเพราะว่าซอยูนไม่ได้นอนนี่เอง หวัดของเธอจึงอาการหนักขึ้นและทำให้เธอล้มลง

วีดเข้าใจผิดไปอีกแบบหนึ่งเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า
"เรามั่นใจว่าเธอทำมันเพื่อทรมานเรา"
อย่างไรก็ตาม วีดก็รอดมาได้ในท้ายที่สุด
วีดนำอุปกรณ์ทำอาหารออกมาจากกระเป๋า เขากำลังจะสร้างอาหารที่สามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเขาให้ขึ้นมาได้
นี่เป็นเวลาดีที่จะทำอาหาร
วีดใช้ปลาไหล ซาชิมิ และ Goldfish ในการทำซุป
บุยยาเบส (Bouillabaisse เป็นชื่อซุปปลาของประเทศฝรั่งเศส)
ปลาไหล และปลาอื่นๆอีกหลายชนิดเคยเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารฝรั่งเศสจานสำคัญ การทานอาหารสุขภาพมื้อนี้เป็นข้อยกเว้นเมื่อเป็นเวลาที่ต้องการให้การย่อยดีขึ้น
ในบ้านที่เหมาะสม ผู้คนสามารถมีประสบการณ์ในการทานอาหารทะเลที่เต็มไปด้วยรสชาติได้ แต่เพราะพวกเขาไม่มีอุปกรณ์ที่จำเป็น อาหารจานนั้นจึงไม่สมบูรณ์

วีดมองอัลเวอรอนที่กำลังป่วยและซอยูน ก่อนจะป้อนบุยยาเบส ให้พวกเขาทาน
"เอาล่ะ ทีนี้เราก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว"
เห็นแก่ตัวสุดๆ!
ผู้ชายที่ทำอาหารแล้วกินมันคนเดียวสูญเสียความอยากอาหาร และเมื่อเขาไม่ค่อยรู้สึกอะไร มันจึงเป็นเรื่องยากมากขึ้นที่จะทานอาหารมื้อนั้น
แต่ยังไงคุณก็ควรจะทานของอร่อยเพียงคนเดียว!
ถ้าการทำลายต้นแอปเปิ้ลจะทำให้โลกถึงจุดจบ วีดก็ยังคงเลือกที่จะกินแอปเปิ้ล
ถ้าให้เลือกระหว่างทำลายล้างโลกกับปลูกต้นแอปเปิ้ลซักต้น วีดจะเลือกต้นแอปเปิ้ลทันทีและเก็บผลของมันไว้กินคนเดียวหมด
.
ความอึดและพลังชีวิตของคุณได้รับการฟื้นฟู

บุยยาเบส เพิ่มความสามารถในการต้านทานความหนาว 15% วีดแบ่งอาหารออกเป็นส่วนของอัลเวอรอนและของเขา
"กินซะ นายจะได้ฟื้นฟูพลังชีวิตได้ดีขึ้น เราจะได้ทำงานกันต่อ"
หลังจากนั้นก็ของซอยูน
"เราจะตอบแทนเธออย่างสาสมแน่ๆ"
แก้แค้นที่ถูกบังคับให้ต้องกินอาหารนั่น
วีดโรยเกลือ พร้อมทั้งพริกและกระเทียมลงบน บุยยาเบส ที่เหลือ แต่เขากลับใจสลายเมื่อเห็นใบหน้าของซอยูน
เธอเป็นหวัดและไม่ได้สติ แต่แม้กระทั่งยามหลับ ใบหน้าของเธอก็ยังคงงดงามอย่างน่าทึ่ง
ผิวกายของเธอที่สะอาดใสไร้รอยด่างพร้อย
จมูกโด่งและริมฝีปากสีแดง
หยาดเหงื่อที่พร่างพราวบนสันจมูกและหน้าผากของเธอ
กระดูกไหปลาร้าที่เรียงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่ว่าจะมองทางไหน ก็ไม่มีจุดที่น่าเกลียดอยู่เลยซักนิด
เป็นความงามที่ลงตัวกันอย่างกลมกลืนที่สุด
เสน่ห์มากมายพรั่งพรูจากนัยน์ตาของเธอที่เปิดเพียงเล็กน้อยด้วยความมึนงง
ซอยูนครอบครองความงามอย่างนางฟ้าในเทพนิยายแม้กระทั่งขณะหลับใหล

'ตอนนี้เราจะทนไปก่อน ไม่ว่ามันจะถูกทำขึ้นมายังไง เราก็รอดมาได้เพราะอาหารนั่น และเราคิดว่ามันคงมีเหตุผลที่ทำไมเครื่องปรุงอันแสนมีค่าถึงช่วยให้รสชาติของมันดีขึ้นไม่ได้เลย'
เขายกตัวช่วงบนของซอยูนขึ้นและป้อน บุยยาเบส ที่อยู่ในช้อนให้เธอทาน วีดรู้สึกว่าหัวใจของเขาเหมือนถูกเค้นเมื่อเขามองดูซอยูนกินอาหารขณะนิทรา
'ทั้งที่เราจะต้องแก้แค้น....ทั้งที่เราต้องกินอาหารน่ารังเกียจนั่น....'
เขาทานอาหารและพักผ่อนทั้งวัน
เพื่อที่จะฟื้นคืนค่าความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งตกลงไปเพราะอาการป่วย
วีดรู้สึกสดชื่นหลังจากได้นอนทั้งวัน อย่างไรก็ตาม ซอยูนและอัลเวอรอนยังคงนอนอยู่เพราะเป็นไข้หนัก วีดไม่สามารถทำงานต่อได้
'อากาศหนาวๆนี่ยังไม่หายไปไหนเลยแฮะ'
นี่เป็นพลังคุกคามจากหุบเขามรณะ
มันเป็นสถานที่ที่โหดร้าย เพราะไม่เพียงแต่เขาจะต้องสู้กับมอนสเตอร์เท่านั้น อุณหภูมิโดยรอบยังเป็นปัญหาใหญ่อีกอย่างหนึ่งด้วย
สำหรับตอนนี้ เขาคงทำอาหารไปทีละนิดจนกระทั่งร่างกายของเขากลับสภาพเดิมได้ และคงจะพักผ่อนระหว่างแกะสลักประติมากรรมต่างๆไปเรื่อยๆ
บรรยากาศแสนจะโรแมนติกที่ได้แกะสลักประติมากรรมจากซอยูนที่กำลังหลับใหลในถ้ำเล็กๆนี่
'มันก็ไม่ได้แย่อะไรมากแฮะ'
วีดรู้สึกพึงพอใจ เพราะที่ผ่านมา การได้มองดูผู้หญิงที่สวยพอๆกับซอยูนในขณะที่กำลังหลับนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นบ่อยนัก
เขานอนในที่เดียวกับสาวงาม และได้รับความสุขจากการป้อนข้าวให้เธอสามมื้อต่อวันระหว่างหนุนศีรษะของเธอ วีดพอใจในสถานการณ์ตอนนี้ที่ผู้ชายหลายคนใฝ่ฝันถึง

หลังจากได้สติ ซอยูนพยายามไม่กินเพราะเธอรู้สึกอับอาย แก้มของเธอขึ้นสีระเรื่อและเธอก็กะพริบตาอย่างรวดเร็ว เธอพยายามต่อต้านเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่วีดเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
หลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาไม่อยากให้มันดูดึงดันมากไป
"เธอเคยกินแบบนี้ก่อนหน้านี้แล้วนะ"
"...."
ในเมื่อเขาทำขึ้นมาแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้เธอทานมัน!
ผู้หญิงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยั่วยวนผู้ชายได้
'แค่เพราะว่ามือของเธอมันเล็กและดูดี'
มันจะมีกลยุทธ์มากมายในการพยายามและใช้มันให้เกิดประโยชน์
ซอยูนอ้าปากช้าๆและทานอาหารที่ถูกป้อนเข้ามา
หลังจากป้อนเธอไปซักพัก เธอก็เคยชินกับมัน
วีดนึกถึงอดีตอีกครั้ง
หลังจากที่พ่อแม่ของเขาจากไป เขาก็เป็นคนเลี้ยงดูน้องสาวของเขาตลอดมา ช่องว่างระหว่างวัยของพวกเขาไม่ค่อยกว้างนัก แต่เมื่อก่อนนั้นมันดูห่างมาก
ตอนที่น้องสาวของเขาเด็กกว่านั้น เรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดคืออาหาร พวกเขาไม่ได้ทานอาหารดีๆ และเมื่อถึงคราวลำบากจริงๆ พวกเขาก็กินกันแค่ข้าวที่โรยด้วยเกลือในตอนเย็นเท่านั้น
ครอบครัวส่วนใหญ่ที่ยากจนเท่าๆกันร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือองค์กรสงเคราะห์ต่างๆ แต่พวกเขามักให้เฉพาะปัจจัยสี่ที่จำเป็นจริงๆในการมีชีวิตอยู่
และพวกรัฐบาลก็มักให้แค่ของจำเป็นจริงๆอย่างข้าว
ผู้คนที่ควบคุมเศรษฐกิจมักมองยายแก่ๆและพี่น้องที่อยู่ด้วยกันในแง่ร้าย
เพื่อที่จะส่งพวกเขาไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือแยกพวกเขาออกจากกันโดยการให้คนรับไปเลี้ยง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่ส่งสิ่งของช่วยเหลือมาให้น้อย
และเพราะเหตุนั้น พวกเขาถึงมีแค่ข้าวและเกลือเป็นอาหาร
แน่นอนว่าน้องของเขาเคยพยายามไม่กินมัน
"กินซะ ถ้าเธอกินอะไรซักอย่างเข้าไป อย่างน้อยก็จะได้อิ่มท้อง"
เมื่อเขาพูดไปแบบนั้น วีดก็ได้รับหน้าที่ในการป้อนอาหารให้เธอ
วีดจึงป้อนอาหารให้ซอยูนอย่างอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว เขายังลูบศีรษะของเธอไปด้วย
"กินเยอะๆนะ"
"...."
ซอยูนตัวแข็งทันที
หลังจากที่เธอทานอาหารโดยไม่พูดอะไร เธอก็ล้มตัวลงและหลับไปอีกครั้งโดยหันหน้าไปทางกำแพง เธอไม่มีอะไรจะพูดเมื่อตอนนี้ใบหน้าของเธอมีขึ้นสีระเรื่อเป็นสีแดงยิ่งกว่าลูกพลับสุกเสียอีก

(พี่คะ ตอนนี้พี่ทำอะไรอยู่น่ะ)
ทันใดนั้น เสียงกระซิบจากน้องสาวของเขาก็ดังแว่วขึ้นมา
วีดสะดุ้งเหมือนคนร้ายที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำผิดคาหนังคาเขา ซึ่งมันเป็นเพราะตัวตนของซอยูน
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการทำภารกิจ เขาก็ไม่เคยอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง แม้แต่ในความฝันก็ตาม
การคบกับผู้หญิงซักคน มันจะต้องทั้งใช้เงินและความหรูหรา  ซึ่งความสำราญจะชักนำให้เราใช้จ่ายกันมากกว่าที่ควร
'เพื่อที่จะสามารถประหยัดเงินไปได้อีกหน่อย คุณจะต้องอยู่อย่างชายโสดไร้คู่ครอง'
มันเป็นสิ่งที่วีดคิดในการดำเนินชีวิต นั่นคือระยะห่างระหว่างเขากับผู้หญิงในขณะที่เขาเติบโตขึ้น
น้องสาวของเขาเป็นศูนย์กลางของชีวิตวีด และนั่นคือระยะห่างระหว่างเขากับผู้หญิงในขณะที่เขาเติบโตขึ้น
วีดตอบน้องสาวไปว่า
(พี่กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจ)
โดยปกติแล้ว ผู้คนต้องเจอกันและคบกันเป็นเพื่อนก่อนจึงจะส่งกระซิบหากันได้ แต่ว่า ครอบครัวสามารถส่งและรับเสียงกระซิบได้ทันที
(สำรวจ?เกี่ยวกับภารกิจรึเปล่า?)
(ใช่แล้วล่ะ)
 (ภารกิจเป็นยังไงเหรอคะ?)
ยูรินสนใจเป็นอย่างมาก
เพราะว่าเธอเพิ่งได้เล่นรอยัลโรดไม่นาน เธอจึงเต็มไปด้วยภารกิจมากมาย
(อืม...ก็ไม่มีอะไรมากนะ พี่ก็แค่เดินทางไปรอบๆแดนเหนือน่ะ)
(แดนเหนือ? หนูได้ยินมาว่ามีน้อยคนที่จะไปได้เลยนะ และผู้คนที่นี่ก็บอกเหมือนกันว่ามันหนาวเกินไป พี่โอเครึเปล่าคะ?)
(แน่นอน ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความหนาวล่ะก็ พี่สามารถถอดเสื้อออกตอนมันร้อนได้เลยนะ เมื้อกี้นี้พี่ก็เพิ่งพังน้ำแข็งและแช่น้ำอาบไปซักพักเหมือนกัน ...ฮัดเช้ย!)
(พี่ ตะกี้พี่จามใช่มั้ย)
(เปล่า น้องพูดอะไรกัน! มันร้อนจนพี่เหงื่อไหลไม่หยุดเลยล่ะ)
วีดเติมฟืนและขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆกับกองไฟระหว่างพูดตอบไปด้วย
ทั้งโกหกทั้งอวดเก่ง
แม้เขาจะต้องตาย เขาก็จะไม่เผยความอ่อนแอออกมาให้น้องสาวเห็นเด็ดขาด เขาอยากให้เหลือไว้เพียงภาพของพี่ชายที่แข็งแกร่งเท่านั้น
(อ่อ อย่างนั้นเหรอคะ ถ้าพี่ได้ทำภารกิจที่แดนเหนือ มันจะต้องยากมากแน่ๆเลย)
(ไม่หรอก มันไม่ได้ยากนัก พี่ก็ทำภารกิจระดับประมาณนี้มาตลอด)
ฮึฮึ วีดหัวเราะเบาๆอย่างเจ้าเล่ห์
(งั้น พี่กำลังทำภารกิจแบบไหนอยู่เหรอคะ)
(พี่กำลังสำรวจหุบเขามรณะในดินแดนเหนือและค้นหาสมบัติที่ถูกเก็บรักษาไว้ และตอนนี้พี่กำลังหว่านเมล็ดอยู่น่ะ ที่สำคัญกว่านั้น สำหรับน้องมันผ่านไป 4 อาทิตย์แล้วใช่มั้ย เธอออกจากเมืองได้หรือยัง?)
(ใช่ค่ะ วันนี้เป็นสัปดาห์ที่ 4 พอดี)
(ยินดีด้วยนะ ทีนี้น้องก็สามารถเดินทางไปทั่วทวีปเวอร์เซลล์อันกว้างใหญ่ตามที่น้องต้องการได้แล้ว ระวังอย่าดูถูกศัตรูเกินไปแม้จะเป็นแค่กระต่ายก็ตาม และอย่าไปยุ่งกับพวกหมาป่าล่ะ พวกมันแข็งแกร่งมากทีเดียว)
(ขอบคุณค่ะพี่ หนูจะระวังตัว)
(ว่าแต่ น้องเลือกอาชีพอะไรล่ะ)
ความคาดหวังก่อตัวขึ้นในใจของวีด
ยุคนี้มันเป็นยุคแบบไหนแล้วนะ? ครอบครัวส่วนใหญ่มักจะมีรายได้จากสองทางเสมอ มันเป็นโลกที่ไม่สามารถอยู่รอดได้ถ้ามีรายได้เพียงแหล่งเดียว! ความจริงคือ วีดเพียงคนเดียว ก็สามารถส่งน้องสาวเข้ามหาลัยได้ และมีรายได้เพียงพอรองรับการใช้ชีวิตแบบในปัจจุบัน เขาแสดงให้เห็นถึงความตระหนี่ผ่านการสร้างของที่จำเป็นและขายไอเทมทุกอย่างที่เขามี นอกจากนี้ รายได้จากการโฆษณาที่มาจากภารกิจและหอเกียรติยศทำให้เขาร่ำรวยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาสามารถหารายได้ได้สองที่สำหรับครอบครัว พวกเขาสามารถคาดหวังถึงเงินจำนวนมากกว่าที่พวกเขาเคยมีได้
'มันคงจะดีมากถ้ามันไม่ใช่อาชีพแปลกๆเหมือนของฉัน'
แล้วน้องสาวตัวน้อยของเขาก็ตอบกลับมาว่า
(อาชีพ! หนูได้มาจากภารกิจลูกโซ่ที่เอามาจากสมาคมแปลกๆแห่งหนึ่งน่ะค่ะ พี่เชื่อมั้ยว่าหนูได้มันมาจากเจ้าของร้านอาหารหลังจากที่หนูล้างจานเสร็จ?)
(อ่อ งั้นเหรอๆ)
แล้วเขาก็พลันนึกถึงเควสที่ครูฝึกเคยให้เขา ภารกิจลูกโซ่ที่เขาได้รับระหว่างกินข้าวกล่องของครูฝึก
(นั่นแหละที่ทำให้หนูได้อาชีพ จิตรกรประกายวารี (Aqualight painter) ค่ะ)
ใบหน้าของวีดซีดเผือด
(จิตรกรประกายวารี งั้นเหรอ??)
(ช่ายค่ะ มันเป็นอาชีพลับ)
(....)
วีดรู้สึกเหมือนโลกกำลังล่มสลาย
'ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะไม่ยอมให้เราได้มีอาชีพปกติเลย!'
จิตรกรประกายวารี
แค่ฟังชื่อก็ทำให้รู้เลยว่ามันคงไม่ใช่อาชีพที่โชคดีนัก
อย่างน้อยการผจญภัยที่เกี่ยวข้องกับอาชีพอย่าง นักขโมยสุสาน ก็ทำให้ได้รับไอเทมและเงินบ้าง แต่ว่าพี่น้องคู่นี้ต่างก็ได้รับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับศิลปะทั้งสองคน และในกรณีของน้องสาว แค่คำว่า "ตำนาน" ยังไม่มีเลย
'เราหาเงินได้ด้วยตัวคนเดียวแหละน่า ไม่ใช่ว่าเราคาดหวังอะไรมากมายตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าเป็นอาชีพที่เธอสามารถสนุกกับมันได้ก็น่าจะโอเคแล้ว'
แต่ทว่า อาชีพที่เกี่ยวกับศิลปะนั้นมันจะแปลกๆเสมอ ดังนั้นน้องสาวของเขาคงสามารถสนุกกับมันได้อย่างจุใจ
(อีกอย่าง หนูเกลียดความหนาว ดังนั้นหนูคิดว่าหนูคงไปที่นั่นไม่ไหว)
(มันค่อนข้างลำบากอยู่แล้ว ถ้าน้องมีค่าความแข็งแกร่งน้อย น้องจะถูกแช่แข็งจนตายทันทีเลยล่ะ)
(อ่อ อย่างนั้นเลยเหรอคะ)
(ยังไงก็ตาม อย่าผิดหวังไปเลย พี่จะแนะนำให้น้องรู้จักกับคนที่สามารถช่วยน้องได้เอง)
(ใครเหรอคะ?)
(พวกนักดาบน่ะ ถ้าเป็นพวกนั้นคงช่วยน้องได้เยอะเลยล่ะ เหล่านักดาบตอนนี้กำลังเดินทางร่อนเร่ไปทั่วทวีป ฝึกฝนฝีมือไปเรื่อยๆ ถ้าน้องติดต่อหาพวกนั้น พวกเขาคงทิ้งทุกอย่างไว้แล้วมาช่วยน้องทันทีเลยล่ะ
ผู้ชายพวกนั้นคงสามารถให้อุปกรณ์พื้นฐานที่เหมาะสมกับน้องได้ พี่จะไปใช้หนี้พวกนั้นทีหลัง ดังนั้นไม่ต้องกังวลแล้วทำตามที่น้องอยากทำเลย)
(ค่ะ หนูเข้าใจละ แต่พี่คะ พี่เคยพูดไม่ใช่เหรอว่าพี่มีเพื่อนที่มักจะไปล่าด้วยกันน่ะ)
(หมายถึงเพล ไอรีน และเซอร์กะเหรอ?)
(ใช่ค่ะ หนูอยากทำความรู้จักพวกเขาด้วยน่ะค่ะ)
(ได้เลย เดี๋ยวพี่พาไปรู้จัก ไว้พี่จะบอกพวกนั้นให้ติดต่อน้องวันหลังนะ ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่สามารถไปหาน้องได้เพราะพวกเขาอยู่ไกลมากก็ตาม)
(ระยะทางไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ ยังไงก็ตามหนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูคิดว่าหนูควรออกจากปราสาทซักที ไว้หนูจะกระซิบหาพี่ทีหลังนะคะ)
(โอเค ระวังพวกกระต่ายด้วยล่ะ)
(ค่า ไม่ต้องกังวลเรื่องหนูหรอก พี่เองก็ระวังตัวด้วยนะคะ)
หลังจากวีดคุยกับน้องสาวเสร็จ เขาก็นำไม้สำหรับเติมไฟติดตัวไปโดยพยายามระวังไม่ให้ฝีเท้าของเขามีเสียง เฉพาะเวลาที่เขาแกะสลักเท่านั้นที่จะมีเสียงเล็กน้อยดังแว่วออกมาให้ได้ยิน
แล้วเขาก็ทำแบบนี้ไป 2 สัปดาห์ ร่างกายของอัลเวรอนก็ฟื้นฟูกลับสู่สภาวะปกติ
"ท่านวีด ข้าละอายต่อท่านมาก"
"อย่ากังวลไปเลย ไม่เป็นไรหรอก"
"ในเมื่อความแข็งแกร่งของข้าฟื้นกลับมาหมดแล้ว ข้าคิดว่าข้าน่าจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้"
"โอ้ นั่นเป็นเรื่องดีทีเดียว"
วีดผงกหัว
ถ้ามีคนที่มีเวทมนต์รักษา มันจะทำให้อาการป่วยหายไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
"โอ้ เทพธิดาเฟรย่า ได้โปรดชำระล้างความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าของพวกเขาที่ติดตามและต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์ด้วยเถิด  ปัดเป่าโรคร้าย (cure disease)"
อัลเวรอนใช้เวทมนต์รักษากับวีดคนแรก

ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ความสามารถในการต้านทานโรคเพิ่มขึ้น โรคเกือบทุกชนิดจะถูกรักษาได้ด้วยพลังนี้
อาการหวัดถูกรักษา ความต้านทานทางกายภาพกลับสู่สภาวะปกติ
ความต้านทานต่อความหนาวเพิ่มขึ้นอย่างถาวร 2%
ความต้านทานต่อเวทน้ำแข็งเพิ่มขึ้นอย่างถาวร 0.2%


วีดได้รับการรักษาพร้อมกับความต้านทานที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
อัลเวรอนใช้เวทมนต์บทเดียวกันรักษาตัวเขาเองและซอยูน
เนื่องจากพวกเขาติดหวัดขั้นรุนแรงกว่าวีด พวกเขาจึงไม่ได้ถูกรักษาอย่างสมบูรณ์
แต่หลังจากทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและพักผ่อนตลอดวัน พวกเขาก็กลับมาขยับร่างกายได้อีกครั้ง
"มันเป็นหวัดที่แย่ที่สุดเท่าที่เราเคยเป็น"
วีดขยับหินที่ปิดกั้นทางเข้า
ตอนนี้ ได้เวลาทำให้เหล่ามอนสเตอร์ในหุบเขามรณะรับรู้ถึงความขมขื่นบ้างแล้ว

*****************************

เซเฟอร์หาว
"ฮ้าววว! น่าเบื่อชะมัด"
"แต่นายก็ล่าไปเยอะนะ" ฮวารยองพูด ผมของเธอถูกมัดเป็นเปียสองข้าง
"ก็ไม่ใช่ว่าเคยชินแล้วหรอก แค่มันสนุกมากกว่าตอนที่ได้ล่าร่วมกับวีด"
"ก็จริงนะ เราโดนโจมตีเข้ามาเรื่อยๆไม่มีหมดเลย ตอนนั้น"
"พอชั้นคิดถึงมัน ชั้นยังรู้สึกอยู่เลยว่าร่างกายเต็มไปด้วยผ้าพันแผล"
การล่าสุดโหดที่พวกเขาเคยทำติดต่อกัน 8 วันตอนที่พวกเขาอยู่กับวีดและเหล่านักดาบ! ความทรงจำอันแสนทารุณกรรมกลับกลายเป็นความทรงจำที่สนุกสนานเร้าใจเมื่อเวลาผ่านไป
หลังจากคราวนั้น การล่าส่วนใหญ่ก็ไม่ทำให้เหนื่อยอะไรเลย
ระหว่างที่มองดูเหล่าอัศวินโครงกระดูกที่วิ่งเข้ามาหาแล้ว โรมูนะก็ถอนหายใจ
"แบบนี้นี่ดูง่ายไปเลย"
"ชั้นไม่รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่เคยเป็นเหมือนกัน" เซอร์กะว่าบ้างพลางต่อยอัศวินโครงกระดูกด้วยกำปั้นน่ารักๆนั่น
บรรยากาศน่าหวาดกลัวที่ทำให้เสียวสันหลังและขนลุกชัน!
บรรยากาศแบบนั้นได้หายไปแล้ว
ณ ตอนนี้ พวกเขาสามารถคุยเล่นได้ระหว่างที่ล่ามอนสเตอร์ไปเรื่อยๆ และถึงแม้จะมีมอนสเตอร์โผล่มาตอนที่พวกเขากำลังพัก พวกเขาก็ไม่ตกใจอีกต่อไป
โรมูนะ นักเวทย์สาว เคลื่อนตัวไปยังช่องว่างระหว่างมอนสเตอร์ รัดพวกมัน ก่อนจะร่ายเวทย์ใส่
ลูกธนูของเพลก็ไม่เคยพลาด เขายังสามารถยิงได้ 3 ดอกในรอบเดียวและทำให้มันพุ่งไปยังเป้าหมายต่างที่กันได้อย่างแม่นยำ
ด้านฮวารยอง เธอสามารถแต่งหน้าไปด้วยสู้กับมอนสเตอร์ไปด้วยได้อย่างชิลๆ
แล้วเซเฟอร์ก็พูดขึ้นมาว่า "ไอรีน มันน่าเบื่อสุดๆเลย บัฟพวกมอนสเตอร์ที ฉันจะตายเพราะความเบื่ออยู่แล้วเนี่ย"
"ได้เลย ชั้นกำลังอยากพัฒนาสกิลอยู่พอดี ความแข็งแกร่งที่ทำให้ความอยากในการต่อสู้หายไป มักจะนำมาสู่ความแข็งแกร่งที่สามารถก้าวข้ามขอบเขตได้ ทั้งปาร์ตี้ก็จะแข็งแกร่งขึ้น"
ไอรีนเพิ่มความแข็งแกร่งให้พวกมอนสเตอร์
เธอเพิ่มความสามารถของพวกมันขึ้น 20%
ถึงแม้ว่านักบวชจะเพิ่มความสามารถให้มอนสเตอร์ มันก็จะไม่ให้ค่าประสบการณ์เพิ่มและไม่มีไอเทมพิเศษตกออกมา
เพียงแค่อยากสนุกกับการต่อสู้มากยิ่งขึ้น ไอรีนและปาร์ตี้ของเธอจึงเพิ่มทักษะให้กับมอนสเตอร์นั่นเอง

ชีชวิหน้าเปลี่ยนสี
'เจ้าพวกสัตว์ประหลาด!!'
เธอไม่เคยคิดว่าเธอจะอ่อนแอกว่าใครๆ
แต่อัศวินโครงกระดูกคือมอนสเตอร์ที่เลเวลมากกว่า 320 พวกมันไม่ใช่มอนสเตอร์ที่ล่าได้ง่ายๆแม้จะมาเป็นปาร์ตี้ก็ตาม
พวกเขาช่างล่ามอนสเตอร์ได้อันตรายจริงๆ
ซีชวิ รู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้น
"พี่สาว ตอนนี้แหละ"
"โอเค! ชวิคชวิคิ!"
จากสัญญาณของเซอร์กะ ซีชวิพุ่งเข้าไปยังกลุ่มของอัศวินโครงกระดูก
สำหรับคนที่เลเวลน้อยอย่างเธอแล้ว เธอทำได้แค่เก็บไอเทมที่ตกออกมาเท่านั้น
เก็บไอเทมที่ดรอปออกมาระหว่างเคลื่อนที่ไปในกลุ่มอัศวินโครงกระดูก!
เพราะมอนสเตอร์มีอยู่เยอะมาก มันจึงไม่ง่ายเลย และในเมื่อพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการล่าซักครั้ง พวกเขาจึงต้องเก็บไอเทมทั้งหมดที่เป็นไปได้
แม้ว่าเธอจะมีอาชีพเป็นออร์คคอมมานเดอร์ (Orc Commander) แต่ความสามารถและค่าความเป็นผู้นำไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรมากมายนักเพราะเลเวลของพวกเขาต่างกันมากเกินไป
มันช่วยแค่เพิ่มความเสียหายทางกายภาพ 3% และอัตราเร็วในการฟื้นฟูเพิ่มขึ้น 2% เท่านั้น
ทักษะของเธอจะมีผลมากกว่านี้ถ้าเธอกำลังต่อสู้ร่วมกับออร์ค แต่ออร์คในปาร์ตี้นี้มีเพียงตนเดียวคือเธอ

*****************************


ใครจะคิดล่ะว่าจิตรกรหญิงที่มีบุคลิกแบบน้องสาวจะฆ่ากระต่ายที่แสนน่ารักได้อย่างไร้ความปราณี
"ตาย! ตายซะ!"
เมื่อกระต่ายออกแรงต่อต้าน ยูรินก็จะใช้เท้าของเธอเอาชนะพวกมัน
พวกเขาทำงานหาเงินในตอนกลางวันและออกล่าในตอนกลางคืน
การออกล่าในตอนกลางคืนนั้นจะทำให้สามารถเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์ได้มากยิ่งขึ้น
แต่ยูรินเป็นจิตรกร พลังชีวิตและการโจมตีของเธอจึงไม่รุนแรงนัก มันเป็นเรื่องยากที่จะฆ่ากระทั่งกระต่าย
"ล่ามอนสเตอร์นี่ยากกว่าที่คิดแฮะ"

หลังจากทำการล่าไปซักพัก เธอก็พัก
ก่อนที่เธอจะเลเวลอัพ การล่าเป็นเรื่องลำบากแม้ว่าเธอจะมีอุปกรณ์ดีๆแล้วก็ตาม
ตอนนั้นเองที่เธอได้รับเสียงกระซิบจากเพล
(สวัสดีครับ ผมเพลนะ)
(ค่ะ สวัสดีค่ะ)
ยูรินทักทายเขากลับอย่างสุภาพ เธอมักจะทำตัวเรียบร้อยเสมอเวลาที่ต้องคุยกับคนไม่รู้จัก
(เธอคือน้องสาวของวีดใช่มั้ย  พี่เป็นเพื่อนกับวีดตั้งแต่เรายังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่น่ะ)
(อ่า คนที่ยิงธนูเก่งๆสินะคะ)
(ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าวีดจะบอกน้องเกี่ยวกับพี่ไว้แล้วสินะ เก่งในการยิงธนูงั้นเหรอ....พี่ยังไม่ขนาดนั้นหรอก แล้วเขาพูดอะไรเกี่ยวกับพี่อีกบ้างมั้ยครับ?)
(ค่ะ พี่บอกหนูว่าไม่ให้ล้อคุณที่มีนิสัยขี้อายน่ะค่ะ)
(อ่า อย่างนั้นเหรอ อย่างอื่นล่ะ?)
(หนูเคยได้ยินว่าบ้างครั้งพี่ขุดดินเล่นอยู่คนเดียวด้วยค่ะ)
อึ่ก!
ยูรินรู้สึกสนุกที่ได้คุยกับเพื่อนของวีด ความสุภาพและอ่อนโยนเวลาเขาพูดทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี
'ยังไงก็ตาม เขาได้ออกล่าร่วมกันกับพี่ ขนาดฉันยังไม่เคยแท้ๆ'
ด้วยความอิจฉาเธอจึงแกล้งเขานิดหน่อย ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร
แต่เธอก็ยิ้มและรู้สึกพอใจกับมัน
(งั้น ตอนนี้น้องอยู่ไหนครับ)
(เมืองโรเดียมค่ะ)
(น้องอยู่ที่เมืองแห่งศิลปินงั้นเหรอ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ภูเขายุโรกิน่ะ มันคงใช้เวลาซักอาทิตย์ในการไปถึงที่นั่น)
(พี่จะมาหาเหรอคะ?)
(ใช่แล้ว อะไรที่พวกเราช่วยได้เราก็อยากช่วยน่ะ)
(พวกพี่ไม่ต้องมาหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูไปที่นั่นเอง)
(หือ?)
(พี่ช่วยอธิบายสภาพแวดล้อมรอบๆได้มั้ยคะ)
ยูรินนำดินสอถ่านและกระดาษออกมาเตรียมตัววาดภาพ
เพลพูดอะไรไม่ออกกับความคิดแปลกๆของยูริน
มันต้องใช้เวลาขนาดไหนกันในการเดินทางจากโรเดียมไปที่ภูเขายุโรกิ? อีกอย่างพวกมอนสเตอร์มักจะมาเป็นกลุ่ม มันจึงไม่ใช่ที่ที่มือใหม่จะไปได้เลย
ยังไงก็ตามเพลก็ยังคงตอบคำถามของยูริน
(ข้างหลังพวกเรามีต้นไม้สูงๆอยู่ 2 ต้น มีหินก้อนนึงข้างหน้า เป็นหินธรรมดาสีเทาอ่อน)
(แล้วพื้นดินรอบๆเป็นยังไงบ้างคะ?)
(มันมีหญ้าขึ้นมากมาย รวมทั้งดอกไม้ป่า โดยฝั่งขวาจะมีเยอะกว่า มีภูเขาที่อยู่ไกลออกไป รูปร่างไม่แหลมนัก มันมีต้นไม้มากมาย นอกจากนี้ยังมีปราสาทของเหล่าดาร์คเอลฟ์อยู่ถัดจากภูเขาออกไปอีก 2 ลูก)
(อากาศล่ะคะ)
(กระจ่างใส มีเมฆอยู่บ้างครับ)
เพลรู้สึกสับสนแม้กระทั่งตอนที่เขาบรรยายสิ่งรอบตัว
"เพล นายทำอะไรอยู่น่ะ" โรมูนะถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน น้องยูรินให้ผมอธิบายสิ่งรอบๆด้านให้ฟัง ผมก็เลยอธิบายไปตามนั้น"
"เธอสงสัยที่นี่ขนาดนั้นเลยเหรอ?"
โรมูนะเอียงศีรษะ ไม่สามารถทำความเข้าใจได้
ถ้าดูจากทิวทัศน์อย่างเดียวแล้ว สถานที่นี้ก็ค่อนข้างพิเศษทีเดียว เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าและตกในตอนเย็นนั้น หาที่ไหนสวยงามเท่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยหมอกหรือฝนก็ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน เมื่อมองไปยังป่าไม้แล้ว คุณก็อาจหลุดเข้าไปอยู่ในภวังค์ของตัวเองได้เลย
สำหรับผู้ที่มีความละเอียดละอ่อนแล้ว มันเป็นที่ที่มีวิววิเศษที่สุด
เซเฟอร์เดินเข้าไปหาเพล
"เสียงของเธอเป็นยังไงบ้าง?"
"หือ?"
เซเฟอร์ซึ่งยังไม่มีแฟนก็ต้องรู้สึกสนใจในตัวยูรินเป็นธรรมดา
'ถ้าเป็นน้องสาวของวีดแล้วล่ะก็ เธอคงมีความสามารถในการเอาตัวรอดสูง เธอคงจะไม่ทำให้ฉันต้องอดอยากไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ใดๆก็ตาม'
ที่ผ่านมา เขาพบผู้หญิงมากมาย ไม่ว่าจะทั้งเป็นสาวสวย หรือ สาวมั่น!
พวกเธอมักจะวุ่นวายกับการให้คะแนนเขาเมื่อรู้ว่าเซเฟอร์มีความเป็นมาอย่างไร เซเฟอร์ไม่อยากเจอผู้หญิงแบบนั้นอีกแล้ว เขาอยากเธอผู้หญิงที่เปิดใจให้เขาได้โดยไม่สนเงินตราหรือสถานะ
เพลมองเซเฟอร์ด้วยความสงสาร
มันยังมีบางอย่างที่ไม่อาจทำสำเร็จได้ด้วยหน้าหล่อๆ ด้วยตาคมๆ และการพูดจาดีๆอยู่
"ขอโทษนะ เซเฟอร์"
"หืม?"
"เพื่อรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ นักดาบ 3 ได้บอกชั้นมาว่า"
หัวใจของเซเฟอร์พลันหนักอึ้ง
เขายังจำได้ถึงหน้าเหลี่ยมๆและกล้ามเนื้อของนักดาบ 3 ได้ ดี
ในความเป็นจริงเขาเป็นผู้ชายที่น่ากลัวยิ่งกว่าในรอยัลโรดเสียอีก  ถ้ามันมีออร์คในโลกแห่งความเป็นจริง คนที่จะจัดการมันได้อย่างสบายๆก็คือ นักดาบ 3 นี่แหละ
"เขาพูดว่าอะไร"
"ชั้นจะพูดตามที่ได้รับมอบหมายมานะ ถ้าใครกล้าแตะต้องยูริน เขาจะฆ่ามัน"
"....."
"เขายังพูดอีกว่า ถ้าใครทำให้ยูรินร้องไห้ เขาจะหักกระดูกมันซะ"
"......"
" นักดาบ X และ นักดาบ Y  ยังพูดเสริมด้วยว่า..."
เซเฟอร์อยากปิดหูตัวเอง
"ผะ..ผมไม่กล้าฟังแล้ว"
เพลมองเขาอย่างสงสาร
"มันเป็นเรื่องยากสำหรับชั้นเหมือนกันในการจะพูดมันออกมา ชั้นไม่อยากจำได้ ดังนั้นเวลาชั้นได้ยินอะไรชั้นเลยเติมตัวเลขเข้าไป"
"ตัวเลข??"
"ตาย 309 ครั้ง สภาพเป็นผัก 68 ครั้ง นอนโรงพยาบาลอย่างน้อย 1 เดือน 93 ครั้ง ตัวช่วงล่างอัมพาท 30ครั้ง ความตายที่อธิบายไม่ได้ 2 ครั้ง บางอย่างที่ทั้งไม่ตายและไม่มีชีวิตอยู่....ถ้านายยังอยาก ชั้นบอกให้ก็ได้นะว่าเสียงของยูรินเป็นยังไง"
"อึก!"
เซเฟอร์ยอมแพ้ในตัวยูรินทันที
"ความมั่นใจที่จะได้เข้าใกล้ยูริน ผู้เป็นดั่งน้องสาวของเหล่านักดาบ สลายหายไป
อีกทั้ง เมื่อเขาคิดดูดีๆแล้ว ยูรินเป็นน้องสาวโดยสายเลือดของวีด
แค่เขานึกถึงการแก้แค้นอย่างต่อเนื่องจากวีดซึ่งคงไม่จบลงที่อะไรง่ายๆอย่างของพวกนักดาบที่จบแล้วจบกันนั้น  เขาก็ได้ข้อสรุปว่าเธอเป็นคนที่ไม่ควรเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย


ยูรินวาดภาพโดยยึดเอาคำอธิบายจากเพลเป็นหลัก ทักษะของเธอยังไม่ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นศิลปะหรือดนตรีก็ตาม ทั้งนี้เพราะเธอไม่เคยสนใจเลย  อย่างเดียวที่เธอมุ่งมั่นคือการเรียนการศึกษา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่นอะไร แต่เธอก็พยายามมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เธอวิเคราะห์ภาพรวมและรายละเอียดของมัน
ความละเอียดอ่อนอย่างผู้หญิงและเส้นโค้งที่นุ่มละมุนถูกแต่งแต้มขึ้นด้วยสีที่อบอุ่น
และเธอก็สามารถวาดเสร็จเหมือนกับที่เพลอธิบายไว้ทุกประการ
"จิตรกรรมนำทาง (picture teleportation)!"
เธอใช้ทักษะพิเศษของ จิตรกรประกายวารี
ภาพในกระดาษเริ่มไหวเป็นระลอกคลื่น

ทักษะ : คุณได้ใช้ทักษะ จิตรกรรมนำทาง
มานาสูงสุดจะลดลงครึ่งนึงตลอด 4 วัน

ทักษะอันแสนอัศจรรย์ที่ทำให้คุณสามารถไปที่ไหนก็ได้ในทวีปโดยมีข้อแม้ว่าคุณต้องรู้จักพื้นที่นั้นๆ
เธอวาดภาพตัวเองลงไปในภาพนั้น
ขณะที่เธอวาดตัวเองลงไปในภาพ  ร่างกายของเธอก็ค่อยๆหายไปจากเมืองโรเดียมอย่างลึกลับ ตั้งแต่ขา ตัว จนกระทั่งศีรษะ

ถ้ายูรินหลับตาลงซักแป้ปและลืมตาขึ้นมาใหม่ เธอก็จะเห็นเพล ไอรีน โรมูนะและฮวารยอง
พวกเขาประหลาดใจที่เห็นยูรินโผล่ขึ้นมากระทันหัน
สำหรับเซเฟอร์หรือซีชวิ เธอเหมือนออกมาจากพื้นดิน
มันเป็นทักษะพิเศษที่มีแต่ จิตรกรรมประกายวารี เท่านั้นที่ใช้ได้

**********************************

วีดตัดสินใจทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆหุบเขามรณะก่อน
"ดูเหมือนเราจะแก้ภารกิจตรงๆไม่ได้แฮะ"
เขาตั้งความหวังไว้สูงมากเพราะเขามีซอยูนและอัลเวรอน แต่โชคร้ายที่พวกเขาไม่อาจบรรลุเควสให้เสร็จเร็วๆได้
ไอซ์ โทรลที่แข็งแกร่งนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผล แถมอากาศและภูมิประเทศก็แย่ด้วย
"อย่างน้อยเราควรได้รู้จักภูมิประเทศเสียก่อน"
วีดขี่ปิงหลงบินไปอยู่เหนือหุบเขามรณะโดยเขาต้องอดทนต่ออากาศที่เหน็บหนาว
เขาสามารถมองเห็นหุบเขามรณะทั้งหมดจากการที่บินสูงขึ้นในท้องฟ้า
หิมะและน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วจนสุดขอบฟ้า
ภูเขา แม่น้ำ เมืองและอาณาจักรที่ถูกแช่แข็ง
มันเป็นส่วนนึงของทิวทัศน์ที่จะเห็นได้แค่บนฟ้าของแดนเหนือ
มันมีสถานที่มากมายที่ยังไม่ถูกค้นพบในแดนเหนือ
การได้รับภารกิจจากหมู่บ้านหรือปราสาทพวกนั้น  สำหรับนักผจญภัยก็เปรียบได้กับการขึ้นสวรรค์
"ถ้าพวกนั้นสามารถทนต่อความหนาวนี้ได้น่ะนะ"
วีดห่อตัวเองด้วยผ้าคลุมไหล่ให้มากเท่าที่เขาจะทำได้
ถึงแม้ว่าเขาจะสั่งให้ปิงหลง บินอย่างช้าๆแล้วก็ตาม สายลมก็ยังพัดมาอย่างรุนแรง
ถ้าเขาไม่อยากเป็นหวัดอีกรอบ เขาจะต้องจบการสำรวจพื้นที่นี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
วีดมุ่งเป้าไปที่หุบเขามรณะซึ่งอยู่ตรงใจกลางของภูเขา มันเป็นสถานที่ที่ดูเหมือนกับงูขนาดยาวสองขดตัวพาดยาวออกไป

ณ ยอดของภูเขา มันมีมอนสเตอร์อยู่นับไม่ถ้วน เช่น ไอซ์โทรลที่ประจำการอยู่ราวกับทหารคอยปกป้องปราสาท เขาต้องเอาชนะพวกมันให้ได้เท่านั้น เขาจึงจะสามารถสำเร็จภารกิจได้
"ปลายทางหุบเขารณะคือจุดที่หัวของงูทั้งสองมาบรรจบกันสินะ"
ถึงแม้จะเป็นการกะด้วยสายตาของเขาเอง ความยาวของมันก็แค่กิโลเดียว
ตัวหุบเขาเองไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก แต่เมื่อเขาเดินทางผ่านไปหนึ่งในสามส่วนของหุบเขาแล้ว เขาก็เห็นทหารและอัศวินน้ำแข็งยืนรออยู่เต็มไปหมด
"พวกนั้นเป็นทหารของ นิฟล์เฮม "
บริเวณรอบๆปลายเท้าของพวกมันนั้นเต็มไปด้วยอาวุธที่สนิมขึ้น

ฟิ้ว!
หากสำรวจไปมากกว่านี้อาจเป็นอันตรายได้
สภาพร่างกายของเขากำลังแย่ลง เมื่อน้ำแข็งก้อนเล็กๆเริ่มพัดมาพร้อมกับสายลมอันเหน็บหนาว
"ยังไงซะ เราก็สามารถเข้าใจสถานการณ์มากขึ้นแล้ว"
วีดหยุดการสำรวจ
เขาค้นพบถ้ำที่ขนาดใหญ่กว่าเดิมใกล้ๆเนินเขาที่ไวเวิร์นสามารถเข้ามาอยู่ได้
จนกว่าพวกเขาจะพิชิตหุบเขามรณะได้ สถานที่นี้จะเป็นที่อยู่ของพวกเขา
ความเย็นยะเยือกสามารถแช่แข็งได้กระทั่งเนื้อหนังของพวกเขา!
พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หิมะจะมาและพื้นดินที่แข็งขึ้นจะจำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขา
และที่สำคัญที่สุดมอนสเตอร์แข็งแกร่งขึ้นในยามกลางคืน ไวเวิร์นและปิงหลง ถูกจัดไว้ในหมู่มอนสเตอร์ ดังนั้นพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นในตอนกลางคืนเช่นเดียวกัน
แต่ในขณะที่ความหนาวเย็นไม่ได้มีผลกระทบกับปิงหลงที่ร่างกายทำจากน้ำแข็ง เหล่าไวเวิร์นกลับไม่สามารถต่อสู้ได้
วีดส่ายหัว
"มันไม่ใช่ภารกิจที่ง่ายเลย"
เขาคิดว่าพอจะรู้วิธีรับมือกับไอซ์โทรลหรือลาเมีย
โดยการใช้ปิงหลงและไวเวิร์น พวกมันสามารถล่าไอซ์โทรลได้ทีละนิด ทีละนิด
แต่ในเมื่อต้องหยุดในตอนกลางคืน มันก็เป็นการให้เวลาไอซ์โทรลน้ำพวกนั้นในการฟื้นฟู พวกมันจึงได้รวมตัวกันมาอีกครั้งเหมือนมดในวันต่อมา พวกมันมีค่าพลังชีวิตที่มหาศาล และอัตราเร็วในการผสมพันธุ์ก็ยอดเยี่ยมมากอีกด้วย
ดังนั้นในตอนกลางคืนปิงหลง และวีดเท่านั้นที่เป็นผู้ต่อสู้ในระหว่างที่ไวเวิร์น ซอยูนและอัลเวรอนพักอยู่ในถ้ำ ซอยูนมักจะล็อกเอาท์จากรอยัลโรดในตอนกลางคืนเพื่อพักผ่อน
เมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ว่าจะเป็นวีด อัลเวรอน หรือไวเวิร์นก็ไม่มีอะไรเหลือในถ้ำเลย
"อัลเวรอน"
"ครับ?"
"ดูแลกองไฟด้วย"
"ทราบแล้วครับ"
อัลเวรอนนำไม้ใส่เข้าไปในกองไฟให้พอลุกไหม้อยู่ตลอดเวลา
ไวเวิร์นขดตัวอยู่ใกล้ไฟและพับปีกของมันไว้
"หนาวเกินไปแล้ว"
"ข้านึกว่าจะถูกแช่แข็งตายระหว่างต่อสู้ตอนกลางวันซะอีก"
ไวเวิร์นพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์อันน่าสงสารและอบอุ่นร่างกายของตัวเองด้วยการเข้าไปอยู่ใกล้ๆกองไฟ
"คูรารา รารารา"
พวกเขาได้ยินเสียงคำรามของปิงหลงจากข้างนอกถ้ำเป็นครั้งคราว
'ปิงหลงต้านทานความหนาวได้ทั้งยังมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง เพราะงั้นมันน่าจะสบายดี'
วีดไม่ได้เป็นห่วงปิงหลงเลยแม้แต่น้อย
ในความเป็นจริงปิงหลง ค่อนข้างขี้อายและขี้ขลาด
ถึงแม้ว่ามันจะมีร่างกายใหญ่โตดูสง่าผ่าเผย ในความเป็นจริง มันมักจะหนีเพียงเพราะค่าพลังชีวิตลดลงมานิดนึงหรือเวลาที่มันสัมผัสได้ถึงอันตรายเพียงเล็กน้อย
และก็เพราะแบบนั้น มันจึงแทบไม่เคยต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
เมื่อพลังค่าชีวิตตกลงมาเพียง 20% ของพลังชีวิตเต็ม  ปิงหลงก็เคลื่อนไปหาอัลเวรอนและหลบอยู่อย่างนั้น

วีดวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบ
'ถ้าเรายังเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่สามารถบรรลุภารกิจได้'
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะลดจำนวนไอซ์โทรลน้ำแข็งในระหว่างวัน พวกมันกลับเพิ่มขึ้นอีกรอบในตอนกลางคืน
มีมอนสเตอร์อยู่มากมายในหุบเขา ถ้าพวกเขายังต้องกระเสือกกระสนเพียงเพราะไอซ์โทรลอย่างเดียวแล้ว มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำภารกิจสำเร็จลงได้

มันเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการล่าและยกระดับลูกทีมของเขา ทว่าเขาไม่สามารถอยู่แบบนี้ตลอดไปได้
'ยังไงก็ตาม เราต้องทำอะไรซักอย่างเกี่ยวกับความหนาวเย็นนี่ก่อน! ถ้าเราทำได้ บางทีเราอาจจะได้เข้าใกล้คำตอบมากยิ่งขึ้น'
ไอซ์โทรล ลาเมีย และมอนสเตอร์ตัวอื่นๆไม่สามารถแสดงพลังของมันได้เต็มที่เพราะความเหน็บหนาวนี่
วีดใช้หนังหมาป่าทั้งหมดทำเป็นผ้าและทานอาหารที่เหมาะสม
ปลาที่ผัดด้วยไวน์รสหวาน...แต่ความหนาวเย็นก็ยังรุนแรงเกินกว่าจะใช้อาหารเป็นตัวหลอกล่อไม่ให้คิดถึงความไม่สบายนี่
การเย็บและการทำอาหารมีข้อจำกัดของมัน
วีดจึงได้หยิบมีดแกะสลักของเขาออกมา

เล่มที่ 9 ตอนที่ 6 : จบ



**************************

<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: