วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 3 ตอนที่ 8 เหล่าแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ (True Blood Vampires)

เล่มที่ 3 ตอนที่ 8 เหล่าแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ (True Blood Vampires)


วีดได้กลับมานั่งข้าง อัลเวรอน อย่างสงบ NPC เองก็มีการฝึกเพื่อพัฒนาระดับสกิล และพฤติกรรมได้ไม่ต่างจากผู้เล่น
 ‘มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วนี่’
โดยทั่วไปเทเลพอร์ทเกทจะมีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่าง และเพราะว่าถ้ำนี้เป็นจุดเริ่ม พื้นที่จุดนี้จึงปลอดภัย ปราศจากมอนสเตอร์
อัลเวรอนได้ตื่นขึ้นและได้ติดตามวีดที่กำลังย่องเบาออกไปจากถ้ำ
 “ท่านจะไปที่ใดหรือ?”
“สืบข่าว รอข้าที่นี่เถอะ”
“ได้ ข้าจะรอท่านที่นี่”
อัลเวรอนกลับไปนั่งเหมือนเดิม
วีดออกจากถ้ำไปคนเดียว ด้วยรู้ว่าอัลเวอรอนปลอดภัยแน่นอนวีดได้เริ่มเดินห่างออกไปจากถ้ำ การเดินในที่แห่งนี้ไม่ต่างจากการเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ
 ‘มอนสเตอร์’
ห่างจากถ้ำออกมาได้ระยะหนึ่ง ปราสาทยักษ์สีดำ และหมู่บ้านหายไปจากสายตา มีบางอย่างที่วีดได้มองข้ามเมื่อตอนกลางวัน บนเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และหมู่บ้านนั่นปลอดภัย ไม่มีมอนสเตอร์
 ‘พวกสัตว์ประหลาดมีน้อยมาก แต่มันสมควรปรากฏตัวใกล้ ๆ กับริมน้ำ’
วีดเดินทางอย่างระมัดระวัง ลงไปตามหุบเขา ห่างออกไปกลางทุ่งมี กลุ่มของหมาป่าดำ
 ‘ยังไม่ใช่เวลาที่จะต่อสู้กับมัน’
ตอนนี้วีดได้หมอบคลานและเริ่มสำรวจรอบข้างอย่างเงียบ ๆ หลบอยู่ก้อนหินเป็นระยะ ๆ ในบางช่วง แต่ในที่สุดก็เดินทางกลับถึงหมู่บ้าน ที่ที่ครั้งนึงเคยมีร้านขายของกับเจ้าของผู้มีโอบอ้อมอารี บัดนี้ได้เป็นแค่บ้านพัง ๆ หมู่บ้านนี้ถูกถอดทิ้งร้าง และผุพัง
 ‘แล้วจะหาอุปกรณ์สนับสนุนยังไงกันล่ะเนี่ย’
มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่จะสร้างความแตกต่างได้อย่างมากในการมาที่โมรา อาหารและยาสมควรจะนำมาด้วยให้มากที่สุดและทิ้งไว้ ณ จุดเริ่มที่ปลอดภัย มันเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากที่จะมีเสบียงเกินมา แทนที่จะมีไม่เพียงพอแต่วีดก็ไม่สามารถจะเสี่ยงมากไปกว่านี้ในการที่จะค้นเมืองนี้เพื่อหาเสบียงตกค้าง
ความหนาวเย็นได้แทรกซึมเข้าสู่หนังของคุณ
ศักยภาพทางกายลดลง 14%

การใส่เกราะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ไฟเท่านั้นที่จะใช้ขับไล่ความหนาวเย็นได้ แต่เพราะไฟมากับควันไฟ มันจึงไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเพื่อจุดไฟ
วีดตัดสินใจที่จะใช้เวลาอีกพักนึงไปกับการสำรวจรอบ ๆ อย่างระมัดระวังเพราะความหนาวที่ทำให้ร่างกายของวีด อ่อนแอลง แวมไพร์หลายคู่ได้ผ่านไป กลุ่มแวมไพร์เลือดสายเลือดบริสุทธิ์
แต่ในที่สุด หลังจาก กลุ่มแวมไพร์ได้ผ่านไป ก็มีตัวนึงที่หลงมาเดี่ยว ๆ หน้าเซียว ๆ และมีผ้าคลุมสีดำห่อร่าง มีเพชรพลอยและแหวนบนมือ
“อำนวยพร” (Blessing)
วีดใช้แหวนที่ได้รับจากหัวหน้านักบวช เพื่อรับการอำนวยพรแก่ตัวเองอย่างเงียบ ๆ แสงได้ปกคลุมทั่วร่าง
ได้รับ การอำนวยพร จากหัวหน้านักบวช
ความสามารถทางกายเพิ่มขึ้นเป็นเวลา 20 นาที

วีดได้เปิดหน้าต่างตัวละครขึ้นเพื่อเช็ครายละเอียด ผลที่เกิดนั้นยอดเยี่ยมมากทั้ง ความแข็งแกร่ง,ความเร็ว, ความแข็งแรง,ความอดทน , และกำลังกาย ทุกค่าได้เพิ่มถึง 150% เลือดและมานาสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 30% ดังนั้นตอนนี้วีดจึงมี เลือดและมานามหาศาล 7002/6002
วีดได้ใช้แต้มที่มีพัฒนาความเร็วและความแข็งแกร่ง เขาแทบจะไม่ยุ่งกับค่า ความฉลาดและความแข็งแรงเลย วีดได้เพิ่มค่าสปิริต แทน ความแข็งแรง โดยตรงจากการเข้าต่อสู้ ซึ่งใช้แทนกันได้
 ‘สุดยอดไปเลย’
แต่ความสุดยอดนี้มันมีจำกัด เพียง 20 นาทีเท่านั้น
“ใช้ผ้าพันแผล!”
การเพิ่มค่าสูงสุดของเลือดและมานาไม่ได้ช่วยอะไร แต่เมื่อรวมกับสกิลพันแผลของวีด เลือดที่ได้เพิ่มมาก็มีประโยชน์
สกิลพันแผลของวีดได้เดินมาถึงขั้นกลางแล้ว การใช้ผ้าพันคุณภาพดี ๆ กับสกิลนี้ที่ระดับสูงสามารถเพิ่มเลือดได้อย่างรวดเร็ว
มานาของวีดได้เพิ่มเร็วขึ้น 10% จากแหวนทั้ง 7 ที่อยู่บนมือของวีด
แต่นี่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับวีด เขายังไม่พร้อม
 ‘ถึงเวลากินแล้ว’
วีดปิดตาลงจากนั้นก็กิน ราชาวิหคสวรรค์ (Royal Bird of the Day Dish) ซึ่งเป็นอาหารที่ประกอบขึ้นจากไข่ของชาววิหค

เลือดและมานาได้เพิ่มไปอีกอย่างละ 500 แต่เขาก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี วีดถือดาบขึ้นมาและใช้พลังของมัน
“อำนวยพรศักดิ์สิทธิ์”

บัฟที่มีแต่นักบวชศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ใช้ได้ สกิลที่สูงขึ้นไปอีกชั้น!
ร่างกายของวีดมีแสงอันอ่อนโยนปกคลุม ด้วยพลังของสกิลชั้นสูงนี้ พลังป้องกันของวีดเพิ่มขึ้นไปอีก 40% ขอบคุณพระเจ้า!
แต่ในขณะนั้นแวมไพร์ ก็ได้หายไปแล้ว แต่ในที่ซ่อนระหว่างกำแพงบ้านของวีด มันกำลังเดินเข้ามา
 “อา นี่เองต้นเหตุความรู้สึกแย่ ๆ ที่ข้ารู้สึกได้”
จากคำพูดของแวมไพร์ ทำให้รู้ได้ว่ามันถูกดึงดูดมาโดย “พรศักดิ์สิทธิ์”

“ดาบประติมากร!”
วีดตอบสนองต่อแวมไพร์ที่เข้ามาใกล้โดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาวิ่งออกมาจากบ้านและใช้สกิลทันที
“เจ้าเป็นมนุษย์!”
แวมไพร์ตนนั้นป้องกันดาบของวีดด้วยแขนของแวมไพร์ที่แข็งแกร่ง แต่ดาบประติมากร ได้สร้างความเสียหายอย่างน่ากลัวเจาะการป้องกันของศัตรู
ไม่สนใจว่าศัตรูจะอยู่ระดับไหน เป็นแค่กระต่ายหรืออะไรตัวอะไรก็ช่าง มันไม่ได้แตกต่างสำหรับดาบประติมากร ความเสียหายที่ทำได้ ก็เหมือนกันต่อให้เป็นแวมไพร์ที่มีพลังป้องกันเหนือชั้นก็ตามที
“ย๊ากสสส์!”
เลือดของมันได้ลดลงจากการถูกโจมตี แต่ว่ามันก็ไม่ขยับตัวแม้จะโดนการโจมตีระดับนั้นไปก็ตามมันยืนอยู่ราวกับว่านั่นเป็นแค่ยุงกัดสำหรับมัน
 “ข้าจะดูดเลือดแกไอ้มนุษย์”
มันได้ยื่นแขนออกมาหาวีด และวีดก็ถูกจับง่าย ๆ จากการโจมตีที่ไม่ได้ใช้ลูกเล่นอะไร และคอของวีดก็ถูกแทงทะลุ 2 รู
มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพิสมัย วีดได้จับยึดร่างท่อนบนของแวมไพร์เอาไว้ จากการที่เขาเคลื่อนตัวต่ำลงและหมุนตัวไปด้านข้าง เขาได้ติดอยู่บนหิมะที่ปกคลุมพื้นกับมัน
 ‘ความเสียหายมากกว่าที่คาด แต่ไม่เป็นไร จากนี้ไปมันจะโจมตีเราได้แค่ยุงกัดเท่านั้น’
มันก็เหมือนกับการที่ต่อสู้กับเดธไนท์แล้วไม่เหมือนกับการต่อสู้กับสิ่งอื่น จุดประสงค์ที่มีตอนนี้ก็คือเพิ่มประสบการณ์ในการต่อสู้กับแวมไพร์ ที่สกิล และ ค่าสถานะไม่ได้ช่วยให้วีดรู้ว่าจะสู้แบบไหน
วีดปิดหน้าต่างค่าสถานะลง สำรวจศัตรูด้วยตา รับรู้สภาพร่างกายด้วยความรู้สึกของตน และเพิ่งสมาธิไปที่ศัตรูของเขา
มันเป็นอะไรที่ง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับตอนที่เล่น Continent of Magic ไม่จำเป็นต้องรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับเกม ไม่มีแม้แต่แผนที่ให้จดจำ พอเจอกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง ก็สู้กับมันเพื่อปลดปล่อยความกดดัน
มันเป็นความสุขที่ได้เสาะหาและพบศัตรูที่เก่งขึ้นไปอีก เขาไม่ได้ต้องการคำแนะนำจากใคร ก็แค่วิ่งชนกับมันและหาทางรอดด้วยตัวเอง
ข้ามผ่านความผิดหวัง เรียนรู้จากความผิดพลาด ข้ามผ่านความตายนับไม่ถ้วนเมื่อเทียบกับผู้อื่น

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น วีดก็ยังเป็นที่สุดที่จะเป็นได้ ท้าทายอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อที่จะสร้างหนทางของตัวเอง เดินไปบนเส้นทางที่ไม่มีผู้ใดกล้าเหยียบย่าง ความยินดีที่ได้ต่อสู้นั้นเทียบไม่ได้เลยกับเมื่อก่อน แทนที่จะเป็นแค่การคลิกเมาส์และคีย์บอร์ด การต่อสู้จริง แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาได้รับแรงกดดันจากอาชีพประติมากร
เมื่อสกิลมากขึ้น ระดับสูงขึ้น สิ่งที่ต้องเสียเมื่อความตายย่างกรายมาก็มากขึ้น ความหวาดกลัวที่จะต้องเสีย ระดับ และความชำนาญของสกิลที่จะลดลง
เมื่อคุณต่อสู้กับมอนสเตอร์ ความคิดเหล่านี้จะเป็นแรงกดดัน แม้จะไม่ได้มากหากไม่ได้อยู่ในการต่อสู้ แต่การต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง ทำให้เควสสิ้นสูญ ความสนุกจากเกมนี่คือ อาชีพที่เขายินดีที่จะได้ทำจากใจจริง
“อว่ากก!”
ใบหน้าของแวมไพร์ตัวนั้นเริ่มบิดเบี้ยว และมันก็เริ่มการโจมตีอันรุนแรงและรวดเร็ว
“7 ย่างก้าวแห่งสรวงสวรรค์!”
วีดใช้สกิลของเขา อย่างได้จังหวะเป็นธรรมชาติในเวลาที่ควร
“ไม่มีอะไรช่วยให้แกหนีไปได้หรอก”
วีดใช้เพลงดาบประติมากรรอบกายแวมไพร์
“อัญเชิญ ค้างคาว!”


แวมไพร์ไม่ได้หลบการโจมตีของวีด มันเปิดอ้าแขนออก และค้างคาวดำจำนวนมากก็ปรากฏออกมา
“ฆ่ามัน!!”
ค้างคาวที่อัญเชิญมา กระพือปีกและบินตรงออกไปเกาะที่วีดเพื่อ ดูดเลือดออกมา
นี่คือพลังของมอนสเตอร์ชั้นสูง แวมไพร์ มันใช้เวทมนตร์ได้
“ป้องกัน. เพิ่มพลังโจมตี. รักษาตัว”
แวมไพร์บาดเจ็บได้เพิ่มพลังในการฟื้นฟูของมันเพื่อเพิ่มเลือด การโจมตีแวมไพร์หลังจากมันรักษาตัวเองก็สูญเปล่า แผลที่แขนของมันหายไปแล้ว
“ไอ้เลวเอ๊ย”
วีดใช้ดาบโจมตีค้างคาว แต่เหล่าค้างคาวดูดเลือดเหล่านั้น ทำให้วีด ต้องปักหลักรับมือ
เฟี้ยว!  แวมไพร์ที่อัญเชิญค้างคาวมา ได้วิ่งเข้ามาหาวีดด้วยความเร็วที่ไม่อาจตอบโต้ เป็นสกิลที่ใช้มานาจำนวนมาก มันจึงใช้ไม่ได้นานนักในการต่อสู้
เมื่อมานาหมด วีดไม่สามารถใช้เพิ่มพลังให้ดาบได้ ก็ไม่อาจโจมตีแวมไพร์ได้อย่างหนักหน่วง แต่โชคดีที่เวทรักษาไม่ได้เรียกคืนทุกอย่าง แวมไพร์เองก็ไม่มีมานาพอเหลือที่จะเพิ่มพลังชีวิตตนเองอีกแล้วเช่นกัน
 ‘รอดแน่ มันมาน่าหมดแล้ว’
แวมไพร์เริ่มมีเลือดหลั่งไหล
หน้าซีด ๆ ของแวมไพร์ตอนนี้ได้ขาวไปยิ่งกว่าเดิมจาก ความเหนื่อยล้ามันเริ่มเคลื่อนตัวช้าลง
แต่จังหวะนั้น ข้อความก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าวีด
- ผลที่ได้จากการอำนวยพรหมดเวลาแล้ว
พลังได้จางหายไปอย่างรวดเร็ว ดาบในมือหนักกว่าเดิม การเคลื่อนไหวของวีดเริ่มติดขัด
- ผลของการอำนวยพรศักดิ์สิทธิ์ได้หมดลง
- คุณเป็นหวัด พลังทางกายทุกอย่างลดลง 20%  สกิล แสดงผลน้อยลง 30% อาการไข้ สามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อื่นได้
การป้องกันของวีดลดต่ำลงเพราะพวกค้างคาวดูดเลือด ทำให้กำลังของวีดสูญเสียไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อเลือดไหลออกมามากขึ้น พลังชีวิตดิ่งลงเหว ความว่องไวในการเคลื่อนตัวก็ลดลง
 “เจ้ามนุษย์”
ในที่สุดแวมไพร์ตนนั้นจับวีดได้ พลังชีวิตของมันตอนนี้ต่ำกว่า 10%
มันพยายามจะดูดเลือดด้วยการพุ่งหัวเข้าไปอย่างว่องไว ตอนนั้นวีดได้ร้องออกมาว่า
 “ไม่จบแค่นี้หรอก!”
แวมไพร์ตนนั้นหัวเราะไม่หยุดเมื่อมองไปที่วีด สภาพของมันถึงจะเกือบไม่รอด มานาก็หมดไม่เหลือ แต่วีดตอนนี้สภาพแย่กว่ามันมากนัก เขาไม่สามารถหยุดอาการเลือดไหลไม่หยุดจากแผลของตัวเองได้
และวีดก็หลับตาลง
เสียชีวิต!
วีดถูกทำให้ล็อกเอาท์ออกมา ลี ฮุนออกมาจากแคปซูล พร้อมกับกำหมัดแน่นจนมือทั้งสองข้างสั่นไหว
เขาได้มีประสบการณ์ในการต่อสู้กับแวมไพร์และรับรู้แล้วว่ามอนสเตอร์ระดับ 270 เป็นยังไง มันแข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก
เขามีดาบชั้นยอดได้รับอำนวยพร และ พรศักดิ์สิทธิ์ อุปกรณ์สวมใส่ก็ดีกว่าของถูก ๆ ที่ได้รับมาจากเดธไนท์
นั่นแสดงให้เห็นพลังอันเต็มเปี่ยมของมอนสเตอร์ระดับสูง

แต่เขาไม่ได้รู้สึกเลยซักนิดว่ามันเป็นมอนสเตอร์ที่ปราบไม่ได้
ลี ฮุนชูหมัดขึ้นพร้อมตะโกนว่า
“เหล่าแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ พวกแกต้องตายทุกตัว!”

*************
เพล เซอร์กะ โรมูเนะและไอรีน สอนเหล่าผู้ปกครองของตัวเองเกี่ยวกับเกมในป้อมปราการแห่งเซราบอร์ก เมื่อสบจังหวะเหล่าผู้ปกครองทั้งหลายถูกปล่อยให้ทำดันเจี้ยนเควสให้สำเร็จด้วยตนเอง แล้วก็ทำการติดต่อวีด
 “เฮ้ วีด คนที่คุณพูดถึงน่ะต่อเข้าเกมมาแล้ว เราควรจะไปเยี่ยมแล้วก็สวัสดีหรือเปล่า?”
“ได้สิ ตอนนี้ผมยังไปช่วยพวกเขาไม่ได้ ถ้าพวกคุณยื่นมือช่วยพวกเขานั่นก็จะเรื่องที่ดีมากเลยครับ”
“นั่นสินะ พวกเขาเป็นเพื่อน และคนรู้จักของวีดนี่นา”
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก พวกเขาทุกคนยังคงแกว่งดาบไม้ในศูนย์ฝึกกันอยู่เลย แม้จะเป็นสัปดาห์ที่สองแล้วก็ตาม”
เพล กับเซอร์กะ ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อพวกเขาระลึกได้ถึงความแข็งแกร่งอย่างน่ามหัศจรรย์ ยามที่วีด พุ่งเข้าไปต่อสู้ มอนสเตอร์นับพัน
แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ประติมากร ที่ไม่ได้พลังเสริมความเป็นนักดาบมากมาย แต่พวกเซอร์กะ ก็ได้แต่ตกตะลึง แทบจะไม่เชื่อเลยว่าเขาสู้มอนสเตอร์ทั้งหลาย ด้วยฝีมือการใช้ดาบต่อสู้อย่างเก่งฉกาจ
นั่นคือความคาดหวังที่มีต่อคนรู้จักของวีด
“ไม่นานมานี้พวกเรายังเป็นแค่ ผู้เล่นเริ่มต้น แต่ตอนนี้พวกเรา เข้าใจเกมนี้เป็นอย่างดี”
“นั่นก็เป็นเพราะวีดน่ะ สุดยอดที่สุดไงล่ะ”
เมื่อพวกเซอร์กะไปถึงศูนย์ฝึก ที่นั่นก็มีผู้คนชุมนุมอยู่มากมาย
 “ที่นี่มีอะไรเหรอครับ คนถึงมากันมากมายขนาดนี้?”
“มองไปที่นั่นแล้วก็ ตกตะลึงซะ”
เพลและผองเพื่อน มองไปตามทางที่ถูกชี้และก็ได้พบกลุ่มคนกว่า 500 คน ที่ยืนและเหวี่ยงดาบไม้ไปยังหุ่นฝึก
“หนึ่ง สอง สาม!”
พวกเขากำลังแผดเสียงนับ
คนกว่า 500 กำลังฟาดฟันกันอย่างพร้อมเพรียงด้วยจังหวะที่แม่นยำเที่ยงตรง เวลาที่พร้อมเพรียง ร่างกายของแต่ละคนขยับด้วยอัตราเดียวกัน เคลื่อนไหวพร้อม ๆ กัน
แต่เมื่อมองไปในดวงตาของพวกเขานั่นกลับเป็นที่ทำให้เพลตกตะลึงมากที่สุด
‘แรงกดดันอะไรขนาดนี้’
เพลรู้สึกได้ถึงบางสิ่งในแววตาของพวกเขามันส่งแรงกดดันอย่างหนักตรงเข้าสู่ใจของเพล
บรรยากาศอันน่าสะพรึงนี้เหมือนจะเพิ่มพลังสะพรึงเข้าไปอีก 1-2 เท่าเมื่อมันมาจากคน 500 คนพร้อม ๆ กันจากทั่วทั้งห้อง
 ‘ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมคนจำนวนมากถึงมารวมตัวกันที่นี่’
มันเหมือนกับจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ศูนย์ฝึก
 “หืม อะไรน่ะ?”
เขารู้สึกราวกับว่าน้ำตามันกำลังจะระเบิดออกมา จากความอึดอัดกังวลใจนี้ ดูไปแล้วเหล่าคนรู้จักของวีดมีคนที่ดูน่ากลัวกลุ่มนึงปะปนรวมมาด้วย
 “ไม่เป็นไร ระดับยังไม่สูงพอแต่เราไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นพวกเราสู้ต่อไป อย่าท้อเด็ดขาด”
ในที่สุดเพลก็รวบรวบขวัญกำลังใจได้มากพอจะกล่าวออกไปหนึ่งประโยค
“มีใครที่นี่รู้จักวีดไหมครับ?”
เมื่อเขากล่าวจบ ชาย 500 คนก็หันมองมาที่เขา
ตึกตัก!
ใจของเพลเริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่งด้วยความหวาดกลัวแต่ เพียงชั่วครู่เท่านั้น ชายเหล่านั้นก็กลับไปหวดฟาดหุ่นฝึกต่อด้วยดาบไม้ในมือ
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่แต่ว่า ผมจะทำทุกอย่างที่สามารถช่วยได้ พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยดังนั้น ไม่ต้องกังวล บอกมาได้เลยครับ”
ฟั่บ
ดาบไม้ทั้งหลายหยุดเว้นจากหุ่นไล่กาและในเวลาเดียวกัน 500 คนก็พุ่งตรงมาที่พวกเพลล้มลงในท่าคุกเข่าและร่ำไห้ออกมมา
 “ดะ ได้โปรดเราต้องการ ขนมปังบาร์เล่”
“กรุณาให้ข้าวแก่พวกเราด้วยเถอด”
*************
หลังจากหนึ่งวันในชีวิตจริงได้ผ่านไป วีดก็กลับเข้ามาอีกครั้งที่ เทเลพอร์ตเกท
‘ค่าความชำนาญ.. ตกลงไปอยู่บ้าง’
สกิลต่าง ๆ ได้ตกลงอยู่ระหว่าง 5-7%
ความชำนาญในการแกะสลัก ลดลงไป 7% สกิลทำอาหารตกลงไป 6% สกิลอื่น ๆ เช่นชำนาญมือเปล่า ชำนาญดาบ และซ่อมของ ลดลง 5%
โชคดีที่ไอเทมที่เสียไปตอนตายมีแค่อาวุธ ราคา หนึ่งเหรียญทอง ไม่กี่ชิ้น
 ‘เรายังไม่พร้อมสำหรับแวมพ์เลือดบริสุทธิ์’
.
วีดเริ่มทำการซ่อมอุปกรณ์ที่เสียหายอีกครั้ง
“ซ่อมแซม”
หลังจากซ่อมของทุกชิ้นที่ซ่อมได้ในช่องเก็บของวีดก็มาจุดหมายที่เขาต้องการ
- สกิลซ่อมแซมได้พัฒนามาถึง level 10 และเปลี่ยนไปเป็นสกิล ซ่อมแซม ระดับ กลาง ความสามารถในการซ่อมเพิ่มขึ้นตามสกิลเลเวล ตอนนี้สามารถซ่อมแซมค่าความทนทานให้กลับไปเป็นค่าสูงสุดได้พร้อมซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ สามารถเรียนสกิล ช่างเหล็ก(Blacksmith)ได้
 “ในที่สุด”
วีดซ่อมอุปกรณ์ของเขาทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ค่าความทนทานได้ลดลงจนเป็นต่ำสุด และเขาก็ไม่สามารถจะหาอุปกรณ์อื่นได้(เพราะมันเสียเงิน)
ผ้าขี้ริ้วที่ใช้คลุมก็ดูเป็นประกาย เกราะอันบุบเบี้ยว ก็กลับมาสมดุล รอยแตกและสนิมเขรอะ ๆ ก็กลายเป็นเหล็กดำ
“อ่าได้เวลาเริ่มแล้ว”
เมื่อวีดกำลังจะออกจากถ้ำ อัลเวรอนก็ตามเขามา
“เราจะช่วยต่อสู้กับพวกแวมไพร์”
 “ไม่ใช่ตอนนี้ เรายังต้องเตรียมการอีกขึ้นหนึ่ง”
“เข้าใจแล้วท่านวีด”
*************

วีดออกไปสำรวจเขต โมราโดยลำพัง ตรวจสอบพื้นที่ที่เขาคิดว่ามีมอนสเตอร์ซ่อนอยู่
วีดได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นมากจากการสำรวจของเขา มันมีมอนสเตอร์จำนวนมากในเขตโมรา ด้านตรงข้ามของหมู่บ้านและปราสาทยักษ์สีดำนั่นมีฝูงหมาป่าดำจำนวนมาก มันมีระดับอยู่ที่ 170 แต่หมาป่าจำนวนหนึ่งกลับเร่ร่อนเพียงลำพังแทนที่จะอยู่ในฝูง ในกรณีที่แย่ที่สุด มันมีหมาป่านับร้อยโผล่มาในคราวเดียว
ถึงจะเสี่ยงอันตรายไปบ้างแต่วีดก็เรียกค่าประสบการณ์ที่เสียไปกลับมาจากการกวาดล้างฝูงหมาป่าดำ ด้วยพลังของการอำนวยพรจากดาบและแหวนของหัวหน้านักบวช ระดับของวีดกลับมาแตะที่ 182
 “นี่เป็นสนามล่าชั้นเยี่ยมเลย”
การออกล่าปกติแล้วจะทำที่พื้นที่รอบเมืองหรือหมู่บ้านใกล้เคียง เพราะว่ามอนสเตอร์จะกระจายกันออกไป เป็นสภาพที่เอื้อต่อการช่วยเหลือสมาชิกปาตี้ แต่วีดกลับเร่ร่อนเพียงลำพังออกล่ากับมอนสเตอร์จำนวนอย่างโดดเดี่ยว
หลังจากวิเคราะห์สภาพโดยรอบกับมอนสเตอร์แล้ววีดก็กลับไปหาอัลเวรอน
“รักษาข้าที”
“ได้”
เมื่อวีดอาบไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ บาดแผลทั้งหมดก็ถูกรักษาไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าพันแผลอีกต่อไป
อัลเวรอนช่างยอดเยี่ยม สมความคาดหมาย ผู้ได้รับตำแหน่งโป๊ปคนต่อไปที่มีระดับถึง 320 แต่ว่า NPC ระดับนี้ปล่อยให้ตายไม่ได้เด็ดขาด
การตายของอัลเวรอนหมายถึงการสิ้นสุดของทุกสิ่ง ถ้าผู้ได้รับตำแหน่งโป๊ปคนต่อไปตายระหว่างเควส เควสนี้นอกจากจะล้มเหลวแล้วความสัมพันธ์กับวิหารแห่งเฟรย่า ก็คงจะตกลงจนกู้ไม่ได้ อัลเวรอนก็เหมือนของสารพัดประโยชน์ที่ไม่ได้พาตามตัวไปได้แบบไม่ได้คิดอะไร แต่ว่า...
“ใช้เวทป้องกัน”
“พลังมุ่งร้ายที่มุ่งทำลายชายผู้นี้จงอ่อนแรงลง อำนวยพรศักดิ์สิทธิ์”
“เพิ่มความแข็งแกร่งให้ข้าด้วย”
“โปรเป็นพลังให้แก่ชายผู้ต่อกรกับความชั่วร้ายเลวทราม อวยพร!”
อัลเวรอนเป็น NPC ที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่วีดเคยพบเจอ ไม่เพียงแต่มีระดับสูง นิสัยใจคอก็ดีมาก
มันจะเป็นประโยชน์จริงหรือ หากผู้เล่นเข้าไปคุยกับ NPC เพื่อทำเควส แค่การกระทำนี้โดยตัวมันเองก็เป็นปัญหาจนชวนปวดหัวแล้วเพราะ ไอ้คนฉลาดนั่นมันหลอกได้กระทั่งผู้เล่น
(TL:note วีดมันแค้นฝังหุ่นจากท่าน ดยุค ที่หลอกวีดไปลุยกับแมลง 100 ตัวเพื่อเปลี่ยนอาชีพเป็นอาชีพต้องสาปที่โหยหาผู้คนมาเรียน ประติมากรแสงจันทร์ นั่นเอง)
แต่อัลเวรอนทำหน้าที่ของตนอย่างดี ไม่มีการต่อต้าน มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมสุด ๆ NPC ที่ใสซื่อไร้เดียงสา
วีดพาอัลเวรอนไป ๆ มา ในโมราเพื่อออกล่า นี่เป็นจุดประสงค์หลักสำหรับการพาอัลเวรอนออกมา
-คุณเลื่อนระดับแล้ว
มอนสเตอร์จำนวนมากถูกสังหารโหด ด้วยความช่วยเหลือจากอัลเวรอน วีด แตะระดับ 200 อย่างว่องไว
‘ทำได้แล้ว’
ในเส้นทางราชันย์ ระดับ 200 เป็นเหมือนจุดเช็คพ้อย เกมได้เปิดมามากกว่า  1 ปี 4 เดือนแล้วแต่ระดับของผู้เล่นส่วนใหญ่อยู่แค่เพียง 100 เท่านั้น กลุ่มพ่อค้าและผู้ผลิตจะมีระดับใกล้ ๆ ค่าเฉลี่ย แต่พวกที่มีระดับต่ำกว่า 100 จะถูกพิจารณาว่าเป็น มือใหม่
ในเส้นทางราชันที่มีจำนวนบัญชีผู้ใช้ระดับเลเวลต่ำ จำนวนมาก ต้องขอบคุณการทะลักเข้ามาของผู้คนทั่วโลก แต่ละหมู่บ้านจะเต็มไปด้วย มือใหม่ นักผจญภัยที่ฝันใฝ่ว่าจะได้ออกไปมองโลกกว้าง
ระดับ 130+ จะได้รับการยอมรับในระดับหนึ่ง ที่จุดนี้คนจำนวนมากจะเริ่มมองหากิลด์ ออกเที่ยวชมเมืองและ หมู่บ้านต่าง ๆ เหล่านักดนตรี คีตกวีและคลาสใกล้เคียงจะเริ่มออกพเนจรเมื่อระดับ 50+ แต่คลาสอาชีพอื่น ๆ เกือบทั้งหมดจะอยู่ในพื้นที่ออกล่าเพื่อเพิ่มระดับของตัวเอง
ระดับ 150+ จะเริ่มมีชื่อลือเลื่อง
และเหล่าคนที่ระดับเกิน 200+ จะเป็นระดับที่เหนือชั้นขึ้นไปอีก การเปลี่ยนอาชีพขั้นที่ 2
สายอาชีพอย่างอัศวิน นักธนู สามารถเปลี่ยนคลาส ได้ตามแต่ใจตน นั่นรวมไปถึงอาชีพอย่างวิซาร์ด คลีริค วอริเออร์ โจร และพ่อค้า สำหรับการเปลี่ยนคลาสด้วยเช่นกัน
สกิลใหม่ที่พร้อมให้จับจอง ขอบเขตของสกิลที่เรียนรู้ได้ก็เพิ่มขึ้นมากสกิลต่าง ๆ ก็พัฒนาไปโดยอัติโนมัติดังนั้นแล้วระดับ 200 จึงถูกเรียกว่า จุดเช็คพ้อย
ในเส้นทางแห่งราชันย์ นี้ จำนวนผู้เล่นที่ไปถึงระดับ 200 ได้นั้นมีไม่ถึง 20%
ด้วยความแข็งแกร่งที่เหมือนกับจะหลอกลวงชาวบ้าน และยังเป็นอาชีพสายผลิต มันเป็นการยากจะที่ตัดสินเปรียบเทียบกับคนอื่น วีดยังคงสงสัยว่าอาชีพที่ล่อลวงเขามาเปลี่ยนนี้มัน จะมีระดับ 2 ให้เขารึเปล่า
หลังจากวีดเลื่อนระดับแล้วตอนนี้ อุปกรณ์ทั้งหมดของวีดถูกเปลี่ยน หมวกของวีดตอนนี้คือหมวกต้านเวทของแวน ฮอว์ค  และที่มือก็สวมใส่ Rose Engraved Gloves ส่วนเกราะนั้น วีดได้แต่งชุดของเดธไนท์แล้ว เขาใส่ชุดของอัศวินสีดำกับถุงมือสีขาว
มันไม่ใช่อะไรที่เรียกได้ว่าดูดีแต่ก็นั่นแหละ ค่าสถานะสำคัญกว่าวีดมากกว่าสายตาชาวบ้านอยู่แล้ว
“อัลเวรอน ตามข้ามาช้า ๆ นะ”
“ได้”
วีดกับอัลเวรอนมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านหน้าปราสาทยักษ์สีดำ แวมไพร์ทั้งหลายต่างก็ซุ่มซ่อนอยู่บริเวณนั้นเป็นการง่ายที่จะพบเจอ เหล่าแวมพ์ กว่า 300 ตัวท่องไปทั่วเสาะหาเลือด มันพบเจอได้ไม่ยากเลย

วีดรอให้มีแวมไพร์เดินหลงออกจากกลุ่ม และในจังหวะนั้นเองวีดก็ปรากฏตัวพร้อมเริ่มจู่โจม
 “ดาบประติมากร!”
อย่างไม่น่าเชื่อแวมไพร์ตนนั้นป้องกันดาบที่พร่ามัวไปด้วยแสงได้ด้วยท่อนแขนของมัน จากนั้นมันก็แยกเขี้ยวขู่คำรามไปทางวีด พร้อมกล่าวว่า
 “แก.. อีกแล้ว?”
มันเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเชื่อแต่นี่คือแวมไพร์ที่ฆ่าวีดไปรอบที่แล้ว คนเดิมที่เดิม และวีดที่ลอบโจมตีเหมือนเดิม
 “นี่มันเยี่ยมไปเลย”
วีดเริ่มโจมตีด้วยดาบประติมากร กวัดแกว่งดาบที่สาดแสงไปทั่วร่างของแวมไพร์
“ข้าขอเดาว่าวิญญาณของแกคงยังไม่ตาย แกเลยกลับมาได้สินะ อว่ากก”
มันเริ่มโจมตีกลับพร้อมกับฮีลตัวเองไปด้วย วีดยังคงต่อสู้อย่างยาวนาน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะต้องสร้างความเสียหายที่มากขนาด สังหารแวมไพร์ได้หลายตนเลยทีเดียว(ถ้ามันไม่ฮีล) สกิลของแวมไพร์ใช้มานาจำนวนมากแต่มันมีระดับถึง 270!
ลักษณะพิเศษของเผ่าพันธุ์ แวมไพร์นั้นคือมนต์ดำ การแปลงร่าง และเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม พวกมันยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่มีพลังชีวิตสูง มอนสเตอร์ทั่วไปที่ระดับเท่ากันหากนำมาเปรียบเทียบก็จะทำให้พวกมันดูจืดจางไปเลยด้วยซ้ำ
และเหล่าแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ก็ยังแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น สุดท้ายแล้ว การอำนวยพรที่เขาได้รับก็หมดลง มานาของเขาก็ไม่เหลือหลอ เขาหัวเราะออกมารู้ว่าแวมไพร์ตนนั้นก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่
 “คราวนี้ข้าก็จะฆ่าแกอีกครั้ง! ไอ้โง่!”
วีดวิ่งไปตามกำแพงพร้อมตะโกนออกมา
“รักษา เวทป้องกัน บัฟด้วย”
“ได้ตามประสงค์ท่านวีด”

อัลเวรอนออกมาจากที่ซ่อนรักษาวีดและแจกบัฟต่าง ๆ ให้ ตอนนี้สถานการณ์กลับกันแล้ว
วีดยิ้มให้เจ้าแวมไพร์ตนนั้นที่ยังทำหน้างงอยู่ตรงหน้า เขาไม่ได้ลืมว่ามันคือมอนสเตอร์ที่ฆ่าเขามาแล้วครั้งหนึ่ง
“คราวหน้า ข้าจะฆ่าแก้ให้ได้ ! เมฆหมอกพรางตา!”
แวมพ์ใช้สกิลที่เปลี่ยนตัวเองเป็นหมอกเพื่อหนีทันทีที่มันตระหนักว่ากำลังเสียเปรียบอย่างหนัก
มันเป็นสกิลเฉพาะเผ่าแวมไพร์เท่านั้นที่จะเปลี่ยนร่างกายเป็นหมอกควัน และหมอกเหล่านี้ก็จะกระจายไปทั่ว ไม่ใช่กองรวมกันที่เดียว
กลุ่มควันเริ่มขยับราวกับจะหลบหนี
แต่วีดก็ไม่พลาดที่จะลงดาบสุดท้าย
“ดาบประติมากร”
ด้วยดาบนี้วีดสามารถโจมตีไปที่วิญญาณมอนสเตอร์โดยตรง
“อ๊ากก!”
แวมไพร์ที่เปลี่ยนร่างเป็นหมอกได้รับการต้อนรับจากดาบประติมากร ด้วยความช่วยเหลือของอัลเวรอน วีด จึงได้เสพรับรสชาติอันหอมหวานจากการแก้แค้น

***********

นับจากวันนั้นวีดเริ่มออกล่าในเขตภูเขาและท้องทุ่งยามกลางคืน กลับสู่หมู่ยามกลางวัน เมื่อยามค่ำคืนมาถึง สกิลติดตัวของประติมากรแห่งแสงจันทร์ที่จะทำให้ค่าสถานะเพิ่มไปอีก 30% สกิลโจมตีทั้งหมดและสถานะทางศิลป์ ก็มีพลังเพิ่มขึ้น
สำหรับคนทั่วไปการออกล่าเป็นงานที่หนักหนา แต่ว่ามันยังจะมีความอื่นใดได้อีกเล่า! วีดแข็งแกร่งขึ้น แต่ยามค่ำคืนเหล่ามอนสเตอร์เองก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน อาจจะมีพลังเพิ่มขึ้นกว่า 50% ด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นก็ทำให้อัตราดรอปและค่าประสบการณ์ที่ได้รับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เหล่ามอนสเตอร์บ้างก็อยู่เป็นกลุ่ม เช่นฝูงหมาป่า แต่บางตัวก็อยู่โดดเดี่ยวบ่อยครั้ง ดังนั้นวีดจึงล่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากขึ้นได้อีก ในตอนนี้วีดเพิ่มระดับได้อย่างสบายเพราะมีอัลเวรอน การฆ่าแวมไพร์ยามค่ำคืน ก็ทำได้ถึงแม้มันจะทรงพลังมากขึ้นตอนกลางคืนก็ตาม
วีดใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากว่าไม่มีใครรับประกันได้ว่าที่นี่ปลอดภัย
“จงมาเดธไนท์, แวน ฮอว์ค!”
อัศวินแห่งความตายแวน ฮอว์ค ถูกเรียกให้มาร่วมต่อสู้
วีดได้สังหารมันหลายร้อยครั้ง อย่างง่ายดาย ตอนนี้มันตกอยู่ใต้คำสั่งของวีดแล้ว นี่เป็นการเพิ่มความสนิทระหว่างเดธไนท์กับวีด
มันเป็นการได้เปรียบข้างเดียวชัด ๆ  วีดไม่ชื่นชอบ ในขณะที่วีดต่อสู้กับแวมไพร์และหมาป่าดำ แวน ฮอว์คกลับเพิ่มระดับอย่างเงียบ ๆ ด้วยการดูด...
 “มาสเตอร์ ข้าเลื่อนระดับแล้ว”
ในบางครั้งแวน ฮอว์คก็รายงานข่าวให้วีดฟังด้วยความสุภาพ ลูกน้องของวีดได้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เขาเติบโตจากการล่า
“เออ”
วีดส่งสายตาแสดงความไม่พอใจไปยังแวน ฮอว์ค
ถ้าเดธไนท์เป็นคนฆ่ามันก็ได้ค่าประสบการณ์ทั้งหมด แต่ถ้าวีดฆ่า มันจะดูดไป 20% เสมอมันเป็นเสมือนข้อตกลงในการซัมมอน และมันจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าสัญญานี้จะสิ้นสุดลง
 ‘ไอ้ตัวดูด’
แต่วีดเองก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันมีส่วนช่วยอย่างมากในการต่อสู้ เพราะแวนฮอว์คการล่าแวมไพร์จึงง่ายขึ้นมาก การมีคนอีกคนสร้างความแตกต่างอย่างมากในสนามต่อสู้ สร้างความเสียหายได้ 2 เท่าและมีเกราะ 2 ชิ้น
วีดปลอดภัยมากขึ้น เพราะเขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอีกต่อไปเมื่อมีเดธไนท์เข้าชน มันใช้เวลาแค่ครึ่งเท่านั้นในการล่าแวมไพร์ในขณะที่วีดรับความเสียหายลดลงเหลือแค่ ¼ เท่านั้น
แวมไพร์ในเมืองมีจำนวนประมาณ 300 เท่านั้น แต่กลุ่มแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์มีจำนวน 1000 ที่เหลือทั้งหมดอยู่ในปราสาทยักษ์สีดำนั่น
วีดจัดการเหล่าแวมไพร์เรียงตัว ตอนนี้จัดการไปได้ 49 ตัวแล้ว
ระดับของพวกแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่เกิดใหม่อยู่ที่ประมาณ 250
-ความชำนาญการใช้ดาบได้มาถึงระดับ 10 พัฒนาเป็น ความชำนาญการใช้ดาบขั้นกลาง ความเสียหายจากดาบเพิ่มขึ้นอีก 50% และทุก ๆ ระดับของ ความชำนาญการใช้ดาบขั้นกลางนี้ จะเพิ่มความเสียหายอีกระดับละ 7% สกิลโจมตีใช้มานาลดลงกึ่งนึง ได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้น 2

เรื่องเศร้าของประติมากร! เพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีอาวุธเฉพาะเจาะจง สถานะที่ได้จากความชำนาญการใช้ดาบขั้นกลางจึงน้อยนัก แต่ถึงกระนั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นประติมากรวีดก็ได้พัฒนา ความชำนาญการใช้ดาบไปจนเป็นขั้นกลางได้ นี่เป็นผลลัพธ์จากหยาดน้ำตามากมายของวีดที่เสียไปโดยแท้ และหลังจากนั้น 2 วัน
- ดาบประติมากรได้มาถึงระดับ 10 และเปลี่ยนเป็นดาบประติมา ระดับกลางแล้ว สีของดาบตอนนี้จะเป็นสีฟ้า
ด้วยดาบประติมากรคุณสามารถสร้างรูปสลักขนาดยักษ์ได้แล้ว
ไม่คิดค่าป้องกันของเป้าหมาย

****************

<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

1 ความคิดเห็น: