วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 1 ตอนที่ 5 หญิงสาวผู้สูญเสียถ้อยคำ (A Girl Who Lost Words)

เล่มที่ 1 ตอนที่ 5 หญิงสาวผู้สูญเสียถ้อยคำ (A Girl Who Lost Words)


"เฮ้อ...เช้าอีกแล้วรึนี่"  ฮุนรู้สึกห่อเหี่ยวเมื่อยามเช้ามาถึง
รัฐสภาเกาหลีใต้ ได้ผ่านกฎหมายที่ไม่มีใครอยากได้ออกมา  กฎหมายที่มีชื่อเล่นว่า
ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave No one Behind)  ซึ่งถูกคิดขึ้นสำหรับพวกที่เข้าสังคมไม่ได้
มันตั้งอยู่บนทฤษฎีงี่เง่าที่ว่า ใครก็ตาม ที่เกิดมาภายใต้สภาวะแวดล้อมที่ไม่ดี  มีโอกาสที่จะก่ออาชญากรรมร้ายแรงสูง  รวมถึงการหย่าร้าง
ตามกฎหมาย  ประชาชนเกาหลีทุกคนที่อายุ 20 ปีหรือมากกว่า  ซึ่งถูกจับตาว่าสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตของพวกเขามีความเสี่ยง  จำเป็นต้องเข้าไปที่โรงพยาบาลจิตเวชเพื่อทำการทดสอบด้านสภาพจิตใจ
ฮุนตกอยู่ในข่ายพวกนี้  เนื่องเพราะเขาเป็นคนที่สูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก และวัยรุ่นของเขาก็ถูกหลอกหลอนโดยพวกเจ้าหนี้เงินกู้

ฮุนไปที่ ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยให้กลับสู่สังคมอันยิ่งใหญ่  (Great Society Rehabilitation Center)
'รู้สึกเหมือนย้อนเวลามาอยู่ยุค 60s ยังไงยังงั้น   สังคมที่ยิ่งใหญ่งั้นเรอะ น่ารำคาญชะมัด'
เขาบ่นอุบอิบ
ฮุนเดินไปที่ศูนย์ฟื้นฟู  ณ ห้องต้อนรับเต็มไปด้วยคนอายุยี่สิบ ที่มารับการทดสอบภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับคนที่บกพร่องทางสังคม
ดังนั้นฮุนจึงต้องรอหลายชั่วโมงกว่าจะถึงคิวของเขา
"สวัสดีครับ ผม ลี  ฮุน  มาที่นี่เพื่อรับการทดสอบสภาพจิตใจ ตามกฎหมาย 'ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง ' ครับ"
"ค่ะ  เชิญทำแบบสอบถามนี่นะคะ"
นางพยาบาลในชุดขาวตอบกลับมา
"นี่คือ...?"
"เราจะวิเคราะห์สภาพจิตใจของคุณโดยอ้างอิงจากคำตอบของคุณในแบบสอบถามนี้ค่ะ  ถ้าคุณตกอยู่ในประเภทที่เข้าสังคมไม่ได้  คุณก็จะถูกสั่งให้เข้ามาอยู่ที่ศูนย์ฯ และรับการรักษา
ซึ่งในกรณีนั้น  รัฐบาลจะส่งเงินเดือนกลับไปให้ครอบครัวของคุณเป็นค่าชดเชยค่ะ"

ช่างเป็นกฎหมายที่โหดร้ายนัก
รัฐบาลไม่ทำประโยชน์ระยำอะไรสักนิด เมื่อครั้งพวกเขาต้องผจญวัยเด็กที่โหดร้าย  ไม่ว่าจะพวกที่ถูกพ่อแม่ทุบตี หรือถูกทอดทิ้งจากโรงเรียน
แต่ตอนนี้ พวกเขาจำเป็นต้องยอมรับความพิการที่ถูกยัดเยียดนี้  ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีหลังจากจบจากชั้นมัธยมปลายออกมาไม่ได้  ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือพวกเขาจะขาดคุณสมบัติทำงานในราชการ
มันเป็นสงครามบนความโหดร้าย
ที่สร้างข้อแก้ตัวในการแบ่งแยกคนที่ ไม่มี ออกจากคนที่ มี

"ครับ"
ฮุนหยิบแบบสอบถามและเขียนคำตอบลงไปอย่างรวดเร็ว   ปากกาของเขาไม่ลอยออกจากพื้นผิวของกระดาษแม้สักนิด(เปรียบเปรย)
ฮุนเคยคิดเกี่ยวกับคำถามพวกนี้มาหลายปี  ดังนั้นคำตอบของเขาจึงออกมาจากใจ
"เสร็จแล้วครับ  ผมไปได้รึยัง?"

"แน่นอน รับนี่เป็นค่าเดินทางนะ"
อย่างน้อยที่สุด รัฐบาลก็แสดงความเห็นใจเล็กน้อย
ฮุนหยิบเงินเหรียญพวกนั้น และเดินออกมาจากศูนย์ฯ

ระหว่างนั้น แบบสอบถามที่ตอบโดยตัวเขา  ก็เริ่มสร้างความเอะอะให้กับเหล่านักจิตเวชในศูนย์ฟื้นฟู
ชา อึนฮี (Cha Eunhee) นักจิตเวชระดับปริญญาเอก  กำลังขำ  เธอหัวเราะจนน้ำตาไหล
เธอ...ด็อกเตอร์ผู้ได้รับชื่อเล่นว่า  ราชินีน้ำแข็ง  กำลังหัวร่อไม่ยอมหยุด ท่ามกลางสายตาแปลกใจของเหล่านางพยาบาล
"หรือว่า  ในที่สุดเธอก็สื่อสารกับหมาที่เลี้ยงไว้ได้?"
"ไม่แน่นะ  ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเธอหรอก"

เมื่อสมัยยังเด็ก ดร. ชา อาศัยอยู่ที่ อเมริกากับครอบครัวของเธอ ซึ่งเป็นนักการทูตทั้งคู่
เธอสำเร็จการศึกษาด้วยดีกรีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดตอนอายุ 20 ปี และอีก 3 ปีต่อมาเธอก็สำเร็จระดับด็อกเตอร์
บวกด้วยความสวยสง่ามั่นใจที่มี  เธอจึงไม่เคยแสดงออกเช่นชาวบ้านทั่วไปอย่างนี้มาก่อน
ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นหัวข้อสนทนากันอย่างไม่หยุดปาก
จนสุดท้ายแล้วหัวหน้าพยาบาลจึงตัดสินใจเข้าไปถามความจริง

"ดร. ชา มีเรื่องน่าสนุกอะไรรึคะ?"
"ดูนี่สิ"
หลังจากหัวเราะจนปวดท้อง
ดร. ชา ยื่นแบบสอบถามที่ใครบางคนได้เขียนคำตอบเอาไว้ ตามกฎหมาย ‘ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง'

คำถามสั้นๆ 7 คำถาม และคำตอบสั้นๆ 7 คำตอบ
ers.
แบบสอบถาม
ชื่อ: ลี ฮุน
1. คุณชื่ออะไร?
ลี ฮุน
2. คุณประกอบอาชีพอะไร?
สุดยอดวายร้ายผู้ที่กำลังจะคุกคามความสงบสุขของโลก
3. คุณกำลังทำอะไรอยู่?
กำลังตอบแบบสอบถามนี่อยู่
4. สามสิ่งที่น่าจดจำหรือมีคุณค่าที่สุดที่คุณเคยทำมาในชีวิตคืออะไร?
เก็บเลเวลในเกม ดิ คอนทิเนนท์ออฟเมจิค จนเต็มMax , เล่นเกมนี้ตลอด 204 ชั่วโมงโดยไม่กินไม่นอน, ขายไอดีทิ้ง
5. คุณคิดยังไงกับนักการเมืองที่มีอำนาจขณะนี้?
ทำไมพวกเราถึงไม่ส่งออกพวกเขาไปที่ จีนหรือญี่ปุ่นล่ะ ?
6. คุณรู้สถานะในสังคมของคุณครั้งแรกเมื่อไหร่?
หลังจากดูหนังเรื่อง ' Planet of the Apes ' (พิภพวานร)
(มุขนี้ฮามาก--ผู้แปล)
7. คุณจะอธิบายตัวตนของคุณในประโยคเดียวได้ว่าอย่างไร
ข้าคือมังกร

.
.
.
หัวหน้าพยาบาลผงะด้วยความสงสัย  เมื่ออ่านเอกสารนี้จบ
"อย่าบอกนะว่า นี่เอามาจากนิยาย?"
"ไม่ใช่หรอก  ดูเหมือนว่ากลุ่มเป้าหมายบางคน  ตอบแบบสอบถามนี้เมื่อเช้า  คุณไม่เห็นตราประทับรับรองตรงขวามือล่างสุดเหรอ?'
"พวกเพี้ยนๆ"
"คุณพูดผิดอีกแล้ว, ถ้าเขาเพี้ยนล่ะก็   เขาคงไม่จับตามองสังคมและเสียดสีได้อย่างแม่นยำอย่างนี้หรอกค่ะ"

ดร. ชา สรุปได้ว่าสภาพจิตใจของเขาคนนี้ปกติ
จากมุมมองของนักจิตเวช  เธอได้ยินเสียงกรีดร้องแห่งความสิ้นหวังลอยออกมาจากคำตอบนั่น
ผู้ชายที่เยาะเย้ยสังคมเช่นนี้
ชายหนุ่มที่ชื่อ ฮุน ต้องใช้ชีวิตอย่างปราศจากสีสันบนโลกที่โหดร้ายนี้อย่างแน่นอน
"เฮ้อ~"     หัวหน้าพยาบาลทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ
เธอไม่มีเหตุผลที่จะมาโต้แย้ง การสรุปของด็อกเตอร์  แต่อย่างไรก็ตาม  เธอคิดว่า
ไม่ ดร. ชา ผู้จบด็อกเตอร์สาขาจิตเวชจากอเมริกาและเป็นที่นับถือในวงการแพทย์นั้น
[เกิน]  กว่าปกติ  ก็ชายที่ชื่อ ฮุน นั้น [ ต่ำ ] ผิดปกติ

'ทั้งสองคนนี้อาจจะผิดปกติทั้งคู่ หรือ พวกเขาทั้งคู่ปกติ แต่เราต่างหากที่ผิดปกติคนเดียวในห้องนี้ หรือว่าความจริงแล้วคนทั้งโลกต่างหากที่ผิดปกติ ' นางพยาบาลคิด
หัวหน้าพยาบาลกำลังหัวหมุน

ดร. ชา หยิบแบบสอบถามไปแล้วกล่าวว่า
"สังคมจำเป็นต้องมีคนหลายๆประเภท  ปล่อยไปเถอะ  คุณไม่จำต้องคิดมากกับมัน
เออนี่  ชั้นเอานี่ไปให้ ซอยุน ดู ดีกว่า"
"คนไข้ จัง ซอยุน (Jeong Seoyoon) หรือคะ?"
"ใช่"
"คุณคิดว่า เธอจะอ่านมันเหรอ?"
"น่าจะนะ  คนที่ปิดกั้นจิตใจตัวเอง มักจะปรารถนาความสนใจจากโลกภายนอก  ฉันแค่หวังว่าครั้งนี้เธอจะหัวเราะออกมาได้"

ดร. ชา มองแบบสอบถามที่ฮุนตอบขึ้นมา  และมุ่งหน้าไปที่ หอผู้ป่วย
จุดหมายของเธอคือ ห้องผู้ป่วยพิเศษ บนชั้น 20
ด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยและหมอที่ดีที่สุด  มีสระว่ายน้ำและยิมส่วนตัว  ค่าห้องนี้ประมาณ 20 ล้านวอนต่อวัน(ราวๆ 5แสนบาท)
"ไง ซอยุน ชั้นมาเยี่ยมแหละ"
ชา อึนฮี เข้ามาที่ห้องคนป่วย  และทักทายคนไข้ของเธอ
หญิงสาวผู้มีใบหน้าขาวซีด เงยหน้าออกจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่
ต่อให้เป็นซุปเปอร์โมเดลที่โด่งดัง ก็ไม่สามารถทำให้ความสวยของเธอคนนี้ลดลงได้
แต่ใบหน้าของเธอช่างไร้อารมณ์ ราวกับตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิตชีวา
.
.
.

พระเจ้ามอบความงามให้เธอ  แทนที่จะมอบชีวิต...
เด็กสาวผู้งดงาม  ถูกพ่อผู้อยากปกป้อง  ให้ความรักที่มากเกินไป...
แม้เส้นต้องห้ามที่พร่ามัว จะยังไม่เคยถูกทำลาย...
แต่แม่ของเธอนั้นกลับหวาดระแวง  สงสัยสามีของตัวเอง...
ผลก็คือ  การข่มเหงที่รุนแรงตลอดมา เมื่อหลายปีก่อน
และกลายเป็นโศกนาฏกรรมในวันที่แสนเศร้า...
ตั้งแต่นั้น  เด็กสาวก็สูญเสียคำพูดไป...

เมื่อครั้งที่ ซอยุนยังเด็ก เธอเปรียบดังนางฟ้าที่จุติบนผืนพิภพ
แม้แต่ ดร. ชา ผู้เป็นเพื่อนสนิทเธอมาตั้งแต่เล็กๆ ยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจทุกครั้งที่ตัวเธอเองไม่ได้รับความรักอย่างเท่าเทียม  แต่นั่นก็เป็นเรื่องในวัยเด็ก

"ดูนี่สิ  จริงๆชั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เอาเอกสารออกจากออฟฟิต หรอกนะ แต่อยากให้เธอดูอะ"
ดร. ชา ยื่นแบบสอบถามที่ฮุนตอบ ให้หญิงสาว
ดวงตาที่หม่นหมองของ ซอยุน เลื่อนมองไปที่กระดาษ
ดร. ชา หวังว่าเธอจะหัวเราะ
'เธอรู้ ไม๊ ถ้าเธอหัวเราะออกมาตอนนี้ล่ะก็  มันจะเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีเลยนะ'  ดร. ชา คิด
แต่ใบหน้านั้น ก็ฉีกความหวังของเธอเป็นชิ้นๆ
หญิงสาวมองไปทั่วแบบสอบถามและคืนมันให้เธอ
ด็อกเตอร์ รู้สึกเหมือนถูกหักอกเพราะคิดว่าจะได้เห็นยิ้มเช่นแต่ก่อนอีกครั้ง
"อ่ะ เอาล่ะ...ต้องการอะไรไหม?" ดร. ชา ถามหญิงสาว
ซอยุน ส่ายหน้าอย่างสุภาพ
"ถ้างั้น  ถ้าเธอต้องการอะไร เรียกชั้นได้ทุกเมื่อเลยนะ"

ดร. ชา เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบงัน
"เธอหัวเราะไหมคะ?" นางพยาบาลถาม  เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้อง
ดร. ชา ยิ้มจืดเจื่อน
"ไม่ได้ผลอีกแล้วสินะ" นางพยาบาลพูด
"ไม่หรอก ฉันแค่ยังหาทางเปิดใจเธอไมได้" ดร. ชา กล่าวตอบ
"ชั้นต้องรักษาเธอให้ได้ เพื่อตอบแทนท่านประธานที่ไว้ใจชั้น  ไม่สิ  เพื่อ ซอยุน ด้วย"

นักจิตวิทยา  นักจิตเวช   หมอผี  มากมายถูกจ้างมาเพื่อนรักษาอาการของ ซอยุน แต่ไม่มีใครละลายหัวใจน้ำแข็งของเธอได้
ทุกคนเกือบจะถอดใจแล้ว
นางพยาบาล อดร้องไห้ไม่ได้  หล่อนเสียใจที่เด็กผู้หญิงน่ารักคนนี้  ไม่พูด ไม่หัวเราะ  ติดอยู่เพียงลำพังในเปลือกของตัวเอง
"ไม่มียา หรือวิธีรักษาที่จะช่วยเธอได้แล้วเหรอคะ?" นางพยาบาลถาม
"นักจิตเวช ไม่มีทางรักษาคนไข้คนนั้นได้ตราบเท่าที่ คนไข้ยังปฏิเสธที่จะเปิดใจและรับความจริง"
ดร. ชา ตอบ
"ถ้างั้น เธอก็จะใช้ชีวิตเช่นนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่..."
"พวกเราต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อดึงเธอกลับมา   เธอต้องการเพียงแค่แนวทางบางอย่างที่จะชักนำเธอให้เผชิญหน้ากับความจริง"
"แต่นี่มัน 5 ปีมาแล้วนะ  ตอนนี้การรับรู้ของเธออาจจะผิดเพี้ยนไปแล้วก็ได้นะคะ"
"นั่นเป็นหน้าที่ของพวกเรา ที่จะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น  ไม่ว่ายังไงชั้นก็จะพาเธอกลับมาให้ได้"
ดร. ชา ตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่

*******************

ดร. ชา จบเอกจิตเวช และเสียสละมาที่โรงพยาบาลนี้เพื่อรักษา ซอยุน
"ชั้นเริ่ม วิธีการรักษาแบบใหม่เมื่อ ปีก่อน"
"ไม่เห็นเคยได้ยินเลย"
"แน่นอน เพราะเก็บไว้เป็นความลับไงล่ะ  มันคือ เกม รอยัลโรด
ซอยุน ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในเกม  ยกเว้นตอนที่ต้องทานยาหรือการตรวจสอบ"
"ถ้างั้น--"
"จริงๆ แล้วชั้นคิดว่า ลองปล่อยให้เธอเริ่มใหม่ในโลกจินตนาการ  ค่อยๆ เอาเธอออกมาจากเปลือกที่หุ้มอยู่   แล้วเธอจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นทีละขั้น ทีละขั้น ถ้าเธอได้ติดต่อสื่อสารกับคนอื่นๆ  ฉันหวังว่าเธอจะกลับคืนมาเชื่อใจผู้คนได้บ้าง  และได้รู้สึกในสิ่งที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน อย่างน้อยในโลกเสมือนจริงก็ยังดี"
*******************
เมื่อฮุนกลับมาถึงที่บ้าน  เขาเข้าไปในเว็บไซต์ ซื้อขายไอเท็ม ก่อนที่จะกลับเข้าไปใน รอยัลโรด
แม้ฮุนจะเคยซื้อขายไอเท็มในเว็บนี้ครั้งเดียว
แต่สเตตัสของ ชื่อล็อกอิน ของเขาคือ 3 เพชร
เป็นเพราะการซื้อขายไอดีเกม ดิ คอนทิเนนท์ออฟเมจิค ที่ทำเงินถึง 3,000 ล้านวอนนั่นเองที่ทำให้ ชื่อ ล็อกอิน ของเขาขึ้นสู่ระดับ VIP

 [รับซื้อ] ดาบเหล็ก +20 STR ในราคา 400,000 วอน

[รับซื้อ] แหวนสำหรับนักรบ, เสนอราคามา

[รับซื้อ] รองเท้าสีน้ำเงินสำหรับอาชีพแรนเจอร์ 300,000 วอน – ต่อรองได้

[รับซื้อ] ตุ้มหูสำหรับผู้วิเศษ

รายการไอเทมที่ผู้เล่นต้องการยาวเป็นพันหน้า
คีย์เวิร์ดค้นหา แสดงผลลัพธ์เป็นล้าน
แต่มีไม่มากที่บรรลุการซื้อขาย
ผู้เล่นจำนวนมากกระตือรือล้นที่จะได้ครอบครองไอเท็มเจ๋งๆ
ความต้องการซื้อนั่นสูงมาก แต่ ของที่จะขายมีไม่พอ
ระบบนี้ ทำให้ผู้ขายยิ้มแฉ่ง   ถ้าใครคนนึงโพสต์ขายไอเท็มของเขา
การประมูลจะเริ่มขึ้นในไม่ถึงหนึ่งนาที
[ขาย] คฑาของภูติสีแดง : ความทนทาน 105/105 ,พลังโจมตี 96-105 ,เพิ่ม +15 STR [100,000 วอน + @]

[ขาย] แหวนไชน์เบลสซิ่ง: แรร์ไอเทม / ฟื้นฟูมานา  3 หน่อยต่อวินาทีเป็นเวลา 5 นาที [เริ่มต้นที่ 3,000,000 วอน]

[ขาย] ตุ้มหูเมสสิยาห์ (Messiah) : เพิ่มพลังป้องกันด้านเวทมนต์  ได้รับค่าประสบการณ์ตจากมนต์ไฟเพิ่มขึ้น 8% [4,000,000 วอน]

[ขาย] ค้อนช่างตีเหล็กของโทมัส: : เพิ่มโอกาส15% ในการหลอมอาวุธ  สามารถอัพเกรดอาวุธได้  5,000,000 วอน

ไอเท็ม ที่อยู่ในระดับท็อป ของการประมูลมีราคาสูงมาก
ตามด้วยไอเท็มที่ถูกกว่า แต่ก็ยังมีราคาอย่างน้อย แสนวอน
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ไอเท็มกำลังขาดตลาด
ถ้า วีด ไม่ได้โชคดีถึงขนาดได้ดาบเหล็กมาแต่แรก  เขาคงต้องทำเควสธรรมดาไปเรื่อยๆ
เพื่อสะสมเงินทองแดง  และวิ่งไปซื้อดาบห่วยๆที่ร้านตีเหล็กก่อนที่เขาจะไปลุยที่นอกเมือง
หรือบางทีเขาอาจจะต้องต่อยมอนสเตอร์มือเปล่า   โดยอาศัยค่าสถานะเพียงอย่างเดียว
ในกรณีนั้น พลังโจมตีของเขา ก็จะไม่ได้รับผลจากทักษะ ความชำนาญการใช้ดาบ
ถ้าเทียบไอเทมที่เป็นอาวุธและเครื่องสวมใส่กับไอเทมงานฝีมือสำหรับช่างตีเหล็กและเย็บปักแล้ว
อย่างหลังราคาถูกกว่ามาก

ส่วนไอเท็มที่เกี่ยวกับ อาชีพประติมากรไม่มีเลย   เกมรอยัลโรดนั้นเปิดมาได้เพียง 15 เดือน  เหล่าผู้เล่นยังคงสนใจแต่การผจญภัยและเพิ่มเลเวล
ซึ่งไม่เคยเห็นพวกช่างฝีมือเลย

70% ของทวีปยังไม่ถูกค้นพบ
ดันเจี้ยนจำนวนมาก และ ภารกิจจำนวนมหาศาลกำลังรอผู้เล่นอยู่
เมื่อ โอกาสนับไม่ถ้วนปรากฎต่อเบื้องหน้าของผู้เล่น   มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่หวังจะเป็นช่างฝีมือ

อาณาจักรโรเซนไฮม์ นั้นเป็นโลกใหม่ที่เพิ่งค้นพบได้เพียงหกเดือนก่อน(เวลาโลกจริง)  ปาร์ตี้ที่ค้นพบอาณาจักรนี้นั้นได้รับเงินจำนวนมหาศาล
อาณาจักรโรเซนไฮม์ อยู่ไกลจากศูนย์กลางของทวีป   แต่มีเขตแดนและดันเจี้ยนที่ไม่ถูกค้นพบอยู่มากมาย  และมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอยู่โดยรอบ
นี่คือเหตุผลว่าทำไม ฮุนถึงเลือกโรเซนไฮม์ในการเริ่มต้นผจญภัยของเขา
'เราเริ่มต้นช้าไปรึ?  ไม่หรอก  เรายังมีโอกาส'  เขาบอกกับตัวเอง

ตลอดหนึ่งปีสำหรับการเตรียมตัว
ระหว่างที่คู่แข่งกำลังเพิ่มเลเวลและผจญภัยอยู่นั้น  ฮุนเลือกที่จะ เก็บข้อมูลแทน
เขาไม่ต้องการจะขายไอดีของเขาอีกต่อไป
กระบวนการในการขายไอดีของเกมออนไลน์เสมือนจริงนั้นยุ่งยาก เพราะการล็อกอินต้องใช้การแสกนม่านตาเพื่อยืนยันบุคคล  บวกกับฮุนต้องการทำธุรกิจมากกว่า ที่จะหาประโยชน์เพียงรอบเดียว
การเล่นเกมรอยัลโรด ต้องสามารถสนับสนุน เรื่องการเงินของครอบครัวเขาอย่างน้อย 5 ปี
'รอยัลโรด ในตอนนี้น่าจะทำให้ครอบครัวของเราอยู่ต่อไปได้ สำหรับ ห้า ไม่สิ  สิบปี
ซึ่งการที่จะทำให้เราสามารถส่ง ฮายัน เข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้  เราต้องมีรายรับที่มั่นคงก่อน
...เราเรียนจบแค่ ม.ปลาย ไม่เป็นไร แต่ ฮายัน ต้องมีชีวิตที่ดีกว่า--'    เขาบอกกับตัวเอง
*กริ๊งงง*
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
***************************

ฮุนมองไปรอบๆ และพบว่าทั้งย่าและฮายันออกไปข้างนอก
เขารับโทรศัพท์อย่างไม่เต็มใจ
"สวัสดี  ใครพูด?"
"ฮุน นั่นนายใช่ไหม?  นายยังรับโทรศัพท์ไม่ค่อยสุภาพเหมือนเดิมเลยนะ  เราเอง ซังฮุน (Sanghoon)ไง"
"โอ๊ะ นายเองรึ"
ฮุนไม่ได้ยินเสียงของเขา มานานพอควร
'ตั้งแต่เราออกจากม.ปลายกลางคัน สินะ' ฮุน นึกถึงความหลังเล็กน้อย
"เฮ้ ว่าไงมีอะไรรึ?"  ฮุนถามกลับ
"พวกเรามีเลี้ยงรุ่นกันคืนนี้--
"นั่นไม่เกี่ยวกับเรา  จริงๆคนที่จะเข้าร่วมได้ต้องเป็นคนที่เรียนจบออกมาไม่ใช่รึ?
มันคงไม่สนุกแน่ถ้าคนที่ออกกลางคันอย่างเราโผล่หน้าไป"
"แต่ว่า--"
"ไม่มีแต่   นายก็รู้ว่าทำไมเราถึงออกจากโรงเรียนและตอนนี้เราก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับโรงเรียนนั้นอีกแล้ว แค่นั้น"
"......"
"ซังฮุน  ขออะไรสักอย่างนะ..อย่าโทรมาอีก"
*แกร๊ก*
ฮุนวางหูโทรศัพท์ลง  และถอนหายใจยืดยาว
มันเป็นสายที่เขาไม่อยากจะได้เลยจริงๆ
ถ้าเขามีเครื่องลบความทรงจำเหมือนในเรื่อง MIB(Men in black)  เขาจะลบความทรงจำตลอด 3 ปีในตอน ม.ปลายทิ้งอย่างไม่ลังเล
มันเป็นความทรงจำที่แย่ที่สุดในชีวิตของเขา
ตอนนั้นฮุนถูกขู่เข็ญคุกคามโดยเจ้าหนี้เงินกู้  เขาต้องแอบหลบเงียบๆเพื่อไปโรงเรียน

เขาต้องไปโรงเรียนแต่เช้ามืด และออกจากโรงเรียนตอนดึกๆ ยังกับกำลังเล่นซ่อนหา
ฮุนหลบเจ้าหนี้ได้หลายวัน   แต่พวกมันก็ฉลาดกว่าที่เขาคิด
พวกมันจ้าง พวกกุ๊ยข้างถนนไปกดดันพวกอาจารย์
จนกระทั่ง ฮุนถูกครูประจำชั้นบอกให้จ่ายหนี้ให้พวกมัน  ต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น
ครูคุกเข่าต่อหน้านักเรียน  กล่าวด้วยน้ำตาว่าเขาไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องของฮุน
'มันเป็นฟางเส้นสุดท้าย... วันต่อมา เราก็ออกจากโรงเรียน' ฮุนพูดกับตัวเอง
ฮุนสงสัยเล็กน้อยว่า เพื่อนๆของเขาที่มหาวิทยาลัยจะเป็นยังไงกันบ้าง
แต่ไปโผล่หน้าในงานเลี้ยงรุ่นมีแต่จะทำให้นึกถึงเรื่องราวในครั้งนั้น
'ความจริงที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือ  สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราต้องทำเพียงอย่างเดียวคือ เล่นเกมเสมือนจริง '
ฮุนกินข้าวกลางวัน  และกลับเข้าสู่เกม
***********************
วีด ไม่เคยหยุดการนั่งรอที่หน้าคฤหาสถ์ของ โรดริเกวซ จากเช้ามืดจนถึงตะวันตกดิน ซึ่งกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา
ใครจะสามารถทนเบื่อได้ทั้งวันเช่นนี้?
"ไปเก็บเลเวลที่ หุบเขาด้านตะวันตก?(West Valley)  กันเปล่า  Hippies (มอนสเตอร์ชนิดหนึ่ง)  เลเวลสูงก็จริง แต่ถ้าเราไปเป็นทีมล่ะก็สบายมาก"
"ได้ยินว่านายเข้าร่วมภารกิจคุ้มครอง คาราวานไปที่ หมู่บ้าน อีไลน์ (Eline Village) เหรอ?"
"ราคาของเลือดโทรล พุ่งขึ้นมากเลยช่วงนี้  เกือบสามเท่า  สงสัยสงครามครั้งใหญ่กำลังจะมาว่ะ"
ประโยคสนทนามากมายลอยเข้าหู วีด
 เสียงม้าร้อง เสียงล้อรถหมุน
การนั่งอยู่ที่ถนนสายหลักที่ผู้คนคับคั่ง  ทำให้ วีด เก็บข้อมูลได้พอควร   เขาได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ถ้าไม่มีเรื่องนี้ เขาคงยอมแพ้ไปแล้ว
เมื่อครั้งที่ วีด ติดอยู่กับหุ่นไล่กา  อย่างน้อยเขาก็รู้สึกสนุกกับการที่ได้แข็งแกร่งเรื่อยๆ

การที่นั่งตากแดดแรงๆอย่างนี้ มันเป็นการทรมานตัวเองชัดๆ
'แต่พระพุทธเจ้ายังผจญมารตั้งหลายวัน เพื่อเข้าสมาธิเลยไม่ใช่หรือ?'  เขาบอกตัวเอง
เขากำลังเผชิญประสบการณ์แบบเดียวกัน    เพื่อจะได้พบโรดริเกวซ

ในสองวันสุดท้าย วีด พบ เพล และ ไอรีน ออกเก็บเลเวลด้วยกัน
พวกเขาไม่แข็งแกร่งเหมือนวีด จึงเลเวลขึ้นช้า
อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถล่ามอน ได้ตามแต่ใจต้องการ   ไม่ว่าจะกลางวันรึกลางคืน
ต้องขอบคุณตารางเวลาที่ยืดหยุ่นของพวกเขา  พวกเขาจึงเลเวลเท่า วีด ในที่สุด

โบนัส EXPs 30% ในตอนกลางคืน  ถูกขัดขวางด้วยความจริงที่ว่า มอนสเตอร์ก็แข็งแเกร่งขึ้นอีกครึ่งหนึ่งของกลางวัน
การเก็บเลเวลตอนกลางวันจึงได้ประโยชน์กับผู้เล่นเลเวลต่ำมากกว่า
บวกกับ วีด ยังไม่ได้เลือกอาชีพ  ดังนั้นเขาจึงยังไม่มีสกิลอะไรให้เรียน
ถ้าเขาเปลี่ยนอาชีพ ตอนที่เลเวลสูงๆ กว่าเลเวลของผู้เล่นทั่วไปสกิลเลเวลของเขาจะล้าหลังคนอื่นๆ
ยังไม่หมดแค่นั้น  เขายังต้องทดสอบความอดทนในการเสียเวลาที่มีค่าไปกับการนั่งรอคอย   กลางถนน

'เราจะทำอะไรดี?    ความเชี่ยวชาญการแกะสลัก... แกะสลัก...'
วีด มองไปรอบๆ  เขาเห็นท่อนไม้ ที่หลุดมาจากล้อรถ(เกวียน)
เขาหยิบเศษไม้ขึ้นมา และ กดใช้สกิลแกะสลัก
'แกะสลักไม้'
*ฉัวะ*
ทันทีที่มือ วีด เคลื่อนไหว  ท่อนไม้ก็ถูกตัดเฉือน ที่นู่นบ้างที่นี่บ้าง
'อะไรกัน!'

เมื่อจบสกิล  วีด ถอนหายใจ
ท่อนไม้ที่เคยทรงสี่เหลี่ยมถูกเหลาเป็นชิ้นวงกลม
'เราทำเองยังดีกว่า'
วีด หยิบท่อนไม้อีกชิ้น และเริ่มตัดมันด้วยมีดแกะสลัก
ประสบการณ์ ในการทำงานในโรงงานสิ่งทอในอดีต ช่วยให้เขาควบคุมมือได้ดี
มีดแกะสลักที่แกะไม้นั้นคมมาก
หลังจากความพยายามหลายๆครั้ง  เขาก็สามารถแกะสลักไม้เป็นดาบสั้นได้
word.
คุณได้ความชำนาญในสกิลแกะสลักเพิ่มขึ้น

คุณได้ความชำนาญในสกิลงานฝีมือเพิ่มขึ้น
หน้าต่างข้อความสองหน้าต่าง ปรากฏขึ้น
วีด เรียนรู้บางอย่าง--
ว่า เขาไม่ต้องอาศัย ทักษะการแกะสลัก ในการแกะสลักวัตถุ
และเมื่อเขาใช้สกิลนั้น  เขาต้องจดจำรูปร่างของสิ่งที่เขาจะแกะให้ได้อย่างแม่นยำ
'เราควรฝึกแกะบ่อยๆ'
ด้วยความเบื่อหน่าย
วีด รวมรวบไม้หลายๆชิ้น และเริ่มแกะมัน
'มันก็สนุกดีเหมือนกัน'
มันทำให้ วีด นึกย้อนถึงวัยประถม ที่ครูศิลปะมักจะชมเชย ที่เขาเก่งในเรื่องสร้างสิ่งของ
สิ่งที่ วีด แกะออกมานั้น ไร้ประโยชน์  แต่บางอันก็พอยอมรับได้ในสายตาเขา
เขาใช้เวลา5 ชั่วโมงในการนั่งแกะสลักชิ้นไม้
อาจจะดูแปลกที่ผู้ชายมานั่งเหลาไม้ด้วยมีดแกะสลัก แต่เขารู้สึกว่ามันดีกว่านั่งฆ่าเวลาไปเปล่าๆปลี้ๆ

เลเวลเพิ่มขึ้น: ความเชี่ยวชาญการแกะสลัก [2]
คุณสามารถสร้างชิ้นงานที่สลับซับซ้อนมากขึ้นได้
ระดับทักษะจะลดลงเมื่อคุณใช้สกิลผิดพลาด

สกิลงานฝีมือ กับ ความเชี่ยวชาญการแกะสลัก เลเวลเพิ่มเร็วเพราะมันยังเลเวลต่ำ
ดังนั้นจึงต้องการค่าประสบการณ์เล็กน้อยในการเพิ่มเลเวล
'ว้าว'
วีด รู้สึกยินดี ที่  ความเชี่ยวชาญการแกะสลัก เลเวลอัพ
มีหลากหลายหน้าต่างข้อความเด้งขึ้นมา ตอนเขากำลังแกะไม้
มีเคล็ดลับ คู่มือหลายอันปรากฎขึ้น  เช่น ตัดยังไงให้กลม หรือ  มีรูปแบบอะไรที่ทำได้บ้าง
วีด เลือก เคล็ดลับมาหนึ่งอย่าง
ซึ่งมันจะดำเนินการให้โดยอัติโนมัติ   โดยที่ต่อให้เขาทำผิด  ทักษะความชำนาญด้านแกะสลัก(Sculpture Mastery)  ก็จะปรับแต่งให้ชิ้นงานสมบูรณ์
ตอนนี้เขากำลังสร้าง รูปสลักที่มีคุณภาพ
วีด แกะรูปจิ้งจอกและหมาป่า ที่เขาเคยล่าเมื่อหลายคืนก่อน   ซึ่งมันง่ายกว่าที่เขาคิด
ชิ้นงานแกะสลัก รูปสัตว์เสร็จสมบูรณ์   และเขาวางเรียงไว้ใกล้ๆเขา

สกิล  ของวีด ตอนนี้อยู่ที่เลเวล 2  แต่มีดแกะสลักของซาฮัป ทำให้มันมีผลเท่ากับเลเวล4
มีดเล่มนี้เป็นไอเทมพิเศษ ที่ ไม่ว่าช่างแกะสลักคนไหน ต่างก็ยอมตายเพื่อมันได้ทั้งนั้น
ปัญหาคือ  ไม่มีใครสนใจอาชีพนี้
อาชีพประติมากร (The Sculptor Class)  ใกล้สูญสิ้นแล้ว
แม้ว่าจะยังมีคนที่อยากเป็นช่างแกะสลักเหลืออยู่ เลเวลของพวกเขาก็งั้นๆ
ดังนั้นจึงหมดหวังว่าจะขายมีดแกะสลักของซาฮัป ได้ในราคาดี
(ผู้แปล : พี่ยังจะขาย - -)


เมื่อ วีด สร้างผลงานเสร็จอีกชิ้น--
*ติ๊ง*
ค่าสถานะใหม่ : ศิลปะ

'ศิลปะ?'
ศิลปะ: ดั่งพรสวรรค์ในการสร้างสิ่งที่สวยงามและการเข้าถึงอารมณ์ ศิลปะช่วยให้อาหารและผลงานทั้งหลายนั้นงดงามทั้งศาสตร์และศิลป์
เพิ่มขึ้นเมื่อคุณ ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มลองรสชาติ หรือสัมผัส สิ่งที่สวยงาม  หรือสร้างมันขึ้นมา

"....."
วีด  ถูกกลบด้วยความเงียบงัน
เขากำลังคิดคำนวณเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะได้จากค่าสถานะนี้
จากนั้น เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
"ลบ ค่าสถานะ ศิลปะ!" !”
ค่าสถานะลบไม่ได้
"แม่งเอ้ย!"
ผู้เล่นไม่สามารถสร้างค่าสถานะได้อย่างไร้ขีดจำกัดแต่อย่างใด
ขีดจำกัดสูงสุดของจำนวนค่าสถานะที่ผู้เล่นมีได้คือ 15 ช่อง
วีด รู้สึกรับไม่ได้ ที่ เขาต้องเสียช่องหนึ่งไปให้ ค่าศิลปะ ซึ่งเขาวางแผนไว้ว่าจะใส่แต่ค่าสถานะที่จำเป็นสุดๆเท่านั้น
'ช่วยไม่ได้!'
วีด ไม่สนใจ ค่าศิลปะ เขาสาบานว่าจะไม่เอาโบนัสพ้อย มาเพิ่มมันเด็ดขาด
เขารู้สึกโล่งอกเมื่อ  ค่าสถานะนี้จะเพิ่มขึ้นมาเอง  แต่เขายังสงสัยว่ามันจะทำงานอย่างไร...
วีด ยังแกะสลักไม้ต่อไป  เขาสนใจอยากรู้ผลลัพธ์ข้างเคียงอย่างอื่นมากกว่า
ทักษะ ความเชี่ยวชาญในการแกะสลัก
'ความเชี่ยวชาญในการแกะสลัก นั้นค่อนข้างไร้ประโยชน์  แต่ สกิลงานฝีมือ  ยังมีดีในหลายๆเรื่อง
เพราะมันจะเพิ่มพลังโจมตีให้ ดาบแล้วก็ธนู ที่เป็นอาวุธที่ต้องอาศัยมือ แล้วยังทำให้เราทำงานที่ละเอียดอ่อนได้ด้วย'
คุณได้ความชำนาญในสกิลงานฝีมือเพิ่มขึ้น

เลเวลเพิ่มขึ้น: ทักษะงานฝีมือ [3]
คุณสามารถเรียนรู้การทำอาหารและ การทอผ้า
เพิ่มพลังโจมตีให้อาวุธโจมตีระยะใกล้และระยะประชิด (+3%ATK)
เพิ่มพลังโจมตีให้หมัด (+5%ATK)
ราวกับว่า ความชำนาญในการแกะสลัก ช่วยทำให้เขาได้ EXPs เร็วขึ้น
เลเวลสกิล งานฝีมือ ของวีด ขึ้นถึงเลเวล 3แล้ว
วีดพอใจที่เลเวลของสกิลงานฝีมือ เพิ่มอย่างรวดเร็ว
ซึ่ง ค่าประสบการณ์บางส่วนนั้นมาจากผลงานที่ วีด สร้างขึ้น และต้องขอบคุณมีดแกะสลักของซาฮัป
แต่จริงๆแล้ว สาเหตุหลักคือ ความชำนาญในการแกะสลัก
ตัวอย่างเช่น การถักชุดและการทำอาหาร สกิลงานฝีมือ อาจจะมีส่วนอย่างมาก
แต่มันก็เทียบกับ ความชำนาญในการแกะสลัก ในเรื่องความเชี่ยวชาญและความละเอียดอ่อนไม่ได้
กล่าวได้ว่า ทักษะ ความชำนาญในการแกะสลัก  เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสกิลงานฝีมือหรืออาจจะพูดได้ว่า
ไม่มีใครเรียนทักษะ ความชำนาญในการแกะสลัก เพื่อที่จะพัฒนาทักษะสกิลงานฝีมือหรอก

(วีด กำลังให้ความสำคัญผิดอัน - ผู้แปล)

'เหอะ  ตูไม่มีทางเรียนการทอผ้าหรอก   โคตรเกลียดเลย!'
วีด สนใจเพียงทักษะการทำอาหารที่จะทำให้เขาได้กินอาหารอร่อยๆด้วยจากเมนูที่หาได้ตามเว็บไซต์
ยิ่งกว่านั้น การซื้อวัตถุดิบจากร้านของชำและทำอาหารด้วยมือตัวเองนั้นยังถูกกว่าสั่งเนื้อจากร้านอาหารมาก
และ วีด ยังสามารถ ถนอมกำลังได้ดีขึ้นด้วยการกินอาหารที่ทำขึ้นเองระหว่างที่เขาออกล่าเก็บลเวลเป็นเวลานาน หนึ่งหรือสองอาทิตย์โดยไม่กลับไปที่เมืองเลย
อาหารกึ่งสำเร็จไม่สามารถฟื้นค่าสถานะความอึดทางกายภาพได้

ส่วนสาเหตุที่ วีด เกลียดการทอผ้านั้น  เป็นเพราะเขายังถูกหลอกหลอนด้วยความทรงจำที่ไม่ดีจากโรงงานทอผ้า ที่เขาเคยทำงานเมื่อครั้งยังเด็ก
 'เราเกลียดการทอผ้ายิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น  เราจะไม่แตะต้องมันอีกแล้ว' เขาบอกตัวเอง
เพราะมัวจดจ่ออยู่กับการแกะรูปสลัก  วีด จึง ไม่รู้ตัวว่าเขากำลังถูกนำไปอยู่ในบทสนทนาบางอย่าง

"ว้าว  น่ารักจัง"
"ยังกับมีชีวิตแน่ะ"
"ยังไม่เคยเห็นงานศิลปะที่เหมือนมีชีวิตอย่างนี้มาก่อนเลย"


วีด เงยหน้าขึ้นมองหาต้นเสียง   มีกลุ่มของผู้เล่นจำนวนหนึ่ง  จับจ้องมองรูปสลักของเขาด้วยความชื่นชม
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งชี้นิ้วไปที่ท่อนไม้แกะสลัก รูปกระต่าย
'สวัสดีค่ะ คุณลุง   อันนี้ขายไหมคะ?'
วีด ควรที่จะบอกกับเธออย่างสุภาพว่า เขายังเป็นวัยรุ่นอยู่ เหมือนดังเช่นหญิงโสดวัยสามสิบควรแสดงออกดุจดังหญิงชรา
(งงล่ะสิ ผมก็งง  เล่นสำนวนอีกแล้ว-- ผู้แปล)
แต่ว่า...
"ครับ   มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณหนู?"
วีด กล่าวออกไปพร้อมรอยยิ้มที่สุภาพ ... เขาได้กลิ่นเงินแล้ว
"หนูอยากได้อันนี้ เท่าไหร่เหรอ?" เธอชี้ไปที่รูปแกะสลักกระต่าย
วีด คิดเล็กน้อย
"มัน..."
วีด รู้สึกกดดันที่จะเรียกราคาที่พอดี
ขายรูปสลักพวกนี้ออกไปเพื่อเงินตอนนี้ หรือจะให้พวกมันนั่งอยู่ที่นี่ตลอดไปแล้วไปจบที่ถังขยะ
วีด ชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว
"มากไปไหม" เขากล่าว
"สองเหรียญเงินเหรอ  ถูกกว่าที่หนูคิดอีก"  เด็กหญิงจ่ายเงินสองเหรียญให้เขา และหยิบกระต่ายไป
"กระต่ายตัวนี้น่ารักจัง หนูจะเก็บมันไว้เป็นของที่ระลึก"
วีด มองแผ่นหลังของเด็กหญิงที่เดินจากไปด้วยความมึนงง  
สองนิ้วของเขาหมายถึง  สองเหรียญทองแดง...
แค่สองเหรียญทองแดง!
แต่เด็กหญิงจ่ายมากกว่าที่เขาต้องการร้อยเท่า
"เฮ้  เราอยากซื้อตัวนี้"
"เราด้วย  เอาจิ้งจอกสองตัวนั้น"
รูปแกะสลักของ วีด ขายดีมาก
ชิ้นเล็กๆราคาสองเหรียญเงิน ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ราคา สามเหรียญ
กระต่ายและจิ้งจอกที่เขาล่ารอบๆป้อมปราการ ป็อปปูล่ากว่ารูปสลักดาบ หรือโล่
รูปสลักสัตว์น่ารักๆ  ที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับมันดังเช่นความทรงจำในวัยเด็ก

แค่วันเดียว ผู้เล่น Lv 100  ก็สามารถหาเงินเหรียญทองได้ง่ายๆ สำหรับพวกเขา  2 เหรียญเงิน นั้นถูกมาก
รูปสลักถูกขายหมดอย่างรวดเร็ว

.
.
.

"คุณช่วยแกะสลักจิ้งจอกที่มีเก้าหางให้พวกเราหน่อยนะ  คุณทำได้ไหม?"
วีด ตรึกตรองเล็กน้อย  และเขาก็พยักหน้า
คำขอร้องไม่ยากอย่างที่ิคิด
ก็แค่จิ้งจอกธรรมดาหนึ่งตัว บวกด้วยหางเก้าหาง  ทำไมจะไม่ได้?
"ได้ครับ  แต่คุณต้องจ่ายเพิ่มนิดหน่อยสำหรับเวอร์ชั่นเฉพาะนะ"
"ห้า...เหรียญเงิน ก็น่าจะพอ" วีด พูด
ขณะที่คำว่า ห้าเหรียญออกมาจากปากเขา  วีด รู้สึกเสียใจที่เขาอาจจะขอมากเกินไปและลูกค้าอาจจะปฎิเสธ
แต่ลูกค้าตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า
"ได้เลย  ฉันอยากได้  คุณช่วยทำออกมาสวยๆนะ"
ในป้อมปราการ  มีร้านของแกะสลัก  แต่มันมีแค่ขนาดเท่าของจริง  บางชิ้นเต็มไปด้วยทองและอัญมณี  ซึ่งผู้เล่นเกือบทั้งหมดไม่มีเงินพอจะซื้อ
และเมื่อไม่มีใครสนใจใน ทักษะความชำนาญในการแกะสลัก
รูปสลักที่ วีด แกะจึงมีค่าน่าสะสม
"ว้าวว  เท่มากเลย"
ผู้เล่นที่ซื้อรูปสลักไปตื่นเต้นมาก ชื่นชมกับสิ่งที่พวกเขาได้ไป
"ฉันขอชื่อคุณได้ไหม? เผื่อว่าฉันอยากซื้ออีกจะได้ตามหาคุณ"
"วีด – ช่างแกะสลัก วีด, ถ้าคุณมีแบบรูปสลักที่ชอบ  ติดต่อผมได้เสมอ"
"ขอบคุณนะ ไว้เจอกันอีก"
ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน  ข่าวลือเกี่ยวกับช่างแกะสลักก็แพร่ไปถึงผู้คนในป้อมปราการ
และพวกเขาก็ออกมาอุดหนุน วีด
"เขาอยู่นี่เอง"
"ผมอยากให้คุณแกะรูปสลักสำหรับพวกเรา"
.
.
.

วีด ได้เหรียญเงินแค่สี่เหรียญสำหรับการล่าทั้งคืน เมื่อหลายคืนก่อน  แต่แค่รูปสลัก หนึ่งหรือสองชิ้น ก็ทำเงินได้มากกว่าแล้วตอนนี้
มันใช้เวลาแค่สิบนาทีในการแกะแต่ละชิ้น
โดยที่ไม่เสียค่าวัตถุดิบที่ใช้  มันช่างเป็นการแลกเปลี่ยนที่กำไรงาม
วันต่อมา  วีด ไปที่ร้านช่างไม้ และซื้อท่อนไม้มา
เขาเริ่มสร้างรูปแกะสลักรุ่นผลิตจำนวนมาก

เมื่อ สกิลงานฝีมือ และ ความชำนาญในการแกะสลัก เลเวลอัพ ความสวยงามและความละเอียดอ่อนก็เพิ่มขึ้น  พูดได้เลยว่า ด้วยฝีมือที่สูงขึ้น  เขาขายได้ราคาที่สูงขึ้นและหมดเร็วขึ้น
ยิ่งกว่านั้น ผลงานชิ้นโบว์แดงที่สำเร็จขึ้นมาสักชิ้นในทุกๆพันชิ้น จะถูกนำขึ้นประมูล
ความคิดเกี่ยวกับทักษะความชำนาญในการแกะสลักของ วีด เปลี่ยนไปแล้ว -  งานพาร์ทไทม์ที่หาเงินเข้ากระเป๋าได้ไม่เลว...

เล่มที่ 1 ตอนที่ 5 จบ

****************

ที่มา :
http://writer.dek-d.com/grit/story/viewlongc.php?id=837140&chapter=5

1 ความคิดเห็น: