วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่1 ตอนที่ 9 นครลอยฟ้า (The City of Heaven)

เล่มที่1 ตอนที่ 9 นครลอยฟ้า (The City of Heaven)


ผับ
คือสถานที่มักจะเต็มไปด้วยเอะอะเอ็ดตะโรและเสียงหัวเราะ  แต่เสียงเหล่านั้นเงียบลงมาหลายวันแล้ว
ทั้งหมดนั้นเพราะชายคนหนึ่ง
นั่นคือ โวล์ค (Volk)
ชายผู้มีขนาดตัวมหึมาและเต็มไปด้วยแผลเป็น  แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ใบหน้าของเขา
ลองคิดดูว่าถ้าชายที่สามารถทำให้พวกออร์คใจเต้นระส่ำด้วยความกลัว กำลังนั่งดื่มอย่างหมองหม่นตลอดทั้งวันในผับ
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผับจะจมอยู่ในความเงียบงัน
โวล์ค ทำหน้าปิดเบี้ยวขณะที่กำลังดื่มอยู่
"เราอยากขอเธอแต่งงาน  ..เราต้องมีสิ่งพิเศษมอบให้กับเธอ...บางอย่างที่พิเศษ..."
โวล์ค อยากขอหญิงสาวคนหนึ่งแต่งงาน...ไม่มีใครเห็นดวงใจที่ปวดร้าวของเขา
"ใช่แล้ว  ของขวัญ  เราต้องมีของขวัญให้เธอ  ได้ยินมาว่ามีช่างแกะสลักที่
ป้อมปราการแห่งเซราบอร์ก เราน่าจะไปขอให้เขาทำของขวัญให้   ถ้าเขาสามารถสร้างสิ่งที่ทำให้เราพอใจได้ ล่ะก็   เราจะมอบของที่สำคัญที่สุดที่เรามีให้แก่เขา"
โวล์ค เดินโซเซออกจากผับไป
.
.
.
"เฮ้อ ที่นี่ยังคนเยอะเหมือนเดิมเลย"
วีด กลับมาที่เมืองหลวงของอาณาจักร โรเซนไฮม์อีกครั้งหลังจากผ่านไปเจ็ดสัปดาห์  เขารู้สึกปวดหัวเมื่อเห็นผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่เต็มไปหมด
มันช่างเป็นสถานการณ์ที่ชวนวิงเวียนเมื่อพ่อค้าลูกค้าต่างซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอย่างคล่องแคล่วว่องไว  และยังมีนักผจญภัยใหม่ๆที่กำลังมองหาคู่หูสำหรับร่วมเดินทาง
"เร็วเข้าแอซ!  รีบกลับไปบ้านของแกกัน"
วีด นำม้าหนุ่มกลับมาที่โรงม้าหลวง มันตามเขามาอย่างเชื่อฟัง
แอซ โชคดีอย่างมากที่รอดจากพิษของราชินีหนอนมาได้
ราวกับว่ามันรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่ามันเฉียดจากความตายอันจวนเจียนมาได้หลายครั้งกว่าที่คิด

เจ้าม้าหนุ่มจึงอยากอยู่ให้ห่าง จากเส้นทางของ วีด ให้มากที่สุด
กลับบ้านของมัน ดีที่สุด
.
.
.
ที่นอกวังมีโรงม้าโกโรโกโสอยู่โรงหนึ่ง
ทันทีที่ หัวหน้าครูฝึกม้ามองเห็นเจ้าม้าหนุ่ม เขาก็ทำหน้าบูดบึ้ง
"เฮ้อ หมดเวลาแห่งความสุขซะแล้ว เจ้าม้าดื้อด้าน**แอซ กลับมาแล้ว
.
.
.
ข้าได้ยินเรื่องของท่านจาก ลอร์ด มิดเวล แล้ว
ท่านจะคืนเจ้าสัตว์ป่าที่น่าอับอายนี่คืนงั้นรึ ท่านวีด ?
วีด ปล่อยม้าหนุ่มไว้บนคอกที่ว่างด้วยใจที่เบิกบาน

"หวังว่าท่านคงพบการเดินทางที่ดี  ข้ารู้ดีว่าเจ้าสัตว์ป่านี่ชอบสร้างแต่ปัญหา"
"ไม่เป็นไร มันจบแล้วตอนนี้"
"ลอร์ด มิดเวล  ฝากข้อความไว้ เขาต้องการให้ท่านไปพบ ได้ทุกเมื่อถ้าท่านยังคงสนใจในตำแหน่ง เซนทูเรี่ยน (Centurion) "
"บอกท่านว่า ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก"
หัวหน้าครูฝึกม้า สุภาพกับ วีด ผู้ซึ่งเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขามาก
มั่นใจได้อีกครั้งเลยว่า  สถานะของบุรุษนั้นขึ้นอยู่กับว่าเขามีความสัมพันธ์(ติดต่อ)กับใครและเขาทำอะไรไปบ้าง
วีด ออกมาจากคอกม้า และมุ่งไปที่หอฝึกตน
ที่นั่น เขาพบกับครูฝึก
.
.
.
"หืมม  นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้า..."
ครูฝึกรู้สึกเห็นใจเป็นอย่างมากที่ วีด ถูกบังคับให้เปลี่ยนอาชีพเป็น ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน (Legendary Moonlight Sculptor)
"ผมผิดเอง"
พูดกล่าวสั้นๆ และก้มหัวลงด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
"ไม่   จะมีใครกล้ามาตำหนิเจ้า?  อุปทูตทำเกินไปแล้ว   แต่กระนั้น ใจเย็นๆ ความหวังยังมีอยู่"
ครูฝึกตบบ่าให้กำลังใจ วีด
"ใช่แล้วครับครูฝึก   ครูเป็นคนเดียวที่ผมมักจะเชื่อใจได้..." วีด พูด
" ฮ่าๆ แน่นอนที่สุด  อย่างไรก็ตามเจ้าก็กลับมาจากการเดินทางที่ยอดเยี่ยมแถมยังทำภารกิจของข้าสำเร็จอีกด้วย"
ครูฝึกให้รางวัลเขาเป็นเหรียญทองสามเหรียญกับ ห้าสิบแต้มจากการช่วยบริการสังคมแห่งโรเซนไฮม์ สำหรับการสำเร็จภารกิจกวาดล้าง ถ้ำสัตว์ร้ายแห่งลิตวาร์ต

แต้มการบริการสังคมนั้นเมื่อสะสมได้จำนวนมากแล้ว มันจะทำให้ผู้เล่นมีอำนาจต่อรองกับเมืองกับอาณาจักรมากขึ้น และยังทำให้สามารถมีสิทธิในตำแหน่งราชการได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม  ทัศนะคติของครูฝึกที่มีต่อ วีด เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
เขาไม่มองว่า วีด เป็นเพื่อนร่วมเส้นทางแห่งนักดาบกับเขาอีกต่อไป
นั่นหมายความว่า ความสนิทสนมระหว่างพวกเขา  ซึ่งเป็นสิ่งที่ วีด ต้องพยายามอย่างมากในการสร้างขึ้นมานั้นพังลงไปเล็กน้อย
หลังจากไปเยี่ยมครูฝึกแล้ว  วีด ไปที่คฤหาสน์ของ โรดริเกวซ เป็นที่สุดท้าย

.
.
.
.
อุปทูตก็ยังคงหมกหมุ่นกับการค้นคว้าเช่นเดิม
"ฮ่าๆ เจ้าทำภารกิจสำเร็จแล้วจริงๆรึนี่ ข้านึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าซะแล้ว เพราะเจ้าไม่โผล่มาที่บ้านข้านานเหลือเกิน"
"ครับ ท่านอุปทูต"
"ฮึมมม... เอาเถอะ  ชะตาลิขิตไว้แล้ว ข้ามีของจะให้เจ้า"
โรดริเกวซ ยื่น รูปแกะสลักที่ทำจากไม้ขนาดพอดีมือให้ วีด รูปร่างของมันเหมือน อัศวินแห่งจักรพรรดิ (Imperial Knight)
"นี่คืออะไรครับ?"  วีด ถาม
"มันคือมรดกตกทอดของ จักรพรรดิ เกอิฮา วอน อาร์เพน
บรรพบุรุษของข้าเคยรับใช้ราชวงศ์แห่งจักรวรรดิอาร์เพเนี่ยน(Arpenian Empire)
มันเป็นภาระหน้าที่ ที่สืบทอดผ่านมาตามสายเลือดของข้า
ซึ่งข้าคือผู้รับผิดชอบหน้าที่ดังกล่าวในยุคนี้...และตอนนี้ขอข้ามอบมันให้เจ้า
ในที่สุดข้าก็หลุดพ้นจากภาระนี้เสียที" โรดริเกวซ กล่าว

***************************************

"แล้วมันเอาไว้ทำอะไรหรือครับ?"
วีด เคยได้รูปสลักไม้แบบนี้มา แล้วเมื่อครั้งเขาทำภารกิจของ ซาฮัป ผู้เป็นประติมากรแสงจันทร์  แม้มันจะรูปร่างแตกต่างกัน
"ข้าก็ไม่รู้ความลับของ รูปสลักไม้นี่เหมือนกัน  แต่มีตำนานเล่าว่าเคยมีปรมาจารย์ด้านประติมากรรมห้าคนในผืนทวีป  พวกเขามาแล้วก็ไปเหมือนสายลม รู้กันว่าพวกเขาจะทิ้งผลงานของตัวเองไว้ให้เป็นมรดก ดังนั้นข้าคิดว่ารูปสลักนี้น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น
แล้วตำนานยังบอกอีกว่า ถ้าสามารถรวมรวบรูปสลักทั้งห้าได้ครบและแก้ปริศนาของพวกมันได้  สุดยอดความลับของศาสตร์แห่งประติมากรรมจะปรากฎขึ้น  แต่ก็นะ มันก็เป็นเพียงตำนานโบราณ"
แม้จะยังสงสัย อยู่  วีด ก็ลองตรวจสอบรูปสลักดู
ด้วยความที่ทักษะตรวจสอบของเขายังต่ำอยู่ เขาจึงใช้ทักษะสำเร็จเมื่อผ่านความพยายามในการตรวจสอบไปหลายครั้งพอสมควร


*ติ๊ง*
รูปสลักไม้:
ความทนทาน 1/1
รูปสลักนี้บรรจุ ทักษะของจักรพรรดิ เกอิฮา วอน อาร์เพน ไว้.
เมื่อใช้งาน คุณจะได้รับทักษะพิเศษ ซึ่งสามารถมอบลมหายใจให้รูปสลักทุกชนิดได้
เงื่อนไข : มีความเชี่ยวชาญทางประติมากรรมถึงขั้นชำนาญ**

เมื่อครั้ง  วีด ตรวจสอบรูปสลักไม้ที่ได้มาจาก ภารกิจของ ซาฮัป  เขาพบว่ามันบรรจุเคล็ดมีดสลัก ซึ่งต้องการ ความเชี่ยวชาญด้านวิชาดาบถึงเลเวล 5หรือมากกว่าไว้เช่นกัน
"ความลับที่ยิ่งใหญ่ ซ่อนอยู่ในความเชี่ยวชาญทางประติมากรรม"  วีด กล่าว
"ตอนนี้เจ้าอยู่บนเส้นทางแห่งศาสตร์ของประติมากรรมแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะก้าวขึ้นไปถึงระดับ แกรด์มาสเตอร์ (Grand Master) ของความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรม
โลกนี้ยังไม่มีใครเคยเห็น แกรนด์มาสเตอร์ มาก่อน แต่ถ้ามีอยู่ เขาก็คงสามารถควบคุมชะตาของทวีปได้โดยง่าย
จริงอยู่ว่าที่ข้าชี้เส้นทางนี้ให้เจ้าเพราะความประสงค์ร้าย แต่เรื่องที่ข้าบอกเจ้านั้นเป็นเรื่องจริง"


วีด ไม่โกรธ โรดริเกวซ อีกต่อไป
อดีตก็คืออดีต  ตอนนี้เขากำลังสนใจในงานประติมากรรมมากกว่า
...บุรุษผู้สร้างเส้นทางของตนเอง

นอกจากนั้น วีด ยังรู้ว่า ถ้าเขาทำได้สำเร็จล่ะก็  วันเวลาแห่งลาภยศและพลังอำนาจจะคอยเขาอยู่

.
.
.


โรดริเกวซ คิดในใจว่าเขาแก้แค้นสำเร็จแล้ว  เมื่อได้เห็น  วีด ร่อนเร่ไปด้วยความหิวโหยและหนาวเย็นตลอดเจ็ดสัปดาห์
ดังนั้นความไม่พอใจที่เขามีต่อวีด จึงสูญสลายไปหมดแล้ว
"ผมมีคำถามอีกคำถาม ท่านอุปทูต นักทำอาหารหรือช่างเหล็กมีเส้นทางลับในการเป็น แกรนด์มาสเตอร์ ของตัวเองหรือไม่?"
"ข้าคิดว่ามีนะ  พระเจ้าเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่แล้ว  แต่จำไว้...ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เห็นและคว้าโอกาสไว้ได้" โรดริเกวซ กล่าว
"ถ้างั้น..."
"ต้องมีผู้ถูกเลือกแน่นอน! พวกเขาจะเห็นเส้นทางของตัวเอง  แต่ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาว่าจะคว้าไว้หรือไม่"
เมื่อวีดได้ยินสิ่งที่อยากรู้แล้ว  เขาก็ออกมาจากคฤหาสน์

*****************************************

ดาริอุส (Darius) ตื่นเต้นมากจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง  เขาไม่คิดเลยว่าการทำภารกิจที่ดูจิ๊บจ๊อยของตัวเองจะนำเขามาได้ไกลถึงขนาดนี้
เขาคิดว่าตัวเองโชคดีมาก
.
.
.
 มีชายสองคนที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในอาณาจักรโรเซนไฮม์
 ดยุค คานัส (Duke Kanus) และ เคาท์ อัลบรูค (Count Albrook)
(Duke = ดยุค ตำแหน่งขุนนางอังกฤษ เทียบของไทยคือเจ้าพระยา)
(Count = เคาท์  ตำแหน่งขุนนางอังกฤษเช่นกัน เทียบของไทยคือระดับพระยา)
หนึ่งในนั้นคือ ดยุค คานัส  ผู้กุมอำนาจในกำลังทหาร ซึ่งมีอำนาจมาก

ชายที่ถูกเอ่ยถึงนั้นตอนนี้กำลังยื่นดาบขาวดุจหิมะมาที่เขา
"ท่าน ดาริอุส ข้าขอมอบตำแหน่งอัศวินแห่งโรเซนไฮม์ให้กับท่านชั่วคราวเนื่องด้วยคุณความดีที่ท่านอุทิศตนเพื่อราชสำนัก
ข้าขอสั่งให้ท่านสร้างกองกำลังกวาดล้างด้วยอำนาจแห่งอัศวิน และช่วยเหลือชาวบ้านที่ชายแดนจากความทุกข์ทรมาน"
"รับคำสั่ง, ท่านผู้สูงศักดิ์ (milord) ท่านไว้ใจข้าได้"  ดาริอุส กล่าว
"เซอร์ ดาริอุส ข้าขอฝากภาระหน้าที่นี้แก่ท่าน" ดยุค คานัส  กล่าว
ดาริอุส รู้สึกถึงสัมผัสจากดาบบนบ่าซ้าย ขวา และบนหัว มันอาจจะเป็นรู้สึกที่น่าหวาดหวั่นหากอยู่ในยามสงคราม แต่ตอนนี้เขากำลังอยู่ในพิธีแต่งตั้งอัศวินในพระราชวังแห่งโรเซนไฮม์
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของดาบก็คือ ดยุค คานัส
แทนที่จะหวาดกลัว   มันกลับเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดสำหรับ ดาริอุส ที่ตอนนี้เกือบจะตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
ดาริอุส ต้องสู้กับความรู้สึกอยากอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นและความอยากม้วนตัวไปตามพรม ทั้งๆที่อยู่ในบรรยากาศที่เคร่งขรึม
เขาพยายามไม่แสยะยิ้มออกมา  แต่ก็หยุดรอยยิ้มที่มุมปากไม่ได้
'ตอนนี้เราคือผู้บัญชาการกองกำลังกวาดล้างแล้ว'
ดาริอุส  คิดว่าตัวเองโชคดี โชคดีมากๆ
.
.
.
'เราต้องทำอะไรซักอย่าง'  วีด  ทำหน้าจริงจัง
เขาคิดเกี่ยวกับเนื้อแท้ของอาชีพประติมากรที่เขาได้เป็นโดยไม่ตั้งใจ
.
.
.
เมื่ออาวุธหลักของ วีด คือดาบ  แล้วลองนำไปเปรียบเทียบกับอาชีพ  นักดาบ (Sword Warrior)
เมื่ออาชีพของเขาถูกชี้ชัดแล้วว่าคือประติมากร   นักดาบย่อมชนะเขาตรงที่ได้โบนัสพลังโจมตีเพิ่มขึ้น50% จากความเชี่ยวชาญด้านดาบ
แน่นอนว่า วีด สามารถลดระยะห่างตรงนี้ได้ด้วย ทักษะช่างฝีมือเป็นการชดเชย
ซึ่งต้องขอบคุณค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมาของเขาทำให้ตอนนี้ อัศวินที่เลเวลเท่ากันก็ไม่ครณามือเขาแล้ว
ถ้าเปรียบเทียบให้ต่ำลงไปอีกเล็กน้อย  เขามั่นใจว่าสามารถดวลกับ นักดาบถึงสองคนพร้อมกันได้ ที่เลเวลเท่ากัน ด้วยเคล็ดมีดสลักและวิชาดาบจักรพรรดินิรลักษณ์
.
.
.
วิชาดาบจักรพรรดินิรลักษณ์
วีด  ประหลาดใจกับพลังของวิชานี้มากเมื่อเขาลองใช้มัน  วิชานี้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียกว่า ใส่สูตรโกง(Cheat Key)
มันเพิ่มพลังโจมตีและความเร็วในการตอบสนองสองเท่า
เพิ่มอัตราการฟื้นมานาสามเท่า
ไม่แปลกเลยที่ จักรพรรดิ เกอิฮา เลือกมันเพื่อส่งต่อให้ผู้สืบทอดของเขา

อย่างไรก็ดี  กับ อัศวิน ก็ยังมีทักษะการใช้ดาบกับรูปแบบการหายใจของพวกเขาเอง
เมื่อพวกเขาเชี่ยวชาญการใช้รูปแบบการหายใจที่เหมาะสมกับอาชีพของตนเอง มันก็จะส่งผลลัพธ์ที่ดีออกมา  ต่อให้ระดับของวิชาดาบที่พวกเขารู้จะต่ำกว่า วิชาดาบจักรพรรดินิรลักษณ์ของ วีด  ก็ตามที  มันเป็นสิทธิพิเศษสำหรับ อัศวิน และ นักรบ สองอาชีพมาตรฐานที่เชี่ยวชาญพิเศษในเรื่องทักษะการต่อสู้

อีกในแง่หนึ่งก็คือ ไม่ว่า วีด จะเพิ่มทักษะช่างฝีมือและค่าสถานะอื่นอย่างจริงจังแค่ไหน หรือได้ ทักษะเหมือนสูตรโกงเพิ่มขึ้นมา
สุดท้ายแล้ว วันหนึ่งเขาย่อมพบกับคู่ต่อกรของเขา
แม้กระทั่งตอนนี้ ที่ ขนาด วีด ใช้กลยุทธ์ลับแล้ว แต่เขาก็แค่เหนือกว่าพวกนั้นอยู่ปลายจมูก
(หมายถึง การฝึกที่หอฝึกตน)

นั่นคือ จริงๆแล้วถ้าไม่นับการลงทุนฝึกฝนในทักษะช่างฝีมือ วิชาดาบจักรพรรดินิรลักษณ์และค่าสถานะที่เพิ่มจากหอฝึกตน เขายังอ่อนแอกว่า นักดาบ ธรรมดาอยู่มากโข
"แต่อาชีพประติมากร ก็น่าจะมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ มากกว่าที่เห็นภายนอก  ไม่งั้น จักรพรรดิ เกอิฮา คงไม่สามารถพิชิตทั้งทวีปได้  แล้วมันก็คงยากที่จะอธิบายความแข็งแกร่งของ ซาฮัป " เขาพูดกับตัวเอง

***************************************

ณ  ป้อมปราการแห่งเซราบอร์ก เมืองหลวงแห่งอาณาจักรโรเซนไฮม์
ผู้เล่นหลายคนยืนดูรูปแกะสลักหลากหลายอันที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าของลานน้ำพุที่ตั้งอยู่ในใจกลางตัวเมืองอันเฟื่องฟู
วีด เปิดแผงขายของเพื่อพัฒนาระดับความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมของเขาเป็นครั้งที่สอง
"สวัสดีค่ะ  อันนี้เท่าไหร่เหรอคะ?" เด็กสาวผู้หนึ่งถามขึ้น
"ห้าเหรียญเงินครับ"  วีด กล่าว
"อ๊า ทำไมมันแพงจัง  ช่วยลดให้เราหน่อยนะ นะๆ? เราจะซื้อสองชิ้นเลย"
เด็กสาวน่ารักส่งสายตาให้ วีด พยายามออดอ้อนขอให้เขาลดราคาให้
แต่วีด ก็ยังเป็น วีด ผู้ไร้ความปรานี โดยเฉพาะถ้ามันเกี่ยวกับเงิน ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เขาจะปฏิบัติต่อเช่นเดียวกันหมด
"ด้วยความเคารพนะครับ คุณหนู  การลดราคาก็เหมือนการดูถูกต่อผลงานศิลปะของผม
คุณคิดว่าผมจะลดความหลงใหลและความพยายามในชิ้นงานของตัวเองตอนที่แกะมันออกมางั้นหรือ?  ผลงานศิลปะนั้นสมควรต้องได้รับราคาที่เหมาะสม อันแสดงถึงคุณค่าที่แท้จริงของมัน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆภายในจิตใจตามกาลเวลาที่ผ่านไปนะครับ"  วีด พูด
เด็กหญิงรู้สึกตัวแล้ว
เธอบอกตัวเองว่าช่างเหลวไหลอะไรอย่างนี้ ที่พยายามต่อรองผลงานศิลปะที่ออกมาจากใจของช่างแกะสลัก  ด้วยความสำนึกผิด เด็กหญิงหยิบเหรียญเงินที่ส่องประกายออกมาจากกระเป๋า
(โดนมันหลอกแล้ววววววววหนู >_< --ผู้แปล)
"ขอโทษค่ะ  นี่ค่ะสิบเหรียญ" เด็กหญิงกล่าว  
"ขอบคุณมากครับคุณหนู"
วีด ยิ้มอย่างเคร่งขรึม  พร้อมยื่นรูปสลักสองชิ้นให้เธอ
มันคือรอยยิ้มของผู้ชนะ
เขาภูมิใจในตัวเอง ที่ขายรูปสลักได้ตามราคาที่แท้จริงของมัน
สมกับที่เป็นประติมากรผู้ติดป้ายว่า"แสงจันทร์ในตำนาน"
อาชีพที่เขาพยายามปฏิเสธแล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นมัน

วีด แกะรูปสลักที่งดงาม ไม่แพ้ มาตรฐานของ Pratique Des Arts ,Peinture, Sculpture, Gravure
(นิตยสารเกี่ยวกับศิลปะชื่อดังของฝรั่งเศส)
ตอนนี้เลเวลของความชำนาญด้านประติมากรรมของเขาอยู่ที่เลเวลสี่
เมื่อ วีด เปลี่ยนอาชีพเป็นประติมากรแสงจันทร์ ประสิทธิภาพของความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมของเขาเพิ่มขึ้นสองเท่า ยิ่งกว่านั้นเขายังมีสุดยอดไอเท็มขี้โกงอย่าง มีดแกะสลักของซาฮัป อีกด้วย
.
.
.

กลุ่มลูกค้านิยมซื้อรูปสลักเล็กๆที่ทำด้วยวัสดุธรรมดา ที่ทำจากฝีมือครึ่งๆกลางๆของเขามาก
ความเรียบง่ายและราคาถูกของมันดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาจำนวนมาก  แฟนๆบางคนของเขาถึงขนาดต่อแถวรอซื้อผลงานศิลปะที่เขากำลังทำอยู่
รูปสลักจิ้งจอกกับกระต่ายที่ราคาวัตถุดิบไม่ถึงสิบเหรียญทองแดง เป็นที่นิยมมากในแผงของเขา  พวกมันถูกขายอย่างรวดเร็วแม้จะมีราคาถึง ห้าเหรียญเงิน
วีด เชื่อว่างานที่เขาทำช่างเป็นธุรกิจที่สุจริต
เขาไม่ได้บีบบังคับให้ใครมาซื้อรูปสลักของเขา
เขาจะทำอย่างไรได้กับฝูงชนที่มุงเข้ามาเพื่อหยิบซื้อผลงานของเขาด้วยราคาที่กำหนดไว้แล้ว?
วีด ขยับมีดแกะสลักเร็วขึ้น  เขากำลังเพิ่มความเชี่ยวชาญในความสามารถด้านประติมากรรมระหว่างที่เขาหาเงินอยู่...

************************************

...เช่นเดียวกับความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรม
ทักษะทำอาหารและทักษะช่างฝีมืออื่นก็จะพัฒนาจากขั้นพื้นฐานไปขั้นกลางเมื่อระดับเลเวลขึ้นถึงสิบแล้ว
ซึ่งจะกลับมาที่ระดับ หนึ่งอีกครั้งเพื่อพัฒนาไปสู่อีกขั้นหนึ่ง
สำหรับทักษะทำอาหาร
ระดับที่พัฒนาขึ้นจะช่วยเพิ่มคุณสมบัติในการเพิ่มพลังชีวิตและมานาให้อาหารที่ทำเอง
ในส่วนของทักษะซ่อมแซม นั้นเมื่อไปถึงระดับขั้นกลางแล้ว มันจะนำไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆสำหรับการสร้างหล่ออาวุธและชุดอุปกรณ์สวมใส่
ซึ่งยังไม่จบแค่นั้น
หากทักษะเหล่านั้นเพิ่มถึงเลเวลสิบอีกครั้ง กล่าวคือผ่านจากขั้นกลางไปสู่ขั้นชำนาญ
ในขั้นชำนาญนี้ก็จะนำไปสู่ผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง ผู้ที่พิสูจน์ตนเองได้ว่าสมควรได้รับการยกย่องจากการที่สามารถก้าวผ่านทุกขั้นตอนได้อย่างสมบูรณ์
ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาทักษะ  ไม่ว่าจะงานฝีมือหรือการต่อสู้
ย่อมได้รับการยกย่องและเชิดชูจากผลงานที่เขาทำอย่างใดอย่างหนึ่ง  แต่การเชี่ยวชาญทักษะงานฝีมือเกือบทั้งหมด เช่น ประติมากรรม และทำอาหาร เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก**
จุดหมายแรกของ วีด ตอนนี้คือ
พัฒนาทักษะช่างฝีมือของเขาจากขั้นพื้นฐานไปสู่ขั้นกลางให้ได้
เลเวลของทักษะนี้เพิ่มขึ้นถึง 9 เมื่อครั้งเขาเสนอตัวช่วยซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เสียหายและทำอาหารให้กองกำลังกวาดล้างที่ ถ้ำสัตว์ร้ายแห่งลิตวาร์ต
อีกแค่หนึ่งเลเวลทักษะช่างฝีมือก็จะขึ้นไปสู่ขั้นกลาง
#######################
สำหรับคนที่งงนะครับ
(Basic stage=ระดับความเชี่ยวชาญขั้นพื้นฐาน)
(Intermediate stage =ขั้นกลาง)
(Expert stage =ขั้น ชำนาญ)
จาก Basic stage lv1 ถ้าเก็บเลเวลจนเป็น  Basic stage lv 10
 มันก็จะเปลี่ยนเป็น  Intermediate lv 1
และหาก เก็บจน Intermedate stage lv 10
มันก็จะเปลี่ยนเป็น Expert Stage
#########################

ทักษะช่างฝีมือขั้นกลาง นั้นจะช่วยเสริมความเชี่ยวชาญด้านดาบกับธนูโดยการเพิ่มพลังโจมตีทั้งหมดให้เพิ่มขึ้น 30%
ทักษะนี้จำเป็นสำหรับประติมากร ผู้ที่มีพลังโจมตีต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งเป็นผลมาจากคุณลักษณะของอาชีพนี้
'ทักษะช่างฝีมือค่อนข้างมีประโยชน์ทีเดียว'
เมื่อทักษะช่างฝีมือพัฒนาขึ้น งานมีฝีมือทุกอย่างก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทักษะช่างฝีมือขั้นชำนาญนั้นจะทำให้ผู้เล่น สามารถยกระดับขอบเขตของงานฝีมือขึ้นไปได้ เช่น งานตีเหล็กหรือการเล่นแร่แปรธาตุ
อาชีพ ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน นั้นได้รับบัตรผ่านสำหรับทุกงานฝีมือที่เกี่ยวข้องกับอาชีพอื่นๆแล้ว
แต่ วีด ตระหนักว่าระดับของทักษะงานฝีมือที่สูงขึ้นน่าจะทำให้สามารถพัฒนางานฝีมือพวกนั้นได้ง่ายและเร็วขึ้น
บางทีเส้นทางของเหล่าช่างฝีมืออาจจะค่อยๆมาบรรจบในเส้นทางเดียวกันสำหรับการกลายเป็นแกรนด์มาสเตอร์ผู้ทรงอำนาจก็ได้
จริงๆแล้ว อาจจะพูดได้ว่าอาชีพช่างฝีมืออาจจะสูญพันธุ์ไปแล้วหากไม่มีทักษะช่างฝีมืออยู่  เพราะพวกเขาคงไม่สามารถไปต่อสู้กับใครได้นอกเสียจากจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับความสามารถทางการต่อสู้อันน่าสมเพชของพวกเขาเสียก่อน
.
.
.
"เอาล่ะ  ในที่สุดก็เสร็จตัวที่ร้อยซะที!"
แม้ว่า วีด จะแกะสลักอย่างไม่หยุดไม่หย่อน  แต่ความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมของเขาก็ยังคงหยุดอยู่ที่เลเวลสี่กับ 98%   ซึ่งตรงกันข้ามกับทักษะช่างฝีมือที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
"หวังว่ามันจะเพิ่มขึ้นถ้าเราแกะอีกซักห้าสิบตัวนะ"


ทันใดนั้น ลูกค้าสาวๆต่างวิ่งออกไปคนละฝั่งอย่างตื่นตระหนก
และตรงกลางระหว่างพวกเธอนั้นมีชายสูงใหญ่ท่าทางน่าสยองขวัญปรากฏตัวขึ้นอีกทั้งกำลังเดินเข้ามาหา วีด
ชายคนนั้นเหมือนจะเต็มไปด้วยออร่าแห่งความตายซึ่งขนาด วีด ยังรู้สึกเสียวสันหลัง
'เราไปทำอะไรให้เจ้าวายร้ายนี่โกรธรึเปล่านะ?'   วีด ถามตัวเอง
ชายคนนั้นมองไปรอบๆด้วยสายตาที่ดุดัน
"ว้ายยยยย!"
"เขามองมาทางฉันแล้ว!" หญิงสาวกรีดร้อง
ชายคนนั้นเดินเข้ามาหาวีด อย่างช้าๆ และก้มหัวลงด้วยท่าทีทุกข์ตรม
"ข้ามีเรื่องบางอย่างจะขอร้องท่าน" ชายคนนั้นกล่าว
"อะไรนะ?"
"ข้ามาที่นี่เพื่อซื้อรูปสลัก แต่ข้าไม่พบสิ่งที่ข้าต้องการเลย" ชายคนนั้นพูดขึ้นพร้อมกับคุกเข่าลงหน้า วีด
"ท่านจะช่วยสร้างรูปสลักตามแบบที่ข้าขอได้หรือไม่? ไม่สิ ข้าขอร้องท่านล่ะ ได้โปรด
แกะรูปสลักให้ข้าด้วยเถอะ เพื่อที่ข้าจะได้ไปขอแต่งงานเธอคนนั้นได้"
วีด พยายามบอกให้ชายคนนั้นยืนขึ้นและฟังเรื่องราวของเขา
ชื่อของชายคนนี้คือ โวล์ค


****************************************

โวล์ค หลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่เขาเริ่มเล่นเกมออนไลน์ก็เป็นเพราะต้องการอยู่ข้างๆคอยปกป้องเธอ เธอคนนั้น
เพื่อให้เข้ากับเธอผู้เล่นเป็นพรีส (Priestess)
เขาเลือกเล่นอาชีพพาลาดิน
ในระหว่างหลายปีของภารกิจและการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน หญิงสาวไม่เคยตายเลยสักครั้งเนื่องด้วยการอุทิศตัวและการเสียสละของเขา
เขาสนุกกับอีกชีวิตหนึ่งของเขาที่ได้ผจญภัยและรับการรักษาจากเธอมาก
แต่ละเดือนที่ผ่านไป สายสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอก็แน่นแฟ้นมากขึ้น  เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอเธอ
และตอนนี้คือเวลาที่เขาจะขอเธอแต่งงาน
"ผมอยากมอบของบางสิ่งให้เธอ สิ่งที่เธอจะไม่มีวันลืมเลือน    ไม่ใช่แค่ดอกไม้ที่จะเหี่ยวเฉาลงในวันหนึ่ง  ผมอยากให้คุณแกะสลักดอกไม้ที่จะไม่มีวันแห้งเหี่ยว เพื่อผมจะได้สลักใจของลงไปในนั้นได้    ได้โปรด!"
โวล์ค ยังคงคุกเข่า

แม้ใบหน้าของเขาจะเหมือนเป็นการข่มขู่กรรโชก  แต่ใจของเขาไม่เป็นอย่างนั้น
จะมีบุรุษกี่คนที่สามารถคุกเข่าให้คนแปลกหน้าเพื่อบูชาความรักอันปราศจากเงื่อนไขในหัวใจ?
วีด มองไปรอบๆ และถอนหายใจออกมา
หญิงสาวหลายคนกำลังซาบซึ้ง แม้กระทั่งเขาที่สนแต่เงิน ก็ยังรู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าของ โวล์ค
.
.
.
.
.
ผมรักเธอ
ผมรักเธอ...  แต่ทำไมเธอถึงไม่เห็นมัน
ผมอยากพูดสิ่งที่ิอยู่ในใจออกมา
ผมพยายามกล่าวในใจมากกว่าพันครั้งว่าผมรักคุณ!
แต่ทำไมผมถึงไม่สามารถพูดประโยคเดียวกันได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ?
.
.
.
.
.
ในฐานะผู้ชายด้วยกัน  วีด รู้สึกเห็นใจ โวล์ค
เขากุมมือพาลาดินหนุ่มให้ยืนขึ้น
"สำหรับเรื่องแค่นี้...คุณไม่จำเป็นต้องคุกเข่าหรอก ครับคุณ โวล์ค  สำหรับคุณแล้ว  ผมยินดีที่จะรับคำขอนั้น"
โวล์ค เช็ดน้ำตาบนใบหน้า
"ขอบคุณมาก คุณ วีด"
"ไม่เป็นไรครับ  ว่าแต่คุณอยากได้ดอกไม้แบบไหนเหรอ?"
"ช่วยทำดอกทานตะวัน 7 ดอก ที่ดุจดังเธอผู้สามารถเก็บความรู้สึกของผมไว้   เธอผู้ประดุจแสงสว่างของชีวิตของผม ตลอด  7ปี
"อืม  รอซักครู่นะ"
วีด  ตรวจดูกองไม้ที่อยู่ข้างๆเขา และเลือกไม้ซุงที่คุณภาพดีที่สุด
ไม้เอลเวน (Elvenwood)
มันเป็นไม้เนื้อแน่น และแข็งที่รู้กันว่าเติบโตในเฉพาะเขตอบอุ่นบริเวณภาคใต้
เขามีชิ้นเดียว ขนาดเท่าก้อนหินใหญ่ ซึ่งยังไม่ได้ตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กเพื่อแกะสลัก
'เราคงต้องพยายามอย่างสุดฝีมือแล้วสิทีนี้'

ตอนนี้แม้จะหลับตา วีด ก็สามารถแกะจิ้งจอกหรือกระต่ายได้แล้ว  แต่ดอกไม้นี้ดูเหมือนจะเป็นความท้าทายอีกครั้ง
'ถ้าเราแกะดอกไม้ทีละดอกแยกกัน  มันก็ไม่ยากเท่าไหร่ แต่เราจะเอามันมารวมกันทีหลังยังไงละ?.....ดอกทานตะวันเจ็ดดอกที่ล้อมรอบด้วยดอกกุหลาบร้อยดอกน่าจะเหมาะเป็นของขวัญส่วนตัวของเราให้คู่รักคู่นี้  มันน่าจะดีถ้าแกะเป็นช่อดอกไม้ทีเดียวเลย'
วีด กำหนดรูปร่างของชิ้นงานทั้งหมดและเริ่มเหลาชิ้นไม้ช้าๆ
โวล์ค  และหญิงสาวรอบๆ มองไม่ออกว่า วีด จะทำอะไร
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม วีด เลือกไม้ชิ้นใหญ่ขนาดนั้นมาเพื่อแกะดอกทานตะวันแค่เจ็ดดอก
เมื่อ ไม้เอลเวน ถูกเหลาไปเรื่อยๆรูปร่างก็เริ่มปรากฎให้เห็นทีละเล็กทีละน้อย
ดอกไม้ดอกแรกที่ปรากฎให้เห็นคือดอกทานตะวันขนาดใหญ่ และในไม่ช้าก็ตามด้วยดอกกุหลาบรายล้อมรอบมัน
เมื่อมือเวทมนตร์ของ วีด ร่ายรำไป ช่อดอกไม้อันงดงามก็ปรากฎโฉมของมันจากส่วนบนลงไปส่วนล่าง

"ว้าววววว!"
"มหัศจรรย์"
จากลูกค้าที่รอคอยอยู่ก็กลายเป็นผู้ชมที่กำลังตื่นเต้น  คอยมองดูศาสตร์แห่งประติมากรรมที่เผยให้เห็นโดย วีด
ทุกครั้งที่มีดแกะสลักเฉาะเฉือน
ทุกเวลาที่ไม้ถูกเหลา
หัวใจของผู้ชมต่างเต้นแรงด้วยความวิตกกังวลว่าความผิดพลาดเล็กๆน้อยอาจจะทำให้ดอกไม้ที่บอบบางนี้แตกหัก
"พระเจ้าช่วย! ขอให้เขาสำเร็จด้วยเถอะ"
นี่ไม่ใช่แค่สิ่งที่ วีด หรือ โวล์ค ต้องการเท่านั้น แต่ยังเป็นความหวังของทุกๆคนที่นั่นด้วย

เบื้องหน้าพวกเขา
วีดกำลังตั้งสมาธิกับการแกะดอกไม้อย่างเร่าร้อน
เมื่อมีดแกะสลักขยับไป  ไม้ก็กลายเป็นรูปร่าง  เผยให้เห็นช่อดอก และกลีบก้าน
ณ จุดนี้ไม่อนุญาตให้เกิดความผิดพลาด
ดวงตาของ วีด ลุกวาวเป็นประกาย
ถ้าเขาอยู่เพียงคนเดียว เขาอาจจะให้อภัยความผิดพลาดได้  แต่ตอนนี้เขากำลังอยู่บนเวทีที่ล้อมรอบด้วยผู้คนจำนวนมาก
ถ้าเขาทำให้ความหวังของลูกค้าพังทลายตอนนี้ล่ะก็  ชื่อเสียงกิตติศัพท์ที่กำลังเลื่องลือของเขาคงพังทลายลงมาทันที
เขารู้ดีกว่าใครว่า ความนิยมของเขากำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก  ด้วยความจริงที่ว่าไม่มีประติมากรคนอื่นอยู่ในบริเวณแถบนี้เลย ดังนั้นเขาต้องหลีกเลี่ยงความผิดพลาดทุกวิถีทาง
จินตนาการของแฟนๆ มีค่าเท่ากับเงิน!
วีด กลั่นกิเลสอันมโหฬารของเขาให้เป็นผลงานศิลปะ และสร้างช่อดอกไม้สำเร็จ

*ติ๊ง*
ระดับความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 5
เพิ่มความงดงามและสลับซับซ้อนให้ชิ้นงาน
ลดอัตราความล้มเหลวในกรณีที่คุณสร้างชิ้นงานที่ผิดพลาด
อัพเกรด : ทักษะช่างฝีมือ [ระดับพื้นฐานพัฒนาสู่ระดับกลาง]
เพิ่มพลังโจมตีจากอาวุธและหมัด 30% [+30% ATK]
เพิ่มขอบเขตของงานฝีมือทุกชนิด  เพิ่มความชำนาญด้านวิชาดาบ
ค่าศิลปะเพิ่ม 5 หน่วย
ค่าชื่อเสียงเพิ่ม 1 หน่วย
คำเตือน : การขายชิ้นงานที่ผิดพลาดจะทำให้ค่าที่เพิ่มขึ้นถูกลดระดับลง

*************************************

ทันทีที่  วีด แกะช่อดอกไม้สำเร็จ  เลเวลของทั้งสองทักษะนั้นก็เพิ่มขึ้นพร้อมกัน
เพราะความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมของเขานั้นหยุดอยู่ที่เลเวลสี่กับอีก   98%
ดังนั้นหน้าต่างแสดงการเพิ่มระดับอันแรกจึงไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไหร่
แต่ค่าความเชี่ยวชาญของทักษะช่างฝีมือที่เพิ่งมีแค่ 6% เท่านั้น กลับเลเวลเพิ่มขึ้นถึงสิบ และพัฒนาเป็นระดับกลางทันที
และเขายังโชคดีที่ ค่าสถานะศิลปะที่รบกวนจิตใจของเขาเพราะไม่เพิ่มขึ้นสักทีนั้น เพิ่มขึ้นมาห้าจุด
"นึกไม่ถึงเลยนะนี่"
"หน้าต่างทักษะ!"
วีด ตรวจดูหน้าต่างทักษะอย่างรวดเร็ว
และเห็นว่าระดับเลเวลของความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมของเขา ไม่แค่เพิ่มเลเวลขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีค่าความเชี่ยวชาญสะสมอีก 17%   แถมทักษะช่างฝีมือยังมีเก็บสะสมอีก 5%  หลังจากพัฒนาเป็นระดับกลาง
'นี่มันอะไรกัน?'
วีด รู้สึกตื่นเต้นกับความโชคดีของเขา และเข้าใจได้ในไม่ช้าว่า มันมาจากไหน
.
.
.
ศาสตร์แห่งประติมากรรมั้น ไม่ใช่เป็นแค่สายพานลำเลียงของโรงงาน
ค่าความชำนาญในความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นจากการผลิตผลงานเยอะๆเพียงเท่านั้น
ค่าความชำนาญนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก หากประติมากรได้อุทิศตัวในการสร้างผลงานแปลกใหม่ที่มีคุณค่าทางศิลปะสูง
มันทำให้ วีด นึกถึงตอนที่เขาแกะสลักจิ้งจอกกับกระต่ายเป็นครั้งแรก ที่ค่าความเชี่ยวชาญของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในตอนนั้นแม้จะผิดพลาดอยู่บ้างแต่ด้วยการทดลองและพยายามหลายๆครั้ง ก็ทำให้ความเชี่ยวชาญของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  แต่เมื่อเขาหยุดทดลองแกะสลักสิ่งใหม่ๆ และหันไปเน้นแกะสลักผลงานเดิมๆ ค่าความเชี่ยวชาญในด้านประติมากรรมของเขาก็เพิ่มขึ้นช้าลงเรื่อยๆ

'เราคิดว่าที่มันเลเวลขึ้นช้าเป็นเพราะ ระดับเลเวลมันสูงขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่  เราหลงทางไปหน่อย'

ในระหว่างที่ วีด กำลังหมกหมุ่นอยู่กับความคิดของตนเอง โวล์ค และหญิงสาวคนอื่นๆก็กำลังลุ่มหลงอยู่กับช่อดอกไม้
ช่อดอกไม้ที่ทำจากไม้
ดอกทานตะวันที่ล้อมรอบด้วยดอกกุหลาบกำลังสร้างความปิติยินดีให้แก่พาลาดินหนุ่ม
ในสายตาเขามันคือเวทมนตร์
"โอ้พระเจ้า ผม ...ผมไม่อยากจะเชื่อ..."
หยดน้ำตาไหลหลั่งออกมาจากดวงตาของ โวล์ค
"นี่มันทำจากไม้จริงๆรึ? ยังกับเวทมนตร์..."
"ใช่แล้วครับคุณ โวล์ค   คุณก็เห็นผมแกะมันกับมือนี่?"
"มันไม่น่าจะเป็นไปได้"  โวล์ค กล่าวออกมาพร้อมน้ำตา
ผู้ชมคนอื่นต่างก็กำลังพิศวงงงงวยกับผลงานของ วีด

ถ้าไม่มีมีดแกะสลักของ ซาฮัป เขาคงไม่สามารถสร้างงานชิ้นนี้ได้ และโดยเฉพาะในจังหวะสำคัญ ความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมและทักษะงานฝีมือยังช่วยดึงความมหัศจรรย์ออกมาจากงานของเขาอีกด้วย
"ผมทำช่อดอกไม้นี้ด้วยหัวใจแล้ว เอาล่ะ ตอนนี้คุณก็นำไปให้เธอด้วยหัวใจของคุณเถอะ"  วีด กล่าว
เขาปลุกใจ โวล์ค อย่างสุภาพ  เขาดีใจที่ได้ค้นพบความลับใหม่ของความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมในระหว่างที่สร้างช่อดอกไม้
"ขอบคุณ ขอบคุณมากๆครับ" โวล์ค กล่าวด้วยความรู้สึกสำนึกในบุญคุณของ วีด อย่างจริงใจ และล้วงลงไปในกระเป๋าเพื่อจ่ายค่าตอบแทนให้ วีด
ก่อนที่ โวล์ค จะทันได้ล้วงมาจ่ายให้ วีด
วีด ก็พูดขึ้น  "สามเหรียญทองครับ"
หากพิจารณาความพยายามและความทุ่มเทที่ วีด ใช้ไป  รูปสลักนี้สมควรได้รับมากกว่า 3 เหรียญทอง แต่ วีด พอใจที่จำนวนนี้
ทันใดนั้น โวล์ค ก็แสดงอาการ ลนลาน และเริ่มล้วงกระเป๋าไปมา
"มันหาย..มันหายไปไหน?"  โวล์ค คร่ำครวญออกมา  มือของเขาที่ล้วงไปในกระเป๋าไม่พบอะไรเลย
และคนที่เริ่มหวั่นวิตกก็กลายเป็น วีด
'เจ้านี่พยายามเล่นตลกกับเรารึ?'
วีด รู้แล้วว่าอะไรจะตามมา   ซึ่งหากกล่าวให้เจาะจงก็คือวีด รู้ว่า  โวล์ค จะพูดอะไรออกมา
'มันคงจะบอกว่าทำเงินหล่นหายที่ไหนไม่รู้'
"ผ-ผมขอโทษคุณ วีด   ผมทำเงินหายที่ไหนไม่รู้" โวล์ค พูดออกมา
'เพราะเมิงไม่กล้าพูดว่าเมิงไม่มีเงินแต่แรกสินะ'
โวล์ค ไม่รอคำตอบของ วีด แต่ร้องออกมาว่า  "ผมคิดว่าผมโดนล้วงกระเป๋า  ไอ้บ้าเอ๊ย!"
'ว่าแล้วเชียว'   แต่เจ้านี่คงไม่กล้าแกล้งเอาตัวรอดจากผู้คนที่กำลังจับจ้องการกระทำของมันทุกฝีก้าว  ถ้ามันเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจแบบนี้ มันน่าจะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคิดขโมยของของเราไป
"จะเป็นอะไรไหม  ถ้าผมจะจ่ายเป็นอย่างอื่นที่มีค่าเท่ากันแทนเงิน?"
โวล์ค เดินไปตามบทที่ วีด มองออกหมดแล้ว  มันเป็นเล่ห์กลทั่วไปของคนถังแตก
ซึ่ง เขาประเมิน วีด ต่ำไป ,  วีด ผู้กำลังแผ่ออร่าที่น่ากลัวออกมา
'คิดว่าจะปล้นกันได้ง่ายๆรึ?"  วีด คิด
นั่นทำให้ โวล์ค ต้องพยายามล้วงมือเข้าไปหาเงินในประเป๋าอีกครั้ง
"อ๊ะเจอแล้ว  ผมยังเหลือเงินสองเหรียญทองกับ เก้าสิบเหรียญเงิน  คุณช่วยลดให้ผมสักสิบเหรียญเงินได้ไหม?" โวล์ค ขอร้อง
"ทำไมคุณไม่ให้อะไรผมซักอย่างที่มีราคาเท่ากับสิบเหรียญเงินล่ะ?  คุณมีอะไรบ้าง?"
สายตาที่แหลมคมของ วีด กวาดไปทั่วทั้งชุดของ โวล์ค   เขาเห็นอาวุธ  อุปกรณ์และเครื่องประดับของโวล์ค
ด้วยความที่ วีด อยากทราบทันทีว่าไอเท็มที่เขาได้มานั้นคืออะไร และต้องการประเมินราคาตลาดของมัน ลักษณะของไอเท็มในเกม รอยยัลโรด นับหมื่นชิ้นจึงถูกบันทึกในสมองของ วีด
แต่เขาก็ไม่พบสิ่งที่มีมูลค่าใดๆ จาก เครื่องแต่งกายซอมซ่อของโวล์ค

พาลาดินหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากเสื้อและยื่นมันให้แก่ วีด
วีด ตรวจดูหนังสือเล่มนั้นอย่างรวดเร็ว
นครที่ถูกลืมแห่งทวีปเวอร์เซลล์ #4
บนฟากฟ้าเหนืออาณาเขตทิศใต้ของ อาณาจักรโรเซนไฮม์มีมหานครลึกลับที่เป็นตำนานและเทพนิยายล่องลอยอยู่ ซึ่งเป็นที่พำนักของเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกับมนุษย์ หากจะอธิบายให้ชัดเจน  คำที่เหมาะกับพวกเขาคือ เผ่าวิหค (Aves)
พวกเขาเป็นนักรบผู้แข็งแกร่ง เป็นเผ่าพันธุ์ผู้เกลียดชังมอนสเตอร์ ซึ่งได้ช่วยขับไล่เผ่าพันธุ์ผู้รุกรานออกไปจาก อาณาเขตทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่มีใครพบเผ่าพันธุ์ผู้รุกราน นี้ ณ ที่นี่อีกต่อไป  อย่างไรก็ตามพวกเขาได้หายไปและแม้กระทั่งเส้นทางไปสู่เมืองที่รู้จักกันในชื่อ
นครลอยฟ้า (The City of Heaven) ก็หายไปด้วย
ตอนนี้ การคงอยู่ของมหานครนี้กลายเป็นสิ่งที่ดูน่าสงสัย  แต่ชาวบ้านในเขตทิศใต้ก็ยังคงเชื่อในเรื่องของมหานครและเผ่าพันธุ์กล้าหาญผู้มีปีกนี้และบอกเล่าสู่ลูกหลานของพวกเขาจากรุ่นสู่รุ่น
แหล่งข้อมูลที่ยังไม่ยืนยันบอกว่า การที่จะไต่ขึ้นไปสู่ นครลอยฟ้า ต้องใช้เมล็ดลึกลับบางอย่าง

วีด รู้สึกเหมือนโดนหลอก
ใครจะเชื่อเรื่องไร้สาระอย่าง นครลอยฟ้า ?
ต่อให้นครนี้ฝ่ากฎของฟิสิกส์ลอยอยู่ที่ไหนสักแห่งบนท้องฟ้าจริงๆ  นครนี้ก็น่าจะถูกมองเห็นจากบนพื้นได้บ้าง  แถมหนังสือที่บอกถึงการคงอยู่ของ นครลอยฟ้า เล่มนี้ยังเป็นแค่คำบอกเล่า
ถ้านั่นยังน่าขำไม่พอ  ย่อหน้าสุดท้ายที่บอกว่าการจะขึ้นไปบนนครนั้นต้องไต่ต้นไม้ขึ้นไปนั้นยิ่งน่าขำขึ้นไปอีก  ไร้สาระสุดๆ
ดังนั้นความน่าเชื่อถือของหนังสือเล่มนี้จึงเท่ากับศูนย์
ราวกับ  โวล์ค รู้สึกได้ว่า วีด สงสัยในเนื้อหาของหนังสือที่เขายื่นให้  เขาจึงรีบอธิบายขึ้นในทันที
"คุณอาจจะไม่เชื่อเรื่องนี้  แต่หนังสือเล่มนี้มันหายากมาก..."
"....."
"ผมก็อยากจะให้ที่ดีกว่านี้ แต่บังเอิญว่า หนังสือเล่มนี้เป็นสิ่งมีค่าที่สุดที่ผมมีแล้ว"
โวล์ค พูดพร้อมกับโชว์สิ่งที่เขามีในกล่องอุปกรณ์ของเขา
ขนกระต่าย  เกล็ดงู และเศษชิ้นส่วนดาบหักๆ
วีด สามารถซ่อมแซมดาบได้  แต่มันก็แค่ของราคาถูกที่ เพิ่มแค่ +2 ATK  ซึ่งขนาดโคบอล์ดยังขว้างทิ้ง บางทีเขาอาจจะเอามันไปต่อรองขายที่ร้านตีเหล็กได้สัก สองเหรียญทองแดง

"ผมขอโทษจริงๆ คุณ วีด"
วีด ถอนหายใจลึก
'โอเค ก็ได้  ยังไง เราได้รู้ความลับของความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรม  ซึ่งเราคงไม่มีทางรู้ได้ต่อให้แกะของเดิมๆอีกเป็นร้อยเป็นพันชิ้น
ยกโทษให้เขาที่โกงเราไปสิบเหรียญเงินก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร'
เมื่อครั้ง วีด บอกราคาว่าสามเหรียญทอง  เขาก็เตรียมตัวสำหรับการต่อรองไว้แล้ว  ที่เขาเรียกขนาดนั้น ก็แค่ตั้งใจทำให้ โวล์ค ตกใจและแสดงไปตามบทของเขา
กล่าวคือ ราคาของรูปสลักจะไม่ถูกกำหนดโดยมาตรฐานทั่วไป แต่จะตัดสินจากการเจรจาตกลงของลูกค้ากับช่าง
สองเหรียญทองกับเก้าสิบเหรียญเงินบวกกับหนังสือไร้สาระเล่มหนึ่ง ก็ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนที่แย่นักเพราะเขาก็ได้พัฒนาความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมกับทักษะอื่นๆ
แต่คงมีพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า วีด จะทำอะไรถ้า โวล์ค จ่ายมาแค่ สองเหรียญทองแปดสิบเหรียญเงิน
.
.
.


"ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้มีค่ามากกว่าสิบเหรียญเงินนะ  ก็หวังว่าคุณจะโชคดีในการขอเธอแต่งงาน คุณโวล์ค ...และหญิงสาวที่คุณตกหลุมรัก..."
"อะไรนะครับ?"  โวล์ค พูด
"...เธอคงมีชีวิตที่มีความสุขกับคุณ"   วีด พูดอย่างเสียดสี
แต่ในใจเขาคิดว่า  กับสามีขี้งกอย่างนี้เธอคงไม่มีทางจนไปตลอดชีวิตของเธอ
"ขอบคุณมากครับคุณ วีด"
หลังจากเช็คแฮนด์กับเขา แล้ว  วีด ก็มอง โวล์ค ค่อยๆเดินจากไปอย่างช้าๆ
ทันใดนั้น! เครื่องแต่งกายของ โวล์ค ก็กลายเป็นเกราะมิธริล (Mithril) อันเงางาม กางเกงถูกสวมด้วยสนับแข้ง มิธริล  ขนาดรองเท้ายังเป็น มิธริล
มันหักมุมจนทำให้ วีด โซเซ
'เจ้านั่นใส่แหวนแห่งชีวิต  แรร์ไอเท็มที่เพิ่มเลือดสองเท่า   ของโคตรราคาแพง! ถ้าเราจำไม่ผิดต่างหูนั่นเพิ่มการต่อต้านธาตุสายฟ้า  ที่เราเคยเห็นแต่ในแคตตาล็อก แล้วยังไม่มีใครได้มันมา
ไอ้สัตว์เอ๊ยย ดูชุดมึงดิ—แล้วยังจะมาขูดรีดช่างจนๆอย่างกูอีก'
ไอเท็มที่ โวล์ค สวมใส่ มีค่ามหาศาลเกินกว่าที่ วีด จะจินตนาการได้ แค่บางชิ้นก็ราคา มากกว่าพันเหรียญทองแล้ว


*************************************

เมื่อเสร็จจากการสร้างช่อดอกไม้ที่ต้องใช้ความพยายามนับชั่วโมง  วีด ก็บิดขี้เกียจและหาวออกมา
ทันใดนั้น  เหล่าผู้ชมก็เริ่มยื่นเหรียญทองมาต่อหน้า วีด และร้องออกมาว่า--
"ทำช่อดอกไม้แบบเดียวกันให้เราด้วย ได้โปรด!"
"เราเพิ่งซื้อจิ้งจอกสองตัวไป   เราขอคืนแล้วเปลี่ยนเป็นทำช่อดอกไม้ให้เราได้ไหม ?
นะ  ทำให้เราเถอะ!"
.
.
.

ก่อนที่จะออกจากป้อมปราการแห่งเซราบอร์กไป   โวล์ค ยิ้มไม่หุบ ด้วยความขบขัน ซึ่งตรงข้ามกับลักษณะท่าทางที่น่ากลัวของเขาอย่างสิ้นเชิง  โวล์ค ต้องการให้รางวัล วีด ผู้สร้างช่อดอกไม้ด้วยความตั้งใจ
บันทึกแห่งนครลอยฟ้า (The book of The City of Heaven)!
จริงๆแล้ว โวล์ค ใช้เวลากว่าสองเดือนเพื่อให้ได้มันมา สถานที่ลึกลับที่แม้เขาก็ไม่เคยได้ไปเหยียบ
ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่เขามาที่โรเซนไฮม์ก็เพราะต้องการไปเยี่ยมนครนี้  แต่การขอแต่งงานหญิงสาวที่ขโมยหัวใจของเขาไปมีค่ามากกว่าเรื่องอื่นใดแล้ว
โวล์ค เพิ่งมอบหนังสือเล่มนั้นแก่ วีด เพื่อตอบแทนสำหรับช่อดอกไม้  แต่เขาไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
'อย่าเพิ่งโยนมันทิ้งไปล่ะ  เก็บมันไว้  และมันจะแสดงเส้นทางให้คุณเอง ถ้าคุณมองหามัน
และคุณจะได้ไปที่นั่นในสักวันหนึ่ง'
โวล์ค กอดช่อดอกไม้ไว้อย่างทะนุถนอม  และมุ่งหน้าไปอาณาจักรเบรนท์ ที่ๆสุดที่รักของเขาอยู่
.
.
.
ช่อดอกไม้สลัก!
มันคือของขวัญที่เหมาะมากในเวลาที่ชายหนุ่มต้องการสารภาพรัก  ดังนั้น เมื่อข่าวลือเกี่ยว พาลาดิน โวล์ค  หญิงสาวที่เขารักและช่อดอกไม้สลัก แพร่ออกไป ร้านแกะสลักของ วีด ก็กลายเป็นจุดสนใจอย่างรวดเร็ว
ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่เคยมองว่ารูปสลักเป็นเพียงของที่ระลึกไว้ตั้งข้างเตาผิง หรือวางไว้ที่มุมห้อง และรอให้ฝุ่นเกาะ  แต่เรื่องของ โวล์ค  ทำให้พวกเขาเริ่มเปลี่ยนทัศนคติในรูปสลักเหล่านั้น
ในวันนั้น วีด ประกาศว่า
"ผมขออภัยทุกท่าน  แต่ผมจะไม่ทำรูปสลักแบบเดียวกันอีกต่อไป!"
เขาสร้างบทสรุปเช่นนี้ เพราะเหตุผลส่วนตัวของเขาคือต้องการเพิ่มเลเวลของความชำนาญด้านประติมากรรมและทักษะช่างฝีมือให้เร็วที่สุด  แต่คนอื่นๆก็เข้าใจผิดไปว่า

"โคตรอาร์ตอะ!"
"เท่ไปเลย  เขาบอกว่าจะไม่สร้างรูปสลักที่เหมือนกันเป็นครั้งที่สอง"
"ถ้าอย่างนั้น  คุณค่าของรูปสลักของเราจะเพิ่มขึ้นแน่นอน"
ลูกค้าของ วีด มักจะซื้อ จิ้งจอกหรือกระต่าย หนึ่งถึงสองตัว เป็นของที่ระลึกด้วยราคาถูก แต่ตอนนี้พวกเขาสั่งของขวัญที่เป็นเอกลักษณ์
จำนวนของผลงานที่สำเร็จของเขานั้นไม่ถึงเลขสองหลัก เพราะ งานชิ้นๆหนึ่งนั้นเขาต้องใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมง แต่พวกมันก็เป็นที่นิยมมากกว่าของที่ผลิตจำนวนมาก
3 เหรียญทองต่อหนึ่งชิ้น
ด้วยความที่ธุรกิจนี้ไม่ต้องการทุนมากเท่าไหร่  ดังนั้นมันจึงเป็นธุรกิจที่ให้กำไรงาม
ยิ่งไปกว่านั้น เลเวลของความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรม กับทักษะช่างฝีมือพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นๆ
เพียงแค่ 3 วัน ความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมของเขาก็เพิ่มจากห้าไปเป็นแปด  และทักษะช่างฝีมือขั้นกลางของเขาก็เพิ่มถึงเลเวล 4
.
.
.
วันไหนที่ไม่ค่อยมีออเดอร์จากลูกค้า เขาจะขายอาหาร
"เนื้อกระต่ายหรือจิ้งจอกก็ได้! ถ้าคุณนำเนื้อมาให้ผม ผมจะทำอาหารให้ แต่มันอยู่ได้ไม่นาน คุณควรกินมันในวันนั้นเลย!"
ทักษะทำอาหารของ วีด เพิ่มโบนัสพลังชีวิตกับค่าความพละกำลัง ให้กับอาหารที่เขาทำ
มันเป็นยาชูกำลังของคนจน
คนที่ไม่รู้ว่าจะเอาเนื้อที่พวกเขาเก็บได้ระหว่างออกเก็บเลเวลใกล้ๆป้อมปราการไปทำอะไรดี รีบมาหา วีด
"เอ้านี่"
"คุณทำอาหารได้จริงๆเหรอ?"
"ครับ เชื่อมือได้  ที่คุณต้องจ่ายก็แค่ค่าเครื่องปรุงรส จริงๆแล้ว คุณจะเอาเนื้ออะไรก็ได้มาให้ผม" วีด พูด
อาหารที่ทำโดยประติมากร -  อาหารที่ทำโดย วีด มันเป็นงานศิลปะ
ผู้เล่นจำนวนมากเรียนรู้การทำอาหารเพราะมันมีประโยชน์เวลาพวกเขาไปตั้งแคมป์นอกเมือง แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถใส่ศิลปะลงในอาหารที่พวกเขาทำ?**

ยกเว้นนักทำอาหารมืออาชีพ
มีผู้เล่นไม่กี่คนที่ทุ่มเทพลังและเวลาในทักษะทำอาหาร  และต่อให้เป็นมืออาชีพการจะทำอาหารที่น่ากินนั้นก็ยังหาได้ยาก
ด้วยการขายอาหารที่มีคุณภาพสูงในราคาต่ำ  แผงอาหารของวีดได้รับความนิยมมาก เพราะผู้เล่นต้องการโบนัสพลังชีวิตกับพละกำลังที่เพิ่มขึ้นมา
ในตอนนี้ มีใครคนหนึ่งกระซิบหา วีด ผู้ใช้เวลาทั้งสัปดาห์ในการแกะสลักและทำอาหารขาย
-คุณ วีด ได้ยินไหม?
นักธนู เพล นั่นเอง   ผู้ซึ่งเคยเป็นเพื่อนออกล่าจิ้งจอกกับหมาป่าในเวลากลางคืนกับ วีด
-สวัสดีครับ  ไม่เจอกันนาน
-เยี่ยม คุณอยู่ไหนแล้วตอนนี้? ผมกระซิบหาคุณเกือบทุกวัน แต่มันมักจะโดนบล็อก
-พอดีมีงานต้องทำครับ
ในถ้ำลับใน ถ้ำสัตว์ร้ายแห่งลิตวาร์ตนั้น การกระซิบจะถูกบล็อกโดยอัตโนมัติ ดังนั้น เพล จึงไม่สามารถสอดรู้สอดเห็นเรื่อง วีด ได้
-อ่อ ครับ ถ้างั้นตอนนี้พอจะมีเวลาไหม?
วีด มองไปรอบๆ
รูปสลักของเขายังเป็นที่นิยม แต่มันเป็นผลงานที่ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน ดังนั้นมันจึงผ่านจุดพีกไปแล้ว     เนื่องจากผู้เล่นมักจะต้องการของขวัญที่เหมือนๆกัน  ดังนั้นการที่เขาประกาศว่าจะทำผลงานแบบหนึ่งชิ้นเดียวจึงย้อนเข้ามาโดนตัวเขาเอง
-อื้อ มีครับ
-ถ้างั้น ไปร่วมภารกิจของกองกำลังกวาดล้างที่มุ่งหน้าไปหมู่บ้านบารัน (Baran) กับพวกเราไหม?  พวกเรากะจะทำภารกิจนี้ด้วยกัน ผมจึงลองติดต่อถามคุณดูถ้าคุณต้องการไปด้วย

เล่มที่ 1 ตอนที่ 9 : จบ


*********************************


ที่มา :
http://writer.dek-d.com/grit/story/viewlongc.php?id=837140&chapter=11

1 ความคิดเห็น: