วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 2 ตอนที่ 6 ความหมายเบื้องหลังคำว่ารอยัลโรด (The Meaning Behind Royal Road)

เล่มที่ 2 ตอนที่ 6 ความหมายเบื้องหลังคำว่ารอยัลโรด (The Meaning Behind Royal Road)



(เนื้อหาส่วนแรกนี้แปลโดย wink1188)
ตอนนี้วีด รู้จักคฤหาสน์เมมฟิสราวกับบ้านของเขาเอง   เขารู้ได้อย่างแม่นยำว่าเจ้าตัวอันตราย เดธไนท์ จะเดินตรวจบริเวณไหน  และที่ไหนก็สถานที่ๆดีที่สุดในการล่าสเกเลตันไนท์
ในการออกล่าคนเดียวโดยไม่มีเพื่อนร่วมทีมนั้น สิ่งที่วีดหวาดหวั่นมากที่สุดก็คือการโดนซุ่มโจมตีในช่วงที่เขามีค่าพลังชีวิตและมานาที่ต่ำ  ด้วยเหตุนี้เอง วีดจึงได้เตรียมผ้าพันแผลและสมุนไพรจำนวนมากไว้ในสถานที่หลบภัยไว้ 2-3 แห่ง
เขาได้ค้นหาสถานที่ปลอดภัยซึ่งเขาสามารถใช้ในการเสาะหาศัตรูที่เป็นเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ผ้าพันแผลและสมุนไพรนั้นสามารถหาได้โดยง่ายแต่ความรู้เกี่ยวกับสถานที่หลบภัยนี่สิที่ประเมินค่าไม่ได้  เขาต้องทำการลองผิดลองถูกนับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะได้สถานที่เหล่านั้นมา  และนับจากนี้ไปเขาสามารถออกจากที่เหล่านั้นไปได้โดยปราศจากความเสียใจ.
“ที่นี่แหละ, เฮ้อ” หลังจากเดินทางไปจนทั่วพื้นที่ด้านเหนือ วีดก็ได้สำเร็จการสำรวจบริเวณทั้งหมด
คุณสำรวจ แผนที่คฤหาสน์เมมฟิส ชั้น B1 ได้ครบถ้วนเป็นครั้งแรก
ชื่อเสียง ของคุณเพิ่มขึ้น 20 (+20 ชื่อเสียง)
ตอนที่วีดมาถึงนครลอยฟ้าครั้งแรกนั้นเขาได้ซื้อแผนที่มาฉบับนึง หลังจากนั้นสถานที่ๆเขาได้เดินทางไปก็ค่อยๆถูกเพิ่มไปยังแผนที่นั้น  ณ ตอนนี้แผนที่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์เมมฟิสได้กลายเป็นไอเทมที่สามารถขายได้ในราคาสูงไม่ว่าจะเป็นที่ร้านขายของหรือขายให้กับผู้เล่นคนอื่นๆ  ไม่มีทางซะล่ะที่เขาจะพลาดโอกาสในการหาเงินได้ง่ายๆอย่างนี้
วีด ออกจากคฤหาสน์เมมฟิสและมุ่งหน้าไปยังถ้ำนักรบแห่งความตาย (Cave of Dead Warriors)  ซึ่งสถานที่นี้ไม่ได้หายากเย็นอะไร  เมื่อเขาลงไปยังถ้ำเขาก็ได้ยินเสียงอันชวนขนลุก
‘นั่นอะไรน่ะ?’ เขาสัมผัสได้ถึงเงาสลัวๆและเสียงขู่คำรามของอะไรบางอย่างที่อันตราย   ความมืดมิดบดบังทัศนวิสัยของเขาและเสีนงมันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
‘ ชั้นรู้สึกไม่ดีเลย’
วีด เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังโดยที่มือขวาของเขาแตะอยู่ที่ดาบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่มีอะไรโผล่ออกมาจากเงามืด
‘ชั้นไม่ใช่คนแรกที่ค้นพบสถานที่แห่งนี้  ชั้นคิดว่าคนที่มาที่ลาเวียสเป็นคนแรกคงเป็นคนค้นพบดันเจียนแห่งนี้’
ในระยะที่ไม่ไกลออกไป  วีดได้พบอันเดธที่มาขวางทางของเขาอยู่
“มนุษย์! เจ้าเป็นอัศวินงั้นรึ?”
มันเป็นอัศวินขนาดใหญ่ที่มีกล้ามเนื้อและร่างกายที่ใหญ่กว่า สเกเลตันไนท์ หรือ ลิซาร์ดแมน มาก  มันมีไหล่ที่กว้างและแขนที่ดูอันตราย  ทว่าส่วนที่เหนือกว่าคอขึ้นไปกลับว่างเปล่า  ศีรษะที่หายไปกลับถูกถืออยู่ในมือซ้ายแทน  ปีศาจตนนี้เป็นมอนสเตอร์ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองในหมู่อันเดธด้วยกัน – อัศวินที่ถือหัวของเขาหิ้วไปมา  และก็เป็นหัวของมันนั่นเองที่พูดออกมา
‘ดูลลาฮาน(Dullahan),เฮ้อ’ วีดรู้จักคู่ต่อสู้ของเขา – อันเดธที่มีเลเวลประมาณ 140!
(ผู้แปล : ดูลลาฮาน เป็นชื่อของ ปีศาจหัวขาด ครับ)
“ข้าไม่ใช่อัศวิน” วีดตอบกลับไป
“งั้นเจ้าเป็นตัวอะไร?”
“ข้าเป็นประติมากร”
“ประ-ประติมากร งั้นเรอะ?”
ความผิดหวังอย่างไม่อาจประเมินได้ปรากฏบนใบหน้าของดูลลาฮาน  ดูลลาฮานหลงไหลในการเพิ่มทักษะของมันผ่านการต่อสู้  พวกมันเป็นอัศวินประเภทที่ทำให้พวกสเกเลตันไนท์ดูไร้รสชาติไปเลยหากนำมาเปรียบเทียบกัน
“เจ้าเป็นประติมากร? น่าผิดหวังจริงๆ” ดูลลาฮานพึมพำออกมา
วีด ได้รับการดูถูกอันเป็นผลมาจากอาชีพของเขา  ประติมากรมันดูน่าสมเพชเสียจนแม้กระทั่งพวกอันเดธยังไม่เหลียวแล!
ยูนิคอร์น คอร์เปอเรชัน เป็นผู้สร้างเกม รอยัลโรด ขึ้นมา  ได้มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นมากมายในตอนที่เกมนี้เปิดตัว  มันเป็นเกมเสมือนจริงเกมแรกที่ไม่เคยมีมาก่อน  โดยที่ความเสมือนจริงนั้นมีพื้นฐาน 100% มาจากโลกแฟนตาซี  แต่ทำไมถึงได้ตั้งชื่อเกมว่า รอยัลโรด ล่ะ?  มีชื่อมากมายที่สามารถเลือกนำมาใช้ได้ และแม้ว่า รอยัลโรด จะได้รับความสนใจไปทั่วโลกก็ตาม  แต่ชื่อของมันเป็นอะไรที่ทำให้ผิดหวังนิดๆ  มันไม่ใช่ชื่อที่เวลาได้ยินแล้วจะทำฟังติดหูเลยซักนิด
ทว่ามันมีเหตุผลที่ ยูนิคอร์น คอร์เปอเรชัน  เลือกชื่อ รอยัลโรด ขึ้นมา   ไม่มีใครหน้าไหนในโลกนี้ที่สามารถชนะสงครามและปกครองได้ทั่วทุกแผ่นดินและผืนน้ำมหาสมุทร  เกมนี้จึงเป็นเสมือนเส้นทางไปสู่ความเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่  ผู้ที่รวมจักรวรรดิเป็นหนึ่งเดียวกันที่แม้กระทั่ง เจงกิสข่าน, นโปเลียน หรือ เอล็กซานเดอร์มหาราช ก็ไม่สามารถบรรลุปณิธานนั้นได้   เกมนี้ได้ปูเส้นทางให้คนสามารถทำฝันนั้นให้เป็นจริงได้
(ผู้แปล : รอยัลโรด มาจากภาษาอังกฤษ คือ Royal Road ซึ่งถ้าแปลเป็นไทยก็จะได้ความประมาณว่า เส้นทางแห่งราชันย์ ครับ)
มันเป็นความหวังที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ  จักรพรรดิผู้ปกครองทั่วทุกทวีปใหญ่น้อย  เกมนี้สอนให้คนรู้จักฝัน, รู้จักหวังที่จะเป็นในสิ่งที่พวกเขาอยากเป็น ซึ่งความฝันและความหวังนั้นจะเป็นตัวผลักดันพวกเขาให้ไปสู่จุดหมายของพวกเขา และนี่แหละคือความหมายที่แท้จริงเบื้องหลังคำว่า “รอยัลโรด”
ผู้ที่สามารถพิชิตทั่วทุกทวีปได้เป็นคนแรกจะได้รับเงินรางวัลคิดเป็น 10% ของยอดขายหนึ่งเดือนของ ยูนิคอร์น คอร์เปอเรชัน  ซึ่งนับเป็นจำนวนที่มหาศาลมาก  เฉพาะที่เกาหลีอย่างเดียวก็มีคนเล่นหลายล้านคนแล้ว  ถ้ารวมทั้งโลกเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น, ยุโรป และ อมริกา แล้วล่ะก็ จำนวนผู้เล่นก็จะพุ่งทะลุ 100 ล้านคนเลยทีเดียว   ค่าใช้จ่ายในการเล่น รอยัลโรด คือ $300 ต่อเดือน  มันเป็นเรื่องยากที่จะคำนวณเงินจำนวนมากขนาดนั้น แต่เป็นที่แน่ใจได้ว่า 10% ของมันสามารถทำให้ใครสักคนกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ในพริบตาทีเดียว
นั่นเป็นสาเหตุที่ผู้เล่นเกือบทั้งหมดใน รอยัลโรด เลือกอาชีพสายต่อสู้  ซึ่งผู้เล่นพวกนั้นเลือกที่จะก้าวหน้าด้วยเส้นทางของนักดาบไปสู่อัศวิน โดยมองสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เป็นเส้นทางที่เร็วที่สุดในการก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดิ  อาชีพช่างตีเหล็กและพ่อค้าเป็นอาชีพที่เลือกกันรองลงมา  ซึ่งไม่ต้องพูดถึงพวกศิลปิน, พ่อครัว หรือ ประติมากร ที่ไม่สามารถเทียบได้กับกระทั่งอาชีพพ่อค้าเลยด้วยซ้ำ  มันเป็นโชคชะตาของพวกเขาได้โดนดูถูกและไม่ได้รับความสนใจ
‘มันก็เหมือนกับชีวิตจริงของเรา’ วีดคิด
โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง วีดชักดาบ เคลย์ซอร์ด (Clay Sword) ของเขาออกมา  ออร่าน้ำแข็งสีน้ำเงินแผ่ออกมาจากดาบ  ดาบเคลย์ซอร์ดเล่มนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือการทำให้ศัตรูเคลื่อนไหวช้าลงเมื่อได้รับการโจมตีโดยตรง
“ย้ากส์!” ดูลลาฮานพุ่งเข้ามาพร้อมทั้งเหวี่ยงขวานมาอย่างรวดเร็ว  วีดยกดาบเคลย์ซอร์ดของเขาขึ้นมาปัดป้องการโจมตีเอาไว้
*แคร้ง!*
ความทนทานของเคลย์ซอร์ดลดต่ำลง
ข้อความปรากฏขึ้นมาพร้อมด้วยแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวงแขนของวีดเลยทีเดียว  เขาเพิ่งจะซ่อมดาบเล่มนี้เสร็จ  แต่เพียงแค่รับการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ค่าความทนทานของดาบลดลงได้นี่แสดงว่าความพิเศษของดูลลาฮานนั้นอยู่ที่ค่าความแข็งแกร่งที่ราวกับสัตว์ป่า
“ชั้นจะแพ้ไม่ได้  เคล็ดมีดสลัก!” วีดบุกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างว่องไว  วีดพุ่งเข้าใส่ด้วยจิตที่มุ่งสังหารโดยเล็งไปที่จุดสำคัญ  นี่เป็นหนทางเดียวในการลดความเสี่ยงที่ฝ่ายศัตรูจะเรียกกำลังเสริมมา เขาจะต้องจบการต่อสู้ลงให้ง่ายและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
*พุ่งชน (Bash)!* ดูลลาฮานใช้สกิลไปกับการเหวี่ยงขวานของมันซึ่งผลักดันวีดให้ต้องถอยกลับไปเป็นระยะช่วงใหญ่
“เดวิลสไตร์ค(Devil’s Strike)!” ดูลลาฮานคำรามออกมาพร้อมเริ่มการจู่โจมแบบต่อเนื่อง
ตอนนี้ขวานของมันได้ถูกเขวี้ยงหมุนคว้างอย่างน่าสะพรึงกลัวอยู่กลางอากาศ  แม้ว่าวีดจะก้มเพื่อหลบการโจมตีได้ แต่เพียงแค่แรงเฉือนจากกระแสลมที่เกิดขึ้นก็ทำให้พลังชีวิตของเขาก็ลดลงไป 300 จุดแล้ว
ถ้าเขาใช้ 7 ย่างก้าวแห่งสรวงสวรรค์ (Seven Celestial Footsteps) แล้วละก็ เขาก็จะสามารถหลบการโจมตีนั้นได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าเขาเลือกที่จะรับการโจมตีนั้นแทน
ที่เขาทำอย่างนั้นก็เพื่อเพิ่มเลเวลของการป้องกันในขณะที่ฝึกความอดทนไปด้วย
เอาล่ะ ถึงคราวของวีดบ้างแล้ว
“ทริปเปิ้ล (Triple)!” การโจมตีแรกนั้นพลาดไป  ในขณะที่การโจมตีครั้งที่สองซึ่งมีพลังทำลายสูงกว่ามาจากทิศตรงกันข้าม  ศัตรูสามารถหลบการจู่โจมทั้งสองครั้งได้ส่งผลให้วีดทำการตวัดดาบอย่างทรงพลังจากล่างขึ้นบน
ตอนนั้นเองที่ขวานที่ดูลลาฮานขว้างออกไปได้หมุนกลับมาสู่มือของเจ้าของของมันราวกับบูมเมอแรง  และดูลลาฮานได้ผลักขวานออกไปเพื่อบล็อกการโจมตีครั้งที่สามของวีด  ในเสี้ยวพริบตานั้นเองที่ดาบของวีดผ่าหน้าอกของดูลลาฮานออกเป็นรูปกากบาท  ทำให้เกิดเป็นการโจมตีต่อเนื่องกันห้าครั้ง  ท่าทริปเปิ้ลได้มีการพัฒนาขึ้นไปตามความเชี่ยวชาญของทักษะที่เพิ่มขึ้น
ดูลลาฮานได้ทำการบล็อกกการโจมตีสามครั้งแรกของวีดไว้ได้  แต่การโจมตีสองครั้งถัดมาได้ทำการลดพลังชีวิตของมันลงมากกว่า 20% เลยทีเดียว  มันพุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่งโดยพยายามที่จะดันวีดกลับไปโดยใช้ความสามารถพุ่งชนซ้ำไปซ้ำมา  แต่ตอนนี้วีดสามารถจับจังหวะของทักษะได้แล้วจึงได้แทงไปยังสีข้างของดูลลาฮานอย่างว่องไว
“นี่แกยังไม่ตายอีกรึไง? เคล็ดมีดสลัก!” แสงสีขาวราวน้ำนมปรากฏขึ้นรอบๆดาบของวีด
จากนั้นก็เป็นการโจมตีแบบไร้ความปราณี!
พลังชีวิตของดูลลาฮานลดลงอย่างรวดเร็วกับการโจมตีรอบนี้
มันพยายามจู่โจมกลับ แต่วีดสามารถหลบได้พ้นทั้งหมด
วีดสามารถคาดการณ์การใช้ทักษะของดูลลาฮานได้จากการสังเกตุการก้าวเท้าของมัน จากนั้นจึงทำการโยกตัวท่อนบนหลบการโจมตีนั้น  ท้ายที่สุดแล้วดูลลานฮานก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ยากอะไรสำหรับเขา  ความแตกต่างระหว่างเลเวลอาจจะมาก แต่ด้วยการฝึกฝนและความสามารถจากสายอาชีพส่งผลให้ค่าสถานะของวีดนั้นอยู่เหนือกว่าดูลลาฮาน  เฉพาะค่าความอดทนของวีดอย่างเดียวก็อยู่ในระดับเดียวกันกับดูลลาฮานแล้ว  ต้องขอบคุณเรื่องนี้ที่ทำให้วีดไม่ได้เสียเปรียบอะไรกับดูลลาฮาน  ถ้าเทียบกันแล้ว สเกเลตันเมจ (Skeleton Mage)  เลเวล 80 ยังสร้างความรำคาญให้เขามากกว่าอีก
(ผู้แปล – สเกเลตันเมจ ก็คือ นักรบโครงกระดูกที่ใช้เวทเป็นหลักครับ  ทางผมขอใช้ทับศัพท์เพื่อไม่ให้การแปลเยิ่นเย้อครับ)

**********************

(เนื้อหาตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เป็นทางคุณ d_wintras ที่ได้เข้ามาช่วยแปลให้จบครับ)
พวกเมจนั้นเป็นปัญหากับวีดมากกว่า เพราะพวกมันร่ายคำสาปออกมาไม่หยุดหย่อน ถ้าเขามีไอรีนอยู่ด้วย เธอคงจะปัดเป่าคำสาปเหล่านั้นออกไปได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ตอนนี้วีดทำได้เพียงสลายพวกมันด้วยยา (potion) หลังจบการต่อสู้เท่านั้น ยาสลายคำสาปอันละกว่าสามเหรียญเงินพวกนี้บางทีก็ไปลดรายได้จากการล่า วีดถึงได้เกลียดพวกสเกเลตันเมจเป็นนักหนา
"อ่อกกก..." ร่างของดูลาฮานสลายไปในแสงสีเทาในเวลาต่อมาพร้อมเสียงโหยหวนจากม้าของมัน
"ฟู่ว... ง่ายกว่าที่คิดไว้แฮะ แต่แค่ตัวเดียวลดเลือดเราไปตั้ง 40% ถ้าเกิดมาทีเดียวสองตัวนี่อันตรายแน่ๆ"
วีดมุ่งหน้าไปยังมุมหลบภัยเพื่อเก็บระดับทักษะแกะสลัก หลังจากที่เขาหยิบสนับขาที่ดูลาฮานทิ้งเอาไว้แล้ว
"ลองแกะดูลาฮานดูดีกว่า"
ทักษะของวีดจะเพิ่มขึ้นไม่มากถ้าเขาแกะสลักสิ่งที่เขาเคยแกะมาแล้ว แต่การแกะเป็นครั้งแรกจะเพิ่มทักษะงานฝีมือ (Handicraft) และค่าสถานะศิลปะเป็นอย่างมาก
วีดหยิบมีดแกะสลักของซาฮับและไม้อีกท่อนหนึ่งออกมา จากนั้นจึงเริ่มแกะสลักหุ่นดูลาฮานที่เขาเพิ่งเห็น ตอนนี้เขาชินกับการแกะสลักขนาดที่แค่นึกรูปไว้ในใจก็สามารถแกะได้แล้ว ถ้ำที่เงียบสงบสะท้อนเสียงการแกะสลักของวีดออกมา
"มันจะเจ๋งมากเลย ถ้าทักษะแกะสลักของเราเลื่อนขั้น"
ระดับทักษะแกะสลักของวีดเหลืออยู่อีกแค่เปอร์เซนต์เดียวก็จะเลื่อนเป็นขั้นกลาง เขาเองก็เพิ่งสร้างรูปแกะสลักของเผ่าวิหคมา 5 อัน เขาจึงคิดว่าเป็นไปได้ที่หลังแกะดูลาฮานเสร็จจะมีการเลื่อนขั้นทักษะ
"ขอให้ทักษะของเราเลื่อนไปเป็นขั้นกลางด้วยเถอะ!" วีดภาวนาทันที่ที่เขาทำส่วนหัวของดูลาฮานสำเร็จ... บัดนี้ ดูลาฮาน อัศวินร่างกำยำ เจ้าของสายตาคุกคามกับดาบเล่มยักษ์ได้ถูกแกะสลักอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
*ติ๊ง!*

เลื่อนขั้น: ความชำนาญการแกะสลัก (ขั้นต้นระดับ 10 เป็นขั้นกลางระดับ 1 | 0%)
คุณสามารถแกะสลักโดยใช้โลหะและอัญมณีได้แล้ว (ไข่มุก, เพชร, ทับทิม ฯลฯ)
ทักษะและสถานะปัจจุบันของอาชีพประติมากรแสงจันทร์ของคุณได้รับผลต่อไปนี้:
ประสิทธิภาพของทักษะเคล็ดมีดสลัก (Sculpting Blade) เพิ่มขึ้น +50%
ทักษะเคล็ดมีดสลักได้รับพลังพิเศษเพิ่มเติม
ทักษะเคล็ดมีดสลักใช้พลังเวท (Mana) น้อยลงกึ่งหนึ่ง
ค่าสถานะทุกประเภทเพิ่มขึ้น 10 แต้ม
ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 20 แต้ม
ค่าศิลปะเพิ่มขึ้น 20 แต้ม
คุณได้รับทักษะใหม่: ประติมากรรมวินาศ (Sculptural Destruction)

วีดตะลึงงันไปด้วยความสุข ไม่มีคำไหนสามารถอธิบายความรู้สึกของวีดในตอนนี้ได้
ความเสียใจและความเหงาทั้งหมดทั้งมวลที่เขาต้องเจอเมื่อเขาเรียนแกะสลัก!
ทุกคำดูถูกและความอัปยศอดสูที่เขาต้องทนเพราะการเป็นประติมากร! วีดรู้สึกได้ว่าความคั่งแค้นของเขามลายหายไปในอากาศธาตุ
ในที่สุด เขาก็มาถึงขั้นกลางของการแกะสลัก
งานของประติมากรที่เขาอยากจะทิ้งนักหนาในตอนแรก ตอนนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนมันเป็นงานที่ถูกกำหนดโชคชะตามาเพื่อเขา
สกิลเคล็ดมีดสลักเองก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันมีศักยภาพมากแค่ไหน! ทุกครั้งที่วีดใช้เคล็ดมีดสลัก ทักษะแกะสลักของเขาก็เพิ่มขึ้นทีละน้อย และเพราะความที่มันผูกติดอยู่กับการแกะสลักนี้เอง ทักษะเคล็ดมีดสลักจึงเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อทักษะความชำนาญการแกะสลักเลื่อนขั้นเป็นขั้นกลาง
"หืม ความสามารถใหม่เหรอ?"
“ตรวจสอบทักษะเคล็ดมีดสลัก”
เคล็ดมีดสลัก (ขั้นต้น ระดับ 7 | 50%)
ทักษะดาบในจินตนาการของซาฮับ ถูกสืบทอดกันต่อมาในหมู่ผู้ที่ถูกกำหนดโชคชะตาให้แกะสลักสิ่งที่มองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้
ป้องกันเวทมนตร์ที่ใช้ค่าความชำนาญต่ำกว่าเคล็ดมีดสลัก เมื่อเวทนั้นถูกดูดกลืนแล้ว ผู้ร่ายได้รับพลังเวทคืนเพียงกึ่งหนึ่งจากพลังเวทที่ใช้ร่ายเวทมนตร์นั้น
ค่าพลังเวทที่ต้องใช้: 25 พลังเวทต่อวินาทีเพื่อให้ทักษะยังคงแสดงผล

วีดทำได้แค่หัวเราะ สำหรับพวกอัศวินแล้ว นักเวท (mages) เป็นคู่ต่อสู้ที่ต่อกรด้วยยากที่สุด เวทมนตร์โจมตีระยะไกลนั้นหลบได้ยากมาก แต่ตอนนี้ทักษะเคล็ดมีดสลักสามารถดูดเวทเหล่านั้นได้ ถึงแม้ว่าคู่ต่อสู้จะเสียพลังเวทไปแค่ครึ่งเดียว แต่มันก็ยังดีกว่าการถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์เป็นร้อยๆเท่า
“ถ้าพลังเวทที่ใช้เรียกเคล็ดมีดสลักลดลง บางทีเราอาจจะใช้มันไปพร้อมๆกับท่าทริปเปิ้ลหรือแบ็คสแคปได้” เขาพูดออกมาในขณะที่กำลังไตร่ตรองความคิด
เคล็ดมีดสลักเป็นทักษะที่ค่อนไปทางสายสนับสนุน (buff) มากกว่าจะเป็นสายโจมตี การผสานเคล็ดมีดสลักกับวิชาดาบจักรพรรดินิรลักษณ์ ถึงแม้จะกินพลังเวทอย่างมโหฬาร แต่วีดเชื่อว่าผลลัพธ์จะต้องไร้เทียมทานอย่างแน่นอน นอกจากนี้เขายังได้รับทักษะประติมากรรมวินาศอีกด้วย
“ตรวจสอบทักษะประติมากรรมวินาศ”

ทักษะ: ประติมากรรมวินาศ
ทักษะของประติมากร: ความโกรธที่มาจากการทำลายประติมากรรมของตัวเองจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นพละกำลัง (strength) หรือความคล่องแคล่ว (agility) อย่างใดอย่างหนึ่งโดยชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งวัน
  การทำลายประติมากรรมทั่วไป: ค่าสถานะศิลปะจะถูกแปลงเป็นสถานะอย่างในอย่างหนึ่งในอัตราส่วน 1:2 (-1 ค่าศิลปะ, -20 ค่าชื่อเสียง)
  การทำลายประติมากรรมชั้นดี (fine statue): ค่าสถานะศิลปะจะถูกแปลงเป็นสถานะอย่างในอย่างหนึ่งในอัตราส่วน 1:4 (-5 ค่าศิลปะ, -100 ค่าชื่อเสียง)
  การทำลายประติมากรรมชั้นเยี่ยม (great piece): ค่าสถานะศิลปะจะถูกแปลงเป็นสถานะอย่างในอย่างหนึ่งในอัตราส่วน 1:6 (-10 ค่าศิลปะ, -100 ค่าชื่อเสียง)
  การทำลายประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีช (masterpiece): ค่าสถานะศิลปะจะถูกแปลงเป็นสถานะอย่างในอย่างหนึ่งในอัตราส่วน 1:20 (-30 ค่าศิลปะ, -1000 ค่าชื่อเสียง)
คำเตือน:  ค่าชื่อเสียงจะลดลง, แต้มต่างๆที่เกี่ยวข้องจะถูกหักจากค่าศิลปะ

ปริมาณของค่าสถานะศิลปะที่จะแปรเปลี่ยนเป็นพละกำลังหรือความคล่องแคล่วขึ้นอยู่กับคุณภาพของรูปแกะสลักที่ถูกทำลาย การทำลายรูปปั้นทั่วไปจะแปลงค่าศิลปะไปเป็นกำลังหรือความคล่องตัวให้สองเท่าในระยะเวลาหนึ่งวัน ในขณะที่การทำลายผลงานชั้นยอดจะแปลงให้สี่ถึงหกเท่าของค่าศิลปะ
มันควรจะเป็นทักษะที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับพวกประติมากรที่มีพละกำลังและความคล่องตัวต่ำ ผู้เล่นประติมากรที่ทำแต่การแกะสลักอย่างเดียวจะมีค่าศิลปะสูง แต่พวกเขาจะลำบากเมื่อต้องล่ามอนสเตอร์เนื่องมาจากค่าสถานะสำหรับการต่อสู้อันน้อยนิดของพวกเขา ทักษะนี้ทำให้ประติมากรเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนค่าศิลปะเป็นค่าสถานะอื่นๆได้ แต่ปัญหาอยู่ที่การหักค่าชื่อเสียงและค่าศิลปะต่อหนึ่งการใช้งานของมัน
ค่าสถานะศิลปะนั้นเพิ่มยากมาก หมายความว่าทักษะนี้ต้องถูกใช้อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ค่าปรับมหาโหดจากการทำลายประติมากรรมทำให้มันเป็นทักษะที่ไม่น่าใช้
พูดอีกอย่างหนึ่ง ทักษะนี้ก็เหมือนดาบสองคม วีดตัดสินใจเก็บมันออกไปและไม่ใช้มันหากเป็นไปได้ พละกำลังและความคล่องตัวชั่วคราวไม่ใช่พลังที่แท้จริง แม้จะไม่ใช้ทักษะทำลายประติมากรรม วีดก็แข็งแกร่งขึ้นแล้วเมื่อทักษะแกะสลักของเขามาถึงขั้นกลาง ค่าสถานะทุกประเภทของเขาเพิ่มขึ้น 10 และพลังของทักษะมีดสลักก็เพิ่มขึ้นถึงสองเท่า
วีดไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับคุณประโยชน์เหล่านี้ ทักษะค้าขายต่างๆ เช่น การทำอาหาร การทอผ้า การหลอมโลหะ การตกปลา การทำนา ฯลฯ ต่างก็มอบโบนัสค่าสถานะ ทักษะ หรือค่าชื่อเสียงเมื่อผู้เล่นมีความชำนาญมากขึ้น ถ้าทักษะเหล่านี้บรรลุขั้นกลาง ทุกสถานะจะบวกเพิ่ม 5 แต้ม และถ้าทักษะบรรลุขั้นสูง ทุกสถานะจะบวกเพิ่มอีก 10 แต้ม
ยังไม่เป็นที่รู้กันว่าการบรรลุทักษะขั้นปรมาจารย์จะมอบโบนัสสถานะให้กี่แต้ม และความชำนาญทักษะจะเพิ่มขึ้นมากเท่าใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ด้วยเช่นกัน ในกรณีของวีด เขาได้รับโบนัส 10 แต้มแทนที่จะเป็น 5 แต้มเหมือนคนทั่วไปจากการบรรลุทักษะแกะสลักขั้นกลางเพราะอาชีพของเขาคือประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน และเพราะเขามีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับซาฮับอยู่ ทักษะเคล็ดมีดสลักจึงได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นอย่างมาก
ยังไม่มีใครเคยเรียนรู้ทักษะการผลิตอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก่อน เพราะเส้นทางนั้นยากลำบากมาก วีดเสียเวลาไปมากมายเพียงเพื่อจะบรรลุขั้นกลางของทักษะแกะสลัก แน่นอนว่าในการบรรลุทักษะขั้นผู้เชี่ยวชาญ มันจะยากและยาวนานกว่านี้อีกมาก แต่ว่าในตอนนี้ วีดตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไปให้ถึงขั้นปรมาจารย์ของทักษะเหล่านี้ทุกชนิด
ความละเอียดอ่อนและความหลงใหลในศิลปะแทบไม่มีผลใดๆกับวีดเลย แต่เขามีสิ่งหนึ่งที่คนอื่นๆไม่มี-- ความสามารถพิเศษที่เรียกว่า ความขยัน
ถ้ำนักรบแห่งความตายเป็นที่ที่ดูลาฮานกับทหารรับจ้างโครงกระดูก (Skeleton Mercenaries) ซึ่งมีระดับ 120 ทั้งคู่ และผีดิบ (Ghoul) ซึ่งมีระดับ 110 ปรากฏตัวบ่อยๆ พวกผีดิบมีระดับที่น้อยกว่าก็จริง แต่มันจะปรากฏตัวเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 ถึง 5 ตน และพวกมันก็มีหลายชนิดด้วยกัน ผีดิบที่ได้รับการตั้งชื่อหรือเลื่อนขั้นบางครั้งก็มีระดับมากกว่า 130
พวกดูลาฮานกับทหารรับจ้างมีทักษะนักดาบที่ดีเยี่ยม การต่อสู้จึงดุเดือดและเข้มข้น แต่พวกผีดิบส่วนมากจะพุ่งตัวโจมตีเข้ามาแทน
วีดเรียนรู้วิธีในการโจมตีกลับในขณะที่ตัวเองหลบหลีกการโจมตีที่รุนแรงและดุร้ายเหล่านี้
“เยี่ยม ที่นี่นี่มันเลิศจริงๆ”
วีดเลือกถ้ำนักรบแห่งความตายนี้เป็นสถานที่ในการล่ามอนสเตอร์แห่งใหม่ของเขา มอนสเตอร์ที่ถูกตั้งชื่อ (หรือเลื่อนขั้น) ไม่ว่าจะเป็นดูลาฮาน ทหารรับจ้างโครงกระดูก หรือผีดิบเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างอันตราย แต่การสู้กับพวกมันให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยม
ที่นี่เป็นที่ที่เหมาะเหม็งกับวีด ผู้ต่อสู้ด้วยดาบและกำปั้นเป็นหลัก
เวทมนตร์ของพวกสเกเลตันเมจไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ทักษะเคล็ดมีดสลักสามารถลบล้างเวทมนตร์ของพวกมันได้ บางครั้งคาถาก็โดนสะท้อนกลับไปทำให้ผู้ร่ายคาถาลำบากเสียเอง
ดูเหมือนว่าอัตราการสะท้อนเวทมนตร์นี้จะขึ้นอยู่กับความชำนาญในการใช้ทักษะเคล็ดมีดสลัก เขาต้องฝึกแกะสลักให้ดีขึ้นเพื่อที่จะเพิ่มอัตราการสะท้อนนี้ การเพิ่มระดับการแกะสลักของเขาตอนนี้สำคัญพอๆกับการเก็บค่าประสบการณ์และระดับของตัวเขาเอง
แม้วีดล่ามอนสเตอร์ได้อย่างราบรื่นโดยตลอดก็ยังมีคู่ต่อสู้ให้ต้องเป็นกังวลอยู่ตนหนึ่ง: เดทไนท์ (the death knight) มอนสเตอร์ตนนี้มีระดับมากกว่า 200 และปรากฏตัวบ่อยมากในถ้ำนักรบแห่งความต่าย พวกมันเดินเตร่ไปมาในถ้ำ ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ใดที่หนึ่งเป็นเฉพาะ วีดต้องกลั้นหายใจและค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบเพื่อจะหลบมัน โชคดีที่เดทไนท์สายตาไม่ค่อยดี วีดจึงสามารถผ่อนคลายได้ถ้าเขาหลบอยู่ในมุมที่ปลอดภัย บางครั้งวีดถึงกับต้องขุดหลุมดินเพื่อลงไปซ่อนตัวเวลาที่มันเดินเข้ามาใกล้
“ทำไมคนอย่างเราถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ?”
ตอนที่เขาเล่นเกม เดอะ คอนทิเนนท์ ออฟ แมจิค มอนสเตอร์ทุกตัวช่างอ่อนแอเมื่อต้องสู้ตัวละครระดับสูงสุดของเขา แต่ตอนนี้เขาต้องซ่อนตัวจากมอนสเตอร์
ถึงอย่างนั้น วีดก็มีความพึงพอใจอยู่บ้าง ด้วยอัตราการฟื้นฟูพลังเวทที่สูงและความชำนาญในทักษะการปฐมพยาบาล เวลาพักของวีดจึงน้อยมาก
เพราะเหตุนี้ วีดจึงเพิ่มระดับได้อย่างรวดเร็ว และมอนสเตอร์ที่นี่ก็ให้ไอเท็มที่ดีกว่ามอนสเตอร์ในชั้นแรกอยู่มาก ฉะนั้นจะทำตัวอ่อนแอบ้างในบางครั้ง (หมายถึงการหลบเดทไนท์) จะเป็นอะไรไป วีดมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าจะไปไกลกว่านี้อีกหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรหรอก
“ดูลาฮานเป็นมอนสเตอร์ที่เหมาะกับการล่าที่สุด แต่มีตัวอื่นที่ดีกว่านี้ไหม? ถ้ามีอะไรที่อ่อนแอกว่าเดทไนท์ แต่แข็งแกร่งพอที่จะให้ค่าประสบการณ์มากๆก็คงดี...”
วีดเดินอย่างระมัดระวังและไม่ลืมที่จะสร้างจุดซ่อนตัวในพื้นที่สำคัญๆ ไม่ได้มีใครสอนเขาในเรื่องนี้ เขาแค่เรียนรู้ที่จะปรับตัวและอยู่รอดด้วยตัวเองได้ดีราวกับแมลงสาบ
หลังจากที่ผ่านการต่อสู้กับผีดิบและทหารรับจ้างโครงกระดูกมาจำนวนนับไม่ถ้วน วีดก็ได้มาถึงถ้ำกว้างที่มีแม่น้ำใต้ดินไหลผ่านอย่างนุ่มนวล
ดอกไม้ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรเบ่งบานไปทั่วบริเวณ ในที่สุด วีดก็ได้เวลาพักผ่อนหลังจากการต่อสู้อันดุเดือดกับพวกทหารรับจ้างเสียที เขาเติมน้ำในกระติกของเขาและเกือบจะนั่งลงแล้วตอนที่เขาเห็นเงาคน เมื่อตรวจสอบโดยรอบแล้ว เขาก็พบผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่กลางดันเจี้ยนเพียงลำพัง
“นายเป็นใคร?” เธอถาม ทำให้วีดที่กำลังรอให้เธอตื่นอยู่สะดุ้ง
“ฉันชื่อวีด ธ-เธอล่ะ?”
มันเป็นการแนะนำตัวที่ไม่ค่อยเรียบร้อยและไม่ค่อยเป็นเขาเลย เขายอมรับว่าเขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครนอกจากตัวเขาเองที่อยู่ที่นี่
และดวงตาของเธอเมื่อยามที่ตื่นแล้วนั้น... เป็นดวงตาแบบที่วีดชอบอย่างเป๊ะๆ
“ฉันชื่อดาอิน” เธอพูด พร้อมยิ้มกว้างๆให้
ฮุนไม่ค่อยได้เจอกับผู้หญิงมากนัก แน่นอนว่าในชั้นเรียนเขาเองก็เรียนรวมกับพวกผู้หญิง แต่ก็ไม่เคยสนิทกับใครเป็นการส่วนตัว ก็ไม่เชิงว่าเขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบหรือเป็นที่นิยม สาวๆบางคนเข้าหาฮุนเพราะคิดว่าออร่าความเศร้าและความโดดเดี่ยวของเขามันน่าดึงดูดใจ ฮุนคิดว่าพวกเธอโง่เขลาสิ้นดี
“เธอคิดว่ามันเท่เหรอ? ลองมาเป็นคนจนดูบ้างสิแล้วเธอจะเปลี่ยนใจ”
เขาไม่เคยเดทกับผู้หญิงเช่นกัน การออกไปกินข้างนอกด้วยกันหรือแม้แต่การซื้อกาแฟแค่แก้วเดียวก็ต้องใช้เงิน ฮุนคิดว่าอาหารทดลองชิมในร้านขายของกับกับข้าวที่ทำกินเองนั้นประหยัดกว่าเป็นไหนๆ สิ่งที่เขาไม่เข้าใจจริงๆคือทำไมการเดทผู้หญิงคนหนึ่งต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลทุกครั้งที่มีอะไรสักอย่างครบรอบ
ในขณะที่คนอื่นชวนกันไปดูภาพยนตร์ในโรง ฮุนก็ปีนเสาโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ๆไปดูแทน เวลาเดียวที่ฮุนจะได้ดูโทรทัศน์คือเวลาที่คนอื่นๆเปิดดูโทรทัศน์ของพวกเขาเอง จริงๆแล้วเขาก็เก็บโทรทัศน์ที่คนอื่นทิ้งแล้วมาเหมือนกัน แต่ปกติเขาจะไม่ได้ดูเพราะมันเปลืองค่าไฟ เขาจะดูแค่ตอนเที่ยงคืนที่ค่าไฟจะน้อยกว่ามาก เพราะเหตุนี้เอง คนขี้ตืดอย่างฮุน หรือก็คือวีด จึงแทบจะไม่มีประสบการณ์ใดๆกับผู้หญิงเลย
ดาอิน ชื่อนั้นถูกสลักเข้าไปในใจของวีด ผู้ชายทุกคนล้วนมีผู้หญิงในฝันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่วีด
ผู้หญิงในฝันของเขามีผมยาวอย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์แลดูเฉลียวฉลาด และรอยยิ้มที่มีสเน่ห์ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นแค่รายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น
ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งสามารถทำให้เขาตกหลุมรักได้ตั้งแต่แรกเห็น เธอคนนั้นนั่นแหละที่เป็นผู้หญิงในฝันของเขา วีดเกิดความหลงใหลในตัวดาอินเล็กน้อย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น
‘เราไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น...’
เขาก็ไม่ได้ไว้ใจทั้งเพลหรือเซอร์กะอย่างเต็มที่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะฝึกมาด้วยกันก็ตาม โชคร้ายที่วีดค้นพบว่าคนเรานั้นเปลี่ยนแปร และมันไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีเสมอไป
พวกเขาอาจจะดูเป็นมิตรในตอนนี้ แต่วีดค่อนข้างกังขาว่าพวกเขาจะสามารถเอาตัวบังกระสุนปืนเพื่อเขาได้
‘จงให้ผู้อื่นให้เท่ากับที่ได้รับมา ไม่มากกว่าและไม่น้อยกว่า’ คือปรัชญาของวีด เขาไม่สามารถไว้ใจใครอื่นนอกจากครอบครัวของเขา
วีดจ้องมากขึ้นกว่าเดิม “ดาอิน เธอมาที่นี่ได้ยังไง?”
มีแต่เผ่าวิหคเท่านั้นที่อยู่ในนครลอยฟ้า มนุษย์ไม่สามารถปีนขึ้นมาถึงบนนี้ได้ และดูจากการแต่งกายแล้ว เธอเป็นนักผจญภัย
“ที่นี่เหรอ? ฉันมาที่นี่ได้สามเดือนแล้ว”
สามเดือน ความคิดหนึ่งวาบเข้ามาในหัววีด
“หรือว่าบางที เธอจะเป็นหนึ่งในพวกนักผจญภัยที่ค้นพบนครลอยฟ้า?”
“ใช่ ฉันเป็นหนึ่งในพวกนั้น แต่ฉันก็ไม่อยากจะพูดถึงมันเท่าไหร่”
“หมายความว่ายังไง?”
“ฉันเป็นคนเดียวที่ยังอยู่ที่นี่”
“อ๋อ”
ดาอินหาวอย่างผู้ดี พร้อมยืดเส้นยืดสาย
“ฉันเป็นชาแมน (shaman) ระดับ 134”
ระดับของเธอต่ำกว่าที่วีดคาดไว้ เขานึกว่าเธอจะมีระดับไม่ต่ำกว่า 170 เพราะเธออยู่คนเดียวในถ้ำนักรบแห่งความตาย การที่วีดอยู่ที่นี่ทั้งๆที่เลเวล 109 ก็เป็นความผิดปกติเช่นกัน ผู้เล่นทั่วไปคงไม่แม้แต่จะกล้าเข้ามาเหยียบ
“เธอต้องการจะสื่ออะไร?”
“ฉันหมายถึงว่าถ้านายมาคนเดียว จะมาสร้างปาร์ตี้ด้วยกันไหม หรือนายไม่อยาก?”
“เปล่าเลย เอาตามนั้นแหละ”
วีดตกลง ไม่ใช่เพราะว่าดาอินหน้าเหมือนผู้หญิงในฝันของเขาหรือเพราะเขาไว้ใจเธอ เปล่าเลย วีดไม่มีทางไว้ใจหญิงสาวที่เขาเพิ่งรู้จักเพียงเพราะเธอชวนเขาสร้างปาร์ตี้ วีดแค่ต้องการจับตาดูศัตรูของเขาอย่างใกล้ชิด
ผู้หญิงคนนี้น่าสงสัย นอกจากนี้ วีดยังเก็บไอเท็มไว้มากมายในหลายๆจุดซ่อนตัวของเขา เขาจึงปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังไม่ได้
ผู้เล่นอาชีพชาแมนสามารถใช้เวทมนตร์ขาวเพื่อเพิ่มพละกำลังกับความว่องไว และเวทมนตร์ดำเพื่อลดสถานะของคู่ต่อสู้ พวกเขาสามารถใช้ได้ทั้งเวทโจมตี เวทฟื้นฟู แก้พิษ และสลายคำสาป พวกเขาสามารถถือดาบและกระบอง นั่นหมายความว่าพวกเขามีทักษะการโจมตีทางกายภาพอยู่บ้าง
โดยรวมแล้ว มันเป็นอาชีพที่ทำได้ทุกอย่าง! อย่างไรก็ตาม อาชีพชาแมนไม่ได้รับความนิยม เพราะถึงแม้พวกเขาจะมีทักษะอยู่เล็กน้อยในทุกๆด้าน แต่พวกเขาก็ไม่ได้เด่นในด้านไหนเลยสักด้าน ความสามารถในการรักษาของชาแมนนั้นด้อยกว่าพระ (Cleric) และคำสาปที่ร่ายนั้นก็ด้อยกว่าของนักเวทดำ (Black Mage) ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดก็เทียบได้กับนักธนูที่ถือดาบแทนคันศร
พลังชีวิตต่ำ ความถึกทนน้อย และเวทมนตร์อ่อนกว่านักเวท สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถลงค่าสถานะไปในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ต้องแจกจ่ายอย่างเท่าเทียมกันทุกด้าน นี่จึงเป็นอาชีพที่ทำอะไรไม่ได้มาก วีดไม่คาดหวังในตัวดาอิน เขาแค่หวังว่าเธอจะไม่ถ่วงเขา บางทีเขาอาจจะทิ้งเธอทันทีที่เขาเก็บไอเท็มจากแหล่งซ่อนตัวได้ครบทั้งหมด
“กรร!”
ทหารรับจ้างโครงกระดูกห้าตนปรากฏตัวขึ้น วีดรู้สึกเครียด ก่อนหน้านี้เขายังไม่เคยเจอทหารรับจ้างมากกว่าสามตนในคราวเดียว
ไม่ว่าทักษะต่อสู้ของวีดจะเยี่ยมแค่ไหน มันก็ยังยากที่จะต้องสู้ทีเดียวห้าตน
เพียงแค่หันหลังให้แล้วโดนโจมตี แม้จะคราวละครั้งสองครั้งก็รวมกันเป็นความเสียหายที่รุนแรง และเขาไม่สามารถปฐมพยาบาลได้จนกว่าการต่อสู้จะจบ และนั่นค่อนข้างอันตราย
แต่ในตอนนั้นเองที่ดาอินยกมือขวาขึ้นแล้วร่ายคาถา
“แสงแห่งความกล้าสืบสายมาจากบรรพชน จงมอบพลังแด่วีรบุรุษผู้ต่อกรกับศัตรู! พาวเวอร์ อัพ! (Power Up)”
ร่างของวีดเปล่งแสงสว่างจ้าและกำลังของเขาเพิ่มขึ้นมาเกือบร้อย ดาอินค่อยๆผายแขนของเธอราวกับกำลังรอคอยอ้อมกอด
“สายลมโชยผ่าน ประจัญศัตรูด้วยหัวใจส่องสว่าง แสงสว่างจะเป็นย่างก้าวของเจ้า อัพ, สปิริต, วูล์ฟ! (Up, Spirit, Wolf)”
ความคล่องตัวและความเร็วของวีดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาแค่ก้าวขาเข้าหาศัตรูเพียงก้าวเดียวก็รู้สึกเหมือนเขากำลังวิ่งเข้าไป
“เจ้า ผู้ชักนำความตาย เลือด และการกวาดล้างสังหาร สมรภูมิจักเป็นบ้านของเจ้า! บลัดลัสต์! (Bloodlust)”
เวทสนับสนุนของดาอินช่วยเพิ่มค่าสถานะต่างๆให้กับวีด ตอนนี้เขาสามารถรับมือกับทหารรับจ้างโครงกระดูกทั้งห้าตนได้โดยง่าย ขณะเดียวกันดาอินก็ร่ายคำสาปใส่พวกมัน ความเร็วและพละกำลังของพวกมันลดลง พวกมันไม่สามารถสมานบาดแผลของตนได้อีกต่อไปและพวกมันก็หมดกำลังใจในการสู้
“ไม่มีทางที่เวทมนตร์ของชาแมนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้!”
วีดไม่เข้าใจสถานการณ์ หลังจากที่ฆ่าพวกทหารรับจ้างได้อย่างง่ายดาย เขาก็รีบเก็บไอเท็มที่ตกอยู่ก่อนที่จะหันมาถามดาอิน
“เวทมนตร์ของเธอมันเหลือเชื่อเกินไปที่จะถูกร่ายโดยผู้เล่นระดับ 134 มันเป็นไปได้ยังไง? ถ้าฉันยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ล่ะก็ พวกเราก็คงอยู่ในปาร์ตี้เดียวกันไม่ได้แน่”
เขาเสี่ยงที่จะทำร้ายความรู้สึกเธอ แต่เธอก็ตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้ม
“เพราะมันเป็นงานอดิเรกของฉันเอง”
“งานอดิเรก?”
“ใช่ เธออย่าหาว่าฉันบ้าเลยนะ ฉันไม่ได้ชอบฆ่ามอนสเตอร์ ฉันแค่...” เธอพูดอย่างอายๆ
“ฉันใช้คำสาปใส่มอนสเตอร์ เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ หรือบางทีก็คาถาโจมตีระยะไกล พอเลือดของพวกมันลด ฉันก็ร่ายคาถาหัตถ์แห่งการรักษา (Healing Hand) ใส่พวกมัน”
“ใส่มอนสเตอร์?”
“อื้อ ฉันก็แค่เล่นสนุกไปอย่างนั้นแหละ”
สิ่งที่ดาอินเล่านั้นช่างน่าตกใจ เธอมีระดับเพียง 134 แต่เวทมนตร์ของเธอไปไกลกว่านั้นมาก
ดาอินเล่นสนุกด้วยการสาปแล้วก็รักษาพวกทหารรับจ้างโครงกระดูก ดูลาฮาน และผีดิบในดันเจี้ยนนี้...

เล่มที่ 2 ตอนที่ 6 : จบ



**********************



<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: