วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 4 ตอนที่ 7 ออกล่าในดันเจี้ยน (Dungeon hunting)

เล่มที่ 4 ตอนที่ 7  ออกล่าในดันเจี้ยน (Dungeon hunting)


“แล้วก็มาถึงช่วงการนำเสนอข่าวล่าสุดในทวีปเวอร์เซลล์แล้วค่ะ  เดี๋ยวเราจะนำท่านผู้ชมเข้าสู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเส้นทางราชันย์กันนะคะ  สำหรับวันนี้เรามีแขกรับเชิญมาที่สตูดิโอของเราค่ะ  ท่านผู้ชมทุกท่านต่างก็รู้จักเค้าเป็นอย่างดี  ขอเชิญพบกับ จูวาน ค่ะ, เป็นยังไงบ้างคะ จูวาน”
 “สวัสดี เฮมิน, รอยยิ้มของเธอในวันนี้ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน”
“โฮะ โฮะ ไม่ต้องมายอกันหรอกค่ะ ต้องขอบคุณนะคะที่คุณสามารถปลีกเวลามาได้ในวันนี้  แน่นอนว่ามีข่าวสำคัญในวันนี้ใช่มั๊ยคะ?”
“คุณพูดถูกแล้วครับ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับรสนิยมในการกินของคุณครับ เพราะผมรู้สึกได้ว่าคุณทานหมูอบมาเมื่อเช้านี้ …”
“เอ๋, คุณพูดอะไรน่ะ? ในตอนเช้าๆน่ะ หมูอบให้รสชาติที่ดีที่สุดเลยนะ  แต่นี่มันมีกลิ่นติดชั้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”
จูวานกับชิน เฮมิน แม้ทั้งคู่จะไม่ถูกกันและพูดไปเรื่อยเปื่อย แต่ทั้งคู่ก็เป็นคู่ผู้รายงานข่าวสำหรับช่องรายการเกมของ KMC มีเดีย ลี ฮุนดูรายการดังกล่าวพร้อมทั้งกินไปด้วยอย่างช้าๆ
‘บางครั้งพวกเค้าก็พูดจาขวานผ่าซากบ่อยๆ  แต่ก็ยังดีกว่าของ CTS มีเดียล่ะนะ’
การจัดการกับเวลาเป็นปัญหาที่คงอยู่มาชั่วนิรันดร์: ในการแสวงหากำไรมันเป็นเรื่องยากที่จะอัฟเดทในทุกๆกิจกรรมของเกม  CTS มีเดียเลือกที่จะเชิญนักแสดงหน้าตาดีที่โด่งดังมาออกอากาศ  แต่พวกเขากลับลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไปนั่นก็คือ นวัตกรรม  ในแต่ละตอนที่ออกอากาศเหล่านักแสดงต่างมุ่งเน้นสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวละครของตนดูดี ซึ่งนี่ก่อความหงุดหงิดให้แก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก  และบางครั้งรายการก็ออกทะเลไปไกลจนไม่รู้ว่าพวกเขาพูดถึงอะไรอยู่
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วรายการของ KMC มีเดียกลับดูได้สะดวกกว่ามาก  การจัดการรวบรวมข้อมูลที่ยอดเยี่ยม ทำให้พวกเขาสามารถรับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันได้รวดเร็ว และทำการสรุปกิจกรรมหลักๆในรายการข่าวของพวกเขาได้  ด้วยขนาดที่ใหญ่ของทวีปเวอร์เซลล์ส่งผลให้มีผู้เล่นจำนวนมากที่อยากรู้ข้อมูลล่าสุดของเกม
“และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ท่านผู้ชมจะได้ทราบข่าวที่น่าสนใจที่สุดข่าวนึงเลยที่เดียว  เรามาหยุดคิดถึงเรื่องอื่นกันซัก 2-3 นาทีเพื่อฟังเรื่องนี้กัน  ในที่สุดในอาณาจักร ฮาเวน (Kingdom of Haven) ก็มีผู้เล่นที่สามารถผ่านไปถึงเลเวล 370 ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘กำแพงที่ไม่สามารถก้าวผ่าน (impenetrable wall)’ ได้สำเร็จ เค้าคนนั้นคือ บาร์ด เรย์’”
“ว้าว! ช่างสุดยอดอะไรอย่างนี้!”
“รู้กันว่า บาร์ด เรย์ เป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มพวกที่มีระดับสูงๆ  และแน่นอนที่คุณจะรู้จักฉายาของเขา ‘อัศวินดำ’ (The Black Knight)’ ในที่สุดนักรบคนนี้ก็สามารถไปถึงเลเวล 370 ได้สำเร็จที่หอคอย  ตอนนี้เรามาดูกันเถอะว่าเค้าทำมันได้อย่างไร”

*******************************

หอคอยแห่งนักรบ (Tower’s warriors)
มันเป็นสถานที่ซึ่งนักรบที่แข็งแกร่งมารวมตัวกันเพื่อแข่งขัน  อัศวินในชุดเกราะสีดำกำลังกวัดแกว่งดาบสีดำเข้าต่อสู้กับพวกบาร์บาร์เรียนเถื่อน  เหล่าบาร์บาร์เรียนต่างส่งเสียงร้องโหยหวนเมื่อได้รับการโจมตีจากดาบใหญ่ของเขา  อย่างไรก็ดีด้วยการใช่เทคนิคท่าเท้า  อัศวินดำสามารถหลบหลีกการจู่โจมของศัตรูได้
ความเร็วของผู้เล่นเลเวลสูงอยู่เหนือคำบรรยาย ประกายดาบแปลบปลาบด้ายความเร็วเหนือจินตนาการ  และเมื่อนำชุดเกราะอุปกรณ์ของเขาเข้าไปรวมด้วยมันก็ดูราวกับกำลังดูการต่อสู้ระหว่างมังกรแดงและมังกรดำ  ผลลัพธ์ปรากฎอย่างรวดเร็ว อัศวินดำกำลังเล่นกับคู่ต่อสู้ของเขาอยู่ ! ท้ายที่สุดชัยชนะก็ตกเป็นของผู้เล่นสีดำ
“คุณบอกว่าผู้เล่น บาร์ด เรย์ ได้รับชัยชนะและกลายไปผู้เล่นที่มีเลเวลสูงที่สุดในเกม! ต้องขอบคุณชัยชนะเหนือนักรบที่พิทักษ์หอคอยที่ทำให้เขาก้าวไปถึงเลเวล 370  อีกอย่างที่ชั้นอยากเสริมก็คือเทคนิคที่ บาร์ด เรย์ ใช้ในการต่อสู้นี้ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อนด้วย!”
“โอ้, ฮ่า ฮ่า  เยี่ยมจริงๆ!” จูวานแกว่งแขนพร้อมทั้งร้องออกมา  “ยังไงก็ดี, บาร์ด เรย์ ก็ถูกบังคับให้เปิดเผยสกิลและเทคนิคให้คนอื่นได้เห็นงั้นสิ?”
“สุดๆไปเลย! จริงด้วย; บาร์ด เรย์มาจากกิลด์เฮอร์มีส (Hermes) คุณน่าจะจำได้จากการนำเสนอข่าวก่อนหน้านี้  เฮอร์มีส ได้ทำการยึดอำนาจจากผู้ปกครองคนก่อนของอาณาจักร ฮาเวน (Haven), อิลุยนา (Illuina) และได้ประกาศว่าพวกเขาเลือกหนทางของการใช้กำลังทหารในการปกครอง”
“คุณกำลังบอกว่าฮาเวน ได้ประกาศสงครามต่อสหราชอาณาจักรทั้งหมดงั้นสิ?”
“ถูกต้อง ยิ่งการได้พันธมิตรยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจของพวกเค้ามากยิ่งขึ้น”
“ยิ่งไปกว่านั้น, พวกเขามี บาร์ด เรย์ อยู่ด้วย”
“ใช่เลย! แม้ว่าหัวหน้ากิลด์จะเป็นผู้เล่นคนอื่น แต่จริงๆแล้ว บาร์ด เรย์ นี่สิที่เป็นหน้าตาของกิลด์  ดังนั้นเองการแสดงออกถึงเลเวลที่เพิ่มขึ้นของเขาจาก หอคอยแห่งนักรบ ก็เหมือน บาร์ด เรย์ ได้ประกาศให้โลกรู้ถึงความเป็นที่สุดของกิลด์ของเขา”
หลังจากนั้น ข่าวก็ได้เปลี่ยนไปนำเสนอเรื่องอื่นแทน  พวกเขาได้กล่าวถึงที่ห่างไกลออกไปแห่งหนึ่งได้มีกิลด์บางกิลด์เริ่มก่อสงครามกับ พ่อมดที่ทรงพลัง ณ ถ้ำที่เพิ่งถูกค้นพบ  สำหรับส่วนพื้นที่หลักในเวอร์เซลล์นั้นก็มีรายงานในเรื่องทั่วๆไป อาทิเช่น มีคนสูญเสียไอเทมเนื่องจากโดนลูกหลงจากพายุทอร์นาโดและแผ่นดินไหว  เพราะงั้นถ้าคุณกำลังจะเดินทางไปยังที่ๆไม่คุ้นเคย คุณควรจะรวบรวมข้อมูลข่าวสารและระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงความอลหม่านเหล่านี้

*********************************

‘เลเวล 370….’
สมองของลี ฮุนปฏิเสธที่จะลืมตัวเลขนี้จากความคิดของเขา ในเกม Continent of Magic, เขาเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุด! อย่างไรก็ดี ในตอนนั้นเขาไม่ได้รู้เลยว่า ฉายานั้นมันมีมูลค่าอย่างไร  เขาก็แค่เล่นเพื่อความสนุก  ค่อยๆเอาชนะมอนสเตอน์ไปเรื่อยๆและแทบจะไม่เคยคุยกับผู้เล่นคนอื่นๆเลย  เขาจะมีการแวะไปที่เมืองเพื่อขายของในตอนที่เขารวบรวมไอเทมได้เป็นจำนวนมหาศาล  ด้วยเหตุนี้ฉายา ‘ที่สุด’ จึงไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรเลย  จนกระทั่งเขาขายตัวละครของเขาไปนั่นแหละเขาจึงได้ตระหนักถึงมูลค่าของฉายานั้น!
‘บาร์ด เรย์ … ถ้านายขายตัวละครของนาย , นายจะได้เงินขนาดไหนเนี่ย!?’
ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ จำนวนผู้เล่นใน Continent of Magic นั้นเทียบไม่ได้เลยกับเส้นทางแห่งราชันย์  มีคนกว่า 1 แสนล้านที่เล่นเส้นทางแห่งราชันย์อยู่ ! พนักงานออฟฟิต, ฟรีแลนซ์ และคนกลุ่มอื่นๆต่างก็ใช้เกมนี้เป็นที่พักผ่อนท่องเที่ยว  มันเป็นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก!
ขณะที่เขากำลังพัฒนาทักษะตกปลาอยู่ เขาได้เห็นผู้คนมากมายที่เป็นอย่างนั้น  พวกเขามายังแม่น้ำ เบนซะ (Bensa River) เพื่อผ่อนคลายตนเองจากการงานและครอบครัว  การที่มีเลเวลเพียง 50 ไม่ได้ทำให้พวกเขาอารมณ์เสียแต่อย่างใดเมื่อเทียบกับการได้มาปิคนิคหรืออาบแดดภายใต้ดวงอาทิตย์อันอบอุ่น
แทนที่พวกผู้เล่นจะล่ามอนสเตอร์เพื่อให้ได้ลูท  พวกเขากลับใช้วิธีการซื้อจากร้านค้าด้วยเงินจริง  บ่อยครั้งที่พวกเขาทำเพื่อที่จะอวดต่อกลุ่มเพื่อนในตอนที่พวกเขามาพักที่รีสอร์ทเพื่อตากอากาศ  ซี่งนั่นก็ไม่ได้หนีความจริงไปซักเท่าไร  ด้วยเส้นทางแห่งราชันย์คุณไม่จำเป็นต้องลาพักร้อนเป็นสัปดาห์หรือเสียเวลาช่วงวันหยุดเพื่อสิ่งเหล่านี้  ขอแค่คุณมีแคปซูลอยู่ที่บ้านก็พอ
ลี ฮุน ไม่ได้ตำหนิคนเหล่านี้  ในมุมกลับกันเขาคิดว่าคนเหล่านี้ก็คือลูกค้าในอีกรูปแบบหนึ่ง  ในเมื่อเกมนี้มีผู้คนที่หลากหลาย ต่างคนก็มีสิทธิ์ทำตามใจของตน
ความคิดของลี ฮุนกลับมาที่ บาร์ด เรย์ อีกครั้ง  ทุกๆคนนับตั้งแต่พนักงานบริษัทยันผู้บริหารต่างก็เล่นเส้นทางแห่งราชันย์  เพราะงั้น ราคาของตัวละครที่มีเลเวลสูงที่สุดนี่มันต้องแพงแบบสุดๆไปเลย!
อย่างไรก็ดี ในกรณีของ บาร์ด เรย์ ถ้าเขาไม่ใช่คนโง่เขาก็คงไม่ขายตัวละครของเขาหรอก  เส้นทางแห่งราชันย์เพิ่งจะเริ่มประสบความสำเร็จ  และตามที่ผู้เชี่ยวชาญว่าไว้ มันจะคงความนิยมได้ต่อไปอีก 10 ปีเลยทีเดียว  ดังนั้นการขายตัวละครที่มูลค่าของมันยังเติบโตไปได้เรื่อยๆนั้น นอกจากจะเป็นที่ทำให้คุณต้องกลับมาเริ่มเล่นเกมใหม่แล้วมันยังเป็นการกระทำที่โง่เขลาเป็นอย่างยิ่ง
“ค่ะ ขอบคุณ คุณ ออง จูวานมากนะคะ  ไม่ทราบคุณมีข่าวอย่างอื่นอีกมั้ยคะ? ตะกี้คุณมีพูดถึงอะไรเกี่ยวกับทวีปเวอร์เซลล์นี่นา”
“แน่นอนสิครับ ถ้าคุณพูดถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นที่ทวีปหลักละก็ ถึงจะใช้เวลา 24 ชม.ก็คงจะไม่พอแน่นอน  ดังนั้นผมจะไม่แปลกใจเลยถ้ามันจะมีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้”
“ง้นเหรอคะ ? งั้นก็อย่าอมพะนำไว้สิคะ  รีบๆเล่าเรื่องใหม่ๆให้พวกเราฟังหน่อย!”
“เฮมิน , คุณชอบทักษะงานฝีมือมั้ยล่ะ?”
“หืม, ใช่ค่ะ ชั้นชอบ”
“งั้นคุณต้องชอบงานที่มีความละเอียดสินะ….”
“เอ่อ… ชั้นชอบคนที่มีความกระตือรือล้นที่จะสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆด้วยมือของพวกเค้าเองค่ะ”
“เยี่ยมเลย  งั้นคุณต้องชื่นชอบข่าวนี้อย่างแน่นอนเลยทีเดียว  เมื่อไม่นานมานี้เองได้มีผู้เล่นที่สามารถบรรลุถึงทักษะขั้นกลางในการตัดเย็บ, ทำอาหาร และ ตีเหล็ก”
“ว้าว! ยอดไปเลย!”
ลี ฮุน ก้มศีรษะด้วยความประหลาดใจ
‘ตัดเย็บ, ตีเหล็ก และ ทำอาหาร– มีคนที่สามารถบรรลุพวกมันทั้งหมดถึงขั้นกลางเลยเหรอ?’
ลี ฮุน เป็นผู้ที่ผ่านเส้นทางนั้นดังกล่าวมา  เขารู้ดีถึงความยากลำบากในการพัฒนาทักษะเหล่านั้นจนไปถึงขั้นกลาง ดังนั้นตอนที่ได้ยินว่ามีผู้เล่นอีกคนหนึ่งทำได้เหมือนกัน เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสิ่งที่เขาได้ยินเลย
‘อืม สำหรับการทำอาหาร มันก็เป็นเพียงแค่กระบวนการที่ยาวนานและน่าเบื่อหน่าย  แต่การตัดเย็บและการตีเหล็กนั้น ถ้าคุณใช้วัสดุที่ดี คุณก็สามารถเพิ่มระดับมันได้อย่างรวดเร็ว …. นี่ต้องขอบคุณการแลกเปลี่ยนสินค้าที่ที่ให้ชั้นเพิ่มระดับของทักษะได้เร็วเป็นสองเท่า …. บางทีมันอาจเป็นไปได้ว่าผู้เล่นคนนั้นก็ใช้วิธีแบบเดียวกัน ….’
แต่แม้จะใช้วิธีการแลกเปลี่ยนสินค้า  การพัฒนาทักษะทั้งสามก็ยังต้องการ ความทุ่มเท, วัสดุ และ เวลา เป็นปริมาณมหาศาล  มันเป็นเรื่องยากที่จะให้ ลี ฮุน เชื่อว่ามีคนอื่นที่สามารถเชี่ยวชาญทักษะทั้งสามจนถึงขั้นกลางได้
ชิน เฮมิน แสดงท่าทางประทับใจอันน่ารัก พร้อมทั้งถามอย่างกระตือรืนล้นว่า
“โอ, งั้น คุณก็ได้สัมภาษณ์เค้ามาแล้วสินะ? ในเมื่อคุณได้พบกับผู้เล่นที่เชี่ยวชาญทักษะถึง 3 อย่าง”
“ไม่หรอก มันเป็นเรื่องโชคร้ายที่เราได้ข่าวเรื่องนี้มาสายเกินไป ….”
“ชั้นไม่อยากจะเชื่อ! ออง จูวาน เธอไม่ได้สัมภาษณ์เขางั้นหรือ?”
“ถูกต้อง ตอนนั้นผมกำลังยุ่งอยู่กับอีกเรื่องนึงพอดี  แล้วก็พูดจากใจเลยนะ  ตอนที่ได้ยินเรื่องนี้น่ะ ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้เล่นอย่างนั้นอยู่จริง  จนกระทั่งบนกระดานมีการโพสต์ของบางอย่างที่เขาทำขึ้นมานั่นแหละผมก็รีบไปหาเขาเพื่อสัมภาษณ์อย่างเร็วที่สุด  แต่ผมช้าเกินไป  ท้ายที่สุดผู้เล่นที่ไม่มีใครรู้จักคนนั้นได้ประดิษฐ์เสื้อที่ทำจากเส้นใยสายรุ้งขึ้นมา – ในกรณีที่เธอไม่ รู้เส้นใยนี้มีคุณภาพเป็นอันดับ 1 เลยนะ – และจากนั้นเขาก็หายตัวไปโดยไม่มีใครรู้ว่าไปที่ไหน  เสื้อที่เขาเอาไปประมูลขายได้รับความสนใจเป็นอย่างมากและได้มีการจัดทำเป็นวีดีโอขึ้นซึ่งเรากำลังเล่นให้ชมอยู่บนหน้าจอในขณะนี้”
ฉากในห้องส่งถูกตัดไปยังเมืองใหญ่ในยุคกลางเมืองหนึ่ง  ตึกรามบ้านช่องเป็นในสไตล์เรเนซองส์ (Renaissance) ประกอบไปด้วยวิหารโอ่อ่า รวมทั้งอาคารสองชั้นและอาคารสามชั้นที่อยู่ในกลุ่มสวนไม้เขียวขจี  ห่างออกไปสามารถเห็นได้ถึงโคลอสเซียม (Colosseum) และผู้เล่นมากมายที่เดินไปมีหรือขี่ม้าลากรถเลื่อนไปตามทาง
ตามร้านค้าจะเห็นผู้เล่นกำลังโต้เถียงกับเจ้าของร้าน และบริเวณใจกลางจตุรัสอันกว้างใหญ่เป็นสถานที่ๆจัดการประมูลขึ้น
มีพ่อค้าที่สวมสูทกำลังเสนอขายเสื้อตัวหนึ่งซึ่งเสริมคุณสมบัติ 7 ประการ  ผู้คนจำนวนมากมารายล้อมด้วยความหวังที่จะได้ซื้อของดีๆ  ราคาของมันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว  และลี ฮุนรู้ก็จักพ่อค้าที่ทำการเปิดประมูลคนนี้
‘ใช่แล้ว นั่นมัน เมแพนนี่  งั้นผู้เล่นที่เลื่อนระดับทักษะทั้ง 3 อย่างไปขั้นกลาง นั่นก็คือ ….’
ออง จูวาน กำลังพูดถึง ลี ฮุน นั่นเอง
ช่างน่าสนใจจริงว่าเขาจะเป็นลมไปหรือไม่ถ้าเขาได้รู้ว่าทักษะตกปลาและแกะสลักของ ลี ฮุน ก็อยู่ในระดับขั้นกลางเช่นเดียวกัน?
‘ดีนะเนี่ย ที่ชั้นไม่ได้เป็นคนจัดการประมูลนั่นเอง …’
เขาคิดว่าการการถ่ายทอดการประมูลที่ออกทีวีนั้นทำได้อย่างยอดเยี่ยม  ภาพความตื่นเต้นของผู้เล่น เสียงตะโกนโหวกเหวก และ การแย่งชิงกันเพื่อไอเทมในฝัน  ด้วยการออกอากาศนี้ ชิน เฮมิน และ ออง จูวานก็เรียกความสนใจเพิ่มอีกจากการให้คำวิจารณ์ที่เฉียบคม   หลังจากที่วีดีโอจบลงก็เป็นภาพของไอเทมที่เมแพนขายไปปรากฎขึ้นมาแทนรวมทั้งราคาที่ขายได้และคำอธิบายเกี่ยวกับไอเทม
“ดูสิ เฮมิน! นั่นไงเสื้อสีรุ้ง ที่ประดิษฐ์โดยทักษะตัดเย็บขั้นกลาง
“ช่างน่าประหลาดใจเหลือเกิน!” ออง จูวาน ชี้ไปยังจอด้านหลังเขาด้วยสายตาที่อยากได้เสียเหลือเกิน
เสื้อคลุมสีรุ้ง
ความคงทน: 110/110. พลังป้องกัน: 55
เสื้อคลุมที่ทำจากเส้นใยสายรุ้ง ได้รับการตัดเย็บจากผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง  ผู้เชี่ยวชาญได้ใส่จิตวิญญาณของเขาลงไปในเสื้อตัวนี้  แม้จะเป็นมอนสเตอร์ก็ยังลังเลที่จะจู่โจมใส่แม้ว่ามันจะถืออาวุธในมือก็ตาม
เงื่อนไข:
เลเวล 150
ความแข็งแกร่ง: 80
ความคล่องแคล่ว: 80
คุณสมบัติ:
- ลดความเสียหายจากลูกศรลง 85%.
- ความคงทนของชุดไม่ลดลงจากความร้อนของไฟ
- เพิ่มโอกาส 20% ในการไม่ได้รับความเสียหายจากเวทมนตร์สายฟ้า
- อาวุธทื่อไม่สามารถสร้างความเสียหายแบบคริติคอลได้
- เพิ่มค่าชื่อเสียง 100
- เพิ่มค่าศิลป์ 10
- ความคล่องแคล่ว +10
นี่ต้องขอบคุณทักษะที่พัฒนาขึ้นจากการแลกเปลี่ยนสินค้า, ไอเทมชิ้นนี้มีความคงทนที่สูงมาก แถมค่าพลังป้องกันยิ่งดีกว่าไอเทมอื่นที่ทำจากเส้นใยชั้นดีอย่างเห็นได้ชัด  นอกจากนี้มันยังมีคุณสมบัติเสริมอีก 7 อย่าง! ไอเทมทั่วๆไปจะมีคุณสมบัติมาให้ 2-3 อย่างซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะไร้ประโยชน์  แต่นี่มันมีถึง 7 อย่าง และทั้งหมดนั้นก็มีประโยชน์สุดๆ!
สำหรับยูนิคไอเทม (unique items) นั้น ลี ฮุนสามารถทำขึ้นได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น  ไม่ใช่ทุกครั้งที่รูปแกะสลักอันสวยงามที่ผ่านมือประติมากรนั้นจะออกมาเป็นผลงานที่ดีซึ่งต่างจากการตัด
 “หลังจากจบการประมูล , ผู้เล่นคนนั้นก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย  ไว้ครั้งต่อไปที่เค้าปรากฎตัวขึ้น  ผม ออง จูวอน จะรีบไปสัมภาษณ์เค้าให้ได้อย่างเร็วที่สุดไม่ว่าเค้าจะอยู่ที่ไหน  ผมสัญญา”
ลี ฮุน ถลึงตาให้กับการลงท้ายแบบหักมุมของคนๆนี้
เมื่อคุณมีชื่อเสียง คุณจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย  อย่างเช่นถ้าคุณขายของมันก็เป็นเรื่องดีที่มีผู้คนมาสนใขคุณมากขึ้นพร้อมทั้งมาซื้อสินค้าของคุณ  อย่างไรก็ดีเนื่องด้วยการมีผู้เล่นจำนวนมากมาติดตามคุณนั้น พวกเขาก็มักจะปรากฏตัวมาและเป็นอุปสรรคต่อการล่าและการทำเควสของคุณ
นั่นเป็นเหตุผลที่ ลี ฮุน ขอให้เมแพน ช่วยจัดการประมูลให้กับเขาแทน
“อ๊า! แย่จังที่พวกเราไม่สามารถสัมภาษณ์เค้าได้  แต่ก็ได้เวลาที่เราจะไปฟังเรื่องอื่นๆกันแล้วล่ะ  ไม่ทราบคุณ ออง จูวาน ยังมีเรื่องอื่นๆจะรายงานอีกมั้ยคะ?”
“ครับ  สุดท้ายนี้ผมขอพูดถึงเรื่องการโจมตีป้อมปราการโอดิน ครับ  ทางกิลด์รุ่งโรจน์ (Prosperity Guild) ได้ทำการป้องกันป้อมจากการพยายามเข้าตีของกิลด์บอลข่าน ได้สำเร็จและได้รับชัยชนะอีกครั้งหนึ่ง  ณ ตอนนี้ไม่มีกองกำลังไหนในบริเวณนั้นที่จะสามารถสู้กับกิลด์รุ่งโรจน์ได้อย่างเท่าเทียมกันอีกแล้ว  ซึ่งสามารถสันนิษฐานได้ว่าป้อมแห่งนี้จะสงบไปได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในขณะที่ราคาสินค้าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 70% เนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการทหารและการซ่อมแซมปราการป้องกัน”
“นี่ชั้นได้ยินเสียงของความไม่พอใจ แม้กระทั่งตอนนี้นะเนี่ย”
“นั่นมันช่วยไม่ได้  ในเมื่อภาษีถูกเก็บโดยผู้ครอบครองโอดิน  และแม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้น ผมก็มั่นใจว่าพ่อค้าและนักล่าจำนวนมากจะยังคงมาที่ปราสาท  เอาล่ะ เรามาดูวีดีโอการต่อสู้กันเถอะ”
ฉากหลังถูกตัดไปยังการต่อสู้
เป็นภาพที่ถ่ายจากมุมสูง (bird’s –eye view) ของการปะทะระหว่างกิลด์ที่ป้อมปราการโอดิน
เห็นได้ชัดว่าเป็นนักเวทที่บันทึกเหตุการณ์ไว้ในขณะที่เขากำลังบินอยู่บนท้องฟ้าเพื่อเก็บภาพของสนามรบทั้งหมด ซึ่งเขาทำมันได้สำเร็จ
ผู้ชมไม่ได้เห็นการเปิดฉากของสงครามครั้งใหญ่ การโจมตีระลอกแล้วระลอกเล่าพุ่งเข้าใส่กำแพงป้อม และแนวป้องกันก็ค่อยๆถอยทัพไปอย่างช้าๆซึ่งดูเหมือนว่าแนวรับกำลังจะพังทลายลง
แต่พวกเขาไม่มีโชค  ผลลัพธ์ของสนามรบจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายป้องกันซึ่งก็คือกิลด์รุ่งโรจน์  นั่นต้องขอบคุณที่พวกเขาแบ่งกำลังไว้ภายในป้อมและสามารถยืนหยัดไว้ตลอดทั้งวัน จนกระทั่งฝ่ายบุกโจมตีไม่สามารถสู้ต่อไปได้
“การต่อสู้ครั้งนี้มีคนเกี่ยวข้อง ….”
ลี ฮุน ซึ่งกำลังดูการต่อสู้ในจออยู่ได้ปิดทีวีลง  เขาเข้าไปอาบน้ำและนอนลงในแคปซูล

***********************

ลี ฮุนล็อกอินเข้าไปใน เส้นทางแห่งราชันย์
เขายังคงอยู่ด้านในกำแพงป้อมโอดิน  เมื่อการเข้าตีสิ้นสุดลงเขาก็ออกจากเกมไปทันที ดังนั้นเขาจึงปรากฎตัวขึ้น ณ ที่เดิมตรงบริเวณทางเข้า  มีผู้คนจำนวนมากเดินไปมาอยู่บริเวณนั้น  ช่วงที่เกิดการจู่โจมผู้เล่นทั่วๆไปไม่สามารถเข้ามาด้านในกำแพงป้อมได้  ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงพยายามที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“พวกเจ้าได้ยินเรื่องนี้มั๊ย? พวกเขาว่ากันว่าผู้เล่น บาร์ด เรย์ ไปถึงเลเวล 370 แล้ว!”
“ช่าย, กิลด์ เฮอร์มีส นั่นโชคดีเป็นบ้า”
“เค้ายังว่ากันว่าจำนวนผู้เล่นที่ไปยังอาณาจักร ฮาเวน ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยนะ”
“อืม, บางทีถ้ามีโอกาสพวกเราก็น่าจะไปที่อาณาจักร ฮาเวน บ้างนะ? หรือนายคิดว่าไง?”
“ใช่, ชั้นว่ามันน่าสนใจทีเดียว”
ผู้เล่นมากมายต่างสนทนากันด้วยความสนใจในข่าวล่าสุดของ เส้นทางแห่งราชันย์   สำหรับพวกเขาแล้วเกมนี้เปรียบได้กับโลกที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่จริงๆ  บาร์ด เรย์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จสำหรับคนส่วนหนึ่ง  เขาถูกนำไปเทียบเคียงกับกษัตริย์ หรือ กระทั่งคนดังระดับโลก! ขอเพียงแค่มีคลิปการต่อสู้ของเขา มันจะถูกดาวน์โหลดไปยังคอเกมนับล้านภายในชั่วอึดใจเดียว
มันก็เหมือนเกมออนไลน์เกมอื่น  กระบวนการทั้งหมดของเกมมีพื้นฐานมาจากส่วนต่างมากมายที่ประกอบกันรวมทั้งเทคนิคการต่อสู้การผู้เล่น  มันเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้เล่นจะมีโอกาสได้แสดงทักษะของเขาได้การใช้ความสามารถที่หลากหลายในการสู้กับคู่ต่อสู้ของเขา  แน่นอนว่ายิ่งระดับทักษะของคุณสูงขึ้นเท่าไร  การต่อสู้ก็ยิ่งไม่สามารถใช้กฎเกณฑ์ในโลกแห่งความเป็นจริงไปเทียบได้เท่านั้น  แต่มันเป็นเรื่องสนุกของเกมที่จะเข้าไปต่อสู้เพราะยิ่งคุณเล่นไปได้ไกลเท่าไร คุณก็จะได้พบศัตรูที่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น  และมอนสเตอร์ก็จะยิ่งทวีความยากตามกันไป
ด้วยเหตุนี้ พวกผู้เล่นระดับสูงจึงยิ่งเป็นจุดรวมความสนใจของเหล่าผู้เล่นธรรมดาทั่วไป
กลุ่มผู้เล่นที่พูดถึงบาร์ด เรย์ ได้กล่าวลากันและแยกย้ายกันไป ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ วีด ไปยังร้านขายของแห่งหนึ่ง
“ต้องการนักบวชที่เลเวลเกิน 170”
“จ้างผู้เล่นโจมตีระยะไกล! นักเวท หรือ นักธนู ก็ได้!”
“รับซื้อดาบที่เหมาะกับผู้เล่นเลเวล 210 ! ถ้ามีคุณสมบัติเสริมจะเยี่ยมมาก!”
เป็นบริเวณที่โหวกเหวกโวยวายอีกแห่งหนึ่ง  เมื่อสิ้นสุดการต่อสู้ ผู้เล่นหลายๆคนก็กลับคืนสู่งชีวิตปกติของพวกเขา  รวมกลุ่มกันเพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนสินค้า
ตอนนี้ วีดมีเลเวลที่ระดับ 230  นี่ต้องขอบคุณการฆ่าผู้เล่นจำนวนมากในการต่อสู้ที่ทำให้เขาได้เลเวลเพิ่มขึ้นมา 2 เลเวล  แต่ไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีอย่างนี้ ผู้เล่นจำนวนมากเสียชีวิตและได้สูญเสียค่าประสบการณ์ไป  ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นกำลังรีบกลบช่องว่างที่หายไปให้กลับคืนมา  วีดนำแต้มที่เขาได้จากการเพิ่มเลเวลไปเพิ่มค่าความคล่องแคล่วขณะที่เดินไปยังร้าน
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา วีด ได้ทุ่มเทเป็นอย่างมากให้กับการพัฒนาทักษะทางศิลปะของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความใส่ใจแก่ไอเทมที่สามารถประโยชน์ในการต่อสู้มากนัก  เจ้าของร้านเป็น NPC ที่ดูแข็งแรงโดยมีแผลเป็นที่น่าเกลียดอยู่บนหน้าของเขาซึ่งอาจเป็นผลจากการต่อสู้ที่ป้อมปราการที่เพิ่งผ่านมาก  เขาต้อนรับลูกค้าด้วยความยินดี
“ไม่ทราบว่าท่านกำลังมองหาอะไรอยู่หรือ?”
“ข้าต้องการไอเทม, ของตามฤดูกาล , สมุนไพร, และผ้าพันแผล”
“โอเค นี่คือไอเทม ยา และสมุนไพร เชิญท่านดูได้ตามสะดวก”
ที่นี่แตกต่างจากเมืองหรือปราสาทตรงที่ไม่มีร้านขายอาหารแยกออกมาต่างหาก  ดังนั้นอาหาร, สมุนไพรและผลิตภัณฑ์อื่นๆจึงถูกวางขายในสถานที่เดียวกัน  อย่างไรก็ดี ยังมีร้านอีกหลายร้านที่ขายอาวุธและชุดเกราะ
สมุนไพรแดงซาเรตา (Red herb Zareta)
ราคา: 2 เหรียญเงิน
สมุนไพรที่ใช้รักษาบาดแผล

สมุนไพรน้ำเงินไซลอน (Blue Cylon herb)
ราคา: 4 เหรียญเงิน
สมุนไพรที่ช่วยฟื้นฟูปัญญา
เมื่อใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร สามารถเพิ่มอัตราการฟื้นฟูของมานาได้
การต่อสู้นองเลือดที่ โอดิน ไม่ได้เป็นไปอย่างสูญเปล่า  มีสมุนไพรจำนวนมากในร้านนี้และมีบางตัวที่เป็นสายพันธุ์ที่หายากเป็นอย่างมาก  วีดทำการซื้อสมุนไพรไป 200 ชิ้นในแต่ละชนิด, หินลับมีด, ด้ายสำหรับทอ, ผ้าพันแผล และ อาหาร  ซึ่งราคามันไม่ได้แพงอะไรเลย   จริงๆแล้วสินค้าที่ป้อมปราการเคยมีราคาที่แพง  แต่เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะ  ผู้เล่นที่อยู่ฝ่ายที่ชนะจะไม่ต้องเสียภาษีในร้านหรือภาษีบนสินค้าตลอดทั้งสัปดาห์  นี่เป็นโบนัสให้ผู้ชนะในสงครามนองเลือดนี้
เมื่อวีดซื้อของเสร็จเขาก็ออกจากกำแพงป้อมโอดิน  จุดมุ่งหมายของเขาคือถ้ำที่ใกล้ที่สุด ถ้ำบัสเราะห์ (the cave of Basra)!
***********************
กลุ่มของพ่อมดภายใต้เสื้อคลุมสีน้ำเงินซึ่งนำโดย โซลลอน (Sollon) กำลังรอการปรากฎกายของศัตรู
“กลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้, เตรียมตัวให้พร้อม!” โซลลอน ร้องออกมา เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียดและตื่นเต้น  นั่นทำให้ทีมส่งเสียงจึ๊กจั๊ก
‘ไอ้นี่มันบ้าไปแล้ว…’
‘ไม่ใช่อะไรหรอก , ก็แค่อยากทำเป็นโชว์ต่อหน้า …’
ทว่ามันไม่มีเวลาให้พวกเขามาคิดเรื่องพวกนี้  หัวขโมย บาตู (Batu) กำลังถูกตามล่าโดยศัตรูที่แยกกองกำลังออกมา  นายพรานที่สำรวจระยะไกลรายงานความเคลื่อนไหวให้กองกำลังได้รับทราบ
“ศัตรูกำลังมา!”
“มีจำนวนกว่า 40 คน”
“ทำได้ดีมาก , บาตู  ทุกคน เตรียมตัว!”
ด้วยคำสั่งจาก โซลลอน เหล่านักเวทต่างตั้งแถวและเตรียมร่ายมนตร์  พวกเขาเริ่มต้นปล่อยพลังเวทอย่างพร้อมเพรียง
“โจมตีได้! ระลอกแรก, กระแสไฟพิสุทธิ์  พายุอัคคี!”
แผนซุ่มโจมตีที่วางไว้ได้ผลเป็นอย่างดี  ภายใต้การโจมตีด้วยเวทย์ไฟเหล่ามอนสเตอร์แห่ง บัสเราะห์ อ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว  แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น  โซลลอนที่อีกทีมที่กำลังจะเริ่มการโจมตีระลอกสอง
“พลธนู! ยิง!”
นายพราน 2-3 คนคอยชักนำเปลวไฟให้เป็นเครื่องกีดขวางไม่ให้ศัตรูเข้ามาใกล้พวกตนได้  พวกมอนสเตอร์ค่อยๆถูกดันให้ถอยร่นไปอย่างช้าๆ  ส่วนผู้เล่นบางคนก็ใช้สตันแอร์โรว์* (stun arrows) ซึ่งยิ่งทำให้การเคลื่อนไหวของศัตรูเชื่องช้าลงไปอีก  ระหว่างนั้นเหล่านักเวทก็เตรียมเวทชุดใหม่เสร็จและเข้าต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง (*สตันแอร์โรว์ มีผลทำให้ศัตรูติดสถานะมึนงง)
“เปลวเพลิงแห่งความโกรธ จงตอบสนองข้ากลายเป็นกำแพงขวางเหล่าศัตรูร้าย กำแพงอัคคี!”
“พระแม่ธรณี! โปรดหยุดยั้งพวกไร้ค่าที่เหยียบย่ำอยู่เบื้องหน้าเถิด  บึงโคลน!”
พื้นถ้ำกลับลื่นไถลส่งผลให้เหล่าทหารบัสเราะห์ พลัดตกลงไปในขณะที่กำแพงเพลิงม้วนเข้าหาพวกเขา!
“อ๊าก… อั่ก!”
“ร้อนชิบ! คอของชั้น!”
แต่การต่อสู้ยังไม่จบลงแค่นั้น  ถัดจากกลุ่มนักเวทก็เป็นการต่อสู้ระยะประชิด  หลังจากโดนเวทไปสองชุดและลูกศรไประลอกนึง  พลังชีวิตของมอนสเตอร์กลุ่มนั้นก็ลดลงไปกว่า 70%
“ระบำแห่งความตาย!”
ท่ามกลางเหล่านักรบที่ต่อสู้อยู่ ปรากฎหญิงสาวพุ่งไปมาพร้อมมีดสั้นคู่ ดูราวกับผีเสื้อร่ายรำ เธอโฉบผ่านไประหว่างฝ่ายตรงข้ามพร้อมทั้งจู่โจมพวก บัสเราะห์  เธอดึงดูดความสนใจของพวกผู้ชายด้วยสายตาและท่วงท่าของการร่ายรำ! เธอคือ ฮวารยอง!
ที่ใดก็ตามที่ ฮวารยอง พุ่งผ่านไปกับการเต้นของเธอ เหล่าศัตรูจะได้รับบาดแผลอันรุนแง  ยิงไปกว่าการเต้นแล้ว (*)(*) ก็ถูกใช้ในศึกที่ใช้การเต้นนี้ด้วย
“สวยจัง”
“ยอดเยี่ยม”
เมื่อฮวารยองเริ่มการเต้นของเธอ โซลลอนและเหล่านักเวทก็ลืมการต่อสู้พร้อมกับหันไปชื่นชมท่วงท่าของเธอการเต้นได้เปลี่ยนฮวารยอง จากสาวสวยเป็นเทพธิดาที่งดงาม  ทีมของโซลลอนได้กลายเป็นแฟนของความงามอันน่าลุ่มหลงนี้ในทันที
“ฮวารยอง, ขอเวลานิดนึงสิ!”
“โวว. เธอพึ่งหันมาสบตากับชั้น”
“ไม่, นั่นไม่ใช่แกหรอก, ข้าต่างหากล่ะโว้ย!”
“อ๊ายยย!”
กลุ่มนักเวทขาดสติไปพร้อมทั้งยิงเวทเข้าใส่กันเอง  หัวหน้าทีมอย่าง โซลลอนต้องเข้ามาแยกพวกเขาออกจากกันเพื่อจัดระเบียบขึ้นมาใหม่ ทว่าความงามของหญิงสาวยังคงประทับอยู่ในใจของเขา  ในขณะที่ทุกคนยืนจ้องตาค้างที่ฮวารยองก็มีผู้มาเข้าร่วมการต่อสู้กับมอนสเตอร์คนใหม่ เขาคือ เซเฟอร์ (Zephyr)
“ไอออน ฟิชชิ่ง(Iron Fishing)!”
เขาใช้ลวดเหล็กในการสร้างบาดแผลและสร้างความสับสนให้แก่ศัตรู  สิ่งที่ศัตรูของเขาเห็นมีเพียงการกวาดเหวี่ยงส่งพวกนั้นไปพบ ฮาเดส(Hades) เท่านั้น
(ผู้แปล : ฮาเดส เป็นเทพผู้ปกครองนรก  ในที่นี้เป็นการเปรียบเปรยว่าส่งศัตรูไปสู่ความตายนั่นเอง)
เซเฟอร์, ชาวประมงผู้เข้มแข็ง (the militant fisherman)
ยามที่เขาเคลื่อนไปยังศัตรู เขาโจมตีด้วยความเร็วปานสายฟ้าโดยใช้เหยื่อล่อเพื่อเหวี่ยงพวกนั้นไปสู่อ้อมกอดของฮาเดส
“ตกเหยื่อ (Lure)!”
ภายใต้ผลจากทักษะ  พวกมอนสเตอร์ล่าถอยจาก บัสเราะห์ เมื่อ เซเฟอร์เหวี่ยงคันเบ็ดของเขาเพื่อตกเหยื่อมากขึ้น  หลังจากหมดสิ้นการจู่โจมนี้พวกมอนสเตอร์ก็แทบไม่เหลือพลังชีวิตแล้ว  ไม่นานหลังจากนั้นเซเฟอร์กับ ฮวารยองก็จัดการกับฝ่ายตรงข้ามได้หมด
คุณได้รับค่าประสบการณ์ 3.49%
ในการต่อสู้รอบหนึ่ง โซลลอนและสมาชิกของเขาได้รับค่าประสบการณ์ 3.5%
เรื่องการล่าก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ป้อมโอดินเป็นที่ดึงดูดใจเป็นอย่างมากของกิลด์ต่างๆ  พื้นที่รอบๆป้อมเต็มไปด้วยดันเจียนต่างๆและมอนสเตอร์เกือบทั้งหมดในนั้นให้ค่าประสบการณ์ที่สูงต่อการฆ่าหนึ่งครั้ง  ในทวีปหลักเวอร์เซลล์นั้น คุณสามารถที่จะพบทั้งพื้นที่ล่าที่ยอดเยี่ยมอย่าง โอดิน หรือ อาจจะแย่แบบที่คุณได้รับประสบการณ์นิดเดียวทั้งๆที่มอนสเตอร์แข็งแกร่ง แถมของที่ตกยังไม่มีค่าอะไรอีกต่างหาก
โซลลอนเข้าไปหา ฮวารยอง ด้วยเสียงที่หวานปานน้ำผึ้งพร้อมกล่าวว่า
“ชั้นเห็นผีเสื้อมากมายซึ่งทำให้ชั้นหลงไหลเมื่อมันบินมาอยู่ตรงหน้าชั้น  แต่ตัวที่งดงามที่สุดนั้นได้มายืนอยู่ตรงหน้าชั้นแล้วในตอนนี้ นั่นก็คือ เธอ ฮวารยอง”
“ชั้นไม่ต้องการคำชมพวกนั้นหรอกนะ”
“เอาน่า ไม่ต้องเขินไปหรอก  เธอควรจะภูมิใจกับการเต้นของเธอนะ,  ฮวารยอง”
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรตอบ  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้รับคำเยินยอพวกนี้ และเธอรู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
“อ่า, เธอจำที่ชั้นเคยบอกก่อนหน้านี้ได้มั๊ย  ชั้นเป็นสมาชิกกิลด์ มัฟรอส (Guild Mavros) และ กิลด์ของเรามีถ้ำ บัสเราะห์ อยู่ในปกครอง  เพราะงั้นถ้าเธอมาเข้ากิลด์ของเรา เธอก็จะสามารถเก็บค่าประสบการณ์ได้มาก”
ดันเจียนที่น่าดึงดูดใจเกือบทุกที่ในเส้นทางแห่งราชันย์นั้นต่างมีกิลด์ความครอบครองอยู่  เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการจับมอนสเตอร์และฆ่าบอส ได้เกิดการปะทะย่อยๆขึ้น  ท้ายที่สุดแล้วผู้ครอบครอบดันเจียนจะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มอีก 30% จากการฆ่ามอนสเตอร์!
ถึงแม้ว่าการต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงดันเจียนจะไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักก็ตาม  ทั้งนี่เนื่องมาจากความสัมพันธ์อันซับซ้อนขอบกิลด์ในเส้นทางแห่งราชันย์ก็ตาม  ตัวอย่างเช่น กิลด์ มัฟรอส ที่ได้ร่วมสงครามที่ป้อมโอดินโดยอยู่ฝ่ายเดียวกับกิลด์รุ่งโรจน์  ทำให้ได้รับสิทธิ์การปกครองดันเจียน บัสเราะห์  นั่นแปลว่าหากมีใครต้องการมาแย่งสิทธิ์นี้พวกเขาจะไม่ใช่แค่สู้กับกิลด์ มาวาลอส เท่านั้น  แต่พวกเขาจะต้องสู้กับกิลด์พันธมิตรของกิลด์รุ่งโรจน์ทั้งหมด
“โอ๊ย, จะบ้าตาย!” ฮวารยองบ่นเซ็งๆกับตัวเอง
หลังจากที่เมแพนจัดตั้งเส้นทางติดต่อกับเมืองใหญ่ในอาณาจักรและเพิ่มเลเวลของตัวเองได้ เขาก็สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องการการปกป้องจาก ฮวารยองอีกต่อไป  ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้พยายามบอกใบ้อย่างสุภาพ  ซึ่ง ฮวารยองก็เข้าใจและตัดสินใจที่จะแยกออกมาเพื่อเดินทางคนเดียว  เรื่องนี้มันเกิดขึ้น 2-3 วันหลังจากที่เริ่มเดินทางสำรวจ สหราชอาณาจักรบริทัน  ฮวารยองได้ไปยัง ดันเจียน บัสเราะห์
มันมีตำแหน่งที่ตั้งอันยอดเยี่ยม  ค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากมอนสเตอร์ก็เยอะ เธอจึงได้เริ่มต่อสู้เพื่อตัวเธอเอง  ทว่าการเต้นของเธอมันค่อยๆดึงดูดผู้เล่นคนอื่น และภายหลังก็ได้มีการชวนเธอเข้ากลุ่มในบางครั้ง นั่นทำให้อีก 2-3 วันให้หลังเธอจึงอยู่กลุ่มเดียวกับ โซลลอน  โดยภาพรวมเธอก็ค่อนข้างพอใจนะ  แต่ตอนนี้เรื่องมันเริ่มยากแล้วเพราะ โซลลอนไม่ต้องการให้เธอไป!
ฮวารยอง ชอบที่จะพูดคุยกับเพื่อนใหม่หรือคนที่น่าสนใจ  แต่เนื่องด้วยการเต้นอันงดงามของเธอ เธอมักจะได้พบคนอย่าง โซลลอน  ถ้าเธอจะไปรวมกลุ่มกับคนอื่น เขาก็จะพยายามอย่างที่สุดที่จะหยุดการล่า  เอาตัวเข้าไปก่อกวนปาร์ตี้  ทำให้เสียเวลาโดยการคุย หรือ แม้กระทั่ง ยิงเวทมนตร์ใส่ ฮวารยอง เพื่อให้เธอแยกออกไป
โดยรวม เขาประพฤติตนได้กากมาก  แต่เพราะว่ากิลด์ มัฟรอส มีอิทธิพลมากจึงไม่มีใครกล้าบ่น  ณ ตอนนี้ โซลลอนได้เปลี่ยนกลยุทธ์และเริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าเธอจะออกจากกลุ่มนะ ฮวารยอง  เธอจะไม่มีวันได้ล่ากับกิลด์ของชั้นอีกต่อไป”
ทุกคนต่างหลบตา ฮวารยอง  ทำไมเธอจะต้องล่าร่วมกับโซลลอนด้วยล่ะ  สิ่งดีๆเพียงอย่างเดียวที่เธอพบก็คือการที่เธอพบคนที่ดูจะไปกันได้ที่เพิ่งเข้าทีมมาใหม่อย่าง เซเฟอร์  พวกเขาคุยกันบ่อยๆและเธอก็ชอบชายคนนี้ แม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่าเธอมาก แต่เขาก็ยังฟังตอนที่เธอพูด

*************************************

“สายฟ้าแลบ!”
“Sylph, ระวังเท้าเอาไว้”
ทีมของโซลลอนสู้กับพวกมอนสเตอร์ของ บัสเราะห์  ในถ้ำเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ พวกเค้าไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวด้วยซ้ำ พวกเขาก็แค่รอให้หัวขโมยในทีมซึ่งก็คือ บาตู ไปล่อเหยื่อกลุ่มใหม่มาให้พวกนักธนูและนักเวทของเขาซุ่มโจมตี! กลุ่มที่เขาจู่โจมกลุ่มแรกคือนักเวทซึ่งมีหน้าที่ใช้มนตร์เพื่อลดพลังชีวิตของฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากๆ  แล้วพอพวกเขาฟื้นฟูมานาและเตรียมเวทบทใหม่  กลุ่มนักธนูก็เข้ามาผสมโรง  พวกเขาทำหน้าที่ถ่วงการเคลื่อนไหวของศัตรูเพื่อให้นักเวทพร้อมกับการโจมตีระลอกถัดไป
และเมื่อถึงตอนสุดท้ายของการต่อสู้ก็จะเป็นรอบของการต่อสู้แบบชุลมุนที่มี ฮวารยอง และ เซเฟอร์
โดยรวม ทุกอย่างถูกวางแผนไว้โดยให้นักเวทโจมตีเรื่อยๆ  ในกรณีทั่วไปแล้วทีมอื่นจะนำนักเวทมาที่ถ้ำนี้เพียง2-3 คนเพราะพวกเขาถูกจำกัดและบังคับด้วยพื้นที่
แต่สำหรับทีมของโซลลอน,พวกเขามีนักเวทถึง 8 คน!
ต่อสู้, พัก, ต่อสู้ แล้วก็พัก
หลังการต่อสู้กับมอนสเตอร์แต่ละครั้ง โซลลอนจะให้พวกเขาได้พัก  มันไม่ใช่ว่าพวกเขาเหนื่อยกับการได้รับค่าประสบการณ์หรอก  พวกเขาแค่รอเวลาให้มานาของนักเวทฟื้นฟูขึ้นเพื่อที่จะเริ่มต้นรอบใหม่  และครั้งนี้ก็เหมือนกัน
“ดูนั่นสิ, มอนสเตอร์ตัวสุดท้ายมันดรอป เกราะเงินด้วย !”
“โวว!”
“นายว่ามั๊ย, เราเอาไปให้ ฮวารยอง กันเถอะนะ?” โซลลอนร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอน!”
“ถ้านั่นเป็นเองที่ โซลลอน ตัดสินใจแล้ว ก็ตามนั้นเลย”
พวกผู้เล่นต่างสนับสนุนการตัดสินใจขอบผู้นำกลุ่มด้วยความเต็มใจ  แต่นั่นเป็นเพียงการแสดงออกภายนอกเท่านั้น
ลึกลงไปในใจ, พวกเขากลับขุ่นเคือง
‘อีกแล้วนะเนี่ย ยายนักเต้นคนนั้น’
‘เชี่ยเอ้ย! นี่มันรอบที่กุจะต้องได้ไอเทมนะ …’
‘เฮอะ กลายเป็นว่าตอนนี้เราต้องให้ของที่ดีที่สุดกับเธองั้นเหรอเนี่ย?’
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะขุ่นเคืองใจขนาดไหน พวกเขาก็ยังคงรั้งอยู่ในกลุ่มของโซลลอน  นั่นเพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะหากลุ่มอื่นที่พวกเขาสามารถได้รับค่าประสบการณ์เยอะขนาดนี้ได้ในถ้ำ บัสเราะห์
ฮวารยองก็ได้รับค่าประสบการณ์เหมือนคนอื่นๆ  แต่เนื่องจากมันเป็นฝีมือของนักเวทซะส่วนใหญ่ เธอจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก
‘ค่าประสบการณ์ของชั้นมันเพิ่มขึ้นก็จริง… แต่เมื่อไหร่ชั้นจะได้ลงมือกะเค้าบ้าง?’
เมื่อสงสัย เธอจึงหันไปถาม ดาฟรอน ( Davron) ที่เป็นทหารคนนึงในกลุ่ม
“ถ้าทุกอย่างเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราก็จะไม่ได้ใช้ความสามารถของเรา  เราก็จะไม่แข็งแกร่งขึ้น งั้นไม่ใช่เหรอ?”
“ฮ้า?” เครื่องหมายคำถามปรากฎขึ้นบนหน้าจอง ดาฟรอน, เมื่อเห็นปฎิกริยานั้น เธอจึงถามคำถามต่อไป
“งั้นสกิลของพวกเราล่ะ?”
“อืม พวกเราก็ต้องการที่จะ เอ่อ แบบว่า พัฒนามันนะ”
“ถ้างั้น?”
“ก็พวกเราออกล่าเป็นทีม พวกเราได้ขึ้นเลเวล แต่ความสามารถไม่ได้เพิ่ม ….”
เป็นที่สังเกตได้ชัดว่า ฮวารยอง เป็นกังวลค่อนข้างมาก  แต่ ดาฟรอน ก็ถามมาด้วยความแปลกใจ.
“แน่นอน, มีหลายคนที่เป็นเหมือนเธอนะ ฮวารยอง ที่กังวลเรื่องการพัฒนาทักษะ  แต่ในกรณีนี้ เธอก็ได้เพิ่มเลเวลไม่ใช่เหรอ? ก่อนอื่นเธอต้องเพิ่มเลเวล, เข้าร่วมกับกลุ่มที่แข็งแกร่ง และได้รับค่าประสบการณ์”
“แต่ถ้าเป็นงั้น, พวกเราก็จะกลายเป็นอ่อนแอกว่าผู้เล่นคนอื่นนะ ถ้าเราไม่พัฒนาความสามารถของเรา …”
ฮวารยอง ย้อนคิดไปถึงช่วงเวลาก่อนนี้ไม่นานที่เธอเดินทางกับ เมแพน การที่ได้เต้นเพื่อปกป้องรถขนส่งสินค้า  บางครั้งเธอต้องเต้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงและเทคนิคก็ได้รับการพัฒนาไปมาก
แต่เมื่อเธอเห็นความประหลาดใจที่เกิดกับ ดาฟรอน เธอจึงถาม
“นี่ทุกคนทำแบบนี้หมดเลยเหรอ? งั้นเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ การล่าทั้งหมดที่เธอทำมา อะไรที่ทำให้เธอตัดสินใจอย่างนั้นล่ะ ฮวารยอง?  อย่างแรกก็คือ เธอจะต้องเพิ่มเลเวลอย่างรวดเร็ว, จากนั้นก็ค่อยๆพัฒนาทักษะ, หืม…”
ทีมของโซลลอนมันช่างเหมาะกับคำพูดของ ดาฟรอน อย่างที่สุด  ทุกคนพยายามที่จะเพิ่มเลเวลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ใส่ใจซักนิดกับทักษะ  ทั้งนี้เนื่องด้วยกลุ่มนักเวทเน้นฝึนฝนพลังโจมตี ดังนั้นพวกที่เหลือจึงได้รับแค่ค่าประสบการณ์  แต่สำหรับนักเวทแล้วเส้นทางมันไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบแบบนั้น
ในการต่อสู้ การที่พวกเขาไม่ได้รับการโจมตีเลย และ ได้รับแต่ค่าประสบการณ์ โดยไม่ได้เพิ่มค่าพลังป้องกัน และ ความอดทนนั้น ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนปืนใหญ่แก้ว (ผู้แปล : หมายถึงโจมตีได้รุนแรง แต่เปราะแตกง่ายครับ)   สถานการณ์ยิ่งแย่ไปกว่านี้อีกเมื่อรวมกับความเป็นจริงที่ว่าปาร์ตี้นี้สู้แต่กับศัตรูที่อ่อนแอ  แม้จะมีจำนวนมาก แต่มันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทีม  มันเป็นการต่อสู้ที่เงียบเหงาและจบลงอย่างรวดเร็ว

เล่มที่ 4 ตอนที่ 7 จบ

**************************



<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

3 ความคิดเห็น: