วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 5 ตอนที่ 8 สงครามออร์ค (Orc Wars)

เล่มที่ 5 ตอนที่ 8 สงครามออร์ค (Orc Wars)


“ชวิกคค!
หลังจากกลายเป็นออร์คแล้ว  วีดครุ่นคิดอย่างเป็นกังวล
‘จะตีสนิทกับพวกมันยังไงดีนะ?’
เนื่องจากวีดเคยชินแต่กับการคิดแบบมนุษย์  ดังนั้นการหาวิธีเข้าใกล้ชิดเผ่าพันธุ์อื่นจึงกลายเป็นงานยากสำหรับเขา

วีดเริ่มชินกับการสื่อสารกับพวกออร์คแล้ว   แต่เขายังไม่สามารถหาเพื่อนสนิทจริงๆในหมู่พวกมันได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะเลิกตั้งกำแพงกับพวกออร์คและเริ่มปฏิบัติกับพวกมันราวกับว่าพวกมันเป็นมนุษย์ และเป็นพวกพ้องที่แท้จริงของเขา

ในตอนแรก วีดคิดว่าคงเป็นงานยาก  แต่หลังจากคบหากับพวกออร์คไปเรื่อยๆ  เขาก็สังเกตได้ว่า
‘โอ้ นี่มัน.......คุ้นๆนะ แบบนี้’
วีดเป็นเพื่อนกับพวกออร์คในปาร์ตี้ได้อย่างรวดเร็ว

ออร์ค! พวกมันไม่ต่างไปจากพวกนักดาบเลยซักนิด!  หยาบกระด้าง! ก้าวร้าว! ชอบความรุนแรง!
ถ้ามีอะไรไม่ถูกใจละก็  พวกมันจะไม่รีรอที่จะหยิบอาวุธออกมาเลย!  ต่อให้ศัตรูทีว่าจะแข็งแกร่งกว่าขนาดไหนก็ตาม  พวกมันก็จะเข้าจู่โจมโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดก่อนสักนิด! , กำปั้นของพวกมันเร็วมากกว่าปากพูด 3 -4  เท่าเลยทีเดียว
ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่ มุทะลุบุ่มบ่าม  จริงๆ
.
.
.
“รับไป นี่ให้เจ้า ชวิกกก!”
วีดทำอาหารและแจกจ่ายให้ออร์คทุกตัวในปาร์ตี้
พวกออร์คนั้นเป็นพวกไม่รู้จักแยกแยะและไม่รู้จักพอ  ซึ่งนั่นทำให้พวกมันชอบ ทุกๆอย่าง

กระนั้น  แม้วีดจะยอมรับในสิ่งที่พวกมันเป็น  แต่เขาก็ยังมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ นี้อยู่ดี

เช่นเดียวกับมนุษย์, สังคมออร์คก็มีกฎและระบบชนชั้นเช่นกัน
ออร์คชาวบ้าน , ออร์ควอริเออร์, ออร์คสเกาท์ นั้นอยู่ต่ำสุดของขั้นบันไดทางสังคมในเทือกเขายุโรกิ  พวกมันมีจำนวนมากที่สุด  แต่พวกมันก็เป็นได้แค่ลูกน้องและต้องฟังคำสั่งของออร์คชนิดอื่น เช่น ออร์คแชมป์เปี้ยน , ออร์คกัปตัน , ออร์คอาวุโส และออร์คหัวหน้าเผ่า

ออร์คกัปตันนั้นจะมีออร์คใต้บังคับบัญชาอีกประมาณ 100 ตัว
ออร์คอาวุโสจะปกครองหมู่บ้าน
ออร์คหัวหน้าเผ่าจะปกครองและดูแลอาณาเขตที่ประกอบไปด้วยหลายๆ ชุมชน

และวีดนั้นก็เป็นที่รังเกียจของออร์คทุกตัวที่อยู่เหนือกว่าในสายบังคับบัญชา
“คาริชวิ ไม่ได้เกิดในหมู่บ้านเรา  ชวิกก!”
พวกมันตั้งคำถามกับที่มาของวีด

“เจ้านี่กินน้อยกว่าพวกเรา ชวิกก!”
เปรียบเทียบความอยากอาหารของเขา

“คาริชวิ ดูดีเกินไป!! ชวิตต!”
อิจฉารูปร่างหน้าตาของเขา

“ชวิชชวิก!  ต้องปกป้องพวกตัวเมีย!”
สุดท้ายแล้ว ปัญหาทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะ ผู้หญิง(ตัวเมีย)!

พวกออร์คนั้นอิจฉาริษยาวีด เนื่องจากเขาได้รับความสนใจจากพวกออร์คตัวเมีย
“อ๊า, ชวิ!  ขนาดกลายมาเป็นออร์คแล้วนะ ชวิกก!  ทำไมโลกนี้ถึงไม่เลิกยุ่งกับเราซะทีเนี่ย!”

วีดบ่นคร่ำครวญพึมพำเพราะปัญหาที่พระเจ้าขว้างใส่เขาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ถ้าเป็นคนอื่นคงพิจารณาแขวนคอตายไปแล้ว!

‘ก็อย่างว่านะ  คนหล่อจะไปไหนก็โดนอิจฉาไปหมดนั่นแหละ’
วีดมองว่าที่เกิดปัญหาขึ้นนี่ ก็เนื่องจากรูปสลักออร์คน่ากลัวที่เขาสลักขึ้นโดยไม่ทันคิดตอนที่ยังเป็นมนุษย์นั่นเอง
และเห็นว่าวีธีเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหาได้คือ เอาหูไปนาเอาตาไปใร่ เพิกเฉยต่อความสนใจของพวกตัวเมียที่มาคอยรุมล้อม

ผลลัพธ์ก็คือ พวกออร์คโกรธเขายิ่งกว่าเดิม

“ชวิกก! ข้าไม่ชอบพวกตัวเมียนั่นเลย  พวกเจ้าพาพวกมันไปที ชวิกก!”
หลังจากวีดพูดออกมาแบบนั้น   พวกออร์คตัวเมียยิ่งขุ่นเคืองขึ้นไปอีก

“ชวิก หลงตัวเองเกินไปแล้ว”
“เจ้าตัวอวดดี! ชวิชวิต!”
“ไล่มันออกไปจากหมู่บ้านเลย! ชวิกก!”
ออร์คในพื้นที่ต่างโกรธวีด   แม้ว่าจะมีออร์คหลายตัวในอาณาเขตนี้ไม่ชอบวีด  แต่ก็มีออร์คชาวบ้านบางตัวที่ยอมรับเขา
“คาริชวิ  ชนะการต่อสู้ชนชั้น ชวิต!  เขาสมควรได้รับความเคารพ ชวิกก!”
“ชวิชิชวิต  ยอดนักสู้!”
“ฉลาดหลักแหลม ชวิก!  ไม่ว่าจะอยู่ไหนเขาก็เอาตัวรอดได้”

.
.
.
วีดมักจะไปออกล่าและต่อสู้อยู่เสมอๆ
ทุกๆ เช้า ปาร์ตี้ออกล่าจะถูกจัดตั้งขึ้นตามคำสั่งของออร์คอาวุโสหัวหน้าหมู่บ้าน  เพื่อคุ้มครองความสงบสุขและพัฒนาหมู่บ้านยิ่งๆ ขึ้นไป  และแน่นอนในนั้นย่อมมีวีดอยู่ด้วย
.
.
“ชวิกก!”
ปาร์ตี้ออกล่าจะประกอบไปด้วยออร์คนักรบและออร์คธรรมดา  และโดยปกติพวกเขาจะต่อสู้กับมิโนทอร์ยักษ์! มอนสเตอร์เลเวลประมาณ 300

วีดกระชับดาบยักษ์ของตน
‘ค่าประสบการณ์เอ๋ยย ข้ามาแล้ว*!’

มิโนทอร์มีอาวุธเป็นขวานคู่สีแดงเลือด มันคล่องแคล่วว่องไว มีพละกำลังและมีค่าพลังชีวิตมากกว่ามอนสเตอร์ชนิดอื่นที่เลเวลพอๆ กัน นอกจากนั้นพวกมันมักจะอาศัยในสถานที่ที่ไม่ค่อยได้พบเห็นผู้เล่นเท่าไรนัก ดังนั้นจึงมีผู้เล่นเพียงน้อยนิดในเกมที่ล่ามันได้

แต่สำหรับวีดแล้ว  เขาชื่นชอบการต่อสู้กับมอนสเตอร์ทุกชนิด
ก็เหมือนพ่อค้าที่ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกๆคน  วีดนั้นยินดีที่จะได้เจอะเจอกับมอนสเตอร์ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรก็ตาม

แต้มค่าประสบการณ์ ----- พลังที่เพิ่มขึ้น!!
ไอเท็ม-----รายได้เพียวๆ !!
ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น  ผลตอบแทนย่อมเพิ่มขึ้น  และด้วยไอเท็มที่เก็บได้มา  รายได้ในอนาคตของเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
วีดนั้นกำลังตีมูลค่าและกำหนดแนวคิดด้วยวิธีการของตนเอง
.
.
.
“มู! เจ้าออร์คสกปรก!”
มิโนทอร์ไม่เกรงกลัวพวกออร์คสักนิดเดียว!
ออร์คชาวบ้านทั่วไปนั้นจะมีเลเวล 120 ส่วนออร์ควอริเออร์ เลเวล 210   ซึ่งพวกมันทั้งหมดกำลังหวาดกลัวความดุร้ายป่าเถื่อนที่แผ่ออกมาจากมิโนทอร์

“มู! ข้าจะฆ่าพวกแกให้หมด!”
มิโนทอร์เริ่มเพิ่มความเร็ว และพุ่งทะลวงเข้ามา พร้อมกับควงขวานยักษ์สองด้ามในมือ  ในสายตาของมันแล้ว  ออร์คตรงหน้าไม่ใช่ศัตรูที่คู่ควร

“ชวววิค!”
วีดกระโจนไปเบื้องหน้า  ร่างกายมหึมาของเขาลอยไปกว่า 10 เมตร และร่อนลงบนพื้นด้านขวาข้างๆ มิโนทอร์
“ชวิค!  ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง!”
หลังจากแปลงร่างเป็นออร์ค   ค่าปัญญาและความฉลาดของวีดถูกลดลง แต่ค่าความแข็งแกร่งและความคล่องแคล่วนั้นเพิ่มขึ้นสูงมาก   ดังนั้นเองเขาจึงเริ่มใช้วิธีการโจมตีธรรมดาๆ แทนการใช้ทักษะที่ต้องเสียมานาที่ตอนนี้มีอยู่เพียงน้อยนิด

“ชวววิค!
มิโนทอโจมตีด้วยขวานของมันราวกับไม่ต้องออกแรงอะไรมาก  แต่วีดก็เบี่ยงเบนมันด้วยดาบยักษ์ของเขา
เกิดเสียงดังก้องกังวานขึ้นเมื่ออาวุธทั้งสองปะทะกัน

วีดและมิโนทอร์ยืนประจันหน้ากัน
ดาบทั่วไปและดาบยักษ์ของวีดนั้นดูผิวเผินค่อนข้างใกล้เคียงกัน  แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ ดาบยักษ์นั้นจะมีใบดาบกว้างกว่าและหนักกว่ามาก  ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าวีดจะใช้มันได้ชินมือ  โดยทั่วไปแล้วดาบยักษ์จะค่อนข้างช้า  แต่เป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูง

กิ๊งงง!    เคร้ง!!
แต่ละครั้งที่ดาบยักษ์ปะทะกับขวานของมิโนทอร์  จะมีเสียงและประกายไฟแล่บออกมา ทุกคราที่การโจมตีถูกปัดกระดอนโดยดาบยักษ์ มิโนทอร์ก็จะถูกบีบบังคับให้ต้องก้าวถอย  ซึ่งนั่นทำให้มันเกรี้ยวกราดเดือดดาล

หากเป็นดาบยักษ์ขึ้นสนิมทั่วไปละก็  มันต้องแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ ไปนานแล้ว   แต่วีดซ่อมแซม, ลับคม และขัดเงา  จนดาบยักษ์เล่มนี้คมกริบ



ภาพความแข็งแกร่งทนทานของวีด เริ่มเสริมสร้างพละกำลังให้ออร์คในกลุ่ม
“ชวววิค!”
ในที่สุดมิโนทอร์ก็เริ่มจะตื่นกลัว
เหล่าออร์คเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วดุจคลื่นที่ถาโถมเข้าใส่  ออร์คนับร้อยตัวพร้อมดาบยักษ์คู่มือวิ่งเข้าใส่และเริ่มฟาดฟันมิโนทอร์
บางตัวตกตายเนื่องจากการโจมตีของมิโนทอร์  แต่ในทางกลับกันมันก็ได้รับบาดแผลจำนวนมากจากพวกนั้น


ก็เป็นไปดังที่เขาว่ากันว่าไว้ “ตัวเดียวหรือจะสู้ออร์คหมู่”
หากจะพูดให้ชัดเจนก็คือ วิธีการที่ทำให้เหล่าออร์คได้ชัยชนะจากการต่อสู้นั้น ก็คือการอาศัยความได้เปรียบด้านจำนวนนั่นเอง

และแล้วการออกล่าที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้น

ออร์คนับร้อยพร้อมกับดาบยักษ์คู่ใจออกไล่ล่ามอนสเตอร์ขนาดยักษ์  แม้ออร์คจำนวนหนึ่งจะตกตาย  แต่ออร์คที่เหลืออยู่ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ    เพราะตัวที่อยู่รอดได้ก็จะเลเวลอัพขึ้น   นั่นทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของปาร์ตี้ออร์คเพิ่มพูนขึ้นไปอีก

แม้เผ่าออร์คจะถูกคุกคามจากมอนสเตอร์อันตรายอยู่เสมอก็ตามที แต่พวกมันก็สามารถอยู่รอดมาได้  ซึ่งนั่นต้องขอบคุณในอัตราการเกิดที่ไม่ธรรมดาของพวกมัน

ออร์คบางตัวตกตาย  แต่ที่เหลือรอดจะแข็งแกร่งขึ้น  และพวกมันก็จะช่วยพัฒนาสมาชิกในเผ่าที่มาใหม่!

แม้วีดจะเข้าใจเรื่องนี้ดี  แต่เขาก็พยายามเต็มที่ไม่ให้เพื่อนออร์คของเขาต้องตาย  วีดซ่อมแซมอาวุธของพวกมัน  ตระเตรียมเสบียงอาหาร  และรักษาพวกมันเมื่อจำเป็น


การล่าครั้งใหญ่ยังดำเนินต่อไป!
เหล่าออร์คทึ่ม ออร์คโฉด จำนวนมาก ร่อนเร่ไปทั่วบริเวณ และเข่นฆ่าสังหารมอนสเตอร์ทุกตัวที่มันพบ
ออร์คไม่ได้มีเทคนิคพิเศษ หรือความลับอันใด  พวกมันแค่เอาชัยศัตรูโดยอาศัยจำนวนเข้าข่มเท่านั้น
ถ้าออร์คโหลนึงเอาไม่อยู่ละก็  ไม่นานอีกนับร้อยก็จะตามมา  และต่อให้ออร์คนับร้อยนี้ตกตาย ก็จะมีออร์คอีกนับไม่ถ้วนเข้าแทนที่

ในการต่อสู้ที่อันตราย  ออร์คหลายตัวเริ่มมาจับกลุ่มรวมตัวกันรอบๆ วีด
“ชวิชวิต   คาริชวิจอมทึ่ม  เจ้าเป็นผู้นำ”
“คาริชวิ  เจ้าง่ายๆ ดี  พวกเราสบายใจที่จะอยู่กับเจ้า  ชวิค!”

เพราะค่าปัญญาและความฉลาดที่ต่ำต้อยของวีด  ทำให้เหล่าออร์คเริ่มเห็นเขาเป็นพวกเดียวกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น  เนื่องจากวีดมีค่าความเป็นผู้นำและค่าเสน่ห์ที่สูง  พวกมันจึงต้องการให้เขาเป็นผู้นำพวกมัน

เขาพยักหน้าตอบรับคำชวน และเริ่มการล่า




แม้วีดจะได้รับอำนาจบังคับบัญชาพวกมันก็ตามที  แต่นั่นก็ทำให้การต่อสู้กลายเป็นงานที่ยากขึ้น  เนื่องจากการที่พวกมันเป็นปาร์ตี้ขนาดใหญ่   ตัวสุดท้ายที่สังหารมอนสเตอร์ได้จะได้รับค่าประสบการณ์ไปกว่าครึ่ง ส่วนค่าประสบการณ์ที่เหลือจะถูกแบ่งเกือบเท่าๆ กันให้สมาชิกตัวที่เหลือ  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ามีส่วนร่วมในการต่อสู้แค่ไหน    ซึ่งนั่นทำให้วีดต้องอดทนอดกลั้นความละโมบของตัวเองที่มีต่อแต้มค่าประสบการณ์นั้น

‘เราต้องทำตัวให้ฉลาดกว่าออร์คตะกละพวกนี้’
ถ้าวีดสนใจแต่จะเอาจำนวนค่าประสบการณ์เต็มๆ  เขาอาจเสี่ยงที่จะสูญเสียมิตรภาพกับพวกออร์ค  และในขณะเดียวกัน  ถ้าเขาเอาแต่อยู่เฉยๆ มันอาจจะนำเขาไปสู่ความตายได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นวีดจึงเข้าต่อสู้เท่าที่เป็นไปได้  เขาจะเริ่มจู่โจมเป็นคนแรก  และพยายามทำความเสียหายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
และถ้าออร์คที่กำลังตีมอนสเตอร์ตัวเดียวกันมีไม่เยอะ  เขาก็จะคอยเล็งลงดาบสุดท้าย
เป้าหมายหลักของแผนการที่วีดวางไว้ก็คือ พยายามให้มีการต่อสู้ให้มากที่สุด


ในวันแรกของเกม วีดมีเป้าหมายจะเพิ่มค่าสถานะต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจากนั้นเป้าหมายเดียวของเขาก็คือการเพิ่มเลเวล    ผลลัพธ์ก็คือ  การต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่เลเวลเท่ากันกลายเป็นงานง่ายไปเลย

ผลจากการพอกพูนทักษะและค่าสถานะอันหลากหลายนั้น  ทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้เล่นอื่นที่เลเวลเท่ากันเสียอีก!
และยิ่งเวลาผ่านไปเท่าใด  ความแตกต่างก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
‘ขยันในวันนี้  สบายในวันหน้า....’

วีดเห็นผู้เล่นจำนวนมากที่ไม่ใส่ใจกับค่าสถานะและระดับทักษะ  ซึ่งบางคนถึงขนาดที่เลเวลปาไป 250 แล้วแต่ทักษะด้านดาบยังลูกผีลูกคนอยู่เลย   ผู้เล่นเช่นนั้นเป็นประเภทที่เอาแต่เพิ่มเลเวลโดยไม่พัฒนาทักษะด้วยเหตุผลแค่ว่าการพัฒนาทักษะมันต้องใช้ความพยายามที่มากขึ้น
แต่สำหรับวีดแล้ว การพัฒนาทักษะต่างหากคือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก  

วีดพอใจมากที่เหล่าออร์คสามารถล่าเหยื่อได้เป็นจำนวนมาก
พื้นที่รอบบริเวณนี้ต่างเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่เข้าไปสู้กับพวกมัน  
ส่วนการพัฒนาทักษะค้าขาย กับความเชี่ยวชาญด้านประติมากรรมไว้นั้น ตอนนี้พักไว้ก่อน

และในที่สุด  เขาก็มาถึงเลเวล 295
***

ปาร์ตี้ของเพล กำลังเก็บเลเวลที่ทะเลสาบวิญญาณ(Soul Lake) อย่างเมามัน
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาคงไม่กล้าเหยียบย่างมาที่นี่  แต่หลังจากอัพเลเวลเพิ่มแล้ว พร้อมด้วยความช่วยเหลือจากพวก
ฮวารยอง เซฟเฟอร์ และเมลอน   พวกเขาจึงตัดสินใจลองเข้ามาดู
ที่นี่ พวกเขาต้องเจอกับมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายปลาและวิญญาณสายน้ำน่าสยองขวัญ!
.
.
.
หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดและยาวนาน  สมาชิกปาร์ตี้เกือบทั้งหมดก็ออกเกมไป  เหลือเพียงเพลกับเมลอนที่ยังอยู่จู๋จี๋กันริมทะเลสาบ
เพล ชอบการพูดคุยมาก
“แล้วก็นะ... จริงๆแล้ว......จากนั้นก็....”
เขาได้ค้นพบนางในฝันของเขาแล้ว
เพลอยากพูดคุย บอกเล่าชีวิตของเขา และการผจญภัยในรอยัลโรดที่ผ่านมาให้เธอฟัง  เพราะที่พวกเขาได้พบกันก็เพราะเกมนี้
เขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับนครลอยฟ้าลาเวียสให้เมลอนฟัง
“อะไรนะ?  จริงๆ เหรอเนี่ย?”
ดวงตาของเมลอนเป็นประกายระยิบระยับเมื่อได้ยินเรื่องราวของกลุ่มเพลตั้งแต่เริ่มเล่น, เควสแรกที่พวกเขาทำ และวิธีการที่พวกเขาค้นพบนครลอยฟ้า
“วีดเลือกมาเป็นอาชีพประติมากรได้ยังไงเหรอ?
“เท่าที่เค้ารู้....”

เพลเล่าเรื่องเกี่ยวกับวีดมากมาย  และเขายังแชร์ความลับที่ว่าวีดเป็นคนกำจัดพวกแวมป์ไพร์ในเขตเมืองโมราต้าให้เธอรู้ด้วย

***

คุณทำภารกิจ “เสบียงอาหารของเหล่าออร์ค” ได้สำเร็จ

     บริเวณโดยรอบนี้ มีมอนสเตอร์ดุร้ายจำนวนมากที่ออกล่าประชากรออร์คเป็นอาหาร
ออกไปจับพวกมันพร้อมกับปาร์ตี้ และนำเนื้อของพวกมันมาเลี้ยงดูเด็กๆ
ความยาก :  C
รางวัล : ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ทำได้ ---เครื่องสวมใส่, หินและแร่ล้ำค่า
เงื่อนไข : เฉพาะเผ่าออร์คเท่านั้น , หรือผู้ที่สามารถแปลงร่างเป็นออร์คได้ด้วยเวทมนต์หรือวิธีอื่นใด


ออร์คหัวหน้าเผ่าและออร์คอาวุโสนั้น สามารถให้ภารกิจได้  อย่างไรก็ตาม  หัวหน้าเผ่าอาศัยอยู่หมู่บ้านข้างเคียง ส่วนออร์คอาวุโสนั้นยากที่จะเข้าไปตีสนิทด้วย   แต่กระนั้นวีดก็ไม่ท้อ  และพยายามออกล่าและทำเควสไปเรื่อยๆ แม้เขาจะไม่ได้ไอเท็มดีๆ จากภารกิจ  แต่แร่และเครื่องปรุงที่ได้เป็นของรางวัลนั้น  ก็จัดได้ว่าเป็นของหายาก
นอกจากนี้ เขายังได้รับประสบการณ์ที่สำคัญจากการล่ามอนสเตอร์  ไม่เพียงแค่แต้มประสบการณ์ วีดยังได้รับความรู้และข้อมูลใหม่ๆ อีกด้วย
มอนสเตอร์เกือบทั้งหมดในเขตทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวังนั้นมีเลเวล 300 ขึ้นไป และมักจะมีทักษะพิเศษติดตัว ซึ่งนั่นทำให้การเผชิญหน้าครั้งแรกกับมอนสเตอร์พวกนี้ มีโอกาสทำสิ่งที่ผิดพลาดถึงตายได้ง่าย
การร่วมสู้กับพวกออร์คนี้  ทำให้วีดได้มีโอกาสต่อสู้กับมอนสเตอร์หลากหลายชนิด   ซึ่งบางครั้งก็ได้เจอกับดาร์คเอลฟ์ (Dark Elves) ด้วยซ้ำ   แม้พวกมันจะตัวเล็ก แต่ก็สามารถใช้เวทมนต์ธาตุได้ และนั่นทำให้มันกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ
แต่กระนั้น พวกมันก็ไม่อาจจะหยุดวีดได้  และทำให้เขายิ่งได้รับความเคารพนับถือจากพวกออร์คในหมู่บ้าน

และด้วยวิธีการนี้ทำให้วีดสามารถสำรวจบริเวณเทือกเขายุโรกิได้เกือบทั้งหมด

สิ่งที่ทำให้วีดเซอร์ไพรส์ก็คือ  ป้อมของพวกดาร์คเอลฟ์นั้น  ให้ความรู้สึกคุกคามพอๆ กับป้อมปราการแห่งเซราบอร์กของอาณาจักรโรเซนไฮม์เลยทีเดียว  และบวกกับอาวุธเวทมนต์ที่ติดตั้งบนกำแพงป้อมนั้น  ทำให้ป้อมปราการนี้เกือบจะไร้เทียมทานเลยทีเดียว
.
.
.
.
.
“พวกเราจะยึดมัน!  ทะลวงมันเข้าไป!   ไม่มีอะไรหยุดพวกเราได้ ชวิค!”
ออร์คอาวุโสมองที่วีดด้วยดวงตาที่อบอุ่น

วีดสามารถเก็บเอาเนื้อของพวกมอนสเตอร์นักล่าอันดุร้ายมาได้เกือบหมด และทำภารกิจได้สำเร็จ
ซึ่งรางวัลที่ได้คือ เขาได้รับหินแร่จำนวนมากพอที่จะหล่ออาวุธคุณภาพดีได้

ออร์คชราหลับตาลง
“ชวิก  เวลามองเจ้าแล้ว  ทำให้ข้านึกถึงตอนยังหนุ่ม”
“ขอบใจมาก ผู้อาวุโส  ชวิก!”  วีดตอบกลับด้วยความเคารพ

โดยปกติแล้ว  พวกออร์คจะพูดคุยกันหยาบๆ ห้วนๆ  ซึ่งวีดก็พยายามทำตามแบบพวกมัน  แต่กฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ  และนั่นก็คือกับออร์คอาวุโส  , ออร์คผู้ทรงอำนาจตัวแรกที่สนับสนุนเขา  มันช่วยวีดซื้อบ้าน  , ให้คำแนะนำ และแน่นอนมันยังมอบเควสต่างๆ ให้เขา

ออร์คที่มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งจนสามารถอยู่รอดมาได้ถึงวัยชราเท่านั้นจึงจะสามารถกลายเป็นออร์คอาวุโสได้  และถึงแม้มันจะเริ่มโรยราไม่แข็งแกร่งเช่นเดิม  แต่มันก็ยังสามารถคงไว้ซึ่งอิทธิพลและความรู้ แน่นั่นทำให้มันสามารถควบคุมออร์คกัปตันหนุ่มๆ ได้
“ชวิค! เอาล่ะ ข้าจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเทือกเขาของพวกเราให้เจ้าฟัง...”
ออร์คอาวุโส เล่าเรื่องราวน่าสนใจหลายอย่างในอดีตให้วีดฟัง  ทั้งเรื่องบริเวณเทือกเขายุโรกิ  , เรื่องของมอนสเตอร์ชนิดต่างๆ , ความสามารถ, ทักษะ และกระทั่งสถานที่ที่พวกมันอยู่!

บางครั้งคำพูดของออร์คอาวุโสก็เรื่อยเฉื่อยลากยาว จนทำให้วีดรู้สึกอยากหาวนอน  แต่วีดก็ตั้งใจฟังเรื่องราวทั้งหมด โดยเฉพาะเวลาที่มันพูดถึงข้อมูลสำคัญๆ และเรื่องบางเรื่องที่มันเล่าออกมานั้นน่าเหลือเชื่อมาก

วีดเก็บเกี่ยวข้อมูลใหม่ๆ อย่างกระตือรือร้น
“ดาร์คเอลฟ์นั้นเป็นศัตรูของพวกเรา     ซึ่งไม่นานมานี้พวกมันเรื่องทำเรื่องประหลาดๆ ชวิตต!”
“แปลกยังไงเหรอ? ชวิชิค!”
ออร์คอาวุโสเบ้หน้าอย่างไม่พอใจ
“ชวิคค! คาริชวิ เจ้าก็รู้ว่าพวกมันสร้างป้อม ยังกับมนุษย์”
“ชวิชวิต  แล้วมันทำไมรึ?”
“กำแพงป้อมนั้นสูงและหนาแน่นมาก ชวิค!  ทำให้พวกมอนสเตอร์ไม่สามารถเข้าใกล้พวกดาร์คเอลฟ์ได้ และทำให้พวกมันหันมาโจมตีพวกเราแทน ชวิก!”

ออร์คอาวุโสรู้สึกไม่ดีกับสถานการณ์ในตอนนี้  พวกมอนสเตอร์ เข้ามาป้วนเปี้ยนบริเวณชายหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ และพวกมันก็เริ่มอันตรายขึ้นทุกวัน
ตรงกันข้าม  สำหรับวีดนั้น  เขากลับเห็นว่าเป็นข่าวดี  ยิ่งมอนสเตอร์มากขึ้นเท่าไร  ยิ่งหมายความว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด  และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ แต้มค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น!

“ชวิชวิค! และหมู่บ้านของพวกเราก็ไม่มีป้อมใหญ่ๆ แบบนั้น  ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจจะจู่โจมพวกดาร์กเอลฟ์
มีออร์คหัวหน้าเผ่า 25  ตัวจากดินแดนข้างเคียงเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ชวิค!  พวกเราพร้อมแล้ว  และเมื่อท้องฟ้าสว่าง—ท้องฟ้ามืดครบ 10 ครั้ง  พวกเราจะจู่โจมป้อมปราการดาร์กเอลฟ์   คาริชวิ  เจ้าก็ไปกับพวกเราสิ!”

ติ๊ง!

ภารกิจใหม่ : ความรุ่งโรจน์ของเผ่าออร์ค
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว บริเวณเทือกเขายุโรกินั้นถูกปกครองโดยเผ่าออร์ค  แต่ตอนนี้เหล่าดาร์คเอลฟ์ตัดสินใจท้าท้ายพวกมัน
ด้วยอำนาจแห่งเวทมนต์ , คมธนู และการเป็นพันธมิตรกับเผ่าพันธุ์แห่งความมืด  เหล่าดาร์คเอลฟ์จึงกลายมาเป็นภัยคุกคามอนาคตของเผ่าพันธุ์ออร์ค
ความยาก : ภารกิจแห่งเผ่าพันธุ์
รางวัล : ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ – หินและแร่ล้ำค่า
เงื่อนไข : เฉพาะเผ่าออร์คเท่านั้น , หรือผู้ที่สามารถแปลงร่างเป็นออร์คได้ด้วยเวทมนต์หรือวิธีอื่นใด

สงครามระหว่างออร์คกับดาร์คเอลฟ์!
มันจะตัดสินว่า ใครคือผู้ปกครองทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวังนี้

เควสที่ปรากฏขึ้นนั้นทำให้วีดที่กำลังพอใจกับการล่ามอนสเตอร์รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
‘กำลังเก็บเลเวล เก็บไอเท็มดีๆ อยู่เลย...’

ในเร็วๆนี้ เขตแดนเทือกเขายุโรกิจะกลายเป็นสมรภูมิการต่อสู้ครั้งสุดท้าย  
แม้ภายในใจวีดจะขุ่นเคืองอยู่บ้าง  แต่เปลือกนอกเขาก็ทำเป็นใจเย็น เพื่อหวังจะได้ผลประโยชน์จากออร์คอาวุโส

เมื่อเห็นดังนั้น  ออร์คชราก็กล่าวต่อไป
“คาริชวิ!   ถ้าเจ้าเป็นออร์คผู้ห้าวหาญละก็  ชวิชวิชวิค!  เจ้าควรจะเข้าร่วมศึกครั้งนี้!”

คุณจะรับภารกิจหรือไม่?  ถ้าปฏิเสธ อาจจะถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านออร์ค

“แน่นอน ชวิค!  ข้าจะสู้กับเจ้าพวกเอลฟ์ดำบัดซบนั่น”

คุณรับภารกิจ


.
.
.
ก่อนที่สงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์จะเริ่มต้นขึ้น  วีดหยุดทักษะประติมากรรมจำแลง และลงจากเขามา
เขาถูกคาดหวังจากนักรบและพรีสแห่งเฟรย่า
“หัวหน้ากลับมาแล้ว!” โฮสแรมร้องตะโกนด้วยความยินดี
“อืม พวกเจ้าเป็นไงกันบ้าง  หิวรึยัง?”
“นิดหน่อยครับผม”  บูเรนตอบกลับ

วีดนั้นมักจะเก็บรวมรวบ หรือซื้ออาหารจากออร์คในหมู่บ้านมาเป็นประจำ และนำมาแจกจ่ายให้เหล่าทหารผู้หิวโหย
‘เฮ้อ...พวกนี้ยังกะปลิง’
ที่เขาทำเช่นนี้นั้นไม่ใช่เพราะมีความรู้สึกว่าเป็นพ่อแม่ที่ต้องหาอาหารมาให้ “ลูก” ของตนเองแต่อย่างใด
เขาแค่อยากจะใช้จ่ายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้กับทหารขี้เกียจพวกนี้  ซึ่งเขาเรียกพวกนี้ในใจว่า ‘หมู’
‘พวกนี้เอาแต่กินแล้วก็นอน  ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเล้ย!’


แต่วีดก็แสร้งยิ้มอย่างเป็นมิตรต่อไป
“โอเค เดี๋ยวผมจะทำอาหารให้พวกคุณกิน  เพิ่งได้เนื้อหมูป่ามาพอดี เหลือแค่เอาไปปรุงก็เสร็จแล้ว”

ตลอดทางที่เขาสำรวจเทือกเขายุโรกิ วีดไม่ได้ล่ามอนสเตอร์เพียงอย่างเดียว  แต่ยังล่าพวกสัตว์ทั่วไปด้วย
ในตอนท้ายๆ ของการสำรวจ   วีดล่าหมูป่ามาได้ครอบครัวหนึ่ง

“ว้าว! ขอบคุณสุดๆ เลยครับหัวหน้า!”   ทันทีที่เห็นเนื้อ  ดวงตาของทหารที่อยู่รอบๆ ก็ลุกวาวเป็นประกาย

ด้วยเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสหลายชนิด วีดสามารถปรุงอาหารออกมาได้อย่างเพอร์เฟ็คท์ นอกจากนั้นเขายังหยิบเหล้าบางส่วนออกมาจากสต็อกด้วย   นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหยิบมันออกมานับแต่เมื่อครั้งจัดปาร์ตี้ดื่มเหล้ากับพวกนักดาบเมื่อนานมาแล้ว

“กินดื่มกันให้เต็มที่ไปเลย”
“ขอบคุณครับผม    อร่อยยอ่ะ!”
เหล่านักรบดื่มกินมื้ออาหารแสนอร่อยด้วยความพอใจ   แต่พวกอัศวินนั้นกินไปวิจารณ์ไป

“โอ้ ข้าไม่ได้กินเนื้อมานานพอดู”
“ที่วังเขามีเสิร์ฟให้กินทุกวันเลยนะ”
“อาหารนี่อร่อยใช้ได้”
“อืมม กระเทียมกับหอมใหญ่มากไปหน่อยนะ”

ในขณะที่พวกทหาร อัศวินและพรีสกำลังรับประทานอาหาร   วีดก็จัดแจงดูแลอุปกรณ์สวมใส่ของพวกนั้น
“ซ่อมแซมชุดเกราะ , ฝนดาบ , รีดผ้าเรียบ!”

เขาค่อยๆ ตรวจสอบอุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมด และดำเนินการเสร็จสิ้นก่อนมื้ออาหารจะจบลง
“ทุกคน  เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้!”  วีดร้องบอกเหล่าทหาร
“รับทราบ!”  เหล่าทหารตะโกนตอบ
“การต่อสู้งั้นรึ?  หึ พวกเราจะเตรียมตัวละกัน”  อัศวินตอบกลับ


เหล่าพรีสนั้น ร่ายพรใส่ให้พวกทหาร ส่วนพวกอัศวินนั้นได้รับเอฟเฟ็คมากขึ้นไปอีกจากบทสวดของตัวเอง

วีดร้องตะโกน
“จงออกมา เดธไนท์!”
“เรียกข้างั้นหรือ นายท่าน?”

วีดพยักหน้าตอบ
หลังจากถอนหายใจอย่างหนักหน่วง  วีดก็ถอดเครื่องรางแห่งชีวิตสีชาดออก และหยิบเอาเครื่องรางแห่งชีวิตสีนิลจากในกระเป๋ามาสวมใส่   , ผนึกที่แวมไพร์โทริถูกขังอยู่
“ฟู่.....”
วีดไม่ค่อยแน่ใจนักที่จะเรียกใช้งานเครื่องรางนี้   ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในพวกอัศวินกับพรีส  แต่เพราะการต่อสู้ข้างหน้านี้ชีวิตของทุกคนอาจจะถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“ข้าขอเรียกเจ้า เจ้าแห่งแวมไพร์!”
ทันทีที่วีดร้องตะโกน  ก็มีแสงสีแดงสดส่องสะท้อนตรงใจกลางของหินสีดำ  ราวกับว่าเป็นหยดเลือดของใครบางคนและจากนั้นท่ามกลางความมืดที่เข้าปกคลุม  ก็มีใครบางคนโผล่ออกมา , ชายสูงโปร่ง ผิวซีดเผือดรูปร่างเพรียวบางในชุดเสื้อคลุม
แวมไพร์ลอร์ด  โทริ  ยิ้มขึ้น
“โอ้ นานเหลือเกินที่ข้าไม่ได้เห็นโลกที่สวยงามใบนี้   นี่คือแสงอาทิตย์เช่นนั้นรึ?”
เขี้ยวของแวมไพร์งอกขึ้นอย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีแดงเลือดของมันจ้องมองไปที่มนุษย์ซึ่งรวมกลุ่มอยู่เบื้องหน้า
โทริ แผ่พลังอำนาจของมันออกมา จนทำให้พวกทหารรู้สึกสั่นกลัว
แวมไพรที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จากเมฆสีดำทมึนที่ปิดกั้นดวงอาทิตย์ และบริเวณนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกอันเย็นยะเยือก

วีดสบสายตากับเดธไนท์  และหันไปมองแวมไพร์ลอร์ด
ครั้งนี้ เขาไม่อาจยอมพ่ายแพ้ได้เหมือนเช่นครั้งก่อน

โทรินั้นมีทักษะที่เยี่ยมยอดหลายทักษะ ไม่ว่าจะเป็นทำให้ศัตรูกลายเป็นหิน  แปลงร่างเป็นค้างคาวและเคลื่อนที่อย่างว่องไว  แต่อันที่น่ากลัวที่สุดก็คือทักษะดูดเลือดของมัน
เมื่อได้ดูดเลือดของเหยื่อ  โทริสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาได้เรื่อยตราบเท่าที่มันต้องการ  ดังนั้นพวกเขาต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

‘เรากับเดธไนท์แข็งแกร่งขึ้นเยอะแล้ว   สิ่งที่เราต้องทำคือช่วยกันทำให้มันอ่อนแรงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอาศัยเวทมนต์ของพรีสปิดฉากมัน   ต่อให้มันเป็นแวมป์ไพร์ที่แข็งแกร่งแค่ไหน  ก็คงรับมือพวกเราไม่ได้หรอก...’

ใช่แล้ว, แม้พวกวีดจะกำลังเผชิญหน้ากับ คู่ต่อสู้ที่ยากจะจัดการ, มอนสเตอร์เลเวล 400   แต่พวกเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน พวกเขามีดาบที่ถูกลับจนคม, เกราะที่ขัดมันอย่างดี อีกทั้งยังมีพลังเสริมจากอาหารและพรศักสิทธิ์
ยิ่งไปกว่านั้น  ตอนนี้เป็นช่วงเวลากลางวัน และอยู่นอกดั้นเจี้ยน!

สิ่งที่ทำให้การต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับบอสนั้นยาก ก็เพราะพลังของพวกมันจะเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่งหากอยู่ในรังของตนนั่นเอง
.
.
พาลาดีน 300 คน  กับพรีสอีก 100 ร้อย
การต่อสู้ครั้งก่อน โทริฆ่าวอร์ริเออร์ไปเกือบหมด แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน ดังนั้นมันจึงยากที่จะปลดปล่อยพลังได้เต็มที่  แม้ว่ามันจะเรียกเมฆมาปกคลุมท้องฟ้าก็ตามที   แต่ทักษะส่วนหนึ่งของมันจะเพิ่มก็ต่อเมื่อเป็นเวลากลางคืนเท่านั้น

และวีดยังเตรียมไม้ตายไว้กันเหนียวอีกอย่างหนึ่งคือ  ทักษะประติมากรรมวินาศ
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจอัญเชิญโทริไม่ตรงบริเวณไม่ไกลจากรูปสลักทหารรับจ้าง
‘จริงๆ เราก็ไม่อยากจะใช้ทักษะนั้นเท่าไหร่...’

แต่โทริกลับไม่ขยับเขยื้อน    มันยังคงยืนอยู่กับที่
“โอ้ววว!”
แวมไพร์ลอร์ดสังเกตเห็นรูปสลักของซอยุนในชุดทหารรับจ้าง
“บ...บะ...บิ้วตี้ฟูล!!  นี่เป็นรูปสลักจริงหรือนี่!?  ต่อให้หญิงสาวที่สวยที่สุดในโลกถูกทำให้กลายเป็นหินก็ยังไม่อาจเทียบเคียงได้กับรูปสลักนี้”
“......”

แวมไพร์ผู้โหดร้ายตกหลุมรักซอยุนเข้าเสียแล้ว
“ศิลปะ! ศิลปะ! ศิลปะ!  พลังของมันทำให้ชีวิตอมตะอันน่าเบื่อของข้านี้ เต็มเปลี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง  เด็กน้อยแห่งรัตติกาลนั้นชื่นชอบศิลปะ  มันเป็นเพราะความน่าหลงใหลนี้เองที่ทำให้ข้าอาศัยอยู่แต่ในปราสาทเก่าๆ   ศิลปะของทั้งโลกเป็นของข้า! เจ้าไม่อาจนำมันไปจากข้าได้   ข้าลอร์ดโทริ   ทายาทแห่งสายเลือดบริสุทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่จะลงทัณฑ์พวกแกเอง  เจ้ามนุษย์กระจ้อยร้อย”

ในที่สุด  การต่อสู้กับแวมไพร์ลอร์ดก็เริ่มต้นขึ้น!
วีดและเดธไนท์ต่างพุ่งเข้าใส่โทริ
“พรศักดิ์สิทธิ์! , เคล็ดมีดสลัก!”
วีดใช้งานทักษะจากแหวนไฮพรีสในทันที

วีดเลิกทักษะแปลงร่างเป็นออร์คก่อนมาที่ค่ายพัก  ดังนั้นเขาจึงมีมานาเพียงพอจะใช้งานทุกทักษะแล้ว

โดยปกติวีดจะเข้าไปโจมตีมอนสเตอร์อย่างแข็งขัน  พยายามสร้างบาดแผลจำนวนมากให้มัน  แต่ตอนนี้วีดทำในสิ่งที่แตกต่าง  เขารวบรวมพลังทั้งหมดสำหรับการโจมตีอันรุนแรงเพียงครั้งเดียว!
แม้จะดูง่ายดาย แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นวิธีการที่อันตรายมาก
มันคือการเดิมพันทุกสิ่งกับการโจมตีเพียงครั้งเดียว  ซึ่งเขาอาจจะพลาดเสียจังหวะและเปิดช่องโหว่ให้โดนสวนกลับได้
แต่วีดก็ตัดสินใจทำมัน


“ดาบจักรพรรดิ!”
ท่าที่รุนแรงที่สุดของเขา   วีดใช้มานาทั้งหมดไปกับการโจมตีครั้งนี้

คมดาบเยียบเย็นทะลวงผ่านอกลอร์ดโทริ   บริเวณรอบๆบาดแผลเริ่มแข็งตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากเอฟเฟ็คท์ของดาบเล่มนี้  แม้ดาบเล่มใหม่นี้จะไม่มีทักษะอำนวยพรเหมือนกับเล่มเก่า  แต่พลังโจมตีของมันสูงล้ำและยังแช่แข็งเหยื่ออีกด้วย

ถ้าเป็นมอนสเตอร์อ่อนแอทั่วไปก็คงจะแข็งตายไป  และต่อให้มันรอดมาได้  ความว่องไวของมันก็จะลดลงมาก
การโจมตีครั้งนี้ทำให้พลังชีวิตแวมป์ไพร์โทริลดลงถึง 30% และขณะที่มันเริ่มจะฟื้นฟู  ก็มีการโจมตีอื่นตามมา
“คมดาบมฤตยู!”
คมดาบของเดธไนท์แทงใส่สีข้างของโทริ  และในเวลาเดียวกัน  วีดดึงดาบของเขาออกและกระโดดถอยไป
“อ๊ากกกก!  ข้าจะดูดเลือดเจ้าจนแห้งเหือด!”
แวมป์ไพร์ลอร์ดโกรธแค้นมาก   จนดวงตาของมันยิ่งกลายเป็นสีเลือดเข้าไปอีก
“คมมีดวายุ!”
เลือดของโทริหยดไหลไปพร้อมพายุที่กำลังพัดรุนแรงราวกับคมมีดที่กระจายไปทุกทิศทุกทาง  แต่วีดเตรียมตัวรับมือไว้แล้ว
พวกทหารถอยไปหลบอยู่ในระยะปลอดภัยเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ก่อนการต่อสู้จะเริ่มต้น  และการโจมตีนี้ของโทริไปไม่ถึงพวกเขาด้วยซ้ำ  ในขณะที่วีดกับเดธไนท์พุ่งเข้าไปตรงกลางของพายุ      ตาพายุคือสถานที่ที่มักจะปลอดภัยที่สุด!

เมื่อหลบเวทบทนี้ได้สำเร็จ  พวกเขาก็เริ่มต้นโจมตีโทริอีกครั้ง  
วีดกับเดธไนท์ล้อมกรอบโทริพร้อมกับใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตน  จนพลังชีวิตของแวมป์ไพร์โทริลดลงอย่างรวดเร็ว

พวกพรีสก็ไม่ได้พักเช่นกัน   ในทันทีที่คมพายุหยุดลง   พรีสทั้งหมดก็ยกมือขึ้นและร่ายเวททันที

“หัตถ์แห่งการรักษา!”
ร่างของแวมไพร์ลอร์ดถูกล้อมรอบไปด้วยแสงสว่าง
โดยปกติแล้ว  คนธรรมดาจะถูกรักษาได้ด้วยเวทศักดิ์สิทธิ์  แต่สำหรับสายพันธุ์อันเดธ เช่นพวกแวมไพร์นั้น จะได้รับผลลัพธ์ตรงกันข้าม

เพียงแค่นาทีแรกของการต่อสู้  พลังชีวิตของโทริก็ลดลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว  และมันก็ถูกบังคับให้ใช้ทักษะไม้ตายของมัน
ทักษะดูดเลือด!

มันไม่สามารถดูดเลือดเดธไนท์ได้  ดังนั้นมันจึงเล็งไปที่วีดที่กำลังโยกไปรอบๆ  แต่ไม่ว่าคราใดที่โทริพยายามจะเอื้อมจับวีด    วีดก็สามารถหลุดรอดไปจากนิ้วของมันได้

เหล่าพรีสคอยใช้เวทของตนไปเรื่อยๆ และสถานการณ์ของโทริก็แย่ลงไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว
“ข้า.....ต้องการเหยื่อ.......อา..กระหายเหลือเกินน....เลือดดด  พลังชีวิต!!”
โทริตระหนักได้ว่าถ้ามันไม่รีบตัดสินใจทำอะไรบางอย่างละก็   ไม่นานชีวิตของมันคงต้องจบลงแน่
มันจึงพุ่งเข้าพวกอัศวินและทหารที่คอยปกป้องพวกพรีส

“อ๊า!”
พวกทหารที่กำลังหวาดแตกกระจายกันไปทุกทิศทุกทาง  แต่มีคนหนึ่งที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของโทริแล้ว  ดวงตาของทหารคนนี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“ละ...เลือด!”
โทริ ฝังเขี้ยวลงบนคอของเหยื่อ , ทหารผู้อาภัพ ,  แน่นอนว่าทหารคนเดียวไม่อาจเติมเต็มความกระหายของแวมป์ไพร์
ได้  แต่ก็ยังช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาได้บ้าง
แต่ในขณะที่มันดื่มเลือดนั้น  พวกพรีสก็ยังคงใช้เวทใส่มันอย่างต่อเนื่อง  ผลลัพธ์คือ นอกจากพลังชีวิตจะไม่เพิ่มขึ้นแล้วยังลดต่ำลงไปอีกเล็กน้อย   และในจังหวะนั้นวีดก็กระโดดมาข้างหลังโทริ  และจู่โจมครั้งสุดท้ายปิดฉากชีวิตของโทริ

ลอร์ดโทริระเบิดเป็นเถ้าถ่าน และปล่อยทหารที่กำลังหวาดกลัวตกลงบนพื้น    ซึ่งต้องขอบใจพวกพรีสที่ช่วยฮีลเขาตลอดเวลาจึงทำให้สามารถรอดมาได้แม้จะน่าหวาดกลัวไปบ้าง
.
.
หลังการต่อสู้ครั้งนั้น  วีดจะเริ่มอัญเชิญโทริทุกครั้งที่เขากลับมายังค่ายพัก  แม้เขาจะไม่ได้แต้มค่าประสบการณ์จากชัยชนะในการต่อสู้แบบนี้  แต่เขาก็ยังได้ฝึกฝนทักษะวิชาดาบสำหรับต่อสู้กับศัตรูที่เก่งๆ
มีเพียงผู้เดียวที่ไม่ค่อยมีความสุขกับการต่อสู้แบบนี้ นั่นคือเดธไนท์  เนื่องเพราะไม่นานมานี้มันก็ประสบชะตากรรมแบบเดียวกันมาก่อน  ซึ่งมันก็แอบเห็นใจโทริลับๆ

วีดอัญเชิญโทริมาสู้ทุกวันตลอดสัปดาห์  แต่ละครั้งๆ ที่ผ่านไป แวมไพร์โทริก็ยิ่งเศร้าสลดหดหู่ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมันก็ยอมก้มหัวให้
“ข้า,โทริ ผู้สืบสายเลือดในตระกูลที่มีชื่อ ยินยอมรับฟังคำสั่ง และยอมรับในพรสวรรค์ด้านศิลปะและความเป็นผู้นำของท่านแล้ว ท่านมีสิทธิเหนือข้าทุกประการ  และข้าขอยอมตนอยู่ภายใต้เงื้อมมือของท่าน”
และจากนั้นโทริก็มอบเลือด 1 หยด ให้แก่วีด  
โลหิตแวมไพร์!

ในขณะที่แวมไพรดูดเลือดเหยื่อนั้น  มันสามารถถ่ายเลือดของมันบางส่วนเพื่อเปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นทาสของมันได้
อย่างไรก็ตาม  ในตอนนี้ โทริเป็นฝ่ายหลังโลหิตเพื่อให้คำสัตย์สาบาน

สัตย์สาบานโลหิต

ไอเท็มพิเศษ : คุณได้รับโลหิตแวมไพร์

เมื่อใช้งาน  ค่ามานาเพิ่มขึ้น 300 หน่วย  โบนัสเพียงครั้งเดียวสำหรับอาชีพของคุณ
ค่าสถานะอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นและลดลงแบบสุ่ม
บารมี +20
เสน่ห์ +10
เวทแห่งความมืด +2%
ศรัทธา -50



ยูนิกไอเท็มที่สามารถเพิ่มค่ามานาได้นั้น หายากมากๆ ในเกมนี้
.
.
.
หลังจากนั้นเป็นต้นมา  วีดสามารถเรียกโทริได้ทุกเวลา  ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์มาก

ส่วนด้านของออร์คนั้น  ในที่สุดพวกมันก็เสร็จสิ้นการเตรียมความพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกดาร์คเอลฟ์แล้ว


เล่ม 5 ตอน 8 : จบ
*******************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: